Countdown
We've been
togerther for
ค้นหา
Latest topics
Most active topics
[FIC] ซีรี่สวรรค์องค์ที่ 1 [ผิงเสีย]
+9
Feran.FS
pim-lovedmbj
susuwatari
kaew_nya
casey
Kip2532
meanato
SilverCloud
faliona01
13 posters
หน้า 1 จาก 1
[FIC] ซีรี่สวรรค์องค์ที่ 1 [ผิงเสีย]
แพร์ริ่ง : ผิงเสีย... (พิมพ์ข้อความลงไปเบาๆ)
Rate : ห๊ะ! เรทไรอะ ผ่านๆไปเห๊อะ ฝากคนอ่านจำแนกที
จำนวนตอน : อยากจะแต่งมันเป็น oneshot อยู่ แต่ถ้าคนอ่านชอบจะทำเป็นซีรี่ยาว ก็ต้องดูเรทติ้งนะแหละ (เหงื่อตก)
แต่งเป็นกึ่งๆ One shot นิดๆนะคะ คงไม่ลงเรื่องยาวสาวเฟื้อยๆ
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ระเบิดมู้องค์ที่ 1
บนสวรรค์ตำหนักสกุลอู๋ ผมกำลังอ่านตำราดวงชะตาปีนี้ของมนุษย์ ดูเหมือนว่าเทพดวงชะตาฝึกหัดจะทำน้ำหมึกหกเลอะใส่ “สมุดบันทึกดวงชะตามนุษย์ เล่ม 2 ปี 19xx” จนดำปื้นไปครึ่งเล่ม ทำให้มนุษย์ที่อยู่ในปี 19xx เล่มที่ 2 อนาคตปั่นป่วนร่วนไปหมด
ความจริงเวลานี้ผมควรจะกำลังนอนมองลงไปบนโลกมนุษย์และเอาพัดขนนกในมือโบกให้ทั่วโลกเกิดลมต่างหาก วันไหนอารมณ์ดีผมก็พัดเรื่อยๆล่องลอย วันไหนอารมณ์ไม่ดีก็พัดแรงนิดนึง ถือเป็นการระบายอารมณ์แก้เซ็ง มันก็ควรจะเป็นแบบนั้น ถ้าเจ้าอ้วนไม่วิ่งทะเล่อทะล่ามาหาตอนผมกำลังนั่งแทะผลท้อโบกพัดขนนกในมือไปมา ป่าท้อนี้ปกติมีผมอยู่คนเดียว นาน…จะมีเทพเข้ามาสักที หากใครเข้ามาผมก็จะรู้
“สหายอู๋!!!!! สหายอู๋ช่วยเสี่ยอ้วนที”
ชายร่างท้วม อืม… ผมควรใช้คำน่ารักๆว่าตุ้ยนุ้ยดีหรือเปล่า ในชุดสีดำปักลวดลายดวงดาวสีทองกำลังวิ่งตรงมาหาผม มือของเขาถือสมุด 2 เล่ม เหมือนจะเลอะรอยอะไรสักอย่างเป็นดวงใหญ่ จากตำหนักของเขามาที่ทำงานประจำของผมเรียกว่าห่างกันหลายโยชน์เลยทีเดียว ผมบอกหรือยังว่าเขาเป็นเทพรับช่วงต่อในปีนี้ของหมู่เทพดวงชะตา ดูเหมือนว่าปีนี้ ถ้าเขาทำงานราบรื่น เขาก็จะพ้นตำแหน่งเทพดวงชะตาฝึกหัดเป็นเทพดวงชะตาตัวจริง (ซึ้งเหล่าตัวจริงแก่งอมกันไปหมดแล้ว)
ผมหันไปมองแวบเดียว ก่อนจะหันกลับมาแทะผลท้อต่อ ความจริงผมกำลังงอนเขาอยู่ ใครใช้ให้เขาหนีเอาตัวรอดไปคนเดียวในคดีคราวนั้นที่อาหนิงไม่อยู่กันละ อาหนิงคนงาม…. เทพแห่งการกสิกรรม ความจริงเธอแค่รับจ้างดูแลเรื่องพืชพรรณไร่นาบนโลกและฝนฟ้ารวมทั้งสภาพดินชั่วคราวในขณะที่เทพตัวจริงกำลังนั่งเล่นทอยเต๋ากันต่างหาก เห้อ! เรื่องมันยาวจริงๆ แถมจบเรื่องอาหนิงยังมองผมชนิดมองไปขำไปอีกต่างหาก อู๋เสียเอ๋ยอู่เสีย สาวสวรรค์แสนงามมองเจ้าแบบนี้จะให้เอาหน้าไปเก็บไว้ตรงไหนหน้าอายจริงๆ
“สหายอู๋ ได้โปรดช่วยเสี่ยอ้วนด้วย” ผมยังเมินเขาเหมือนเดิม
ดูเหมือนเขาจะรู้ตัวว่าผมยังงอนเขาไม่หาย มืออ้วนๆอูมๆเลยเข้ามาบีบๆนวดๆตรงไหล่ของผม
“สหายอู๋ ยังงอนเสี่ยอ้วนอยู่อีกหรือ เสี่ยอ้วนก็รู้ตัวว่าทำไม่ดีเอาไว้ แต่เรื่องมันก็ผ่านไปแล้ว แถมเสี่ยยังยกพู่กันสะกดมารให้เป็นของขอโทษอีก เสี่ยวอู๋จะไม่หายโกรธจริงๆหรือ”
เขายิ้มกริ่มบีบๆนวดๆบนไหล่ผม ขณะที่ผมก็พัดลมจากพัดขนนกลงไปในน้ำทำทีเป็นเมินมองเขา อืม… สงสัยเมื่อครู่จะพัดแรงไปนิด เลยเกิดพายุลูกเบ้อเริ่มที่เมืองลั่วหยาง ไว้ผมจะเขียนหนังสือขอขมาเจ้าที่เจ้าทางบนโลกมนุษย์ก็แล้วกัน ยังไงก็เขียนบ่อยอยู่แล้ว
“คราวสหายมีเคราะห์ไม่พบพาน คราวนี้ตัวเองมีปัญหามาพานพบ” ผมพูดดันเขาไปทีนึง แต่เจ้าตัวกลับทำหน้ายิ้มกริ่มถูมือไปมา
“แหม๋… เทียนเจินอู๋เสียของเสียอ้วนก็รู้ ว่าความจริงเสี่ยอ้วนก็ไม่ได้อยากขัดใจสหายอู๋เท่าไหร่หรอก… ถ้าไม่ติดว่าคราวนั้นมีการเดินทางมาเยี่ยมเยือนของพระโพธิสัตว์กะทันหัน เสี่ยอ้วนถูกรั้งตัวไว้ทำให้มาช่วยสหายไม่ทัน ต้องขอโทษจริงๆ แต่ตอนหลังเสี่ยอ้วนก็ไปพูดกับอารองของสหายอู๋ให้แล้ว สหายอู๋ยังไม่เลิกโกรธเสี่ยอ้วนอีกหรอ”
ผมลุกขึ้นนั่งมองหน้าเขาที่ทำหน้ายิ้มแป้นๆ ความจริงก็ถูกของเขา ถ้าตอนหลังไม่ได้เขาไปช่วยพูดกับอารองให้ มีหวังผมโดนสั่งให้ไปเกิดบนโลกมนุษย์รับโทษด่านรัก 100 ครั้งแน่ๆ
“ช่างมันเถอะ ผ่านไปนานแล้วคิดไปก็มากความ นานครั้งเจอกันเสี่ยอ้วนมีธุระอะไรกับผม”
ลมสวรรค์พัดโชยดอกท้อปลิดปลิว เรา 2 คนนั่งลงเก้าอี้หินในสวนท้อ ผมรินชาให้เขาดื่มก่อนจะรินให้ตัวเองบ้าง
“วันนี้เสี่ยอ้วนมีข่าวกับของดีจะเอามาให้ชมให้ฟัง อยากจะให้เสี่ยวอู๋รับเอาไว้นะ หน้าสนใจไหม?”
“เกี่ยวกับเสี่ยวฮัว?” ผมพูดถึงเทพแห่งการแสดงที่มีข่าวอื้อฉาวประจำ ไม่ใช่ในทางเสียหาย แต่เป็นวีรกรรมประจำวันของเขาต่างหาก เช่น วันนี้ท่านเทพน้อย เซี่ยอวี่ฮัว บุกตำหนักสวรรค์สกุลเฮยล้างแค้นที่ทำให้ชุดเขาเปื้อนฝุ่น เป็นต้น ผมอยากจะบอกว่าเสี่ยวฮัวเป็นเด็กดีนะ เขาเคยบอกผมไว้ถ้าได้ยินข่าวเกี่ยวกับตัวเขาให้หาร 2 ตลอด ซึ่งความเป็นจริงผมไม่หารแม่งหรอก หารแล้วข่าวบิดเบือน
“ไม่ใช่ๆ ไม่ได้เกี่ยวกับ เซี่ยอวี่ฮัว เลยแม้แต่นิด ถึงแม้วันนี้จะมีก็ตาม แต่ไม่หน้าสนใจเท่าข่าวที่เสี่ยอ้วนมีหรอก” เขาจุ๊ปาก ผมรินชาให้เขาอีกถ้วย “มันเป็นข่าวเกี่ยวกับอาสามของเสี่ยวอู๋นะ”
ผมเลิกคิ้ว อาสามของผมลงไปโลกมนุษย์นานแล้ว ถ้าจะให้นับเทียบเวลามนุษย์คงประมาณแม่น้ำสายใหญ่แห้งขอดเป็นพื้นดินนั้นละ การกลับสวรรค์ของเขามีอยู่วันเดียว คือ วันเกิดผม ถ้าไม่ติดธุระเขาถึงจะยอมขึ้นสวรรค์มาสักทีนึง
“อาสามผมไปทำอะไรมาอีกละ ข่าวหน้าสนใจ ไหนเสี่ยอ้วนเล่าให้ผมฟังหน่อย” เพื่อว่าร้ายแรงผมจะได้เปิดตูดแน่บได้ทัน
“อู๋เสียก็รู้ใช่ไหมว่าอาสามของนายนะลงไปอยู่ที่โลกมนุษย์ แต่ไม่รู้เหตุผลใช่ไหมละ แต่วันนี้ฉันได้ข่าวมาจากเทพภูเขาว่าความจริงแล้วอาสามของนายไปตามจีบเซียนสาวคนหนึ่ง เธอชื่อ เหวิ่นจิน บนเขาที่เทพภูเขาดูแลอยู่”
“ข่าวใหญ่หน้าดู” ไม่ได้ใหญ่สำหรับผม แต่ใหญ่สำหรับอารองต่างหาก ดูท่าผมต้องเรียบๆเคียงๆบอกอีกให้ทราบ “แล้ว…”
“อา… แล้วก็นี้…” ผมมองเขาล้วงๆควักๆจับโน้นนี้ในแขนเสื้อก่อนจะเอาของอย่างหนึ่งออกมา “เสี่ยอ้วนจำได้ว่านายเปรยๆจะเอาของไว้หลบเทพสงครามใช่ไหมละ เสี่ยอ้วนหามาได้แล้วนะ”
ผมมองของตรงหน้า มันเป็นกระจกกรอบดอกบัวสีแดง รอบๆมีอัญมณีหลากสีเป็นจุดๆประปรายสวยงามดี เหมือนกระจกบูชาเทพของพวกมนุษย์ ผมยกมามองๆหมุนซ้ายหมุนขวา แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เทพสงครามจางฉีหลิง แต่ผมเรียกเมินโหยวผิงมากกว่า พวกหน้าตายแถมนิสัยไม่ดีด้วย อย่าให้ผมเล่าเลย จากใจตามตรงเขาแกล้งผมตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอหน้าเมื่อ 9,000 ปีก่อน ตอนนั้นผมยังเป็นเด็กซนๆตัวสูงเท่าอกเขาเท่านั้น ไม่หน้าเล่าจริงๆ แต่หลังจากนั้นผมก็หลีกเขาได้ผมก็จะหลีก หลบเขาได้ผมก็จะหลบ ถ้าเจอกันตรงๆผมก็ 2 เท้าวิ่งหน้าตั้งทันที
“ไม่เห็นเกิดอะไรขึ้นเลย” ผมวางคืนลงบนโต๊ะหิน เสี่ยอ้วนเห็นผมทำท่าไม่สนใจก็อ้าปากหัวเราะเสียงดังก่อนจะหยิบกลับไป
“สหายอู๋มองดูดีๆอย่ากระพริบตาละ จะให้ดูสิ่งมหัศจรรย์ต่อจากนี้ละ” กระต่ายปุกปุยสีขาวที่วิ่งเล่นตามสวนท้อถูกคว้ามาตัวหนึ่ง ที่สวนท้อนี้มีกระต่ายเยอะนะ แต่ผมไม่ได้สนใจเลยตั้งแต่อยู่มา นานๆที่เบื่อๆก็เอามันมากอดเล่นสักตัว 2 ตัว
กระต่ายดวงกุดถูกอุ้มมาวางไว้บนโต๊ะ มันมองงงๆแต่ก็ไม่ยอมกระโดดหนีไป นายอ้วนเอากระจกมาตั้งไว้ระดับลิ้นปี่ส่องไปที่กระต่ายสีขาว ผมถึงได้เห็นว่าความจริงแล้วบนกระจกนั้นไม่ได้สะท้อนภาพสิ่งมีชีวิตแม้แต่นิด มันส่องเห็นแค่โต๊ะหินกับพื้นหญ้าวับๆแวมๆ
นายอ้วนยิ้มย่องก่อนจะพูดเสียงดัง
จำนวนตอน : อยากจะแต่งมันเป็น oneshot อยู่ แต่ถ้าคนอ่านชอบจะทำเป็นซีรี่ยาว ก็ต้องดูเรทติ้งนะแหละ (เหงื่อตก)
แต่งเป็นกึ่งๆ One shot นิดๆนะคะ คงไม่ลงเรื่องยาวสาวเฟื้อยๆ
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ระเบิดมู้องค์ที่ 1
บนสวรรค์ตำหนักสกุลอู๋ ผมกำลังอ่านตำราดวงชะตาปีนี้ของมนุษย์ ดูเหมือนว่าเทพดวงชะตาฝึกหัดจะทำน้ำหมึกหกเลอะใส่ “สมุดบันทึกดวงชะตามนุษย์ เล่ม 2 ปี 19xx” จนดำปื้นไปครึ่งเล่ม ทำให้มนุษย์ที่อยู่ในปี 19xx เล่มที่ 2 อนาคตปั่นป่วนร่วนไปหมด
ความจริงเวลานี้ผมควรจะกำลังนอนมองลงไปบนโลกมนุษย์และเอาพัดขนนกในมือโบกให้ทั่วโลกเกิดลมต่างหาก วันไหนอารมณ์ดีผมก็พัดเรื่อยๆล่องลอย วันไหนอารมณ์ไม่ดีก็พัดแรงนิดนึง ถือเป็นการระบายอารมณ์แก้เซ็ง มันก็ควรจะเป็นแบบนั้น ถ้าเจ้าอ้วนไม่วิ่งทะเล่อทะล่ามาหาตอนผมกำลังนั่งแทะผลท้อโบกพัดขนนกในมือไปมา ป่าท้อนี้ปกติมีผมอยู่คนเดียว นาน…จะมีเทพเข้ามาสักที หากใครเข้ามาผมก็จะรู้
“สหายอู๋!!!!! สหายอู๋ช่วยเสี่ยอ้วนที”
ชายร่างท้วม อืม… ผมควรใช้คำน่ารักๆว่าตุ้ยนุ้ยดีหรือเปล่า ในชุดสีดำปักลวดลายดวงดาวสีทองกำลังวิ่งตรงมาหาผม มือของเขาถือสมุด 2 เล่ม เหมือนจะเลอะรอยอะไรสักอย่างเป็นดวงใหญ่ จากตำหนักของเขามาที่ทำงานประจำของผมเรียกว่าห่างกันหลายโยชน์เลยทีเดียว ผมบอกหรือยังว่าเขาเป็นเทพรับช่วงต่อในปีนี้ของหมู่เทพดวงชะตา ดูเหมือนว่าปีนี้ ถ้าเขาทำงานราบรื่น เขาก็จะพ้นตำแหน่งเทพดวงชะตาฝึกหัดเป็นเทพดวงชะตาตัวจริง (ซึ้งเหล่าตัวจริงแก่งอมกันไปหมดแล้ว)
ผมหันไปมองแวบเดียว ก่อนจะหันกลับมาแทะผลท้อต่อ ความจริงผมกำลังงอนเขาอยู่ ใครใช้ให้เขาหนีเอาตัวรอดไปคนเดียวในคดีคราวนั้นที่อาหนิงไม่อยู่กันละ อาหนิงคนงาม…. เทพแห่งการกสิกรรม ความจริงเธอแค่รับจ้างดูแลเรื่องพืชพรรณไร่นาบนโลกและฝนฟ้ารวมทั้งสภาพดินชั่วคราวในขณะที่เทพตัวจริงกำลังนั่งเล่นทอยเต๋ากันต่างหาก เห้อ! เรื่องมันยาวจริงๆ แถมจบเรื่องอาหนิงยังมองผมชนิดมองไปขำไปอีกต่างหาก อู๋เสียเอ๋ยอู่เสีย สาวสวรรค์แสนงามมองเจ้าแบบนี้จะให้เอาหน้าไปเก็บไว้ตรงไหนหน้าอายจริงๆ
“สหายอู๋ ได้โปรดช่วยเสี่ยอ้วนด้วย” ผมยังเมินเขาเหมือนเดิม
ดูเหมือนเขาจะรู้ตัวว่าผมยังงอนเขาไม่หาย มืออ้วนๆอูมๆเลยเข้ามาบีบๆนวดๆตรงไหล่ของผม
“สหายอู๋ ยังงอนเสี่ยอ้วนอยู่อีกหรือ เสี่ยอ้วนก็รู้ตัวว่าทำไม่ดีเอาไว้ แต่เรื่องมันก็ผ่านไปแล้ว แถมเสี่ยยังยกพู่กันสะกดมารให้เป็นของขอโทษอีก เสี่ยวอู๋จะไม่หายโกรธจริงๆหรือ”
เขายิ้มกริ่มบีบๆนวดๆบนไหล่ผม ขณะที่ผมก็พัดลมจากพัดขนนกลงไปในน้ำทำทีเป็นเมินมองเขา อืม… สงสัยเมื่อครู่จะพัดแรงไปนิด เลยเกิดพายุลูกเบ้อเริ่มที่เมืองลั่วหยาง ไว้ผมจะเขียนหนังสือขอขมาเจ้าที่เจ้าทางบนโลกมนุษย์ก็แล้วกัน ยังไงก็เขียนบ่อยอยู่แล้ว
“คราวสหายมีเคราะห์ไม่พบพาน คราวนี้ตัวเองมีปัญหามาพานพบ” ผมพูดดันเขาไปทีนึง แต่เจ้าตัวกลับทำหน้ายิ้มกริ่มถูมือไปมา
“แหม๋… เทียนเจินอู๋เสียของเสียอ้วนก็รู้ ว่าความจริงเสี่ยอ้วนก็ไม่ได้อยากขัดใจสหายอู๋เท่าไหร่หรอก… ถ้าไม่ติดว่าคราวนั้นมีการเดินทางมาเยี่ยมเยือนของพระโพธิสัตว์กะทันหัน เสี่ยอ้วนถูกรั้งตัวไว้ทำให้มาช่วยสหายไม่ทัน ต้องขอโทษจริงๆ แต่ตอนหลังเสี่ยอ้วนก็ไปพูดกับอารองของสหายอู๋ให้แล้ว สหายอู๋ยังไม่เลิกโกรธเสี่ยอ้วนอีกหรอ”
ผมลุกขึ้นนั่งมองหน้าเขาที่ทำหน้ายิ้มแป้นๆ ความจริงก็ถูกของเขา ถ้าตอนหลังไม่ได้เขาไปช่วยพูดกับอารองให้ มีหวังผมโดนสั่งให้ไปเกิดบนโลกมนุษย์รับโทษด่านรัก 100 ครั้งแน่ๆ
“ช่างมันเถอะ ผ่านไปนานแล้วคิดไปก็มากความ นานครั้งเจอกันเสี่ยอ้วนมีธุระอะไรกับผม”
ลมสวรรค์พัดโชยดอกท้อปลิดปลิว เรา 2 คนนั่งลงเก้าอี้หินในสวนท้อ ผมรินชาให้เขาดื่มก่อนจะรินให้ตัวเองบ้าง
“วันนี้เสี่ยอ้วนมีข่าวกับของดีจะเอามาให้ชมให้ฟัง อยากจะให้เสี่ยวอู๋รับเอาไว้นะ หน้าสนใจไหม?”
“เกี่ยวกับเสี่ยวฮัว?” ผมพูดถึงเทพแห่งการแสดงที่มีข่าวอื้อฉาวประจำ ไม่ใช่ในทางเสียหาย แต่เป็นวีรกรรมประจำวันของเขาต่างหาก เช่น วันนี้ท่านเทพน้อย เซี่ยอวี่ฮัว บุกตำหนักสวรรค์สกุลเฮยล้างแค้นที่ทำให้ชุดเขาเปื้อนฝุ่น เป็นต้น ผมอยากจะบอกว่าเสี่ยวฮัวเป็นเด็กดีนะ เขาเคยบอกผมไว้ถ้าได้ยินข่าวเกี่ยวกับตัวเขาให้หาร 2 ตลอด ซึ่งความเป็นจริงผมไม่หารแม่งหรอก หารแล้วข่าวบิดเบือน
“ไม่ใช่ๆ ไม่ได้เกี่ยวกับ เซี่ยอวี่ฮัว เลยแม้แต่นิด ถึงแม้วันนี้จะมีก็ตาม แต่ไม่หน้าสนใจเท่าข่าวที่เสี่ยอ้วนมีหรอก” เขาจุ๊ปาก ผมรินชาให้เขาอีกถ้วย “มันเป็นข่าวเกี่ยวกับอาสามของเสี่ยวอู๋นะ”
ผมเลิกคิ้ว อาสามของผมลงไปโลกมนุษย์นานแล้ว ถ้าจะให้นับเทียบเวลามนุษย์คงประมาณแม่น้ำสายใหญ่แห้งขอดเป็นพื้นดินนั้นละ การกลับสวรรค์ของเขามีอยู่วันเดียว คือ วันเกิดผม ถ้าไม่ติดธุระเขาถึงจะยอมขึ้นสวรรค์มาสักทีนึง
“อาสามผมไปทำอะไรมาอีกละ ข่าวหน้าสนใจ ไหนเสี่ยอ้วนเล่าให้ผมฟังหน่อย” เพื่อว่าร้ายแรงผมจะได้เปิดตูดแน่บได้ทัน
“อู๋เสียก็รู้ใช่ไหมว่าอาสามของนายนะลงไปอยู่ที่โลกมนุษย์ แต่ไม่รู้เหตุผลใช่ไหมละ แต่วันนี้ฉันได้ข่าวมาจากเทพภูเขาว่าความจริงแล้วอาสามของนายไปตามจีบเซียนสาวคนหนึ่ง เธอชื่อ เหวิ่นจิน บนเขาที่เทพภูเขาดูแลอยู่”
“ข่าวใหญ่หน้าดู” ไม่ได้ใหญ่สำหรับผม แต่ใหญ่สำหรับอารองต่างหาก ดูท่าผมต้องเรียบๆเคียงๆบอกอีกให้ทราบ “แล้ว…”
“อา… แล้วก็นี้…” ผมมองเขาล้วงๆควักๆจับโน้นนี้ในแขนเสื้อก่อนจะเอาของอย่างหนึ่งออกมา “เสี่ยอ้วนจำได้ว่านายเปรยๆจะเอาของไว้หลบเทพสงครามใช่ไหมละ เสี่ยอ้วนหามาได้แล้วนะ”
ผมมองของตรงหน้า มันเป็นกระจกกรอบดอกบัวสีแดง รอบๆมีอัญมณีหลากสีเป็นจุดๆประปรายสวยงามดี เหมือนกระจกบูชาเทพของพวกมนุษย์ ผมยกมามองๆหมุนซ้ายหมุนขวา แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เทพสงครามจางฉีหลิง แต่ผมเรียกเมินโหยวผิงมากกว่า พวกหน้าตายแถมนิสัยไม่ดีด้วย อย่าให้ผมเล่าเลย จากใจตามตรงเขาแกล้งผมตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอหน้าเมื่อ 9,000 ปีก่อน ตอนนั้นผมยังเป็นเด็กซนๆตัวสูงเท่าอกเขาเท่านั้น ไม่หน้าเล่าจริงๆ แต่หลังจากนั้นผมก็หลีกเขาได้ผมก็จะหลีก หลบเขาได้ผมก็จะหลบ ถ้าเจอกันตรงๆผมก็ 2 เท้าวิ่งหน้าตั้งทันที
“ไม่เห็นเกิดอะไรขึ้นเลย” ผมวางคืนลงบนโต๊ะหิน เสี่ยอ้วนเห็นผมทำท่าไม่สนใจก็อ้าปากหัวเราะเสียงดังก่อนจะหยิบกลับไป
“สหายอู๋มองดูดีๆอย่ากระพริบตาละ จะให้ดูสิ่งมหัศจรรย์ต่อจากนี้ละ” กระต่ายปุกปุยสีขาวที่วิ่งเล่นตามสวนท้อถูกคว้ามาตัวหนึ่ง ที่สวนท้อนี้มีกระต่ายเยอะนะ แต่ผมไม่ได้สนใจเลยตั้งแต่อยู่มา นานๆที่เบื่อๆก็เอามันมากอดเล่นสักตัว 2 ตัว
กระต่ายดวงกุดถูกอุ้มมาวางไว้บนโต๊ะ มันมองงงๆแต่ก็ไม่ยอมกระโดดหนีไป นายอ้วนเอากระจกมาตั้งไว้ระดับลิ้นปี่ส่องไปที่กระต่ายสีขาว ผมถึงได้เห็นว่าความจริงแล้วบนกระจกนั้นไม่ได้สะท้อนภาพสิ่งมีชีวิตแม้แต่นิด มันส่องเห็นแค่โต๊ะหินกับพื้นหญ้าวับๆแวมๆ
นายอ้วนยิ้มย่องก่อนจะพูดเสียงดัง
แก้ไขล่าสุดโดย faliona01 เมื่อ Tue 11 Nov 2014, 18:54, ทั้งหมด 1 ครั้ง
faliona01- ด้วงต้นไม้เทพเจ้า
- จำนวนข้อความ : 261
Points : 3935
Join date : 02/11/2014
ที่อยู่ : เตียงหยกเย็นในถ้ำสุสานโบราณ
Re: [FIC] ซีรี่สวรรค์องค์ที่ 1 [ผิงเสีย]
“ตรึง!!”
เจ้ากระตายตัวกระตุก เงาของมันปรากฏอยู่ในกระจก ผมจ้องอย่างตื่นเต้น มันตัวสั่นระริกมองเขม็งต่างจากเจ้าอ้วนที่ยิ้มเหี้ยมเกรียม
“ปิดผนึก!!!” นายอ้วนคำรามลั่น
ฟู้ว!
ผัวะ!
ฟุบ!
…
ห๊ะ! เร็วไปหรอให้อธิบายช้าๆกว่านี้? ได้ๆๆ
“ปิดผนึก!!!” นายอ้วนคำรามลั่น
กระจกส่องแสงจ้าสีทองสว่างจนผมต้องหลบตามอง สายตาของผมไม่ดีเท่าไหร่ ปะทะแสงจ้าตรงๆไม่ได้ เวลาปกติผมจะเอาผ้าคาดตาไว้และเปิดจิตคลำทางเอาเวลาเดินทาง วันไหนแสงน้อยก็ถอดผ้าเก็บ
ลำแสงสีทองพุ่งตรงใส่เจ้ากระต่ายอับโชค เจ้ากระต่ายร้อง อุ๊ก!! กระทืบเท้าหลังด้วยความตกใจเสียงดัง แสงสีทองจ้าจะปะทะกับตัวสีขาวขนปุย ผมคิดกะทันหันไม่รอดแล้วแกเอ๋ย จู่ๆมันก็ยืน 2 ขา หรี่ตากลมโต คว้าไม้ตบแมลงวันออกมาจากเอวที่ไม่รู้ว่ามีตอนไหน ตบลำแสงนั้นดัง ผัวะ!!! (ผมกำลังสงสัยว่าแสงนั้นคืออะไร) ด้วยความไวแสง โฮร่า!!! ยิงเข้าหน้าเจ้าอ้วนไปแล้ว!!!!
นายอ้วนตัวสั่นตาเบิกขาวก่อนจะฟุบ!! ร่างทั้งร่างเข้าไปอยู่ในกระจก ผมมองด้วยความตะลึง
หืม? กระต่ายในสวนท้อผมมันเก่งขนาดนี้เชียว?
ไม่ใช่ๆๆ ผมต้องไม่หลงประเด็นสิ ผมวิ่งไปดูกระจกที่ตอนนี้มีเสี่ยอ้วนอยู่ข้างในกำลังทุบปึงๆแบบไม่มีเสียง เหมือนเขาจะตะโกนอะไรสักอย่างแต่ผมไม่ได้ยินเลยแม้แต่นิด เขาส่ายหัวและเริ่มทำท่าให้ผมดู
ถือกระจก คว่ำ 180 องศา ตบๆที่ด้านหลัง… เข้าใจละ
ผมทำตามที่เสี่ยอ้วนแสดง คว่ำ ตบๆ ก่อนนายอ้วนจะหล่นโครมออกมาเสียงดัง บ่นโอดโอย ทุบบั้นเอวตัวเอง ส่วนผมก็หัวเราะลั่นพยุงเขาไปนั่งบนเก้าอี้ เจ้ากระต่ายมองด้วยสายตาสมน้ำหน้า (ทำไมผมรู้สึกแบบนั้นก็ไม่รู้) พ่นลมหายใจดัง ฟุ่! ออกมา ผมที่ยังหัวเราะไม่หายเกาหลังคอเจ้ากระต่ายเบาๆ ก่อนจะอุ้มมันมาลูบเล่นบนหน้าตัก ให้พ้นจากสายตาของเสี่ยอ้วนที่มองมันอย่างเคืองๆ ว่างๆผมต้องตรวจสอบกระต่ายพวกนี้หน่อยแล้ว
“ก็อย่างที่เห็น สหายอู๋เสียที่นี้ก็ไม่ต้องกลัวเทพสงครามแล้ว ถ้าหากเขาคิดจะเข้ามาใกล้นายก็จับเขาใส่ในกระจก ส่งให้นางกำนัลสักคนไปเคาะเขาออกที่ตำหนักของเขาสะก็สิ้นเรื่อง แต่สหายอู๋ต้องระวังหากสหายใช้ไม่สำเร็จมันจะกินแรงและพลังของนายแทนนะ ต้องจำไว้ดีๆนะอู๋เสีย”
เสี่ยอ้วนบ่นหงุงหงิง แต่ผมยิ้มแก้มแทบฉีก ต่อไปนี้ผมก็ไม่ต้องกลัวเขาแล้วต่อให้เขาจะมาคิดบัญชีกับผมที่หลัง บ้านผมก็ติดอยู่ถึง 1 ใน 9 สกุลใหญ่ ถ้าเขาจะทำอะไรก็คงต้องเห็นแก่หน้าปู่ผมบ้างแหละ มอบของเล็กๆน้อยๆปลอบใจแทนก็แล้วกัน
ผมหัวเราะหึๆ อย่างได้ใจ ต่อไปนี้ผมก็ไม่ต้องกลัวเขาอีกแล้ว
“แล้วเสี่ยอ้วนอยากให้ผมช่วยอะไรละ” ผมเก็บกระจกลงในแขนเสื้อเติมชาให้เขาอีกครั้ง
“ไม่ใช่ปัญหายิ่งใหญ่หรอก แต่เรื่องแกะอักษรคิดว่านายคงเชี่ยวชาญ ฉันทำหมึกหกลงในสมุดดวงชะตามนุษย์ อยากจะให้สหายอู๋ที่จับความเป็นไปของมนุษย์โลกช่วยตรวจเช็ดดูให้หน่อย ถ้าตรงไหนหล่นไปนายก็เติม”
ผมค้อนเขาไป 1 ที หนังสือเล่มเดียวบรรจุนามมนุษย์กว่าล้านคน เขาบอกไม่ใช่ปัญหายิ่งใหญ่ หน้าตายจริงๆ
ผมรับมาเช็คดู การตกลงเป็นอันแลกเปลี่ยนเรียบร้อย
ตำหนักสกุลอู๋ เทียบกับตำหนักใน 9 สกุลนับว่าอยู่ในขนาดกลาง แต่เรียกได้ว่าเพียบพร้อมจริงๆ ถึงจะไม่ใหญ่โตเท่ากับพวกสกุลจางก็เถอะ
ผมเปิดไล่ทีละหน้าใช้พลังดึงอักษรออกมาทีละตัวแก้ไขไปเรื่อยๆล้านกว่าคนเสียหายไปตั้งครึ่ง!
ดวงตาเริ่มพร่าผมปิดตาพักสักหน่อย ไหนๆก็ให้พวกคุณกระต่ายโบกพัดขนนกให้โลกมนุษย์แทน 1 วันแล้ว วันนี้ถือว่าเป็นวันหยุดก็แล้วกัน ถ้าไม่เสร็จผมจะใช้หวังเหมิงไปแทน ใครจับได้ผมจะบอกว่าเขาอาสา!
“บัญชีรายจ่ายคณะกสิกรรม” เดี๋ยวนะ ทำไมถึงมีการเงินของคณะกสิกรรมในสมุดของพวกเทพดวงชะตา คอรัปชั่นหรอ!
ผมมองอย่างงงๆ ในนี้ระบุชื่อของมนุษย์โลกที่ทำเกี่ยวกับการปลูกพืช เลี้ยงไหม อายุขัยและอนาคตชัดเจน แต่ทำไมมีสินทรัพย์ห้อยมาเป็นพรวนละ หรือว่าเสี่ยอ้วนมันลงอักษรผิดเล่ม
อย่างนี้ต้องไปถามอาหนิง
ผมเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ เลือกเสื้อคลุมสีขาวจากในตู้ที่มีแต่เสื้อสีขาวทั้งหมดออกมาตัวหนึ่ง บางทีผมก็อยากมีสีอื่นบ้าง แต่แม่ผมบอกว่า ศตวรรษนี้ ผมจะดวงไม่ดี สีขาวแก้ชง ใส่สีขาวจะโชคดี จ๊ะ! ผมเชื่อ
ผมมุ่งหน้าไปที่เกาะกสิกรรม เกาะนี้มีลักษณะเป็นเขาหินลอยอยู่กลางอากาศตัวเขาสลักอักษร ‘พืช’ เอาไว้ เพ่งดูดีๆจะเห็นว่ามีพวกไร่นาอยู่ อาหนิงบอกว่าพอเก็บเกี่ยวแล้วได้เมล็ดพรรณก็รอให้พวกมนุษย์ทำพิธีขอมา พวกเขาก็จะเอาไปโปรยไว้ พืชพรรณจะสมบูรณ์
ผมขี่จิ้งจอกขาว 9 หางและคาดตาตัวเองด้วยผ้าดำ มันเป็นสัตว์ที่ผมเก็บมาได้สมัยที่ยังไม่มีมนุษย์บนโลกมากนัก พวกมนุษย์เพียงแค่เริ่มจับกลุ่มกันเท่านั้น เจ้านี้เป็นจิ้งจอกพิการ ในขณะที่พี่น้องเป็นสีทอง มันเกือบถูกปล่อยทิ้งให้ตายอยู่ตัวเดียวเพราะเป็นสีขาว ตอนนั้นเมินโหยวผิงกับผมจับคู่กันไปเก็บวิญญาณมนุษย์ ตอนที่เจอมันผมทะเลาะกับเขาแทบตายถึงขั้นร้องไห้น้ำตาไหลพราก ถึงอายุเขาจะมากกว่าผม 11,000 ปี แต่คิดว่าผมจะกลัวหรือไง… ผมนี้มันเด็กน้อยจริงๆตอนนั้น
มันบินมาหยุดอยู่นิ่งๆบนเนินดินเกาะกสิกรรม ผมลงจากหลังลูบหัวลูบหางมันเล็กๆน้อยๆเดินคู่กันไป ข้างหน้ามีเทพกสิกรรมกำลังเช็คดูพืชพรรณอยู่ ผมเดินไปถามถึงอาหนิง เขาชี้ไปที่ตำหนักหลวงบอกว่าเธอกำลังคุยกับผู้มาเยือนอีกคนหนึ่ง ผมขอบคุณเขาแล้วมุ่งไปที่ตำหนักหลวงหลังใหญ่ ที่พักของพวกเทพกสิกรรม
ระหว่างทางเจอเทพคุ้นหน้ามากมาย ผมยังได้แอปเปิ้ลกับสาลี่มากินเล่นระหว่างทางอีก ดีเยี่ยมจริงๆ ไม่นานก็ถึงตำหนักหลวง ประตูสูงเสียดฟ้าผมก้าวเข้าไปมีเทพเดินขวักไขว่ถือสมุดบรรจุข้อต่างๆ ผมถามถึงอาหนิง เขาชี้ไปทางบันไดซ้าย เดินไปสุดทาง ไม่ค่อยมีผู้คน
เสี่ยวไป๋ (จิ้งจอกขาว) นอนกลิ้งเล่นกับพวกเทพเด็ก ดูท่าผมไม่ต้องห่วงมันอีกตามเคย เดินไปตามทางไม่มีผู้คน แว่วเสียงอาหนิงกำลังคุยกับใครสักคนอยู่ ผมควรจะเข้าไปหาเธอรึเปล่า
ผมหยุดยืนอยู่หน้าประตูลังเลว่าจะรอหรือจะเข้าไป แว่วเสียงคุ้นหูดังขึ้น
“มีคนมาหาเธอแนะ” ผมตัวชาดิก เสียงแบบนี้ไม่ใช่เมินโหยวผิงหรอกหรอ ผมควรจะถอยเท้าหันหลังวิ่งทันทีหรือไม่!!
ประตูบ้านเลื่อน 12 ชั้น ค่อยๆเปิดออกทีละชั้นโดยไม่มีใครสัมผัส ยิ่งมันเปิดชั้นหนึ่งผมก็เหงื่อออกครั้งหนึ่ง ก่อนจะเห็นคนที่มองมาที่ผมเขม็ง
“เข้ามาสิอู๋เสีย ฉันกำลังคุยกับจางฉีหลิงว่าดุลอำนาจคนกับพืชพรรณ หลังจากนี้ควรจะให้เกิดสงครามดีไหม” อาหนิงยิ้มโบกมือมาให้ผม เรียกให้ผมเข้าไป
ตามปกติผมคงจะยิ้มเกาหัวแกร๊กๆเขาไปหาเธอหรอก แต่นี้อะไร!!
ตาคมจ้องเขม็ง ดาบดำวางพิงอยู่ข้างตัว เสื้อคลุมสีน้ำเงินเข้มปักลายกิเลนประจำตัว เขามองด้วยท่าทางเฉยเมยแต่ผมเห็นสายตานั้นแล้วเข้าใจทันที
ผมควรจะวิ่ง
ผมก็ไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร แต่ถ้าอยู่ต่อไปคงไม่ดีแน่ เวลาเห็นเขาทีไรหัวโล่งทุกที ใจดวงน้อยๆของผม เต้นลงช้าๆกว่านี้เถอะได้โปรด
“ไม่เป็นไรหรอกอาหนิงผมผ่านมาทักทายนิดเดียว คุยธุระต่อเถอะ ผมขอตัวก่อน” ผมโบกมือก้าวถอยหลัง อาหนิงมองผมแล้วอมยิ้ม คุยกับเมินโหยวผิง
“จะกลับหรือยังคะ จางฉีหลิง” ผมเหงื่อไหลท่วม อาหนิงอย่าหาว่าผมมากความ เธอคุยธุระของเธอต่อก็ได้ คิดสะว่าผมไม่ได้มาตั้งแต่แรก
เมินโหยวผิงยกชาขึ้นจิบ มองผมนิ่ง ถอนหายใจ คุยกับอาหนิง
เจ้ากระตายตัวกระตุก เงาของมันปรากฏอยู่ในกระจก ผมจ้องอย่างตื่นเต้น มันตัวสั่นระริกมองเขม็งต่างจากเจ้าอ้วนที่ยิ้มเหี้ยมเกรียม
“ปิดผนึก!!!” นายอ้วนคำรามลั่น
ฟู้ว!
ผัวะ!
ฟุบ!
…
ห๊ะ! เร็วไปหรอให้อธิบายช้าๆกว่านี้? ได้ๆๆ
“ปิดผนึก!!!” นายอ้วนคำรามลั่น
กระจกส่องแสงจ้าสีทองสว่างจนผมต้องหลบตามอง สายตาของผมไม่ดีเท่าไหร่ ปะทะแสงจ้าตรงๆไม่ได้ เวลาปกติผมจะเอาผ้าคาดตาไว้และเปิดจิตคลำทางเอาเวลาเดินทาง วันไหนแสงน้อยก็ถอดผ้าเก็บ
ลำแสงสีทองพุ่งตรงใส่เจ้ากระต่ายอับโชค เจ้ากระต่ายร้อง อุ๊ก!! กระทืบเท้าหลังด้วยความตกใจเสียงดัง แสงสีทองจ้าจะปะทะกับตัวสีขาวขนปุย ผมคิดกะทันหันไม่รอดแล้วแกเอ๋ย จู่ๆมันก็ยืน 2 ขา หรี่ตากลมโต คว้าไม้ตบแมลงวันออกมาจากเอวที่ไม่รู้ว่ามีตอนไหน ตบลำแสงนั้นดัง ผัวะ!!! (ผมกำลังสงสัยว่าแสงนั้นคืออะไร) ด้วยความไวแสง โฮร่า!!! ยิงเข้าหน้าเจ้าอ้วนไปแล้ว!!!!
นายอ้วนตัวสั่นตาเบิกขาวก่อนจะฟุบ!! ร่างทั้งร่างเข้าไปอยู่ในกระจก ผมมองด้วยความตะลึง
หืม? กระต่ายในสวนท้อผมมันเก่งขนาดนี้เชียว?
ไม่ใช่ๆๆ ผมต้องไม่หลงประเด็นสิ ผมวิ่งไปดูกระจกที่ตอนนี้มีเสี่ยอ้วนอยู่ข้างในกำลังทุบปึงๆแบบไม่มีเสียง เหมือนเขาจะตะโกนอะไรสักอย่างแต่ผมไม่ได้ยินเลยแม้แต่นิด เขาส่ายหัวและเริ่มทำท่าให้ผมดู
ถือกระจก คว่ำ 180 องศา ตบๆที่ด้านหลัง… เข้าใจละ
ผมทำตามที่เสี่ยอ้วนแสดง คว่ำ ตบๆ ก่อนนายอ้วนจะหล่นโครมออกมาเสียงดัง บ่นโอดโอย ทุบบั้นเอวตัวเอง ส่วนผมก็หัวเราะลั่นพยุงเขาไปนั่งบนเก้าอี้ เจ้ากระต่ายมองด้วยสายตาสมน้ำหน้า (ทำไมผมรู้สึกแบบนั้นก็ไม่รู้) พ่นลมหายใจดัง ฟุ่! ออกมา ผมที่ยังหัวเราะไม่หายเกาหลังคอเจ้ากระต่ายเบาๆ ก่อนจะอุ้มมันมาลูบเล่นบนหน้าตัก ให้พ้นจากสายตาของเสี่ยอ้วนที่มองมันอย่างเคืองๆ ว่างๆผมต้องตรวจสอบกระต่ายพวกนี้หน่อยแล้ว
“ก็อย่างที่เห็น สหายอู๋เสียที่นี้ก็ไม่ต้องกลัวเทพสงครามแล้ว ถ้าหากเขาคิดจะเข้ามาใกล้นายก็จับเขาใส่ในกระจก ส่งให้นางกำนัลสักคนไปเคาะเขาออกที่ตำหนักของเขาสะก็สิ้นเรื่อง แต่สหายอู๋ต้องระวังหากสหายใช้ไม่สำเร็จมันจะกินแรงและพลังของนายแทนนะ ต้องจำไว้ดีๆนะอู๋เสีย”
เสี่ยอ้วนบ่นหงุงหงิง แต่ผมยิ้มแก้มแทบฉีก ต่อไปนี้ผมก็ไม่ต้องกลัวเขาแล้วต่อให้เขาจะมาคิดบัญชีกับผมที่หลัง บ้านผมก็ติดอยู่ถึง 1 ใน 9 สกุลใหญ่ ถ้าเขาจะทำอะไรก็คงต้องเห็นแก่หน้าปู่ผมบ้างแหละ มอบของเล็กๆน้อยๆปลอบใจแทนก็แล้วกัน
ผมหัวเราะหึๆ อย่างได้ใจ ต่อไปนี้ผมก็ไม่ต้องกลัวเขาอีกแล้ว
“แล้วเสี่ยอ้วนอยากให้ผมช่วยอะไรละ” ผมเก็บกระจกลงในแขนเสื้อเติมชาให้เขาอีกครั้ง
“ไม่ใช่ปัญหายิ่งใหญ่หรอก แต่เรื่องแกะอักษรคิดว่านายคงเชี่ยวชาญ ฉันทำหมึกหกลงในสมุดดวงชะตามนุษย์ อยากจะให้สหายอู๋ที่จับความเป็นไปของมนุษย์โลกช่วยตรวจเช็ดดูให้หน่อย ถ้าตรงไหนหล่นไปนายก็เติม”
ผมค้อนเขาไป 1 ที หนังสือเล่มเดียวบรรจุนามมนุษย์กว่าล้านคน เขาบอกไม่ใช่ปัญหายิ่งใหญ่ หน้าตายจริงๆ
ผมรับมาเช็คดู การตกลงเป็นอันแลกเปลี่ยนเรียบร้อย
ตำหนักสกุลอู๋ เทียบกับตำหนักใน 9 สกุลนับว่าอยู่ในขนาดกลาง แต่เรียกได้ว่าเพียบพร้อมจริงๆ ถึงจะไม่ใหญ่โตเท่ากับพวกสกุลจางก็เถอะ
ผมเปิดไล่ทีละหน้าใช้พลังดึงอักษรออกมาทีละตัวแก้ไขไปเรื่อยๆล้านกว่าคนเสียหายไปตั้งครึ่ง!
ดวงตาเริ่มพร่าผมปิดตาพักสักหน่อย ไหนๆก็ให้พวกคุณกระต่ายโบกพัดขนนกให้โลกมนุษย์แทน 1 วันแล้ว วันนี้ถือว่าเป็นวันหยุดก็แล้วกัน ถ้าไม่เสร็จผมจะใช้หวังเหมิงไปแทน ใครจับได้ผมจะบอกว่าเขาอาสา!
“บัญชีรายจ่ายคณะกสิกรรม” เดี๋ยวนะ ทำไมถึงมีการเงินของคณะกสิกรรมในสมุดของพวกเทพดวงชะตา คอรัปชั่นหรอ!
ผมมองอย่างงงๆ ในนี้ระบุชื่อของมนุษย์โลกที่ทำเกี่ยวกับการปลูกพืช เลี้ยงไหม อายุขัยและอนาคตชัดเจน แต่ทำไมมีสินทรัพย์ห้อยมาเป็นพรวนละ หรือว่าเสี่ยอ้วนมันลงอักษรผิดเล่ม
อย่างนี้ต้องไปถามอาหนิง
ผมเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ เลือกเสื้อคลุมสีขาวจากในตู้ที่มีแต่เสื้อสีขาวทั้งหมดออกมาตัวหนึ่ง บางทีผมก็อยากมีสีอื่นบ้าง แต่แม่ผมบอกว่า ศตวรรษนี้ ผมจะดวงไม่ดี สีขาวแก้ชง ใส่สีขาวจะโชคดี จ๊ะ! ผมเชื่อ
ผมมุ่งหน้าไปที่เกาะกสิกรรม เกาะนี้มีลักษณะเป็นเขาหินลอยอยู่กลางอากาศตัวเขาสลักอักษร ‘พืช’ เอาไว้ เพ่งดูดีๆจะเห็นว่ามีพวกไร่นาอยู่ อาหนิงบอกว่าพอเก็บเกี่ยวแล้วได้เมล็ดพรรณก็รอให้พวกมนุษย์ทำพิธีขอมา พวกเขาก็จะเอาไปโปรยไว้ พืชพรรณจะสมบูรณ์
ผมขี่จิ้งจอกขาว 9 หางและคาดตาตัวเองด้วยผ้าดำ มันเป็นสัตว์ที่ผมเก็บมาได้สมัยที่ยังไม่มีมนุษย์บนโลกมากนัก พวกมนุษย์เพียงแค่เริ่มจับกลุ่มกันเท่านั้น เจ้านี้เป็นจิ้งจอกพิการ ในขณะที่พี่น้องเป็นสีทอง มันเกือบถูกปล่อยทิ้งให้ตายอยู่ตัวเดียวเพราะเป็นสีขาว ตอนนั้นเมินโหยวผิงกับผมจับคู่กันไปเก็บวิญญาณมนุษย์ ตอนที่เจอมันผมทะเลาะกับเขาแทบตายถึงขั้นร้องไห้น้ำตาไหลพราก ถึงอายุเขาจะมากกว่าผม 11,000 ปี แต่คิดว่าผมจะกลัวหรือไง… ผมนี้มันเด็กน้อยจริงๆตอนนั้น
มันบินมาหยุดอยู่นิ่งๆบนเนินดินเกาะกสิกรรม ผมลงจากหลังลูบหัวลูบหางมันเล็กๆน้อยๆเดินคู่กันไป ข้างหน้ามีเทพกสิกรรมกำลังเช็คดูพืชพรรณอยู่ ผมเดินไปถามถึงอาหนิง เขาชี้ไปที่ตำหนักหลวงบอกว่าเธอกำลังคุยกับผู้มาเยือนอีกคนหนึ่ง ผมขอบคุณเขาแล้วมุ่งไปที่ตำหนักหลวงหลังใหญ่ ที่พักของพวกเทพกสิกรรม
ระหว่างทางเจอเทพคุ้นหน้ามากมาย ผมยังได้แอปเปิ้ลกับสาลี่มากินเล่นระหว่างทางอีก ดีเยี่ยมจริงๆ ไม่นานก็ถึงตำหนักหลวง ประตูสูงเสียดฟ้าผมก้าวเข้าไปมีเทพเดินขวักไขว่ถือสมุดบรรจุข้อต่างๆ ผมถามถึงอาหนิง เขาชี้ไปทางบันไดซ้าย เดินไปสุดทาง ไม่ค่อยมีผู้คน
เสี่ยวไป๋ (จิ้งจอกขาว) นอนกลิ้งเล่นกับพวกเทพเด็ก ดูท่าผมไม่ต้องห่วงมันอีกตามเคย เดินไปตามทางไม่มีผู้คน แว่วเสียงอาหนิงกำลังคุยกับใครสักคนอยู่ ผมควรจะเข้าไปหาเธอรึเปล่า
ผมหยุดยืนอยู่หน้าประตูลังเลว่าจะรอหรือจะเข้าไป แว่วเสียงคุ้นหูดังขึ้น
“มีคนมาหาเธอแนะ” ผมตัวชาดิก เสียงแบบนี้ไม่ใช่เมินโหยวผิงหรอกหรอ ผมควรจะถอยเท้าหันหลังวิ่งทันทีหรือไม่!!
ประตูบ้านเลื่อน 12 ชั้น ค่อยๆเปิดออกทีละชั้นโดยไม่มีใครสัมผัส ยิ่งมันเปิดชั้นหนึ่งผมก็เหงื่อออกครั้งหนึ่ง ก่อนจะเห็นคนที่มองมาที่ผมเขม็ง
“เข้ามาสิอู๋เสีย ฉันกำลังคุยกับจางฉีหลิงว่าดุลอำนาจคนกับพืชพรรณ หลังจากนี้ควรจะให้เกิดสงครามดีไหม” อาหนิงยิ้มโบกมือมาให้ผม เรียกให้ผมเข้าไป
ตามปกติผมคงจะยิ้มเกาหัวแกร๊กๆเขาไปหาเธอหรอก แต่นี้อะไร!!
ตาคมจ้องเขม็ง ดาบดำวางพิงอยู่ข้างตัว เสื้อคลุมสีน้ำเงินเข้มปักลายกิเลนประจำตัว เขามองด้วยท่าทางเฉยเมยแต่ผมเห็นสายตานั้นแล้วเข้าใจทันที
ผมควรจะวิ่ง
ผมก็ไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร แต่ถ้าอยู่ต่อไปคงไม่ดีแน่ เวลาเห็นเขาทีไรหัวโล่งทุกที ใจดวงน้อยๆของผม เต้นลงช้าๆกว่านี้เถอะได้โปรด
“ไม่เป็นไรหรอกอาหนิงผมผ่านมาทักทายนิดเดียว คุยธุระต่อเถอะ ผมขอตัวก่อน” ผมโบกมือก้าวถอยหลัง อาหนิงมองผมแล้วอมยิ้ม คุยกับเมินโหยวผิง
“จะกลับหรือยังคะ จางฉีหลิง” ผมเหงื่อไหลท่วม อาหนิงอย่าหาว่าผมมากความ เธอคุยธุระของเธอต่อก็ได้ คิดสะว่าผมไม่ได้มาตั้งแต่แรก
เมินโหยวผิงยกชาขึ้นจิบ มองผมนิ่ง ถอนหายใจ คุยกับอาหนิง
faliona01- ด้วงต้นไม้เทพเจ้า
- จำนวนข้อความ : 261
Points : 3935
Join date : 02/11/2014
ที่อยู่ : เตียงหยกเย็นในถ้ำสุสานโบราณ
Re: [FIC] ซีรี่สวรรค์องค์ที่ 1 [ผิงเสีย]
“ฉันจะโน้มให้แคว้นตงรบ ที่เหลือเธอก็จัดการไปตามที่เห็นสมควร ไม่ต้องส่ง” อาหนิงย่อตัวคำนับให้ ยกมือประสานบอกลาจาก
เสียงฝีเท้าแน่นเขย่าประสาทผมทีละนิด ไม่ๆๆๆ กลับไปคุยต่อเถอะ กลับไปเถอะ นะ!
“กลับกันได้รึยัง” เขาเอ่ยเสียงเรียบ
ในหัวผมขาวโบ๊ะ! กลับ? อาใช่ กลับบ้าน แต่ไม่ใช่กลับกับแก!!! จะตามกลับไปทำไม ถึงจะเคืองที่คุยกับอาหนิง แต่กลับไปคุยกันต่อก็ได้ไม่ได้ว่าเลยนะ สนับสนุน สนับสนุนจริงๆนะ!
“เดินทางดีๆนะ อู๋เสีย” เธอโบกมือให้ผม พวงแก้มสีแดงอ่อนๆพร้อมรอยยิ้มหวานๆ เส้นผมประดับสายไข่มุกส่ายไปมาตามการเคลื่อนไหว อา… น่ารัก
ฉากกั้นค่อยๆเลื่อนปิดลงจากด้านในสุดช้าๆที่ละชั้น จางฉีหลิงเดินนำส่วนผมตามหลังเขาไป ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ที่เห็นเขาแล้วผมกลัวขนาดนี้ ถ้าให้พูดในด้านพลังฟ้าดินจาก 9 ตระกูล นับได้ว่าตระกูลอู๋ ค่อนข้างอ่อนแอและตระกูลจางแข็งแกร่งที่สุด แต่ที่ทำให้ติดอยู่ใน 9 ตระกูลใหญ่หรือสิ่งที่พวกเขาเกรงกันมากที่สุด
วาจาสิทธิ์
ในบ้านมีปู่ อาสาม และก็ผมเท่านั้นที่มีพลังนี้ แต่ใน 3 คน ร่างกายผมไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ใช้แล้วส่งผลกระทบไม่น้อย เวลาพูดต้องคำนวณ 13 ตลบ ว่าหากพูดออกไปแล้วจะเป็นอะไรหรือเปล่า
“มาทำไม”
ผมสะดุ้งเฮือก ตัวเย็นเฉียบ อย่ามาเพิ่มความหน้ากลัวได้ไหมแค่นี้ก็ตื่นจะแย่แล้ว นายเมินโหยวผิงหยุดเดินและหันมาคุยกับผม ทั้งๆที่สูงห่างกันไม่กี่เซ็นแท้ๆ ทำไมดูเหมือนเขาสูงทะลุหลังคาเลยนะ หรือผมกำลังตื่นจนตาลายนะ
ส่ายหน้า ก้มหน้างุดรีบๆเดินไปไม่ตอบ วาจาสิทธิ์ของผมควบคุมไม่ค่อยได้อยู่แล้วยิ่งเวลาสติแตกอย่าให้พูดถึง ต้องเงียบสนิทเท่านั้น
เขาเดินตามมาเงียบๆไม่พูดจาจนถึงโถงกลางผมโบกมือทักทายเทพบางคนเป็นการอำลา เสี่ยวไป๋ที่บนหัวมีมงกุฏดอกไม้ฝีมือเด็กๆเห็นผมยิ้มมาหาก็พุ่งตรงเข้ามาก่อนจะชะงัก เมื่อเห็นคนข้างหลัง มันร้องหงิงเบาๆ
ฉันเข้าใจความรู้สึกแกเสี่ยวไป๋ ฉันรู้!!!
1 คน กับ 1 ตัว เดินตามหลังคอตก คิดสะว่าพอพ้นเขตห้ามบินก็จะไม่ได้เจอกันก็โล่งใจ คงต้องอดทนไว้อย่างเดียว เขตห้ามบินของกสิกรรมคือตั้งแต่ผืนนาถึงตำหนักหลวง สุดสิ้นจุดไหนก็เท่านั้น
จางฉีหลิงยังนิ่งเงียบไม่พูดจาเช่นเคย ผมก็อยากลองชวนเขาคุยดูบ้าง แต่คิดแล้วไม่ดีกว่า เวลาคุยด้วยทีไรผมจะโดนแกล้งทุกที อย่าเสี่ยงย่อมดีที่สุด
เดินกันเงียบๆจนถึงเขตบิน ผมกำลังจะขึ้นหลังเจ้าจิ้งจอกขาวข้อมือก็โดนคว้าเอาไว้
“กลับด้วยกัน”
เหมือนเสียงหินถล่มดังสนั่นข้างในหัวผม ผมมองตาค้างหัวขาวโพลน
“ถึงทางแยกแล้วไม่ต้องส่ง” ผมตอบเขา มองแขนตัวเองที่ถูกบีบจนแน่น
เจ็บนิดๆ
ขาก้าวลงจากหลังจิ้งจอกขาวอย่างจำยอม จางฉีหลิงจูงมือผมไปกับเขาส่วนเจ้าจิ้งจอกคอตกเดินมองตาม เดินไปไม่นานก็เห็นรถม้าลายดอกบัว เทียมด้วยม้าสวรรค์สีขาว 4 ตัวอยู่ตรงหน้า จางฉีหลิงก้าวขึ้นไปนั่งก่อนผมจะตามขึ้นไป อา… วิ่งหนีก็คงไม่ทันแล้วที่โล่งแจ้งขนาดนี้
รถม้าเคลื่อนตัว จิ้งจอกขาวบินตาม ภายในเงียบสงบ ผมนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ท้อ จางฉีหลิงมองผมเขม็งตั่งตัวใหญ่ถูกเขาจับจอง
อยู่แบบนี้คงไม่ดีแน่ ผมเลยพยายามหาอะไรออกมาทำดู สมุดบันทึกที่เจ้าอ้วนให้แก้ไขสุดท้ายก็ไม่ได้ถามกับอาหนิง ถ้าเจ้าอ้วนคัดผิดจริง ผมจะได้คัดแยกบทออกมาแท้ๆ
ตรวจเช็คไปได้สักพักจางฉีหลิงก็ลุกมาดู ผมมองเขาก่อนจะยิ้มเล็กๆ
“หิวน้ำไหม” เขานั่งลงตรงข้าม ผมรินน้ำชาบนโต๊ะไม้ให้เขา “ปวดหัวหรือเปล่า?”
เมินโหยวผิงไม่ตอบก่อนจะแบมือขอหนังสือในมือผมไป เห็นว่าไม่ใช่ธุระสำคัญผมก็เลยส่งให้เขาดู หน้ากระดาษถูกพลิกทีละหน้าปลายคิ้วขมวดเล็กๆยามเห็นหมึกดำๆแต่งแต้มบนกระดาษสีเหลืองเป็นดวงโต
“ต้องแกะอักษรที่ละตัวยากเอาการ แต่ไม่ลำบากเท่าไหร่” ผมบอกเขา ทำใจกล้าเดินไปนั่งข้างๆ
ผมชี้ให้เขาดูชื่อมนุษย์บางคน รวยแล้วจน จนแล้วรวยอีกรอบ เบ็ดเสร็จ 16 รอบ ครบ 1 ชะตาชีวิต ดูแล้วคงลำบากพิกล เห็นแล้วส่ายหน้าเลยจริงๆ เมินโหยวผิงอ่านไปเรื่อยๆ ผมก็จ้อไปข้างๆ จนไปถึงช่วงที่มีตัวเลขปรากฏขึ้น เมินโหยวผิงมองละเอียดยิบ ก่อนจะทำหน้าทะมึน ผมรีบถอยหลังออกห่างจากเขาทันทีเมื่ออ่านบรรยากาศแปลกๆได้
“ได้มาจากที่ไหน” ประโยคแรกของการเดินทาง ผมสะบัดหน้าพรืดไม่พอใจทำไมต้องกดเสียงด้วย
“จากเสี่ยอ้วน” ผมสะบัดอารมณ์ลงไป มองเขาเขม็งก่อนจะเริ่มเหงื่อออก ขาหลังค่อยๆถอยห่างออกจากเขา “ฉันได้มาจากเสี่ยอ้วน ขอให้ช่วยแก้บัญชีรายชื่อเท่านั้น”
เมินโหยวผิงเดินตรงเข้ามาก่อนจะเหวี่ยงผมลงไปนอนบนตั่งผมมองเขาตาค้าง
“ได้มาจากที่ไหน” คำถามเดิมถูกถามซ้ำแต่ความคุกคามมากขึ้น
ผมเจ็บหลังจนจุกตะโกนด่าเขาไปทีหนึ่งก่อนจะพุ่งตัวหนี แต่เมินโหยวผิงกลับแก้ทางพลิกตัวผมคว่ำลงกระชากเสื้อคลุมออก ผมพลิกตัวถีบเขาอีก 1 ที ก่อนจะปล่อยหมัดวืดใส่หน้าเขา
“อยู่นิ่งๆได้ไหม” เหมินโหยวผิงบิดแขนผมก่อนจะล๊อคตัวแน่น มืออีกข้างปลดสายรัดเสื้อตัวในออก หน้าผมร้อนไปถึงหูร้องว๊ากดังๆ ในหัวมึนงงสะบัดตัวหนีออกจากเขา
เคร้ง….
กระจกในแขนเสื้อที่เขาเก็บไว้หล่นลงบนพื้น เหมิงโหยวผิงหน้าเปลี่ยน ตาวาวโรจน์ ผมรีบสะบัดตัวออกไป
“อู๋เสีย วางมันลง ห้ามใช้มันเด็ดขาด” เมินโหยวผิงออกคำสั่งน้ำเสียงเด่นชัด
ผมค่อยๆตั้งสติ ขยับถอยออกมาห่างๆกลัวว่าเขาจะเข้าใกล้มากกว่านี้ เมินโหยวผิงเห็นท่าทางผมก็สะบัดหัว ตาวาว แต่ไม่ก้าวเข้ามา ผมตั่งกระจกส่องแน่น เหล่าเทพจะไม่มีเงาในวัตถุสะท้อน รวมถึงผมด้วย
เสียงฝีเท้าแน่นเขย่าประสาทผมทีละนิด ไม่ๆๆๆ กลับไปคุยต่อเถอะ กลับไปเถอะ นะ!
“กลับกันได้รึยัง” เขาเอ่ยเสียงเรียบ
ในหัวผมขาวโบ๊ะ! กลับ? อาใช่ กลับบ้าน แต่ไม่ใช่กลับกับแก!!! จะตามกลับไปทำไม ถึงจะเคืองที่คุยกับอาหนิง แต่กลับไปคุยกันต่อก็ได้ไม่ได้ว่าเลยนะ สนับสนุน สนับสนุนจริงๆนะ!
“เดินทางดีๆนะ อู๋เสีย” เธอโบกมือให้ผม พวงแก้มสีแดงอ่อนๆพร้อมรอยยิ้มหวานๆ เส้นผมประดับสายไข่มุกส่ายไปมาตามการเคลื่อนไหว อา… น่ารัก
ฉากกั้นค่อยๆเลื่อนปิดลงจากด้านในสุดช้าๆที่ละชั้น จางฉีหลิงเดินนำส่วนผมตามหลังเขาไป ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ที่เห็นเขาแล้วผมกลัวขนาดนี้ ถ้าให้พูดในด้านพลังฟ้าดินจาก 9 ตระกูล นับได้ว่าตระกูลอู๋ ค่อนข้างอ่อนแอและตระกูลจางแข็งแกร่งที่สุด แต่ที่ทำให้ติดอยู่ใน 9 ตระกูลใหญ่หรือสิ่งที่พวกเขาเกรงกันมากที่สุด
วาจาสิทธิ์
ในบ้านมีปู่ อาสาม และก็ผมเท่านั้นที่มีพลังนี้ แต่ใน 3 คน ร่างกายผมไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ใช้แล้วส่งผลกระทบไม่น้อย เวลาพูดต้องคำนวณ 13 ตลบ ว่าหากพูดออกไปแล้วจะเป็นอะไรหรือเปล่า
“มาทำไม”
ผมสะดุ้งเฮือก ตัวเย็นเฉียบ อย่ามาเพิ่มความหน้ากลัวได้ไหมแค่นี้ก็ตื่นจะแย่แล้ว นายเมินโหยวผิงหยุดเดินและหันมาคุยกับผม ทั้งๆที่สูงห่างกันไม่กี่เซ็นแท้ๆ ทำไมดูเหมือนเขาสูงทะลุหลังคาเลยนะ หรือผมกำลังตื่นจนตาลายนะ
ส่ายหน้า ก้มหน้างุดรีบๆเดินไปไม่ตอบ วาจาสิทธิ์ของผมควบคุมไม่ค่อยได้อยู่แล้วยิ่งเวลาสติแตกอย่าให้พูดถึง ต้องเงียบสนิทเท่านั้น
เขาเดินตามมาเงียบๆไม่พูดจาจนถึงโถงกลางผมโบกมือทักทายเทพบางคนเป็นการอำลา เสี่ยวไป๋ที่บนหัวมีมงกุฏดอกไม้ฝีมือเด็กๆเห็นผมยิ้มมาหาก็พุ่งตรงเข้ามาก่อนจะชะงัก เมื่อเห็นคนข้างหลัง มันร้องหงิงเบาๆ
ฉันเข้าใจความรู้สึกแกเสี่ยวไป๋ ฉันรู้!!!
1 คน กับ 1 ตัว เดินตามหลังคอตก คิดสะว่าพอพ้นเขตห้ามบินก็จะไม่ได้เจอกันก็โล่งใจ คงต้องอดทนไว้อย่างเดียว เขตห้ามบินของกสิกรรมคือตั้งแต่ผืนนาถึงตำหนักหลวง สุดสิ้นจุดไหนก็เท่านั้น
จางฉีหลิงยังนิ่งเงียบไม่พูดจาเช่นเคย ผมก็อยากลองชวนเขาคุยดูบ้าง แต่คิดแล้วไม่ดีกว่า เวลาคุยด้วยทีไรผมจะโดนแกล้งทุกที อย่าเสี่ยงย่อมดีที่สุด
เดินกันเงียบๆจนถึงเขตบิน ผมกำลังจะขึ้นหลังเจ้าจิ้งจอกขาวข้อมือก็โดนคว้าเอาไว้
“กลับด้วยกัน”
เหมือนเสียงหินถล่มดังสนั่นข้างในหัวผม ผมมองตาค้างหัวขาวโพลน
“ถึงทางแยกแล้วไม่ต้องส่ง” ผมตอบเขา มองแขนตัวเองที่ถูกบีบจนแน่น
เจ็บนิดๆ
ขาก้าวลงจากหลังจิ้งจอกขาวอย่างจำยอม จางฉีหลิงจูงมือผมไปกับเขาส่วนเจ้าจิ้งจอกคอตกเดินมองตาม เดินไปไม่นานก็เห็นรถม้าลายดอกบัว เทียมด้วยม้าสวรรค์สีขาว 4 ตัวอยู่ตรงหน้า จางฉีหลิงก้าวขึ้นไปนั่งก่อนผมจะตามขึ้นไป อา… วิ่งหนีก็คงไม่ทันแล้วที่โล่งแจ้งขนาดนี้
รถม้าเคลื่อนตัว จิ้งจอกขาวบินตาม ภายในเงียบสงบ ผมนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ท้อ จางฉีหลิงมองผมเขม็งตั่งตัวใหญ่ถูกเขาจับจอง
อยู่แบบนี้คงไม่ดีแน่ ผมเลยพยายามหาอะไรออกมาทำดู สมุดบันทึกที่เจ้าอ้วนให้แก้ไขสุดท้ายก็ไม่ได้ถามกับอาหนิง ถ้าเจ้าอ้วนคัดผิดจริง ผมจะได้คัดแยกบทออกมาแท้ๆ
ตรวจเช็คไปได้สักพักจางฉีหลิงก็ลุกมาดู ผมมองเขาก่อนจะยิ้มเล็กๆ
“หิวน้ำไหม” เขานั่งลงตรงข้าม ผมรินน้ำชาบนโต๊ะไม้ให้เขา “ปวดหัวหรือเปล่า?”
เมินโหยวผิงไม่ตอบก่อนจะแบมือขอหนังสือในมือผมไป เห็นว่าไม่ใช่ธุระสำคัญผมก็เลยส่งให้เขาดู หน้ากระดาษถูกพลิกทีละหน้าปลายคิ้วขมวดเล็กๆยามเห็นหมึกดำๆแต่งแต้มบนกระดาษสีเหลืองเป็นดวงโต
“ต้องแกะอักษรที่ละตัวยากเอาการ แต่ไม่ลำบากเท่าไหร่” ผมบอกเขา ทำใจกล้าเดินไปนั่งข้างๆ
ผมชี้ให้เขาดูชื่อมนุษย์บางคน รวยแล้วจน จนแล้วรวยอีกรอบ เบ็ดเสร็จ 16 รอบ ครบ 1 ชะตาชีวิต ดูแล้วคงลำบากพิกล เห็นแล้วส่ายหน้าเลยจริงๆ เมินโหยวผิงอ่านไปเรื่อยๆ ผมก็จ้อไปข้างๆ จนไปถึงช่วงที่มีตัวเลขปรากฏขึ้น เมินโหยวผิงมองละเอียดยิบ ก่อนจะทำหน้าทะมึน ผมรีบถอยหลังออกห่างจากเขาทันทีเมื่ออ่านบรรยากาศแปลกๆได้
“ได้มาจากที่ไหน” ประโยคแรกของการเดินทาง ผมสะบัดหน้าพรืดไม่พอใจทำไมต้องกดเสียงด้วย
“จากเสี่ยอ้วน” ผมสะบัดอารมณ์ลงไป มองเขาเขม็งก่อนจะเริ่มเหงื่อออก ขาหลังค่อยๆถอยห่างออกจากเขา “ฉันได้มาจากเสี่ยอ้วน ขอให้ช่วยแก้บัญชีรายชื่อเท่านั้น”
เมินโหยวผิงเดินตรงเข้ามาก่อนจะเหวี่ยงผมลงไปนอนบนตั่งผมมองเขาตาค้าง
“ได้มาจากที่ไหน” คำถามเดิมถูกถามซ้ำแต่ความคุกคามมากขึ้น
ผมเจ็บหลังจนจุกตะโกนด่าเขาไปทีหนึ่งก่อนจะพุ่งตัวหนี แต่เมินโหยวผิงกลับแก้ทางพลิกตัวผมคว่ำลงกระชากเสื้อคลุมออก ผมพลิกตัวถีบเขาอีก 1 ที ก่อนจะปล่อยหมัดวืดใส่หน้าเขา
“อยู่นิ่งๆได้ไหม” เหมินโหยวผิงบิดแขนผมก่อนจะล๊อคตัวแน่น มืออีกข้างปลดสายรัดเสื้อตัวในออก หน้าผมร้อนไปถึงหูร้องว๊ากดังๆ ในหัวมึนงงสะบัดตัวหนีออกจากเขา
เคร้ง….
กระจกในแขนเสื้อที่เขาเก็บไว้หล่นลงบนพื้น เหมิงโหยวผิงหน้าเปลี่ยน ตาวาวโรจน์ ผมรีบสะบัดตัวออกไป
“อู๋เสีย วางมันลง ห้ามใช้มันเด็ดขาด” เมินโหยวผิงออกคำสั่งน้ำเสียงเด่นชัด
ผมค่อยๆตั้งสติ ขยับถอยออกมาห่างๆกลัวว่าเขาจะเข้าใกล้มากกว่านี้ เมินโหยวผิงเห็นท่าทางผมก็สะบัดหัว ตาวาว แต่ไม่ก้าวเข้ามา ผมตั่งกระจกส่องแน่น เหล่าเทพจะไม่มีเงาในวัตถุสะท้อน รวมถึงผมด้วย
faliona01- ด้วงต้นไม้เทพเจ้า
- จำนวนข้อความ : 261
Points : 3935
Join date : 02/11/2014
ที่อยู่ : เตียงหยกเย็นในถ้ำสุสานโบราณ
Re: [FIC] ซีรี่สวรรค์องค์ที่ 1 [ผิงเสีย]
เมินโหยวผิงเห็นผมทำแบบนี้ก็ยิ่งเดือดเข้าไปอีก จากปกติที่เขาเป็นคนใจเย็น ผมว่ามันแปลกมากๆไม่ใช้กระจกแต่ก็ตั้งท่าไว้อยู่ เหมินโหยวผิงเห็นผมยอมอยู่นิ่งๆก็ค่อยๆสงบลง
“นายฟังฉั…”
ยังไม่ทันพูดจบ หนังสือดวงชะตามนุษย์ก็ส่องแสงสีทองสว่าง ตัวอักษรลอยออกมามากมายเต็มคันรถ เหมินโหยวผิงชักดาบดำออกมา พร้อมๆกับตัวอักษรหมุนวนเป็นสายพุ่งมารัดคอผม รู้สึกได้ว่าแผ่นหลังร้อนระอุ ได้ยินเสียงสวดบางอย่าง สติใกล้หลุดปากขยับออกไปเอง
“ตรึง!!!”
แล้วผมก็หมดสติไป
ทั้งชีวิต ผมเคยสูญไอฟ้าดินเกือบดับสลายอยู่ 3 ครั้ง ครั้งแรกตอนตามอาสามไปที่โลกมนุษย์ผลัดหลงกับอาสามเจอราชามาร ผมสู้ยิบตาก่อนใช้วาจาสิทธิ์ เสี่ยอ้วนกับเมินโหยวผิงบุกมาช่วย แม่ป้อนน้ำจากบัวสวรรค์อยู่ 9 เดือนกว่า ผมจึงพอมีแรงฟื้นพลังด้วยตัวเองไหว ครั้งที่ 2 ช่วงผ่านด่านอัศนี ผมโดนสายฟ้าผ่าอยู่ 5 เส้น เคี่ยวกรำถึงกระดูก เกือบธาตุแตก ได้ยาจากเฉินผีอาซือผมเลยรอดมาได้อีกครั้ง แต่ต้องไปกวาดบ้านชดใช้ให้เขาอยู่เกือบ 1,500 ปี ส่วนครั้งที่ 3 ผมช่วยเมินโหยวผิง 9 ด่านอัศนี ผ่าใส่เขาสะเทือนลั่นสวรรค์ ร่างสะบักสะบอม วันต่อมา พวกภพปีศาจบุกสวรรค์ เมินโหยวผิงออกช่วยโจมตีอาการทรุด ตอนนั้นผมกับเขาถูกซากของทับ ผมปลอดภัย แต่เขากลับตรงกันข้าม ผมจำไม่ได้ว่าพูดอะไรออกไป แต่ภายหลังผมนอนกระอักเลือด แต่ไร้บาดแผล พลังแตกซ่านรั่วไหลเกือบหมด เหมินโหยวผิงบาดแผลเต็มกาย ส่วนผมนอนชักอยู่ 7 คืน ปิดตำหนักหมุนพลัง 9 สกุลลงแรง สุดท้ายยื้ดชีวิตผมไว้ได้ รักษาอยู่อีกเกือบ 1,000 กว่าปีถึงจะหาย
เมินโหยวผิงเก็บตัวเงียบ นานๆจึงจะได้เจอเขาสักที บางครั้งก็โผล่มาแกล้งบ้าง แต่ผมไม่ค่อยดีใจเท่าไหร่ ตอนท้ายผมถึงได้รู้ว่าเมินโหยวผิงบุกภพปีศาจเกือบล้างดินแดนจนหมดสิ้นด้วยตัวเพียงคนเดียว
เล่นเอาผมขวัญผวาไปนานเมื่อเขาเอาหัวพวกปีศาจมากองให้ผมที่ลานบ้านสูงเท่าภูเขา
ภายในรถม้าสิ่งของกระเด็นกองไปทั่ว อู๋เสียลงไปนอนทอดตัวยาวหอบหักอยู่กับพื้น ตาปรือปรอยเกือบปิดสนิท ไอสีฟ้าขาวลอยออกมาจากริมฝีปากตามการหอบของเจ้าตัว มือกดแน่นลงที่อก คิ้วขมวดทรมาน
เมินโหยวผิงช้อนตัวอู๋เสียแนบอก ศีรษะเล็กซบลงคู้ตัวทรมาน ถ้าตอนนั้นเขาแก้ทางไม่ทัน ทั้งเขาและอู๋เสียคงไม่รอดแน่ๆ
ค่อยๆวางลงบนตั่งเลิกเสื้อออกมา บนแผ่นหลังของอู๋เสียปรากฏตัวอักษรขาดๆ เรียงอยู่ 5 แถว เห็นทีเขาคงต้องคุยกับพานจื่อแล้ว ว่าเรื่องที่แดนเซียน อาสามของอู๋เสียสืบได้ความว่ายังไง แต่ดูเหมือนตอนนี้เขาก็ต้องจัดการเรื่องตัวปลอมที่หลบซ่อนอยู่บนสวรรค์แห่งนี้เหมือนกัน เพราะนายอ้วนเขาพึ่งส่งให้ไปจับตาดูพวกภพใต้สมุทรอย่างเป็นความลับ ไม่มีทางที่นายอ้วนจะอยู่บนสวรรค์ในตอนนี้
คมดาบกรีดผ่านฝ่ามือ เมินโหยวผิงค่อยๆเขียนตัวอักษรทับไปบนแผ่นหลัง นิ้ว 2 นิ้วที่ยาวกว่าปกติตวัดลากผ่านได้ยินเสียงซ่าของตัวอักษรสีทองค่อยๆหายไปทีละตัว ถ้าหากอู๋เสียค่อยๆจำแนกตัวอักษรจนหมดเล่มมนต์อัญเชิญจะถูกตั้งโดยสมบูรณ์ ถึงเวลานั้น ต่อให้มีปีก เขาคงตามหาอู๋เสียไม่พบ เจ้าตัวคงไม่รู้ ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา พลังของตัวเองนั้นเป็นที่ต้องการขนาดไหน เขาฆ่าไปมากเท่าไหร่เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกช่วงชิง ถ้าเพียงแต่อู๋เสียคุมมันได้ก็แล้วไป แต่ร่างที่เหมือนภาชนะก้นรั่วแบบนี้คงได้แต่หมดหวัง
เมินโหยวผิงพลิกตัวอู๋เสียที่เหงื่อโทรมกาย ไอสีฟ้าขาวลอยออกมาตามการหอบ
พลังฟ้าดิน
เขาส่ายหน้าเกลี่ยเส้นผม ใบหน้าที่ดูเยาว์วัยหลับพริ้มทุกข์ทรมาน มือลากผ่านพวงแก้มนุ่มก่อนจะแนบริมฝีปากตนเองลงไป
อู๋เสียฝันวนซ้ำไปมา เขาฝันว่าเมินโหยวผิงอุ้มเขาไว้แนบอกบรรจงวางลงบนเตียงในเขตของสกุลจาง เช็ดเหงื่อที่ไหลโทรมของเขาและนั่งอ่านอยู่ที่โต๊ะตัวกลม เจ้าจิ้งจอกร้องหงิงๆอยู่ด้านนอก เวลาเขาร้องครางกุมหน้าอก เมินโหยวผิงจะลุกมาหา ช้อนศีรษะเขาแล้วจูบลงมา ไอฟ้าดินถ่ายทอดเข้ามาผ่านริมฝีปากเขากลืนกินอย่างกระหาย ใต้สาปเสื้อของเมินโหยวผิงเขาเห็นรอยสักปรากฏขึ้นวับๆแวมๆ พวงแก้มแดงเรือฝันๆๆๆนี้เขากำลังฝันอยู่แน่ๆ
ยามถอนออกไปเขาจะทอดตัวระทวย ส่วนเมินโหยวผิงกำหมัดแน่นก้มหน้าอ่านหนังสือเหมือนอดกลั้นบางอย่าง ได้ยินเสียงเจ้าขาวตะกุยพื้นร้องหงิงๆ หลับๆตื่นๆวนเวียนไปเรื่อย จูบซ้ำไปมาเป็นวงกลม
ครั้งสุดท้ายเขาตื่นมาอยู่ในอ้อมกอดของเมินโหยวผิง หอบหายใจน้อยๆรู้สึกได้ว่าครั้งนี้อาการทุเลาลงมาก ครองสติไม่ค่อยอยู่ตาพร่ามัว แต่ยังคงเห็นได้ถึงคนข้างตัวที่ลืมตามามองเขา ก่อนจะประทับริมฝีปากอีกครั้ง
เนิ่นนาน… อย่างไม่สิ้นสุด
จูบนุ่มนวลอ่อนหวาน ผมค่อยๆจับแขนกำยำนั้นแน่น ก่อนจะถูกเปลี่ยนองศาการจูบ เหมือนอากาศจะถูกช่วงชิงไป เล็บจิกแน่นลงบนท่อนแขน ถูกบดเบียดซ้ำไปมา ก่อนจะถูกถอนริมฝีปากไล้มาตามลำคอที่กรุ่นกลิ่นดอกท้อของผม ขบเม้มลงบนลำคอเสียงลมหายใจรินลด ฝันอะไรกันแบบนี้
ดั่งเมาสุราเลิศรส เสียงครางของผมมันน่าอายจริงๆ สติเริ่มหลุดลอยอีกครั้ง อา… เมื่อไหร่ผมจะตื่นกันนะ
“หลับเถอะ อู๋เสีย มันเป็นแค่ฝันตื่นหนึ่ง” เมินโหยวผิงกระซิบข้างหู ผมไม่รู้ว่าเขาบอกกับผมหรือตัวเอง
เขาทิ้งตัวลงนอนอีกครั้งโอบกอดผมและกำหมัดแน่น มองเห็นสันกรามนูนขึ้นมาเล็กน้อย
อาการเจ็บตรงหน้าอกไม่มีแล้ว ผมยิ้ม ก่อนจะเบียดตัวไปหาเขาลึกที่สุดและกอดแน่นๆ เมินโหยวผิงมองผมด้วยแววตาที่อ่านไม่ออก
“นายมันงี่เง่าที่สุด จางฉีหลิง” ผมพูดออกมา
ใช่มันเป็นฝันตื่นหนึ่ง ผมยิ้มและกอดเขาแน่นๆ ซบหน้าลงบนแขนกว้างและอกอุ่น เมินโหยวผิงกอดผมแน่น สัมผัสได้ถึงปลายคางของเขาที่อยู่ด้านบน
ข้างนอกหนาวจับใจ ห่มผ้าก็อุ่นดี แต่แบบนี้ก็อุ่นดีเหมือนกัน…
“นายฟังฉั…”
ยังไม่ทันพูดจบ หนังสือดวงชะตามนุษย์ก็ส่องแสงสีทองสว่าง ตัวอักษรลอยออกมามากมายเต็มคันรถ เหมินโหยวผิงชักดาบดำออกมา พร้อมๆกับตัวอักษรหมุนวนเป็นสายพุ่งมารัดคอผม รู้สึกได้ว่าแผ่นหลังร้อนระอุ ได้ยินเสียงสวดบางอย่าง สติใกล้หลุดปากขยับออกไปเอง
“ตรึง!!!”
แล้วผมก็หมดสติไป
ทั้งชีวิต ผมเคยสูญไอฟ้าดินเกือบดับสลายอยู่ 3 ครั้ง ครั้งแรกตอนตามอาสามไปที่โลกมนุษย์ผลัดหลงกับอาสามเจอราชามาร ผมสู้ยิบตาก่อนใช้วาจาสิทธิ์ เสี่ยอ้วนกับเมินโหยวผิงบุกมาช่วย แม่ป้อนน้ำจากบัวสวรรค์อยู่ 9 เดือนกว่า ผมจึงพอมีแรงฟื้นพลังด้วยตัวเองไหว ครั้งที่ 2 ช่วงผ่านด่านอัศนี ผมโดนสายฟ้าผ่าอยู่ 5 เส้น เคี่ยวกรำถึงกระดูก เกือบธาตุแตก ได้ยาจากเฉินผีอาซือผมเลยรอดมาได้อีกครั้ง แต่ต้องไปกวาดบ้านชดใช้ให้เขาอยู่เกือบ 1,500 ปี ส่วนครั้งที่ 3 ผมช่วยเมินโหยวผิง 9 ด่านอัศนี ผ่าใส่เขาสะเทือนลั่นสวรรค์ ร่างสะบักสะบอม วันต่อมา พวกภพปีศาจบุกสวรรค์ เมินโหยวผิงออกช่วยโจมตีอาการทรุด ตอนนั้นผมกับเขาถูกซากของทับ ผมปลอดภัย แต่เขากลับตรงกันข้าม ผมจำไม่ได้ว่าพูดอะไรออกไป แต่ภายหลังผมนอนกระอักเลือด แต่ไร้บาดแผล พลังแตกซ่านรั่วไหลเกือบหมด เหมินโหยวผิงบาดแผลเต็มกาย ส่วนผมนอนชักอยู่ 7 คืน ปิดตำหนักหมุนพลัง 9 สกุลลงแรง สุดท้ายยื้ดชีวิตผมไว้ได้ รักษาอยู่อีกเกือบ 1,000 กว่าปีถึงจะหาย
เมินโหยวผิงเก็บตัวเงียบ นานๆจึงจะได้เจอเขาสักที บางครั้งก็โผล่มาแกล้งบ้าง แต่ผมไม่ค่อยดีใจเท่าไหร่ ตอนท้ายผมถึงได้รู้ว่าเมินโหยวผิงบุกภพปีศาจเกือบล้างดินแดนจนหมดสิ้นด้วยตัวเพียงคนเดียว
เล่นเอาผมขวัญผวาไปนานเมื่อเขาเอาหัวพวกปีศาจมากองให้ผมที่ลานบ้านสูงเท่าภูเขา
ภายในรถม้าสิ่งของกระเด็นกองไปทั่ว อู๋เสียลงไปนอนทอดตัวยาวหอบหักอยู่กับพื้น ตาปรือปรอยเกือบปิดสนิท ไอสีฟ้าขาวลอยออกมาจากริมฝีปากตามการหอบของเจ้าตัว มือกดแน่นลงที่อก คิ้วขมวดทรมาน
เมินโหยวผิงช้อนตัวอู๋เสียแนบอก ศีรษะเล็กซบลงคู้ตัวทรมาน ถ้าตอนนั้นเขาแก้ทางไม่ทัน ทั้งเขาและอู๋เสียคงไม่รอดแน่ๆ
ค่อยๆวางลงบนตั่งเลิกเสื้อออกมา บนแผ่นหลังของอู๋เสียปรากฏตัวอักษรขาดๆ เรียงอยู่ 5 แถว เห็นทีเขาคงต้องคุยกับพานจื่อแล้ว ว่าเรื่องที่แดนเซียน อาสามของอู๋เสียสืบได้ความว่ายังไง แต่ดูเหมือนตอนนี้เขาก็ต้องจัดการเรื่องตัวปลอมที่หลบซ่อนอยู่บนสวรรค์แห่งนี้เหมือนกัน เพราะนายอ้วนเขาพึ่งส่งให้ไปจับตาดูพวกภพใต้สมุทรอย่างเป็นความลับ ไม่มีทางที่นายอ้วนจะอยู่บนสวรรค์ในตอนนี้
คมดาบกรีดผ่านฝ่ามือ เมินโหยวผิงค่อยๆเขียนตัวอักษรทับไปบนแผ่นหลัง นิ้ว 2 นิ้วที่ยาวกว่าปกติตวัดลากผ่านได้ยินเสียงซ่าของตัวอักษรสีทองค่อยๆหายไปทีละตัว ถ้าหากอู๋เสียค่อยๆจำแนกตัวอักษรจนหมดเล่มมนต์อัญเชิญจะถูกตั้งโดยสมบูรณ์ ถึงเวลานั้น ต่อให้มีปีก เขาคงตามหาอู๋เสียไม่พบ เจ้าตัวคงไม่รู้ ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา พลังของตัวเองนั้นเป็นที่ต้องการขนาดไหน เขาฆ่าไปมากเท่าไหร่เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกช่วงชิง ถ้าเพียงแต่อู๋เสียคุมมันได้ก็แล้วไป แต่ร่างที่เหมือนภาชนะก้นรั่วแบบนี้คงได้แต่หมดหวัง
เมินโหยวผิงพลิกตัวอู๋เสียที่เหงื่อโทรมกาย ไอสีฟ้าขาวลอยออกมาตามการหอบ
พลังฟ้าดิน
เขาส่ายหน้าเกลี่ยเส้นผม ใบหน้าที่ดูเยาว์วัยหลับพริ้มทุกข์ทรมาน มือลากผ่านพวงแก้มนุ่มก่อนจะแนบริมฝีปากตนเองลงไป
อู๋เสียฝันวนซ้ำไปมา เขาฝันว่าเมินโหยวผิงอุ้มเขาไว้แนบอกบรรจงวางลงบนเตียงในเขตของสกุลจาง เช็ดเหงื่อที่ไหลโทรมของเขาและนั่งอ่านอยู่ที่โต๊ะตัวกลม เจ้าจิ้งจอกร้องหงิงๆอยู่ด้านนอก เวลาเขาร้องครางกุมหน้าอก เมินโหยวผิงจะลุกมาหา ช้อนศีรษะเขาแล้วจูบลงมา ไอฟ้าดินถ่ายทอดเข้ามาผ่านริมฝีปากเขากลืนกินอย่างกระหาย ใต้สาปเสื้อของเมินโหยวผิงเขาเห็นรอยสักปรากฏขึ้นวับๆแวมๆ พวงแก้มแดงเรือฝันๆๆๆนี้เขากำลังฝันอยู่แน่ๆ
ยามถอนออกไปเขาจะทอดตัวระทวย ส่วนเมินโหยวผิงกำหมัดแน่นก้มหน้าอ่านหนังสือเหมือนอดกลั้นบางอย่าง ได้ยินเสียงเจ้าขาวตะกุยพื้นร้องหงิงๆ หลับๆตื่นๆวนเวียนไปเรื่อย จูบซ้ำไปมาเป็นวงกลม
ครั้งสุดท้ายเขาตื่นมาอยู่ในอ้อมกอดของเมินโหยวผิง หอบหายใจน้อยๆรู้สึกได้ว่าครั้งนี้อาการทุเลาลงมาก ครองสติไม่ค่อยอยู่ตาพร่ามัว แต่ยังคงเห็นได้ถึงคนข้างตัวที่ลืมตามามองเขา ก่อนจะประทับริมฝีปากอีกครั้ง
เนิ่นนาน… อย่างไม่สิ้นสุด
จูบนุ่มนวลอ่อนหวาน ผมค่อยๆจับแขนกำยำนั้นแน่น ก่อนจะถูกเปลี่ยนองศาการจูบ เหมือนอากาศจะถูกช่วงชิงไป เล็บจิกแน่นลงบนท่อนแขน ถูกบดเบียดซ้ำไปมา ก่อนจะถูกถอนริมฝีปากไล้มาตามลำคอที่กรุ่นกลิ่นดอกท้อของผม ขบเม้มลงบนลำคอเสียงลมหายใจรินลด ฝันอะไรกันแบบนี้
ดั่งเมาสุราเลิศรส เสียงครางของผมมันน่าอายจริงๆ สติเริ่มหลุดลอยอีกครั้ง อา… เมื่อไหร่ผมจะตื่นกันนะ
“หลับเถอะ อู๋เสีย มันเป็นแค่ฝันตื่นหนึ่ง” เมินโหยวผิงกระซิบข้างหู ผมไม่รู้ว่าเขาบอกกับผมหรือตัวเอง
เขาทิ้งตัวลงนอนอีกครั้งโอบกอดผมและกำหมัดแน่น มองเห็นสันกรามนูนขึ้นมาเล็กน้อย
อาการเจ็บตรงหน้าอกไม่มีแล้ว ผมยิ้ม ก่อนจะเบียดตัวไปหาเขาลึกที่สุดและกอดแน่นๆ เมินโหยวผิงมองผมด้วยแววตาที่อ่านไม่ออก
“นายมันงี่เง่าที่สุด จางฉีหลิง” ผมพูดออกมา
ใช่มันเป็นฝันตื่นหนึ่ง ผมยิ้มและกอดเขาแน่นๆ ซบหน้าลงบนแขนกว้างและอกอุ่น เมินโหยวผิงกอดผมแน่น สัมผัสได้ถึงปลายคางของเขาที่อยู่ด้านบน
ข้างนอกหนาวจับใจ ห่มผ้าก็อุ่นดี แต่แบบนี้ก็อุ่นดีเหมือนกัน…
faliona01- ด้วงต้นไม้เทพเจ้า
- จำนวนข้อความ : 261
Points : 3935
Join date : 02/11/2014
ที่อยู่ : เตียงหยกเย็นในถ้ำสุสานโบราณ
Re: [FIC] ซีรี่สวรรค์องค์ที่ 1 [ผิงเสีย]
เช้าวันใหม่ ผมตื่นมาเกือบบ่าย ท้องร้องโครกลุกลงจากเตียง พอเปิดประตูก็แทบตาถลน พวกหมาที่คุณปู่เลี้ยงนอนกลิ้งอาบแดดกันเป็นแพหน้าประตู พอมันเห็นผมก็เห่ากันโครมคราม วิ่งวนไปมาและมีบางส่วนวิ่งออกไปนอกประตูทางเข้า
สวนสกุลอู๋ บ้านสกุลอู๋ และห้องของอู๋เสียทุกอย่างเหมือนเดิม
“ฝันจริงๆ” ผมพึมพำ บนโต๊ะกลางห้องมีหนังสือของเทพดวงชะตา เล่ม 2 ที่ผมต้องตรวจทาน ผมหยิบมาดูและพบว่ามันถูกแก้ไขแล้วเรียบร้อยลายมือหนักและเรียบร้อย คงจะเป็นเมินโหยวผิงทำให้ ข้างๆมีสมุดบัญชีตัวเลขรับจ่ายของพวกเทพกสิกรรมที่คัดแยกออกมาจากตัวฉบับจริง ซึ่งผมก็พึ่งรู้ว่าเงินรับเงินจ่ายพวกนี้เป็นค่าเช่าของที่เทพกสิกรรมยืมไปทำพิธี
ปั้มน้ำอันโต? คราวนี้คณะเทพกสิกรรมคงลงมติให้น้ำท่วมเมืองเล่นแน่ๆ เพราะถ้าน้ำไม่ท่วมเมือง พวกเขาก็เอาปุ๋ยสูตรใหม่ไปลงทดลองใช้ไม่ได้ แหม๋ๆๆ ลงทุนกันจริงๆ
เจ้าพวกมนุษย์ตาดำๆก็ทนเอาหน่อยเดี๋ยวมันก็ผ่านไปละนะ!
ทำไมผมมานอนที่นี้กัน สงสัยหลับคาโต๊ะอีกตามเคย สักพักหวังเหมิงก็เดินเข้ามา ถ้วยข้าวต้มมีถั่วแดงด้วย กลิ่นหอมฉุยส่งกลิ่นฟุ้ง ดูเหมือนวันนี้แม่จะลงครัว
“วันนี้ตื่นสายนะครับนายน้อย” เขาทัก ส่วนผมก็พยักหน้าไปผ่านๆ “ที่สวนท้อผมให้พวกกระต่ายทำหน้าที่ไปก่อน พักบ้างก็ดีนะครับ เมื่อวานท่านจางฉีหลิงอุ้มท่านมาส่ง ท่านอารองของนายน้อยดูจะไม่ชอบเขาเท่าไหร่ วันนี้ก็เลยให้ผมมาบอกว่า พักอยู่ในบ้านไม่ต้องทำงาน เดี๋ยวเขาทำให้แทน ถ้าเบื่อก็ให้ไปช่วยเขาคัดเอกสารแทน”
ผมเลิกคิ้วจู่ๆก็ได้พักหยุดยาวอย่างไม่มีเหตุผล กินข้าวต้มเสร็จผมก็โบกมือให้เขาเอาไปเก็บ แต่งตัวใหม่จะออกไปเจออารอง ก้าวพ้นประตูเจ้าพวกหมาของปู่ก็วิ่งมาดักหน้า เห่าโฮ่งๆวิ่งวนไปมาดันเขามาถึงโถงรับแขก อ้อ! มีแขกมาหา
เสี่ยวฮัวนั่งกินขนมแป้งทอด ในมือมีพลองอันยาว พอเขาเดินมาก็วางขนมในมือลงวิ่งมาบีบไหล่ผมอย่างยิ้มแย้ม ก่อนจะหน้าเปลี่ยนไปหลังจากมองผมชัดๆ
“นายเกลียดใครในตระกูลจางไหม? ฉันจัดการให้ได้นะ” พอเขาพูดอย่างนั้นผมก็ทำหน้าเหลอหลา ก่อนจะโวยวายเมื่อถูกเขาหมุนตัวเหมือนเป็นหุ่นลองเสื้อ
“เสี่ยวฮัว เล่นบ้านอะไรเนี้ย!!”
“ไม่มีร่องรอย ไม่บุบสลาย แต่ตำหนินั้น บังอาจมาก…” เขาบ่นพึมพำฟังไม่ได้ศัพท์ ร่องรอยอะไรนะ เสี่ยวฮัวพูดชัดๆหน่อยสิได้ยินไม่ชัด
เรา 2 คนคุยกันสักแปป คุยจบเสี่ยวฮัวก็ถลาลั่นถือพลองแน่นออกวิ่งไป ปานจะไปตีหัวใครตาย ผมทำหน้างง เสี่ยวฮัววันนี้แปลกไป
ผมนักเล่นอยู่ในห้องรับแขกสักพัก ผู้มาเยือนรายที่ 2 ก็มา เป็นเสี่ยอ้วนที่ทำหน้าทะมึนทึนนิดๆ ผมก็มองอย่างงงๆ เขาถามถึงสมุดบันทึก ผมก็หยิบออกจากแขนเสื้อ ส่งให้เขา ผมเห็นเสี่ยอ้วนยิ้มเขี้ยวฟัน เหมือนจะไปกวาดล้างกองทัพที่ไหนสักที่หลักจากเปิดสมุดพลิกไปมา อ่านตัวอักษร เทียบเลขด้านหลัง อ่านตัวอักษร เทียบเลขด้านหลังซ้ำตลอด
“ลำบากนายแล้วเทียนเจินอู๋เสีย ขอบคุณนายมากจริงๆ” บีบไหล่ผมแน่น เหมือนสำนึกผิดอะไรบางอย่าง คุยกัน 3 คำแล้วก็ไป ก่อนไปพ้นสายตา ผมเห็นออร่าทะมึนพุ่งกระจายมาจากตัวเขา
ทำเหมือนจะไปฆ่าล้างดินแดนสักดินแดนจริงๆนะ ทำไมแขกวันนี้แปลกพิกล
ผมก็ได้แต่ส่ายหน้า เดินไปเฉลียงขวา ห้องอารอง ตะโกนถามเข้าไปข้างใน ก่อนจะมีเสียงบอกให้ผมเข้ามา
ในห้องของอารองเต็มไปด้วยเอกสารมากมาย ผมนั่งคัดแยกอยู่ค่อนวันก็ไม่เสร็จสักที ออกไปกินขนมเล่นและเดินกลับเข้ามาทำต่อ ซ้ำไปมาจนฟ้าเปลี่ยนสี อารองถึงได้เงยหน้าคุยกับผม
“อู๋เสีย ต่อไปนี้หากนายเจอจางฉีหลิงก็จงหนีไปให้ไกลที่สุด เข้าใจไหม” อีกแล้ว ทำไมวันนี้คนรอบตัวผมแปลกพิกลสกุลจางเล่นอะไรอีกแล้ว คราวก่อนก็ขอพระพุทธรูปจากองค์ยูไลมาตั้งเล่นกลางบ้านไปทีนึงแล้ว “งานนี้จากฉีหลิงส่งมาให้แกทำ”
แล้วอารองก็ยกเอกสารกองโตมาวางโชว์บนโต๊ะ นี้ผมต้องทำกี่วันถึงจะเสร็จ
“ก็เป็นเรื่องขังแกไม่ให้ออกไปข้างนอกชั่วคราวดีนะ แต่ทำใจชอบมันไม่ลงจริงๆ งานนี้ฉันช่วยแกทำไปบางส่วนแล้ว ที่เหลือแกก็ทำเอาเอง” ผมพยักหน้างงๆ รับคำของอารอง อะไรคือขังผมไว้ชั่วคราว มีเรื่องอะไรอีกแล้ว สกุลจางก่อวีรกรรมอีกแล้วใช่ไหม อา… ผมไม่ยุ่งก็ได้
ผมหอบหิ้วเอกสารกองโตไปไว้ที่ห้อง ผมเริ่มสำนึกได้ว่า นี้เขากำลังแกล้งผมเล่นอยู่อีกหรือเปล่า หลายงานที่ผ่านตา มันเป็นงานของสกุลจางหลายอย่างเลย ทำไมผมต้องทำให้เขาด้วยละ
ค่าแบกเขามาส่งสินะ!! นายเมินโหยวผิง นายคนใจดำ!!! จำไว้เลยนะ!!
*************************************
ใครอ่านมาถึงนี้จบ กราบขอบคุณจริงๆคะ คุณได้รับการอัพเลเวลเเล้ว (เสียงอัพเลเวลดังขึ้น)
ยาวไปใครทนไม่ไหวก็คอมเม้นเอาไว้ได้เลยนะคะ จะปรับเเก้ตัวอักษร ตัดทอนส่วนไม่สำคัญทิ้งให้หมดเลยคะ
(มอบดอกไม้แทนความในใจ ขอบคุณที่ทนอ่านมาได้คะ)
สวนสกุลอู๋ บ้านสกุลอู๋ และห้องของอู๋เสียทุกอย่างเหมือนเดิม
“ฝันจริงๆ” ผมพึมพำ บนโต๊ะกลางห้องมีหนังสือของเทพดวงชะตา เล่ม 2 ที่ผมต้องตรวจทาน ผมหยิบมาดูและพบว่ามันถูกแก้ไขแล้วเรียบร้อยลายมือหนักและเรียบร้อย คงจะเป็นเมินโหยวผิงทำให้ ข้างๆมีสมุดบัญชีตัวเลขรับจ่ายของพวกเทพกสิกรรมที่คัดแยกออกมาจากตัวฉบับจริง ซึ่งผมก็พึ่งรู้ว่าเงินรับเงินจ่ายพวกนี้เป็นค่าเช่าของที่เทพกสิกรรมยืมไปทำพิธี
ปั้มน้ำอันโต? คราวนี้คณะเทพกสิกรรมคงลงมติให้น้ำท่วมเมืองเล่นแน่ๆ เพราะถ้าน้ำไม่ท่วมเมือง พวกเขาก็เอาปุ๋ยสูตรใหม่ไปลงทดลองใช้ไม่ได้ แหม๋ๆๆ ลงทุนกันจริงๆ
เจ้าพวกมนุษย์ตาดำๆก็ทนเอาหน่อยเดี๋ยวมันก็ผ่านไปละนะ!
ทำไมผมมานอนที่นี้กัน สงสัยหลับคาโต๊ะอีกตามเคย สักพักหวังเหมิงก็เดินเข้ามา ถ้วยข้าวต้มมีถั่วแดงด้วย กลิ่นหอมฉุยส่งกลิ่นฟุ้ง ดูเหมือนวันนี้แม่จะลงครัว
“วันนี้ตื่นสายนะครับนายน้อย” เขาทัก ส่วนผมก็พยักหน้าไปผ่านๆ “ที่สวนท้อผมให้พวกกระต่ายทำหน้าที่ไปก่อน พักบ้างก็ดีนะครับ เมื่อวานท่านจางฉีหลิงอุ้มท่านมาส่ง ท่านอารองของนายน้อยดูจะไม่ชอบเขาเท่าไหร่ วันนี้ก็เลยให้ผมมาบอกว่า พักอยู่ในบ้านไม่ต้องทำงาน เดี๋ยวเขาทำให้แทน ถ้าเบื่อก็ให้ไปช่วยเขาคัดเอกสารแทน”
ผมเลิกคิ้วจู่ๆก็ได้พักหยุดยาวอย่างไม่มีเหตุผล กินข้าวต้มเสร็จผมก็โบกมือให้เขาเอาไปเก็บ แต่งตัวใหม่จะออกไปเจออารอง ก้าวพ้นประตูเจ้าพวกหมาของปู่ก็วิ่งมาดักหน้า เห่าโฮ่งๆวิ่งวนไปมาดันเขามาถึงโถงรับแขก อ้อ! มีแขกมาหา
เสี่ยวฮัวนั่งกินขนมแป้งทอด ในมือมีพลองอันยาว พอเขาเดินมาก็วางขนมในมือลงวิ่งมาบีบไหล่ผมอย่างยิ้มแย้ม ก่อนจะหน้าเปลี่ยนไปหลังจากมองผมชัดๆ
“นายเกลียดใครในตระกูลจางไหม? ฉันจัดการให้ได้นะ” พอเขาพูดอย่างนั้นผมก็ทำหน้าเหลอหลา ก่อนจะโวยวายเมื่อถูกเขาหมุนตัวเหมือนเป็นหุ่นลองเสื้อ
“เสี่ยวฮัว เล่นบ้านอะไรเนี้ย!!”
“ไม่มีร่องรอย ไม่บุบสลาย แต่ตำหนินั้น บังอาจมาก…” เขาบ่นพึมพำฟังไม่ได้ศัพท์ ร่องรอยอะไรนะ เสี่ยวฮัวพูดชัดๆหน่อยสิได้ยินไม่ชัด
เรา 2 คนคุยกันสักแปป คุยจบเสี่ยวฮัวก็ถลาลั่นถือพลองแน่นออกวิ่งไป ปานจะไปตีหัวใครตาย ผมทำหน้างง เสี่ยวฮัววันนี้แปลกไป
ผมนักเล่นอยู่ในห้องรับแขกสักพัก ผู้มาเยือนรายที่ 2 ก็มา เป็นเสี่ยอ้วนที่ทำหน้าทะมึนทึนนิดๆ ผมก็มองอย่างงงๆ เขาถามถึงสมุดบันทึก ผมก็หยิบออกจากแขนเสื้อ ส่งให้เขา ผมเห็นเสี่ยอ้วนยิ้มเขี้ยวฟัน เหมือนจะไปกวาดล้างกองทัพที่ไหนสักที่หลักจากเปิดสมุดพลิกไปมา อ่านตัวอักษร เทียบเลขด้านหลัง อ่านตัวอักษร เทียบเลขด้านหลังซ้ำตลอด
“ลำบากนายแล้วเทียนเจินอู๋เสีย ขอบคุณนายมากจริงๆ” บีบไหล่ผมแน่น เหมือนสำนึกผิดอะไรบางอย่าง คุยกัน 3 คำแล้วก็ไป ก่อนไปพ้นสายตา ผมเห็นออร่าทะมึนพุ่งกระจายมาจากตัวเขา
ทำเหมือนจะไปฆ่าล้างดินแดนสักดินแดนจริงๆนะ ทำไมแขกวันนี้แปลกพิกล
ผมก็ได้แต่ส่ายหน้า เดินไปเฉลียงขวา ห้องอารอง ตะโกนถามเข้าไปข้างใน ก่อนจะมีเสียงบอกให้ผมเข้ามา
ในห้องของอารองเต็มไปด้วยเอกสารมากมาย ผมนั่งคัดแยกอยู่ค่อนวันก็ไม่เสร็จสักที ออกไปกินขนมเล่นและเดินกลับเข้ามาทำต่อ ซ้ำไปมาจนฟ้าเปลี่ยนสี อารองถึงได้เงยหน้าคุยกับผม
“อู๋เสีย ต่อไปนี้หากนายเจอจางฉีหลิงก็จงหนีไปให้ไกลที่สุด เข้าใจไหม” อีกแล้ว ทำไมวันนี้คนรอบตัวผมแปลกพิกลสกุลจางเล่นอะไรอีกแล้ว คราวก่อนก็ขอพระพุทธรูปจากองค์ยูไลมาตั้งเล่นกลางบ้านไปทีนึงแล้ว “งานนี้จากฉีหลิงส่งมาให้แกทำ”
แล้วอารองก็ยกเอกสารกองโตมาวางโชว์บนโต๊ะ นี้ผมต้องทำกี่วันถึงจะเสร็จ
“ก็เป็นเรื่องขังแกไม่ให้ออกไปข้างนอกชั่วคราวดีนะ แต่ทำใจชอบมันไม่ลงจริงๆ งานนี้ฉันช่วยแกทำไปบางส่วนแล้ว ที่เหลือแกก็ทำเอาเอง” ผมพยักหน้างงๆ รับคำของอารอง อะไรคือขังผมไว้ชั่วคราว มีเรื่องอะไรอีกแล้ว สกุลจางก่อวีรกรรมอีกแล้วใช่ไหม อา… ผมไม่ยุ่งก็ได้
ผมหอบหิ้วเอกสารกองโตไปไว้ที่ห้อง ผมเริ่มสำนึกได้ว่า นี้เขากำลังแกล้งผมเล่นอยู่อีกหรือเปล่า หลายงานที่ผ่านตา มันเป็นงานของสกุลจางหลายอย่างเลย ทำไมผมต้องทำให้เขาด้วยละ
ค่าแบกเขามาส่งสินะ!! นายเมินโหยวผิง นายคนใจดำ!!! จำไว้เลยนะ!!
*************************************
ใครอ่านมาถึงนี้จบ กราบขอบคุณจริงๆคะ คุณได้รับการอัพเลเวลเเล้ว (เสียงอัพเลเวลดังขึ้น)
ยาวไปใครทนไม่ไหวก็คอมเม้นเอาไว้ได้เลยนะคะ จะปรับเเก้ตัวอักษร ตัดทอนส่วนไม่สำคัญทิ้งให้หมดเลยคะ
(มอบดอกไม้แทนความในใจ ขอบคุณที่ทนอ่านมาได้คะ)
faliona01- ด้วงต้นไม้เทพเจ้า
- จำนวนข้อความ : 261
Points : 3935
Join date : 02/11/2014
ที่อยู่ : เตียงหยกเย็นในถ้ำสุสานโบราณ
Re: [FIC] ซีรี่สวรรค์องค์ที่ 1 [ผิงเสีย]
กรี๊ดดดดด เวอร์ชั่นเทพบนสวรรค์ช่างดีงาม นายน้อยขาเกือบโดนกิเลนกินแล้วยังไม่รู้ตัวอีก เสี่ยวเกอเองก็ช่างมีความอดทนจริ๊งง ที่นายน้อยมักจะหนีหน้าอยู่บ่อยๆนี่คือสัมผัวได้ถึงรังสีหื่นกระหายจากกิเลนสินะคะ สัญชาตญาณมันคงบอก ฟฟฟฟ
SilverCloud- ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ
- จำนวนข้อความ : 433
Points : 4128
Join date : 27/10/2014
ที่อยู่ : ตู้เสื้อผ้าของอารอง
Re: [FIC] ซีรี่สวรรค์องค์ที่ 1 [ผิงเสีย]
ว้ายๆๆๆๆๆๆ นายน้อยโดนกินซะทีสิค้าาาาาาาาาาาา
meanato- ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ
- จำนวนข้อความ : 487
Points : 4149
Join date : 27/10/2014
Age : 26
ที่อยู่ : หลังประตูสัมฤทธิ์
Re: [FIC] ซีรี่สวรรค์องค์ที่ 1 [ผิงเสีย]
น่ารักมาเลยค่า
นายน้อยยอมเสี่ยวเกอเถอะนะคะ
นายน้อยยอมเสี่ยวเกอเถอะนะคะ
Kip2532- ด้วงฝึกหัด
- จำนวนข้อความ : 12
Points : 3669
Join date : 28/10/2014
Re: [FIC] ซีรี่สวรรค์องค์ที่ 1 [ผิงเสีย]
เทพน้อยตระกูลอู๋ใส่ชุดขาวมือนึงถือพัดมือถือลูกท้อ ล้อมรอบด้วยน้องกระต่าย เทียนเจินสุด แง
casey- ด้วงตำหนักหลู่หวังเจ็ดดารา
- จำนวนข้อความ : 86
Points : 3774
Join date : 27/10/2014
Re: [FIC] ซีรี่สวรรค์องค์ที่ 1 [ผิงเสีย]
ขอสารภาพว่าชอบอะไรแนวนี้ค่ะ
โฮรวววว อู๋เสียกับฝูงกระต่าย งีดดดด
พัดลมเบามาทางนี้บ้างสิคะ
นึกภาพเสี่ยวฮัวถือพลองแล้วแบบ...
อดคิดต่อไม่ได้ว่าเสี่ยวฮัวขี่เมฆด้วยแบบท่านหงอคงไหม *โดนพลองฟาด*
แอบหวังว่าจะได้อ่านแนวนี้ต่อนะคะ *ส่งสายตาปริบๆ*
โฮรวววว อู๋เสียกับฝูงกระต่าย งีดดดด
พัดลมเบามาทางนี้บ้างสิคะ
นึกภาพเสี่ยวฮัวถือพลองแล้วแบบ...
อดคิดต่อไม่ได้ว่าเสี่ยวฮัวขี่เมฆด้วยแบบท่านหงอคงไหม *โดนพลองฟาด*
แอบหวังว่าจะได้อ่านแนวนี้ต่อนะคะ *ส่งสายตาปริบๆ*
kaew_nya- ด้วงตำหนักหลู่หวังเจ็ดดารา
- จำนวนข้อความ : 60
Points : 3713
Join date : 03/11/2014
Re: [FIC] ซีรี่สวรรค์องค์ที่ 1 [ผิงเสีย]
อ่านเพลินสนุกมากๆเลยค่ะ
เสี่ยวเกอรีบฉวยโอกาสกินนายน้อยให้ไวเลยนะคะ อิอิ เดี๋ยวมีคนมาชิงเทียนเจินไปแล้วจะแย่
เสี่ยวเกอรีบฉวยโอกาสกินนายน้อยให้ไวเลยนะคะ อิอิ เดี๋ยวมีคนมาชิงเทียนเจินไปแล้วจะแย่
susuwatari- ด้วงตำหนักหลู่หวังเจ็ดดารา
- จำนวนข้อความ : 81
Points : 3777
Join date : 27/10/2014
Re: [FIC] ซีรี่สวรรค์องค์ที่ 1 [ผิงเสีย]
ฟินนนนนมากค่ะ นายน้อยช่างไร้เดียงสาน่ารักจริงๆเลย มายาวๆแบบนี้ชอบค่ะ ขอบคุณนะคะ
pim-lovedmbj- ด้วงฝึกหัด
- จำนวนข้อความ : 7
Points : 3655
Join date : 06/11/2014
Re: [FIC] ซีรี่สวรรค์องค์ที่ 1 [ผิงเสีย]
ว๊ายยยย ซีรี่ส์นี้คือกางเตนท์รอค่าาาาา
Feran.FS- ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ
- จำนวนข้อความ : 457
Points : 4130
Join date : 27/10/2014
Age : 29
ที่อยู่ : ใต้เตียงนอนเซี่ยจื่อหยาง...
Re: [FIC] ซีรี่สวรรค์องค์ที่ 1 [ผิงเสีย]
ชอบฉากนายน้อยกับน้องกระต่ายในสวนท้อ น่ารักมุ้งมิ้งสุดๆ อั้ยย
zerin- ด้วงสุสานใต้สมุทรทะเลซีซา
- จำนวนข้อความ : 188
Points : 3855
Join date : 05/11/2014
ที่อยู่ : เกาะอยู่หลังประตูสำริด
Re: [FIC] ซีรี่สวรรค์องค์ที่ 1 [ผิงเสีย]
รักเขาอยู่ชัดๆนะอาเสีย ว่าแต่เสี่ยวเกอคุ้มครองอาเสียโดยไม่ยอมให้เจ้าตัวรับรู้อะไรมาตลอดเลยสินะ รักมั่นจองตัวกันมาตั้งแต่อาเสียยังเด็ก สักวันคงได้มาสู่ขออย่างเป็นทางการ ว่าแต่ใครมันบังอาจปองร้ายอาเสีย ถึงกับปลอมตัวเป็นเสี่ยอ้วนมาทำร้ายอาเสียเลย แบบนี้มันอภัยให้ไม่ได้ เสี่ยวเกอต้องลงโทษมันหนักๆเลยนะ!!!!
hnee- ด้วงต้นไม้เทพเจ้า
- จำนวนข้อความ : 203
Points : 3862
Join date : 27/10/2014
Re: [FIC] ซีรี่สวรรค์องค์ที่ 1 [ผิงเสีย]
รออ่านต่อเลยย
kame_kazuha- ด้วงต้นไม้เทพเจ้า
- จำนวนข้อความ : 274
Points : 3933
Join date : 27/10/2014
ที่อยู่ : สุสานสักที่
Re: [FIC] ซีรี่สวรรค์องค์ที่ 1 [ผิงเสีย]
ยาวสะใจดีจริงๆ นอกจากคำผิดที่มีบ้างเล็กๆน้อยๆแล้ว อยากบอกว่าชอบค่ะ
ฟิคเรื่องนี้นายน้อยโมเอะจังแฮะ เกือบแย่แล้วนะอู๋เสีย ดีที่จางฉี่หลิงช่วยไว้ทัน
ชอบตอนถ่ายทอดไอฟ้าดิน จางฉี่หลิงรักนายน้อยมากเลย นายน้อยก็อย่าหนีเขาเลยนะ
ตั้งตารอตอนต่อไปนะคะ สนุกดี
ฟิคเรื่องนี้นายน้อยโมเอะจังแฮะ เกือบแย่แล้วนะอู๋เสีย ดีที่จางฉี่หลิงช่วยไว้ทัน
ชอบตอนถ่ายทอดไอฟ้าดิน จางฉี่หลิงรักนายน้อยมากเลย นายน้อยก็อย่าหนีเขาเลยนะ
ตั้งตารอตอนต่อไปนะคะ สนุกดี
Duke_of_Florence- ด้วงสุสานใต้สมุทรทะเลซีซา
- จำนวนข้อความ : 113
Points : 3767
Join date : 31/10/2014
Similar topics
» [OS] #dmbjdaily '520' (ผิงเสีย :: เหม่งจาง,ผิงเสีย)
» [FIC] ซีรีสวรรค์องค์ที่ 2 [ผิงเสีย]
» [OS] 'สูท' (ผิงเสีย :: จางฉี่หลิงxอู๋เสีย)
» [OS] สิ่งที่ไม่อาจปล่อยวาง [ผิงเสีย]
» [OS] ไม่มีครั้งที่สอง (ผิงเสีย)
» [FIC] ซีรีสวรรค์องค์ที่ 2 [ผิงเสีย]
» [OS] 'สูท' (ผิงเสีย :: จางฉี่หลิงxอู๋เสีย)
» [OS] สิ่งที่ไม่อาจปล่อยวาง [ผิงเสีย]
» [OS] ไม่มีครั้งที่สอง (ผิงเสีย)
หน้า 1 จาก 1
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
|
|
Fri 24 Jul 2020, 01:39 by gustoon
» [คู่มือด้วง] Keyword จีนสำหรับการขุด(แฟนดอม)สุสาน
Thu 21 Jun 2018, 00:29 by miskizfullmoon
» มังฮวาและภาคทิเบต
Thu 21 Jun 2018, 00:23 by miskizfullmoon
» [OS] Father is the best (ผิงเสีย)
Thu 03 Aug 2017, 16:12 by schneewittchen
» [Fic] สิ่งเล็กๆที่เชื่อมโลก5 [เมินโหยวผิง+อู่เสีย+เสี่ยอ้วน]+OC
Tue 01 Aug 2017, 12:30 by natsume
» [OS] #dmbjdaily (จูปาจุ๊บ) Bittersweet [ผิงเสีย AU]
Thu 06 Apr 2017, 15:58 by Zeth
» [OS] #dmbjdaily "โทรศัพท์มือถือ" - no Pairing [All]
Tue 04 Apr 2017, 22:27 by Zeth
» [OS] #DMBJDaily (แว่น): ระยะที่มองไม่เห็น [ฮัวเสีย]
Sat 01 Apr 2017, 16:55 by Zeth
» [OS] #DMBJdaily (5.20) ท่านยอดฝีมือ [หวังเหมิง (+เหมิงเสีย)(+ผิงเสีย)]
Thu 30 Mar 2017, 17:24 by Zeth