Countdown
We've been
togerther for
ค้นหา
Latest topics
Most active topics
[OS] รูปถ่าย [ผิงเสีย]
2 posters
หน้า 1 จาก 1
[OS] รูปถ่าย [ผิงเสีย]
ฟิคสั้นก่อนหน้านี้
Short Fic :
- ที่รัก
- สาเหตุที่ผิงเสีย is real (1)
- สาเหตุที่ผิงเสีย is real (2)
- สาเหตุที่ผิงเสีย is real (3)
- สาเหตุที่ผิงเสีย is real (4)
- สาเหตุที่ผิงเสีย is real (5)
- สาเหตุที่ผิงเสีย is real (6)
- สาเหตุที่ผิงเสีย is real (7)
- ความโชคร้ายของนายอ้วนหวัง (1)
- ความโชคร้ายของนายอ้วนหวัง (2)
- ความหนักใจของนายอ้วน
- ความหนักใจของนายอ้วน (อีกแล้ว)
- อีกด้านที่ปาหน่าย
- ความเหมือนในความต่าง
- วันหนึ่งของอู๋เสีย
- Truth or Dare
FIC
-ครอบครัวของผม The Series (1)
#dmbjdaily
หัวข้อ Ride : The Bittersweet Moment
หัวข้อ Sexy : The Most Sexiest Person
หัวข้อ แป้ง : Happy Birthday
หัวข้อ Help : สิ่งที่อยากให้ช่วย
หัวข้อ Free : My Time
หัวข้อ Tissue : Can you remember me?
หัวข้อ Pink : Story About Pink
หัวข้อ Pink : Story About Pink (Again)
หัวข้อ Blue : Blue Hood
หัวข้อ Blue : When I'm Feeling Blue
หัวข้อ Red : ด้ายแดง
หัวข้อ สลับเพศ : ความคิดไร้สาระ
หัวข้อ Sleeping beauty : How to Help Menyouping?
หัวข้อ Kiss Day : ว่าด้วยเรื่องจูบ
หัวข้อ Luck : Good Luck or Bad Luck?
หัวข้อ Scent : https://dmbjth.thai-forum.net/t1677-topic#12628
[OS] รูปถ่าย [ผิงเสีย]
By: ซุปผัก
*เป็นตอนต่อของอีกด้านที่ปาหน่ายกับวันหนึ่งของอู๋เสียค่ะ*
มันเป็นวันหยุดวันหนึ่ง
ผมนั่งสูบบุหรี่อยู่ที่ระเบียง นานๆ ทีจะได้มีวันหยุด ไม่ใช่หยุดธรรมดา แต่หยุดจากเรื่องวุ่นวายน่ารำคาญที่พวกลูกน้องชอบไปก่อเอาไว้ เฮ้อ ไม่อยากยอมรับเท่าไรแต่ก็ต้องบอกว่าอายุผมก็ไม่ใช่น้อยๆ แล้วจะให้ไปลงมือทำอะไรหนักๆ มากก็ไม่ได้ ดังนั้นวันนี้จึงเป็นวันที่ผมโหยหามานาน
“เทียนเจิน!”
ห่าเอ๊ย! วันหยุดพักผ่อนกำลังจะโดนทำลายอีกแล้ว ผมเลยแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน
“เทียนเจินเสี่ยอ้วนรู้นะว่านายอยู่ อย่าแกล้งทำเป็นหลับตาพริ้ม สูบบุหรี่ แล้วคิดว่าเสี่ยไม่มีตัวตนเป็นภาพลวงตา”
ทำไมนายอ้วนถึงได้น่ากลัวอย่างนี้นะ เดี๋ยวนี้ได้รับพลังหยั่งรู้จากการไปคว่ำกรวยหรือไงกัน
“รีบมาเปิดได้แล้วไม่งั้นฉันพังเข้าไปนะ” นายอ้วนยังไม่หยุดตะโกน
“เออๆ ” สุดท้ายก็ต้องลุก ผมไม่อยากให้ประตูบ้านเป็นอะไรซะก่อน เพิ่งจะสั่งช่างมาทำใหม่ด้วย
นายอ้วนที่อยู่หน้าประตูยิ้มแฉ่งยังกับคนบ้า ในมือมีของฝากจำนวนมาก เขาเดินเข้ามาในบ้านแบบไม่ต้องขออนุญาตอีกแล้ว
“ความจริงนายน่าจะปั๊มกุญแจบ้านให้ฉันเลยนะ จะได้ไม่ต้องลำบากมาเปิด” แขกผู้มาเยือนกะทันหันวางถุงของฝากลงบนโต๊ะ
“จะดีกว่าไหมถ้านายไม่ลำบากมาซะเลย”
“ห่า”
ผมหัวเราะ
“เทียนเจินไม่สำนึกบุญคุณซะเลย ตอนเสี่ยวเกอไม่อยู่ใครกันที่คอยปลอบน่ะ”
ทำไมมีอีกชื่อโผล่ขึ้นมาได้นะ
“ฉันไม่ให้นายหรอกเกิดเข้ามาขโมยของในบ้านฉันไปขายกับฆ่าฉันทิ้งจะทำยังไง”
นายอ้วนเบ้ปาก “เป็นเพื่อนกันมานานแค่หยิบของนิดๆ หน่อยๆ ต้องถือสาด้วย”
ถือสิ แต่ความจริงเขาจะเอาไปผมก็ไม่ว่าหรอกแค่บอกกันก่อน
“แล้วก็ฉันฆ่านายเนี่ยนะ เสี่ยอ้วนคงโดนบอดี้การ์ดเถ้าแก่สามจับหักคอก่อนน่ะสิ” ผมหัวเราะเสียงดัง “ว่าแต่บอดี้การ์ดไปไหนซะล่ะ”
“คว่ำกรวย” ผมตอบ “แต่จะกลับมาคืนนี้แหละ นายมาได้ถูกจังหวะพอดี”
“พูดถึงจังหวะ เสี่ยคิดว่าดีแล้วล่ะที่ไม่มีกุญแจสำรองเกิดเข้ามาแล้วเห็นคุณและคุณนายจางทำอะไรกันอยู่คงจะไม่งาม”
“เชี่ยอ้วน! ใครคุณนายจางวะ” ผมไม่รู้ตัวหรอกว่าหน้ากำลังแดง
คนแซวหัวเราะชอบใจ บอกว่าแก่ปูนนี้แล้วยังจะอายอีก ทำตัวเป็นเทียนเจินไม่เปลี่ยนแปลง ก็ได้ ถึงทางพฤตินัยผมจะมีสภาพเป็นคุณนายจาง (ยอมรับก็ได้) แต่ถ้าใครบังอาจล้อเลียนล่ะก็รับรองได้ว่าคนคนนั้นจะหายไปจากตรงหน้าผมถาวรแน่ เห็นแก่ความเป็นเพื่อนยาวนานและที่เขาคอยช่วยผม จะยอมปล่อยไปละกัน
“มาๆ เสี่ยอ้วนจะรอคุณจางเป็นเพื่อนคุณนายจางนะ”
ชักเสียใจที่จะละเว้นเขาแล้วสิ
“ฉันว่าจะถามนานแล้ว ทำไมในบ้านนายถึงไม่มีรูปเสี่ยวเกอเลย” นายอ้วนจิบชาพลางมองไปรอบบ้าน
“เขายอมถ่ายรูปที่ไหนล่ะ ฉันเคยชวนครั้งหนึ่งแล้วก็ปฏิเสธฉันด้วยการทำเป็นไม่ได้ยิน” จำได้ว่าตอนนั้นโมโหมากเลยไม่สนใจไปครึ่งวัน แต่หลังจากที่เมินโหยวผิงเข้ามาคุย (เรื่องอื่น) ด้วยก็ลืมตัวคุยกับเขาไป จากนั้นก็ไม่ได้พูดเรื่องรูปถ่ายอีก
“อย่าว่าฉันยังงั้นยังงี้เลยนะแต่พอดูแบบนี้แล้ว…เหมือนเสี่ยวเกอไม่ได้อยู่ในบ้านนายเลย”
ผมกำลังยกกาน้ำชาเพื่อเติมชะงัก
“เหมือนเขาไม่มีตัวตน”
ผมมองหน้านายอ้วน “ฉันเองก็คิดเหมือนนาย” จะว่าไปเรื่องนี้ก็เคยกวนใจผมไม่น้อย แต่ทุกกครั้งที่เขาอยู่ใกล้ผมก็เลยไม่รู้สึกอีกแต่ตอนนี้เขาไม่อยู่บ้านนี้ผมเลยรู้สึกตัวว่าหลักฐานว่าเขาอยู่ในบ้านหลังนี้ช่างน้อยนัก
ข้าวของของเมินโหยวผิงมีแทบนับชิ้นและเมื่อเขาลงกรวยครั้งหนึ่งของเหล่านั้นก็มักจะถูกเอาไปด้วย ทำให้แทบไม่เหลือสิ่งใดที่เป็นหลักฐานอย่างนายอ้วนว่า
“ เฮ้ๆ ฉันไม่ได้ตั้งใจทำให้นายรู้สึกแย่…”
ผมรีบขัดเขาว่าผมไม่เป็นอะไร
“ฉันก็คิดเหมือนนาย” ผมยืนยัน จากนั้นผมก็นึกบางอย่างออก รีบวิ่งไปอีกห้อง จำได้ว่าเคยมีของอย่างนั้นอยู่นะ ผมเมินเสียงถามของนายอ้วน คุ้ยหาของในตู้เสื้อผ้า ลิ้นชักต่างๆ ในที่สุดผมก็เจอจนได้ เป็นสมุดบันทึกเล่มหนึ่ง นี่คือสมุดของเมินโหยวผิง เขาทิ้งเอาไว้ก่อนที่จะจากไปอยู่หลังประตูสำริด ผมเปิดออก รูปถ่ายหนึ่งใบในนั้นยังอยู่แม้จะสีซีดไปตามกาลเวลาบ้าง
รูปที่เมินโหยวผิงถ่ายที่ปาหน่ายเมื่อสิบปีก่อน
“ โอ้ รูปนี้มันรูปเมื่อตอนนั้นนี่” นายอ้วนยืดคอ (ที่มีน้อยนิด) เพื่อดูรูปในมือผม “เสี่ยวเกอแม่งหน้าอ่อนไม่เปลี่ยนแปลง อิจฉาจริงๆ ”
“นั่นไม่ใช่ประเด็น” ผมตัดบท เดินกลับไปที่ห้องรับรอง หยิบกรอบรูปอันหนึ่งบนชั้นวาง แกะแล้วเอารูปของเมินโหยวผิงยัดเข้าไปแทน “นายว่าไง”
“คนก็หล่อ วิวก็สวย ดูแล้วยังกับรูปถ่ายของนิตยสารแฟชั่นราคาแพง” นายอ้วนวิจารณ์
“ใช่ที่ไหนเล่า” ไม่ปฏิเสธเรื่องที่นายอ้วนบอกแต่ไม่ใช่สิ่งที่ให้อยากดู
“ อืมมม ก็ดีนะ แต่…เหมือนบรรยากาศของรูปไม่เข้ากับที่แห่งนี้” ไม่เข้ากับบ้านหลังนี้ “ เสี่ยวเกอดูโดดเดี่ยว”
ผมไม่เถียง เห็นด้วยกับเขาทุกถ้อยคำ นิ่งคิดหลายนาทีผมก็ตัดสินใจ
“ไปกันเถอะ”
“ไปไหน” นายอ้วนตกใจ
“ร้านถ่ายรูป” ผมตอบ
ผมคิดว่าผมเข้าใจความประหลาดใจบนสีหน้าของเมินโหยวผิงได้นะ
“พวกนายทำอะไรกัน” เขาถามพวกผม
“นายเห็นว่าอะไรล่ะ ก็ถ่ายรูปน่ะสิ” ผมตอบ เบื้องหน้ามีกล้องกับขาตั้ง ส่วนนายอ้วนยืนด้านหลังเขาโคตรบ้าที่ต้องไปเช่าสูทมมาเพื่อถ่ายรูปนี้
“ขอผ่าน” เมินโหยวผิงว่าเสียงเรียบ เดินผ่านพวกผมเข้าบ้านไป
“คุณนายจางตามเคลียร์เร็ว”
“ห่าอ้วน”
ไม่ต้องให้บอกหรอก
“นายเป็นอะไรไป” ผมตามเขาขึ้นมาที่ห้องนอนของเรา เห็นเมินโหยวผิงวางกระเป๋าใบโตนั่นบนพื้น ทำท่าจะรื้อของออกมา ผมรอให้เขาพูด
“ฉันไม่ชอบถ่ายรูป” เขาว่า น่าเสียดายแทนนิตยสารแฟชั่น ถ้าเขาชอบถ่ายรูปขึ้นมาเชื่อว่าแมวมองจำนวนมากต้องรีบมาติดต่อผม
“ทำไม”
“…”
ผมพยายามคิดหาวิธีโน้มน้าวเขา “ฉันอยากถ่ายรูปกับนาย แค่รูปเดียวเท่านั้น ทำเพื่อฉันได้ไหม”
คราวนี้เขามีสีหน้าลำบากใจ ดูตลกแต่ผมไม่กล้าหัวเราะ ลึกๆ แอบอยากยกกล้องขึ้นมาถ่ายรูปนี้ไว้ด้วย จะมีใครสังเกตไหมนะว่าเดี๋ยวนี้เขาดูจะห่วงเรื่องผมมากขึ้น ถ้าเป็นเมื่อก่อนน่ะเหรอ พอบอกว่าไม่คำเดียวก็เข้าสู่โหมดแข็งทื่อเป็นหินไม่ฟังใครอีกแล้ว อืมๆ มีการพัฒนาขึ้นบ้าง
“งั้นให้เหตุผลฉันก็ได้ ขอเหตุผลสักข้อที่ทำให้ฉันไม่อารมณ์เสียจากการเสียเงินซื้อกล้องกับขาตั้งมาเพื่อตั้งใจจะถ่ายรูปกับนายหน่อย” ผมเองก็ไม่ได้เทียนเจินแล้วนะ รู้ว่าวิธีการพูดแบบไหนจะใช้ได้ผลกับคนอย่างเมินโหยวผิง (ในเวลานี้)
“ฉัน…ไม่ชอบถ่ายรูป เหตุผลเดียวกับเรื่องส่องกระจกนั่นแหละ” เขาตอบจนได้
ผมเลิกคิ้ว เหตุผลส่องกระจกอะไร ก่อนที่ผมจะนึกออก เขาไม่ชอบส่องกระจกเพราะเรื่องที่เขาไม่รู้ว่าภาพที่สะท้อนกลับมาเป็นตัวเขาแน่หรือเปล่า
เมินโหยวผิงมองผมทิ้งตัวนั่งข้างเขา
“รูปถ่ายไม่ได้ทำให้นายสงสัยว่าตัวนายเป็นใคร เป็นนายจริงหรือเปล่า มันใช้ยืนยันว่านายมีตัวตนบนโลกนี้และบอกนายได้ว่านายทำอะไรมาบ้าง” ผมว่า “นายเคยถ่ายรูปกับพวกอาเหวิ่นจิน ทำให้ฉันรู้ว่านายเคยอยู่ในสมัยนั้น”
อีกฝ่ายยังนิ่ง
“แล้วยังยืนยันว่าพวกฉันมีตัวตนจริงๆ ”
เมินโหยวผิงขมวดคิ้วนิดๆ
“ถ้าวันหนึ่งโรคของนายกำเริบแล้วลืมฉัน ลืมนายอ้วน นายก็ยังมีรูปถ่ายที่ยืนยันว่าครั้งหนึ่งพวกฉันเคยมีตัวตนและเราเคยทำอะไรด้วยกันบ้าง”
เขายังเงียบ
“ว่าไง” ถ้ายังไม่ยอมผมจะใช้กำลังบังคับแล้วนะ (แต่ไม่แน่ใจว่าจะได้ผลเพราะผมอ่อนแอกว่าเขามาก)
“ก็ได้”
ผมแทบจะกระโดดลุกเต้นตรงนั้นแต่ต้องเก็บท่าทีไว้
นายอ้วนนั่งดูโทรทัศน์รออยู่ด้านหลัง บ่นพึมพำว่าพวกผมช้าแถมไม่เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดหล่อๆ แบบเขาอีก ผมด่าเขาไปชุดก่อนจะตั้งกล้อง วิ่งกลับมายืนด้านหน้า เมินโหยวผิงยืนข้างๆ ให้นายอ้วนยืนด้านหลังพวกผม
“เอานะ หนึ่ง สอง…” ผมนับให้ เกือบร้องเมื่อสัมผัสได้ว่ามือโดนจับเอาไว้ นึกว่าผีแม่ย่าหรือบ๊ะจ่าง ก่อนจะคิดได้ว่ามีเมินโหยวผิงคงไม่ต้องกลัวหรอก และคนที่จับมือผมก็ไม่ใช่ใคร เขานั่นแหละ งานนี้ผมต้องโดนนายอ้วนแซวหลังจากนี้แน่นอน
แต่…
ผมบีบมือกลับ จับมือเขาให้แน่นและมั่นคงกว่าเดิม ยืนยันกับตัวเองว่าเขามีตัวตนและยืนข้างผมในเวลานี้แล้ว
รูปถ่ายที่ล้างออกมาดูตลกมาก ไหนจะนายอ้วนในชุดสูทที่ดูหรูไม่เข้ากับหน้าและบรรยากาศ ผมที่แต่งชุดธรรมดาแทบไม่ต่างจากชุดนอน เมินโหยวผิงในสภาพเพิ่งกลับจากการลงสุสาน ดูมอมแมมและโทรม ถึงอย่างนั้นผมก็พอใจในรูปที่ออกมา
ขณะที่ผมกำลังจะเอารูปใหม่นี้ใส่กรอบ ผมก็เห็นรูปถ่ายของเมินโหยวผิงที่ปาหน่ายเลยถือโอกาสถามเขาซะเลยว่าความหมายของตัวอักษรที่อยู่ด้านหลังคืออะไร
“อ๊ะ”
เขาร้อง หลังจากอ่านตัวอักษร เงียบไปหลายนาที
“นี่นายไม่ได้ด่าฉันใช่ไหม”
เขาส่ายหน้า
ผมถามซ้ำว่ามันแปลว่าอะไร
เมินโหยวผิงตอบผมว่า “นายทำให้ฉันรู้สึกว่าฉันมีตัวตน อู๋เสีย”
ผมกะพริบตาสองสามครั้ง แล้วหัวเราะ “นึกว่าอะไร”
“แล้วนายคิดว่าฉันจะเขียนอะไรล่ะ” เมินโหวผิงถามกลับ
ผมยังไม่หยุดหัวเราะ “ ฉันจำไม่ได้” จำได้ว่าคิดไว้หลายแบบ ทั้งในแง่ร้ายและแง่ดีแบบสุดขีด หลายอันตลกจนไม่สามารถเล่าให้อีกฝ่ายฟังได้
“อู๋เสีย” เขาเรียกชื่อผม
“ส่งกางเกงในลายลูกเจี๊ยบให้ฉันที่ปาหน่ายด้วยมั้ง” ผมแกล้งหยอด
เมินโหยวผิงทำหน้านิ่งเช่นเดิม ไม่มีอาการเขินหรืออาย กำลังคิดว่าจะพูดอะไรต่อดี เขาก็ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ สัมผัสถึงความอุ่นตรงริมฝีปาก เขาจูบผม
“นายทำให้ฉันรู้สึกว่าฉันมีตัวตนจริงๆ ขอบคุณ”
ผมไม่ได้พูดอะไร แค่ทำแบบที่เขาทำเมื่อครู่อีกครั้ง
ลงสักตอนจะได้ไม่ลืมกันซะก่อน เวลานี้งานท่วมตัวจนไม่สามารถทำรวมเล่มได้อย่างที่ตั้งใจเลยต้องขออภัยด้วยนะคะ ไว้รอภาคอื่นออกละกัน ตอนนี้เลยขอแบ่งเวลามาลงไถ่โทษไปก่อนอย่างน้อยก็เฉลยละนะว่าภาษาอังกฤษนั้นคืออะไร ตอนนี้ภาษาอาจจะแปลกๆ ไปนะคะเพราะเว้นการเขียนไปนานเลย รายละเอียดก็อาจมีคลาดเคลื่อนบ้าง
ถามว่าตอนนี้เล่นทวิตไหม ไม่ได้เล่นหรอกค่ะเล่นไม่เป็น 555 แต่ก็พอจะตามเรื่องนี้จนเห็นสครีมของหลายท่าน 555 (บอกกันขนาดนี้อย่าลบหรือบล็อกกันเค้าเห็นนะ =w=) ถ้าสครีมในทวิตอาจจะรับรู้ช้าเป็นเดือน ไปสครีมหรือโวยวายตามหาฟิคหรืออยากให้เขียนฟิคอะไรที่เพจเราก็ได้นะคะ (จะเนียนๆ ถือโอกาสโฆษณานิยายกับฟิคเรื่องอื่นด้วย 555 )
เพจซุปผักเอง
ขอบคุณค่ะ
ซุปผัก
Short Fic :
- ที่รัก
- สาเหตุที่ผิงเสีย is real (1)
- สาเหตุที่ผิงเสีย is real (2)
- สาเหตุที่ผิงเสีย is real (3)
- สาเหตุที่ผิงเสีย is real (4)
- สาเหตุที่ผิงเสีย is real (5)
- สาเหตุที่ผิงเสีย is real (6)
- สาเหตุที่ผิงเสีย is real (7)
- ความโชคร้ายของนายอ้วนหวัง (1)
- ความโชคร้ายของนายอ้วนหวัง (2)
- ความหนักใจของนายอ้วน
- ความหนักใจของนายอ้วน (อีกแล้ว)
- อีกด้านที่ปาหน่าย
- ความเหมือนในความต่าง
- วันหนึ่งของอู๋เสีย
- Truth or Dare
FIC
-ครอบครัวของผม The Series (1)
#dmbjdaily
หัวข้อ Ride : The Bittersweet Moment
หัวข้อ Sexy : The Most Sexiest Person
หัวข้อ แป้ง : Happy Birthday
หัวข้อ Help : สิ่งที่อยากให้ช่วย
หัวข้อ Free : My Time
หัวข้อ Tissue : Can you remember me?
หัวข้อ Pink : Story About Pink
หัวข้อ Pink : Story About Pink (Again)
หัวข้อ Blue : Blue Hood
หัวข้อ Blue : When I'm Feeling Blue
หัวข้อ Red : ด้ายแดง
หัวข้อ สลับเพศ : ความคิดไร้สาระ
หัวข้อ Sleeping beauty : How to Help Menyouping?
หัวข้อ Kiss Day : ว่าด้วยเรื่องจูบ
หัวข้อ Luck : Good Luck or Bad Luck?
หัวข้อ Scent : https://dmbjth.thai-forum.net/t1677-topic#12628
[OS] รูปถ่าย [ผิงเสีย]
By: ซุปผัก
*เป็นตอนต่อของอีกด้านที่ปาหน่ายกับวันหนึ่งของอู๋เสียค่ะ*
มันเป็นวันหยุดวันหนึ่ง
ผมนั่งสูบบุหรี่อยู่ที่ระเบียง นานๆ ทีจะได้มีวันหยุด ไม่ใช่หยุดธรรมดา แต่หยุดจากเรื่องวุ่นวายน่ารำคาญที่พวกลูกน้องชอบไปก่อเอาไว้ เฮ้อ ไม่อยากยอมรับเท่าไรแต่ก็ต้องบอกว่าอายุผมก็ไม่ใช่น้อยๆ แล้วจะให้ไปลงมือทำอะไรหนักๆ มากก็ไม่ได้ ดังนั้นวันนี้จึงเป็นวันที่ผมโหยหามานาน
“เทียนเจิน!”
ห่าเอ๊ย! วันหยุดพักผ่อนกำลังจะโดนทำลายอีกแล้ว ผมเลยแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน
“เทียนเจินเสี่ยอ้วนรู้นะว่านายอยู่ อย่าแกล้งทำเป็นหลับตาพริ้ม สูบบุหรี่ แล้วคิดว่าเสี่ยไม่มีตัวตนเป็นภาพลวงตา”
ทำไมนายอ้วนถึงได้น่ากลัวอย่างนี้นะ เดี๋ยวนี้ได้รับพลังหยั่งรู้จากการไปคว่ำกรวยหรือไงกัน
“รีบมาเปิดได้แล้วไม่งั้นฉันพังเข้าไปนะ” นายอ้วนยังไม่หยุดตะโกน
“เออๆ ” สุดท้ายก็ต้องลุก ผมไม่อยากให้ประตูบ้านเป็นอะไรซะก่อน เพิ่งจะสั่งช่างมาทำใหม่ด้วย
นายอ้วนที่อยู่หน้าประตูยิ้มแฉ่งยังกับคนบ้า ในมือมีของฝากจำนวนมาก เขาเดินเข้ามาในบ้านแบบไม่ต้องขออนุญาตอีกแล้ว
“ความจริงนายน่าจะปั๊มกุญแจบ้านให้ฉันเลยนะ จะได้ไม่ต้องลำบากมาเปิด” แขกผู้มาเยือนกะทันหันวางถุงของฝากลงบนโต๊ะ
“จะดีกว่าไหมถ้านายไม่ลำบากมาซะเลย”
“ห่า”
ผมหัวเราะ
“เทียนเจินไม่สำนึกบุญคุณซะเลย ตอนเสี่ยวเกอไม่อยู่ใครกันที่คอยปลอบน่ะ”
ทำไมมีอีกชื่อโผล่ขึ้นมาได้นะ
“ฉันไม่ให้นายหรอกเกิดเข้ามาขโมยของในบ้านฉันไปขายกับฆ่าฉันทิ้งจะทำยังไง”
นายอ้วนเบ้ปาก “เป็นเพื่อนกันมานานแค่หยิบของนิดๆ หน่อยๆ ต้องถือสาด้วย”
ถือสิ แต่ความจริงเขาจะเอาไปผมก็ไม่ว่าหรอกแค่บอกกันก่อน
“แล้วก็ฉันฆ่านายเนี่ยนะ เสี่ยอ้วนคงโดนบอดี้การ์ดเถ้าแก่สามจับหักคอก่อนน่ะสิ” ผมหัวเราะเสียงดัง “ว่าแต่บอดี้การ์ดไปไหนซะล่ะ”
“คว่ำกรวย” ผมตอบ “แต่จะกลับมาคืนนี้แหละ นายมาได้ถูกจังหวะพอดี”
“พูดถึงจังหวะ เสี่ยคิดว่าดีแล้วล่ะที่ไม่มีกุญแจสำรองเกิดเข้ามาแล้วเห็นคุณและคุณนายจางทำอะไรกันอยู่คงจะไม่งาม”
“เชี่ยอ้วน! ใครคุณนายจางวะ” ผมไม่รู้ตัวหรอกว่าหน้ากำลังแดง
คนแซวหัวเราะชอบใจ บอกว่าแก่ปูนนี้แล้วยังจะอายอีก ทำตัวเป็นเทียนเจินไม่เปลี่ยนแปลง ก็ได้ ถึงทางพฤตินัยผมจะมีสภาพเป็นคุณนายจาง (ยอมรับก็ได้) แต่ถ้าใครบังอาจล้อเลียนล่ะก็รับรองได้ว่าคนคนนั้นจะหายไปจากตรงหน้าผมถาวรแน่ เห็นแก่ความเป็นเพื่อนยาวนานและที่เขาคอยช่วยผม จะยอมปล่อยไปละกัน
“มาๆ เสี่ยอ้วนจะรอคุณจางเป็นเพื่อนคุณนายจางนะ”
ชักเสียใจที่จะละเว้นเขาแล้วสิ
“ฉันว่าจะถามนานแล้ว ทำไมในบ้านนายถึงไม่มีรูปเสี่ยวเกอเลย” นายอ้วนจิบชาพลางมองไปรอบบ้าน
“เขายอมถ่ายรูปที่ไหนล่ะ ฉันเคยชวนครั้งหนึ่งแล้วก็ปฏิเสธฉันด้วยการทำเป็นไม่ได้ยิน” จำได้ว่าตอนนั้นโมโหมากเลยไม่สนใจไปครึ่งวัน แต่หลังจากที่เมินโหยวผิงเข้ามาคุย (เรื่องอื่น) ด้วยก็ลืมตัวคุยกับเขาไป จากนั้นก็ไม่ได้พูดเรื่องรูปถ่ายอีก
“อย่าว่าฉันยังงั้นยังงี้เลยนะแต่พอดูแบบนี้แล้ว…เหมือนเสี่ยวเกอไม่ได้อยู่ในบ้านนายเลย”
ผมกำลังยกกาน้ำชาเพื่อเติมชะงัก
“เหมือนเขาไม่มีตัวตน”
ผมมองหน้านายอ้วน “ฉันเองก็คิดเหมือนนาย” จะว่าไปเรื่องนี้ก็เคยกวนใจผมไม่น้อย แต่ทุกกครั้งที่เขาอยู่ใกล้ผมก็เลยไม่รู้สึกอีกแต่ตอนนี้เขาไม่อยู่บ้านนี้ผมเลยรู้สึกตัวว่าหลักฐานว่าเขาอยู่ในบ้านหลังนี้ช่างน้อยนัก
ข้าวของของเมินโหยวผิงมีแทบนับชิ้นและเมื่อเขาลงกรวยครั้งหนึ่งของเหล่านั้นก็มักจะถูกเอาไปด้วย ทำให้แทบไม่เหลือสิ่งใดที่เป็นหลักฐานอย่างนายอ้วนว่า
“ เฮ้ๆ ฉันไม่ได้ตั้งใจทำให้นายรู้สึกแย่…”
ผมรีบขัดเขาว่าผมไม่เป็นอะไร
“ฉันก็คิดเหมือนนาย” ผมยืนยัน จากนั้นผมก็นึกบางอย่างออก รีบวิ่งไปอีกห้อง จำได้ว่าเคยมีของอย่างนั้นอยู่นะ ผมเมินเสียงถามของนายอ้วน คุ้ยหาของในตู้เสื้อผ้า ลิ้นชักต่างๆ ในที่สุดผมก็เจอจนได้ เป็นสมุดบันทึกเล่มหนึ่ง นี่คือสมุดของเมินโหยวผิง เขาทิ้งเอาไว้ก่อนที่จะจากไปอยู่หลังประตูสำริด ผมเปิดออก รูปถ่ายหนึ่งใบในนั้นยังอยู่แม้จะสีซีดไปตามกาลเวลาบ้าง
รูปที่เมินโหยวผิงถ่ายที่ปาหน่ายเมื่อสิบปีก่อน
“ โอ้ รูปนี้มันรูปเมื่อตอนนั้นนี่” นายอ้วนยืดคอ (ที่มีน้อยนิด) เพื่อดูรูปในมือผม “เสี่ยวเกอแม่งหน้าอ่อนไม่เปลี่ยนแปลง อิจฉาจริงๆ ”
“นั่นไม่ใช่ประเด็น” ผมตัดบท เดินกลับไปที่ห้องรับรอง หยิบกรอบรูปอันหนึ่งบนชั้นวาง แกะแล้วเอารูปของเมินโหยวผิงยัดเข้าไปแทน “นายว่าไง”
“คนก็หล่อ วิวก็สวย ดูแล้วยังกับรูปถ่ายของนิตยสารแฟชั่นราคาแพง” นายอ้วนวิจารณ์
“ใช่ที่ไหนเล่า” ไม่ปฏิเสธเรื่องที่นายอ้วนบอกแต่ไม่ใช่สิ่งที่ให้อยากดู
“ อืมมม ก็ดีนะ แต่…เหมือนบรรยากาศของรูปไม่เข้ากับที่แห่งนี้” ไม่เข้ากับบ้านหลังนี้ “ เสี่ยวเกอดูโดดเดี่ยว”
ผมไม่เถียง เห็นด้วยกับเขาทุกถ้อยคำ นิ่งคิดหลายนาทีผมก็ตัดสินใจ
“ไปกันเถอะ”
“ไปไหน” นายอ้วนตกใจ
“ร้านถ่ายรูป” ผมตอบ
ผมคิดว่าผมเข้าใจความประหลาดใจบนสีหน้าของเมินโหยวผิงได้นะ
“พวกนายทำอะไรกัน” เขาถามพวกผม
“นายเห็นว่าอะไรล่ะ ก็ถ่ายรูปน่ะสิ” ผมตอบ เบื้องหน้ามีกล้องกับขาตั้ง ส่วนนายอ้วนยืนด้านหลังเขาโคตรบ้าที่ต้องไปเช่าสูทมมาเพื่อถ่ายรูปนี้
“ขอผ่าน” เมินโหยวผิงว่าเสียงเรียบ เดินผ่านพวกผมเข้าบ้านไป
“คุณนายจางตามเคลียร์เร็ว”
“ห่าอ้วน”
ไม่ต้องให้บอกหรอก
“นายเป็นอะไรไป” ผมตามเขาขึ้นมาที่ห้องนอนของเรา เห็นเมินโหยวผิงวางกระเป๋าใบโตนั่นบนพื้น ทำท่าจะรื้อของออกมา ผมรอให้เขาพูด
“ฉันไม่ชอบถ่ายรูป” เขาว่า น่าเสียดายแทนนิตยสารแฟชั่น ถ้าเขาชอบถ่ายรูปขึ้นมาเชื่อว่าแมวมองจำนวนมากต้องรีบมาติดต่อผม
“ทำไม”
“…”
ผมพยายามคิดหาวิธีโน้มน้าวเขา “ฉันอยากถ่ายรูปกับนาย แค่รูปเดียวเท่านั้น ทำเพื่อฉันได้ไหม”
คราวนี้เขามีสีหน้าลำบากใจ ดูตลกแต่ผมไม่กล้าหัวเราะ ลึกๆ แอบอยากยกกล้องขึ้นมาถ่ายรูปนี้ไว้ด้วย จะมีใครสังเกตไหมนะว่าเดี๋ยวนี้เขาดูจะห่วงเรื่องผมมากขึ้น ถ้าเป็นเมื่อก่อนน่ะเหรอ พอบอกว่าไม่คำเดียวก็เข้าสู่โหมดแข็งทื่อเป็นหินไม่ฟังใครอีกแล้ว อืมๆ มีการพัฒนาขึ้นบ้าง
“งั้นให้เหตุผลฉันก็ได้ ขอเหตุผลสักข้อที่ทำให้ฉันไม่อารมณ์เสียจากการเสียเงินซื้อกล้องกับขาตั้งมาเพื่อตั้งใจจะถ่ายรูปกับนายหน่อย” ผมเองก็ไม่ได้เทียนเจินแล้วนะ รู้ว่าวิธีการพูดแบบไหนจะใช้ได้ผลกับคนอย่างเมินโหยวผิง (ในเวลานี้)
“ฉัน…ไม่ชอบถ่ายรูป เหตุผลเดียวกับเรื่องส่องกระจกนั่นแหละ” เขาตอบจนได้
ผมเลิกคิ้ว เหตุผลส่องกระจกอะไร ก่อนที่ผมจะนึกออก เขาไม่ชอบส่องกระจกเพราะเรื่องที่เขาไม่รู้ว่าภาพที่สะท้อนกลับมาเป็นตัวเขาแน่หรือเปล่า
เมินโหยวผิงมองผมทิ้งตัวนั่งข้างเขา
“รูปถ่ายไม่ได้ทำให้นายสงสัยว่าตัวนายเป็นใคร เป็นนายจริงหรือเปล่า มันใช้ยืนยันว่านายมีตัวตนบนโลกนี้และบอกนายได้ว่านายทำอะไรมาบ้าง” ผมว่า “นายเคยถ่ายรูปกับพวกอาเหวิ่นจิน ทำให้ฉันรู้ว่านายเคยอยู่ในสมัยนั้น”
อีกฝ่ายยังนิ่ง
“แล้วยังยืนยันว่าพวกฉันมีตัวตนจริงๆ ”
เมินโหยวผิงขมวดคิ้วนิดๆ
“ถ้าวันหนึ่งโรคของนายกำเริบแล้วลืมฉัน ลืมนายอ้วน นายก็ยังมีรูปถ่ายที่ยืนยันว่าครั้งหนึ่งพวกฉันเคยมีตัวตนและเราเคยทำอะไรด้วยกันบ้าง”
เขายังเงียบ
“ว่าไง” ถ้ายังไม่ยอมผมจะใช้กำลังบังคับแล้วนะ (แต่ไม่แน่ใจว่าจะได้ผลเพราะผมอ่อนแอกว่าเขามาก)
“ก็ได้”
ผมแทบจะกระโดดลุกเต้นตรงนั้นแต่ต้องเก็บท่าทีไว้
นายอ้วนนั่งดูโทรทัศน์รออยู่ด้านหลัง บ่นพึมพำว่าพวกผมช้าแถมไม่เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดหล่อๆ แบบเขาอีก ผมด่าเขาไปชุดก่อนจะตั้งกล้อง วิ่งกลับมายืนด้านหน้า เมินโหยวผิงยืนข้างๆ ให้นายอ้วนยืนด้านหลังพวกผม
“เอานะ หนึ่ง สอง…” ผมนับให้ เกือบร้องเมื่อสัมผัสได้ว่ามือโดนจับเอาไว้ นึกว่าผีแม่ย่าหรือบ๊ะจ่าง ก่อนจะคิดได้ว่ามีเมินโหยวผิงคงไม่ต้องกลัวหรอก และคนที่จับมือผมก็ไม่ใช่ใคร เขานั่นแหละ งานนี้ผมต้องโดนนายอ้วนแซวหลังจากนี้แน่นอน
แต่…
ผมบีบมือกลับ จับมือเขาให้แน่นและมั่นคงกว่าเดิม ยืนยันกับตัวเองว่าเขามีตัวตนและยืนข้างผมในเวลานี้แล้ว
รูปถ่ายที่ล้างออกมาดูตลกมาก ไหนจะนายอ้วนในชุดสูทที่ดูหรูไม่เข้ากับหน้าและบรรยากาศ ผมที่แต่งชุดธรรมดาแทบไม่ต่างจากชุดนอน เมินโหยวผิงในสภาพเพิ่งกลับจากการลงสุสาน ดูมอมแมมและโทรม ถึงอย่างนั้นผมก็พอใจในรูปที่ออกมา
ขณะที่ผมกำลังจะเอารูปใหม่นี้ใส่กรอบ ผมก็เห็นรูปถ่ายของเมินโหยวผิงที่ปาหน่ายเลยถือโอกาสถามเขาซะเลยว่าความหมายของตัวอักษรที่อยู่ด้านหลังคืออะไร
“อ๊ะ”
เขาร้อง หลังจากอ่านตัวอักษร เงียบไปหลายนาที
“นี่นายไม่ได้ด่าฉันใช่ไหม”
เขาส่ายหน้า
ผมถามซ้ำว่ามันแปลว่าอะไร
เมินโหยวผิงตอบผมว่า “นายทำให้ฉันรู้สึกว่าฉันมีตัวตน อู๋เสีย”
ผมกะพริบตาสองสามครั้ง แล้วหัวเราะ “นึกว่าอะไร”
“แล้วนายคิดว่าฉันจะเขียนอะไรล่ะ” เมินโหวผิงถามกลับ
ผมยังไม่หยุดหัวเราะ “ ฉันจำไม่ได้” จำได้ว่าคิดไว้หลายแบบ ทั้งในแง่ร้ายและแง่ดีแบบสุดขีด หลายอันตลกจนไม่สามารถเล่าให้อีกฝ่ายฟังได้
“อู๋เสีย” เขาเรียกชื่อผม
“ส่งกางเกงในลายลูกเจี๊ยบให้ฉันที่ปาหน่ายด้วยมั้ง” ผมแกล้งหยอด
เมินโหยวผิงทำหน้านิ่งเช่นเดิม ไม่มีอาการเขินหรืออาย กำลังคิดว่าจะพูดอะไรต่อดี เขาก็ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ สัมผัสถึงความอุ่นตรงริมฝีปาก เขาจูบผม
“นายทำให้ฉันรู้สึกว่าฉันมีตัวตนจริงๆ ขอบคุณ”
ผมไม่ได้พูดอะไร แค่ทำแบบที่เขาทำเมื่อครู่อีกครั้ง
ลงสักตอนจะได้ไม่ลืมกันซะก่อน เวลานี้งานท่วมตัวจนไม่สามารถทำรวมเล่มได้อย่างที่ตั้งใจเลยต้องขออภัยด้วยนะคะ ไว้รอภาคอื่นออกละกัน ตอนนี้เลยขอแบ่งเวลามาลงไถ่โทษไปก่อนอย่างน้อยก็เฉลยละนะว่าภาษาอังกฤษนั้นคืออะไร ตอนนี้ภาษาอาจจะแปลกๆ ไปนะคะเพราะเว้นการเขียนไปนานเลย รายละเอียดก็อาจมีคลาดเคลื่อนบ้าง
ถามว่าตอนนี้เล่นทวิตไหม ไม่ได้เล่นหรอกค่ะเล่นไม่เป็น 555 แต่ก็พอจะตามเรื่องนี้จนเห็นสครีมของหลายท่าน 555 (บอกกันขนาดนี้อย่าลบหรือบล็อกกันเค้าเห็นนะ =w=) ถ้าสครีมในทวิตอาจจะรับรู้ช้าเป็นเดือน ไปสครีมหรือโวยวายตามหาฟิคหรืออยากให้เขียนฟิคอะไรที่เพจเราก็ได้นะคะ (จะเนียนๆ ถือโอกาสโฆษณานิยายกับฟิคเรื่องอื่นด้วย 555 )
เพจซุปผักเอง
ขอบคุณค่ะ
ซุปผัก
sup-pak- ด้วง
- จำนวนข้อความ : 39
Points : 3434
Join date : 10/04/2015
Re: [OS] รูปถ่าย [ผิงเสีย]
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกก ผิงเสีย is real~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
สุดยอดดดดดดด อบอุ่นมากเลยคร้าบบบ ชอบฟิคคุณซุปผัก รู้สึกเหมือนได้รับการเยียวยา ฮ่าห์
สุดยอดดดดดดด อบอุ่นมากเลยคร้าบบบ ชอบฟิคคุณซุปผัก รู้สึกเหมือนได้รับการเยียวยา ฮ่าห์
Rozenkreuz- ด้วงอาณาจักรเจ้าแม่ซีหวังหมู่
- จำนวนข้อความ : 625
Points : 3870
Join date : 01/07/2015
Age : 31
ที่อยู่ : กองทัพผีเก็บเห็ดแห่งประตูสำริด
หน้า 1 จาก 1
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
|
|
Fri 24 Jul 2020, 01:39 by gustoon
» [คู่มือด้วง] Keyword จีนสำหรับการขุด(แฟนดอม)สุสาน
Thu 21 Jun 2018, 00:29 by miskizfullmoon
» มังฮวาและภาคทิเบต
Thu 21 Jun 2018, 00:23 by miskizfullmoon
» [OS] Father is the best (ผิงเสีย)
Thu 03 Aug 2017, 16:12 by schneewittchen
» [Fic] สิ่งเล็กๆที่เชื่อมโลก5 [เมินโหยวผิง+อู่เสีย+เสี่ยอ้วน]+OC
Tue 01 Aug 2017, 12:30 by natsume
» [OS] #dmbjdaily (จูปาจุ๊บ) Bittersweet [ผิงเสีย AU]
Thu 06 Apr 2017, 15:58 by Zeth
» [OS] #dmbjdaily "โทรศัพท์มือถือ" - no Pairing [All]
Tue 04 Apr 2017, 22:27 by Zeth
» [OS] #DMBJDaily (แว่น): ระยะที่มองไม่เห็น [ฮัวเสีย]
Sat 01 Apr 2017, 16:55 by Zeth
» [OS] #DMBJdaily (5.20) ท่านยอดฝีมือ [หวังเหมิง (+เหมิงเสีย)(+ผิงเสีย)]
Thu 30 Mar 2017, 17:24 by Zeth