Countdown
We've been
togerther for

ค้นหา
 
 

Display results as :
 


Rechercher Advanced Search


[OS] วันหนึ่งของอู๋เสีย [ Implied ผิงเสีย]

3 posters

Go down

[OS] วันหนึ่งของอู๋เสีย [ Implied ผิงเสีย] Empty [OS] วันหนึ่งของอู๋เสีย [ Implied ผิงเสีย]

ตั้งหัวข้อ by sup-pak Thu 14 May 2015, 12:34


ฟิคสั้นก่อนหน้านี้



Short Fic :


- ที่รัก

- สาเหตุที่ผิงเสีย is real (1)

- สาเหตุที่ผิงเสีย is real (2)

- สาเหตุที่ผิงเสีย is real (3)

- สาเหตุที่ผิงเสีย is real (4)

- สาเหตุที่ผิงเสีย is real (5)

-สาเหตุที่ผิงเสีย is real (6)

- ความโชคร้ายของนายอ้วนหวัง (1)

- ความโชคร้ายของนายอ้วนหวัง (2)

- ความหนักใจของนายอ้วน

- ความหนักใจของนายอ้วน (อีกแล้ว)

- อีกด้านที่ปาหน่าย

- ความเหมือนในความต่าง




FIC

-ครอบครัวของผม The Series (1)



#dmbjdaily


หัวข้อ Ride : The Bittersweet Moment
หัวข้อ Sexy : The  Most Sexiest Person
หัวข้อ แป้ง : Happy Birthday
หัวข้อ Help : สิ่งที่อยากให้ช่วย
หัวข้อ Free : My Time
หัวข้อ Tissue : Can you remember me?
หัวข้อ Pink : Story About Pink
หัวข้อ Pink : Story About Pink (Again)
หัวข้อ Blue : Blue Hood
หัวข้อ Blue : When I'm Feeling Blue
หัวข้อ Red : ด้ายแดง
หัวข้อ สลับเพศ : ความคิดไร้สาระ




[OS] วันหนึ่งของอู๋เสีย [ Implied ผิงเสีย]



By: ซุปผัก





[ เป็นภาคต่อจากอีกด้านที่ปาหน่ายนะคะ]





ผมลืมตาตื่น แต่พอเห็นว่ายังเช้าไปจึงหลับตาใหม่ ตื่นอีกทีก็เกือบสองชั่วโมงหลังจากนั้น



ลุกขึ้นจากเตียง เดินไปหาของกินในตู้เย็น




หลังดื่มชากับกินข้าวกับผัก ผมก็อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อออกจากบ้าน มุ่งหน้าไปที่ร้านของผม




หวังเหมิงกำลังฟุบหน้ากับโต๊ะ ผมด่าเจ้าลูกจ้างจอมขี้เกียจพร้อมทั้งขู่จะหักเงินเดือนอันน้อยนิด




นั่งรอลูกค้าอยู่นานก็ไม่มีใครเข้ามา แต่มันก็เป็นเรื่องปกติน่ะนะ ผมเลยลุกขึ้นมาจัดร้าน เรียกหวังเหมิงให้มาช่วย เห็นลูกจ้างบ่นพึมพำแล้วชักหงุดหงิด




“เถ้าแก่” ผมหันไปมองหวังเหมิง เขาชี้ที่กระเป๋าเดินทางใบใหญ่ ผมจำได้ว่ามันเป็นของผมเองแหละ เป็นกระเป๋าใบเดียวกับที่ผมใช้ขึ้นฉางไป๋ซานครั้งล่าสุด หลังกลับมาผมไม่อารมณ์ทำอะไรจึงได้ทิ้งมันเอาไว้ที่ร้าน





หวังเหมิงถามผมว่าจะให้ทำยังไง ผมเดินเข้าไป บอกว่าฉันจัดการเองแล้วหยิบกระเป๋านั้นแยกไป




“ เก็บของพวกนั้นด้วย อย่าให้เห็นว่าอู้นะ” ผมดักคอลูกน้อง เห็นอีกฝ่ายเบ้ปาก พักนี้หมอนี่ชักเอาใหญ่เกินไปแล้วนะ เดี๋ยวก่อนๆ ไว้เขาจัดการเรื่องกระเป๋าเสร็จจะกลับมาจัดการเรื่องนี้





ผมเปิดกระเป๋านั้น หยิบของที่อัดแน่นด้านในออกมา พวกอุปกรณ์บางอย่างผมดูว่ามันยังใช้ได้ก็แยกเก็บไว้ อาหารแห้งก็น่าจะยังกินได้ แยกพวกมันไว้อีกกอง ของบางอย่างในนี้เป็นของที่ผมจำไม่ได้ว่าผมซื้อหรือติดตัวไปด้วย พลันนึกออกว่าเมินโหยวผิงบอกจะแบ่งของจากเป้เขาให้ผม





พอนึกถึงเขาผมก็รู้สึกเศร้าขึ้นมา




อีกสิบปีงั้นเหรอ




ตอนนี้ผ่านไปยังไม่ถึงปีฉันก็เริ่มคิดถึงนายซะแล้วสิ




ผมสะบัดศีรษะ ไล่ความคิดเหล่านั้น ลุกขึ้นไปที่โต๊ะใกล้ๆ หยิบกาน้ำชารินชาใส่ถ้วย ดื่มอึกใหญ่ ตามด้วยการเดินไปดูหวังเหมิง ผมไม่ได้อยากจับผิดอะไรลูกน้องหรอกนะแต่ผมแค่ไม่อยากนั่งจัดของต่อ




ผมคิดว่าผมเปลี่ยนไปทำอย่างอื่นนานแต่ความจริงแค่สิบห้านาทีเท่านั้น ตอนนี้กลับมานั่งหน้ากระเป๋าเจ้าปัญหาอีกแล้ว




ถอนหายใจแรงๆ หนึ่งครั้ง แล้วเริ่มจัดต่อ





สิ่งที่น่าสนใจคือสมุดบางๆ เล่มหนึ่ง ผมถึงกับใจเต้น นึกว่าเมินโหยวผิงทิ้งสมุดบันทึกของเขาให้ผม บางทีในนั้นอาจจะมีเรื่องการเดินทาง เรื่องปริศนาที่เขาไม่ยอมบอกผมก็ได้





แต่แล้วผมก็ต้องผิดหวัง ในสมุดนั่นสองสามหน้าแรกถูกจดไว้ไม่กี่ประโยคและมันก็ไม่ใช่ภาษาจีน เป็นภาษาที่ไม่เชิงเป็นภาษาอังกฤษ ผมขอเรียกว่าภาษาเมินโหยวผิงละกัน แน่นอนว่าผมอ่านไม่ออก หน้ากระดาษหลังจากนั้นไม่มีอะไรอีก





ตอนที่ผมเริ่มพลิกแรงๆ อย่างเซ็งบางอย่างก็หล่นลงมา ผมแอบตกใจ เมื่อตั้งสติได้จึงหยิบขึ้นมาดู มันเป็นรูปของเมินโหยวผิง เจ้าตัวดูหล่อมาก เหมือนนายแบบหลุดมาจากปกนิตยสารสักเล่ม ส่วนฉากหลังเป็นวิวท้องฟ้าซึ่งคุ้นมาก ผมไม่รู้ว่ารูปนี้ถ่ายไว้เมื่อไรและเขาจะเก็บรูปนี้ไว้ทำไม หรือเขาจะหลงตัวเองจนต้องพกรูปตัวเองไว้





ไม่หรอกมั้ง ผมพลิกด้านหลัง มีประโยคประหลาดอีกแล้ว และใต้ประโยคนั้นเขียนด้วยภาษาจีน มันเป็นชื่อ




‘อู๋เสีย…’





ชื่อของผม?




เมินโหยวผิงเขียนชื่อผมทำไม หรือรูปนี้มันมีความหมายอะไร





ผมขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจเลยสักนิด บางทีคำตอบอาจจะเป็นภาษาเมินโหยวผิงที่เขียนไว้ แต่เนื่องจากมันเป็นภาษาที่เขาเข้าใจคนเดียวผมจึงไม่รู้ว่าจะทำยังไง





นายอ้วน!





ไม่รู้ทำไมถึงนึกถึงเขาแต่ผมคิดว่าเวลาที่คิดอะไรไม่ออก นายอ้วนมักจะให้คำแนะนำแบบคาดไม่ถึงแล้วก็ทำให้คลี่คลายปัญหาได้ ผมเลยโทรหาเขา





เราคุยทักทายสองสามประโยคก่อนผมเข้าเรื่อง นายอ้วนเล่าว่าน่าจะเป็นภาพที่ถ่ายตอนอยู่ที่ปาหน่าย ผมดูรูปประกอบไปด้วย ตอนนี้นึกออกแล้วว่าวิวด้านหลังทำไมคุ้นจริง





นายอ้วนไม่รู้ว่าเมินโหยวผิงทำแบบนี้ทำไม เขาว่า





“เสี่ยวเกอเป็นคนเข้าใจยากแต่การกระทำมักมีความหมาย ถ้าเขาเอารูปนี้ให้นายก็คงมีเหตุผลแหละ”





ผมก็คิดเหมือนเขา แต่ถ้าผมอยากได้คำตอบคงจะต้องรออีกสิบปี





ผมพยายามชวนนายอ้วนคุยแต่ก็ไม่รู้จะคุยอะไร สุดท้ายจึงถามเขาว่าเขาจะกลับปักกิ่งเมื่อไร นายอ้วนเงียบไปพักหนึ่ง ผมเข้าใจว่าต้องใช้เวลาสินะ





“เทียนเจินเหงาหรือไง” เขาถาม




ผมเผลอยิ้มเศร้า แต่แกล้งเป็นโวยวายใส่เพื่อไม่ให้เขาเป็นห่วง





“มีอะไรก็โทรมาละกันเสี่ยพร้อมรับฟัง”





ผมหัวเราะ “ อะไร นายคิดว่าฉันเป็นสาวน้อยอกหักต้องโทรระบายให้เพื่อนสนิทฟังเหรอ” เผลอเปรียบเทียบอะไรที่จะโดนล้อได้ซะแล้ว





“ นายไม่ได้อกหักแค่คู่หมั้นไม่อยู่” ปลายสายหัวเราะ





“ คู่หมั้นพ่องสิ!”





“มีการให้ลัญจกรแบบนั้นไม่เรียกของหมั้นแทนใจแล้วเรียกอะไร”





ผมด่าบรรพบุรุษเขาก่อนหัวเราะ





หลังวางสายผมกลับไปจัดของต่อ เมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้วผมก็หยิบสมุดกับรูปถ่ายแยกไว้ ผมว่าจะเก็บกลับบ้าน พอเย็นผมก็ออกจากร้าน บอกหวังเหมิงให้ปิดร้านแล้วกลับเลยก็ได้ คงไม่มีลูกค้าแล้วล่ะ





แต่ผมไม่ได้กลับบ้านในทันที ผมเดินไปร้านอาหาร สั่งมื้อเย็นแบบง่ายๆ นั่งกินอยู่เกินชั่วโมงก็กินไม่หมดเป็นเพราะผมไม่มีอารมณ์





ด้านนอกร้านเย็นซะแล้ว ผมหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบ พักนี้ผมสูบเยอะขึ้น ระหว่างเดินผมก็คิดอะไรเรื่อยเปื่อย





…เทียนเจินเหงาหรือไง…





มันก็แน่อยู่แล้ว จู่ๆ ชีวิตก็ต้องวุ่นวาย วิ่งลงกรวยเสี่ยงเป็นว่าเล่น แต่แล้วก็กลับมาสงบแบบไม่รู้ตัว เพื่อนๆ คนรู้จัก คนที่รักก็พากันเงียบหายไป บางคนก็ถึงกับจากไปด้วย





ผมรู้สึกแสบตาเมื่อนึกถึงอาสามและพานจื่อ






แล้วนี่นายอ้วนก็ยังไปอยู่ไกลถึงปาหน่าย เวลาโทรไปไก็ไม่ค่อยมีเรื่องอะไรให้คุยนัก




ส่วนอีกคนก็ไปอยู่ไกลถึงฉางไป๋ซาน ถึงจะรู้กำหนดเวลาแต่ก็ช่างนานเหลือเกิน





จะว่าไป…เมินโหยวผิงบอกว่าอีกสิบปีถ้าผมไม่ลืมก็มาเปลี่ยนกับเขางั้นเหรอ แปลว่าผมต้องไปผลัดกับเขาใช่ไหม แบบนี้ก็ไม่ได้อยู่ด้วยกันอยู่ดีใช่หรือเปล่า
ผมพ่นควันออกจากปาก ไม่อยากคิดแบบนี้แต่เริ่มไม่แน่ใจว่าสิบปีที่เขาสละให้ผมมันจะคุ้มค่าไหม






สิบปีที่ไม่มีเขา มันช่างว่างเปล่า






และถ้าผมเข้าไปอยู่หลังประตูแทนเขา สิบปีนั้นก็ไม่มีเขาอีก มันก็ว่างเปล่าอยู่ดี






สุดท้ายแล้วเมื่อไรกันนะที่ผมจะได้อยู่กับเขา




ไม่มีคำตอบ มีเพียงความเงียบ ผมจุดบุหรี่มวนใหม่ เดินกลับบ้าน





Talk : เป็นภาคสอง (จากสามภาค) ต่อจากอีกด้านที่ปาหน่ายค่ะ อยากลองเขียนโมเมนต์ที่นายน้อยรู้สึกเหงาดู ไม่แน่ใจว่าสื่อออกมาได้หรือเปล่านะ





อีกอย่างหลังๆ เริ่มกลับไปดูฟิคของตัวเองแล้วก็เกิดคำถามว่า…นี่ตูเมากาวอยู่หรือเปล่า!!!? ยิ่งเห็นฟิคอู๋ผิงยิ่งรู้สึกว่าเมาหนักมาก เลยต้องรีบเข็นฟิคนี้ออกมาเพื่อดึงสติ(อันน้อยนิดของ)ตัวเอง แต่ไม่รู้จะดึงได้หรือเปล่าหรือยิ่งไปกันใหญ่นะ (หัวเราะ)





ขอบคุณค่ะ
sup-pak
sup-pak
ด้วง
ด้วง

จำนวนข้อความ : 39
Points : 3417
Join date : 10/04/2015

ขึ้นไปข้างบน Go down

[OS] วันหนึ่งของอู๋เสีย [ Implied ผิงเสีย] Empty Re: [OS] วันหนึ่งของอู๋เสีย [ Implied ผิงเสีย]

ตั้งหัวข้อ by Cathareen Thu 14 May 2015, 16:47

;;;w;;; ฮืออออ เศร้าา เหงาตามนายน้อยเลยค่ะ
โดยเฉพาะตอนที่นึกถึงอาสามกับพี่พาน.../ร้องไห้
Cathareen
Cathareen
ด้วงสุสานใต้สมุทรทะเลซีซา
ด้วงสุสานใต้สมุทรทะเลซีซา

จำนวนข้อความ : 149
Points : 3600
Join date : 24/12/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

[OS] วันหนึ่งของอู๋เสีย [ Implied ผิงเสีย] Empty Re: [OS] วันหนึ่งของอู๋เสีย [ Implied ผิงเสีย]

ตั้งหัวข้อ by yakusoku Fri 15 May 2015, 21:47

แง้ แล้วสรุปประโยคแปลกๆที่เป็นภาษาอังกฤษนั่นคืออะไรคะ?
yakusoku
yakusoku
ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ
ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ

จำนวนข้อความ : 369
Points : 3835
Join date : 05/11/2014
ที่อยู่ : โลงในสุสานโบราณ

ขึ้นไปข้างบน Go down

ขึ้นไปข้างบน

- Similar topics

 
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ