Countdown
We've been
togerther for

ค้นหา
 
 

Display results as :
 


Rechercher Advanced Search


[Fic] My Snowflake (2)

Go down

[Fic] My Snowflake (2) Empty [Fic] My Snowflake (2)

ตั้งหัวข้อ by schneewittchen Mon 11 May 2015, 20:27

วันนี้มานั่งอ่านลำดับเวลาของบันทึกฯ..............

ช่างแม่ม!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!


- พาร์ทแรกค่ะ -





เสวี่ยจิงมาเป็นส่วนหนึ่งของบ้านสกุลจางได้สามวันแล้ว


จางฉี่ซาน...ไม่สิ...เตี่ยสอนอะไรให้เธอหลายอย่างทีเดียว ทั้งคำศัพท์ คัดอักษร บางครั้งก็สอนให้อ่านผ้าไหมจารึก   บ้างก็เอาหนังสือพิมพ์มาให้อ่านทีละข่าว ฝึกให้อ่านและพูดคล่องไปในตัว   แต่เขาไม่ใช่คนที่ว่างงาน ในทางกลับกันเขาเป็นคนที่งานยุ่งที่สุดเท่าที่เสี่ยวจิงรู้จัก   สามวันที่เขาหายไปจะกลับมาเสียหนหนึ่ง อยู่ได้เพียงไม่นานก็ต้องกลับออกไปอีก

ถึงจะมีคนรับใช้อยู่เป็นเพื่อน บ้างก็คอยสอนในเรื่องต่างๆที่ควรรู้ในชีวิตประจำวัน...แต่เสี่ยวจิงก็ยังรู้สึกเหงาอยู่ดี


คิดถึงเตี่ยจัง...


“โอ๊ะ นี่น่ะเหรอคุณหนูจางที่เขาร่ำลือกัน”

เสียงทุ้มห้าวที่ไม่คุ้นเคยปลุกสัญชาตญาณเอาชีวิตรอดของเสวี่ยจิงขึ้นมา   เด็กหญิงหันไปข้างหลังพร้อมดึงมีดเหล็กดำที่ซ่อนอยู่ใต้แขนเสื้อออกมาจากฝัก ทว่ายังช้าไปสำหรับคนที่มีประสบการณ์มากกว่าและได้เปรียบทางด้านร่างกาย


เรียกว่าเสียเปรียบแทบทุกด้านทีเดียว


ยังไม่ทันจะได้จ้วงโจรบุกรุกบ้านสักที คอเสื้อด้านหลังของเสวี่ยจิงก็ถูกจับยกขึ้นสูงด้วยมือของใครบางคน


โจรบุกรุกบ้านคนแรกเป็นชายหนุ่มอายุประมาณยี่สิบกว่า


ใบหน้าเต็มไปด้วยร่องรอยของแผลเป็น ดวงตาประกายฉายแววแข็งกร้าว ชวนให้นึกถึงพวกนักเลงริมถนนที่เตี่ยเคยบอกว่าอย่าไปยุ่ง   ส่วนอีกคนนั้นเป็นชายอายุมากกว่า ท่าทางบอบบางอ้อนแอ้น แต่การเคลื่อนไหวกลับคล่องแคล่วและหนักแน่นเหมือนพวกที่ได้รับการฝึกวิทยายุทธ์

“แววตาใช้ได้เลยนี่” ชายที่จับคอเสื้อเธอแค่นยิ้ม


แววตา...?


“เป็นเด็กดีไปกินขนมกับพวกข้าที่บ้านเหล่าอู๋กันนะ^^”









เมื่อเฉินผีอาซื่อส่งข่าวไปยังคนที่เหลือก็เกิดการรวมตัวของเก้าสกุลที่บ้านหมาแก่ห้าทันที

เด็กน้อยผิวขาวจัดจนซีดนั่งอยู่บนตักของฮั่วเชียนกู เทพธิดาสกุลเจ็ดซึ่งเป็นหญิงหนึ่งเดียวในเก้าสกุล   ดวงตาสีเขียวกระจ่างเหลือบซ้ายแลขวา มองดูผู้ใหญ่รอบตัวนั่งถกเถียงเรื่องบางอย่างกันอย่างเคร่งเครียดไม่น้อย

พวกเขาแนะนำตัวแล้ว แต่คนที่เธอชอบมากที่สุดในกลุ่มเก้าสกุลก็คืออู๋เหล่าโก่ว เจ้าของบ้านหลังนี้   เขาเป็นผู้ชายที่มีสัมผัสบริสุทธิ์ต่างจากคนอื่นๆ แม้จะมีกลิ่นอายของคนขุดสุสานอยู่บ้างแต่กลับไม่น่าอันตรายเท่าไร

“ทำแบบนี้พ่อพระจะไม่พังประตูบ้านเจ้ารึ...อาซื่อ” นางพญาสกุลเจ็ดถอนหายใจ

ครั้งแรกที่นางได้เห็นแววตาที่ฉาบอยู่ในสีเขียวกระจ่างคู่นั้น...ฮั่วเชียนกูนึกถึงจางฉี่ซาน

ช่างคล้ายกันจริงๆ เหมือนพ่อพระใหญ่ในร่างของเด็กหญิงตัวน้อย   แววตาราบเรียบที่ไม่แสดงสิ่งใดนอกจากความใสกระจ่าง....ใสเสียจนมองไม่เห็นสิ่งใด

“...ถ้าจะพังประตู ข้าว่าบ้านเหล่าโก่วจะโดนก่อน”

“ไอ้ลูกหมา! แกล่อพ่อพระมาพังบ้านข้าเรอะ!!!”

ระหว่างนั้นเอง เสวี่ยจิงที่นั่งนิ่งในอ้อมแขนของเจ้าบ้านสกุลเจ็ดมาตลอดก็พลันเงยหน้าขึ้น สายตามองไปยังทางเข้าด้วยแววตาพราวระยับ พร้อมเอ่ยคำๆเดียวที่ทำให้ทุกคนในห้องโดยเฉพาะเฉินผีอาซื่อขนลุกเกรียว

“เตี่ย...”

งานงอกแล้วไง!!!!!!!







“อธิบายมาเดี๋ยวนี้”

เสียงของจางฉี่ซานเย็นเยียบ แต่สายตานั้นเย็นยิ่งกว่า   ทุกคนในเก้าสกุลที่ได้ชื่อว่าโด่งดังที่สุดในฉางซาก้มหน้านิ่ง ไม่มีใครกล้าสู้สายตาโหดร้ายนั่นแม้แต่คนเดียว กระทั่งเอ้อร์เยว่หงผู้อาวุโสที่สุดยังไม่กล้าพูดสิ่งใด

“เตี่ย...ง่วง”

แล้วก็มีเสียงสวรรค์จากเทพธิดานามว่าจางเสวี่ยจิงดังขึ้น เด็กน้อยมุดเข้าไปซุกอกผู้เป็นพ่ออย่างน่านักน่าชังที่สุด   จางฉี่ซานผ่อนลมหายใจพลางลุกขึ้นยืน สายตามองเหล่าคนต้นคิดลักพาตัวลูกสาวเขาอย่างคาดโทษก่อนจะเดินออกจากบ้านสกุลอู๋ไป

เมื่อพ้นสายตาพ่อพระแล้ว เอ้อร์เยว่หงก็ลงมะเหงกใส่ลูกศิษย์ของเขาทันที

“ไอ้เด็กบ้า! เกือบทำพวกข้าตายแล้วไหมเล่า!!!”

“ท่านอาจารย์ เจ็บ!!!”







หลังจากนั้น เรื่องราวของคุณหนูจางก็เป็นที่เลื่องลือไปทั่วฉางซาในเวลาอันสั้น

ทุกคนที่ยินล้วนสงสัย เด็กน้อยที่มีใบหน้าและแววตาราบเรียบคล้ายผู้เป็นบิดาคือใครกัน แล้วมารดาของเด็กคนนี้เล่า? เพราะรู้ทั้งรู้ว่าพ่อพระใหญ่จางไม่ได้แต่งงาน ตามนิสัยของเขาก็ไม่ใช่ชายที่จะไปมีเรื่องพรรค์นี้ได้

เวลาผ่านไปหลายปี เด็กน้อยที่เคยเห็นพ่อพระอุ้มไปไหนมาไหนก็เติบโตเป็นเด็กหญิงวัยสิบขวบ ด้วยว่าตอนที่จางฉี่ซานพบเธอในสุสานนั้น เก้าสกุลใหญ่เพิ่งโด่งดังได้ไม่กี่เดือน นับว่าเป็นของขวัญในความพยายามหลายปีของพวกเขาจริงๆ

จางเสวี่ยจิงเป็นเด็กฉลาด ฉลาดจนเรียกได้ว่าอัจฉริยะของเด็กในวัยเดียวกันเลยทีเดียว   ความรู้เรื่องฮวงจุ้ย ชี้จุดถ้ำมังกรล้วนไม่เป็นสองรองใคร   อีกทั้งยังสามารถอ่านภาษาโบราณในจารึกได้คล่องแคล่วราวกับเป็นภาษาของตน   สายตาแหลมคมประหนึ่งเหยี่ยวมองเห็นจุดกลไกของสุสานได้แม่นยำราวจับวาง   สองนิ้วที่ยาวเรียวกว่าคนปกติจิ้มนู่น ดันนี่ เท่านั้นการลงกรวยของพวกเขาก็จะปลอดอุปสรรค เลือดยังสามารถไล่แมลงร้ายในกรวยและสะกดผีดิบได้

แต่น้อยครั้งนักที่จางฉี่ซานจะให้บุตรสาวไปลงกรวยด้วย

เสี่ยวจิงอยู่กับสุสานมาทั้งชีวิตแล้ว เขาพาเธอออกมาจากที่นั่นก็เพื่อให้เธอเป็นคนธรรมดา ไม่ใช่เครื่องมือในการขุดสุสาน

แต่ครั้งนี้...



จางฉี่ซานอาศัยไหล่ของลูกน้องคนสนิทพยุงร่างกลับมาถึงบ้านกลางดึก เขาเกรงจะมีข่าวเกี่ยวกับตนหากกลับมาตอนกลางวันจึงเลือกที่จะอาศัยช่วงเวลาที่ผู้คนหลับนอนกลับมาถึงบ้าน

เสวี่ยจิงยืนอยู่หน้าประตู ครั้นเห็นบิดาตนถูกพยุงกลับมาด้วยสภาพไม่สู้ดีนักก็เบิกตากว้าง แต่ไม่กล้าส่งเสียงร้องเพราะกลัวผู้อื่นแตกตื่น เด็กหญิงหันไปออกคำสั่งกับคนรับใช้ในบ้านให้เตรียมกะละมัง ผ้าพันแผลและยาสมานแผลเอาไว้ ก่อนจะปรี่เข้ามากอดร่างสูงเอาไว้

“ไม่เป็นไร...ไม่เป็นไร...” เขากล่าวเมื่อร่างเล็กที่กอดเอวเขาไว้สั่นน้อยๆ

เมื่อมาถึงห้องพัก เสี่ยวจิงก็ไล่คนรับใช้ทั้งหมดออกไป ในเวลาเดียวกับที่เขาปลดเครื่องแบบออก เผยให้เห็นรอยแผลนับไม่ถ้วนบนหน้าท้องและแผ่นหลังกำยำ รวมถึงรอยบาดลึกที่หน้าขาซึ่งเป็นเหตุที่เขาไม่สามารถประคองร่างตนเองได้

ผ้าขนหนูชุบน้ำร้อนล้างคราบเลือดแห้งกรังที่ติดอยู่รอบๆแผลออก เด็กหญิงทำเช่นนั้นจนกระทั่งแน่ใจแล้วว่าไม่มีเกล็ดเลือดแห้งติดอยู่ที่ไหนอีก จากนั้นจึงในผ้าสะอาดมาซับน้ำออก แล้วค่อยใส่ยาตามลำดับ

ยาของท่านเอ้อร์เป็นยาดี แต่ก็แสบมากเช่นกัน   เสี่ยวจิงเคยใส่ครั้งหนึ่งตอนหกล้มเข่าถลอก แผลเล็กเพียงนั้นยังแสบจนน้ำตาไหลแล้ว   แผลใหญ่ของเตี่ยไม่เจ็บเสียจนช็อกตายเลยหรือ

ร่างกายของพ่อพระใหญ่สั่นน้อยๆเมื่อยาขนานแสบนั้นซึมเข้าไป   เสวี่ยจิงรู้จึงรีบทำแผลให้รวดเร็วแล้วนำผ้ายาวมาพันทับ   มือน้อยที่เคยใช้ชี้จุดสุสานคล่องแคล่วนักยามทำแผลให้กับบิดา   ไม่นานทั่วร่างของจางฉี่ซานก็เต็มไปด้วยผ้าพันแผลแต้มเลือดซึม

ระหว่างนั้น คนรับใช้ก็ยกสำรับข้าวต้มร้อนกรุ่นเข้ามา ต่างคนต่างก้มหน้างุด ไม่กล้ามองสองพ่อลูกแม้แต่แวบเดียวและรีบถอยกลับออกไปนอกห้องเมื่อทำหน้าที่ของตนเสร็จ

“กินนี่เถอะค่ะท่านพ่อ” เสี่ยวจิงเอ่ยเสียงราบเรียบ ทว่าทุกความรู้สึกกลับฉายชัดผ่านดวงตาสีเขียวประหลาด   จางฉี่ซานไม่ได้ตอบรับ เพียงแต่อ้าปากกินข้าวต้มที่บุตรสาวป้อนให้ทีละคำๆจนกระทั่งหมดชาม   ไม่นานพิษบาดแผลก็ทำให้เขาต้องหลับตาลง

ก่อนสติจะดับลง เขาได้ยินเสียงเล็กๆของเสี่ยวจิงเอ่ยกับคนใช้ให้เตรียมผ้าพันแผลและยาสมานแผลเอาไว้อีกชุดพร้อมเสื้อคลุมสำหรับออกไปข้างนอก

นางจะไปที่ใดกัน?




------------------------------------------------------------------------------------

ลำดับอายุของเก้าสกุลไม่ถูกจริงๆค่ะ รู้แค่ว่าปู่เอ้อร์อายุมากที่สุด(ใช่รึเปล่า)
schneewittchen
schneewittchen
ด้วงสุสานใต้สมุทรทะเลซีซา
ด้วงสุสานใต้สมุทรทะเลซีซา

จำนวนข้อความ : 110
Points : 3445
Join date : 18/04/2015
Age : 27
ที่อยู่ : รังตะขาบของคิงว่านหนู

http://my.dek-d.com/sayurahime/

ขึ้นไปข้างบน Go down

ขึ้นไปข้างบน

- Similar topics

 
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ