Countdown
We've been
togerther for
ค้นหา
Latest topics
Most active topics
[To my secret] Naitear
3 posters
หน้า 1 จาก 1
[To my secret] Naitear
สวัสดีค่าคุณซีเคร็ท ~ > v <,, ฝากตัวด้วยนะคะ
เควสต์ของไนร์มีดังนี้ค่ะ
1. อยากเห็นคุณชายฮัวเลี้ยงหมาค่ะ! เอาเป็นหมาแสบๆซนๆ อยากรู้จังว่าคุณชายจะทำยังไง /////
2. โมเมนท์ของเสี่ยวเสียและซิ่วซิ่วตอนเด็กค่ะ สาเหตุที่ทำให้ซิ่วซิ่วเคยอยากแต่งงานกับนายน้อย // v \\
3. อยากเห็นปู่จางปู่เอ้อร์ในยุคซามูไรค่ะ! ปู่เอ้อร์คงเป็นซามูไรที่สวยมากแน่ๆ ~
4. คู่ฮัวเสียค่ะ อยากเห็นฮัวเสียในรูปแบบของ'ด้ายแดง'บ้าง ; v ; ดราม่าหรือหวานก็ได้นะคะ หงุง
5. รีเควสคู่พานสามค่ะ อยากได้แนวที่ว่า "เคยพบกันในความฝัน คอยเฝ้าตามหามาตลอด และในที่สุดก็ได้พบกันในความเป็นจริง" จังเลย ////// #ขอมากไปรึเปล่าฮือ
ที่เรารีเควสมาจะเป็นแฟนฟิค แฟนอาร์ต คลิป MAD โดจิน ฯลฯ ได้หมดเลยค่ะ สุดท้ายนี้ก็...ขอบคุณล่วงหน้านะคะคุณซีเคร็ท! > <
เควสต์ของไนร์มีดังนี้ค่ะ
1. อยากเห็นคุณชายฮัวเลี้ยงหมาค่ะ! เอาเป็นหมาแสบๆซนๆ อยากรู้จังว่าคุณชายจะทำยังไง /////
2. โมเมนท์ของเสี่ยวเสียและซิ่วซิ่วตอนเด็กค่ะ สาเหตุที่ทำให้ซิ่วซิ่วเคยอยากแต่งงานกับนายน้อย // v \\
3. อยากเห็นปู่จางปู่เอ้อร์ในยุคซามูไรค่ะ! ปู่เอ้อร์คงเป็นซามูไรที่สวยมากแน่ๆ ~
4. คู่ฮัวเสียค่ะ อยากเห็นฮัวเสียในรูปแบบของ'ด้ายแดง'บ้าง ; v ; ดราม่าหรือหวานก็ได้นะคะ หงุง
5. รีเควสคู่พานสามค่ะ อยากได้แนวที่ว่า "เคยพบกันในความฝัน คอยเฝ้าตามหามาตลอด และในที่สุดก็ได้พบกันในความเป็นจริง" จังเลย ////// #ขอมากไปรึเปล่าฮือ
ที่เรารีเควสมาจะเป็นแฟนฟิค แฟนอาร์ต คลิป MAD โดจิน ฯลฯ ได้หมดเลยค่ะ สุดท้ายนี้ก็...ขอบคุณล่วงหน้านะคะคุณซีเคร็ท! > <
Naitear- ด้วงต้นไม้เทพเจ้า
- จำนวนข้อความ : 232
Points : 3774
Join date : 27/10/2014
Age : 27
ที่อยู่ : หลังผ้าม่านในห้องของคุณชายฮัว
Re: [To my secret] Naitear
สวัสดีค่ะ~ ซีเคร็ทมารายงานตัวแล้ว จิ้งจอกแดงเองค่ะ ฮ่าาาาาาา ไม่ใช่คนอื่นคนไกลเลย (\\\\w\\\\) มาส่งคุณชายกับน้องหมาค่ะ จากเควสข้อนี้ >>> อยากเห็นคุณชายฮัวเลี้ยงหมาค่ะ! เอาเป็นหมาแสบๆซนๆ อยากรู้จังว่าคุณชายจะทำยังไง /////
ส่วนตัวหมาที่เลี้ยงไม่เคยซนเลย เลยไม่รู้ว่าแต่งออกมาจะได้ฟีลน้องหมาซนๆแบบที่คุณไนร์อยากได้มั้ย Orz
ครั้งแรกที่แต่งมุมน่ารักของคุณชายค่ะ แงงงงงง เขียนสุดชีวิต ไม่ดีตรงไหนต้องขออภัยอย่างสูงนะคะ *กราบ*
...เจ้าบ้านสกุลเซี่ยคนปัจจุบันกำลังปวดหัวยิ่งนัก...
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าคนที่เก่งสารพัดทั้งบู๊และบุ๋นอย่างเซี่ยอวี้ฮัวกำลังตกที่นั่งลำบาก ทั้งๆที่ปัญหามันก็ปรากฏอยู่อย่างเด่นชัดตรงหน้าแท้ๆแต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้
คิดไปร่วมยี่สิบกว่าตลบ สุดท้ายก็ได้แต่ทอดถอนใจ
ตรงหน้าชายหนุ่มคือสภาพบ้านที่ดูไปดูมาให้ความรู้สึกคล้ายสมรภูมิสงครามโลกครั้งที่สอง ทั้งของตกแต่งทั้งเฟอร์นิเจอร์ล้วนพังพิราบพนาสูญ เละเทะเกินจะบรรยาย
และ...ตัวทำลายล้างก็นั่งกระดิกหางทำตาแป๋วอยู่แทบเท้า
ที่ทับอยู่บนเท้าของเขาคือลูกสุนัขตัวเล็กขนฟูฟ่องกลมดิ๊กสีครีมตัวหนึ่ง หางเล็กๆสะบัดไปมาอย่างแรงด้วยความดีใจจนน่ากลัวว่าถ้ายังสะบัดแบบนี้ต่อไปอีกห้าวินาทีต่อมาหางของมันอาจจะหลุดออกมาได้ ดวงตากลมเป็นประกายสีน้ำเงินเข้มจ้องดวงหน้าหวานของเซี่ยอวี้ฮัวไม่วางตา
“เฮ้อ...” เขาถอนหายใจหนักๆอีกครั้งพลางยกมือขึ้นนวดขมับ
“โฮ่ง!” เสียงใสๆเห่ารับโดยไม่มองบริบทเลยสักนิด...ยิ่งทำให้ผู้เป็นนายปวดตับยิ่งกว่าเดิม
“เจ้าตัวเล็ก” เสี่ยวฮัวเรียกเสียงเข้ม นัยน์ตาสีเข้มสบจ้องดวงตาโตต่างสีนั่นด้วยแววตาขุ่นเคือง มือกร้านหยิบพัดไม้อันเล็กออกมาจากกระเป๋ากางเกง
ต้องตีให้จำเสียบ้าง ไม่อย่างนั้นบ้านเขาคงไม่เหลือชิ้นดี
“โฮ่งๆ!!” หมาน้อยยังไม่รู้ชะตากรรม ท่าทางในสมองของมันจะบรรจุความทรงจำไว้เพียงว่าเสี่ยวฮัวเป็นเจ้านายแสนดี เป็นเพื่อนเล่นที่เจอหน้าเมื่อไหร่ก็แปลว่าจะมีขนมอร่อยๆให้กิน
ซึ่งไอ้ความคิดแบบนี้มันก็มีมูลเหตุของมัน...
“...อุ...” จากตอนแรกที่คิดจะสั่งสอนให้หลาบจำ เมื่อเจ้าตัวปัญหาเอียงคอทำท่าน่ารักพร้อมกับยกสองขาหน้าทำท่าสวัสดีชวนเล่นหัวใจของเขาก็อ่อนยวบ ลางแพ้โผล่มาให้เห็นทันที
“โฮ่ง!”
“.......”
“โฮ่งๆๆ!”
จบสิ้น...จบสิ้นแล้ว
ในที่สุดชายหนุ่มก็เป็นฝ่ายพ่ายแพ้จริงๆเมื่อใบหน้านุ่มนิ่มถูคลอเคลียกับข้อเท้าเปลือยเปล่า เขาดันเจ้าตัวแสบลงจากเท้าก่อนหันหลังหมุนตัวเดินไปทางห้องครัว
แน่นอนว่าไม่ได้เดินตัวปลิวลอยชายไปแบบสบายๆ
“แง่ม!” เขี้ยวเล็กๆของเจ้าหมาฝังลงที่ชายขากางเกง ร่างเล็กจ้อยพยายามยื้อผู้เป็นเจ้าของเอาไว้สุดชีวิตเพราะคิดว่าอีกฝ่ายจะเดินหนีไป
“เฮ้ย! กางเกงฉันเป็นรูหมด” เสี่ยวฮัวรีบก้มลงพยายามง้างปากตัวปุกปุยออกด้วยความนิ่มนวลที่สุด และแน่นอนว่าไม่เป็นผลสำเร็จ เจ้าตัวเล็กของบ้านสกุลเซี่ยไม่ยอมถอนเขี้ยวของมันออก เพียงแต่เชยตาขึ้นมองร่างสูง หางยังกระดิกดิ๊กๆเหมือนที่ปัดน้ำฝนของรถยนต์
“โอเค...ไม่ปล่อยก็ไม่ต้องปล่อย” และแล้วขายาวๆก็จำต้องเดินไปโดยลากก้อนขนมีชีวิตก้อนหนึ่งซึ่งนอนแหมะกางขาทั้งสี่ให้ลากไปกับพื้นเหมือนผ้าถูบ้านแต่โดยดี
ครั้นพอเข้าอาณาเขตห้องครัว ลูกสุนัขตัวแสบก็ปล่อยขากางเกงผู้เป็นนายโดยอัตโนมัติ วิ่งฉิวไปจัดการบรรเลงแทะขาโต๊ะกินข้าวไม้สุดหรูอย่างเมามันเรียกรอยยิ้มละเหี่ยใจให้ระบายขึ้นบนใบหน้าเสี่ยวฮัว
“บอกว่าแทะไม่ได้ไงเจ้าตัวเล็ก” บอกด้วยน้ำเสียงเหมือนกับจะดุ หวังให้ทางนั้นเลิกทำร้ายเฟอร์นิเจอร์ในบ้านเขาเสียที แต่...
“โฮ่ง!” แน่นอนว่าไม่ได้ผล ขาโต๊ะไม้ยังคงถูกประทุษร้ายต่อไป
จะบ้าตาย
เขาหยิบเอาไม้ตายสุดท้ายออกมาจากในตู้เก็บของจิปาถะ มันคือกล่องทรงสีเหลี่ยมจัตุรัสสีเหลืองอ่อน มีภาพลูกสุนัขหน้าตาน่ารักน่าชังพิมพ์ประทับอยู่ ทันที่กล่องถูกเขย่า เจ้าเครื่องจักรทำลายล้างเฟอร์นิเจอร์ก็หยุดการกระทำ ตัวแข็งทื่อเป็นรูปสลักหิน พอเขย่าอีกครั้งหนึ่ง...
“โฮ่งๆๆๆๆ!!!” มันก็ทะยานข้ามห้องมานอนแหมะทับเท้าของเขาอีกครา
ใช่แล้ว ไม้ตายสุดท้ายของเซี่ยอวี้ฮัวคนงามจะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากขนมขบเคี้ยวของสุนัข!
ร่างสูงทิ้งตัวลงนั่งกับพื้นกระเบื้องเย็นๆ ยกกล่องขึ้นสูง ใบหน้าแอ๊บแบ๊วของเจ้าตัวเล็กก็เงยตามไปด้วย
“เจ้าตัวเล็กขอมือ” แทนที่จะได้มือ มันกลับเลียมือที่แบอยู่ตรงหน้าซะชุ่มโชก
โอเค เอาใหม่...
“เจ้าตัวเล็กกลิ้งซิ” แทนที่จะกลิ้งมันกลับเอามือมาวางแปะแทน
อีกรอบหนึ่งแล้วกัน
“เจ้าตัวเล็กสวัสดีซิ” แทนที่จะสวัสดีมันกลับพลิกตัวนอนหงายท้องแทน
ไม่ได้สั่งให้แกล้งตายนะ...ขออีกรอบ
“นั่งซิเจ้าตัวเล็ก” ขาหน้าทั้งสองยกขึ้นสวัสดีเขาแทน
เอาเป็นว่าขอยอมแพ้
ขนมรูปท่อนกระดูกสามสี่ชิ้นถูกวางลงดูดให้เจ้าตัวเล็กพลิกตัวไปกิน...โดยที่ก้นกลมๆยังทับอยู่บนเท้าของชายหนุ่ม
สงสัยเขาจะไม่มีพรสวรรค์ด้านการเลี้ยงสัตว์
คิดแล้วก็ยาวไปถึงวันแรกที่ได้เจ้านี่มา
วันนั้นเป็นวันหยุดอันหาได้ยากยิ่ง ทว่าขณะที่กำลังนอนเอกเขนกดูการ์ตูนเรื่องมิเนี่ยนอยู่ เสียงออดประตูบ้านก็ดังขึ้น บังคับให้เขาต้องลากร่างที่ยังอยู่ในชุดนอนไปเปิดประตูแต่โดยดี
“พี่ ฉันฝากเจ้าตัวนี้ไว้กับพี่ได้ไหม” เสียงหวานของผู้มารบกวนบอกกับเขาอย่างรวดเร็วรวบรัดพร้อมกับยื่นตะกร้าพลาสติกแบบล็อคฝาได้สีชมพูแปร๋นมาให้
เสี่ยวฮัวขมวดคิ้วใส่ซิ่วซิ่วก่อนรับตะกร้ามา ทว่าพอรับมาแล้วเขาถึงได้รู้ว่าไอ้สิ่งที่อยู่ข้างในมันขยับได้!!
“ซิ่วซิ่วนี่อะ...” พอจะถามยายตัวแสบก็วิ่งฉิวทิ้งระยะห่างออกไปแล้ว ก่อนจะหันมาตะโกนบอก
“ฉันจะไปเคลียร์ธุระนิดหน่อยที่ต่างประเทศ พาเจ้านั่นไปด้วยไม่ได้ พี่ดูมันให้ฉันก่อนนะ” จบคำซิ่วซิ่วกระโดดขึ้นรถคันหรูจากไป ทิ้งให้เซี่ยอวี้ฮัวอยู่กับความช็อคและความงง สุดท้ายก็ต้องค่อยๆแง้มฝาตะกร้าออก ใบหน้าเลื่อนเข้าใกล้เพื่อส่องดูเจ้าตัวปริศนาข้างใน ในใจภาวนาอย่าให้น้องสาวไปเก็บตัวอะไรแปลกๆจากกรวยมาเลี้ยงเลย
“โฮ่ง!” เสียงเห่าเล็กๆดังขึ้นพร้อมกับลิ้นชื้นๆจู่โจมเลียเข้าที่แก้มของเขา
นั่นแหละคือครั้งแรกที่ทั้งคู่ได้เจอกัน
และจนถึงวันนี้ก็ผ่านมาสองเดือนแล้ว ฮั่วซิ่วซิ่วก็ยังไม่มารับลูกสุนัขของตนเองคืน
คงไม่ใช่ว่าจะเอามาทิ้งไว้กับเขาแบบถาวรหรอกนะ...
เสี่ยวฮัวหลุบสายตาลงมองลูกสุนัขพันธุ์ผสมที่ยึดเท้าเขาเป็นเตียงนอนอืดแผ่หงายท้องกางขาสบายใจหนำซ้ำยังเอี้ยวหัวมางับขากางเกงของเขาเล่นด้วยความสนุกสนานอีก
สงสัยต้องซื้อกางเกงตัวใหม่
ระหว่างที่คิดมือก็หยิบขนมสำหรับสุนัขยัดใส่ปากเจ้าตัวเล็กอีก อยากรู้จังว่าจะรู้ได้อย่างไรว่าลูกหมาเริ่มกลายเป็นลูกหมูแล้ว
เจ้าตัวเล็ก...อยู่กับเขาอาจไม่ดีเท่าไหร่ หรือจะเอาไปให้เสี่ยวเสียดูแลแทนดี
แรงสั่นเบาๆจากกระเป๋ากางเกงเป็นตัวดึงชายหนุ่มกลับมาสู่โลกปัจจุบัน โทรศัพท์มือถือสีชมพูน่ารักถูกหยิบออกมารับสาย สายที่โทรเข้ายังเป็นคนเดิมๆและเรื่องเดิมๆ
เรื่องของสุสานโบราณ สมบัติแห่งชาติที่ลักลอบขายกันในตลาดมืด ธุรกิจอันสกปรกจนน่าเบือนหน้าหนี
เซี่ยอวี้ฮัวแปลงร่างกลับมาเป็นคุณชายเก้าผู้ทรงอำนาจในวงการนี้โดยมีสายตาคู่หนึ่งจับจ้องไม่วางตา
เจ้าตัวเล็กของคุณชายเซี่ยนอนนิ่งมองผู้เป็นนายหน้าดำคร่ำเครียดคุยโทรศัพท์ด้วยท่าทีสงบนิ่งผิดปกติ ในยามนี้เสี่ยวฮัวอาจจะไม่รู้สึกตัว แต่มือข้างที่วางอยู่บนตัวเจ้าตัวเล็กกำลังบีบแน่น แน่นระดับที่ถ้าตอนนี้คนถูกบีบคือนายน้อยสกุลอู๋เขาอาจโดนไฟฉายเหมืองตบดั้งหักได้
หากแต่ลูกสุนัขแสนซนในยามนี้กลับไม่แม้แต่จะร้องประท้วงด้วยความเจ็บปวด มันแค่นอนนิ่งๆให้อีกฝ่ายบีบ จับจ้องด้วยสายตาซึ่งไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นสายตาของสุนัข
สายตาห่วงหาอาทร
เนื้อหาธุรกิจดำเนินยืดยาวกว่าครึ่งชั่วโมงกว่าร่างโปร่งจะได้ฤกษ์วางสาย
“เฮ้อ!” ทันทีที่กดตัดสายลมหายใจเฮือกใหญ่ก็ถูกถอนออกมาดังๆ ดังยิ่งกว่าตอนเขากลับมาพบว่าบ้านโดนเจ้าตัวเล็กยึดเป็นสนามเด็กเล่นไปเสียแล้ว
“งื้ด~ ~” เสียงครางแผ่วๆดังขึ้น เสี่ยวฮัวก้มหน้าลงมองด้วยความประหลาดใจ ตั้งแต่อยู่ด้วยกันมายังไม่เคยได้ยินมันร้องแบบนี้เลย คงไม่ใช่ว่ากินขนมเยอะไปแล้วปวดท้องนะ
ลิ้นอุ่นเลียที่ฝ่ามือของชายหนุ่มแผ่วเบาจากนั้นจึงวางขาข้างหนึ่งลงอย่างนุ่มนวล
ชายหนุ่มไม่แน่ใจว่าตนเองคิดไปเองหรือเปล่าว่าดวงตาใสสะอาดคู่นั้นทอประกายเป็นห่วงแฝงกังวล
“เป็นห่วงฉันหรือไง” เสียงไพเราะถามแบบติดตลก แต่ที่คิดไม่ถึงคือเจ้าตัวที่โดนถามกลับเอียงคอราวกับจะตอบรับ
“หือ?” มืออุ่นทั้งสองบรรจงอุ้มมันขึ้นมาให้ดวงตาสองคู่สบกัน เจ้าตัวเล็กแลบลิ้นเลียสันจมูกเขา พวงหางแกว่งไกวเบาๆดูคล้ายกำลังไถ่ถามความรู้สึก
โดยไม่รู้สาเหตุ ความขุ่นเคืองที่ตกตะกอนในใจพลันละลายหายไปเหลือแม้ร่องรอย
ใบหน้างดงามคลี่ยิ้มจางๆก่อนเปรยแผ่วเบากับตัวเอง
“บางที...ฉันน่าจะลองไปขอแกมาจากซิ่วซิ่ว”
ว่ากันว่าสุนัขคือเพื่อนแสนดีของมนุษย์....บัดนี้เซี่ยอวี้ฮัวได้พิสูจน์แล้วว่าทฤษฎีนี้เป็นเรื่องจริง
**แถม**
ค่ำคืนนี้อากาศเย็น เซี่ยอวี้ฮัวนอนเหยียดยาวอยู่บนโซฟา จอโทรทัศน์แอลซีดีอย่างหรูขนาดใหญ่กำลังฉายการ์ตูนเรื่องป๊อบอาย
“โฮ่ง!” เสียงใสๆเห่าเรียกเขาก่อนเจ้าของเสียงจะวิ่งดุ๊กดิ๊กมาหยุดเบื้องหน้า
เจ้าตัวเล็กยังคงแอ๊บแบ๊วน่ารักเหมือนเดิมทุกประการ เว้นก็แต่ตัวที่กลมขึ้น กลมขึ้น กลมขึ้นเรื่อยๆจนตอนนี้เริ่มเหมือนลูกบอลไหมพรมพองฟูมีชีวิต
เสี่ยวฮัวสาบานได้ว่าเขาไม่รู้จริงๆว่าทำไมสัตว์เลี้ยงของเขาถึงได้กลมขึ้นเรื่อยๆ....
ไม่ เขาเชื่อว่าขนมปังกรอบสำหรับสุนัขวันละหกชิ้นกับอาหารสามมื้อ มื้อละสองกระป๋องไม่ใช่สาเหตุ...เขาเชื่อแบบนั้น
“ขึ้นมาไหมเจ้าลูกบอลชายหาด” มือหนาตบที่ว่างข้างกายเชิญชวน แม้จะเชื่อมั่นในความคิดของตัวเองแต่ก็อดเปลี่ยนชื่อให้มันไม่ได้จริงๆ
“โฮ่ง!” สิ้นเสียงตอบรับโลกทัศน์ก็มืดลง ขนนุ่มนิ่มเรื่อระสัมผัสใบหน้าคมติดสวย
เจ้าลูกบอลชายหาดดันกระโจนขึ้นมาทับหน้าเขา!!
“ลงไปเจ้าลูกวอลเล่ย์บอล” จังหวะที่จะเอื้อมมือไปหิ้วเจ้าสิ่งมีชีวิตตัวกลมออก มันก็โดดผลุงลงไปเอง...พร้อมกับคาบของติดปากกลับไปด้วย
.....ไม่ใช่อะไร รีโมตทีวีของเขานั่นเอง
เสี่ยวฮัวระบายลมหายใจช้าๆพร้อมกับยื่นมือออกไป สั่งการด้วยน้ำเสียงเฉียบขาดแบบที่ใช้สั่งลูกน้องยามลงกรวย
“คืนมาเจ้าลูกฟุตบอล”
น่าเศร้า เจ้าลูกบอลชายหาด เจ้าลูกวอลเล่ย์บอล เจ้าลูกฟุตบอลหรืออีกสารพัดชื่อลูกบอลทรงกลมที่เขาจะสรรหามาเรียกมันไม่ใช่ลูกน้องของเขา ร่างกลมหอบท้องย้วยๆและรีโมตทีวีวิ่งหนีไปด้วยความเร็วที่สุดเท่าที่มันจะทำได้ ลำบากเจ้านายหนุ่มต้องวิ่งไล่ตามไป
“เอารีโมตทีวีคืนมานะเจ้าอ้วน!”
ส่วนตัวหมาที่เลี้ยงไม่เคยซนเลย เลยไม่รู้ว่าแต่งออกมาจะได้ฟีลน้องหมาซนๆแบบที่คุณไนร์อยากได้มั้ย Orz
ครั้งแรกที่แต่งมุมน่ารักของคุณชายค่ะ แงงงงงง เขียนสุดชีวิต ไม่ดีตรงไหนต้องขออภัยอย่างสูงนะคะ *กราบ*
...เจ้าบ้านสกุลเซี่ยคนปัจจุบันกำลังปวดหัวยิ่งนัก...
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าคนที่เก่งสารพัดทั้งบู๊และบุ๋นอย่างเซี่ยอวี้ฮัวกำลังตกที่นั่งลำบาก ทั้งๆที่ปัญหามันก็ปรากฏอยู่อย่างเด่นชัดตรงหน้าแท้ๆแต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้
คิดไปร่วมยี่สิบกว่าตลบ สุดท้ายก็ได้แต่ทอดถอนใจ
ตรงหน้าชายหนุ่มคือสภาพบ้านที่ดูไปดูมาให้ความรู้สึกคล้ายสมรภูมิสงครามโลกครั้งที่สอง ทั้งของตกแต่งทั้งเฟอร์นิเจอร์ล้วนพังพิราบพนาสูญ เละเทะเกินจะบรรยาย
และ...ตัวทำลายล้างก็นั่งกระดิกหางทำตาแป๋วอยู่แทบเท้า
ที่ทับอยู่บนเท้าของเขาคือลูกสุนัขตัวเล็กขนฟูฟ่องกลมดิ๊กสีครีมตัวหนึ่ง หางเล็กๆสะบัดไปมาอย่างแรงด้วยความดีใจจนน่ากลัวว่าถ้ายังสะบัดแบบนี้ต่อไปอีกห้าวินาทีต่อมาหางของมันอาจจะหลุดออกมาได้ ดวงตากลมเป็นประกายสีน้ำเงินเข้มจ้องดวงหน้าหวานของเซี่ยอวี้ฮัวไม่วางตา
“เฮ้อ...” เขาถอนหายใจหนักๆอีกครั้งพลางยกมือขึ้นนวดขมับ
“โฮ่ง!” เสียงใสๆเห่ารับโดยไม่มองบริบทเลยสักนิด...ยิ่งทำให้ผู้เป็นนายปวดตับยิ่งกว่าเดิม
“เจ้าตัวเล็ก” เสี่ยวฮัวเรียกเสียงเข้ม นัยน์ตาสีเข้มสบจ้องดวงตาโตต่างสีนั่นด้วยแววตาขุ่นเคือง มือกร้านหยิบพัดไม้อันเล็กออกมาจากกระเป๋ากางเกง
ต้องตีให้จำเสียบ้าง ไม่อย่างนั้นบ้านเขาคงไม่เหลือชิ้นดี
“โฮ่งๆ!!” หมาน้อยยังไม่รู้ชะตากรรม ท่าทางในสมองของมันจะบรรจุความทรงจำไว้เพียงว่าเสี่ยวฮัวเป็นเจ้านายแสนดี เป็นเพื่อนเล่นที่เจอหน้าเมื่อไหร่ก็แปลว่าจะมีขนมอร่อยๆให้กิน
ซึ่งไอ้ความคิดแบบนี้มันก็มีมูลเหตุของมัน...
“...อุ...” จากตอนแรกที่คิดจะสั่งสอนให้หลาบจำ เมื่อเจ้าตัวปัญหาเอียงคอทำท่าน่ารักพร้อมกับยกสองขาหน้าทำท่าสวัสดีชวนเล่นหัวใจของเขาก็อ่อนยวบ ลางแพ้โผล่มาให้เห็นทันที
“โฮ่ง!”
“.......”
“โฮ่งๆๆ!”
จบสิ้น...จบสิ้นแล้ว
ในที่สุดชายหนุ่มก็เป็นฝ่ายพ่ายแพ้จริงๆเมื่อใบหน้านุ่มนิ่มถูคลอเคลียกับข้อเท้าเปลือยเปล่า เขาดันเจ้าตัวแสบลงจากเท้าก่อนหันหลังหมุนตัวเดินไปทางห้องครัว
แน่นอนว่าไม่ได้เดินตัวปลิวลอยชายไปแบบสบายๆ
“แง่ม!” เขี้ยวเล็กๆของเจ้าหมาฝังลงที่ชายขากางเกง ร่างเล็กจ้อยพยายามยื้อผู้เป็นเจ้าของเอาไว้สุดชีวิตเพราะคิดว่าอีกฝ่ายจะเดินหนีไป
“เฮ้ย! กางเกงฉันเป็นรูหมด” เสี่ยวฮัวรีบก้มลงพยายามง้างปากตัวปุกปุยออกด้วยความนิ่มนวลที่สุด และแน่นอนว่าไม่เป็นผลสำเร็จ เจ้าตัวเล็กของบ้านสกุลเซี่ยไม่ยอมถอนเขี้ยวของมันออก เพียงแต่เชยตาขึ้นมองร่างสูง หางยังกระดิกดิ๊กๆเหมือนที่ปัดน้ำฝนของรถยนต์
“โอเค...ไม่ปล่อยก็ไม่ต้องปล่อย” และแล้วขายาวๆก็จำต้องเดินไปโดยลากก้อนขนมีชีวิตก้อนหนึ่งซึ่งนอนแหมะกางขาทั้งสี่ให้ลากไปกับพื้นเหมือนผ้าถูบ้านแต่โดยดี
ครั้นพอเข้าอาณาเขตห้องครัว ลูกสุนัขตัวแสบก็ปล่อยขากางเกงผู้เป็นนายโดยอัตโนมัติ วิ่งฉิวไปจัดการบรรเลงแทะขาโต๊ะกินข้าวไม้สุดหรูอย่างเมามันเรียกรอยยิ้มละเหี่ยใจให้ระบายขึ้นบนใบหน้าเสี่ยวฮัว
“บอกว่าแทะไม่ได้ไงเจ้าตัวเล็ก” บอกด้วยน้ำเสียงเหมือนกับจะดุ หวังให้ทางนั้นเลิกทำร้ายเฟอร์นิเจอร์ในบ้านเขาเสียที แต่...
“โฮ่ง!” แน่นอนว่าไม่ได้ผล ขาโต๊ะไม้ยังคงถูกประทุษร้ายต่อไป
จะบ้าตาย
เขาหยิบเอาไม้ตายสุดท้ายออกมาจากในตู้เก็บของจิปาถะ มันคือกล่องทรงสีเหลี่ยมจัตุรัสสีเหลืองอ่อน มีภาพลูกสุนัขหน้าตาน่ารักน่าชังพิมพ์ประทับอยู่ ทันที่กล่องถูกเขย่า เจ้าเครื่องจักรทำลายล้างเฟอร์นิเจอร์ก็หยุดการกระทำ ตัวแข็งทื่อเป็นรูปสลักหิน พอเขย่าอีกครั้งหนึ่ง...
“โฮ่งๆๆๆๆ!!!” มันก็ทะยานข้ามห้องมานอนแหมะทับเท้าของเขาอีกครา
ใช่แล้ว ไม้ตายสุดท้ายของเซี่ยอวี้ฮัวคนงามจะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากขนมขบเคี้ยวของสุนัข!
ร่างสูงทิ้งตัวลงนั่งกับพื้นกระเบื้องเย็นๆ ยกกล่องขึ้นสูง ใบหน้าแอ๊บแบ๊วของเจ้าตัวเล็กก็เงยตามไปด้วย
“เจ้าตัวเล็กขอมือ” แทนที่จะได้มือ มันกลับเลียมือที่แบอยู่ตรงหน้าซะชุ่มโชก
โอเค เอาใหม่...
“เจ้าตัวเล็กกลิ้งซิ” แทนที่จะกลิ้งมันกลับเอามือมาวางแปะแทน
อีกรอบหนึ่งแล้วกัน
“เจ้าตัวเล็กสวัสดีซิ” แทนที่จะสวัสดีมันกลับพลิกตัวนอนหงายท้องแทน
ไม่ได้สั่งให้แกล้งตายนะ...ขออีกรอบ
“นั่งซิเจ้าตัวเล็ก” ขาหน้าทั้งสองยกขึ้นสวัสดีเขาแทน
เอาเป็นว่าขอยอมแพ้
ขนมรูปท่อนกระดูกสามสี่ชิ้นถูกวางลงดูดให้เจ้าตัวเล็กพลิกตัวไปกิน...โดยที่ก้นกลมๆยังทับอยู่บนเท้าของชายหนุ่ม
สงสัยเขาจะไม่มีพรสวรรค์ด้านการเลี้ยงสัตว์
คิดแล้วก็ยาวไปถึงวันแรกที่ได้เจ้านี่มา
วันนั้นเป็นวันหยุดอันหาได้ยากยิ่ง ทว่าขณะที่กำลังนอนเอกเขนกดูการ์ตูนเรื่องมิเนี่ยนอยู่ เสียงออดประตูบ้านก็ดังขึ้น บังคับให้เขาต้องลากร่างที่ยังอยู่ในชุดนอนไปเปิดประตูแต่โดยดี
“พี่ ฉันฝากเจ้าตัวนี้ไว้กับพี่ได้ไหม” เสียงหวานของผู้มารบกวนบอกกับเขาอย่างรวดเร็วรวบรัดพร้อมกับยื่นตะกร้าพลาสติกแบบล็อคฝาได้สีชมพูแปร๋นมาให้
เสี่ยวฮัวขมวดคิ้วใส่ซิ่วซิ่วก่อนรับตะกร้ามา ทว่าพอรับมาแล้วเขาถึงได้รู้ว่าไอ้สิ่งที่อยู่ข้างในมันขยับได้!!
“ซิ่วซิ่วนี่อะ...” พอจะถามยายตัวแสบก็วิ่งฉิวทิ้งระยะห่างออกไปแล้ว ก่อนจะหันมาตะโกนบอก
“ฉันจะไปเคลียร์ธุระนิดหน่อยที่ต่างประเทศ พาเจ้านั่นไปด้วยไม่ได้ พี่ดูมันให้ฉันก่อนนะ” จบคำซิ่วซิ่วกระโดดขึ้นรถคันหรูจากไป ทิ้งให้เซี่ยอวี้ฮัวอยู่กับความช็อคและความงง สุดท้ายก็ต้องค่อยๆแง้มฝาตะกร้าออก ใบหน้าเลื่อนเข้าใกล้เพื่อส่องดูเจ้าตัวปริศนาข้างใน ในใจภาวนาอย่าให้น้องสาวไปเก็บตัวอะไรแปลกๆจากกรวยมาเลี้ยงเลย
“โฮ่ง!” เสียงเห่าเล็กๆดังขึ้นพร้อมกับลิ้นชื้นๆจู่โจมเลียเข้าที่แก้มของเขา
นั่นแหละคือครั้งแรกที่ทั้งคู่ได้เจอกัน
และจนถึงวันนี้ก็ผ่านมาสองเดือนแล้ว ฮั่วซิ่วซิ่วก็ยังไม่มารับลูกสุนัขของตนเองคืน
คงไม่ใช่ว่าจะเอามาทิ้งไว้กับเขาแบบถาวรหรอกนะ...
เสี่ยวฮัวหลุบสายตาลงมองลูกสุนัขพันธุ์ผสมที่ยึดเท้าเขาเป็นเตียงนอนอืดแผ่หงายท้องกางขาสบายใจหนำซ้ำยังเอี้ยวหัวมางับขากางเกงของเขาเล่นด้วยความสนุกสนานอีก
สงสัยต้องซื้อกางเกงตัวใหม่
ระหว่างที่คิดมือก็หยิบขนมสำหรับสุนัขยัดใส่ปากเจ้าตัวเล็กอีก อยากรู้จังว่าจะรู้ได้อย่างไรว่าลูกหมาเริ่มกลายเป็นลูกหมูแล้ว
เจ้าตัวเล็ก...อยู่กับเขาอาจไม่ดีเท่าไหร่ หรือจะเอาไปให้เสี่ยวเสียดูแลแทนดี
แรงสั่นเบาๆจากกระเป๋ากางเกงเป็นตัวดึงชายหนุ่มกลับมาสู่โลกปัจจุบัน โทรศัพท์มือถือสีชมพูน่ารักถูกหยิบออกมารับสาย สายที่โทรเข้ายังเป็นคนเดิมๆและเรื่องเดิมๆ
เรื่องของสุสานโบราณ สมบัติแห่งชาติที่ลักลอบขายกันในตลาดมืด ธุรกิจอันสกปรกจนน่าเบือนหน้าหนี
เซี่ยอวี้ฮัวแปลงร่างกลับมาเป็นคุณชายเก้าผู้ทรงอำนาจในวงการนี้โดยมีสายตาคู่หนึ่งจับจ้องไม่วางตา
เจ้าตัวเล็กของคุณชายเซี่ยนอนนิ่งมองผู้เป็นนายหน้าดำคร่ำเครียดคุยโทรศัพท์ด้วยท่าทีสงบนิ่งผิดปกติ ในยามนี้เสี่ยวฮัวอาจจะไม่รู้สึกตัว แต่มือข้างที่วางอยู่บนตัวเจ้าตัวเล็กกำลังบีบแน่น แน่นระดับที่ถ้าตอนนี้คนถูกบีบคือนายน้อยสกุลอู๋เขาอาจโดนไฟฉายเหมืองตบดั้งหักได้
หากแต่ลูกสุนัขแสนซนในยามนี้กลับไม่แม้แต่จะร้องประท้วงด้วยความเจ็บปวด มันแค่นอนนิ่งๆให้อีกฝ่ายบีบ จับจ้องด้วยสายตาซึ่งไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นสายตาของสุนัข
สายตาห่วงหาอาทร
เนื้อหาธุรกิจดำเนินยืดยาวกว่าครึ่งชั่วโมงกว่าร่างโปร่งจะได้ฤกษ์วางสาย
“เฮ้อ!” ทันทีที่กดตัดสายลมหายใจเฮือกใหญ่ก็ถูกถอนออกมาดังๆ ดังยิ่งกว่าตอนเขากลับมาพบว่าบ้านโดนเจ้าตัวเล็กยึดเป็นสนามเด็กเล่นไปเสียแล้ว
“งื้ด~ ~” เสียงครางแผ่วๆดังขึ้น เสี่ยวฮัวก้มหน้าลงมองด้วยความประหลาดใจ ตั้งแต่อยู่ด้วยกันมายังไม่เคยได้ยินมันร้องแบบนี้เลย คงไม่ใช่ว่ากินขนมเยอะไปแล้วปวดท้องนะ
ลิ้นอุ่นเลียที่ฝ่ามือของชายหนุ่มแผ่วเบาจากนั้นจึงวางขาข้างหนึ่งลงอย่างนุ่มนวล
ชายหนุ่มไม่แน่ใจว่าตนเองคิดไปเองหรือเปล่าว่าดวงตาใสสะอาดคู่นั้นทอประกายเป็นห่วงแฝงกังวล
“เป็นห่วงฉันหรือไง” เสียงไพเราะถามแบบติดตลก แต่ที่คิดไม่ถึงคือเจ้าตัวที่โดนถามกลับเอียงคอราวกับจะตอบรับ
“หือ?” มืออุ่นทั้งสองบรรจงอุ้มมันขึ้นมาให้ดวงตาสองคู่สบกัน เจ้าตัวเล็กแลบลิ้นเลียสันจมูกเขา พวงหางแกว่งไกวเบาๆดูคล้ายกำลังไถ่ถามความรู้สึก
โดยไม่รู้สาเหตุ ความขุ่นเคืองที่ตกตะกอนในใจพลันละลายหายไปเหลือแม้ร่องรอย
ใบหน้างดงามคลี่ยิ้มจางๆก่อนเปรยแผ่วเบากับตัวเอง
“บางที...ฉันน่าจะลองไปขอแกมาจากซิ่วซิ่ว”
ว่ากันว่าสุนัขคือเพื่อนแสนดีของมนุษย์....บัดนี้เซี่ยอวี้ฮัวได้พิสูจน์แล้วว่าทฤษฎีนี้เป็นเรื่องจริง
**แถม**
ค่ำคืนนี้อากาศเย็น เซี่ยอวี้ฮัวนอนเหยียดยาวอยู่บนโซฟา จอโทรทัศน์แอลซีดีอย่างหรูขนาดใหญ่กำลังฉายการ์ตูนเรื่องป๊อบอาย
“โฮ่ง!” เสียงใสๆเห่าเรียกเขาก่อนเจ้าของเสียงจะวิ่งดุ๊กดิ๊กมาหยุดเบื้องหน้า
เจ้าตัวเล็กยังคงแอ๊บแบ๊วน่ารักเหมือนเดิมทุกประการ เว้นก็แต่ตัวที่กลมขึ้น กลมขึ้น กลมขึ้นเรื่อยๆจนตอนนี้เริ่มเหมือนลูกบอลไหมพรมพองฟูมีชีวิต
เสี่ยวฮัวสาบานได้ว่าเขาไม่รู้จริงๆว่าทำไมสัตว์เลี้ยงของเขาถึงได้กลมขึ้นเรื่อยๆ....
ไม่ เขาเชื่อว่าขนมปังกรอบสำหรับสุนัขวันละหกชิ้นกับอาหารสามมื้อ มื้อละสองกระป๋องไม่ใช่สาเหตุ...เขาเชื่อแบบนั้น
“ขึ้นมาไหมเจ้าลูกบอลชายหาด” มือหนาตบที่ว่างข้างกายเชิญชวน แม้จะเชื่อมั่นในความคิดของตัวเองแต่ก็อดเปลี่ยนชื่อให้มันไม่ได้จริงๆ
“โฮ่ง!” สิ้นเสียงตอบรับโลกทัศน์ก็มืดลง ขนนุ่มนิ่มเรื่อระสัมผัสใบหน้าคมติดสวย
เจ้าลูกบอลชายหาดดันกระโจนขึ้นมาทับหน้าเขา!!
“ลงไปเจ้าลูกวอลเล่ย์บอล” จังหวะที่จะเอื้อมมือไปหิ้วเจ้าสิ่งมีชีวิตตัวกลมออก มันก็โดดผลุงลงไปเอง...พร้อมกับคาบของติดปากกลับไปด้วย
.....ไม่ใช่อะไร รีโมตทีวีของเขานั่นเอง
เสี่ยวฮัวระบายลมหายใจช้าๆพร้อมกับยื่นมือออกไป สั่งการด้วยน้ำเสียงเฉียบขาดแบบที่ใช้สั่งลูกน้องยามลงกรวย
“คืนมาเจ้าลูกฟุตบอล”
น่าเศร้า เจ้าลูกบอลชายหาด เจ้าลูกวอลเล่ย์บอล เจ้าลูกฟุตบอลหรืออีกสารพัดชื่อลูกบอลทรงกลมที่เขาจะสรรหามาเรียกมันไม่ใช่ลูกน้องของเขา ร่างกลมหอบท้องย้วยๆและรีโมตทีวีวิ่งหนีไปด้วยความเร็วที่สุดเท่าที่มันจะทำได้ ลำบากเจ้านายหนุ่มต้องวิ่งไล่ตามไป
“เอารีโมตทีวีคืนมานะเจ้าอ้วน!”
Re: [To my secret] Naitear
[OS] 'In the real dream' (พานสาม :: พานจือ x อู๋ซันเสิ่ง)
**ของขวัญพิเศษตอบแทนให้ซานต้าผู้น่ารักของเรา~
รีเควสข้อ5.ของไนร์ พานสาม แนวที่เคยพบกันในฝัน~**
กลิ่นคาวเลือดฉุนจมูกไม่ได้ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกผะอืดผะอม แต่เขากลับไม่อยากอาหารเลยสักนิดทั้งที่ควรจะหิวแทบไส้ขาด
หัวใจยังเต้น...ลมหายใจยังมี
แต่ความรู้สึกกลวงเปล่าที่กลางอกนั้น...ไม่ว่าอย่างไรก็ถมกลบมันไม่ได้เสียที
"ไอ้พานจื่อ!! กินเข้าสิวะ!"
ใครสักคนพยายามยัดเยียดชามอาหารที่เป็นอะไรสักอย่างคล้ายซุปเละๆ ที่รสชาติเลวสิ้นดีมาให้ หลังจากลองอยู่สองสามครั้งว่าเขาไม่สนใจจริงๆ ฝ่ายนั้นจึงละความพยายามไปในที่สุด
"มันเป็นอะไร?"
"...เห็นว่าเพื่อนมันโดนระเบิดขาดครึ่งตัว สุดท้าย...เลยขอให้มันช่วย"
"เหอะ...มีแต่เรื่องแบบนี้ ไอ้สงครามห่านี่เมื่อไหร่จะจบวะ"
"รบไปเพื่ออะไรยังไม่รู้เลย...ได้แต่นับวันตายอยู่ที่นี่แหละ"
"...เพื่อเอาชีวิตให้รอดไงวะ! แล้วจะได้กลับบ้านกัน!!"
พานจื่ออยากจะหัวเราะให้ดังลั่น คนอย่างพวกเขาไม่มีทางกลับไปใช้ชีวิตที่ 'บ้าน' ได้อีกต่อไป ความตายที่อบอวลอยู่รอบตัวทำให้แม้ในความฝันยังไม่มีภาพอันสวยงาม
วินาทีที่เขาลั่นไกตรงเข้าที่กลางหน้าผากเพื่อน...เขาก็ไม่รู้อีกต่อไปแล้วว่าชีวิตคืออะไร ที่เขายังหายใจอยู่ตอนนี้เพื่อสิ่งใด
ความจริงกับฝันร้ายหลอมรวมกันเป็นหนึ่งเดียวทั้งยามตื่นและหลับตา
เขากำลังต่อสู้ดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอด...ทั้งๆ ที่ชีวิตนี้มีอยู่จริงหรือไม่ เขาก็ยังตอบไม่ได้
++++++
ภาพฝันเลือนลางที่เต็มไปด้วยความตาย พานจื่อเห็นตัวเองวิ่งตามใครสักคนแทบเป็นแทบตาย แต่พอจะคว้าเอาไว้ได้...ร่างนั้นก็สลายไป
ซ้ำแล้วซ้ำเล่า...
'ปกป้องฉัน'
คำสั่งสั้นๆ ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกหายใจไม่ออก...พยายามจะไขว่คว้า แต่กลับหาไม่เจอ
ปกป้องอะไร? ปกป้องใคร?
เสียงกัมปนาทดังสั่นสะเทือนขึ้นมาฉับพลันพร้อมกับเสียงกรีดร้องโหยหวนลั่นระงม ชายหนุ่มลืมตาตื่น
ใครบางคนตะโกนบอกถึงการลอบโจมตี...ครั้งแล้วครั้งเล่า การรบแบบกองโจรในป่าดงดิบคือยุทธวิธีที่บั่นทอนกำลังพลและกำลังใจที่ดีที่สุด...เขาคว้าปืนขึ้นแล้ววิ่งออกไปเหนี่ยวไกอย่างไร้ความรู้สึก
ไอความร้อนจากระเบิดพุ่งเข้าเฉี่ยวใบหน้ากร้านศึก พานจื่อพลิกตัวหลบแรงปะทะนั้นได้อย่างฉิวเฉียดท่ามกลางความวินาศที่เกิดขึ้น
ชายหนุ่มสบถพรืด ก่อนจะควานหาเอาอาวุธที่อยู่ใกล้มือมาให้มากที่สุด สองหูเงี่ยฟังการปะทะกันที่รอบนอกแล้ววางแผนคร่าวๆ ในหัวอย่างรวดเร็ว
พานจื่อหลับตาลง สะบัดปลายกระบอกไปด้านหลังแล้วซัดกระสุนใส่ศัตรูที่ลอบเข้ามา ก่อนจะก้มตัวหลบแล้วพุ่งเข้าไปประชิดเอาปืนพกฟาดเปรี้ยงเข้าที่กกหู
ศพแล้วศพเล่าที่ร่วงหล่นตรงหน้า...เพราะหมายเอาชีวิตจึงถูกช่วงชิงชีวิต
...วันพรุ่งนี้ที่ไร้ความหมาย ชีวิตถัดไปอาจเป็นเขา
++++++
กลิ่นคาวเลือดไม่ได้ทำให้รู้สึกผะอืดผะอม แต่เขากลับไม่มีแรงที่จะขยับแม้แต่นิดเดียว ชายหนุ่มพิงร่างกับผ้าใบเนื้อหยาบอย่างอ่อนแรง จู่ๆ ก็มีเงาคนทอดผ่านหน้าเขาที่นั่งอยู่ตรงมุมเต็นท์ คนตรงหน้าถือเป็นชายหนุ่มร่างเล็กเมื่อเทียบกับเหล่าทหารเดนตายในค่าย แสงจ้าที่ย้อนมาจากด้านหลังทำให้เขาเห็นใบหน้านั้นได้ไม่ชัดเจน
"ชื่ออะไร?" คนคนนั้นถาม "ไม่กลับบ้านแบบคนอื่นเขาหรือไง?"
ชายหนุ่มกะพริบตาช้าๆ กับคำกล่าวนั้น พลันสำนึกขึ้นได้ว่าบรรยากาศรอบตัวได้เปลี่ยนไป ใครหลายคนถึงกับดีใจจนร้องไห้ที่จะได้กลับแผ่นดินเกิด คนเจ็บมากมายที่นอนรออยู่ก็เริ่มเห็นโอกาสรอด
สงครามจบแล้ว...คำคำนี้ของใครหลายคนคงเหมือนเกิดใหม่ แต่สำหรับเขา...มันคือการก้าวสู่ฝันร้ายที่ยิ่งลึกล้ำลงไปอีก
"ว่าไง...ชื่ออะไร"
"...พานจื่อ"
เสียงของเขาแหบต่ำเพราะขาดน้ำ ฟังแทบไม่รู้เรื่อง อีกฝ่ายจึงคุกเข่าลงมาจนใบหน้าเสมอกัน
"ไม่มีที่ไปหรือ?"
คำพูดนั้นฟังดูเย้ยหยันแต่พานจื่อกลับรู้สึกว่ามันคือความเข้าใจอย่างยิ่ง คนคนนั้นอัดบุหรี่เข้าปอดก่อนจะเป่าใส่หน้าเขาแรงๆ
"ฉันอยู่บ้านคนเดียว...จะถือว่าคนเดียวก็ได้ล่ะนะ" ชายหนุ่มยักไหล่ "กำลังคิดอยู่ว่าจะเลี้ยงหมาสักตัว...เอาที่ซื่อสัตย์และใช้งานได้"
เขารู้สึกหัวตื้อไปหมดกับคำพูดนั้นที่ฟังแล้วไม่เข้าใจ แต่อีกฝ่ายก็ไม่คิดจะอธิบายอะไรเพิ่มให้กระจ่างนอกจากคำพูดที่ยิ่งทำให้สับสนกว่าเดิม
"ฉันชื่ออู๋ซันเสิ่ง...ถ้าจะเป็นหมาของฉัน นายต้องฟังแต่ฉัน ทำเพื่อฉัน ปกป้องฉัน...แม้แต่ในความฝันก็ตาม"
ว่าจบ คนสกุลอู๋ก็ลุกขึ้นแล้วเดินออกไป
ซึ่งกว่าจะรู้ตัวอีกที...พานจื่อก็ก้าวตามคนคนนั้นไปแล้ว
'ปกป้องฉัน'
เสียงแผ่วเบาในความทรงจำซึ่งสะท้อนไปมาในความรู้สึก พานจื่อเลิกสนใจเรื่องชีวิตไปตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่ทราบ เขาเพียงแต่ต้องปกป้องคนคนนี้ก็เท่านั้น
กลิ่นคาวเลือดฉุนจมูกไม่ได้ทำให้เขาผะอืดผะอมเท่าไร...แต่กลิ่นไอพิษบ้านี่มันน่ารำคาญสิ้นดี เพราะอยากจะร้องเพลงให้คนสำคัญของพี่สามเป็นครั้งสุดท้ายก็ยังหายใจลำบากจนเจ็บไปทั้งอก
ภาพเงาเลือนลางของคนที่เขาต้องปกป้องแทนใครอีกคนลับหายไปสุดสายตา พานจื่อหลับตาลงช้าๆ และเนิ่นนาน
'ปกป้องฉัน'
ชายหนุ่มหัวเราะแผ่วเบา
"พี่สาม...ผมจะปกป้องพี่...แม้แต่ในความฝัน"
เสียงกัมปนาทเลื่องลั่นก่อนจะหายไปในความเงียบงันตลอดกาล...
::talk::
ของตอบแทนค่ะ อุฮิ
ตอนแรกเขียนฮัวเสียให้ไนร์ไว้นะ แต่โดนมินมินล้วงตับไปเมื่อคืน ยอมแพ้...เอาพานสามไปแทนละกัน ฟฟฟฟฟฟฟ
ไม่รู้ว่าตรงรีเควสไหม...แต่แว่บแรกที่อ่านคือคิดถึงเรื่องนี้เลย หวังว่าจะชอบนะจ๊ะ ; v ;
**ของขวัญพิเศษตอบแทนให้ซานต้าผู้น่ารักของเรา~
รีเควสข้อ5.ของไนร์ พานสาม แนวที่เคยพบกันในฝัน~**
กลิ่นคาวเลือดฉุนจมูกไม่ได้ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกผะอืดผะอม แต่เขากลับไม่อยากอาหารเลยสักนิดทั้งที่ควรจะหิวแทบไส้ขาด
หัวใจยังเต้น...ลมหายใจยังมี
แต่ความรู้สึกกลวงเปล่าที่กลางอกนั้น...ไม่ว่าอย่างไรก็ถมกลบมันไม่ได้เสียที
"ไอ้พานจื่อ!! กินเข้าสิวะ!"
ใครสักคนพยายามยัดเยียดชามอาหารที่เป็นอะไรสักอย่างคล้ายซุปเละๆ ที่รสชาติเลวสิ้นดีมาให้ หลังจากลองอยู่สองสามครั้งว่าเขาไม่สนใจจริงๆ ฝ่ายนั้นจึงละความพยายามไปในที่สุด
"มันเป็นอะไร?"
"...เห็นว่าเพื่อนมันโดนระเบิดขาดครึ่งตัว สุดท้าย...เลยขอให้มันช่วย"
"เหอะ...มีแต่เรื่องแบบนี้ ไอ้สงครามห่านี่เมื่อไหร่จะจบวะ"
"รบไปเพื่ออะไรยังไม่รู้เลย...ได้แต่นับวันตายอยู่ที่นี่แหละ"
"...เพื่อเอาชีวิตให้รอดไงวะ! แล้วจะได้กลับบ้านกัน!!"
พานจื่ออยากจะหัวเราะให้ดังลั่น คนอย่างพวกเขาไม่มีทางกลับไปใช้ชีวิตที่ 'บ้าน' ได้อีกต่อไป ความตายที่อบอวลอยู่รอบตัวทำให้แม้ในความฝันยังไม่มีภาพอันสวยงาม
วินาทีที่เขาลั่นไกตรงเข้าที่กลางหน้าผากเพื่อน...เขาก็ไม่รู้อีกต่อไปแล้วว่าชีวิตคืออะไร ที่เขายังหายใจอยู่ตอนนี้เพื่อสิ่งใด
ความจริงกับฝันร้ายหลอมรวมกันเป็นหนึ่งเดียวทั้งยามตื่นและหลับตา
เขากำลังต่อสู้ดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอด...ทั้งๆ ที่ชีวิตนี้มีอยู่จริงหรือไม่ เขาก็ยังตอบไม่ได้
++++++
ภาพฝันเลือนลางที่เต็มไปด้วยความตาย พานจื่อเห็นตัวเองวิ่งตามใครสักคนแทบเป็นแทบตาย แต่พอจะคว้าเอาไว้ได้...ร่างนั้นก็สลายไป
ซ้ำแล้วซ้ำเล่า...
'ปกป้องฉัน'
คำสั่งสั้นๆ ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกหายใจไม่ออก...พยายามจะไขว่คว้า แต่กลับหาไม่เจอ
ปกป้องอะไร? ปกป้องใคร?
เสียงกัมปนาทดังสั่นสะเทือนขึ้นมาฉับพลันพร้อมกับเสียงกรีดร้องโหยหวนลั่นระงม ชายหนุ่มลืมตาตื่น
ใครบางคนตะโกนบอกถึงการลอบโจมตี...ครั้งแล้วครั้งเล่า การรบแบบกองโจรในป่าดงดิบคือยุทธวิธีที่บั่นทอนกำลังพลและกำลังใจที่ดีที่สุด...เขาคว้าปืนขึ้นแล้ววิ่งออกไปเหนี่ยวไกอย่างไร้ความรู้สึก
ไอความร้อนจากระเบิดพุ่งเข้าเฉี่ยวใบหน้ากร้านศึก พานจื่อพลิกตัวหลบแรงปะทะนั้นได้อย่างฉิวเฉียดท่ามกลางความวินาศที่เกิดขึ้น
ชายหนุ่มสบถพรืด ก่อนจะควานหาเอาอาวุธที่อยู่ใกล้มือมาให้มากที่สุด สองหูเงี่ยฟังการปะทะกันที่รอบนอกแล้ววางแผนคร่าวๆ ในหัวอย่างรวดเร็ว
พานจื่อหลับตาลง สะบัดปลายกระบอกไปด้านหลังแล้วซัดกระสุนใส่ศัตรูที่ลอบเข้ามา ก่อนจะก้มตัวหลบแล้วพุ่งเข้าไปประชิดเอาปืนพกฟาดเปรี้ยงเข้าที่กกหู
ศพแล้วศพเล่าที่ร่วงหล่นตรงหน้า...เพราะหมายเอาชีวิตจึงถูกช่วงชิงชีวิต
...วันพรุ่งนี้ที่ไร้ความหมาย ชีวิตถัดไปอาจเป็นเขา
++++++
กลิ่นคาวเลือดไม่ได้ทำให้รู้สึกผะอืดผะอม แต่เขากลับไม่มีแรงที่จะขยับแม้แต่นิดเดียว ชายหนุ่มพิงร่างกับผ้าใบเนื้อหยาบอย่างอ่อนแรง จู่ๆ ก็มีเงาคนทอดผ่านหน้าเขาที่นั่งอยู่ตรงมุมเต็นท์ คนตรงหน้าถือเป็นชายหนุ่มร่างเล็กเมื่อเทียบกับเหล่าทหารเดนตายในค่าย แสงจ้าที่ย้อนมาจากด้านหลังทำให้เขาเห็นใบหน้านั้นได้ไม่ชัดเจน
"ชื่ออะไร?" คนคนนั้นถาม "ไม่กลับบ้านแบบคนอื่นเขาหรือไง?"
ชายหนุ่มกะพริบตาช้าๆ กับคำกล่าวนั้น พลันสำนึกขึ้นได้ว่าบรรยากาศรอบตัวได้เปลี่ยนไป ใครหลายคนถึงกับดีใจจนร้องไห้ที่จะได้กลับแผ่นดินเกิด คนเจ็บมากมายที่นอนรออยู่ก็เริ่มเห็นโอกาสรอด
สงครามจบแล้ว...คำคำนี้ของใครหลายคนคงเหมือนเกิดใหม่ แต่สำหรับเขา...มันคือการก้าวสู่ฝันร้ายที่ยิ่งลึกล้ำลงไปอีก
"ว่าไง...ชื่ออะไร"
"...พานจื่อ"
เสียงของเขาแหบต่ำเพราะขาดน้ำ ฟังแทบไม่รู้เรื่อง อีกฝ่ายจึงคุกเข่าลงมาจนใบหน้าเสมอกัน
"ไม่มีที่ไปหรือ?"
คำพูดนั้นฟังดูเย้ยหยันแต่พานจื่อกลับรู้สึกว่ามันคือความเข้าใจอย่างยิ่ง คนคนนั้นอัดบุหรี่เข้าปอดก่อนจะเป่าใส่หน้าเขาแรงๆ
"ฉันอยู่บ้านคนเดียว...จะถือว่าคนเดียวก็ได้ล่ะนะ" ชายหนุ่มยักไหล่ "กำลังคิดอยู่ว่าจะเลี้ยงหมาสักตัว...เอาที่ซื่อสัตย์และใช้งานได้"
เขารู้สึกหัวตื้อไปหมดกับคำพูดนั้นที่ฟังแล้วไม่เข้าใจ แต่อีกฝ่ายก็ไม่คิดจะอธิบายอะไรเพิ่มให้กระจ่างนอกจากคำพูดที่ยิ่งทำให้สับสนกว่าเดิม
"ฉันชื่ออู๋ซันเสิ่ง...ถ้าจะเป็นหมาของฉัน นายต้องฟังแต่ฉัน ทำเพื่อฉัน ปกป้องฉัน...แม้แต่ในความฝันก็ตาม"
ว่าจบ คนสกุลอู๋ก็ลุกขึ้นแล้วเดินออกไป
ซึ่งกว่าจะรู้ตัวอีกที...พานจื่อก็ก้าวตามคนคนนั้นไปแล้ว
'ปกป้องฉัน'
เสียงแผ่วเบาในความทรงจำซึ่งสะท้อนไปมาในความรู้สึก พานจื่อเลิกสนใจเรื่องชีวิตไปตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่ทราบ เขาเพียงแต่ต้องปกป้องคนคนนี้ก็เท่านั้น
กลิ่นคาวเลือดฉุนจมูกไม่ได้ทำให้เขาผะอืดผะอมเท่าไร...แต่กลิ่นไอพิษบ้านี่มันน่ารำคาญสิ้นดี เพราะอยากจะร้องเพลงให้คนสำคัญของพี่สามเป็นครั้งสุดท้ายก็ยังหายใจลำบากจนเจ็บไปทั้งอก
ภาพเงาเลือนลางของคนที่เขาต้องปกป้องแทนใครอีกคนลับหายไปสุดสายตา พานจื่อหลับตาลงช้าๆ และเนิ่นนาน
'ปกป้องฉัน'
ชายหนุ่มหัวเราะแผ่วเบา
"พี่สาม...ผมจะปกป้องพี่...แม้แต่ในความฝัน"
เสียงกัมปนาทเลื่องลั่นก่อนจะหายไปในความเงียบงันตลอดกาล...
::talk::
ของตอบแทนค่ะ อุฮิ
ตอนแรกเขียนฮัวเสียให้ไนร์ไว้นะ แต่โดนมินมินล้วงตับไปเมื่อคืน ยอมแพ้...เอาพานสามไปแทนละกัน ฟฟฟฟฟฟฟ
ไม่รู้ว่าตรงรีเควสไหม...แต่แว่บแรกที่อ่านคือคิดถึงเรื่องนี้เลย หวังว่าจะชอบนะจ๊ะ ; v ;
velvetronica- ด้วงสุสานใต้สมุทรทะเลซีซา
- จำนวนข้อความ : 100
Points : 3666
Join date : 08/11/2014
Similar topics
» [To my secret] maew3ta ♡
» [To my Secret] faliona01
» [To my secret] Holinesz*
» [To my Secret] BleuOnMine
» [To My Secret] Ak_Zokyo
» [To my Secret] faliona01
» [To my secret] Holinesz*
» [To my Secret] BleuOnMine
» [To My Secret] Ak_Zokyo
หน้า 1 จาก 1
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
|
|
Fri 24 Jul 2020, 01:39 by gustoon
» [คู่มือด้วง] Keyword จีนสำหรับการขุด(แฟนดอม)สุสาน
Thu 21 Jun 2018, 00:29 by miskizfullmoon
» มังฮวาและภาคทิเบต
Thu 21 Jun 2018, 00:23 by miskizfullmoon
» [OS] Father is the best (ผิงเสีย)
Thu 03 Aug 2017, 16:12 by schneewittchen
» [Fic] สิ่งเล็กๆที่เชื่อมโลก5 [เมินโหยวผิง+อู่เสีย+เสี่ยอ้วน]+OC
Tue 01 Aug 2017, 12:30 by natsume
» [OS] #dmbjdaily (จูปาจุ๊บ) Bittersweet [ผิงเสีย AU]
Thu 06 Apr 2017, 15:58 by Zeth
» [OS] #dmbjdaily "โทรศัพท์มือถือ" - no Pairing [All]
Tue 04 Apr 2017, 22:27 by Zeth
» [OS] #DMBJDaily (แว่น): ระยะที่มองไม่เห็น [ฮัวเสีย]
Sat 01 Apr 2017, 16:55 by Zeth
» [OS] #DMBJdaily (5.20) ท่านยอดฝีมือ [หวังเหมิง (+เหมิงเสีย)(+ผิงเสีย)]
Thu 30 Mar 2017, 17:24 by Zeth