Countdown
We've been
togerther for
ค้นหา
Latest topics
Most active topics
[SF] My Snowflake [จางฉี่ซาน+OC]
2 posters
หน้า 1 จาก 1
[SF] My Snowflake [จางฉี่ซาน+OC]
ไม่มีอะไรค่ะ แค่อยากเห็นโมเม้นท์พ่อลูกของปู่จางเฉยๆ^^
ในวันที่หิมะโปรยปราย...
มือที่แสนอบอุ่นของคุณยื่นเข้ามาหาฉันซึ่งกำลังจะตาย...
ฉุดรั้งฉันไว้...และโอบกอดฉัน...
พร่ำบอกว่าทุกอย่างจะไม่เป็นไร...
ถึงจะรู้อยู่เต็มอกว่านั่นคือคำลวง...
แต่ก็เอื้อมไปจับมือนั้นเอาไว้...
สาบานกับตัวเองตั้งแต่วันนั้นว่าจะติดตามคุณไป...ต่อให้ปลายทางจะเป็นนรกก็ตาม
สิ่งที่พวกเขาพบอยู่เหนือโลงศพไม่ใช่ศพโลหิต ผีดิบหรือด้วงศพแต่อย่างใด
หากแต่เป็นเด็กคนหนึ่ง
เด็กหญิงอายุประมาณสองสามขวบ ผิวกายขาวซีดปกปิดเอาไว้ด้วยผ้าเก่าขาดรุ่งริ่งที่คาดว่าน่าจะไปถลกมาจากศพใดศพหนึ่งในสุสาน เส้นผมดำขลับยาวระพื้น ในมือกุมมีดสั้นที่ทำมาจากเหล็กดำ ดวงตาเขียวกระจ่างวาวแสงใต้ม่านผมจ้องมาทางพวกเขาด้วยแววตาว่างเปล่า
แม้จะเป็นเด็ก...แต่หากพบในสุสานที่มีกลิ่นอายศพหนาแน่นถึงเพียงนั้น คงไม่ใช่เด็กธรรมดาแล้ว
จางฉี่ซานทำสัญญาณมือให้กับทหารผู้ติดตามและสมาชิกคณะขุดสุสาน สั่งให้พวกเขาลดอาวุธลง
“ท่านครับ...” ทหารนายหนึ่งแย้งขึ้น ทว่าก็ต้องรีบหุบปากทันควันเมื่อดวงตาดำขลับของนายพลผู้ยิ่งใหญ่แห่งเก้าสกุลตวัดมองเย็นเยียบ
ร่างสูงสง่าในเครื่องแบบสีกากีเข้มเดินเข้าไปใกล้ เด็กน้อยเพียงช้อนตามองเขาผ่านกลุ่มเส้นผมหนาด้วยแววตาว่างเปล่า มีดยังคงอยู่ในมือ เหมือนกับจะเตือนกลายๆว่ามีขอบเขตที่ห้ามไม่ให้แต่ต้องได้อยู่
“เธอเป็นใคร”
แต่ละคนที่ยืนอยู่ด้านหลังเจ้านายตนต่างลุ้นเสียจนแทบลืมหายใจ เพราะพ่อพระใหญ่จางผู้เข้มงวดและเย็นชาราวกับน้ำแข็งไม่ได้มีร่องรอยของความรักเด็กเลยแม้แต่น้อย!
ผิดคนจริงแท้! รู้เช่นนี้ไปตามท่านเอ้อร์มาด้วยดีกว่า!!!
“กุญแจ...” เสียงหวานใสตอบ เสียงนั้นดังกังวานชวนให้พวกเขานึกถึงเสียงของกระพรวนกับดักที่แขวนอยู่รอบสุสานแห่งนี้
“เธอเป็นคน...ไม่ใช่เหรอ?”
เด็กหญิงส่ายหน้าช้าๆ เส้นผมที่ทิ้งลงตามแรงโน้มถ่วงพลันส่ายน้อยๆดูราวกับผิวคลื่น
“พวกเขา...บอกว่า...ฉันคือกุญแจ...” ถ้อยคำแปร่งหูและติดขัดคล้ายกับไม่ได้ออกเสียงมาเป็นเวลานานทำให้จางฉี่ซานขมวดคิ้ว นี่เป็นหนึ่งในสุสานที่สกุลจางเคยลงมาสำรวจ แสดงว่าเด็กคนนี้เป็นก็ต้องเป็นหนึ่งใน ‘ผลผลิตวิปริต’ ของคนรุ่นก่อนเป็นแน่
หนึ่งในความลับที่สืบทอดกันมาของเก้าสกุล
เขาเองก็ไม่รู้แน่ชัดว่า ‘กุญแจ’ คนนี้มีไว้เพื่อเปิดอะไร รู้เพียงว่าหากปล่อยให้เด็กคนนี้อยู่ในที่ที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของคนตายนานกว่านี้คงไม่ดีแน่ แม้ตัวเขาในปัจจุบันจะเป็นรูปปั้นหินแข็งทื่ออันหนึ่ง ถึงอย่างนั้นในวัยเด็กเขาก็ยังคงได้รับความอบอุ่นจากมือของคนที่เลี้ยงดูเขามาอยู่บ้าง
เขาไม่อยากให้เด็กคนนี้กลายเป็นเครื่องมือของเหล่าผู้คนที่ลงโลงไปแล้ว
มือที่สวมถุงมือหนาตัดสินใจยื่นออกไปตรงหน้า
“มากับฉัน”
รูปประโยคคล้ายออกคำสั่ง แต่สำหรับเด็กน้อยมันไม่ได้มีความหมายเช่นนั้น ดวงตาสีเขียววาวแสงที่ชวนให้นึกถึงศพจิ้งจอกเนตรเขียวตามเรื่องเล่านักคว่ำกรวยฉายแววฉงน ก่อนจะเปลี่ยนกลับไปราบเรียบอย่างรวดเร็วไม่ต่างจากผิวน้ำยามหินกระทบ
สั่นไหว...และจางหายไปในเวลาอันสั้น
มือน้อยสั่นเทาขณะที่เอื้อมไปจับมือที่ใหญ่กว่ามาก
อบอุ่นจัง...
หลังจากที่คนในคณะขุดดินกวาดของที่ต้องการออกไปแล้ว ครั้งนี้ก็ถึงเวลากลับออกไป
ภาพของเด็กน้อยในอ้อมแขนนายทหารระดับสูงผู้มีใบหน้าเรียบเฉยฉาบความทรงอำนาจดูน่าขันเป็นที่สุด แต่คนที่รู้จักจางฉี่ซานกลับไม่มีใครเลยที่กล้าส่งเสียงหัวเราะออกมา อาจเพราะเกรงสายตาคมๆปานดาบที่เข็มขัดเขานั่นกระมัง
ขณะที่ทุกคนกำลังจะเตรียมตัวขุดอุโมงค์โจรกลับไปนั้น จางฉี่ซานก็รู้สึกถึงแรงกระตุกเบาๆที่แขนเสื้อ ก้มลงไปก็เห็นดวงตาสีเขียวสวยจ้องกลับมาด้วยแววตาราบเรียบเช่นเดิม
มือน้อยชี้ไปยังอุโมงค์มืดมิดด้านหลังแท่นตั้งโลง “ปลอดภัยกว่า”
เขาเลิกคิ้ว นึกประหลาดใจไม่น้อยที่เด็กคนนี้รู้จักโครงสร้างภายในสุสานด้วย แต่พอมานึกดูอีกหนก็กระจ่างแล้ว เด็กคนนี้คงอยู่ในความมืดมาอย่างน้อยก็หนึ่งปี คงจดจำทางลัดเลี้ยวภายในสุสานได้เป็นอย่างดี
พ่อพระใหญ่จางหันไปออกคำสั่งกับคนในคณะ ก่อนจะเดินเข้าไปในอุโมงค์ตามที่เด็กคนนั้นบอก พบว่ามันเป็นอุโมงค์โจรที่ดูเหมือนมีคนขุดเอาไว้นานแล้ว คล้ายกับเป็นทางหนีทีไล่สำหรับนายช่างที่ก่อสร้างสุสานแห่งนี้ เมื่อใกล้ถึงปากทางก็รู้สึกได้ถึงสายลมเย็นยะเยือกที่พัดเข้ามาอย่างชัดเจน
เพียงเศษผ้าบางๆไม่อาจป้องกันความหนาวเย็นอันโหดร้ายในวันกลางฤดูหนาวเช่นนี้ได้ มือน้อยของคนในอ้อมแขนกำแขนเสื้อเขาแน่น ร่างเล็กสั่นสะท้านน้อยๆยามที่รู้สึกถึงอากาศเย็นบาดผิว
จางฉี่ซานก้มลง ตัดสินใจแกะกระดุมเสื้อคลุมของเขาออกแล้วให้เด็กคนนี้ซุกอยู่ข้างใน
ไม่นึกว่าความเมตตาเล็กๆนั้นจะทำให้เขาแทบกัดลิ้นตายในเวลาต่อมา
นั่งรถไฟกลับมายังฉางซาก็ใช้เวลานานเป็นชั่วโมง คณะเดินทางที่มีแต่ผู้ชายตัวโตๆไม่อาจหาเสื้อหนาดีๆสำหรับเด็กเล็กได้ เขาที่เป็นผู้พาตัวเธอมาจึงต้องรับผิดชอบ ให้ยายหนูนอนซุกอกเขาอยู่ใต้เสื้อคลุมแทน
เขาเกรงว่าหากไปถึงฉางซาแล้วเรื่องอาจจะไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด
ในตู้รถไฟที่พ่อพระใหญ่โดยสารมีแต่ผู้ชายหน้าเหี้ยมถือปืนปิดทางเข้าออก เรื่องป้องกันความลับรั่วไหลเป็นสิ่งที่ง่ายดายอย่างยิ่ง แต่หากออกไปนอกรถไฟ ขึ้นรถทหารกลับที่พักแล้วคงไม่แคล้วมีเรื่องใหญ่โตให้ชาวบ้านสนุกปาก
ชายหนุ่มก้มลงมองเด็กน้อยที่หลับสนิทตั้งแต่ออกมาจากสุสาน เส้นผมยาวเหยียดถูกรวบเอาไว้ด้วยเชือกฟั่นเก่าๆที่ลูกน้องของเขาหามาให้เพราะกลัวผมที่ยาวสยายจะทำให้ใครก็ตามที่เห็นช็อคตาตั้งได้ แต่เพราะทำเช่นนั้นจึงทำให้ผิวขาวซีดราวศพคนตายกลับขับเด่นชัด
รถไฟที่วิ่งอย่างช้าๆ ผ่านป่าเขียว ผ่านทุ่งนาเข้าสู่อาณาเขตของบ้านเรือน ทิวทัศน์ของฉางซาที่เขารู้จักหวนคืนมาอีกครั้ง
เด็กน้อยตื่นแล้ว ดวงตาสีเขียวใสเหลือบมองภาพรอบข้างที่แสนจะไม่คุ้นเคยด้วยแววตาเป็นประกายระคนตื่นกลัว คล้ายกับลูกสัตว์ที่เพิ่งถูกจับออกจากกรงขังมาสู่โลกภายนอกเป็นครั้งแรก นั่นทำให้เขานึกขำ มุมปากยกยิ้มจางขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
ลูกน้องของนายทหารระดับสูงแห่งฉางซาผงะ สองมือปล่อยทุกอย่างที่จับเอาไว้ทิ้งลงพื้นยามได้เห็นสีหน้าที่ไม่รู้จักของเจ้านายพวกเขา
สวรรค์...แท้จริงแล้วท่านมีรสนิยมเช่นนี้หรือท่านนายพลจาง
ราวกับล่วงรู้ความคิดของคนรอบข้าง สีหน้าผ่อนคลายของจางฉี่ซานแปรเปลี่ยนเป็นดุดัน ถลึงตามองใครก็ตาที่ค้างอยู่ด้วยแววตาเย็นเยียบ ทำให้พวกเขาต้องรีบเก็บของขึ้นมาถือกันเป็นพัลวันทีเดียว
เมื่อกลับมาถึงบ้าน สิ่งแรกที่เขาทำคือสั่งให้คนรับใช้พากุญแจน้อยไปอาบน้ำ
แต่ที่ไหนได้ นึกว่าจะว่าง่ายกลับแสนดื้อดึงกว่าที่คิด
มือน้อยยึดเสื้อคลุมเขาเอาไว้แน่น ดวงตาสีประหลาดจ้องมองเหล่าคนรับใช้ในบ้านที่กำลังเข้ามาหมายจะอุ้มไปยังห้องอาบน้ำด้วยแววตาสั่นกลัว
“ไม่เป็นไร” เขาเอ่ยสั้นๆ แต่กลับได้ผลอย่างเหลือเชื่อ เด็กน้อยยอมปล่อยมือจากเสื้อเขาและยืนนิ่งให้คนรับใช้อุ้มไป ไม่วายมองตามเขาจนกระทั่งลับสายตา
เขามีเหตุผลที่ต้องทำ...สำคัญมากๆด้วย
เด็กคนนั้นมีกลิ่นศพติดตัวมากเกินไป คนทั่วไปอาจจะไม่รู้ แต่ไม่ใช่กับคนคว่ำกรวยเช่นพวกเขา
เก้าสกุลทำเรื่องผิดพลาดมามากพอแล้ว หากนี่เป็นการล้างบาปส่วนหนึ่งที่ก่อเอาไว้เขาก็ยินดีทำ
เด็กสามขวบทั่วไปควรได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากับครอบครัวภายในบ้านอันอบอุ่น ไม่ใช่อยู่กับศพในสุสานที่ทั้งมืดมิดและเย็นเฉียบเช่นนั้น
เขามองเห็นเงาสะท้อนของตัวเองจากในดวงตาสีเขียว...และใบหน้าเรียบเฉยไร้อารมณ์เช่นนั้น นั่นคือสิ่งแท้จริงที่ดลใจให้เขาเอื้อมมือออกไปดึงคนคนหนึ่งออกมาจากโพรงมืดๆ
เขาหวังจะให้เธอเติบโตขึ้นมาเป็นคนปกติทั่วไป...
แต่มันจะเรียบง่ายเช่นที่เขาคิดจริงหรือ?
เด็กคนหนึ่งปรากฏตัวในสุสาน ไม่รู้ที่มาที่ไป ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอาศัยอยู่ในนั้นได้อย่างไร พูดให้ชัดเจนถือถลำเข้าไปในอีกโลกหนึ่งเต็มตัว ยากที่จะดึงกลับมาสู่โลกฝั่งนี้ได้อย่างที่พวกเขาทำ
“อาหารเย็นเตรียมเสร็จแล้วเจ้าค่ะนายท่าน” ระหว่างครุ่นคิดอยู่นั้น สาวใช้คนหนึ่งก็เดินเข้ามารายงาน เขาพยักหน้ารับ ก่อนประทับตราลงบนเอกสารราชการสองสามแผ่นแล้วจึงเดินออกไป
ในเดือนธันวาคมอากาศหนาวเสียจนหิมะตกต่อเนื่องตลอดทั้งวันทั้งคืน ทำให้สวนสวยใจกลางเรือนกลายเป็นสีขาว กระทั่งบ่อน้ำยังมีน้ำแข็งฉาบแข็งหนาเป็นนิ้ว
ใจกลางสีขาวบริสุทธิ์นั้นก็คือสีดำสนิท
เด็กน้อยยืนอยู่กลางหิมะ ไม่ห่างไปนักมีสาวใช้คนหนึ่งยืนหันซ้ายหันขวาอย่างพะว้าพะวง แล้วเมื่อหันมาเจอเขาที่ยืนมองอยู่จากชานเรือนก็หน้าซีดเผือด ปากอ้าพะงาบแต่ไร้เสียงคล้ายกับตกใจสุดขีด เขาจึงโบกมือให้คนรับใช้ถอยออกไป ก่อนเดินลงมายังสวนสีขาว
ผมของเธอจากที่ยาวระพื้นถูกตัดออกให้เหลือเพียงกลางหลัง ถักเป็นเปียสองข้าง ร่างเล็กห่อหุ้มมิดชิดด้วยเสื้อกันหนาวสีฟ้าสำหรับเด็ก แล้วเมื่อรับรู้ถึงการมาถึงของเขา ยายหนูก็หันกลับมา สองมือประคองเกล็ดสีขาวของหิมะเอาไว้
ยายหนูยื่นมือทั้งสองมาข้างหน้า “นี่คืออะไร?”
ดวงตาไร้ประกายในครั้งแรกที่พบกันนั้นบัดนี้กลับแต่งแต้มไปด้วยประกายของการมีชีวิต
เขาเผยรอยยิ้มจางออกมาเป็นรอบที่สองของวัน ตอนนี้ไม่สำคัญอีกแล้วว่าเด็กคนนี้จะเป็นใคร แต่ตอนนี้เขาจะรักเธอให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
ในฐานะ...ลูกสาวของเขา
“นั่นคือ หิมะ...เสวี่ยจิง”
เธอเบิกตากว้าง “เสวี่ยจิง?”
“ชื่อของเธอนับแต่นี้...จางเสวี่ยจิง ลูกสาวของจางฉี่ซาน”
...เกล็ดหิมะที่งดงามของเขา...
-----------------------------------------------------------------------
น่ารักใช่มั้ยล่า!!!!!!!!!!!!!
ในวันที่หิมะโปรยปราย...
มือที่แสนอบอุ่นของคุณยื่นเข้ามาหาฉันซึ่งกำลังจะตาย...
ฉุดรั้งฉันไว้...และโอบกอดฉัน...
พร่ำบอกว่าทุกอย่างจะไม่เป็นไร...
ถึงจะรู้อยู่เต็มอกว่านั่นคือคำลวง...
แต่ก็เอื้อมไปจับมือนั้นเอาไว้...
สาบานกับตัวเองตั้งแต่วันนั้นว่าจะติดตามคุณไป...ต่อให้ปลายทางจะเป็นนรกก็ตาม
สิ่งที่พวกเขาพบอยู่เหนือโลงศพไม่ใช่ศพโลหิต ผีดิบหรือด้วงศพแต่อย่างใด
หากแต่เป็นเด็กคนหนึ่ง
เด็กหญิงอายุประมาณสองสามขวบ ผิวกายขาวซีดปกปิดเอาไว้ด้วยผ้าเก่าขาดรุ่งริ่งที่คาดว่าน่าจะไปถลกมาจากศพใดศพหนึ่งในสุสาน เส้นผมดำขลับยาวระพื้น ในมือกุมมีดสั้นที่ทำมาจากเหล็กดำ ดวงตาเขียวกระจ่างวาวแสงใต้ม่านผมจ้องมาทางพวกเขาด้วยแววตาว่างเปล่า
แม้จะเป็นเด็ก...แต่หากพบในสุสานที่มีกลิ่นอายศพหนาแน่นถึงเพียงนั้น คงไม่ใช่เด็กธรรมดาแล้ว
จางฉี่ซานทำสัญญาณมือให้กับทหารผู้ติดตามและสมาชิกคณะขุดสุสาน สั่งให้พวกเขาลดอาวุธลง
“ท่านครับ...” ทหารนายหนึ่งแย้งขึ้น ทว่าก็ต้องรีบหุบปากทันควันเมื่อดวงตาดำขลับของนายพลผู้ยิ่งใหญ่แห่งเก้าสกุลตวัดมองเย็นเยียบ
ร่างสูงสง่าในเครื่องแบบสีกากีเข้มเดินเข้าไปใกล้ เด็กน้อยเพียงช้อนตามองเขาผ่านกลุ่มเส้นผมหนาด้วยแววตาว่างเปล่า มีดยังคงอยู่ในมือ เหมือนกับจะเตือนกลายๆว่ามีขอบเขตที่ห้ามไม่ให้แต่ต้องได้อยู่
“เธอเป็นใคร”
แต่ละคนที่ยืนอยู่ด้านหลังเจ้านายตนต่างลุ้นเสียจนแทบลืมหายใจ เพราะพ่อพระใหญ่จางผู้เข้มงวดและเย็นชาราวกับน้ำแข็งไม่ได้มีร่องรอยของความรักเด็กเลยแม้แต่น้อย!
ผิดคนจริงแท้! รู้เช่นนี้ไปตามท่านเอ้อร์มาด้วยดีกว่า!!!
“กุญแจ...” เสียงหวานใสตอบ เสียงนั้นดังกังวานชวนให้พวกเขานึกถึงเสียงของกระพรวนกับดักที่แขวนอยู่รอบสุสานแห่งนี้
“เธอเป็นคน...ไม่ใช่เหรอ?”
เด็กหญิงส่ายหน้าช้าๆ เส้นผมที่ทิ้งลงตามแรงโน้มถ่วงพลันส่ายน้อยๆดูราวกับผิวคลื่น
“พวกเขา...บอกว่า...ฉันคือกุญแจ...” ถ้อยคำแปร่งหูและติดขัดคล้ายกับไม่ได้ออกเสียงมาเป็นเวลานานทำให้จางฉี่ซานขมวดคิ้ว นี่เป็นหนึ่งในสุสานที่สกุลจางเคยลงมาสำรวจ แสดงว่าเด็กคนนี้เป็นก็ต้องเป็นหนึ่งใน ‘ผลผลิตวิปริต’ ของคนรุ่นก่อนเป็นแน่
หนึ่งในความลับที่สืบทอดกันมาของเก้าสกุล
เขาเองก็ไม่รู้แน่ชัดว่า ‘กุญแจ’ คนนี้มีไว้เพื่อเปิดอะไร รู้เพียงว่าหากปล่อยให้เด็กคนนี้อยู่ในที่ที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของคนตายนานกว่านี้คงไม่ดีแน่ แม้ตัวเขาในปัจจุบันจะเป็นรูปปั้นหินแข็งทื่ออันหนึ่ง ถึงอย่างนั้นในวัยเด็กเขาก็ยังคงได้รับความอบอุ่นจากมือของคนที่เลี้ยงดูเขามาอยู่บ้าง
เขาไม่อยากให้เด็กคนนี้กลายเป็นเครื่องมือของเหล่าผู้คนที่ลงโลงไปแล้ว
มือที่สวมถุงมือหนาตัดสินใจยื่นออกไปตรงหน้า
“มากับฉัน”
รูปประโยคคล้ายออกคำสั่ง แต่สำหรับเด็กน้อยมันไม่ได้มีความหมายเช่นนั้น ดวงตาสีเขียววาวแสงที่ชวนให้นึกถึงศพจิ้งจอกเนตรเขียวตามเรื่องเล่านักคว่ำกรวยฉายแววฉงน ก่อนจะเปลี่ยนกลับไปราบเรียบอย่างรวดเร็วไม่ต่างจากผิวน้ำยามหินกระทบ
สั่นไหว...และจางหายไปในเวลาอันสั้น
มือน้อยสั่นเทาขณะที่เอื้อมไปจับมือที่ใหญ่กว่ามาก
อบอุ่นจัง...
หลังจากที่คนในคณะขุดดินกวาดของที่ต้องการออกไปแล้ว ครั้งนี้ก็ถึงเวลากลับออกไป
ภาพของเด็กน้อยในอ้อมแขนนายทหารระดับสูงผู้มีใบหน้าเรียบเฉยฉาบความทรงอำนาจดูน่าขันเป็นที่สุด แต่คนที่รู้จักจางฉี่ซานกลับไม่มีใครเลยที่กล้าส่งเสียงหัวเราะออกมา อาจเพราะเกรงสายตาคมๆปานดาบที่เข็มขัดเขานั่นกระมัง
ขณะที่ทุกคนกำลังจะเตรียมตัวขุดอุโมงค์โจรกลับไปนั้น จางฉี่ซานก็รู้สึกถึงแรงกระตุกเบาๆที่แขนเสื้อ ก้มลงไปก็เห็นดวงตาสีเขียวสวยจ้องกลับมาด้วยแววตาราบเรียบเช่นเดิม
มือน้อยชี้ไปยังอุโมงค์มืดมิดด้านหลังแท่นตั้งโลง “ปลอดภัยกว่า”
เขาเลิกคิ้ว นึกประหลาดใจไม่น้อยที่เด็กคนนี้รู้จักโครงสร้างภายในสุสานด้วย แต่พอมานึกดูอีกหนก็กระจ่างแล้ว เด็กคนนี้คงอยู่ในความมืดมาอย่างน้อยก็หนึ่งปี คงจดจำทางลัดเลี้ยวภายในสุสานได้เป็นอย่างดี
พ่อพระใหญ่จางหันไปออกคำสั่งกับคนในคณะ ก่อนจะเดินเข้าไปในอุโมงค์ตามที่เด็กคนนั้นบอก พบว่ามันเป็นอุโมงค์โจรที่ดูเหมือนมีคนขุดเอาไว้นานแล้ว คล้ายกับเป็นทางหนีทีไล่สำหรับนายช่างที่ก่อสร้างสุสานแห่งนี้ เมื่อใกล้ถึงปากทางก็รู้สึกได้ถึงสายลมเย็นยะเยือกที่พัดเข้ามาอย่างชัดเจน
เพียงเศษผ้าบางๆไม่อาจป้องกันความหนาวเย็นอันโหดร้ายในวันกลางฤดูหนาวเช่นนี้ได้ มือน้อยของคนในอ้อมแขนกำแขนเสื้อเขาแน่น ร่างเล็กสั่นสะท้านน้อยๆยามที่รู้สึกถึงอากาศเย็นบาดผิว
จางฉี่ซานก้มลง ตัดสินใจแกะกระดุมเสื้อคลุมของเขาออกแล้วให้เด็กคนนี้ซุกอยู่ข้างใน
ไม่นึกว่าความเมตตาเล็กๆนั้นจะทำให้เขาแทบกัดลิ้นตายในเวลาต่อมา
นั่งรถไฟกลับมายังฉางซาก็ใช้เวลานานเป็นชั่วโมง คณะเดินทางที่มีแต่ผู้ชายตัวโตๆไม่อาจหาเสื้อหนาดีๆสำหรับเด็กเล็กได้ เขาที่เป็นผู้พาตัวเธอมาจึงต้องรับผิดชอบ ให้ยายหนูนอนซุกอกเขาอยู่ใต้เสื้อคลุมแทน
เขาเกรงว่าหากไปถึงฉางซาแล้วเรื่องอาจจะไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด
ในตู้รถไฟที่พ่อพระใหญ่โดยสารมีแต่ผู้ชายหน้าเหี้ยมถือปืนปิดทางเข้าออก เรื่องป้องกันความลับรั่วไหลเป็นสิ่งที่ง่ายดายอย่างยิ่ง แต่หากออกไปนอกรถไฟ ขึ้นรถทหารกลับที่พักแล้วคงไม่แคล้วมีเรื่องใหญ่โตให้ชาวบ้านสนุกปาก
ชายหนุ่มก้มลงมองเด็กน้อยที่หลับสนิทตั้งแต่ออกมาจากสุสาน เส้นผมยาวเหยียดถูกรวบเอาไว้ด้วยเชือกฟั่นเก่าๆที่ลูกน้องของเขาหามาให้เพราะกลัวผมที่ยาวสยายจะทำให้ใครก็ตามที่เห็นช็อคตาตั้งได้ แต่เพราะทำเช่นนั้นจึงทำให้ผิวขาวซีดราวศพคนตายกลับขับเด่นชัด
รถไฟที่วิ่งอย่างช้าๆ ผ่านป่าเขียว ผ่านทุ่งนาเข้าสู่อาณาเขตของบ้านเรือน ทิวทัศน์ของฉางซาที่เขารู้จักหวนคืนมาอีกครั้ง
เด็กน้อยตื่นแล้ว ดวงตาสีเขียวใสเหลือบมองภาพรอบข้างที่แสนจะไม่คุ้นเคยด้วยแววตาเป็นประกายระคนตื่นกลัว คล้ายกับลูกสัตว์ที่เพิ่งถูกจับออกจากกรงขังมาสู่โลกภายนอกเป็นครั้งแรก นั่นทำให้เขานึกขำ มุมปากยกยิ้มจางขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
ลูกน้องของนายทหารระดับสูงแห่งฉางซาผงะ สองมือปล่อยทุกอย่างที่จับเอาไว้ทิ้งลงพื้นยามได้เห็นสีหน้าที่ไม่รู้จักของเจ้านายพวกเขา
สวรรค์...แท้จริงแล้วท่านมีรสนิยมเช่นนี้หรือท่านนายพลจาง
ราวกับล่วงรู้ความคิดของคนรอบข้าง สีหน้าผ่อนคลายของจางฉี่ซานแปรเปลี่ยนเป็นดุดัน ถลึงตามองใครก็ตาที่ค้างอยู่ด้วยแววตาเย็นเยียบ ทำให้พวกเขาต้องรีบเก็บของขึ้นมาถือกันเป็นพัลวันทีเดียว
เมื่อกลับมาถึงบ้าน สิ่งแรกที่เขาทำคือสั่งให้คนรับใช้พากุญแจน้อยไปอาบน้ำ
แต่ที่ไหนได้ นึกว่าจะว่าง่ายกลับแสนดื้อดึงกว่าที่คิด
มือน้อยยึดเสื้อคลุมเขาเอาไว้แน่น ดวงตาสีประหลาดจ้องมองเหล่าคนรับใช้ในบ้านที่กำลังเข้ามาหมายจะอุ้มไปยังห้องอาบน้ำด้วยแววตาสั่นกลัว
“ไม่เป็นไร” เขาเอ่ยสั้นๆ แต่กลับได้ผลอย่างเหลือเชื่อ เด็กน้อยยอมปล่อยมือจากเสื้อเขาและยืนนิ่งให้คนรับใช้อุ้มไป ไม่วายมองตามเขาจนกระทั่งลับสายตา
เขามีเหตุผลที่ต้องทำ...สำคัญมากๆด้วย
เด็กคนนั้นมีกลิ่นศพติดตัวมากเกินไป คนทั่วไปอาจจะไม่รู้ แต่ไม่ใช่กับคนคว่ำกรวยเช่นพวกเขา
เก้าสกุลทำเรื่องผิดพลาดมามากพอแล้ว หากนี่เป็นการล้างบาปส่วนหนึ่งที่ก่อเอาไว้เขาก็ยินดีทำ
เด็กสามขวบทั่วไปควรได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากับครอบครัวภายในบ้านอันอบอุ่น ไม่ใช่อยู่กับศพในสุสานที่ทั้งมืดมิดและเย็นเฉียบเช่นนั้น
เขามองเห็นเงาสะท้อนของตัวเองจากในดวงตาสีเขียว...และใบหน้าเรียบเฉยไร้อารมณ์เช่นนั้น นั่นคือสิ่งแท้จริงที่ดลใจให้เขาเอื้อมมือออกไปดึงคนคนหนึ่งออกมาจากโพรงมืดๆ
เขาหวังจะให้เธอเติบโตขึ้นมาเป็นคนปกติทั่วไป...
แต่มันจะเรียบง่ายเช่นที่เขาคิดจริงหรือ?
เด็กคนหนึ่งปรากฏตัวในสุสาน ไม่รู้ที่มาที่ไป ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอาศัยอยู่ในนั้นได้อย่างไร พูดให้ชัดเจนถือถลำเข้าไปในอีกโลกหนึ่งเต็มตัว ยากที่จะดึงกลับมาสู่โลกฝั่งนี้ได้อย่างที่พวกเขาทำ
“อาหารเย็นเตรียมเสร็จแล้วเจ้าค่ะนายท่าน” ระหว่างครุ่นคิดอยู่นั้น สาวใช้คนหนึ่งก็เดินเข้ามารายงาน เขาพยักหน้ารับ ก่อนประทับตราลงบนเอกสารราชการสองสามแผ่นแล้วจึงเดินออกไป
ในเดือนธันวาคมอากาศหนาวเสียจนหิมะตกต่อเนื่องตลอดทั้งวันทั้งคืน ทำให้สวนสวยใจกลางเรือนกลายเป็นสีขาว กระทั่งบ่อน้ำยังมีน้ำแข็งฉาบแข็งหนาเป็นนิ้ว
ใจกลางสีขาวบริสุทธิ์นั้นก็คือสีดำสนิท
เด็กน้อยยืนอยู่กลางหิมะ ไม่ห่างไปนักมีสาวใช้คนหนึ่งยืนหันซ้ายหันขวาอย่างพะว้าพะวง แล้วเมื่อหันมาเจอเขาที่ยืนมองอยู่จากชานเรือนก็หน้าซีดเผือด ปากอ้าพะงาบแต่ไร้เสียงคล้ายกับตกใจสุดขีด เขาจึงโบกมือให้คนรับใช้ถอยออกไป ก่อนเดินลงมายังสวนสีขาว
ผมของเธอจากที่ยาวระพื้นถูกตัดออกให้เหลือเพียงกลางหลัง ถักเป็นเปียสองข้าง ร่างเล็กห่อหุ้มมิดชิดด้วยเสื้อกันหนาวสีฟ้าสำหรับเด็ก แล้วเมื่อรับรู้ถึงการมาถึงของเขา ยายหนูก็หันกลับมา สองมือประคองเกล็ดสีขาวของหิมะเอาไว้
ยายหนูยื่นมือทั้งสองมาข้างหน้า “นี่คืออะไร?”
ดวงตาไร้ประกายในครั้งแรกที่พบกันนั้นบัดนี้กลับแต่งแต้มไปด้วยประกายของการมีชีวิต
เขาเผยรอยยิ้มจางออกมาเป็นรอบที่สองของวัน ตอนนี้ไม่สำคัญอีกแล้วว่าเด็กคนนี้จะเป็นใคร แต่ตอนนี้เขาจะรักเธอให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
ในฐานะ...ลูกสาวของเขา
“นั่นคือ หิมะ...เสวี่ยจิง”
เธอเบิกตากว้าง “เสวี่ยจิง?”
“ชื่อของเธอนับแต่นี้...จางเสวี่ยจิง ลูกสาวของจางฉี่ซาน”
...เกล็ดหิมะที่งดงามของเขา...
-----------------------------------------------------------------------
น่ารักใช่มั้ยล่า!!!!!!!!!!!!!
Re: [SF] My Snowflake [จางฉี่ซาน+OC]
//q// แอร็ยยย น่ารักจังค่ะะะ
ปู่จางจะต้องหวงลูกสาวมากแน่ๆ ฮิย์
ปู่จางจะต้องหวงลูกสาวมากแน่ๆ ฮิย์
Cathareen- ด้วงสุสานใต้สมุทรทะเลซีซา
- จำนวนข้อความ : 149
Points : 3605
Join date : 24/12/2014
Similar topics
» [Fic] My Snowflake (2)
» [Fic] My Snowflake (3)
» [Fic] My Snowflake (4)
» [Fic] My Snowflake (5)
» [Fic] My Snowflake -บทส่งท้าย-
» [Fic] My Snowflake (3)
» [Fic] My Snowflake (4)
» [Fic] My Snowflake (5)
» [Fic] My Snowflake -บทส่งท้าย-
หน้า 1 จาก 1
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
|
|
Fri 24 Jul 2020, 01:39 by gustoon
» [คู่มือด้วง] Keyword จีนสำหรับการขุด(แฟนดอม)สุสาน
Thu 21 Jun 2018, 00:29 by miskizfullmoon
» มังฮวาและภาคทิเบต
Thu 21 Jun 2018, 00:23 by miskizfullmoon
» [OS] Father is the best (ผิงเสีย)
Thu 03 Aug 2017, 16:12 by schneewittchen
» [Fic] สิ่งเล็กๆที่เชื่อมโลก5 [เมินโหยวผิง+อู่เสีย+เสี่ยอ้วน]+OC
Tue 01 Aug 2017, 12:30 by natsume
» [OS] #dmbjdaily (จูปาจุ๊บ) Bittersweet [ผิงเสีย AU]
Thu 06 Apr 2017, 15:58 by Zeth
» [OS] #dmbjdaily "โทรศัพท์มือถือ" - no Pairing [All]
Tue 04 Apr 2017, 22:27 by Zeth
» [OS] #DMBJDaily (แว่น): ระยะที่มองไม่เห็น [ฮัวเสีย]
Sat 01 Apr 2017, 16:55 by Zeth
» [OS] #DMBJdaily (5.20) ท่านยอดฝีมือ [หวังเหมิง (+เหมิงเสีย)(+ผิงเสีย)]
Thu 30 Mar 2017, 17:24 by Zeth