Countdown
We've been
togerther for

ค้นหา
 
 

Display results as :
 


Rechercher Advanced Search


[FIC] ซีรีสวรรค์องค์ที่ 2 [ผิงเสีย]

+6
pim-lovedmbj
SilverCloud
Feran.FS
kaew_nya
casey
faliona01
10 posters

Go down

[FIC] ซีรีสวรรค์องค์ที่ 2 [ผิงเสีย] Empty [FIC] ซีรีสวรรค์องค์ที่ 2 [ผิงเสีย]

ตั้งหัวข้อ by faliona01 Wed 12 Nov 2014, 20:52

ตอนเเรกคะ
https://dmbjth.thai-forum.net/t292-topic

============================================
แพร์ริ่ง : ผิงเสีย... (อืมๆๆ! ผิงเสียดีเเล้วละ!!)
Rate : NCเบาๆ (มีรีเควสจากตอนที่ 1 หลายคนอยากเห็นนายน้อยโดนกิน T^T น่าฉงฉานนายน้อย เอามาลงให้ชมก่อนก็ได้คะ)
จำนวนตอน : 1-2 (ไม่ได้กำหนดว่ากี่บทจบ เขียนเป็นซีรี่แบบจบในตอน อาจมีท้าวความไปตอนอื่นเป็นต้น)
แทบจะคลานขอบคุณ ที่ทุกคนรักหลงในเทียนเจินอู๋เสียฉบับสวรรค์มากๆคะ ตอนนี้ขอให้กิน เอ้ย! ชมอย่างมีความสุขนะคะ!!
============================================

ระเบิดมู้องค์ที่ 2 (บึ้ม!!)

หิมะสีขาวบนโลกมนุษย์เย็นเยือกหนาวเหน็บ มีมนุษย์มากมายหลายคนลาจากโลกไปมากมายเพราะความหนาว ฟืนไฟในช่วงฤดูนี้ขายดีรวมถึงชาร้อนๆสักหนึ่งถ้วยระหว่างการเดินทาง การล่าสัตว์เป็นไปได้ยากแต่สุดท้ายพวกเขาก็จะมีกิน เด็กซนๆทั้งหลายจะออกมาเล่นปาหิมะด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ยามค่ำคืนพวกเขาจะรวมตัวกันหน้าเตาผิงรวมถึงห้องโถงรวมที่มีไออุ่นๆ จับมือกันชี้ชวนมองท้องฟ้า ดูหิมะโปรยปราย ขับขานบทกวีถึงความงดงามและเย็นชาของมัน

มีความสุขกันมากเลยนะไอพวกมนุษย์!

“นายท่านอู๋เสีย!! เรามีด้ายฝ้ายสำหรับปั่นทำหิมะไม่พอครับ!!”

“เอานุ่นสำหรับทำลูกเห็บไปใช้แทน!”

“เรียนนายท่านอู๋เสีย ตอนนี้หิมะตกลงที่ซูโจวได้ปริมาณที่ต้องการแล้ว ขอคำสั่งย้ายสถานที่ขอรับ”

“เรียนนายน้อย เมื่อครู่ท่านชายสกุลเฮยกดปุ่มสวิตช์เครื่องปั่นหิมะผิด หิมะเลยตกที่ซูโจวเกินปริมาณที่ต้องการ ตอนนี้หิมะท่วมกินไปครึ่งเมืองแล้วขอรับ”

“งั้นพวกเจ้าก็แถมลูกเห็บใส่พวกมันอีก ถ้าเห็นว่าได้ที่แล้วก็พอ หลังจากนั้นหยุดการทำหิมะที่ซูโจวไป 4 วัน ถือว่าเป็นช่วงหิมะตกหนักให้พวกมันแทน ค่าบัญชีใช้ด้ายฝ้ายเกินปริมาณข้าจะส่งไปเก็บกับสกุลเฮย อย่าลืมย้ายไปตกที่จีหมิงแทนด้วยละ”

“กราบเรียนท่านอู๋เสีย ตอนนี้…”

และอีกมากมาย…

บนสวรรค์ชุลมุนวุ่นวายเมื่อถึงฤดูหนาว ตำหนักเหมันต์คึกคักไปด้วยทวยเทพออกทำหน้าที่ระดมกองฝ้ายใส่เครื่องปั่นหิมะที่หน้าตาเหมือนผลส้มขนาดยักษ์ ถ้ามองแบบพิจารณาเจ้าเครื่องตัวนี้มีลายดอกไม้น่ารักลายพร้อยไปหมดดูเจริญตา แต่ดูเหมือนบนโลกมนุษย์จะตายด้วยความหนาวเพราะไอเครื่องน่ารักนี้ไม่น้อยอยู่เหมือนกัน

“นายน้อยขอรับ!!!!! เครื่องผลิตหิมะตัวที่ 196 ระเบิดไปแล้วขอรับ!!!”

“ไปเรียนเชิญ 8 เซียน ท่านหลีทิไกว้ มาดูเหล็ก ระหว่างนี้พวกเจ้าก็ไปช่วยเทพหญิงแกะด้ายฝ้ายระหว่างรอเครื่องซ่อม อ้อ! อย่าลืมของฝากระหว่างทาง…”

นับว่าเริ่มเข้าฤดูนี้ทีไรทุกคนงานยุ่งรัดตัวจริงๆ

ในสวรรค์ฤดูเหมันต์นี้นับว่าคราวเคราะห์อย่างแท้จริง ท่านชายเหมันต์หลังจากรับตำแหน่งต่อจากบิดาเสร็จก่อนวันเริ่มฤดูกาลนี้เพียง 1วัน เกิดเหตุไม่ธรรมดา นอนผิดท่าหัวตกหมอน เดินหนึ่งก้าวกระเทือนไปถึงลำคอ ร้องโอดโอยไม่ได้ศัพท์ ชุลมุนวุ่นวายไปทั่วตำหนักจนต้องเกณฑ์เหล่าเทพจากตำหนักอื่นมาช่วยก่อนชั่วคราว

ตามปกติผมจะต้องพัดให้โลกมนุษย์เกิดพายุหิมะเพื่อความเหมาะสมกับตำแหน่งหน้าที่ แต่ดูจากสภาพเหตุการณ์แบบนี้คงต้องหยุดไปก่อนชั่วคราว ยังไงสะความหนาวเย็นของหิมะนี้ก็ช่วยจำกัดจำนวนมนุษย์ไม่ให้มีมากเกินไปอย่างพอตัว คิดไปคิดมาก็เพลียจริงๆหวังว่าวันหลังท่านจะนอนดีๆไม่คอตกหมอนอีกครั้ง ท่านรู้ไหมพวกข้าลำบากกันหน้าดู ทั้งหมดนี้เพื่อท่านเลยนะ ท่านชายเหมันต์!!

“อู๋เสีย จะพักก่อนไหม คณะกสิกรรมนึ่งหมั่นโถวมาฝาก เจ้าเหนื่อยมากพอแล้ว รีบจัดการธุระเล็กน้อยแล้วมากินก่อนเถอะ”

เสียงหวานนุ่มละมุนร้องเรียก ผมหันไปมองเจออาหนิงใส่ชุดสีเขียวข้างเอวประดับกระดิ่งส่งเสียงกรุ้งกริ้งน่าฟัง 2 มือถือลังหมั่นโถวนึ่งสุกกลิ่นหอมฉุยรบกวนความหิว

“ฉันว่านายลงหิมะฆ่าพวกมันไปอีกสัก 100-200 คนก็พอแล้ว ถัดไปอีกก็ค่อยลงใหม่ แต่ตอนนี้ดูสภาพแล้วยังไงนายก็ต้องกินก่อนถ้าไม่มีนายทีท่างานนี้อาจจะรวนยิ่งกว่าเดิม”

รอบนี้คณะกสิกรรมเป็นตัวตั้งตัวตีในการทำอาหาร มือแรกคงเป็นหมั่นโถวลูกโต ผมเห็นพวกเขายกลังมาตั้งวางบนโต๊ะ เทพกสิกรรมบางคนเดินยกไปส่งให้ถึงที่ นับความว่าความคิดดีไม่เลว ลองคิดดูสิว่าถ้าเกิดพวกเขาเอาอาหารจำพวกน้ำมาให้ทาน ท่ามกลางสภาพอากาศรอบด้านเต็มไปด้วยด้ายฝ้าย มันคงดูไม่จืดเวลายกบะหมี่ชิมน้ำพร้อมเคี้ยวเส้นฝ้ายลงคอ

“ลำบากเธออีกแล้วอาหนิง” ผมยิ้มมองเธอ ยกหมันโถวมาลูกหนึ่งตั้งท่าจะกัด

มือขวาที่ถือหมั่นโถวตั้งท่าจะเข้าปากก็ถูกจับแน่นก่อนยกขึ้นไปอยู่ตรงบ่า เสียงกัดหมั่นโถวดัง ฟุบ! เคี้ยวลงคอ ผมยืนนิ่งตัวชาไปชั่วขณะ

“หวาน”

อาหนิงขมวดคิ้วบอกว่าเธอไม่ได้ใส่น้ำตาลลงไปเยอะขนาดนั้น ก่อนจะยกให้เขาไปชิมอีกลูก เมินโหยวผิงรับมาและมองผมนิ่ง ไม่พูดจาเช่นเดิม หมั่นโถวในมือผมค่อยๆถูกปล่อยออกไป ถูกเขากัดกินจนหมดสิ้น สักพักผมได้ยินเสียงเสี่ยวฮัวกรีดร้อง

“จางฉี่หลิง ไอคนหน้าไม่อาย!!!” สิ้นคำพูดของเสี่ยวฮัว ผมก็ 2 เท้าวิ่งสุดชีวิต เมิงโหยวผิงอยู่ที่ตำแหน่ง 1 ส่วนผมกับเสี่ยวฮัวอยู่ตำแหน่ง 5 นับว่าเมินโหยวผิงกับผมรวมถึงเสี่ยวฮัวอยู่ห่างกับเขาพอสมควร

บางทีผมว่าขอแลกตำแหน่งผู้คุมกับพวกเขต 7 อาจจะดีกว่าเดิม

“นายไม่หน้าไปแกล้งเขา อู๋เสียยังไม่ได้กินข้าวแม้แต่คำเดียวรวมเวลาถึง 4 ชั่วยาม อู๋เสียทำงานไม่หยุดพักนายจะมาแกล้งเขาไม่ได้นะ ดูเถอะ เขต 1 ดูแลเตาเผาพลังงาน เกิดมีอะไรขึ้นมานายจะแย่”

เมินโหยวผิงฟังอาหนิงต่อว่า ด้านหลังอีกคนก็เดินมาด่าทอบอกว่าเขาขี้โกง ในใบแจ้งหน้าที่ระบุชื่อของตัวเองกับอู๋เสียรับผิดชอบดูแลร่วมกัน ส่วนตัวเขาต้องดูแลเขต 1 เหลือบตาแลเสี่ยวฮัวเข่นเขี้ยวฟันมองเขาตาแทบลุกเป็นไฟ หากตรงนี้ไม่มีใครอยู่ เสี่ยวฮัวคงเอากระบองมาฟาดเขาแล้ว

“พวกนาย 2 คนเลิกเล่นเกมส์จ้องตากันก่อน นี้พักนะไม่ใช่เวลามาสู้กัน กินก่อนให้ท้องอิ่มแล้วไปคุมงานฝ่ายตัวเองเลยเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นฉันจะฟ้องท่านจางฉี่ซานกับท่านเออร์เย่ว์หงว่าพวกนาย 2 คนละทิ้งหน้าที่”

อาหนิงพูดไปก็ยัดหมั่นโถวมาอีก 3 ลูก ใส่มือพวกเขา 2 คน เสี่ยวฮัวรับมาแล้วเดินจากไปอีกทาง ไม่พ้นมองหน้าเขาอย่างแค้นใจ เห็นเสี่ยวฮัวเดินไปไกลลิบๆก็หันมาคุยกับเมินโหยวผิง

“คุณหนูสกุลฮัว ซิ่วซิ่ว คนงามบอกว่า พวกปีศาจกลับมาตั้งกองทัพใหม่อีกครั้ง เกือบแสนปีที่ผ่านมาไม่ได้ช่วยให้พวกมันสงบขึ้นเลยจริงๆ ระวังอู๋เสียด้วย เขายิ่งเดินตามเกมไม่ค่อยทันอยู่ เฮยเสียจื่อสกัดให้บางส่วนที่ยมโลกแต่พ้นจากนั้นเขาก็จนปัญญา เสี่ยวฮัวก็ตรวจมนุษย์บนโลกจนตอนนี้แทบจะไม่มีเวลาหายใจ นายก็ต้องพยายามกันพลังเขาให้ดี”

ฟังคำอาหนิงว่ารัชทายาทพวกนั้นคงได้ใครสักคนมาช่วยไม่เช่นนั้นคงฟื้นดินแดนปีศาจได้ไม่เร็วขนาดนี้ หากเพียงสกุลอู๋ยอมยกผู้นำตระกูลรุ่นสุดท้ายนี้ให้สกุลจางดูแลมันก็หมดเรื่อง แต่ดูจะเป็นการหยามหน้าพวกเขากันเกินไปจริงๆ
faliona01
faliona01
ด้วงต้นไม้เทพเจ้า
ด้วงต้นไม้เทพเจ้า

จำนวนข้อความ : 261
Points : 3717
Join date : 02/11/2014
ที่อยู่ : เตียงหยกเย็นในถ้ำสุสานโบราณ

ขึ้นไปข้างบน Go down

[FIC] ซีรีสวรรค์องค์ที่ 2 [ผิงเสีย] Empty Re: [FIC] ซีรีสวรรค์องค์ที่ 2 [ผิงเสีย]

ตั้งหัวข้อ by faliona01 Wed 12 Nov 2014, 20:53

นึกถึงอารองของอู๋เสียที่แม้ไม่มีพลังเหมือนน้องชายคนที่สาม แต่คุมกำลังพวกหน้าด่านสวรรค์แทบทุกพื้นที่ เขาคงจะพอยอมรับได้บางส่วน มีอาหนิงค่อยส่งข่าวเก็บเส้นทางกบด่านพวกปีศาจ เขากวาดล้างไปหลายรอบแล้วแต่นี้ว่านับเป็นการแก้ที่ปลายเหตุจริงๆ

“ที่สำคัญฉันมองหลายทีแล้ว ผนึกความทรงจำบนท้ายทอยของอู๋เสียมันแปลกๆมองไม่ชัด ฉันเคยลองเชิงถามเขาถึงพวกดินแดนปีศาจเหมือนเขาจะทำท่าแปลกไปเล็กน้อย” เธอทำหน้าขรึมเมื่อนึกถึงตอนที่หลอกถามอู๋เสีย ก่อนจะโดนเรียกตัวไปอีกทาง

แปลก? บางที่เขาควรจับอู๋เสียมาตรวจสอบอีกครั้งคงจะดี

หมดวันอันแสนหนักหน่วงเข้าสู่ช่วงหัวค่ำทุกคนได้พักผ่อน อู่เสียแทบจะปิดประตูไม่ต้อนรับแขก หวังเหมิงยกน้ำชามาให้ผม ก่อนจะมองผมด้วยสายตาเป็นห่วงเมื่อเห็นสภาพผมที่นอนเอาหน้ามุดหมอนอุดหูตัวเอง ตามตัวจะเหมือนจะลั่นเป็นเสียงไม้แตกไปหมดทั้งตัว อา…ปวดเหลือเกิน

“ท่านเจ้านาย… นายน้อยจะลุกมาทานชาก่อนนอนไหมครับหรือจะให้ผมเอามาให้วันพรุ่งนี้แทน” หวังเหมิงถามผมเสียงเบา เขาตั้งท่าจะเอาไปเก็บอยู่รอมร่อเมื่อเห็นผมไม่ขยับตัว

“วางไว้บนโต๊ะเถอะหวังเหมิง” ในที่สุดผมขยับตัวจากเตียงนอน ลุกขึ้นมานั่ง ก้าวเท้าเดินไปถึงโต๊ะกลางห้องก่อนนั่งบนเก้าอี้

“นายน้อย ให้ผม…” หวังเหมิงทำเหมือนจะเขามานวด แต่ผมโบกมือให้เขาออกไป ผมเห็นเขาลังเลเลยมองเขาดุๆไปอีกทีหนึ่งถึงได้ยอมออกไป

ชาขมฝาดคอแต่หลังจิบผ่านลงคอไปแล้วคล้ายสมองโล่งตื่น จิบไปทีละนิด คำแล้วคำเล่าจนหมดกา ผมถอนหายใจคืนนี้ว่าจะนอนยาวเอาแรง พรุ่งนี้จะได้ไปต่ออีกครึ่งวัน กว่านายน้อยเหมันต์จะอาการดีขึ้นไม่รู้โดนฝังเข็มไปกี่เล่ม คิดแล้วก็อยากหัวเราะ อายุเพิ่งได้ 3,800 ปีเศษๆ ก็ต้องรับตำแหน่งแล้ว นับว่ายังเยาว์วัยตอนที่เขาเห็นก่อนไปตามท่านหมอ ยังนับว่าเด็กคนนี้เป็นเพียงเจ้าหนูคนหนึ่งเท่านั้น

ก้าวเท้าจะล้มตัวนอนลงให้วันนี้ผ่านพ้นไปอีก 1 วัน พรุ่งนี้จะได้เผชิญต่อ ยังไม่ทันที่เส้นผมจะแตะถึงผ้าหุ้มหมอนเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น เค้าผงกหัวขึ้นมามองแต่ก็ไม่สนใจไม่ยอมลุกไปเปิด ดึงผ้าลงมาคลุมขาตัวเองให้เรียบร้อยกว่าเดิม เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นอีกครั้งตามมาด้วยเสียงของหวังเหมิง

“นายน้อยท่านจางฉี่หลิงมาขอพบครับ”

ผมลืมตาโตสะดุ้งเล็กน้อย ถึงจะยังไม่ดึกมากขนาดที่แขกไม่ควรเข้าพบแต่ถ้าเอ่ยถึงชื่อจางฉี่หลิงละก็…

“บอกเขาว่าวันนี้ฉันเหนื่อยมาก เข้านอนแต่หัวค่ำ ให้เขากลับไป” ผมตะโกนเสียงดัง

เงียบไปอึดใจก่อนผมจะหงายหลังแทน เมื่อเสียงของจางฉี่หลิงพูดสวนออกมา

“30 นาที รอที่ห้องโถง ไม่ออกมาจะบุกเข้าไป”

เสียงราบเรียบฟังชัดผมเหงื่อแตกพลัก นิ่งฟังเสียงฝีเท้าเขาเดินจากไป หวังเหมิงพึมพำบอกขอโทษเบาๆ แต่ผมไม่ได้สนใจเรื่องนั้น ตอนนี้ในหัวผมมีแต่เรื่องจางฉี่หลิงมาหาเต็มไปหมด ปกติเขาจะไม่มาหาใครยามค่ำมืด แบบนี้นับว่าผิดปกติเกินไป

ผมควรออกไปเจอเขาแล้บอกว่าผมอาการไม่ดีเจอลมหนาวโกรกแรงไป ปวดหัว ไม่สบาย เป็นไข้ไม่อาจพบเจอ กลัวเขาติดหวัด ผู้นำตระกูลรุ่นต่อไปเกิดไม่สบายขึ้นมาคงจะไม่ดี ให้เขากลับบ้านไปกินยาแล้วนอนสะ พรุ่งนี้แยกย้ายทำงาน

ไม่ดี ดูจงใจไล่เกินไป!

ผมควรจะทำยังไงถึงจะไล่เขาไปได้ โอ๊ย… แบบนี้ไม่ดีเลย ผมกะว่าจะนอนพักแล้วแท้ๆเชียวถึงกับกินชาไปหมดกาเลยเชียวนะ ท้องตึงก็ต้องนั่งพักแล้วนอนหลับอย่างสงบสุขแสนสบาย นั้นต่างหากเป็นสิ่งที่สมควรทำที่สุด คนเรายามเหนื่อยอ่อนย่อมต้องการการพักผ่อนที่ดีเพื่อพร้อมรับเช้าวันถัดไป นั้นต่างหากคือสิ่งที่สมควรทำ ผมตัดสินใจแล้ว ผมจะไล่เขาอย่างนุ่มนวล พอผมเอ่ยปากเขาก็จะกลับ พอเขากลับผมก็ได้นอน พอผมนอนพรุ่งนี้เช้าก็สดชื่นแจ่มใส พอสดชื่นแจ่มใสก็ทำงานสะดวกสบาย ฮะฮ่า!

แต่เขาจะฟังที่ผมพูดรึเปล่านะ

คนอย่างเขาคงไม่ฟัง เมินโหยวผิงนายนี้มันเอาแต่ใจตัวเองจริงๆ หรือผมจะแกล้งหลับไปเลยไม่ต้องสนใจอะไรอีกต่อไป ให้บ้าตายผมควรจะทำยังไงดี 30 นาที แห่งความเป็นตาย ถ้าเขารู้ว่าผมไม่ฟังที่เขาสั่ง เขาต้องบุกมาเชือดคอผมแน่ๆ แบบนั้นไม่ดีเข้าไปใหญ่

ไม่ดีทั้งต่อสุขภาพร่างกายและจิตใจ ทำไมโลกนี้ต้องมีเมินโหยวผิงด้วย!!

สุดท้ายผมก็แต่งตัว สีขาวราบเรียบ เคลื่อนไหวคล่องตัว เปิดประตูช้าๆ และก้าวแบบช้าที่สุดในชีวิต ถ้าร้องไห้ได้ผมคงร้องไปนานแล้ว 30 นาที ที่เขาให้ ผมใช้สะคุ้มค่าทีเดียว ก้าวเท้าทีละก้าว หนึ่งก้าว สองก้าว โถงรับแขกก็อยู่ตรงหน้าเมินโหยวผิงหันมามองผมก่อนจะหันไปหาอีกคนหนึ่ง อารอง

อารองนั่งคุยกับเขาอยู่ ผมรอดตายแล้ว…

“ขอโทษที่ทำให้รอ” ผมตอบแปร่งๆ นั่งลงเบียดข้างๆอารองจนเขาต้องกระเถิบตัวออกห่าง

เมินโหยวผิงจ้องหน้าอารองผมเขม็ง อารองหน้าขมวดขึงขังผมเหมือนเห็นกิเลนสู้กับเสือขาวทรงปัญญากำลังสู้กัน ผมมาขัดจังหวะเขาหรือเปล่าสิ่งที่ผมคิดคือถ้าผมมาขัดจังหวะก็ดีเยี่ยมไม่น้อย ผมจะได้รีบขอตัวชิ่งหลบไป ใจดวงน้อยๆของผมคงจะเป็นสุขขึ้นมา

“อู๋เสียเป็นคนของบ้านสกุลอู๋ ไม่ใช่ของสกุลจาง ต่อให้มีเหตุจำเป็นแค่ไหน สุดท้ายเขาก็ต้องอยู่ที่สกุลอู๋เท่านั้น บอกจางฉี่ซาน ผมไม่ให้เขาไป”

เสียงเข้มขรึมแผ่อำนาจ แม้แต่ผมยังหวั่นกลัว ดูเหมือนผมจะมาขัดขวางธุระสำคัญมากๆของพวกเขาจริงๆ แต่ทำไมมีชื่อผมเอี่ยวเข้าไปด้วยละ ผมไม่เคยสร้างปัญหาให้เลยนะ แบบนี้ไม่ถูกต้องผมขอทักท้วง

“นายมีธุระอะไรกับฉันและก็อารอง” ผมจ้องมองเขา เมินโหยวผิงขยับตัวพิงไปด้านหลังก่อนจะพูดสั้นๆ แต่ผมนิ่งค้าง

“พานายไปบ้านสกุลจาง”

“สกุลอู๋ แล้วฉันก็ปฏิเสธจนสุดจะทนแล้ว จางฉี่หลิง” อารองว่าทันทีไม่ให้เมินโหยวผิงพูดอะไรต่อ

ทั้งสองคนจ้องมองกันนิ่ง อารองยกถ้วยจิบชาท่าทางสบายผ่อนคล้าย เขาไม่ให้แล้วจะมีสิทธิอะไร นับว่าอารองเป็นต่อจริงๆ เมินโหยวผิงมองนิ่งๆ ผมไม่มีทางไปกับเขาอยู่แล้วลึกๆในใจผมสงสัยมากกว่าทำไมเขาถึงต้องเอาตัวผมไปให้ได้ ถึงขนาดบุกบ้านสกุลอู๋ มาพูดกับอารองตรงๆแบบนี้ แต่ยังไงเขาไม่มีทางได้ตัวผมไปแน่ๆเพราะอารองยืนกรานจะไม่ยกให้ผมไป คิดแล้วก็พอใจ อารองของผมคนนี้! คนดีที่หนึ่งเลย

“ยกเว้นแต่แกเอาเซี่ยเหลียนหวนมาแลก ฉันอาจจะทำใจดียกเขาให้แกไปชั่วคราว แต่ต้องพาเขากลับมาที่นี้ทุกๆ 2 วัน”

เดี๋ยวนะ อารอง อาพูดอีกทีได้ไหม
faliona01
faliona01
ด้วงต้นไม้เทพเจ้า
ด้วงต้นไม้เทพเจ้า

จำนวนข้อความ : 261
Points : 3717
Join date : 02/11/2014
ที่อยู่ : เตียงหยกเย็นในถ้ำสุสานโบราณ

ขึ้นไปข้างบน Go down

[FIC] ซีรีสวรรค์องค์ที่ 2 [ผิงเสีย] Empty Re: [FIC] ซีรีสวรรค์องค์ที่ 2 [ผิงเสีย]

ตั้งหัวข้อ by faliona01 Wed 12 Nov 2014, 20:56

“ผมรู้อยู่แล้วว่าคุณจะพูดแบบนี้” เมินโหยวผิงบอก “ที่ห้องนอนของคุณ”

“ไม่ตกลง!!!” ผมตะโกนลั่น “อย่ามาทำผมเหมือนซื้อขายสิ้นค้าแลกเปลี่ยนนะ จางฉี่หลิงคืนนี้มืดแล้วเชิญนายกลับไปพักผ่อน วันนี้นายคงเหนื่อยมากเกินไป ฉันไม่ถือสา”

ผมลุกขึ้นยืนส่วนอารองกลับทิ้งไมตรีไม่มีเยื้อไยเดินหนีกลับเข้าห้องตัวเองไปไม่สนใจผมเลยแม้แต่นิด ถึงผมจะเคืองอารองมากแค่ไหน ผมก็ไม่สู้เขาอยู่ดี สู้ไปแพ้เปล่าๆ หากเป็นอาสาม ผมอาจจะลองเสี่ยงดวงดู

“เก็บของ” สั้นห้วน ผมโกรธจนหน้าแดง เขาจิบชาอีกที “ไม่งั้นฉันจะแบกนายไปทั้งแบบนี้”

“ก็ลองดู” ผมโกรธแล้ว

เมินโหยวผิงถอนหายใจส่วนผมหันหลังไม่มองหน้าเขาแม้แต่นิด กระทืบเท้ากลับเข้าห้อง ปิดประตูเอาไม้กั้นอย่างดี ดันโต๊ะและเก้าอี้ไปตั้งขวางบ่ายหน้าหาที่นอน ถอดรองเท้าก้าวขึ้นเตียง พัดขนนกประจำตัววางไว้บนหัวนอน เอนตัวหลับตาพยายามไล่อารมณ์ไม่ดีออกไป

หน้าหงุดหงิดที่สุด

ผ่านไปสักพักเสียงย้ำเท้าตามมา ผมเอาผ้าคุมโปงไม่ฟัง หลับตาพริ้มทำเหมือนเขาไม่มีตัวตน

“อู๋เสีย เปิดประตู” เมินโหยวผิงว่า แต่ผมก็นอนไม่สนใจอยู่ดี

เสียงประตูขยับเบาๆดันของดัง กึก กึก! ผมยิ้มนิดๆ เมื่อประตูถูกดันเข้ามาแต่ไม่สามารถเปิดได้ ยิ้มย้องบนที่นอนได้ไม่นานผมกระเด้งตัวลุกมานั่งเมื่อเสียง ‘โครม’ ดังขึ้น พร้อมเศษไม้จากบานประตูรวมถึงข้าวของหักกระจาย

เมินโหยวผิงค่อยๆเก็บดาบดำเข้าฝัก ผลักประตูออกไปให้พ้นทาง ก้าวเข้ามาในห้อง

“จางฉี่หลิง นายพังประตูห้องฉัน ไอเวร!” ผมฉุนเฉียวโมโหจัด เขาทำแบบนี้นับว่าไม่สมควร

ผมจ้องหน้ามองเขา เมินโหยวผิงเฉยชาไม่สนใจ มาหยุดยืนตรงหน้าผม

“อู๋เสียเก็บของไม่งั้นฉันจะแบกนายไป”

แล้วความอดทนก็สิ้นสุด ผมคว้าพัดขึ้นมาแล้วโบกสะบัดสุดแรง เห็นเมินโหยวผิงทำสายตาทะมึนก่อนจะหายไปภายในพริบตา พายุสีเทาพวยพุ้งขึ้นกลางห้อง พัดวิเศษที่สามารถพัดคนให้ปลิวหายไปได้ด้วยแรงลมที่โบกพัด ไม่มีทางต่อต้านขัดขืน ผมไม่สนใจว่าเมินโหยวผิงจะไปอยู่ที่ไหน แต่เขาทำให้ผมโกรธแล้ว แถมยังมาพังประตูห้องผมอีก ไม่อาจให้อภัยจริงๆ

เมินโหยวผิงตัวลอยขึ้นมาเล็กน้อยก่อนจะเกร็งพลัง อ่อนต้านแข็ง ข้าวของในห้องผมปลิวหายไปแต่ตัวเขากลับหยุดอยู่ที่เดิมตาเครียดเขม็ง พัดโบกเมฆาบนสวรรค์นับว่าร้ายกาจขึ้นชื่อ ในรอบหมื่นล้านปีที่มันถูกเก็บไว้ผมบังเอิญแอบหยิบมันมาจุดเตาเผาถ่านเพื่อหุงข้าวและก็เผามันดิบ ปู่ผมยังประหลาดที่ผมใช้มันได้ คิดแล้วก็หน้ายืดตัวภูมิใจจริงๆ

“อู๋เสีย” เมินโหยวผิงกัดฟัน ผมเห็นเขาไม่หายไปดาบดำตั้งท่านจะถูกชักออกมาเลยโบกใส่เขาไปอีกหนึ่งที ลาขาดละ เมินโหยวผิง

แต่แล้วผมก็ต้องตะลึง ชุดคลุมสีน้ำเงินเข้มปักลายกิเลนของเมินโหยวผิงสะบัดพรึบเสียงดัง ร่างทั้งร่างลอยนิ่งอยู่กลางอากาศ แววตาวาววับจ้องมองผมนิ่งจนอดกลัวไม่ได้ ดาบดำเปล่งแสง สีดำละอองทองส่องสว่างรอบตัวเมินโหยวผิง พัดในมือผมค่อยๆสั่นไหวรวมถึงลมที่เริ่มอ่อนแรง

“นายหน้าจะรู้ดีที่สุดว่าตำแหน่งเทพสงครามไม่ได้มีมาแค่ชื่อ”

ผมเงียบงันจ้องมองทุกสิ่งค่อยๆจบลง ลมพายุอ่อนกำลังรวมถึงดาบดำที่ค่อยๆเก็บแสงไป ดวงตาสีดำฉายชัดถึงอำนาจผมจ้องมองอย่างเงียบงัน เราทั้งคู่ไม่พูดอะไรออกมา เมินโหยวผิงค่อยๆลงมายืนอยู่บนพื้น มองหน้ากัน

ว่ากันว่าอาวุธวิเศษมักชี้ชัดถึงพลังของผู้ครอบครอง

ผมโบกใส่เขาสุดพลังไม่นับว่าอ่อนด้อย คงบอกได้อย่างเดียวว่าเขาแข็งแกร่งเกินไป

เมินโหยวผิงเดินเข้ามาก้าวเดียว ผมก็เลยคว้าผ้าห่มปาใส่เขา แต่เขาเพียงแค่ยกมือข้างเดียวจับมันก่อนจะสะบัดโยนทิ้งไปด้านหลังแล้วเดินเข้ามา ผมก้มหน้านิ่งไม่แม้แต่จะมอง เขาก้าวมาอีก 2 ก้าว ผมก็ปาหมอนหนุนหัวใส่เขา เหมือนเช่นเดิม เพียงแค่คว้าไว้หยุดมองผมนิ่งๆไม่พูดอะไรออกมา ก่อนจะรุกพรวดเดินเข้ามาประชิดผมอย่างรวดเร็วพร้อมๆกับที่ผมหยิบพัดขนนกปาใส่อกเขาจนกระเด้งไปนอนนิ่งอยู่บนพื้น

มือหนาหยาบเอื้อมมือมาจะจับตัวผม แต่ผมสะบัดออกง้างหมัดหวังจะชกเขาสัก 1 ที เมินโหยวผิงหลบอีกครั้งและคว้าแขนผมเอาไว้ ผมดึงมันกลับมาและรัวหมัดทุบใส่อกเขาแทน มือ 2 ข้างถูกคว้าไว้อีกทีก่อนจะก้มมองผม

“อู่เสีย” เขาพูดชื่อผมแผ่วเบา

“ขอโทษฉันมานะ!! ขอโทษฉันมาเดี๋ยวนี้!! พูดออกมาเลยนะ!!” ผมพูดสวนใส่ เงยหน้าตะโกนหาเขา

ผมตะเบ็งเสียงตะคอกใส่เขา เงยหน้าสบตามอง รู้สึกว่าตาตัวเองเจือสีแดงจางๆ เขานิ่งมองไม่พูดจาอะไรเช่นเคย ผมก้มหน้าและเริ่มทุบเขาช้าๆ…

“ขอโทษฉันมาเดี๋ยวนี้ พูดออกมาสิ” ใบหน้าคมยื่นเข้ามาใกล้จับมือทั้งคู่ของผมแนบไว้กับกลางอกของเขาก่อนที่เสี่ยงแผ่วเบาจะยอมเอ่ยออกมา

“ขอโทษ” นิ่งเงียบ เย็นชาและละมุนละไม

ผมนิ่งเฉยทำไมไม่ทราบถึงรู้สึกเหมือนกำลังกินชาที่ขมจัดดั่งเอามหาสมุทรทั้งแผ่นดินมากรอกปากตนเอง เริ่มหอบหายใจหนัก

“ไม่เคยบอกสิ่งที่ตัวเองทำ ทำเหมือนฉันเป็นของที่ต้องดูแลแตะต้องไม่ได้ พูดจาให้ฉันโมโห ไม่มีเหตุผล ขอโทษฉันออกมาเดี๋ยวนี้”

ผมเอนหน้าลงบนบ่าเขาพูดเสียงดังขึ้นไปอีก ศีรษะประชิดชนกัน มือหยาบของเขากำลังเสยเส้นผมของผมออกและทำอะไรสักอย่างลงไป ผมก้มหน้าลงไม่เงยหน้าขึ้นมาอีก

“ขอโทษ” เสียงนุ่มเรียบตึงกระซิบข้างใบหู ผมก้มหน้าลงไม่เงยมอง

เมินโหยวผิงค่อยๆช้อนตัวผมขึ้นอุ้มพาผมเดินออกไป เสียงคำว่า ‘ขอโทษ’ ของเขาดังไปตลอดทาง แม้แต่ตอนนั่งรถม้าเขาก็ไม่หยุดพูด
เนิบช้า มั่นคง และชัดเจน

ผมกึ่งนั่งกึ่งนอนนิ่งอยู่ในอ้อมแขนเขา ฟังเขาขอโทษซ้ำแล้วซ้ำอีก เพราะเป็นจางฉี่หลิงผมอู่เสียถึงรู้นิสัยข้างในเขาดีที่สุด ต่อให้เขาขอโทษคุณอีกสักพันครั้ง ทุกพันครั้งเขาก็จะกระทำต่อคุณเหมือนเดิมไปเปลี่ยนแปร

ผมถึงไม่เคยอยากเข้าใกล้เขาเลย

สกุลจางตอนนี้เงียบไร้ผู้คน กว่าจะมาถึงก็มืดจนแทบจะคลำทางไป เมินโหยวผิงเดินอย่างคล่องแคล้วไม่ติดขัด เดินลึกไปเรื่อยๆจนอู๋เสียจดจำเส้นทางไม่ค่อยถูก ลมหนาวพัดโชยล่อง ควันสีขาวลอยต่ำเลียพื้น ตัวหนาวจนจิตใจแทบด้านชา
หืม?

กลิ่นหอมบางอย่างคุ้นเคยลอยพัดติดจมูก กลีบดอกไม้บางอย่างลอยปะทะจากด้านบน เมินโหยวผิงอุ้มเขาเดินมาลึกแค่ไหนไม่อาจประมาณ พ้นเส้นทางแสงจันทร์ส่องฟ้า ดอกท้อโปรยปรายหลากหลายต้น ตัวเขาเงียบงันไร้วจี

“ท้อเซียน แบบเดี๋ยวกับที่ที่นายอยู่” เมินโหยวผิงหยุดยืนกลางหมู่ต้นไม้ ผมนิ่งงัน “ตอนนั้นเมื่อประมาณ 9,000 ปีก่อน อู๋เหล่าโก๋วจูงมือนายมาทางนี้ ท้อเซียนมีขึ้นแต่ในบ้านสกุลจาง วันนั้นครบรอบวันเกิด 90,000 ปีของฉัน นายเห็นท้อเซียนในสวนของฉันบานเต็มต้นก็ไม่ยอมตามอู๋เหล่าโก๋วไป งอแงจนเขาต้องสั่งให้นายยืนนิ่งๆอยู่ที่นี้รอเขากลับมา”

“กิ่งมันหัก ไปต้นหนึ่ง” พูดเปรยเบาๆ

“ต้นทางซ้าย”

เขาพาผมไปดู จันทราส่องกระจ่าง ผมเห็นผ้าสีแดงผูกอยู่บนกิ่งที่หัก มันโตขึ้นกว่าเดิมมาก ผมเงยหน้ามอง เมินโหยวผิงจ้องผมนิ่งๆไร้คำพูด

“หลังจากนั้นฉันก็เกลียดนายแทบจะสุดขั้วหัวใจ” ผมพูดออกมาให้เขาได้ยิน

อ้อมแขนกระชับขึ้นอีก ศีรษะของเขาสัมผัสลงมาชนกับศีรษะผม ได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอของเขา ถ้าหากย้อนเวลาไปได้ ผมจะเอาพัดเป่าเมฆาโบกเขาให้ลอยไปอยู่ภพนรกเลยทีเดียว

ผมหลุดหัวเราะออกมา เสียงหัวเราะสรวลเสประสานกันผมยกมือปิดปากตัวเองแต่ก็อดไม่อยู่จริงๆ  เมินโหยวผิงกอดกระชับผมแน่น อุ้มผมเข้าห้องของเขา ห้องสีเทาสว่างไม่ดูทึมทึบจนเกินไป กว้างกว่าห้องที่ผมอยู่ 3 เท่า ทั้งหลังดูโล่งแทบไม่มีเครื่องประดับ มีแต่เครื่องเรือนธรรมดาไม่มีความหวือหวาใดๆ เรียบง่ายเหมือนตัวเหมินโหยวผิง
เขาค่อยๆพาผมมาที่ห้องห้องหนึ่ง บรรจงวางผมลงบนเตียง 2 มือของผมเกาะเกี่ยวโอบไหล่เขา สบสายตาเงยหน้ามอง

“อู๋เสีย จำเรื่องที่ฉันเกือบตายเมื่อตอนนั้นได้ไหม”

เชือกคาดเอวสีขาวของผมถูกดึงออกมาโยนไว้บนพื้น ผมผยักหน้า

“…จำได้” ไม่มีทางลืม

“จำเรื่องผู้นำทัพได้ไหม”

เสื้อคลุมสีขาวถูกปลดออก ผมนิ่งงันฟังเขาพร้อมๆกับยอมให้เขาถอดเสื้อคลุมของผมออกไป

“จำเรื่องสาเหตุโจมตีครั้งนั้นได้ใช่ไหม”

เชือกรัดเอวตัวในค่อยๆถูกปลอดออก ผมกัดริมฝีปากลดแขนลงและเริ่มปลดสายรัดสีเข้มของเขา

“จำเรื่องคนที่ยืนต่อหน้าผู้นำทัพคนนั้นได้ใช่ไหม”

เสื้อคลุมสีน้ำเงินสะบัดกองไปรวมกับชุดสีขาว สายรัดของเขาไหลลงไปกองอยู่กับพื้น

“และจำเรื่องที่นายทำลงไปได้ใช่ไหม”

ผมปิดปากเขา ได้โปรดอย่าพูดไปมากกว่านี้ ดวงตาล้ำลึกมองผมอย่างเงียบงัน จูบข้างขมับของผมอย่างอ่อนโยน เมินโหยวผิงคงรู้แล้วว่าผมค่อยๆจำได้ที่ละอย่างแต่เขาไม่รู้สาเหตุ แน่นอนผมไม่ยอมบอกเขา หลังจากนี้คือการแข่งขัน

ระหว่างเขากับผม
faliona01
faliona01
ด้วงต้นไม้เทพเจ้า
ด้วงต้นไม้เทพเจ้า

จำนวนข้อความ : 261
Points : 3717
Join date : 02/11/2014
ที่อยู่ : เตียงหยกเย็นในถ้ำสุสานโบราณ

ขึ้นไปข้างบน Go down

[FIC] ซีรีสวรรค์องค์ที่ 2 [ผิงเสีย] Empty Re: [FIC] ซีรีสวรรค์องค์ที่ 2 [ผิงเสีย]

ตั้งหัวข้อ by faliona01 Wed 12 Nov 2014, 21:00

“ต่อให้ฉันต้องตายนับ 1,000 ครั้ง ฉันจะไม่ยอมเสียนายไป” เมินโหยวผิงพูดหนักแน่น ผมเอนตัวนอนลงบนเตียง รู้สึกได้ถึงริ้วแดงที่เพิ่มขึ้นตรงเปลือกตาด้านบน คำสาปของเผ่าปีศาจที่จะริดรอนพลังผมไปให้กลายเป็นมารครึ่งปีศาจ

“ส่วนฉันต่อให้แตกดับทรมานนับ 1,000 หน ก็ไม่ยอมให้นายจากไปเช่นกัน” จูบสัมผัสย้ำตรงเปลือกตาที่ขึ้นชาดแดงดั่งกรีดทาทั้ง 2 ข้างของผม คงเป็นอาหนิงคนสวยของผมเองที่เป็นคนบอกเขาถึงตัวของผมที่แปลกไป เธอช่างสังเกตุเกินไปแล้ว

เมินโหยวผิงก้าวขึ้นทาบทับกระตุกยิ้มที่มุมปาก

“ฉันจะลงผนึกนายให้แน่นกว่านี้ หนากว่านี้ และมากกว่านี้จนนายรู้สึกหนักจนรับแทบไม่ไหว” เสียงทุ้มพร่ารันจวนใจกระซิบ

“และฉันจะแก้มันทุกครั้ง แก้ซ้ำอีกครั้ง และก็อีกครั้งจนนายทนไม่ไหวแทบบ้าตาย” ผมพูดเยาะก่อนที่เขาจะเริ่มซุกไซร้ซอกคอและลุกลามจับช่วงล่าง

“นายกล้าทำฉันก็กล้าทำเหมือนกัน อู๋เสีย” เขามองผมตาวาวคมกริบเชือดเชือนปะทะกับผมที่ส่งสายตาท้าทายดื้อรั้นไม่ยอมถอย

เสียงครางเล็ดลอดริมฝีปากก่อนถูกปิดประกบ ไอฟ้าดินถูกส่งมาเรื่อยๆ หึ! ยังไงก็ไม่พอหรอก เหมือนเอาน้ำรดทรายร้อนที่ซึมหายลงไป แต่สุดท้ายเขาก็ทำให้ผมอยู่ดี
ความเสียวสะท้านลามทั่วร่างกายปลายเท้าจิกแน่นลงบนฝูก เมินโหยวผิงก้มหน้ากระซิบถ้อยคำผนึกคำแรกลงไป อักษรสีทองลอยสว่างนาบศีรษะของผมแล้วซึมหายไป ความรู้สึกแปร๊ปลามทั่วไขสันหลังรวมถึงด้านหน้าที่โดนปลุกเร้ายิ่งแทบหลุดลอย หดกายห่อตัวแน่นจิกผ้าจนยับ ของเหลวขาวขุ่นถูกปลดปล่อยออกมา เมินโหยวผิงหัวเราะอย่างสะใจ ข้างๆหู

“ยังเหลืออีกเยอะอู๋เสียของฉัน”

ผมปรือตามองหายใจหนัก แก่นร้อนระอุถูกดันเข้ามาโดยไม่ได้ผ่านการขยาย ผมเบิกตาโตร้องไห้ กรีดร้องเสียงดัง ผนึกคำที่ 2 ก็ประทับลงมาอีกคำอย่างไม่ปราณี ชาวาบ เสียวสะท้าน แต่ทำให้แก่นกายของเขาเข้ามาลึกยิ่งขึ้น

“อา…… อู๋เสีย” เมินโหยวผิงว่าเสียงสั่น หัวเราะเยาะให้ผม ก่อนขยับกายช้าๆให้ผมหลับตาปิดปากตัวเอง ร้องครางในลำคอ

ผนึกตัวที่ 3 และ 4 ตามลงมาติดๆ ผมกรีดร้อง ดันร่างเขาออกไปแต่กลับยิ่งทำให้เขากดลึกเข้ามามากกว่าเดิม ไม่ได้เสียวซาน แต่คราวนี้มันกลับชาวาบและร้อนแรง ผมตัวสั่นสะท้านน้ำตาไหลเป็นสายจิกแขนเขาที่ขยับกาย

“หึ! มันก็แค่เริ่มต้นเท่านั้นอู๋เสียผนึกนี้ฉันลงให้นายเป็นรอบที่ 2 นายยังเป็นขนาดนี้ ก็มาลองดูกันว่านายจะกล้าทำให้มันมีรอบที่ 3 หรือไม่!!”

ผมกัดริมฝีปากไม่เอ่ยตอบ ผนึกตีตราลงมา เมินโหยวผิงใช้ร่างกายตัวเองต่างแท่นพิมพ์ มีแต่ตัวเขาเองเท่านั้นที่ปลดได้ ด้วยร่างกายของเขาเอง แต่ผมไม่มีทางยอมไปตลอดหรอก รอบนี้ผมพลาดให้เขาจับได้ แต่รอบหน้าเขาอย่าหวัง ผมจะผนึกสัญชาติญาณเอาไว้ว่าผมต้องหนีเขาให้สุดหล้าฟ้าเขียวคอยดู

ผนึกแต่และคำถูกส่งออกมามากมาย ผมกรีดร้องเจียนแทบคลั่ง ครวญครางแต่ชื่อเขาไม่ได้ศัพท์ริมฝีปากปิดประกบพร้อมกับผนึกตามลงไปให้ผมบิดกาย ตัวอักษรบนศีรษะเปลี่ยนไปทีละตัวตามแต่ตัวสุดท้ายที่เอ่ยออกมา

“อา… ฮึก!” เสียงครางรันจวนจิตที่คนทำให้ผมร้องแบบบ้าตาย

เมินโหยวผิงฟังแล้วเหยียดร้อยยิ้ม

“ครางออกมาสิ อู๋เสีย ให้สาสมกับความดื้อรั้นของนาย” ผมอยากบีบคอเขาให้ตายใจจะขาดรู้ไหม “บางทีบอกชื่อคนที่ช่วยนายด้วยก็ดี เสี่ยวฮัว ซิ่วซิ่ว เสี่ยอ้วน เฮยเสียจื่อ อู๋เหล่าโก๋ว หรือบรรดาอาของนาย ฉันอาจจะปราณีนายขึ้นอีกนิดก็ได้นะ อู๋เสีย”

ผมฟังเขาร่ายยาวแต่ละรายชื่อ ยิ้มแย้มหวานฉ่ำเหมือนได้ชัยชนะเพียงหนึ่งเดียวที่สำคัญที่สุด ดึงร่างเขาลงมากระซิบแนบริมฝีปากให้ได้ยินชัดๆ

“ไม่มีวัน!”

แล้วเสียงครางของผมก็ยิ่งดังกว่าเดิม ผนึกถูกส่งออกมาถี่ขึ้น ผมกอดเขาแน่นกรีดร้องเสียงหลง ตัวสั่นระริก เล็บจิกแขนเขาถลอกพอๆกับซอกคอขาวๆและไหล่นวลเนียนของผมที่ถูกเขาระดมจูบดูดดึงเต็มไปหมด

เมินโหยวผิงทั้งโกรธและหลงรักคนที่ท้าทายตัวเองอย่างถอนตัวไม่ขึ้น สำหรับเขาแล้ว อู๋เสียนับเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตของเขา ของแลกเพียง 1 เดียวที่แลกตัวไปได้คือชีวิตของตัวเขาเอง นอกนั้นย่อมไร้ค่าคู่ควร

ร่างที่กรีดเร้าอยู่ข้างใต้เหมือนถูกเขาลงโทษพอๆกับตัวตนของเขาที่ถูกร่างข้างใต้ลงโทษที่เผลอปล่อยปละคลาดสายตาไปเช่นกัน
คิดแล้วก็กล่าวผนึกลงไปอีกคำ เสียงกรีดร้องว่า ‘อย่า’ ของอู๋เสียไม่ได้ช่วยเลยจริงๆ

อู๋เสียตื่นมาเกือบช่วงบ่ายลนลานว่าตื่นสายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน กระเด้งตัวลุกขึ้นก่อนจะเข่าอ่อนทรุดลงไปกองกับเตียง กรีดร้องลั่นน้ำตาไหลซึมถึงความเจ็บที่ด้านหลังและสะโพกที่ร้าวรานของตนเอง

ห้องของเมินโหยวผิง เขาโดนเจ้าหน้าตายนั้นอุ้มมา แล้วหลังจากนั้น

???

ทำไมเขานึกไม่ออกเลย

อู๋เสียเข่นเขี้ยวฟัน อย่าบอกนะว่าเมินโหยวผิงบังอาจล่วงเกินเขา นับว่าแค้นนี้ต้องชำระคอยดูเถอะ ผมจะหนีไปอยู่ที่เมืองพวกมนุษย์ต่อให้เขาตามมาอ้อนวอนก็อย่าหวังว่าผมจะกลับมาเหยียบบนสวรรค์อีก ผมจะลงไปจากสวรรค์ จะหยุดงานด้วย! เอาให้ทั้งโลกร้อนอบอ้าวเพราะไม่มีลมพัดเลยคอยดู

แต่ก่อนหน้านั้น… งานที่ผมรับทำจากท่านชายเหมันต์เป็นยังไงแล้วบ้างนะ

ผมกำลังนึกคิดอย่างเสียใจ หากรู้ว่าจะเจอแบบนี้ ผมจะไม่มีทางรับงานปั่นหิมะลงโลกมนุษย์เด็ดขาด จนป่านนี้เสี่ยวฮัวของผมคงจะเหนื่อยมากแน่ๆ แต่ว่าเมื่อคืนนายเมินโหยวผิงทำอะไรบ้างละ จำลางๆว่าเขาทะเลาะปิดประตูหนีเข้าห้องแล้วเมินโหยวผิงยอดมารยาทแย่ก็พังประตูเข้ามา แต่สงสัยผมคงง่วงมากเกินไปสู้ไปสักพักคงนอนหลับ สะลึมสะลือว่าเมินโหยวผิงอุ้มผมมาตลอดทาง แถมยังบ่นไม่หยุด ยิ่งน่าโมโหเข้าไปใหญ่ แถมอาการปวดเมื่อยแบบนี้ ผมก็รู้สึกว่าแปลกๆ

ผมสำรวจร่างกายตัวเองหาร่องรอยแต่ไม่พบเจอความผิดปกติใดๆ หรือว่าผมคิดไปเอง ต้องใช่แน่ๆ งั้นความเป็นไปได้ที่ 2 คือนอนทับเส้นหรือไม่ก็ก้นกระแทกพื้น เพราะผมเป็นคนนอนดิ้น

มันต้องใช่แน่ๆ ถ้ามากเกินกว่านั้นผมไม่ยอมหรอก ไม่เชื่อด้วย!

“อู๋เสีย!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”

ตอนที่ผมกำลังคิดอะไรเพลินก็ได้ยินเสียงเสี่ยวฮัวกรีดร้องดังมาจากหน้าทางเข้า เสียงเจ้าจิ้งจอกขาวเห่าลั่นไปหมด ได้ยินเสียงเปิดประตูดังสนั่นและเสียงฝีเท้าวิ่งสอยไม่หยุด

“อู๋เสีย!!! นายอยู่ไหนอู๋เสีย!!!!”

“โฮ่งๆๆ อ๋อง…..”

1 คนกับ 1 ตัวพร้อมใจประสานเสียงปานดินแดนสวรรค์นี้จะถล่มล่มสลายลงมา ได้ยินเสียงฝีเท้าวิ่งวนไปทั่ว ผมอยากจะเดินไปหาพวกเขาเหลือเกิน แต่แม่งหลังผม…
“เสี่ยวฮัว เสียวไป๋ทางนี้…” เดี๋ยว!! ทำไมเสียงผมแหบละ!! แสบคอเป็นบ้าเลย น้ำอยู่ไหน

ผมพยายามยืดตัวปวดหลังจี๊ด แต่ถ้าเอาแต่นอนมันอาจจะเป็นหนักยิ่งกว่าเดิม เสี่ยวฮัวเชี่ยวชาญเรื่องยา พอๆกับที่เขาเป็นเทพแห่งการแสดงละคร ฝีมือทั้งสองด้านล้วนเก่งกาจพอๆกัน ผมเดินโงนเงนเล็กๆไปนั่งที่ตั่งไม้ข้างกำแพง พอผมนั่งลงไปเท่านั้นอาการเบื้องล่างก็เจ็บจี๊ดไปถึงหัว เอี้ยวตัวน้ำตาซึมปริบๆ เสียงฝีเท้าวิ่งมาหาพร้อมเสียงของโครมครามดังติดๆกันตรงมาทางผม

ชายที่สวมเสื้อคลุมสีชมพูลายดอกเหมยหลากสีก็โผล่ออกมา เจ้าจิ้งจอกขาวที่วิ่งทะเล่อทะล่าเจอเสี่ยวฮัวเลี้ยวโค้งกะทันหันก็เบรกตัวไม่ทันขาพับล้มกลิ้งผ่านหลังเสี่ยวฮัวเป็นก้อนกลมๆไปชนกับของในห้องเสียงดังโครม!! เสี่ยวฮัวที่วิ่งจนหน้าซีดแต่ไม่มีอาการหอบแม้แต่นิดเดียวยืนตะลึงมองหน้าผมก่อนจะยิ้มบานสะพรั่งปานจะทำให้ดอกไม้ทั่วโลกบานทั้งใบ

“ฉันนึกว่าเขาจะจับนายกินไปแล้ว” เสี่ยวฮัวว่า

“พูดบ้าอะไรของนายเนี้ย!!”

ผมทำหน้าเหยเก แต่แอบหลุดหัวเราะไปนิดหน่อย เสี่ยวฮัวถอนหายใจเดินมาจับหน้าผมพลิกซ้ายพลิกขวาไม่เกรงใจ เสี่ยวฮัวนี้ชอบทำอะไรแบบนี้จริงๆหรือเปล่านะ? แปลกอย่างมาก หรือว่านิสัยของเสี่ยวฮัวเปลี่ยนไป!!

คิ้วบนใบหน้าสวยคมเข้มของเสี่ยวฮัวขมวดนิดๆ พลิกหน้าผมไม่หยุด เอานิ้วแตะตามชีพจรตรงคอ ใต้รักแร้ และข้อแขน  ผมมองเขางงๆแต่ก็อยู่นิ่งๆให้เขาทำตามใจ ก่อนจับตัวผมพลิกเอี้ยวตัวสุดแรง จี้นิ้วลงไปบดขยี้กลางไขกระดูกสันหลังของผมชนิดสุดแรงเกิดแล้วถอนออกมา!!

ผมกรีดร้องลั่นบ่อน้ำตาแตก ทรุดไปนอนกองกับพื้นตัวเกร็งหงิก ความเจ็บที่พุ่งขึ้นมาจากไขสันหลังของเขาหลังปล่อยปลายนิ้วของเสี่ยวฮัวนี้มันช่างสุดจะบรรยาย
“เสี่ยวฮัวนายเล่นบ้าอะไรเนี้ย!!!!!” ผมว่าเขาทั้งน้ำตา ทีแรกผมไม่ร้องแล้วนะ เขาทำแบบนี้ไม่ถูก

“หึ! จางฉีหลิงคนชั่วช้า ผมสัญญานะอู๋เสีย ว่าผมจะจัดการมันให้ได้!! ขอนายอย่ากังวล” นี้เขาพ่นอะไรออกมาให้ผมฟังเนี้ย!! ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เขาไม่กินเส้นกับจางฉี่หลิงจนรุนแรงขนาดนี้

ผมโบกมือให้เขาถอยไป ดูเหมือนหลังจากเสี่ยวฮัวกดไปที่กลางหลังเมื่อครู่ อาการปวดตามส่วนต่างๆของผมก็ลดลงไปโข… แต่ทำให้แอบระแวงเขาแทนว่าเขาแอบจะกดอะไรอีกหรือเปล่า

“จางฉี่หลิงนี้มันไม่ถนอมบุปผาเอาสะเลย” เสี่ยวฮัวพ่นลม ทำหน้าไม่พอใจ

ห๊ะ? เดี๋ยวก่อนนะเสี่ยวฮัวนายคงเข้าใจผิดแล้วละ เมินโหยวผิงนะ ปลูกดอกไม้เก่งมาก นายก็เห็นต้นท้อที่หน้าบ้านเขาแล้วไม่ใช่หรอ 70-80 กว่าต้นเลยนะ ไม่เน่าไม่ตายแม้แต่นิด นายเข้าใจผิดแล้ว!

เสี่ยวฮัวเห็นผมแสดงหน้าตาก็เอามือเขกหัวผมลงไปทีหนึ่ง ร้องด่าว่าเจ้าโง่!! ผมโวยวายใส่เขาไม่หยุด พอเสี่ยวฮัวฟังผมว่าก็กระทืบเท้าไม่พอใจแบกผมขึ้นบ่า ผมร้อง เฮ้ย! และสั่งให้เขาปล่อยผมลง แต่เขากลับไม่สนพาผมเดินไปถึงหน้าประตู เจ้าจิ้งจอกตามมาติดๆก่อนจะ จ๊ะเอ๋… กับใครอีกคนที่ยืนนิ่งกลางดงท้อจ้องมองจนตาวาวประกาย

เมินโหยวผิง

รอบนี้ดูท่าคงเป็นศึกกิเลนปะทะพญาหงส์ เสี่ยวฮัวค่อยๆปล่อยผมลงประชิดตัวและเช็ดหน้าเช็ดตาให้ผมจนเรียบสนิท ยิ้มหวานให้ผม

“อู๋เสียคนดี สรุปว่าวันนี้เราไปกินข้าวบ้านสกุลเซี่ยกันนะ พอตกเย็นเจ้าก็ค่อยไปนอนที่บ้านอาจารย์ปู่ของข้า ท่านเออร์เย่ว์หง นับว่าเป็นความคิดที่ไม่เลวจริงหรือไม่?”
เสี่ยวฮัวกล่าวก่อนจะดันตัวผมไปข้างหลังบังคับให้ขึ้นขี่เจ้าจิ้งจอกขาว

“อะไรของนายกันเสี่ยวฮัว” ผมงุนงง

“เสี่ยวอู๋คนดี นายไปเดินเล่นแถวนี้สักพัก ค่อยกลับมาหาฉันก็แล้วกัน”

เมินโหยวผิงชักดาบดำออกจากฝัก พร้อมๆกับเสี่ยวฮัวเรียกพลองยาวมาในมือ สองพลังสะท้านสวรรค์เลื่อนลั่นไปทั่ว ผมกลืนน้ำลายลงคอ
เห็นทีผมต้องระเห็จตัวเองไปขออาศัยอยู่ที่บ้านของอากง เฉินผีอาซือ ก่อนชั่วคราว ไม่งั้นผมพินาจแน่ๆ….

=============================================================
อยากเห็นเสี่ยวเกอนิสัยเสีย
ขอบคุณที่อ่านมาถึงตรงนี้คะ ฝากไว้คาอ้อมกอดอีกรอบ น้ำตาแทบไหลพราก
บทนี้กะว่าจะยัดไปในบทที่ 5 แต่มันดันเสร็จก่อนใครเพื่อน งั้นก็ระเห็จไปบท 2 ก่อนก็แล้วกัน!!
ขอบคุณที่รับชมคะ ซึ้งจริงๆ
faliona01
faliona01
ด้วงต้นไม้เทพเจ้า
ด้วงต้นไม้เทพเจ้า

จำนวนข้อความ : 261
Points : 3717
Join date : 02/11/2014
ที่อยู่ : เตียงหยกเย็นในถ้ำสุสานโบราณ

ขึ้นไปข้างบน Go down

[FIC] ซีรีสวรรค์องค์ที่ 2 [ผิงเสีย] Empty Re: [FIC] ซีรีสวรรค์องค์ที่ 2 [ผิงเสีย]

ตั้งหัวข้อ by casey Wed 12 Nov 2014, 21:44

เกิดอะไรขึ้นตอนนั้น นายเมินถึงผนึกให้นายน้อยลืมเนี่ย นายน้อยวางแผนอะไรไว้ค้าาา

...ตอนลืมเป็นเทียนเจินน้อยๆ แต่ตอนจำได้กลายเป็นราชินีนะคะ อุแฮ่ก
casey
casey
ด้วงตำหนักหลู่หวังเจ็ดดารา
ด้วงตำหนักหลู่หวังเจ็ดดารา

จำนวนข้อความ : 86
Points : 3556
Join date : 27/10/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

[FIC] ซีรีสวรรค์องค์ที่ 2 [ผิงเสีย] Empty Re: [FIC] ซีรีสวรรค์องค์ที่ 2 [ผิงเสีย]

ตั้งหัวข้อ by kaew_nya Wed 12 Nov 2014, 22:36

สารภาพได้ไหมคะ
ไม่รู้ทำไมเราชอบคาร์แรกเตอร์เสี่ยวฮัวแบบนี้มากกกก
ฮีดูแบบอู๋เสียจ๋าาาา อู๋เสียอยู่ไหนตลอดเวลา น่าร๊ากกกก ฮ่ะๆๆๆๆ
เสี่ยวไป๋ก็น่ารักมากเลย ตอนล้มกลิ้งโค่โร่เนี่ย
ท่านอารองใจร้าย พอเขามีของมาแลกก็ปล่อยหลานเลยนะคะ
ชอบตอนท่านอู๋เสียดื้อมากเลยค่ะ อารมณ์ตอนล็อกห้อง เอาโต๊ะไปกันประตูเนี่ยชอบบบบ
มันน่าปราบพยศ ฮ่าๆๆๆ
อยากรู้เลยค่ะว่าก่อนหน้านี้เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่
จะรอติดตามนะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ *โบกป้ายไฟ*

ปล. ภาพท่านเทพสวรรค์กำลังปั่นด้ายฝ้ายเป็นหิมะ ทำไมเรานึกถึงน้ำแข็งไสขึ้นมาได้ก็ไม่รู้ค่ะ ฮ่าๆๆๆ
(แอบมาดิทเพิ่มข้อความ)

kaew_nya
ด้วงตำหนักหลู่หวังเจ็ดดารา
ด้วงตำหนักหลู่หวังเจ็ดดารา

จำนวนข้อความ : 60
Points : 3495
Join date : 03/11/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

[FIC] ซีรีสวรรค์องค์ที่ 2 [ผิงเสีย] Empty Re: [FIC] ซีรีสวรรค์องค์ที่ 2 [ผิงเสีย]

ตั้งหัวข้อ by Feran.FS Wed 12 Nov 2014, 23:26

โอ๊ยยยย คือ ค้างเค่อะะะะ ปริศนาในอดีตนั่นมันอัลลัยนยยย//ขย่า
Feran.FS
Feran.FS
ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ
ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ

จำนวนข้อความ : 457
Points : 3912
Join date : 27/10/2014
Age : 28
ที่อยู่ : ใต้เตียงนอนเซี่ยจื่อหยาง...

ขึ้นไปข้างบน Go down

[FIC] ซีรีสวรรค์องค์ที่ 2 [ผิงเสีย] Empty Re: [FIC] ซีรีสวรรค์องค์ที่ 2 [ผิงเสีย]

ตั้งหัวข้อ by SilverCloud Thu 13 Nov 2014, 01:46

กรีดร้อง นายน้อยภาคยั่วนั่นมันอัลไล แถมพอตื่นมาดันจำไม่ได้อีกว่าโดนกิเลนกินไปเรียบร้อยแล้ว
อารองขา อะไรคือการได้อาเซี่ยแล้วยกนายน้อยให้เสี่ยวเกอกันค่ะเนี่ย บ่งบอกมากเลยค่ะว่าระหว่างหลานกับคนรักอะไรสำคัญกว่า ฟฟฟฟฟ
SilverCloud
SilverCloud
ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ
ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ

จำนวนข้อความ : 433
Points : 3910
Join date : 27/10/2014
ที่อยู่ : ตู้เสื้อผ้าของอารอง

ขึ้นไปข้างบน Go down

[FIC] ซีรีสวรรค์องค์ที่ 2 [ผิงเสีย] Empty Re: [FIC] ซีรีสวรรค์องค์ที่ 2 [ผิงเสีย]

ตั้งหัวข้อ by pim-lovedmbj Thu 13 Nov 2014, 08:16

อ้ากกกกกเทียนเจินอู๋เสียโดนจับกินแล้วจร้าาาา

pim-lovedmbj
ด้วงฝึกหัด
ด้วงฝึกหัด

จำนวนข้อความ : 7
Points : 3437
Join date : 06/11/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

[FIC] ซีรีสวรรค์องค์ที่ 2 [ผิงเสีย] Empty Re: [FIC] ซีรีสวรรค์องค์ที่ 2 [ผิงเสีย]

ตั้งหัวข้อ by meanato Thu 13 Nov 2014, 16:11

โดนกินแล้ววววววววว ไม่ถนอมแบบนี้ก็สมควรเกิดศึกกิเลนปะทะพญาหงส์
แต่นายน้อยยังเทียนเจินไม่หายเลยนะ
meanato
meanato
ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ
ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ

จำนวนข้อความ : 487
Points : 3931
Join date : 27/10/2014
Age : 26
ที่อยู่ : หลังประตูสัมฤทธิ์

ขึ้นไปข้างบน Go down

[FIC] ซีรีสวรรค์องค์ที่ 2 [ผิงเสีย] Empty Re: [FIC] ซีรีสวรรค์องค์ที่ 2 [ผิงเสีย]

ตั้งหัวข้อ by delivery Thu 13 Nov 2014, 22:23

ขอบอกจากตอนที่ 1 จนถึงตอนนี้ว่า นายน้อยนี้มันช่างเทียนเจินเหลือเกิน
ปักกระทู้กางเต้นซีรี่นี้ดีงาม ยาวจุใจ ชอบฉากที่โปรยหิมะกันมากๆความจริงที่พวกด้วงหนาวแทบตายคือพวกนายเอาหิมะมาถมสินะ
อยากอ่านบทต่อไปเพราะอยากรู้ว่าสวรรค์มันทำวีระเวรอะไรเกี่ยวกับชาวโลกอีก แต่ละอันเเฉสะไม่มีดีเลย
อยากจะบอกว่านายน้อยคือดีงามมากๆคะ
คนเเต่งสู้ๆ!!

delivery
ด้วงฝึกหัด
ด้วงฝึกหัด

จำนวนข้อความ : 15
Points : 3438
Join date : 13/11/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

[FIC] ซีรีสวรรค์องค์ที่ 2 [ผิงเสีย] Empty Re: [FIC] ซีรีสวรรค์องค์ที่ 2 [ผิงเสีย]

ตั้งหัวข้อ by hnee Wed 19 Nov 2014, 14:40

อยากรู้เรื่องราวเมื่อครั้งนั้นซะแล้วล่ะค่ะ ตอนนี้เท่ากับว่าอาเสียต้องแข่งขันกับเสี่ยวเกอ เพื่อที่จะจำเสี่ยวเกอได้อาเสียคงไม่อยากถูกปิดผนึก แต่สำหรับเสี่ยวเกอแล้วความปลอดภัยของอาเสียไม่สามารถแลกกับอะไรได้ ต่อให้เสี่ยวเกอต้องเสียทุกสิ่งไปก็ไม่เสียดาย ยอมได้แม้กระทั่งลืมตัวเสี่ยวเกอเองก็ยอมรับมัน

hnee
ด้วงต้นไม้เทพเจ้า
ด้วงต้นไม้เทพเจ้า

จำนวนข้อความ : 203
Points : 3644
Join date : 27/10/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

[FIC] ซีรีสวรรค์องค์ที่ 2 [ผิงเสีย] Empty Re: [FIC] ซีรีสวรรค์องค์ที่ 2 [ผิงเสีย]

ตั้งหัวข้อ by Duke_of_Florence Mon 24 Nov 2014, 02:41

เอาเซี่ยเหลียนหวนมาแลก เราอึ้งไปเลยก่อนจะหลุดขำก๊าก อารองขา ทำไมอารองเป็นคนอย่างนี้คะ ได้ยินเสียงอู๋เสียโวยวายลอยมาเลย
อิย้าาาาา ในที่สุดนายน้อยก็ถูกกิเลนกินแล้ว เขินจัง  Razz
นายน้อยทั้งต่อต้าน ทั้งท้าทาย จางฉี่หลิงเขาก็ยิ่งอยากจะเอาชนะสิคะ แต่วันต่อมาก็เทียนเจินเหมือนเดิมนะอู๋เสียน้อย .
สองหนุ่มนั่นกำลังจะเปิดศึกกันแล้ว
Duke_of_Florence
Duke_of_Florence
ด้วงสุสานใต้สมุทรทะเลซีซา
ด้วงสุสานใต้สมุทรทะเลซีซา

จำนวนข้อความ : 113
Points : 3549
Join date : 31/10/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

ขึ้นไปข้างบน

- Similar topics

 
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ