Countdown
We've been
togerther for
ค้นหา
Latest topics
Most active topics
[OS] "ทางสองเส้น" (ผิง*เสีย) (PG)
+2
sinnerdarker
heikitsune
6 posters
หน้า 1 จาก 1
[OS] "ทางสองเส้น" (ผิง*เสีย) (PG)
DMBJ One-Short Fiction] “ทางสองเส้น” (ผิง*เสีย)
By : จิ้งจอกแดงสกุลเฮย…
____________
เป็นไปไม่ได้ที่คนบนโลกจะมีเส้นทางเดินของชีวิตเป็นทางเดียวกัน…
พวกเราทุกคนแตกต่างกัน เส้นทางของพวกเราก็ย่อมต่างกัน
คนนั้นไปทางซ้าย คนนี้ไปทางขวา เส้นทางของคนนั้นช่างสุขสบาย เส้นทางของคนนี้ช่างเต็มไปด้วยอันตราย
การที่คนสองคนมาพบกัน มันก็แค่เป็นจุดตัดของเส้นทางที่บังเอิญมาทับกัน….ซักวันก็ต้องแยกกันไป ไม่ว่าเร็วหรือช้า
แต่ถึงกระนั้น เขาก็ยังแอบหวัง…..จะมีซักวันที่เส้นทางชีวิตของเขาและเมินโหยวผิงจะเป็นทางเดียวกัน
ปกติแล้วนายน้อยสามแห่งตระกูลอู๋ “เทียนเจินอู๋เสีย” ไม่ใช่คนขี้หงุดหงิดขี้โวยวายอะไรนัก….แต่บางสถานการณ์มันก็เป็นอะไรที่สุดจะทนจริงๆ
“พ่องตาย!!! เชี่ยแม่!!! ไอ้เวรตะไลเอ้ย!!!!!!!!” เสียงด่าหยาบชนิดที่ไม่ควรให้เด็กน้อยคนไหนในโลกได้ยินเลยทั้งสิ้นดังลั่นสั่นสะเทือนไปถึงสามบ้านเจ็ดบ้านที่อยู่ในอาณาบริเวณใกล้เคียงกับเคหสถานสกุลอู๋ พอบวกเข้ากับเสียงฟ้าร้องครืนคราง เสียงฟ้าผ่าจากที่ไกลๆไล่เข้าใกล้มาเรื่อยๆและเสียงห่าฝนสาดกระทบหลังคากระเบื้องและบานหน้าต่างแล้วยิ่งทวีความหนวกหูหนักขึ้นเป็นเท่าตัว
แม้ใครหลายคนจะคุ้นชินกับการที่อู๋เสียมักแหกปากโวยวายสบถด่าในสถานการณ์เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายในสถานที่สุดอันตรายอย่างสุสานโบราณ ทะเลทรายร้อนระอุหรือป่าดงดิบ แต่อย่างที่พูดไปตอนต้น ที่นี่คือเรื่อนเล็กหลังหนึ่งที่ชายหนุ่มยึดมาเป็นบ้านส่วนตัว ไม่ใช่สถานที่สุดแสนอันตรายอันเต็มไปด้วยกับดัก ด้วงศพ บ๊ะจ่างพันปีหรือศพโลหิต แต่เป็นอาณาบริเวณของบ้านสกุลอู๋ ดังนั้นคนที่กำลังโดนด่ากราดสาปแช่งไปยันโคตรเหง้าบรรพบุรุษนั้นจึงไม่ใช่ทั้งพญาด้วงศพ บ๊ะจ่างสาว ผีแม่ย่า งูเทพอัสนีแดงหรือภูตพญามารตัวไหน
แต่เป็นการไฟฟ้าเมืองหังโจว……
เหตุเพราะพายุฝนลูกใหญ่ที่อยู่ดีๆก็พัดเข้าถล่มเมืองอย่างรุนแรงโดยไม่มีการส่งสัญญาณมาบอกกล่าว หรือแจ้งเตือนล่วงหน้ากันเลยซักนิด ส่งผลให้ไม่ว่าจะเป็นทางการของเมืองหรือชาวบ้านไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจรับมือกับพายุลูกใหญ่นี้ลูกนี้ ส่วนผลที่ออกมา…ก็เป็นอย่างที่เห็น ถนนหน้าบ้านถูกน้ำฝนที่ระบายลงท่อประปาไม่ทันท่วมขังกลายเป็นเหมือนลำธารสายหนึ่ง กะด้วยสายตาคร่าวๆแล้วระดับน้ำน่าจะอยู่ประมาณใต้เข่า เคราะห์ซ้ำกรรมซัดเข้าไปอีกเมื่อไม่กี่สิบนาทีก่อนหน้านี้สายฟ้าสายหนึ่งฟาดผ่าเข้าที่หม้อแปลงไฟฟ้าซักหม้อที่อยู่ใกล้ๆกับแถวนี้ เล่นเอาหม้อแปลงโชคร้ายถูกระเบิดและสิ้นชีพไปในเวลางาน แน่นอน เมื่อไม่มีหม้อแปลงไฟย่อมไม่มีไฟฟ้า แถวนี้จึงกลายเป็นอาณาจักรมืดโดยสมบูรณ์แบบ นี่ถ้าไม่ติดว่าหังโจวเองก็เป็นหนึ่งในมหานครของประเทศจีน เขาคงจะโคตรหวาดระแวงเลยว่าที่ด้านนอกอันมืดมิดและเฉอะแฉะนั่นจะมีงูเหลือมตัวใหญ่ยักษ์มหึมาระดับเดียวกับทีปรากฏในหนังฮอลลีวู้ดเลื้อยเที่ยวเล่นอยู่หรือเปล่า
“การไฟฟ้าเวร!!! ไม่สิ…ไอ้กรมอุตุนิยมวิทยาเวร!!! พายุจะเข้าก็ไม่รู้จักบอก!! ขอให้งูเทพอัสนีแดงบุกเข้าบ้านแก!!” อู๋เสียสาปแช่งไปพลางเดินลงส้นโครมๆขึ้นบันไดไปชั้นสองแล้วกระชากหน้าต่างบานหนึ่งให้เปิดออกโดยไม่แคร์ไม่สนว่าลมพายุหนาวชื้นนั้นจะพาละอองฝนสาดเข้ามาในบ้านจนพื้นเปียกหรือไม่
โชคดีอย่างแรกของเขาคือบ้านหลังนี้อยู่ไกลจากเรือนใหญ่อันเป็นที่พักอาศัยของผู้เป็นบิดาและอารองพอสมควร ดังนั้นไม่ว่าจะแผดเสียงโวยวายสะเทือนฟ้าสะท้านดินแค่ไหนก็ไม่ต้องเสี่ยงกับการโดนร่อนสันหนังสืออัดเข้ากลางหน้าจนต้องนอนเลือดกำเดากลบหน้า โชคดีอย่างที่สองคือที่นี่มีไฟฉายกองเป็นภูเขาสูงท่วมหัวอยู่และยังมีเทียนไขอีกหลายสิบลังให้ใช้กันแบบไม่รู้จักหมดจักสิ้น เรื่องแสงสว่างจึงไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป
แต่โชคร้ายก็คือ เขาดันเอาเครื่องทำความเย็นเพียงอย่างเดียวอย่างพัดไปเก็บไว้ไหนหมดก็ไม่รู้ ตอนนี้เขาร้อนจนตับจะสุกแล้ว!!!
ใช่ ที่อู๋เสียหงุดหงิดไม่ใช่เพราะเขากำลังใช้คอมพิวเตอร์โหลดนั่งโป๊อยู่แล้วไฟมาบังเอิญดับ(ความจริงแล้วคือเขากำลังโหลดเกมออนไลน์ที่เสี่ยวฮัวตื๊อให้เล่นอยู่ แต่เขาไม่ได้ซีเรียสอะไรกับเรื่องนั้น จะโหลดใหม่ก็ไม่เสียหาย ช้าเร็วไม่คิดมาก) แต่เขากำลังจะบ้าเพราะอากาศร้อนอบอ้าวที่ไร้ทางเข้าและออก ได้แต่วนเวียนอยู่ในบ้านต่างหาก
“แม่ง ไฟดับ พัดหายหมดบ้าน นี่ฉันทำเวรทำกรรมอะไรไว้เยอะแยะนักหรือไง เปิดหน้าต่างไว้แบบนี้เดี๋ยวต้องมาเช็ด เหอ!?” ขณะที่กำลังจะผละออกจากบานหน้าต่างที่ถูกเปิดออกอย่างโหดร้ายทารุณ สายตาเจ้ากรรมที่ไม่เคยจะดีในเวลาที่สมควรดีกลับสังเกตเห็นเงาดำตะคุ่มเงาหนึ่งยื่นสงบนิ่งอยู่ที่หน้าบ้านของเขาราวกับว่าไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับพายุเลย
สมองของอู๋เสียวิ่งเร็วปรื๋อ ประมวนผลทันทีว่าไอ้เงานั่นควรจะเป็นตัวอะไร
คน? โจร? คนร้ายลักพาตัว? ผี? ผีแม่ย่า? บ๊ะจ่าง? ไส้อะไร? ….ไม่ใช่แล้วโว้ยอู๋เสีย!!!!!!!
เวลาหน้าสิ่งหน้าขวายังจะมาเล่นมุขเรอะ ว่าแล้วมือที่กลับมาขาวนวลดังเดิมเพราะหมกตัวอยู่แต่ที่บ้านกับร้าน วันๆรบรากับกองหนังสือและตัวอักษรซัดป้าบเข้าที่ศีรษะของตัวเองแรงๆหนึ่งทีเรียกสติให้กลับมาใหม่
โอเค มันจะเป็นอะไรก็ช่างมารดามันเถอะ แต่ถ้ามันมาร้ายล่ะ จะทำอย่างไรดี
หนึ่ง โทรหานายอ้วน…มันจะมาช่วยอะไรเขาในตอนนี้ได้วะ
สอง โทรหาเสี่ยวฮัว…นั่นก็ร้องงิ้วอยู่ปักกิ่ง กว่าจะมาถึงบ้านเขา ตอนนั้นเขาคงนอนอมมุกสบายใจอยู่ในโลงติดแอร์แล้ว
สาม โทรหานายแว่นดำ…นี่ก็ติดต่อตามตัวได้ยากเกิ้น! ว่าแต่…ไหงมีไอ้หมอนี่อยู่ในลิสต์คนผู้ช่วยเหลือในสมองเขาด้วยวะ!?
สุดท้ายตนก็เป็นที่พึ่งแห่งตน อู๋เสียย่องลงกลับมาที่ชั้นหนึ่งอย่างเงียบเชียบ คว้าไฟฉายเหมืองกระบอกใหญ่และมีดอีโต้ทื่อๆจากในครัวมาไว้เป็นอาวุธ เขาทำใจกล้าเปิดประตูผางและยิงคำถามใส่เจ้าเงาปริศนาทันที
“นั่นใคร!!”
น่าเศร้ายิ่งนัก ทั้งที่ตั้งใจว่าจะตวาดกร้าวเสียงแข็งคุมเชิงทางนั้นไว้ แต่เสียงที่หลุดออกมาจากคอของเขากลับแหบพร่าและสั่นอย่างน่าสมเพชเวทนาที่สุด ทำไมหนอ ความกล้าในตัวเขามันถึงมีได้ไม่ถึงครึ่งของนายอ้วนหรือนายแว่นดำเลย…….แล้วตกลงว่าทำไมในสมองเขาถึงบรรจุนายแว่นดำไว้ในรายชื่อคนสนิทใกล้ตัวด้วยวะ!?!!
ดูเหมือนเงานั่นจะได้ยินคำถามของเขา มันเคลื่อนเข้ามาอยู่ในระยะที่แสงจากไฟฉายส่องถึง ไม่ประชิดเข้าใกล้ทันที แสดงว่าถ้าไม่มองเห็นอีโต้ในมือเขาก็น่าจะตระหนักชายหนุ่มอาจตบมันกระเด็นได้
ทันทีที่ได้เห็นใบหน้าซึ่งล้อมกรอบด้วยเรือนผมสีดำมะเมื่อมเปียกชุ่มลู่ติดหน้า กางเกงยีนส์เก่าโทรมและเสื้อฮู้ดสีกรมท่าตัวเก่ง อู๋เสียก็ช็อกสนิท รู้ในทันควันว่าตัวตนที่แท้จริงของเงานั่นคือ
“เสี่ยวเกอ!!!” ไม่แหกปากเรียกเปล่าๆ เขารีบฉุดคนที่เอาแต่ยืนเป็นรูปปั้นหินกลางพายุให้เข้ามาในบ้านทันที ไม่งั้นวันพรุ่งนี้เงินอาจจะได้บินออกจากกระเป๋าเขาเพื่อจ่ายค่ารักษาพยาบาลนายคนนี้ที่เสี่ยงต่อการป่วยเป็นปอดบวมยิ่งนัก
“อยู่นี่! ห้ามขยับ ห้ามวาร์ปหายตัวไปไหน!!” เสี่ยวเกอ ชื่อจริงคือจางฉี่หลิง ชื่อเล่นที่อู๋เสียตั้งเองและเรียกเอง(แค่ในใจ)ว่าเมินโหยวผิงพยักหน้าเงียบๆ ยืนทื่ออยู่กับที่มองอู๋เสียโยนไฟฉายเหมืองกับอีโต้ในมือทิ้งบนโต๊ะรกๆแถวนั้นก่อนกระโจนขึ้นบันไดไปชั้นสอง คุ้ยเอาเสื้อผ้าของอีกฝ่ายอันได้แก่บ็อกเซอร์สีเข้มกับเสื้อยืดสีขาวลายลูกเจี๊ยบน่ารักแอ๊บแบ๊ว สมทบด้วยผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่และผ้าห่มที่หนาที่สุดที่มีในบ้าน หอบทุกสิ่งไว้ในอ้อมแขนแล้วพุ่งลงมา กระโดดข้ามขั้นบันไดที่ละสองขั้น
เมื่อกลับมาเมินโหยวผิงยังคงยืนที่เดิม ก้มหน้ามองหยดน้ำที่หยดลงจากเสื้อผ้าของตัวเองแล้วเอ่อนองที่พื้นกลายเป็นแอ่งน้ำเล็กๆ
“อู๋เสีย พื้นเปียก ขอโทษ” ร่างสูงพูดเสียงแผ่วก่อนเงยหน้าขึ้นสบตาอีกฝ่ายเมื่อรับรู้ถึงความเคลื่อนไหวที่เข้ามาใกล้ ยามเมื่อจ้องลึกเข้าในดวงตาสีน้ำหมึกคู่นั้นแล้ว อู๋เสียรู้สึกเหมือนกำลังมองแมวตัวใหญ่ที่กลัวเจ้าของโกรธอย่างไรอย่างนั้น
“ช่างมันเถอะ ไปเปลี่ยนเช็ดตัว เปลี่ยนเสื้อผ้า ฉันจะไปเอาผ้าเช็ดพื้น” เขาตอบพลางยัดผ้าขนหนูและชุดสำหรับเปลี่ยนให้อีกฝ่าย ระหว่างเดินไปหาผ้ามาเช็ดพื้นก็โยนผ้านวมไว้ที่โซฟายาวก่อน
ครั้นพอเดินกลับมา….
“เสี่ยวเกอ!!! ทำไมมาเปลี่ยนเสื้อผ้ากลางห้องนั่งเล่น!!” เสียงตวาดแหวดังลั่น ผ้าขี้ริ้วในมือร่วงจากมือ ใบหน้าติดหวานเล็กน้อยแดงก่ำเป็นมะเขือเทศสุกงอม เขารีบเบือนหน้าหนีไปอีกทางทันที เมื่อเห็นร่างสูงที่ใส่เสื้อยืดแล้วแต่ยังไม่ได้ใส่กางเกงยืนอยู่กลางห้องนั่งเล่น
“เปลี่ยนเสื้อผ้าตรงนั้นไม่ได้” ตรงนี้ก็ไม่ได้ว้อย!!!!
ไม่รู้ว่าไม่รู้สึกหรือไม่ใส่ใจ เมินโหยวผิงซึ่งจัดการใส่กางเกงเรียบร้อยแล้วเดินมาคว้าผ้าขี้ริ้วที่ตกอยู่ที่เท้าของอู๋เสีย ก้าวยาวๆกลับไปที่ทางเดินคงจะไปเช็ดน้ำที่นองเมื่อครู่
อู๋เสียถอนหายใจพรืด ทรุดตัวลงนั่งกับโซฟา เอาหน้าที่ยังร้อนผ่าวมุดกับผ้านวมที่ซึ่งตอนแรกตั้งใจจะให้นายเมินโหยวผิงห่มตัวเพื่อสร้างความอบอุ่น แต่ตอนนี้ขอยืมเป็นที่ปิดหน้าทำใจให้เย็นซักครู่นะ
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน เพราะสัมผัสได้ว่าที่นั่งข้างๆตัวเองยุบลงไปอู่เสียจึงค่อยๆเงยหน้าขึ้นจากผ้านวม ยังไม่ทันได้หันไปมองหน้าคนที่หย่อนก้นลงนั่งข้างๆ สองแขนก็ตวัดรอบตัวอู๋เสียเข้ามากอด ให้หน้าซบลงกับแผงอกแกร่งส่วนใบหน้าหล่อคมคายของเจ้าตัวซุกลงกับไหล่ลาด
“กลับมาแล้ว อู๋เสีย” เสียงทุ้มนุ่มกระซิบแผ่ว ลมหายใจร้อนระอุเป่ารดข้างหูชวนให้รู้สึกจั๊กจี้สุดๆ ใบหน้าที่กลับมาเป็นสีเดิมพลันเปลี่ยนเป็นสีแดงอีก แต่ครั้งนี้เขากลับเผลอระบายรอยยิ้มกว้างโดยอัตโนมัติ
“เป็นอย่างไรบ้าง คว่ำกรวยรอบนี้”
“เหมือนเดิม” รอยยิ้มหายไปสิ้นเมื่อได้คำตอบแบบเดิมๆรอบที่ล้านสามกลับมา นายน้อยสามทำหน้ายู่แบบเด็กๆพลางตีไหล่อีกฝ่ายเบาๆ คนอะไรไปผจญภัยตั้งหลายวันแต่ไม่คิดจะเล่าอะไรให้ฟังบ้างเลย
….แต่ก็เอาเถอะ ก็นายนี่คือเมินโหยวผิงนี่นา
“รอบหน้าฉันน่าจะไปกับนาย จะได้กลับบ้านพร้อมกัน นายจะได้ไม่ต้องมายืนด้อมๆมองๆหน้าบ้านให้ฉันเข้าใจผิดว่าเป็นบ๊ะจ่างตามมาล้างแค้นหรือเปล่า เหวออ!!” พูดๆอยู่ดีๆร่างสูงก็โถมน้ำหนักลงทับร่างที่ตอนนี้บอบบางกว่าตนแล้ว นัยน์ตาคมดุจตาเหยี่ยวจ้องลึกเข้าในดวงตากลมโตสีน้ำตาลเข้มแต่ไม่ถึงกับดำสนิทของคนพูด อ้อมกอดหลวมๆกลายเป็นอ้อมกอดรัดแน่นจนแทบหายใจไม่ออก อู๋เสียต้องตีไหล่กว้างหลายๆทีเตือนไม่ให้เมินโหยวผิงรัดเขาแน่นจนกระดูกหักสี่ท่อน
“นายอยู่นี่…ดีแล้ว” น้ำเสียงราบเรียบไม่เปลี่ยนแปลงแต่สิ่งที่สะท้อนในแววตาคือความเด็ดเดี่ยวมั่นคง
ก่อนหน้านี้เมินโหยวผิงเคยสั่งว่าไม่ให้อู๋เสียออกไปคว่ำกรวยเสี่ยงอันตรายอีก ทุกครั้งที่เขาออกไปคว่ำกรวยจะเป็นคนเอาวัตถุโบราณมีค่าติดมือกลับมาให้อีกฝ่ายไปขายทอดต่อเอาเงินมาใช้เอง
แต่ไม่ว่าจะคิดอย่างไร มองมุมไหน อู๋เสียก็รู้สึกเหมือนตัวเองเอาเปรียบอีกฝ่ายอยู่
“นั่งๆนอนๆอยู่เฉยๆแบบนี้ฉันรู้สึกเหมือนกินแรงนาย งื้อ!” ริมฝีปากบางทาบทับปิดปากคนช่างพูด คำบ่นจำนวนมากมายนับไม่ถ้วนที่ตกค้างในปากถูกกลืนหายเข้าลำคอไป ส่วนที่ตกค้างอยู่ในสมองก็โดนลบทิ้งไม่เหลือเลยซักคำเมื่อจูบคราแรกที่อ่อนหวานค่อยเริ่มทวีความร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ ลิ้นร้อนกวาดสำรวจเก็บเกี่ยวความหวานที่แสนโหยหาอย่างกระหายก่อนจะเข้าพันเกี่ยวหยอกล้อลิ้นนุ่ม มือข้างหนึ่งเกาะเกี่ยวรั้งเอวบางให้สะโพกแนบชิดติดกัน มืออีกข้างก็ซุกซนลวนลามลูบไล้ผิวขาวใต้เสื้อยืดตัวโคร่ง
“ฮื้อ ฮ้า! เสี่ยวเกอ!! ใจคอนายจะให้ฉันขาดอากาศหายใจตายเหรอ!!” อู๋เสียว่าคนชอบฉวยโอกาสพลางโกยออกซิเจนเข้าปอดให้มากที่สุดชดเชยกับที่ถูกดูดจากจูบดูดดื่มเมื่อครู่ไป มือเรียวก็ทุบอกอีกฝ่ายรัวๆ
“อืม….” เมินโหยวผิงครางในลำคอ ทำท่าเหมือนครุ่นคิดอะไรอย่างหนัก ในที่สุดก็เลิกคิดแล้วทิ้งตัวลงนอนข้างร่างบาง ตวัดแขนโอบกอดไม่ให้หนีไปไหน ดวงตาปรือปิดลงบอกกลายๆว่าจะนอนแล้ว
“ใต้เท้าจางฉี่หลิงขอรับ…” จูบลูบไล้เสร็จแล้วดันผ่าจะมานอน จะเอาอย่างไรกันแน่!?
“ฉันเหนื่อย พรุ่งนี้ค่อยทำ” อธิบายเสร็จก็หอมแก้มนิ่มเข้าหนึ่งฟอดใหญ่ มือหนากดใบหน้าน่ารักให้ซบลงที่ไหล่ของตนเองบ้าง ผ้าห่มผืนหนาถูกยกขึ้นห่มทั้งคู่ ห่มสูงมิดจนถึงคออู๋เสีย
“เอ่อ ร้อน” นายอาจจะหนาวเพราะตากฝนแต่ฉันโคตรร้อน!!
“คิดถึง คืนนี้นอนด้วยกันนะ”
“….โอเค ไม่ร้อนแล้วก็ได้” ยอมแพ้…ประโยคหวานๆประโยคเดียวก็เพียงพอที่จะทำให้อู๋เสียหมดความรู้สึกร้อนไปโดยสิ้น
อู๋เสียยังนอนไม่หลับ เขาเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าที่ดูดีเกินมนุษย์ของเมินโหยวผิง ใบหน้าที่ทั้งขาว หล่อ ดูดีไปเสียทุกด้านทุกมุมราวกับรูปสลักของจิตกรเอก เส้นผมดำระคอยิ่งขับเน้นความขาวของใบหน้านั้นให้มากขึ้นเป็นทวีคูณ เขาอดใจไม่อยู่ยกมือขึ้นลูบไล้เส้นผมนิ่มเหมือนไหมนั่นลากไล้ลงมาตามกรอบหน้าลงมาถึงลำคอ
ขณะอยู่ในห้วงภวังค์เหม่อ เขาเผลอพึมพำออกมาเบาๆกับตัวเอง
“นี่…ฉันเดินไปในเส้นทางเดียวกับนายไม่ได้จริงๆเหรอ”
“ไม่ได้” อ้าวเฮ้ยมันยังไม่หลับ! ตอบแบบไม่ลืมตาอีกต่างหาก
“เชอะ!”
“อู๋เสีย…นายแค่อยู่นี่ รอฉันกลับมาก็พอ” คนยื่่นคำสั่งห้ามโดยเด็ดขาดพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงที่ต่างไปจากทุกครั้ง น้ำเสียงที่ไร้ความหนักแน่น สั่นเครือคล้ายหวาดกลัวบางสิ่งอย่างหนัก คิ้วเรียวทั้งสองขมวดเข้าหากัน ราวกับว่าใต้เปลือกตาที่ปิดอยู่นั้นเมินโหยวผิงกำลังเห็นภาพน่ากลัวน่าสยดสยองบางอย่า
นายเห็นอะไร?
“ถ้านายตามไป ฉันกลัว…กลัวว่าถ้าปกป้องนายไม่ได้ นายจะเป็นอะไรไป” เสียงทุ้มเฉลยก่อนที่เขาจะได้ถาม อ้อมกอดรัดแน่นขึ้นอีกเล็กน้อย ริมฝีปากไล่จูบตั้งแต่หน้าผากมนมาที่สันจมูก พวงแก้มและปิดท้ายด้วยที่ริมฝีปาก คลอเคลียพัวพันไม่ยอมปล่อย
“ถ้าวันไหนฉันกลับมาแล้วไม่เจอนาย….ฉันไม่รู้จะอยู่ต่อไปอย่างไรนะ อู๋เสีย” กระซิบออดอ้อนกับริมฝีปากหวานฉ่ำแล้วจูบหนักๆหนึ่งทีเป็นการปิดท้ายและยืนยัน
ในที่สุด…อู๋เสียก็ใจอ่อน ยอมตามใจอีกฝ่ายอีกตามเคย
“โอเค งั้นฉันจะรอ……รอจนถึงวันที่นายเกษียนตัวเองมานั่งๆนอนๆกับฉันซักที”
“อืม….รอหน่อยนะ อู๋เสีย” เมินโหยวผิงงึมงำในลำคอ ซุกหน้าลงกับเรือนผมหอมกรุ่น ลมหายใจเนิบช้าเป็นจังหวะสม่ำเสมอ จากคนที่ไม่เคยนอนหลับสนิทได้ในแต่ละคืน ตอนนี้เมื่อมีคนที่รักที่สุดอยู่ในอ้อมกอดแน่นซึ่งมั่นใจว่าไม่มีทางหนีหายจากไปไหนได้โดยแน่ เมินโหยวผิงหลับสนิทที่สุดเป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือน
อู๋เสียทอดสายตามองแมวตัวใหญ่ของตัวเองที่นิ่งผล็อยหลับไปแล้วซักครู่ก่อนจะขยับจัดท่านอนของตัวเองเล็กน้อย จมดิ่งลงสู่ห้วงนิทราตามไปในเกือจะทันทีที่ดวงตาปิดลง
ไม่จำเป็นต้องรีบหรอก
ไม่จำเป็นต้องเป็นวันนี้ พรุ่งนี้ หรือเร็วๆนี้ก็ได้
ใช่แล้ว อาจจะมีซักวัน ซักวันที่ทางสองเส้นมารวมกันเป็นเส้นเดียว เพียงแต่จะเร็วหรือช้า…ก็เท่านั้น
(Maybe) To be Continue…. “ทางสองเส้น(0.5)” (ฮัว*เสีย)
[FIN] (30.10.2014)
(ทอล์คเล็กน้อย : ฟิคเต้ามู่รายวันกลายเป็นฟิคเพลงรายวันจริงๆแล้ว /me ทรุดตัวลงร้องไห้ ฟิคเรื่องนี้เลทนรกเพราะเมื่อวานคอมดับกลางทางค่ะ จะแต่งใหม่หัวก็ไม่แล่นแล้ว TTwTT เลยต้องยกยอดมารวมกับของวันนี้ ฮรือออออออออ เช่นเคยค่ะ ฟิคเรื่องนี้ก็ได้พล็อตมาจากเพลง(อีกแล้ว) ที่เราเจอมันเป็นFan Made MVเลยไม่รู้ว่าเพลงที่จริงแล้วมาจากเรื่องอะไร #แย่)
By : จิ้งจอกแดงสกุลเฮย…
____________
เป็นไปไม่ได้ที่คนบนโลกจะมีเส้นทางเดินของชีวิตเป็นทางเดียวกัน…
พวกเราทุกคนแตกต่างกัน เส้นทางของพวกเราก็ย่อมต่างกัน
คนนั้นไปทางซ้าย คนนี้ไปทางขวา เส้นทางของคนนั้นช่างสุขสบาย เส้นทางของคนนี้ช่างเต็มไปด้วยอันตราย
การที่คนสองคนมาพบกัน มันก็แค่เป็นจุดตัดของเส้นทางที่บังเอิญมาทับกัน….ซักวันก็ต้องแยกกันไป ไม่ว่าเร็วหรือช้า
แต่ถึงกระนั้น เขาก็ยังแอบหวัง…..จะมีซักวันที่เส้นทางชีวิตของเขาและเมินโหยวผิงจะเป็นทางเดียวกัน
ปกติแล้วนายน้อยสามแห่งตระกูลอู๋ “
“พ่องตาย!!! เชี่ยแม่!!! ไอ้เวรตะไลเอ้ย!!!!!!!!” เสียงด่าหยาบชนิดที่ไม่ควรให้เด็กน้อยคนไหนในโลกได้ยินเลยทั้งสิ้นดังลั่นสั่นสะเทือนไปถึงสามบ้านเจ็ดบ้านที่อยู่ในอาณาบริเวณใกล้เคียงกับเคหสถานสกุลอู๋ พอบวกเข้ากับเสียงฟ้าร้องครืนคราง เสียงฟ้าผ่าจากที่ไกลๆไล่เข้าใกล้มาเรื่อยๆและเสียงห่าฝนสาดกระทบหลังคากระเบื้องและบานหน้าต่างแล้วยิ่งทวีความหนวกหูหนักขึ้นเป็นเท่าตัว
แม้ใครหลายคนจะคุ้นชินกับการที่อู๋เสียมักแหกปากโวยวายสบถด่าในสถานการณ์เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายในสถานที่สุดอันตรายอย่างสุสานโบราณ ทะเลทรายร้อนระอุหรือป่าดงดิบ แต่อย่างที่พูดไปตอนต้น ที่นี่คือเรื่อนเล็กหลังหนึ่งที่ชายหนุ่มยึดมาเป็นบ้านส่วนตัว ไม่ใช่สถานที่สุดแสนอันตรายอันเต็มไปด้วยกับดัก ด้วงศพ บ๊ะจ่างพันปีหรือศพโลหิต แต่เป็นอาณาบริเวณของบ้านสกุลอู๋ ดังนั้นคนที่กำลังโดนด่ากราดสาปแช่งไปยันโคตรเหง้าบรรพบุรุษนั้นจึงไม่ใช่ทั้งพญาด้วงศพ บ๊ะจ่างสาว ผีแม่ย่า งูเทพอัสนีแดงหรือภูตพญามารตัวไหน
แต่เป็นการไฟฟ้าเมืองหังโจว……
เหตุเพราะพายุฝนลูกใหญ่ที่อยู่ดีๆก็พัดเข้าถล่มเมืองอย่างรุนแรงโดยไม่มีการส่งสัญญาณมาบอกกล่าว หรือแจ้งเตือนล่วงหน้ากันเลยซักนิด ส่งผลให้ไม่ว่าจะเป็นทางการของเมืองหรือชาวบ้านไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจรับมือกับพายุลูกใหญ่นี้ลูกนี้ ส่วนผลที่ออกมา…ก็เป็นอย่างที่เห็น ถนนหน้าบ้านถูกน้ำฝนที่ระบายลงท่อประปาไม่ทันท่วมขังกลายเป็นเหมือนลำธารสายหนึ่ง กะด้วยสายตาคร่าวๆแล้วระดับน้ำน่าจะอยู่ประมาณใต้เข่า เคราะห์ซ้ำกรรมซัดเข้าไปอีกเมื่อไม่กี่สิบนาทีก่อนหน้านี้สายฟ้าสายหนึ่งฟาดผ่าเข้าที่หม้อแปลงไฟฟ้าซักหม้อที่อยู่ใกล้ๆกับแถวนี้ เล่นเอาหม้อแปลงโชคร้ายถูกระเบิดและสิ้นชีพไปในเวลางาน แน่นอน เมื่อไม่มีหม้อแปลงไฟย่อมไม่มีไฟฟ้า แถวนี้จึงกลายเป็นอาณาจักรมืดโดยสมบูรณ์แบบ นี่ถ้าไม่ติดว่าหังโจวเองก็เป็นหนึ่งในมหานครของประเทศจีน เขาคงจะโคตรหวาดระแวงเลยว่าที่ด้านนอกอันมืดมิดและเฉอะแฉะนั่นจะมีงูเหลือมตัวใหญ่ยักษ์มหึมาระดับเดียวกับทีปรากฏในหนังฮอลลีวู้ดเลื้อยเที่ยวเล่นอยู่หรือเปล่า
“การไฟฟ้าเวร!!! ไม่สิ…ไอ้กรมอุตุนิยมวิทยาเวร!!! พายุจะเข้าก็ไม่รู้จักบอก!! ขอให้งูเทพอัสนีแดงบุกเข้าบ้านแก!!” อู๋เสียสาปแช่งไปพลางเดินลงส้นโครมๆขึ้นบันไดไปชั้นสองแล้วกระชากหน้าต่างบานหนึ่งให้เปิดออกโดยไม่แคร์ไม่สนว่าลมพายุหนาวชื้นนั้นจะพาละอองฝนสาดเข้ามาในบ้านจนพื้นเปียกหรือไม่
โชคดีอย่างแรกของเขาคือบ้านหลังนี้อยู่ไกลจากเรือนใหญ่อันเป็นที่พักอาศัยของผู้เป็นบิดาและอารองพอสมควร ดังนั้นไม่ว่าจะแผดเสียงโวยวายสะเทือนฟ้าสะท้านดินแค่ไหนก็ไม่ต้องเสี่ยงกับการโดนร่อนสันหนังสืออัดเข้ากลางหน้าจนต้องนอนเลือดกำเดากลบหน้า โชคดีอย่างที่สองคือที่นี่มีไฟฉายกองเป็นภูเขาสูงท่วมหัวอยู่และยังมีเทียนไขอีกหลายสิบลังให้ใช้กันแบบไม่รู้จักหมดจักสิ้น เรื่องแสงสว่างจึงไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป
แต่โชคร้ายก็คือ เขาดันเอาเครื่องทำความเย็นเพียงอย่างเดียวอย่างพัดไปเก็บไว้ไหนหมดก็ไม่รู้ ตอนนี้เขาร้อนจนตับจะสุกแล้ว!!!
ใช่ ที่อู๋เสียหงุดหงิดไม่ใช่เพราะเขากำลังใช้คอมพิวเตอร์โหลดนั่งโป๊อยู่แล้วไฟมาบังเอิญดับ(ความจริงแล้วคือเขากำลังโหลดเกมออนไลน์ที่เสี่ยวฮัวตื๊อให้เล่นอยู่ แต่เขาไม่ได้ซีเรียสอะไรกับเรื่องนั้น จะโหลดใหม่ก็ไม่เสียหาย ช้าเร็วไม่คิดมาก) แต่เขากำลังจะบ้าเพราะอากาศร้อนอบอ้าวที่ไร้ทางเข้าและออก ได้แต่วนเวียนอยู่ในบ้านต่างหาก
“แม่ง ไฟดับ พัดหายหมดบ้าน นี่ฉันทำเวรทำกรรมอะไรไว้เยอะแยะนักหรือไง เปิดหน้าต่างไว้แบบนี้เดี๋ยวต้องมาเช็ด เหอ!?” ขณะที่กำลังจะผละออกจากบานหน้าต่างที่ถูกเปิดออกอย่างโหดร้ายทารุณ สายตาเจ้ากรรมที่ไม่เคยจะดีในเวลาที่สมควรดีกลับสังเกตเห็นเงาดำตะคุ่มเงาหนึ่งยื่นสงบนิ่งอยู่ที่หน้าบ้านของเขาราวกับว่าไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับพายุเลย
สมองของอู๋เสียวิ่งเร็วปรื๋อ ประมวนผลทันทีว่าไอ้เงานั่นควรจะเป็นตัวอะไร
คน? โจร? คนร้ายลักพาตัว? ผี? ผีแม่ย่า? บ๊ะจ่าง? ไส้อะไร? ….ไม่ใช่แล้วโว้ยอู๋เสีย!!!!!!!
เวลาหน้าสิ่งหน้าขวายังจะมาเล่นมุขเรอะ ว่าแล้วมือที่กลับมาขาวนวลดังเดิมเพราะหมกตัวอยู่แต่ที่บ้านกับร้าน วันๆรบรากับกองหนังสือและตัวอักษรซัดป้าบเข้าที่ศีรษะของตัวเองแรงๆหนึ่งทีเรียกสติให้กลับมาใหม่
โอเค มันจะเป็นอะไรก็ช่างมารดามันเถอะ แต่ถ้ามันมาร้ายล่ะ จะทำอย่างไรดี
หนึ่ง โทรหานายอ้วน…มันจะมาช่วยอะไรเขาในตอนนี้ได้วะ
สอง โทรหาเสี่ยวฮัว…นั่นก็ร้องงิ้วอยู่ปักกิ่ง กว่าจะมาถึงบ้านเขา ตอนนั้นเขาคงนอนอมมุกสบายใจอยู่ในโลงติดแอร์แล้ว
สาม โทรหานายแว่นดำ…นี่ก็ติดต่อตามตัวได้ยากเกิ้น! ว่าแต่…ไหงมีไอ้หมอนี่อยู่ในลิสต์คนผู้ช่วยเหลือในสมองเขาด้วยวะ!?
สุดท้ายตนก็เป็นที่พึ่งแห่งตน อู๋เสียย่องลงกลับมาที่ชั้นหนึ่งอย่างเงียบเชียบ คว้าไฟฉายเหมืองกระบอกใหญ่และมีดอีโต้ทื่อๆจากในครัวมาไว้เป็นอาวุธ เขาทำใจกล้าเปิดประตูผางและยิงคำถามใส่เจ้าเงาปริศนาทันที
“นั่นใคร!!”
น่าเศร้ายิ่งนัก ทั้งที่ตั้งใจว่าจะตวาดกร้าวเสียงแข็งคุมเชิงทางนั้นไว้ แต่เสียงที่หลุดออกมาจากคอของเขากลับแหบพร่าและสั่นอย่างน่าสมเพชเวทนาที่สุด ทำไมหนอ ความกล้าในตัวเขามันถึงมีได้ไม่ถึงครึ่งของนายอ้วนหรือนายแว่นดำเลย…….แล้วตกลงว่าทำไมในสมองเขาถึงบรรจุนายแว่นดำไว้ในรายชื่อคนสนิทใกล้ตัวด้วยวะ!?!!
ดูเหมือนเงานั่นจะได้ยินคำถามของเขา มันเคลื่อนเข้ามาอยู่ในระยะที่แสงจากไฟฉายส่องถึง ไม่ประชิดเข้าใกล้ทันที แสดงว่าถ้าไม่มองเห็นอีโต้ในมือเขาก็น่าจะตระหนักชายหนุ่มอาจตบมันกระเด็นได้
ทันทีที่ได้เห็นใบหน้าซึ่งล้อมกรอบด้วยเรือนผมสีดำมะเมื่อมเปียกชุ่มลู่ติดหน้า กางเกงยีนส์เก่าโทรมและเสื้อฮู้ดสีกรมท่าตัวเก่ง อู๋เสียก็ช็อกสนิท รู้ในทันควันว่าตัวตนที่แท้จริงของเงานั่นคือ
“เสี่ยวเกอ!!!” ไม่แหกปากเรียกเปล่าๆ เขารีบฉุดคนที่เอาแต่ยืนเป็นรูปปั้นหินกลางพายุให้เข้ามาในบ้านทันที ไม่งั้นวันพรุ่งนี้เงินอาจจะได้บินออกจากกระเป๋าเขาเพื่อจ่ายค่ารักษาพยาบาลนายคนนี้ที่เสี่ยงต่อการป่วยเป็นปอดบวมยิ่งนัก
“อยู่นี่! ห้ามขยับ ห้ามวาร์ปหายตัวไปไหน!!” เสี่ยวเกอ ชื่อจริงคือจางฉี่หลิง ชื่อเล่นที่อู๋เสียตั้งเองและเรียกเอง(แค่ในใจ)ว่าเมินโหยวผิงพยักหน้าเงียบๆ ยืนทื่ออยู่กับที่มองอู๋เสียโยนไฟฉายเหมืองกับอีโต้ในมือทิ้งบนโต๊ะรกๆแถวนั้นก่อนกระโจนขึ้นบันไดไปชั้นสอง คุ้ยเอาเสื้อผ้าของอีกฝ่ายอันได้แก่บ็อกเซอร์สีเข้มกับเสื้อยืดสีขาวลายลูกเจี๊ยบน่ารักแอ๊บแบ๊ว สมทบด้วยผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่และผ้าห่มที่หนาที่สุดที่มีในบ้าน หอบทุกสิ่งไว้ในอ้อมแขนแล้วพุ่งลงมา กระโดดข้ามขั้นบันไดที่ละสองขั้น
เมื่อกลับมาเมินโหยวผิงยังคงยืนที่เดิม ก้มหน้ามองหยดน้ำที่หยดลงจากเสื้อผ้าของตัวเองแล้วเอ่อนองที่พื้นกลายเป็นแอ่งน้ำเล็กๆ
“อู๋เสีย พื้นเปียก ขอโทษ” ร่างสูงพูดเสียงแผ่วก่อนเงยหน้าขึ้นสบตาอีกฝ่ายเมื่อรับรู้ถึงความเคลื่อนไหวที่เข้ามาใกล้ ยามเมื่อจ้องลึกเข้าในดวงตาสีน้ำหมึกคู่นั้นแล้ว อู๋เสียรู้สึกเหมือนกำลังมองแมวตัวใหญ่ที่กลัวเจ้าของโกรธอย่างไรอย่างนั้น
“ช่างมันเถอะ ไปเปลี่ยนเช็ดตัว เปลี่ยนเสื้อผ้า ฉันจะไปเอาผ้าเช็ดพื้น” เขาตอบพลางยัดผ้าขนหนูและชุดสำหรับเปลี่ยนให้อีกฝ่าย ระหว่างเดินไปหาผ้ามาเช็ดพื้นก็โยนผ้านวมไว้ที่โซฟายาวก่อน
ครั้นพอเดินกลับมา….
“เสี่ยวเกอ!!! ทำไมมาเปลี่ยนเสื้อผ้ากลางห้องนั่งเล่น!!” เสียงตวาดแหวดังลั่น ผ้าขี้ริ้วในมือร่วงจากมือ ใบหน้าติดหวานเล็กน้อยแดงก่ำเป็นมะเขือเทศสุกงอม เขารีบเบือนหน้าหนีไปอีกทางทันที เมื่อเห็นร่างสูงที่ใส่เสื้อยืดแล้วแต่ยังไม่ได้ใส่กางเกงยืนอยู่กลางห้องนั่งเล่น
“เปลี่ยนเสื้อผ้าตรงนั้นไม่ได้” ตรงนี้ก็ไม่ได้ว้อย!!!!
ไม่รู้ว่าไม่รู้สึกหรือไม่ใส่ใจ เมินโหยวผิงซึ่งจัดการใส่กางเกงเรียบร้อยแล้วเดินมาคว้าผ้าขี้ริ้วที่ตกอยู่ที่เท้าของอู๋เสีย ก้าวยาวๆกลับไปที่ทางเดินคงจะไปเช็ดน้ำที่นองเมื่อครู่
อู๋เสียถอนหายใจพรืด ทรุดตัวลงนั่งกับโซฟา เอาหน้าที่ยังร้อนผ่าวมุดกับผ้านวมที่ซึ่งตอนแรกตั้งใจจะให้นายเมินโหยวผิงห่มตัวเพื่อสร้างความอบอุ่น แต่ตอนนี้ขอยืมเป็นที่ปิดหน้าทำใจให้เย็นซักครู่นะ
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน เพราะสัมผัสได้ว่าที่นั่งข้างๆตัวเองยุบลงไปอู่เสียจึงค่อยๆเงยหน้าขึ้นจากผ้านวม ยังไม่ทันได้หันไปมองหน้าคนที่หย่อนก้นลงนั่งข้างๆ สองแขนก็ตวัดรอบตัวอู๋เสียเข้ามากอด ให้หน้าซบลงกับแผงอกแกร่งส่วนใบหน้าหล่อคมคายของเจ้าตัวซุกลงกับไหล่ลาด
“กลับมาแล้ว อู๋เสีย” เสียงทุ้มนุ่มกระซิบแผ่ว ลมหายใจร้อนระอุเป่ารดข้างหูชวนให้รู้สึกจั๊กจี้สุดๆ ใบหน้าที่กลับมาเป็นสีเดิมพลันเปลี่ยนเป็นสีแดงอีก แต่ครั้งนี้เขากลับเผลอระบายรอยยิ้มกว้างโดยอัตโนมัติ
“เป็นอย่างไรบ้าง คว่ำกรวยรอบนี้”
“เหมือนเดิม” รอยยิ้มหายไปสิ้นเมื่อได้คำตอบแบบเดิมๆรอบที่ล้านสามกลับมา นายน้อยสามทำหน้ายู่แบบเด็กๆพลางตีไหล่อีกฝ่ายเบาๆ คนอะไรไปผจญภัยตั้งหลายวันแต่ไม่คิดจะเล่าอะไรให้ฟังบ้างเลย
….แต่ก็เอาเถอะ ก็นายนี่คือเมินโหยวผิงนี่นา
“รอบหน้าฉันน่าจะไปกับนาย จะได้กลับบ้านพร้อมกัน นายจะได้ไม่ต้องมายืนด้อมๆมองๆหน้าบ้านให้ฉันเข้าใจผิดว่าเป็นบ๊ะจ่างตามมาล้างแค้นหรือเปล่า เหวออ!!” พูดๆอยู่ดีๆร่างสูงก็โถมน้ำหนักลงทับร่างที่ตอนนี้บอบบางกว่าตนแล้ว นัยน์ตาคมดุจตาเหยี่ยวจ้องลึกเข้าในดวงตากลมโตสีน้ำตาลเข้มแต่ไม่ถึงกับดำสนิทของคนพูด อ้อมกอดหลวมๆกลายเป็นอ้อมกอดรัดแน่นจนแทบหายใจไม่ออก อู๋เสียต้องตีไหล่กว้างหลายๆทีเตือนไม่ให้เมินโหยวผิงรัดเขาแน่นจนกระดูกหักสี่ท่อน
“นายอยู่นี่…ดีแล้ว” น้ำเสียงราบเรียบไม่เปลี่ยนแปลงแต่สิ่งที่สะท้อนในแววตาคือความเด็ดเดี่ยวมั่นคง
ก่อนหน้านี้เมินโหยวผิงเคยสั่งว่าไม่ให้อู๋เสียออกไปคว่ำกรวยเสี่ยงอันตรายอีก ทุกครั้งที่เขาออกไปคว่ำกรวยจะเป็นคนเอาวัตถุโบราณมีค่าติดมือกลับมาให้อีกฝ่ายไปขายทอดต่อเอาเงินมาใช้เอง
แต่ไม่ว่าจะคิดอย่างไร มองมุมไหน อู๋เสียก็รู้สึกเหมือนตัวเองเอาเปรียบอีกฝ่ายอยู่
“นั่งๆนอนๆอยู่เฉยๆแบบนี้ฉันรู้สึกเหมือนกินแรงนาย งื้อ!” ริมฝีปากบางทาบทับปิดปากคนช่างพูด คำบ่นจำนวนมากมายนับไม่ถ้วนที่ตกค้างในปากถูกกลืนหายเข้าลำคอไป ส่วนที่ตกค้างอยู่ในสมองก็โดนลบทิ้งไม่เหลือเลยซักคำเมื่อจูบคราแรกที่อ่อนหวานค่อยเริ่มทวีความร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ ลิ้นร้อนกวาดสำรวจเก็บเกี่ยวความหวานที่แสนโหยหาอย่างกระหายก่อนจะเข้าพันเกี่ยวหยอกล้อลิ้นนุ่ม มือข้างหนึ่งเกาะเกี่ยวรั้งเอวบางให้สะโพกแนบชิดติดกัน มืออีกข้างก็ซุกซนลวนลามลูบไล้ผิวขาวใต้เสื้อยืดตัวโคร่ง
“ฮื้อ ฮ้า! เสี่ยวเกอ!! ใจคอนายจะให้ฉันขาดอากาศหายใจตายเหรอ!!” อู๋เสียว่าคนชอบฉวยโอกาสพลางโกยออกซิเจนเข้าปอดให้มากที่สุดชดเชยกับที่ถูกดูดจากจูบดูดดื่มเมื่อครู่ไป มือเรียวก็ทุบอกอีกฝ่ายรัวๆ
“อืม….” เมินโหยวผิงครางในลำคอ ทำท่าเหมือนครุ่นคิดอะไรอย่างหนัก ในที่สุดก็เลิกคิดแล้วทิ้งตัวลงนอนข้างร่างบาง ตวัดแขนโอบกอดไม่ให้หนีไปไหน ดวงตาปรือปิดลงบอกกลายๆว่าจะนอนแล้ว
“ใต้เท้าจางฉี่หลิงขอรับ…” จูบลูบไล้เสร็จแล้วดันผ่าจะมานอน จะเอาอย่างไรกันแน่!?
“ฉันเหนื่อย พรุ่งนี้ค่อยทำ” อธิบายเสร็จก็หอมแก้มนิ่มเข้าหนึ่งฟอดใหญ่ มือหนากดใบหน้าน่ารักให้ซบลงที่ไหล่ของตนเองบ้าง ผ้าห่มผืนหนาถูกยกขึ้นห่มทั้งคู่ ห่มสูงมิดจนถึงคออู๋เสีย
“เอ่อ ร้อน” นายอาจจะหนาวเพราะตากฝนแต่ฉันโคตรร้อน!!
“คิดถึง คืนนี้นอนด้วยกันนะ”
“….โอเค ไม่ร้อนแล้วก็ได้” ยอมแพ้…ประโยคหวานๆประโยคเดียวก็เพียงพอที่จะทำให้อู๋เสียหมดความรู้สึกร้อนไปโดยสิ้น
อู๋เสียยังนอนไม่หลับ เขาเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าที่ดูดีเกินมนุษย์ของเมินโหยวผิง ใบหน้าที่ทั้งขาว หล่อ ดูดีไปเสียทุกด้านทุกมุมราวกับรูปสลักของจิตกรเอก เส้นผมดำระคอยิ่งขับเน้นความขาวของใบหน้านั้นให้มากขึ้นเป็นทวีคูณ เขาอดใจไม่อยู่ยกมือขึ้นลูบไล้เส้นผมนิ่มเหมือนไหมนั่นลากไล้ลงมาตามกรอบหน้าลงมาถึงลำคอ
ขณะอยู่ในห้วงภวังค์เหม่อ เขาเผลอพึมพำออกมาเบาๆกับตัวเอง
“นี่…ฉันเดินไปในเส้นทางเดียวกับนายไม่ได้จริงๆเหรอ”
“ไม่ได้” อ้าวเฮ้ยมันยังไม่หลับ! ตอบแบบไม่ลืมตาอีกต่างหาก
“เชอะ!”
“อู๋เสีย…นายแค่อยู่นี่ รอฉันกลับมาก็พอ” คนยื่่นคำสั่งห้ามโดยเด็ดขาดพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงที่ต่างไปจากทุกครั้ง น้ำเสียงที่ไร้ความหนักแน่น สั่นเครือคล้ายหวาดกลัวบางสิ่งอย่างหนัก คิ้วเรียวทั้งสองขมวดเข้าหากัน ราวกับว่าใต้เปลือกตาที่ปิดอยู่นั้นเมินโหยวผิงกำลังเห็นภาพน่ากลัวน่าสยดสยองบางอย่า
นายเห็นอะไร?
“ถ้านายตามไป ฉันกลัว…กลัวว่าถ้าปกป้องนายไม่ได้ นายจะเป็นอะไรไป” เสียงทุ้มเฉลยก่อนที่เขาจะได้ถาม อ้อมกอดรัดแน่นขึ้นอีกเล็กน้อย ริมฝีปากไล่จูบตั้งแต่หน้าผากมนมาที่สันจมูก พวงแก้มและปิดท้ายด้วยที่ริมฝีปาก คลอเคลียพัวพันไม่ยอมปล่อย
“ถ้าวันไหนฉันกลับมาแล้วไม่เจอนาย….ฉันไม่รู้จะอยู่ต่อไปอย่างไรนะ อู๋เสีย” กระซิบออดอ้อนกับริมฝีปากหวานฉ่ำแล้วจูบหนักๆหนึ่งทีเป็นการปิดท้ายและยืนยัน
ในที่สุด…อู๋เสียก็ใจอ่อน ยอมตามใจอีกฝ่ายอีกตามเคย
“โอเค งั้นฉันจะรอ……รอจนถึงวันที่นายเกษียนตัวเองมานั่งๆนอนๆกับฉันซักที”
“อืม….รอหน่อยนะ อู๋เสีย” เมินโหยวผิงงึมงำในลำคอ ซุกหน้าลงกับเรือนผมหอมกรุ่น ลมหายใจเนิบช้าเป็นจังหวะสม่ำเสมอ จากคนที่ไม่เคยนอนหลับสนิทได้ในแต่ละคืน ตอนนี้เมื่อมีคนที่รักที่สุดอยู่ในอ้อมกอดแน่นซึ่งมั่นใจว่าไม่มีทางหนีหายจากไปไหนได้โดยแน่ เมินโหยวผิงหลับสนิทที่สุดเป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือน
อู๋เสียทอดสายตามองแมวตัวใหญ่ของตัวเองที่นิ่งผล็อยหลับไปแล้วซักครู่ก่อนจะขยับจัดท่านอนของตัวเองเล็กน้อย จมดิ่งลงสู่ห้วงนิทราตามไปในเกือจะทันทีที่ดวงตาปิดลง
ไม่จำเป็นต้องรีบหรอก
ไม่จำเป็นต้องเป็นวันนี้ พรุ่งนี้ หรือเร็วๆนี้ก็ได้
ใช่แล้ว อาจจะมีซักวัน ซักวันที่ทางสองเส้นมารวมกันเป็นเส้นเดียว เพียงแต่จะเร็วหรือช้า…ก็เท่านั้น
(Maybe) To be Continue…. “ทางสองเส้น(0.5)” (ฮัว*เสีย)
[FIN] (30.10.2014)
(ทอล์คเล็กน้อย : ฟิคเต้ามู่รายวันกลายเป็นฟิคเพลงรายวันจริงๆแล้ว /me ทรุดตัวลงร้องไห้ ฟิคเรื่องนี้เลทนรกเพราะเมื่อวานคอมดับกลางทางค่ะ จะแต่งใหม่หัวก็ไม่แล่นแล้ว TTwTT เลยต้องยกยอดมารวมกับของวันนี้ ฮรือออออออออ เช่นเคยค่ะ ฟิคเรื่องนี้ก็ได้พล็อตมาจากเพลง(อีกแล้ว) ที่เราเจอมันเป็นFan Made MVเลยไม่รู้ว่าเพลงที่จริงแล้วมาจากเรื่องอะไร #แย่)
Re: [OS] "ทางสองเส้น" (ผิง*เสีย) (PG)
//ลงไปนอนตาย
อิพ่ออิแม่ทำไมซินไม่ได้อ่านเรื่องนี้แล้วทำไมฟิคนี้ไม่มีคนเมนต์หรือเป็นเพราะเขาเมนต์กันไปหมดแล้วที่บล๊อคคุณจิ้งจอกแดง อิพ่ออิแม่ฟิคนี้ตาเมินน่ารักมาก สุดใจขาดดิ้น ห่วงขนาดนี้นายน้อยไม่หลงก็ให้มันรู้ไป!!
เอํะ จะว่าไปคุ้นๆ น่าจะอ่านแล้ว ฟิคเพลงอันอื่นน่าจะอ่านแล้วหรือยังไม่อ่าน /เบลอ เหมือนเคยอ่านไปในกรุ๊ปไป ฟืดดด โอเคถือว่ามาอ่านซ้ำ ขอบคุณสำหรับฟิคน่ารักๆ ก่ะ
sinnerdarker- ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ
- จำนวนข้อความ : 343
Points : 4053
Join date : 27/10/2014
ที่อยู่ : บ้านสกุลหวัง
Re: [OS] "ทางสองเส้น" (ผิง*เสีย) (PG)
sinnerdarker พิมพ์ว่า:
//ลงไปนอนตาย
อิพ่ออิแม่ทำไมซินไม่ได้อ่านเรื่องนี้แล้วทำไมฟิคนี้ไม่มีคนเมนต์หรือเป็นเพราะเขาเมนต์กันไปหมดแล้วที่บล๊อคคุณจิ้งจอกแดง อิพ่ออิแม่ฟิคนี้ตาเมินน่ารักมาก สุดใจขาดดิ้น ห่วงขนาดนี้นายน้อยไม่หลงก็ให้มันรู้ไป!!
เอํะ จะว่าไปคุ้นๆ น่าจะอ่านแล้ว ฟิคเพลงอันอื่นน่าจะอ่านแล้วหรือยังไม่อ่าน /เบลอ เหมือนเคยอ่านไปในกรุ๊ปไป ฟืดดด โอเคถือว่ามาอ่านซ้ำ ขอบคุณสำหรับฟิคน่ารักๆ ก่ะ
//ทำหน้าแบบ ฟีลเดียวกันเลยยยยยยย อาห์ อ่านแล้วมันหนึบๆ(?)ดีเหลือเกิ๊นนน อั่คค
Feran.FS- ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ
- จำนวนข้อความ : 457
Points : 3941
Join date : 27/10/2014
Age : 28
ที่อยู่ : ใต้เตียงนอนเซี่ยจื่อหยาง...
Re: [OS] "ทางสองเส้น" (ผิง*เสีย) (PG)
โอยหวานน ด้วงเขินแทนนายน้อยเลย แบบนี้นายน้อยก็เหมือนเป็นภรรยารอสามีอยู่กับบ้าน ส่วนเสี่ยวเกอเป็นสามีที่ดีออกไปทำงานคว่ำกรวยหาเงินเลี้ยงครอบครัวสินะคะ ว่าแต่นายน้อยคะ...เอาผู้ชายเข้าบ้านอารองไม่ว่าเหรอลูก
SilverCloud- ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ
- จำนวนข้อความ : 433
Points : 3939
Join date : 27/10/2014
ที่อยู่ : ตู้เสื้อผ้าของอารอง
Re: [OS] "ทางสองเส้น" (ผิง*เสีย) (PG)
หืม? นายแว่นมาอยู่ในลิสแบบนี้เสี่ยวฮัวไม่หวงเหรอ?
meanato- ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ
- จำนวนข้อความ : 487
Points : 3960
Join date : 27/10/2014
Age : 26
ที่อยู่ : หลังประตูสัมฤทธิ์
Re: [OS] "ทางสองเส้น" (ผิง*เสีย) (PG)
“ใต้เท้าจางฉี่หลิงขอรับ…” จูบลูบไล้เสร็จแล้วดันผ่าจะมานอน จะเอาอย่างไรกันแน่!?
“ฉันเหนื่อย พรุ่งนี้ค่อยทำ”
......จบเลยครับ!!!! อ้ากกกกกกเสี่ยวเกอ จะทำให้นายน้อยค้าง ฺฮ่าๆๆๆ
“ฉันเหนื่อย พรุ่งนี้ค่อยทำ”
......จบเลยครับ!!!! อ้ากกกกกกเสี่ยวเกอ จะทำให้นายน้อยค้าง ฺฮ่าๆๆๆ
ด้วงผิงเสีย- ด้วง
- จำนวนข้อความ : 29
Points : 2684
Join date : 18/01/2017
Age : 36
Similar topics
» [OS] “ลิ้นแมว” (ฮัว*เสีย)
» [Fic] บัลลังก์ทอง 1 (All เสีย )
» [SF] ขอให้โลกนี้ไม่มีจางฉี่หลิง [ ผิง | เสีย | ฮัว ] NC18+
» [OS] "เพลงๆหนึ่ง" (ฮัว*เสีย) (PG)
» [OS] "คืนข้ามปี" (เฮย*เสีย) (NC-15)
» [Fic] บัลลังก์ทอง 1 (All เสีย )
» [SF] ขอให้โลกนี้ไม่มีจางฉี่หลิง [ ผิง | เสีย | ฮัว ] NC18+
» [OS] "เพลงๆหนึ่ง" (ฮัว*เสีย) (PG)
» [OS] "คืนข้ามปี" (เฮย*เสีย) (NC-15)
หน้า 1 จาก 1
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
|
|
Fri 24 Jul 2020, 01:39 by gustoon
» [คู่มือด้วง] Keyword จีนสำหรับการขุด(แฟนดอม)สุสาน
Thu 21 Jun 2018, 00:29 by miskizfullmoon
» มังฮวาและภาคทิเบต
Thu 21 Jun 2018, 00:23 by miskizfullmoon
» [OS] Father is the best (ผิงเสีย)
Thu 03 Aug 2017, 16:12 by schneewittchen
» [Fic] สิ่งเล็กๆที่เชื่อมโลก5 [เมินโหยวผิง+อู่เสีย+เสี่ยอ้วน]+OC
Tue 01 Aug 2017, 12:30 by natsume
» [OS] #dmbjdaily (จูปาจุ๊บ) Bittersweet [ผิงเสีย AU]
Thu 06 Apr 2017, 15:58 by Zeth
» [OS] #dmbjdaily "โทรศัพท์มือถือ" - no Pairing [All]
Tue 04 Apr 2017, 22:27 by Zeth
» [OS] #DMBJDaily (แว่น): ระยะที่มองไม่เห็น [ฮัวเสีย]
Sat 01 Apr 2017, 16:55 by Zeth
» [OS] #DMBJdaily (5.20) ท่านยอดฝีมือ [หวังเหมิง (+เหมิงเสีย)(+ผิงเสีย)]
Thu 30 Mar 2017, 17:24 by Zeth