Countdown
We've been
togerther for
ค้นหา
Latest topics
Most active topics
[Fic] My Snowflake (3)
3 posters
หน้า 1 จาก 1
[Fic] My Snowflake (3)
อ้างอิงจากบทแปลของคุณเบียร์นะคะ
รุ่นปู่นี่มันดราม่าจริง....................
อ่านตอนก่อนหน้านี้ได้ที่นี่ค่ะ
-Part 1-
-Part 2-
ร่างเล็กในผ้าคลุมเดินลัดเลาะไปตามตรอกซอกซอย ด้วยความที่ตัวเล็กจึงทำให้ยามลาดตระเวนไม่สามารถมองเห็นได้หากนั่งหลบอยู่ใต้เงา ความจริงไม่จำเป็นต้องหลบก็ได้เพราะทหารทุกนายในฉางซาล้วนรู้จักคุณหนูจางเป็นอย่างดี แต่ถึงอย่างนั้นการออกมานอกบ้านตอนตีหนึ่งก็ไม่สมควรอย่างยิ่งสำหรับเด็กผู้หญิงอายุสิบขวบ
เสวี่ยจิงเดินไปตามตรอกแคบๆที่คุ้นเคย เจอขอทานสองสามคนขวางบ้างแต่เมื่อเห็นดวงตาเขียวเรืองรองท่ามกลางความมืดก็ต้องเผ่นหนีอย่างไม่คิดชีวิต ใครเล่าจะกล้าแตะต้องคุณหนูจาง บุตรสาวหัวแก้วหัวแหวนของพ่อพระใหญ่จาง ต่อให้มีกี่ชีวิตก็ไม่พอหรอกหากจะเข้าไปยุ่งกับคนของเก้าสกุลใหญ่
โฮ่ง!
เสียงเห่าเล็กๆดังมาจากใต้พุ่มไม้ เสวี่ยจิงก้มลงก็เห็นเจ้าทิเบตันสปิเนียลตัวจ้อยที่คุ้นเคยมุดหน้าออกมาจากข้างใต้ ส่งเสียงเห่าทักทายอีกครั้งแล้วผลุบหายเข้าไป เด็กหญิงมองซ้ายมองขวาอย่างระมัดระวังก่อนที่จะคลานตามเข้าไป
ทางนี้เป็นอีกหนึ่งทางลับของหมาในบ้านอาเหล่าโก่ว
สัญชาตญาณพวกมันดีกว่ามนุษย์ ดมกลิ่นมองเพียงครั้งก็แยกแยะออกว่าใครดีใครร้าย หมาทุกตัวของอาเหล่าโก่วถูกฝึกมาอย่างดี ทุกตัวล้วนฉลาด เจ้าตัวน้อยที่คลุกคลีกับมนุษย์มากที่สุดย่อรู้ดีว่าเจ้านายของมันต้องการอะไร
ปลายทางของอุโมงค์หมาลอดคือบ้านหลังหนึ่ง เสวี่ยจิงรู้จักที่นี่ดีพอๆกับบ้านตนเองเพราะทุกครั้งที่เตี่ยลงกรวยจะพาเธอมาฝากไว้ที่นี่เสมอ อีกทั้งอู๋เหล่าโก่วยังเอ็นดูเธอไม่น้อย เสวี่ยจิงจึงนับถือเขาดั่งบิดาคนหนึ่ง
เหล่าลูกรักของอาเหล่าโก่วกรูเข้ามารุมล้อม กระดิกหางใส่อย่างเป็นมิตร เสวี่ยจิงลูบหัวพวกมันไปสองสามตัวก่อนสาวเท้ายาวๆตามซันชุ่นติงเข้าไปข้างในบ้าน
สภาพของอาเหล่าโก่วไม่ได้ดีไปกว่าเตี่ยเท่าไรนัก เนื้อตัวมีแต่แผลทั้งเล็กใหญ่ ที่น่าเป็นห่วงที่สุดก็คือแผลบริเวณหัวไหล่ซึ่งบาดลึกและเหวอะพอสมควร ควรต้องเย็บสถานเดียวไม่อย่างนั้นบาดแผลอาจติดเชื้อได้
ถึงปู่เอ้อร์จะเคยสอนให้เย็บแผลก็เถอะ แต่เธอเคยเย็บเนื้อหมู เนื้อคนเคยเสียที่ไหน
เด็กหญิงวิ่งไปยังห้องครัว ตวงน้ำร้อนจากกามากะละมังหนึ่ง จากนั้นก็วิ่งควานหาผ้าสะอาดๆที่มีอยู่น้อยนิดภายในบ้าน คราวหลังต้องบอกเตี่ยอู๋แล้วว่าให้มีผ้า
แบบนี้ติดบ้านไว้บ้าง ได้แผลกลับมาจะได้จัดการง่ายๆ
เธอคลี่ห้อผ้าออก หยิบเครื่องมือที่ทำด้วยโลหะออกมาสองสามชิ้น จุ่มน้ำร้อนเพื่อฆ่าเชื้อ จากนั้นก็เอาผ้าผืนน้อยที่ซ่อนอยู่ใต้แขนเสื้อออกมาให้คนตรงหน้าสูดดม เมื่อมั่นใจว่าอู๋เหล่าโก่วหลับไปแล้วจึงเริ่มลงมือ
“อือ.....” เสียงครางเบาๆจากคนที่หมดสติไปเพราะพิษบาดแผลทำให้เสวี่ยจิงมือสั่นขณะจรดปลายเข็มลงบนเนื้อที่ฉีกออกจากกัน
ก้านธูปไหม้หมดไปแล้วไม่รู้กี่ดอก รู้เพียงว่ากว่าจะทำแผลเสร็จเหนื่อยสายตัวแทบขาด จัดการเก็บห้องให้คนคนนี้เสร็จก็หลับคาพุงอุ่นๆของเหล่าสุนัขบ้านอู๋ทันที
เอ้อร์เยว่หงกลับมาถึงบ้านสกุลอู๋ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือจะหนาวๆร้อนๆดี
ก่อนมาถึงที่นี่เขาแวะไปที่บ้านสกุลจาง ได้ยินเสียงหวีดร้องเบาๆและความวุ่นวายในหมู่คนรับใช้ คาดเดาได้ว่าคงเกิดเรื่องอะไรบางอย่างขึ้น และน่าจะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับจางเสวี่ยจิง
และมันก็ใช่อย่างที่เดาไม่ผิด ยืนฟังอยู่นานสองนานได้ความว่าคุณหนูจางหายตัวไป
เมื่อหลายวันก่อนจางฉี่ซานไปลงกรวยกับหมาแก่อู๋ ดังนั้นที่ที่เด็กน้อยจะหนีออกไปตอนกลางค่ำกลางคืนมีอยู่แห่งเดียวเท่านั้น
ชายวัยกลางคนยิ้มจางขณะมองดูภาพเบื้องหน้า หมาของเหล่าโก่วนับสิบตัวนอนอยู่รอบเตียง สองตัวในนั้นกลายเป็นหมอนและผ้าห่มให้เด็กหญิงตัวน้อยซุกคลายความหนาว บนเตียงคืออู๋เหล่าโก่วที่ยังหลับไม่ได้สติ ท่อนบนเต็มไปด้วยผ้าพันแผล เห็นได้ชัดว่ายายหนูจางมาที่นี่เพื่อช่วยเหล่าโก่ว
ดูจากจำนวนลูกรักที่เหลืออยู่ในห้องนี้...คาดว่าการลงกรวยคงพรากสุนัขของเขาไปหลายตัวทีเดียว
เสียงฝีเท้าดังขึ้นจากด้านหลัง หันไปเห็นจางฉี่ซานเดินเข้ามา คิ้วแทบขมวดเป็นปม ก่อนจะคลายลงเมื่อเห็นลูกสาวของเขานอนหลับสนิทอยู่ท่ามกลางดงมะหมาขนปุย ดูแล้วเหมือนคนที่หลับเป็นตายอยู่บนเตียงไม่มีผิด
ดวงตาดำขลับเหลือบมองเหลาอู่เล็กน้อย ก่อนจะช้อนร่างของเด็กหญิงขึ้นอุ้มและพาออกไปจากบ้านสกุลอู๋ทันที
เมื่อลืมตาตื่นมาอีกครั้ง เสวี่ยจิงก็กลับมาอยู่ในห้องนอนของตัวเองแล้ว
เสื้อผ้าถูกเปลี่ยน คงเป็นคนรับใช้ที่เตี่ยสั่งเอาไว้ นอกจากนั้นข้างเตียงยังมีชามข้าวต้นอุ่นๆตั้งเอาไว้
เธอซดข้าวจนหมดชามเพื่อบรรเทาท้องที่แสบเพราะหิวจัด จากนั้นจึงคว้าเสื้อคลุมใส่ลงไปหาคนที่คิดว่าตอนนี้คงอยู่ท่ามกลางกองเอกสาร
ไม่ผิดจริงๆ เตี่ยนั่งอยู่หลังโต๊ะทำงาน ด้านหน้าคือกองกระดาษที่ทำให้หัวคิ้วเขาแทบผูกเป็นโบว์ได้หลายตลบ
“เตี่ย” เสวี่ยจิงส่งเสียงเรียกเบาๆ ก่อนจะวิ่งอ้อมโต๊ะ ปีนขึ้นไปนั่งบนตักเขาอย่างที่เคยทำแบบตอนเด็กๆ ถึงแม้ตอนนี้เธอจะไม่ใช่เด็กแล้วก็ตาม
รู้แค่ว่าทำแบบนี้แล้วเตี่ยจะหายเครียด...ก็เท่านั้นเอง
เตี่ยมองเธอด้วยแววตาราบเรียบ ทว่าลึกลงไปนั้นกลับแสดงความเป็นห่วงชัด
“อย่าทำแบบนี้อีก”
เสวี่ยจิงนั่งนิ่ง ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ
พ่อพระใหญ่ถอนหายใจ นิสัยดื้อดึงเช่นนี้ได้มาจากใครหนอ?
------------------------------------------------------------------------------------
ใครน้อ...นิสัยดื้อๆแบบนี้
หลังๆมาชักดราม่าหนัก...บอกเลยค่ะ
รุ่นปู่นี่มันดราม่าจริง....................
อ่านตอนก่อนหน้านี้ได้ที่นี่ค่ะ
-Part 1-
-Part 2-
ร่างเล็กในผ้าคลุมเดินลัดเลาะไปตามตรอกซอกซอย ด้วยความที่ตัวเล็กจึงทำให้ยามลาดตระเวนไม่สามารถมองเห็นได้หากนั่งหลบอยู่ใต้เงา ความจริงไม่จำเป็นต้องหลบก็ได้เพราะทหารทุกนายในฉางซาล้วนรู้จักคุณหนูจางเป็นอย่างดี แต่ถึงอย่างนั้นการออกมานอกบ้านตอนตีหนึ่งก็ไม่สมควรอย่างยิ่งสำหรับเด็กผู้หญิงอายุสิบขวบ
เสวี่ยจิงเดินไปตามตรอกแคบๆที่คุ้นเคย เจอขอทานสองสามคนขวางบ้างแต่เมื่อเห็นดวงตาเขียวเรืองรองท่ามกลางความมืดก็ต้องเผ่นหนีอย่างไม่คิดชีวิต ใครเล่าจะกล้าแตะต้องคุณหนูจาง บุตรสาวหัวแก้วหัวแหวนของพ่อพระใหญ่จาง ต่อให้มีกี่ชีวิตก็ไม่พอหรอกหากจะเข้าไปยุ่งกับคนของเก้าสกุลใหญ่
โฮ่ง!
เสียงเห่าเล็กๆดังมาจากใต้พุ่มไม้ เสวี่ยจิงก้มลงก็เห็นเจ้าทิเบตันสปิเนียลตัวจ้อยที่คุ้นเคยมุดหน้าออกมาจากข้างใต้ ส่งเสียงเห่าทักทายอีกครั้งแล้วผลุบหายเข้าไป เด็กหญิงมองซ้ายมองขวาอย่างระมัดระวังก่อนที่จะคลานตามเข้าไป
ทางนี้เป็นอีกหนึ่งทางลับของหมาในบ้านอาเหล่าโก่ว
สัญชาตญาณพวกมันดีกว่ามนุษย์ ดมกลิ่นมองเพียงครั้งก็แยกแยะออกว่าใครดีใครร้าย หมาทุกตัวของอาเหล่าโก่วถูกฝึกมาอย่างดี ทุกตัวล้วนฉลาด เจ้าตัวน้อยที่คลุกคลีกับมนุษย์มากที่สุดย่อรู้ดีว่าเจ้านายของมันต้องการอะไร
ปลายทางของอุโมงค์หมาลอดคือบ้านหลังหนึ่ง เสวี่ยจิงรู้จักที่นี่ดีพอๆกับบ้านตนเองเพราะทุกครั้งที่เตี่ยลงกรวยจะพาเธอมาฝากไว้ที่นี่เสมอ อีกทั้งอู๋เหล่าโก่วยังเอ็นดูเธอไม่น้อย เสวี่ยจิงจึงนับถือเขาดั่งบิดาคนหนึ่ง
เหล่าลูกรักของอาเหล่าโก่วกรูเข้ามารุมล้อม กระดิกหางใส่อย่างเป็นมิตร เสวี่ยจิงลูบหัวพวกมันไปสองสามตัวก่อนสาวเท้ายาวๆตามซันชุ่นติงเข้าไปข้างในบ้าน
สภาพของอาเหล่าโก่วไม่ได้ดีไปกว่าเตี่ยเท่าไรนัก เนื้อตัวมีแต่แผลทั้งเล็กใหญ่ ที่น่าเป็นห่วงที่สุดก็คือแผลบริเวณหัวไหล่ซึ่งบาดลึกและเหวอะพอสมควร ควรต้องเย็บสถานเดียวไม่อย่างนั้นบาดแผลอาจติดเชื้อได้
ถึงปู่เอ้อร์จะเคยสอนให้เย็บแผลก็เถอะ แต่เธอเคยเย็บเนื้อหมู เนื้อคนเคยเสียที่ไหน
เด็กหญิงวิ่งไปยังห้องครัว ตวงน้ำร้อนจากกามากะละมังหนึ่ง จากนั้นก็วิ่งควานหาผ้าสะอาดๆที่มีอยู่น้อยนิดภายในบ้าน คราวหลังต้องบอกเตี่ยอู๋แล้วว่าให้มีผ้า
แบบนี้ติดบ้านไว้บ้าง ได้แผลกลับมาจะได้จัดการง่ายๆ
เธอคลี่ห้อผ้าออก หยิบเครื่องมือที่ทำด้วยโลหะออกมาสองสามชิ้น จุ่มน้ำร้อนเพื่อฆ่าเชื้อ จากนั้นก็เอาผ้าผืนน้อยที่ซ่อนอยู่ใต้แขนเสื้อออกมาให้คนตรงหน้าสูดดม เมื่อมั่นใจว่าอู๋เหล่าโก่วหลับไปแล้วจึงเริ่มลงมือ
“อือ.....” เสียงครางเบาๆจากคนที่หมดสติไปเพราะพิษบาดแผลทำให้เสวี่ยจิงมือสั่นขณะจรดปลายเข็มลงบนเนื้อที่ฉีกออกจากกัน
ก้านธูปไหม้หมดไปแล้วไม่รู้กี่ดอก รู้เพียงว่ากว่าจะทำแผลเสร็จเหนื่อยสายตัวแทบขาด จัดการเก็บห้องให้คนคนนี้เสร็จก็หลับคาพุงอุ่นๆของเหล่าสุนัขบ้านอู๋ทันที
เอ้อร์เยว่หงกลับมาถึงบ้านสกุลอู๋ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือจะหนาวๆร้อนๆดี
ก่อนมาถึงที่นี่เขาแวะไปที่บ้านสกุลจาง ได้ยินเสียงหวีดร้องเบาๆและความวุ่นวายในหมู่คนรับใช้ คาดเดาได้ว่าคงเกิดเรื่องอะไรบางอย่างขึ้น และน่าจะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับจางเสวี่ยจิง
และมันก็ใช่อย่างที่เดาไม่ผิด ยืนฟังอยู่นานสองนานได้ความว่าคุณหนูจางหายตัวไป
เมื่อหลายวันก่อนจางฉี่ซานไปลงกรวยกับหมาแก่อู๋ ดังนั้นที่ที่เด็กน้อยจะหนีออกไปตอนกลางค่ำกลางคืนมีอยู่แห่งเดียวเท่านั้น
ชายวัยกลางคนยิ้มจางขณะมองดูภาพเบื้องหน้า หมาของเหล่าโก่วนับสิบตัวนอนอยู่รอบเตียง สองตัวในนั้นกลายเป็นหมอนและผ้าห่มให้เด็กหญิงตัวน้อยซุกคลายความหนาว บนเตียงคืออู๋เหล่าโก่วที่ยังหลับไม่ได้สติ ท่อนบนเต็มไปด้วยผ้าพันแผล เห็นได้ชัดว่ายายหนูจางมาที่นี่เพื่อช่วยเหล่าโก่ว
ดูจากจำนวนลูกรักที่เหลืออยู่ในห้องนี้...คาดว่าการลงกรวยคงพรากสุนัขของเขาไปหลายตัวทีเดียว
เสียงฝีเท้าดังขึ้นจากด้านหลัง หันไปเห็นจางฉี่ซานเดินเข้ามา คิ้วแทบขมวดเป็นปม ก่อนจะคลายลงเมื่อเห็นลูกสาวของเขานอนหลับสนิทอยู่ท่ามกลางดงมะหมาขนปุย ดูแล้วเหมือนคนที่หลับเป็นตายอยู่บนเตียงไม่มีผิด
ดวงตาดำขลับเหลือบมองเหลาอู่เล็กน้อย ก่อนจะช้อนร่างของเด็กหญิงขึ้นอุ้มและพาออกไปจากบ้านสกุลอู๋ทันที
เมื่อลืมตาตื่นมาอีกครั้ง เสวี่ยจิงก็กลับมาอยู่ในห้องนอนของตัวเองแล้ว
เสื้อผ้าถูกเปลี่ยน คงเป็นคนรับใช้ที่เตี่ยสั่งเอาไว้ นอกจากนั้นข้างเตียงยังมีชามข้าวต้นอุ่นๆตั้งเอาไว้
เธอซดข้าวจนหมดชามเพื่อบรรเทาท้องที่แสบเพราะหิวจัด จากนั้นจึงคว้าเสื้อคลุมใส่ลงไปหาคนที่คิดว่าตอนนี้คงอยู่ท่ามกลางกองเอกสาร
ไม่ผิดจริงๆ เตี่ยนั่งอยู่หลังโต๊ะทำงาน ด้านหน้าคือกองกระดาษที่ทำให้หัวคิ้วเขาแทบผูกเป็นโบว์ได้หลายตลบ
“เตี่ย” เสวี่ยจิงส่งเสียงเรียกเบาๆ ก่อนจะวิ่งอ้อมโต๊ะ ปีนขึ้นไปนั่งบนตักเขาอย่างที่เคยทำแบบตอนเด็กๆ ถึงแม้ตอนนี้เธอจะไม่ใช่เด็กแล้วก็ตาม
รู้แค่ว่าทำแบบนี้แล้วเตี่ยจะหายเครียด...ก็เท่านั้นเอง
เตี่ยมองเธอด้วยแววตาราบเรียบ ทว่าลึกลงไปนั้นกลับแสดงความเป็นห่วงชัด
“อย่าทำแบบนี้อีก”
เสวี่ยจิงนั่งนิ่ง ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ
พ่อพระใหญ่ถอนหายใจ นิสัยดื้อดึงเช่นนี้ได้มาจากใครหนอ?
------------------------------------------------------------------------------------
ใครน้อ...นิสัยดื้อๆแบบนี้
หลังๆมาชักดราม่าหนัก...บอกเลยค่ะ
แก้ไขล่าสุดโดย schneewittchen เมื่อ Fri 15 May 2015, 14:05, ทั้งหมด 1 ครั้ง
Re: [Fic] My Snowflake (3)
/w/ เตี่ย นี่ไงคะได้แม่แล้--
ปู่จางนี่หวงได้หวงดีจริงๆ
ปู่จางนี่หวงได้หวงดีจริงๆ
Cathareen- ด้วงสุสานใต้สมุทรทะเลซีซา
- จำนวนข้อความ : 149
Points : 3594
Join date : 24/12/2014
Re: [Fic] My Snowflake (3)
Cathareen พิมพ์ว่า:/w/ เตี่ย นี่ไงคะได้แม่แล้--
ปู่จางนี่หวงได้หวงดีจริงๆ
เดาถูกด้วยสินะคะ^^ เรื่องนี้อิง 15 เจ้าค่ะ แอร๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!
Re: [Fic] My Snowflake (3)
schneewittchen พิมพ์ว่า:Cathareen พิมพ์ว่า:/w/ เตี่ย นี่ไงคะได้แม่แล้--
ปู่จางนี่หวงได้หวงดีจริงๆ
เดาถูกด้วยสินะคะ^^ เรื่องนี้อิง 15 เจ้าค่ะ แอร๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!
ปู่ๆ น่ารักจัง เห็นคำว่า 15 แล้วกระโดดเลยค่ะ!!!
ปล. ไม่ได้เมนต์เลย ขออภัยนะคะ
sup-pak- ด้วง
- จำนวนข้อความ : 39
Points : 3411
Join date : 10/04/2015
Re: [Fic] My Snowflake (3)
sup-pak พิมพ์ว่า:schneewittchen พิมพ์ว่า:Cathareen พิมพ์ว่า:/w/ เตี่ย นี่ไงคะได้แม่แล้--
ปู่จางนี่หวงได้หวงดีจริงๆ
เดาถูกด้วยสินะคะ^^ เรื่องนี้อิง 15 เจ้าค่ะ แอร๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!
ปู่ๆ น่ารักจัง เห็นคำว่า 15 แล้วกระโดดเลยค่ะ!!!
ปล. ไม่ได้เมนต์เลย ขออภัยนะคะ
ไม่เป็นไรค่ะ แค่แวะเข้ามาก็สุขใจแล้ว^^ เค้าเองก็ชอบของคุณซุปผักเหมือนกันนะคะ^0^
Similar topics
» [Fic] My Snowflake (2)
» [Fic] My Snowflake (4)
» [Fic] My Snowflake (5)
» [Fic] My Snowflake -บทส่งท้าย-
» [SF] My Snowflake [จางฉี่ซาน+OC]
» [Fic] My Snowflake (4)
» [Fic] My Snowflake (5)
» [Fic] My Snowflake -บทส่งท้าย-
» [SF] My Snowflake [จางฉี่ซาน+OC]
หน้า 1 จาก 1
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
|
|
Fri 24 Jul 2020, 01:39 by gustoon
» [คู่มือด้วง] Keyword จีนสำหรับการขุด(แฟนดอม)สุสาน
Thu 21 Jun 2018, 00:29 by miskizfullmoon
» มังฮวาและภาคทิเบต
Thu 21 Jun 2018, 00:23 by miskizfullmoon
» [OS] Father is the best (ผิงเสีย)
Thu 03 Aug 2017, 16:12 by schneewittchen
» [Fic] สิ่งเล็กๆที่เชื่อมโลก5 [เมินโหยวผิง+อู่เสีย+เสี่ยอ้วน]+OC
Tue 01 Aug 2017, 12:30 by natsume
» [OS] #dmbjdaily (จูปาจุ๊บ) Bittersweet [ผิงเสีย AU]
Thu 06 Apr 2017, 15:58 by Zeth
» [OS] #dmbjdaily "โทรศัพท์มือถือ" - no Pairing [All]
Tue 04 Apr 2017, 22:27 by Zeth
» [OS] #DMBJDaily (แว่น): ระยะที่มองไม่เห็น [ฮัวเสีย]
Sat 01 Apr 2017, 16:55 by Zeth
» [OS] #DMBJdaily (5.20) ท่านยอดฝีมือ [หวังเหมิง (+เหมิงเสีย)(+ผิงเสีย)]
Thu 30 Mar 2017, 17:24 by Zeth