Countdown
We've been
togerther for
ค้นหา
Latest topics
Most active topics
[OS] #dmbjdaily (Free) My Time [ผิงเสีย]
4 posters
หน้า 1 จาก 1
[OS] #dmbjdaily (Free) My Time [ผิงเสีย]
ฟิคสั้นก่อนหน้านี้
Short Fic :
- ที่รัก
- สาเหตุที่ผิงเสีย is real (1)
- สาเหตุที่ผิงเสีย is real (2)
- สาเหตุที่ผิงเสีย is real (3)
- สาเหตุที่ผิงเสีย is real (4)
- ความโชคร้ายของนายอ้วนหวัง
#dmbjdaily
หัวข้อ Ride : The Bittersweet Moment
หัวข้อ Sexy : The Most Sexiest Person
หัวข้อ แป้ง : Happy Birthday
หัวข้อ Help : สิ่งที่อยากให้ช่วย
………………………………..………………………………..
[OS] #dmbjdaily (Free) My Time [ผิงเสีย]
By: ซุปผัก
“ พวกแกคิดว่าวันหนึ่งฉันมีเวลาเป็นร้อยชั่วโมงหรือไง! ฉันไม่มีเวลามากพอจะตามล้างตามเช็ดงานของพวกแกหรอกนะ! ไปจัดการให้เรียบร้อย ถ้าไม่เรียบร้อยแกก็เตรียมใจไว้ได้เลย!”
ผมวางหูโทรศัพท์กระแทกดัง ปึง! เล่นเอาหวังเหมิงสะดุ้ง แต่เวลานี้ผมไม่สนอะไรทั้งนั้น ผมพึ่งจะเข้าใจความรู้สึกอาสามก็ตอนนี้แหละ ว่าไอ้การที่ลูกน้องทำงานพลาดแล้วหัวหน้าต้องตามแก้ให้น่ะมันเป็นอย่างไร คิดแล้วก็ว่าโชคดีนะที่ผมมีศักดิ์เป็นหลานแปะไว้หน้าชื่อ ถ้าไม่ใช่ล่ะก็คงโดนอาซ้อมตายตั้งแต่เล็กแล้ว
“ ชาครับ” หวังเหมิงยังกลัวอารมณ์โกรธของผมแต่ก็จำต้องทำหน้าที่ ไม่งั้นเงินเดือนที่มีน้อยนิดอยู่แล้วอาจลดลงอีกได้
ผมหยิบถ้วยชาขึ้นมา ในใจยังโมโหไม่หาย พอโมโหมากๆ ก็เผลอสบถด่าบรรพบุรุษของลูกน้องเหล่านั้น ตบท้ายด้วยการบ่นลอยๆ
“ อายุฉันก็ปาเข้าไปจะสี่สิบแล้ว จะอยู่ได้อีกสักกี่ปี พวกมันกะจะใช้งานฉันให้คุ้มไม่ต้องมีเวลาว่างไปทำอะไรเลยหรือไง”
หลังจากนั้นผมก็ระบายกับลูกน้องข้างตัวอีกไม่น้อย
ปิดร้านเสร็จแทนที่จะได้กลับบ้านพักผ่อนผมกลับต้องนั่งรถไปที่ร้านของลูกน้องเพื่อไปดูว่ามันจัดการงานไปถึงไหนแล้ว กว่าจะได้กลับจริงก็เกือบเที่ยงคืน
“ เสี่ยวเกอ?” ผมสังเกตว่าบ้านมันมืดแล้วก็เงียบแปลกๆ เลยลองเรียกหาใครอีกคนที่อาศัยอยู่ด้วย ทว่าไม่มีเสียงใดตอบกลับมา ลองเดินไปที่ห้องนั่งเล่น
ไม่มี?
ไปที่ห้องครัวบ้าง เห็นอาหารถูกห่อพลาสติกใสอย่างดีวางอยู่บนโต๊ะ จำนวนไม่ได้ลดลงเลยแปลว่าอีกคนไม่ได้แตะต้องมันสักนิด เดินหาทั่ว สุดท้ายก็ที่ห้องนอนแต่ก็ไม่พบ
เมินโหยวผิงหายตัวไป?
หากเป็นเมื่อสิบปีก่อนผมคงคิดว่าเป็นเรื่องธรรมดาแต่ในเวลานี้ไม่ใช่อีกแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างผมกับเขาไม่ใช่แค่เพื่อนร่วมคว่ำกรวยอีกแล้ว มันเป็นอะไรที่มากกว่านั้น และเขาก็ตกลงกับผมเองว่าหากจะไปไหนจะไม่หายตัวไปเฉยๆ แต่จะบอกกันก่อน
ผมเริ่มเดือด ตอนกลางวันก็มีเรื่องให้หงุดหงิดจะแย่กลับมายังต้องมาเจอเรื่องนี้อีก แต่จะให้หาตัวเมินโหยวผิงยังไงล่ะ คนนั้นไม่พกโทรศัพท์ซะด้วย
ก่อนที่ผมจะคิดไปไกลว่าโทรหาพวกลูกน้องให้ตามหาดีไหมโทรศัพท์มือถือผมดันดังขึ้นเสียก่อน เบอร์ที่โชว์คือนายอ้วน ผมกดรับด้วยเสียงหงุดหงิด
“ อู๋เสีย…”
ปลายสายกลับเป็นคนที่ผมตามหาอยู่
“ ทำไม…ทำไมนายไปอยู่ที่นั่นล่ะ” ความหงุดหงิดกลายเป็นความสงสัย แล้วกลับมาเป็นโกรธอีกครั้งเมื่อเขาไม่ยอมอธิบายอะไรบอกแค่ว่า
“ อีกสามวันฉันจะไปหานาย”
ผมโกรธจนควันแทบออกหู กระแทกเท้าปึงปังขึ้นบันได ปากบ่นว่าอยากไปไหนก็เชิญเลย ไม่อาบน้ำ ไม่เปลี่ยนชุดแล้ว ผมจะนอนทั้งอย่างนี้แหละ
ไอ้ตอนแรกก็ว่าอย่างนั้นนะ แต่ผมดันนอนไม่หลับสักที เหลือบมองนาฬิกาที่โต๊ะข้างเตียงก็พบว่าเกือบจะตีหนึ่ง นอนพลิกไปพลิกมาหลายที ท้ายที่สุดก็หันไปมองด้านที่ควรจะมีใครอีกคนนอน ผมคว้าหมอนของเมินโหยวผิงมากอดไว้
ให้ตายสิ! ผมชินกับการมีเขานอนข้างๆ มากเกินไป!
กว่าผมจะตื่นก็สิบโมงของอีกวัน ผมรีบลุกขึ้น ยังไม่ทันคิดทบทวนเรื่องเมื่อคืนก็มีโทรศัพท์จากลูกน้องเรื่องนัดสำคัญ ผมเลยได้แต่รีบอาบน้ำ เปลี่ยนชุดเป็นทางการขึ้นแล้วออกจากบ้าน
ธุระที่ว่าค่อนข้างน่าเบื่อและยืดยาดกว่าจะเสร็จก็เย็น จากนั้นผมก็ต้องเข้าไปดูที่ร้าน ต้องเช็คให้แน่ใจว่าลูกจ้างจอมอู้จะไม่ขี้เกียจ (แม้มันจะเป็นไปได้น้อยมาก) ผมเดาไม่ผิดจริงๆ หวังเหมิงแอบงีบ ผมจัดการตะโกนปลุก ขู่เรื่องเงินเดือน เข้าไปเช็คของกับบัญชี สามทุ่มก็กลับบ้าน ร้องเรียกหาเมินโหยวผิงตามความเคยชิน ตอนนั้นเองที่ผมนึกได้ว่าเขาไม่อยู่
เมื่อวานนี้ผมกำลังหงุดหงิดเลยพาลเรื่องของเขา แต่ตอนนี้ผมอารมณ์เย็นลงแล้วเลยว่าจะโทรไปหาเขาเพื่อขอเหตุผล ระหว่างรอให้อีกฝั่งรับก็นึกไปสารพัดว่าเขาไม่ได้ทำอะไรไม่ดีใช่ไหม เรื่องก็ไม่ใช่ ช่วงนี้ไม่มีเวลาว่างเลยจะไปกินดื่มที่ไหน ไม่สนใจเขาหรือเปล่า เรื่องนี้ไม่มีทาง ผมชวนเขาคุยทุกวันแหละ มีแต่เขาที่นั่งเงียบๆ ฟังอย่างเดียว หรือจะรำคาญเรื่องนี้ ไม่น่า ถ้าจะรำคาญก็ควรเป็นนานแล้ว
ตกลงว่ามันเรื่องอะไรกันแน่วะ?
“ ฮัลโหล” นายอ้วนรับสาย
“ ฮัลโหล ฉัน…”
“ เสี่ยวเกอไม่อยู่นะเทียนเจิน”
“ หา!?” ผมขมวดคิ้ว “ แล้วหมอนั่นไปไหน”
“ ไปหาคุณชายเซี่ย”
“เสี่ยวฮัว?” ผมทวน สงสัยว่าสองคนนี้เขาไปสนิทกันตอนไหน ทำไมผมไม่รู้
“ เสี่ยวเกอไม่ได้มีบ้านเล็กหรอกน่า”
“ ฉันยังไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นเลย!” ผมว่า “ นายทำฉันขนลุก” ลองจินตนาการถึงสองคนนั้นอยู่ด้วยกัน มันจะมีรังสีออร่าแปลกๆ แผ่ออกมา
ผมถามต่อ
“ แล้วไปหาเสี่ยวฮัวทำไม”
“ ไว้เขากลับมานายก็ถามเขาเองสิ” นายอ้วนเปลี่ยนเรื่อง ชวนผมคุยเรื่องอื่น คุยได้ราวๆ สิบนาทีผมก็ได้ยินนายอ้วนบอกว่าเสี่ยวเกอกลับมาแล้ว “ เมียนายขอคุยด้วย”
“ใครเมียวะ!” ผมตะโกนดังๆ ตามด้วยการด่าบรรพบุรุษสกุลหวังเท่าที่จะหาคำหยาบได้
“ อู๋เสียพรุ่งนี้ฉันจะไปรับนาย” เมินโหยวผิงบอกเสียงเรียบ
“ อะไรนะ” ไม่มีหัวไม่มีหางจู่ๆ ก็ขึ้นมา เขาก็ไม่บอกอะไรอีก ทำตัวมีความลับ พอผมเริ่มจะเดือดเขาก็บอกว่าแค่นี้
คืนนั้นผมทั้งงงทั้งอารมณ์เสีย เผลอหลับไปตอนห้าทุ่ม อาจเป็นเพราะความเหนื่อยสะสม
ตอนผมลืมตา เมินโหยวผิงนั่งอยู่บนเตียงข้างๆ เอานิ้วยาวๆ เกลี่ยเส้นผมบนหน้าผากผม เขาช่วยพยุงผมขึ้น บอกว่าจะรอด้านล่าง ผมจับต้นชนปลายไม่ถูก ตะโกนถามก็ไร้คำตอบ จำต้องทำตามที่เขาพูด
เมินโหยวผิงยืนรอผมด้านล่าง มีกระเป๋าเป้สะพายหนึ่งใบ
“ อย่าบอกนะว่านายจะชวนฉันไปคว่ำกรวย”
เขาส่ายหน้า
“ แล้วนายจะพาฉันไปไหน ขอร้องล่ะช่วยตอบฉันสักข้อเถอะ ฉันงงจะแย่แล้ว”
“ไปเที่ยว”
ห๊ะ!?
เมินโหยวผิงบอกสถานที่ ผมถามว่าทำไมต้องเป็นที่นั่น เขามองหน้าผมแวบหนึ่ง ผมชะงัก กะพริบตาสองสามที อ่อ! นึกออกแล้ว มันเป็นที่ที่ผมเคยเปิดเจอในรายการโทรทัศน์ จำได้ว่าชี้ให้เขาดู อาจจะพูดว่าอยากไปด้วยมั้ง ผมจำไม่ได้…
แต่เมินโหยวผิงจำได้
ผมรู้สึกเขินอายแปลกๆ มันทำให้รู้สึกดี ผมนึกว่าเขาไม่เคยฟังอะไรผม แต่เห็นชัดว่าไม่จริง เขาฟังผมและจำได้ด้วย
งานนี้ผมไม่คิดอะไร ปล่อยให้เขาพาผมไปตามใจเลย
“ ฉันต้องโทรไปบอกพวกลูกน้องก่อน” ผมนึกได้ตอนที่เกือบจะถึงที่หมาย เมินโหยวผิงจับมือผมไว้ บอกผมว่ามีคนจัดการให้แล้ว
ผมเลิกคิ้ว ถามกลับว่าใคร
“ คนตระกูลเซี่ย”
“เสี่ยวฮัว” เมินโหยวผิงพยักหน้า “ นายทำอะไรลงไป”
คำถามผมถูกขัดด้วยเสียงตะโกนว่าถึงแล้วของคนขับรถ พวกเราลงเดิน สถานที่แห่งนี้ขึ้นชื่อเรื่องความสวยงามของทิวทัศน์ มันทำให้ผมลืมเรื่องราวอื่น ได้แต่มองภาพธรรมชาติเบื้องหน้า
“ เดินไปตามทางนี้” เมินโหยวผิงชี้ “ ที่ปลายทางมีจุดดูวิวที่สวยที่สุด”
“ทำไมนายถึงรู้ได้ล่ะ” ผมถามพลางเดินตาม
“ ฉันเคยมา” เขาตอบ ชะลอฝีเท้า
ผมเลิกคิ้ว เดินเคียงข้างกันไปอย่างนั้น “ มาเที่ยว?”
“ ไม่” เมินโหยวผิงส่ายหน้า “ ถัดจากที่นี่ไป จะมีหมู่บ้านเล็กๆ ที่นั่นมีสุสาน”
ผมเข้าใจแล้ว เขาเคยถูกจ้างให้มาลงกรวย สงสัยจะเป็นสมัยอยู่กับเฉินผีอาซื่อล่ะมั้ง
ตลอดทางผมมองทิวทัศน์สลับกับชวนอีกคนคุย เมินโหยวผิงตอบสั้นๆ แค่นั้นสำหรับผมก็ถือว่าดีมากแล้ว แต่จะเรียกว่าฟ้ากลั่นแกล้งหรืออะไรดีล่ะ ท้องฟ้าสดใสเปลี่ยนเป็นครื้ม เมฆฝนก่อตัวจากนั้นฝนก็ตก
“ เชี่ย!” ผมสบถ
คนข้างตัวทำท่าจะถอดเสื้อฮู้ดสีน้ำเงิน ผมคว้ามือเขา บอกว่าไม่ต้อง ผมไม่ใช่ผู้หญิงสักหน่อยไม่ต้องดูแลกันขนาดนั้น
“เดี๋ยวนายป่วย” เมินโหยวผิงว่า
“ ฉันก็กลัวนายป่วย” ผมย้อน
“ ฉันไม่ป่วยง่ายๆ หรอก” เขาบอก
ก็จริง…
“ฉันไม่เป็นไรหรอก” ผมยืนยัน “ แต่ถ้าฉันป่วยจริงๆ นายก็ดูแลฉันด้วย”
เมินโหยวผิงพยักหน้า เดินอีกสักพักฝนก็เริ่มตกหนักกว่าเดิม ครั้งนี้เขาคว้าข้อมือผม บอกว่าข้างหน้ามีศาลาให้หลบได้ พวกเราโชคดีที่มาถึงศาลาก่อนที่ฝนจะตกหนักจนมองเส้นทางไม่เห็น แถวนี้ไม่เหลือใครแล้ว น่าจะกลับกันไปหมด
“ ขอโทษ”
ผมหันควับ มองหน้าเมินโหยวผิงอึ้งๆ “ เรื่องอะไร”
เขามองออกไปข้างนอก มองท้องฟ้าแทนคำตอบ ผมยักไหล่ บอกเขาว่าไม่เป็นไร ตอนนี้ผมอยากรู้มากกว่าว่าอะไรทำให้เขาลากผมมาที่นี่
“ ฉันได้ยินนาย” หลังเงียบไปเมินโหยวผิงก็เริ่มพูด ผมถามว่าได้ยินอะไร “ นายพูดเรื่องเวลา นายบอกว่านายไม่มีเวลาว่าง นายจะอยู่ได้อีกสักกี่ปี”
ดูเหมือนผมจะพูดจริงๆ แต่มันเกี่ยวอะไร
“ ฉันมีเวลามากมายอู๋เสีย มากเกินไปด้วยซ้ำ” เมินโหยวผิงเอื้อมมือมา ดึงผมให้นั่งลงข้างเขา “ตลอดชีวิตฉันกลัวเรื่องตัวตนของตัวเอง กลัวการที่ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใคร มีอดีตและอนาคตแบบไหน แต่…หลังจากที่ฉันรู้จักนาย แล้วก็พวกนั้นฉันมีอย่างอื่นที่กลัวมากกว่า”
เขามองหน้าผม
“ โรคสูบวิญญาณที่ฉันเป็น ถ้ามันเกิดขึ้น ฉันจะจำเรื่องของนายไม่ได้” นิ้วยาวเป็นพิเศษยกแตะแก้มของผม “ แล้วก็เวลาของนาย เวลาที่จะอยู่บนโลกนี้ ถ้าวันหนึ่งมันหมด…ฉันกลัวเวลาที่สองอย่างนี้จะมาถึง”
ผมวางมือตัวเองซ้อนทับมือของเมินโหยวผิง ขยับตัวเข้าไปใกล้ จูบเขา ตอนนี้ไม่สนแล้วว่าจะมีใครผ่านมาแล้วเห็นเข้า
“ ฉันเองก็กลัว ไม่ได้กลัวเวลาของฉันจะหมด แต่โอเค ฉันกลัวโรคความจำเสื่อมของนาย…” ผมแตะหน้าผากตัวเองกับหน้าผากเขา รู้สึกถึงลมหายใจอุ่นๆ เป่ารดริมฝีปาก ผมกลัวว่าวันที่เวลาของผมหมดลงก็จะเหลือเขาเพียงคนเดียวอีกครั้ง ผมทำอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ไม่ได้ แน่นอนว่าไม่อยากให้เขาฆ่าตัวตายตามผมไปด้วยแน่ สิ่งเดียวที่ผมคิดออกก็คือ…
“ ฉันอาจจะมีเวลาว่างไม่เยอะ แต่ฉันอยากใช้เวลาตรงนั้นอยู่กับนายให้คุ้มที่สุด ฉันสัญญาว่าฉันจะกินข้าวกับนาย ตอนเที่ยงฉันจะโดดงานไป ส่วนตอนเย็นก็จะกลับเร็วๆ จะเข้านอนพร้อมกัน ฉันอาจจะตื่นสายแต่อย่างน้อยถ้าฉันตื่นก็อยากเห็นนาย วันหยุดจะปล่อยพวกลูกน้องไม่เอาไหนแม่งทำงานกันเอง ฉันแค่โทรสั่ง เรา ไปเที่ยว ไปไหนก็ได้ หรือจะชวนนายอ้วนกับพวกเสี่ยวฮัวด้วยก็ได้ แต่ถ้านายไม่ชอบจะไปลงกรวยใต้ดิน ใต้ทะเลหรือในภูเขาฉันก็จะไปด้วย”
ขอแค่ให้ผมอยู่กับเขา
เมินโหยวผิงยิ้ม ริมฝีปากนั่นเคลื่อนมาประทับลงบนหน้าผากผม ไล่มาปลายจมูกแล้วหยุดที่ปาก ตอนที่เขาถอนริมฝีปากออกผมเริ่มรู้สึกหน้าร้อนทั้งที่อากาศหนาวจากฝนตก
“ สรุปว่านายไปหานายอ้วนบอกเขาเรื่องนี้ หมอนั่นเลยแนะนำนายให้ไปหาเสี่ยวฮัวเพื่อให้ช่วยจัดการงานแทนฉัน” ผมสรุปเรื่องหลังจากฟังเขาเล่าทั้งหมด ฝนหยุดตกแล้ว พวกผมกำลังเดินกลับ
เมินโหยวผิงพยักหน้า
“ นายขอร้องยังไงน่ะ” ผมอยากรู้มากเป็นพิเศษ
เขาเงียบ
“ เฮ้ บอกฉันมาหน่อย”
“ เพื่อนาย”
“หือ?”
เมินโหยวผิงไม่ยอมบอกอะไรผมอีก
“ แล้วฉันมีเวลาว่างเท่าไรล่ะเนี่ย” ผมถามคำถามอื่นก็ได้ เขาบอกว่าวันนี้กับพรุ่งนี้ หืมมมมม เยอะอยู่นะ ดีไม่ดีผมจะติดใจแล้วโดดงานสักอาทิตย์ดีไหมนะ แต่ก่อนหน้านั้นคงต้องปิดโทรศัพท์กันคนที่ไปทำงานแทนจะโทรตาม
เมินโหยวผิงหันมามองเมื่อผมจับแขนของเขา
ที่แน่ๆ เวลาว่างของผมยังไม่หมด ผมขอใช้เวลานี้อยู่กับเขาให้เต็มที่เลยละกัน
118 day(s) left
Talk : มโนหนักมากกกกกกกก ( ปิดหน้าปิดตา) Free ในที่นี้ก็คือFree time ค่ะ ถึงหลักๆ จะเกี่ยวกับเวลาและสองเรามากกว่าก็ตาม (หัวเราะ)
คำถามทิ้งท้าย ระหว่างความโชคร้ายของเสี่ยกับผิงเสีย is real อยากให้ลงตอนไหนก่อนคะ
Short Fic :
- ที่รัก
- สาเหตุที่ผิงเสีย is real (1)
- สาเหตุที่ผิงเสีย is real (2)
- สาเหตุที่ผิงเสีย is real (3)
- สาเหตุที่ผิงเสีย is real (4)
- ความโชคร้ายของนายอ้วนหวัง
#dmbjdaily
หัวข้อ Ride : The Bittersweet Moment
หัวข้อ Sexy : The Most Sexiest Person
หัวข้อ แป้ง : Happy Birthday
หัวข้อ Help : สิ่งที่อยากให้ช่วย
………………………………..………………………………..
[OS] #dmbjdaily (Free) My Time [ผิงเสีย]
By: ซุปผัก
“ พวกแกคิดว่าวันหนึ่งฉันมีเวลาเป็นร้อยชั่วโมงหรือไง! ฉันไม่มีเวลามากพอจะตามล้างตามเช็ดงานของพวกแกหรอกนะ! ไปจัดการให้เรียบร้อย ถ้าไม่เรียบร้อยแกก็เตรียมใจไว้ได้เลย!”
ผมวางหูโทรศัพท์กระแทกดัง ปึง! เล่นเอาหวังเหมิงสะดุ้ง แต่เวลานี้ผมไม่สนอะไรทั้งนั้น ผมพึ่งจะเข้าใจความรู้สึกอาสามก็ตอนนี้แหละ ว่าไอ้การที่ลูกน้องทำงานพลาดแล้วหัวหน้าต้องตามแก้ให้น่ะมันเป็นอย่างไร คิดแล้วก็ว่าโชคดีนะที่ผมมีศักดิ์เป็นหลานแปะไว้หน้าชื่อ ถ้าไม่ใช่ล่ะก็คงโดนอาซ้อมตายตั้งแต่เล็กแล้ว
“ ชาครับ” หวังเหมิงยังกลัวอารมณ์โกรธของผมแต่ก็จำต้องทำหน้าที่ ไม่งั้นเงินเดือนที่มีน้อยนิดอยู่แล้วอาจลดลงอีกได้
ผมหยิบถ้วยชาขึ้นมา ในใจยังโมโหไม่หาย พอโมโหมากๆ ก็เผลอสบถด่าบรรพบุรุษของลูกน้องเหล่านั้น ตบท้ายด้วยการบ่นลอยๆ
“ อายุฉันก็ปาเข้าไปจะสี่สิบแล้ว จะอยู่ได้อีกสักกี่ปี พวกมันกะจะใช้งานฉันให้คุ้มไม่ต้องมีเวลาว่างไปทำอะไรเลยหรือไง”
หลังจากนั้นผมก็ระบายกับลูกน้องข้างตัวอีกไม่น้อย
ปิดร้านเสร็จแทนที่จะได้กลับบ้านพักผ่อนผมกลับต้องนั่งรถไปที่ร้านของลูกน้องเพื่อไปดูว่ามันจัดการงานไปถึงไหนแล้ว กว่าจะได้กลับจริงก็เกือบเที่ยงคืน
“ เสี่ยวเกอ?” ผมสังเกตว่าบ้านมันมืดแล้วก็เงียบแปลกๆ เลยลองเรียกหาใครอีกคนที่อาศัยอยู่ด้วย ทว่าไม่มีเสียงใดตอบกลับมา ลองเดินไปที่ห้องนั่งเล่น
ไม่มี?
ไปที่ห้องครัวบ้าง เห็นอาหารถูกห่อพลาสติกใสอย่างดีวางอยู่บนโต๊ะ จำนวนไม่ได้ลดลงเลยแปลว่าอีกคนไม่ได้แตะต้องมันสักนิด เดินหาทั่ว สุดท้ายก็ที่ห้องนอนแต่ก็ไม่พบ
เมินโหยวผิงหายตัวไป?
หากเป็นเมื่อสิบปีก่อนผมคงคิดว่าเป็นเรื่องธรรมดาแต่ในเวลานี้ไม่ใช่อีกแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างผมกับเขาไม่ใช่แค่เพื่อนร่วมคว่ำกรวยอีกแล้ว มันเป็นอะไรที่มากกว่านั้น และเขาก็ตกลงกับผมเองว่าหากจะไปไหนจะไม่หายตัวไปเฉยๆ แต่จะบอกกันก่อน
ผมเริ่มเดือด ตอนกลางวันก็มีเรื่องให้หงุดหงิดจะแย่กลับมายังต้องมาเจอเรื่องนี้อีก แต่จะให้หาตัวเมินโหยวผิงยังไงล่ะ คนนั้นไม่พกโทรศัพท์ซะด้วย
ก่อนที่ผมจะคิดไปไกลว่าโทรหาพวกลูกน้องให้ตามหาดีไหมโทรศัพท์มือถือผมดันดังขึ้นเสียก่อน เบอร์ที่โชว์คือนายอ้วน ผมกดรับด้วยเสียงหงุดหงิด
“ อู๋เสีย…”
ปลายสายกลับเป็นคนที่ผมตามหาอยู่
“ ทำไม…ทำไมนายไปอยู่ที่นั่นล่ะ” ความหงุดหงิดกลายเป็นความสงสัย แล้วกลับมาเป็นโกรธอีกครั้งเมื่อเขาไม่ยอมอธิบายอะไรบอกแค่ว่า
“ อีกสามวันฉันจะไปหานาย”
ผมโกรธจนควันแทบออกหู กระแทกเท้าปึงปังขึ้นบันได ปากบ่นว่าอยากไปไหนก็เชิญเลย ไม่อาบน้ำ ไม่เปลี่ยนชุดแล้ว ผมจะนอนทั้งอย่างนี้แหละ
ไอ้ตอนแรกก็ว่าอย่างนั้นนะ แต่ผมดันนอนไม่หลับสักที เหลือบมองนาฬิกาที่โต๊ะข้างเตียงก็พบว่าเกือบจะตีหนึ่ง นอนพลิกไปพลิกมาหลายที ท้ายที่สุดก็หันไปมองด้านที่ควรจะมีใครอีกคนนอน ผมคว้าหมอนของเมินโหยวผิงมากอดไว้
ให้ตายสิ! ผมชินกับการมีเขานอนข้างๆ มากเกินไป!
กว่าผมจะตื่นก็สิบโมงของอีกวัน ผมรีบลุกขึ้น ยังไม่ทันคิดทบทวนเรื่องเมื่อคืนก็มีโทรศัพท์จากลูกน้องเรื่องนัดสำคัญ ผมเลยได้แต่รีบอาบน้ำ เปลี่ยนชุดเป็นทางการขึ้นแล้วออกจากบ้าน
ธุระที่ว่าค่อนข้างน่าเบื่อและยืดยาดกว่าจะเสร็จก็เย็น จากนั้นผมก็ต้องเข้าไปดูที่ร้าน ต้องเช็คให้แน่ใจว่าลูกจ้างจอมอู้จะไม่ขี้เกียจ (แม้มันจะเป็นไปได้น้อยมาก) ผมเดาไม่ผิดจริงๆ หวังเหมิงแอบงีบ ผมจัดการตะโกนปลุก ขู่เรื่องเงินเดือน เข้าไปเช็คของกับบัญชี สามทุ่มก็กลับบ้าน ร้องเรียกหาเมินโหยวผิงตามความเคยชิน ตอนนั้นเองที่ผมนึกได้ว่าเขาไม่อยู่
เมื่อวานนี้ผมกำลังหงุดหงิดเลยพาลเรื่องของเขา แต่ตอนนี้ผมอารมณ์เย็นลงแล้วเลยว่าจะโทรไปหาเขาเพื่อขอเหตุผล ระหว่างรอให้อีกฝั่งรับก็นึกไปสารพัดว่าเขาไม่ได้ทำอะไรไม่ดีใช่ไหม เรื่องก็ไม่ใช่ ช่วงนี้ไม่มีเวลาว่างเลยจะไปกินดื่มที่ไหน ไม่สนใจเขาหรือเปล่า เรื่องนี้ไม่มีทาง ผมชวนเขาคุยทุกวันแหละ มีแต่เขาที่นั่งเงียบๆ ฟังอย่างเดียว หรือจะรำคาญเรื่องนี้ ไม่น่า ถ้าจะรำคาญก็ควรเป็นนานแล้ว
ตกลงว่ามันเรื่องอะไรกันแน่วะ?
“ ฮัลโหล” นายอ้วนรับสาย
“ ฮัลโหล ฉัน…”
“ เสี่ยวเกอไม่อยู่นะเทียนเจิน”
“ หา!?” ผมขมวดคิ้ว “ แล้วหมอนั่นไปไหน”
“ ไปหาคุณชายเซี่ย”
“เสี่ยวฮัว?” ผมทวน สงสัยว่าสองคนนี้เขาไปสนิทกันตอนไหน ทำไมผมไม่รู้
“ เสี่ยวเกอไม่ได้มีบ้านเล็กหรอกน่า”
“ ฉันยังไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นเลย!” ผมว่า “ นายทำฉันขนลุก” ลองจินตนาการถึงสองคนนั้นอยู่ด้วยกัน มันจะมีรังสีออร่าแปลกๆ แผ่ออกมา
ผมถามต่อ
“ แล้วไปหาเสี่ยวฮัวทำไม”
“ ไว้เขากลับมานายก็ถามเขาเองสิ” นายอ้วนเปลี่ยนเรื่อง ชวนผมคุยเรื่องอื่น คุยได้ราวๆ สิบนาทีผมก็ได้ยินนายอ้วนบอกว่าเสี่ยวเกอกลับมาแล้ว “ เมียนายขอคุยด้วย”
“ใครเมียวะ!” ผมตะโกนดังๆ ตามด้วยการด่าบรรพบุรุษสกุลหวังเท่าที่จะหาคำหยาบได้
“ อู๋เสียพรุ่งนี้ฉันจะไปรับนาย” เมินโหยวผิงบอกเสียงเรียบ
“ อะไรนะ” ไม่มีหัวไม่มีหางจู่ๆ ก็ขึ้นมา เขาก็ไม่บอกอะไรอีก ทำตัวมีความลับ พอผมเริ่มจะเดือดเขาก็บอกว่าแค่นี้
คืนนั้นผมทั้งงงทั้งอารมณ์เสีย เผลอหลับไปตอนห้าทุ่ม อาจเป็นเพราะความเหนื่อยสะสม
ตอนผมลืมตา เมินโหยวผิงนั่งอยู่บนเตียงข้างๆ เอานิ้วยาวๆ เกลี่ยเส้นผมบนหน้าผากผม เขาช่วยพยุงผมขึ้น บอกว่าจะรอด้านล่าง ผมจับต้นชนปลายไม่ถูก ตะโกนถามก็ไร้คำตอบ จำต้องทำตามที่เขาพูด
เมินโหยวผิงยืนรอผมด้านล่าง มีกระเป๋าเป้สะพายหนึ่งใบ
“ อย่าบอกนะว่านายจะชวนฉันไปคว่ำกรวย”
เขาส่ายหน้า
“ แล้วนายจะพาฉันไปไหน ขอร้องล่ะช่วยตอบฉันสักข้อเถอะ ฉันงงจะแย่แล้ว”
“ไปเที่ยว”
ห๊ะ!?
เมินโหยวผิงบอกสถานที่ ผมถามว่าทำไมต้องเป็นที่นั่น เขามองหน้าผมแวบหนึ่ง ผมชะงัก กะพริบตาสองสามที อ่อ! นึกออกแล้ว มันเป็นที่ที่ผมเคยเปิดเจอในรายการโทรทัศน์ จำได้ว่าชี้ให้เขาดู อาจจะพูดว่าอยากไปด้วยมั้ง ผมจำไม่ได้…
แต่เมินโหยวผิงจำได้
ผมรู้สึกเขินอายแปลกๆ มันทำให้รู้สึกดี ผมนึกว่าเขาไม่เคยฟังอะไรผม แต่เห็นชัดว่าไม่จริง เขาฟังผมและจำได้ด้วย
งานนี้ผมไม่คิดอะไร ปล่อยให้เขาพาผมไปตามใจเลย
“ ฉันต้องโทรไปบอกพวกลูกน้องก่อน” ผมนึกได้ตอนที่เกือบจะถึงที่หมาย เมินโหยวผิงจับมือผมไว้ บอกผมว่ามีคนจัดการให้แล้ว
ผมเลิกคิ้ว ถามกลับว่าใคร
“ คนตระกูลเซี่ย”
“เสี่ยวฮัว” เมินโหยวผิงพยักหน้า “ นายทำอะไรลงไป”
คำถามผมถูกขัดด้วยเสียงตะโกนว่าถึงแล้วของคนขับรถ พวกเราลงเดิน สถานที่แห่งนี้ขึ้นชื่อเรื่องความสวยงามของทิวทัศน์ มันทำให้ผมลืมเรื่องราวอื่น ได้แต่มองภาพธรรมชาติเบื้องหน้า
“ เดินไปตามทางนี้” เมินโหยวผิงชี้ “ ที่ปลายทางมีจุดดูวิวที่สวยที่สุด”
“ทำไมนายถึงรู้ได้ล่ะ” ผมถามพลางเดินตาม
“ ฉันเคยมา” เขาตอบ ชะลอฝีเท้า
ผมเลิกคิ้ว เดินเคียงข้างกันไปอย่างนั้น “ มาเที่ยว?”
“ ไม่” เมินโหยวผิงส่ายหน้า “ ถัดจากที่นี่ไป จะมีหมู่บ้านเล็กๆ ที่นั่นมีสุสาน”
ผมเข้าใจแล้ว เขาเคยถูกจ้างให้มาลงกรวย สงสัยจะเป็นสมัยอยู่กับเฉินผีอาซื่อล่ะมั้ง
ตลอดทางผมมองทิวทัศน์สลับกับชวนอีกคนคุย เมินโหยวผิงตอบสั้นๆ แค่นั้นสำหรับผมก็ถือว่าดีมากแล้ว แต่จะเรียกว่าฟ้ากลั่นแกล้งหรืออะไรดีล่ะ ท้องฟ้าสดใสเปลี่ยนเป็นครื้ม เมฆฝนก่อตัวจากนั้นฝนก็ตก
“ เชี่ย!” ผมสบถ
คนข้างตัวทำท่าจะถอดเสื้อฮู้ดสีน้ำเงิน ผมคว้ามือเขา บอกว่าไม่ต้อง ผมไม่ใช่ผู้หญิงสักหน่อยไม่ต้องดูแลกันขนาดนั้น
“เดี๋ยวนายป่วย” เมินโหยวผิงว่า
“ ฉันก็กลัวนายป่วย” ผมย้อน
“ ฉันไม่ป่วยง่ายๆ หรอก” เขาบอก
ก็จริง…
“ฉันไม่เป็นไรหรอก” ผมยืนยัน “ แต่ถ้าฉันป่วยจริงๆ นายก็ดูแลฉันด้วย”
เมินโหยวผิงพยักหน้า เดินอีกสักพักฝนก็เริ่มตกหนักกว่าเดิม ครั้งนี้เขาคว้าข้อมือผม บอกว่าข้างหน้ามีศาลาให้หลบได้ พวกเราโชคดีที่มาถึงศาลาก่อนที่ฝนจะตกหนักจนมองเส้นทางไม่เห็น แถวนี้ไม่เหลือใครแล้ว น่าจะกลับกันไปหมด
“ ขอโทษ”
ผมหันควับ มองหน้าเมินโหยวผิงอึ้งๆ “ เรื่องอะไร”
เขามองออกไปข้างนอก มองท้องฟ้าแทนคำตอบ ผมยักไหล่ บอกเขาว่าไม่เป็นไร ตอนนี้ผมอยากรู้มากกว่าว่าอะไรทำให้เขาลากผมมาที่นี่
“ ฉันได้ยินนาย” หลังเงียบไปเมินโหยวผิงก็เริ่มพูด ผมถามว่าได้ยินอะไร “ นายพูดเรื่องเวลา นายบอกว่านายไม่มีเวลาว่าง นายจะอยู่ได้อีกสักกี่ปี”
ดูเหมือนผมจะพูดจริงๆ แต่มันเกี่ยวอะไร
“ ฉันมีเวลามากมายอู๋เสีย มากเกินไปด้วยซ้ำ” เมินโหยวผิงเอื้อมมือมา ดึงผมให้นั่งลงข้างเขา “ตลอดชีวิตฉันกลัวเรื่องตัวตนของตัวเอง กลัวการที่ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใคร มีอดีตและอนาคตแบบไหน แต่…หลังจากที่ฉันรู้จักนาย แล้วก็พวกนั้นฉันมีอย่างอื่นที่กลัวมากกว่า”
เขามองหน้าผม
“ โรคสูบวิญญาณที่ฉันเป็น ถ้ามันเกิดขึ้น ฉันจะจำเรื่องของนายไม่ได้” นิ้วยาวเป็นพิเศษยกแตะแก้มของผม “ แล้วก็เวลาของนาย เวลาที่จะอยู่บนโลกนี้ ถ้าวันหนึ่งมันหมด…ฉันกลัวเวลาที่สองอย่างนี้จะมาถึง”
ผมวางมือตัวเองซ้อนทับมือของเมินโหยวผิง ขยับตัวเข้าไปใกล้ จูบเขา ตอนนี้ไม่สนแล้วว่าจะมีใครผ่านมาแล้วเห็นเข้า
“ ฉันเองก็กลัว ไม่ได้กลัวเวลาของฉันจะหมด แต่โอเค ฉันกลัวโรคความจำเสื่อมของนาย…” ผมแตะหน้าผากตัวเองกับหน้าผากเขา รู้สึกถึงลมหายใจอุ่นๆ เป่ารดริมฝีปาก ผมกลัวว่าวันที่เวลาของผมหมดลงก็จะเหลือเขาเพียงคนเดียวอีกครั้ง ผมทำอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ไม่ได้ แน่นอนว่าไม่อยากให้เขาฆ่าตัวตายตามผมไปด้วยแน่ สิ่งเดียวที่ผมคิดออกก็คือ…
“ ฉันอาจจะมีเวลาว่างไม่เยอะ แต่ฉันอยากใช้เวลาตรงนั้นอยู่กับนายให้คุ้มที่สุด ฉันสัญญาว่าฉันจะกินข้าวกับนาย ตอนเที่ยงฉันจะโดดงานไป ส่วนตอนเย็นก็จะกลับเร็วๆ จะเข้านอนพร้อมกัน ฉันอาจจะตื่นสายแต่อย่างน้อยถ้าฉันตื่นก็อยากเห็นนาย วันหยุดจะปล่อยพวกลูกน้องไม่เอาไหนแม่งทำงานกันเอง ฉันแค่โทรสั่ง เรา ไปเที่ยว ไปไหนก็ได้ หรือจะชวนนายอ้วนกับพวกเสี่ยวฮัวด้วยก็ได้ แต่ถ้านายไม่ชอบจะไปลงกรวยใต้ดิน ใต้ทะเลหรือในภูเขาฉันก็จะไปด้วย”
ขอแค่ให้ผมอยู่กับเขา
เมินโหยวผิงยิ้ม ริมฝีปากนั่นเคลื่อนมาประทับลงบนหน้าผากผม ไล่มาปลายจมูกแล้วหยุดที่ปาก ตอนที่เขาถอนริมฝีปากออกผมเริ่มรู้สึกหน้าร้อนทั้งที่อากาศหนาวจากฝนตก
“ สรุปว่านายไปหานายอ้วนบอกเขาเรื่องนี้ หมอนั่นเลยแนะนำนายให้ไปหาเสี่ยวฮัวเพื่อให้ช่วยจัดการงานแทนฉัน” ผมสรุปเรื่องหลังจากฟังเขาเล่าทั้งหมด ฝนหยุดตกแล้ว พวกผมกำลังเดินกลับ
เมินโหยวผิงพยักหน้า
“ นายขอร้องยังไงน่ะ” ผมอยากรู้มากเป็นพิเศษ
เขาเงียบ
“ เฮ้ บอกฉันมาหน่อย”
“ เพื่อนาย”
“หือ?”
เมินโหยวผิงไม่ยอมบอกอะไรผมอีก
“ แล้วฉันมีเวลาว่างเท่าไรล่ะเนี่ย” ผมถามคำถามอื่นก็ได้ เขาบอกว่าวันนี้กับพรุ่งนี้ หืมมมมม เยอะอยู่นะ ดีไม่ดีผมจะติดใจแล้วโดดงานสักอาทิตย์ดีไหมนะ แต่ก่อนหน้านั้นคงต้องปิดโทรศัพท์กันคนที่ไปทำงานแทนจะโทรตาม
เมินโหยวผิงหันมามองเมื่อผมจับแขนของเขา
ที่แน่ๆ เวลาว่างของผมยังไม่หมด ผมขอใช้เวลานี้อยู่กับเขาให้เต็มที่เลยละกัน
118 day(s) left
Talk : มโนหนักมากกกกกกกก ( ปิดหน้าปิดตา) Free ในที่นี้ก็คือFree time ค่ะ ถึงหลักๆ จะเกี่ยวกับเวลาและสองเรามากกว่าก็ตาม (หัวเราะ)
คำถามทิ้งท้าย ระหว่างความโชคร้ายของเสี่ยกับผิงเสีย is real อยากให้ลงตอนไหนก่อนคะ
sup-pak- ด้วง
- จำนวนข้อความ : 39
Points : 3599
Join date : 10/04/2015
Re: [OS] #dmbjdaily (Free) My Time [ผิงเสีย]
เถ้าแก่กับแฟนหนุ่มของเขาหวานกันไม่มีเปลี่ยนเลย
เวลาที่เสี่ยวเกอพยายามทำอะไรเพื่อนายน้อยแล้วรู้สึกว่ามันน่ารักดีนะคะ อร๊าย
น่าเห็นใจเถ้าแก่เหมือนกันนะ มีแฟนขึ้หลงขี้ลืมเนี่ย ถึงอีกฝ่ายจะลืม แต่ถ้าอีกฝ่ายไม่ยอมปล่อยมือง่ายๆ สายสัมพันธ์มันก็คงไม่ขาดสะบั้นลงง่ายๆเหมือนกัน เค้าคิดว่างั้นนะ
ชอบตรงนี้มากๆ น่ารักอบอุ่นเป็นที่สุด โดดงานมากินข้าวเที่ยงอะไรกัน เถ้าแก่นี่มุ้งมิ้งเกินไปแล้ว แบบนี้แฟนหนุ่มทั้งรักทั้งหลงแน่
ชอบฟิคที่ให้ความรู้สึกฟีลกู๊ดแบบนี้จังเลยค่ะ เวลาอ่านอะไรหวานๆแล้วอดยิ้มตามไปด้วยไม่ได้เลย คนสองคนที่พยายามสร้างความทรงจำดีๆด้วยกัน ♥♥♥♥♥
ส่วนคำถามว่าจะลงเรื่องไหนดีระหว่างสองเรื่อง เค้าว่าเอาตามที่นักเขียนสะดวกเลยดีกว่า เพราะไม่ว่าจะลงเรื่องไหนก่อน เค้าก็ตามอ่านทุกเรื่องนะ
เวลาที่เสี่ยวเกอพยายามทำอะไรเพื่อนายน้อยแล้วรู้สึกว่ามันน่ารักดีนะคะ อร๊าย
“โรคสูญวิญญาณที่ฉันเป็น ถ้ามันเกิดขึ้น ฉันจะจำเรื่องของนายไม่ได้”
น่าเห็นใจเถ้าแก่เหมือนกันนะ มีแฟนขึ้หลงขี้ลืมเนี่ย ถึงอีกฝ่ายจะลืม แต่ถ้าอีกฝ่ายไม่ยอมปล่อยมือง่ายๆ สายสัมพันธ์มันก็คงไม่ขาดสะบั้นลงง่ายๆเหมือนกัน เค้าคิดว่างั้นนะ
“ฉันอาจจะมีเวลาว่างไม่เยอะ แต่ฉันอยากใช้เวลาตรงนั้นอยู่กับนายให้คุ้มที่สุด ฉันสัญญาว่าฉันจะกินข้าวกับนาย ตอนเที่ยงฉันจะโดดงานไป ส่วนตอนเย็นก็จะกลับเร็วๆ จะเข้านอนพร้อมกัน ฉันอาจจะตื่นสายแต่อย่างน้อยถ้าฉันตื่นก็อยากเห็นนาย”
ชอบตรงนี้มากๆ น่ารักอบอุ่นเป็นที่สุด โดดงานมากินข้าวเที่ยงอะไรกัน เถ้าแก่นี่มุ้งมิ้งเกินไปแล้ว แบบนี้แฟนหนุ่มทั้งรักทั้งหลงแน่
ชอบฟิคที่ให้ความรู้สึกฟีลกู๊ดแบบนี้จังเลยค่ะ เวลาอ่านอะไรหวานๆแล้วอดยิ้มตามไปด้วยไม่ได้เลย คนสองคนที่พยายามสร้างความทรงจำดีๆด้วยกัน ♥♥♥♥♥
ส่วนคำถามว่าจะลงเรื่องไหนดีระหว่างสองเรื่อง เค้าว่าเอาตามที่นักเขียนสะดวกเลยดีกว่า เพราะไม่ว่าจะลงเรื่องไหนก่อน เค้าก็ตามอ่านทุกเรื่องนะ
Eli-kun- ด้วงตำหนักหลู่หวังเจ็ดดารา
- จำนวนข้อความ : 80
Points : 3623
Join date : 04/03/2015
Re: [OS] #dmbjdaily (Free) My Time [ผิงเสีย]
อร๊ายยยยย เสี่ยวเกออออออ เป็นการเดทที่น่ารักมากๆ
;w; แต่ประเด็นนี้เป็นกระเด็นที่เศร้าจริงๆค่ะ ซักวันจะต้องมีคนไปก่อน...
ว่าแต่นายเมินไปขอเสี่ยวฮัวยังไง /แอบรู้สึกฮัวเสียนิดๆ--
ขอบคุณสำหรับฟิคค่ะ
ปล.อยากลงเรื่องไหนก่อนแล้วแต่ผู้แต่งเลยค่า
;w; แต่ประเด็นนี้เป็นกระเด็นที่เศร้าจริงๆค่ะ ซักวันจะต้องมีคนไปก่อน...
ว่าแต่นายเมินไปขอเสี่ยวฮัวยังไง /แอบรู้สึกฮัวเสียนิดๆ--
ขอบคุณสำหรับฟิคค่ะ
ปล.อยากลงเรื่องไหนก่อนแล้วแต่ผู้แต่งเลยค่า
Cathareen- ด้วงสุสานใต้สมุทรทะเลซีซา
- จำนวนข้อความ : 149
Points : 3782
Join date : 24/12/2014
Re: [OS] #dmbjdaily (Free) My Time [ผิงเสีย]
เสี่ยวฮัวววววววววว....แค่พูดว่าเพื่ออู๋เสีย นายก็ทำทุกอย่างเลยสินะ ช่างเป็นพระรองได้ใจด้วงจริงๆ *-*
ด้วงผิงเสีย- ด้วง
- จำนวนข้อความ : 29
Points : 2872
Join date : 18/01/2017
Age : 37
Similar topics
» [Drabble] #DMBJdaily 'Free' [ผิงเสีย]
» [Drabble] #dmbjdaily (หนึ่ง) Once upon a time [เสียผิง or ผิงเสีย]
» [OS] #dmbjdaily 219 days left : Time Machine (ความทรงจำ) [ผิงเสีย]
» [SF] Once upon a time *AU* [ผิงเสีย]
» [drabble] #dmbjdaily 'free' : carpe diem [อู๋เสีย]
» [Drabble] #dmbjdaily (หนึ่ง) Once upon a time [เสียผิง or ผิงเสีย]
» [OS] #dmbjdaily 219 days left : Time Machine (ความทรงจำ) [ผิงเสีย]
» [SF] Once upon a time *AU* [ผิงเสีย]
» [drabble] #dmbjdaily 'free' : carpe diem [อู๋เสีย]
หน้า 1 จาก 1
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
|
|
Fri 24 Jul 2020, 01:39 by gustoon
» [คู่มือด้วง] Keyword จีนสำหรับการขุด(แฟนดอม)สุสาน
Thu 21 Jun 2018, 00:29 by miskizfullmoon
» มังฮวาและภาคทิเบต
Thu 21 Jun 2018, 00:23 by miskizfullmoon
» [OS] Father is the best (ผิงเสีย)
Thu 03 Aug 2017, 16:12 by schneewittchen
» [Fic] สิ่งเล็กๆที่เชื่อมโลก5 [เมินโหยวผิง+อู่เสีย+เสี่ยอ้วน]+OC
Tue 01 Aug 2017, 12:30 by natsume
» [OS] #dmbjdaily (จูปาจุ๊บ) Bittersweet [ผิงเสีย AU]
Thu 06 Apr 2017, 15:58 by Zeth
» [OS] #dmbjdaily "โทรศัพท์มือถือ" - no Pairing [All]
Tue 04 Apr 2017, 22:27 by Zeth
» [OS] #DMBJDaily (แว่น): ระยะที่มองไม่เห็น [ฮัวเสีย]
Sat 01 Apr 2017, 16:55 by Zeth
» [OS] #DMBJdaily (5.20) ท่านยอดฝีมือ [หวังเหมิง (+เหมิงเสีย)(+ผิงเสีย)]
Thu 30 Mar 2017, 17:24 by Zeth