Countdown
We've been
togerther for
ค้นหา
Latest topics
Most active topics
[OS] #dmbjdaily (หวาน) 3 A.M. stalker [ผิงเสีย AU]
+9
Snake_Blind
Tang_An-An
Cathareen
meanato
karnalone
GhostInGrave
kame_kazuha
mully1998
Shiaeri
13 posters
หน้า 1 จาก 1
[OS] #dmbjdaily (หวาน) 3 A.M. stalker [ผิงเสีย AU]
Title : 3 A.m. Stalker
Pairing : เมินโหยวผิง/จางฉี่หลิง x อู๋เสีย
Rate : PG (ใสๆ)
AU มหาลัยค่ะ
เซ็ทเดียวกัน >
[OS] #dmbjdaily (ชา) “ชานมเย็น” [ผิงเสีย+AU] https://dmbjth.thai-forum.net/t557-topic
[OS] #dmbjdaily (จูปาจุ๊บ) Bittersweet [ผิงเสีย AU] https://dmbjth.thai-forum.net/t569-topic
[OS] #dmbjdaily (เค้ก) a piece of cake [ผิงเสีย AU] R18 https://dmbjth.thai-forum.net/t851-topic
-----------------------------------------------------------------------------------
ง่วง...
ผมพยายามแหกตาตื่นเป็นรอบที่ร้อยของวัน ขณะนี้เวลาเก้านาฬิกานิดๆ แอร์เย็นฉ่ำ กับเสียงอาจารย์ที่บรรยายวิชาประวัติศาสตร์ศิลป์ ถ้าแถวนี้มีไม้จิ้มฟันผมคิดว่าผมคงได้ใช้มันเอามาถ่างตา
สำหรับคนที่ตีสามไม่ค่อยได้นอนแบบผมกลับต้องแหกขี้ตาตื่นแต่เช้าเมือโดนบอกว่าตัวเองไม่เข้าวิชานี้เลย ถ้าขาดอีกจะให้ F และเรียนใหม่พร้อมน้องปีหน้า ผมก็ต้องแหกขี้ตาตื่นแม้จะง่วงแค่ไหน ยิ่งไปกว่านั้น ท้ายคาบมีควิซด้วย น้ำตกทีลอซูยังไหลน้อยกว่าน้ำตาผมในตอนนี้เลย ฮือ
เวลาล่วงเลยไป ผมรับกระดาษควิซมาแบบงงๆ แล้วก็ทำแบบงงๆ ส่งแบบงงๆ ขนาดตอนหมดคลาสยังเดินออกแบบงงๆ รู้สึกเหมือนเป็นแวมไพร์ที่ใช้ชีวิตตอนกลางคืนมาทั้งชีวิต แต่มีวันหนึ่งตอนมาใช้ชีวิตกลาวันแบบกะทันหัน ถ้ามีตำรวจมาเห็นผมตอนนี้ เขาคงคิดว่าผมเมา
“เฮ้ย นายน้อยสาม เป็นอะไร สภาพอย่างกับซอมบี้เดินได้”
เสียงที่คุ้นเคยทักทาย เมื่อหันไปก็เจอกับหนุ่มคณะบัญชีที่ใช้แขนบางๆแต่ไม่เบาของเขากอดคอผมไว้อย่างสนิทสนม ผมเกือบล้มเลยหันไปด่า “ตัวก็ไม่ใช่เบาๆ ยังจะมาทำแบบนี้อีก!!”
“พูดเหมือนตัวเองผอมมาก ดูดิ วันแพ็คงอกแล้ว” แล้วก็ตบพุงผมทีนึง
“เสี่ยวฮัว!!”
ผมตะโกนแล้วแยกเขี้ยวใส่เขา หากอีกฝ่ายกลับหัวเราะชอบใจคล้ายรู้สึกสนุก เราสองคนคุยกันเรื่อยเปื่อยลงมาจนถึงข้างล่างตึก ก็พบกับใครบางคน...
เสียงฮือฮาดังเป็นหย่อมๆเมื่อเห็นว่าคนที่จอดมอเตอร์ไซค์คู่นั้นสวมชุดนักศึกษากับกางเกงพอดีตัวสีเข้ม บนใบหน้าหล่อคมขำใส่แว่นกันแดดสีชา มือของเขาเสยผมที่ร่วงลงมาปรกหน้า โอ้โห นี่คิดว่าหล่อมากใช่ไหม
หล่อแค่ไหนก็เป็นได้แค่เดือนนั่นแหละ จางฉี่หลิง!!
“งั้น... ฉันไปก่อนนะ”
เสี่ยวฮัวปล่อยมือออกจากไหล่ผมในวินาทีเดียวกับที่ผมเห็นใครอีกคนเดินมาจากอีกฝั่ง อาจารย์ที่ใส่แว่นตาสีดำคนนั้น ? เหมือนเขาจะไม่เคยถอดมันออกเลย แล้วช่วงนี้รู้สึกพอเสี่ยวฮัวเห็นอาจารย์คนนี้ก็จะเดินหนีไปโดยไม่ทราบสาเหตุ ผมเองไม่ใช่คนอยากรู้เรื่องชาวบ้านเพราะงั้นอย่าได้สนใจเลยแล้วกันครับ
“ไง ใส่แว่นกันแดดแล้วคิดว่าหล่อมากใช่ไหม”
“คิดว่าไงล่ะ”
อีกฝ่ายลงจากรถแล้วเดินมาใกล้ผม เขาถอดแว่นกันแดดออกแล้วมองผมนิ่งๆ โอเคครับ รู้แล้วครับว่าหล่อ ไม่ต้องมองมาก เดี๋ยวท้องขึ้นมาจะรับผิดชอบไม่ไหวเอา
“มีอะไรรึเปล่า ?” ผมถามเขาตรงๆ ขี้เกียจอ้อมค้อม ผมง่วง
“ต้องมีธุระด้วยหรอถึงมาหานายได้”
น้ำเสียงตัดพ้อของเขาทำให้ผมส่ายหน้าอย่างระอา แต่คำพูดต่อมาทำให้ผมต้องเงยหน้ามองความหล่อที่แสงจะระคายเคืองตา “คิดถึง ..ก็เลยมาหา”
“น้ำเน่า”
“แล้วยิ้มทำไม”
เมื่อถูกทักผมก็จับแก้มตัวเอง ปรากฏว่ายิ้มอยู่จริงๆด้วย ไอ้บ้าเอ้ย! อู๋เสีย ไอ้คนใจง่าย ผู้ชายหยอดนิดเดียวก็หลงไปกับคำเค้าแล้ว “ถ้าจะมาแค่แซวเฉยๆก็กลับไปเลยนะ”
“ล้อเล่น ....ไปหาอะไรกินกันนะ”
ผมมองเขาอย่างชั่งใจ ตอนนี้เป็นเวลาประมาณสิบเอ็ดโมง ก็ไม่ได้มีธุระอะไร แต่ก็ลองเงียบไว้ก่อน ดูว่าจางฉี่หลิงจะมีโปรโมชั่นอะไรมาล่อผมอีก
“ฉันเลี้ยงเอง” “ตกลง”
สัญญาด้วยชื่อของอู๋ซันเสิ่ง อู๋เสียไม่ใช่คนเห็นแก่กินครับผม!
ผมกระโดดขึ้นซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ของเขาที่ขับออกนอกมหาลัยไปพร้อมกับสายตาหลายคู่จ้องมองมายังพวกเรา ขอโทษนะครับ แต่ไอ้หล่อข้างหน้าผมนี่ไม่นิยมกินสตรีเพศ เสียใจด้วยนะครับสาวๆ
ลมตีหน้าผมจนรู้สึกหน้าแห้งไปหมด แต่อยู่ๆก็เหมือนนึกอะไรได้ เมื่อกี้หมอนี่เห็นตอนผมก็เสี่ยวฮัวเดินมาด้วยกัน กอดคอกันด้วย จะเข้าใจผิดแล้วเอาไปคิดแบบคราวนั้นรึเปล่า ?
ถึงแม้จริงๆเราจะยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสถานะระหว่างเราคืออะไรก็ตามทีเถอะ
“จางฉี่หลิง ....เมื่อกี้....”
“อะไร”
พอเขาตอบกลับมาด้วยเสียงนิ่งๆคำพูดผมก็คล้ายจะถูกกลืนลงคอ ไม่กล้าถามอะไร แต่เหมือนคนตรงหน้านี้จะรู้สิ่งที่ผมคิดก็เลยตอบออกมาทั้งๆที่ไม่ได้ถาม
“ถ้าจะถามว่าหึงไหม.......จะไม่โกหกว่าไม่หึง”
“แต่ฉันเชื่อใจนาย .....เพราะงั้นไม่เป็นไรหรอก”
ผมมองแผ่นหลังของเขา .....ทั้งๆที่ตอนนั้นหึงขนาดนั้นแท้ๆ คนๆนี้ทั้งน่ารักและใจกว้างอย่างเหลือเชื่อ ผมกระตุกยิ้มบางๆ หัวเราะในลำคอก่อนยื่นแขนไปกอดเขาและซบหน้าลงกับแผ่นหลังจนเขาขับเป๋ไปแปบนึง
หูของเขาขึ้นสีแดงนิดๆ น่ารักชะมัด
“ วางแผนอะไรอีกล่ะ ”
“ ต้องมีแผนอะไรด้วยหรอ ถึงกอดนายได้ ”
เขาถึงกับเงียบไปเลยเมื่อโดนประโยคเดียวกับที่เขาพูดกับผมสวนกลับไป แต่มือข้างนึงของเขาก็เมื่อมากุมมือผมไว้ ผมหลับตาลงหลับลงและกลิ่นควันที่ไม่พึงประสงค์ ขยับหัวซุกอีกคน จะว่าผมอ้อนก็ได้นะ ไม่รู้ทำไมถึงอ้อน แค่คนมันอยากอ้อนก็เท่านั้น ไม่มีเหตุผลหรอก
เราสองคนขับผ่านที่โน่นที่นี่ แต่ผมจำไม่ได้หรอก พอดีเป็นพวกเก็บตัว ไม่ค่อยออกเดินทาง ไม่มีเพื่อนมาเตะตูดให้ไปเปิดหูเปิดตาก็ไม่ค่อยจะขุดตัวเองออกจากหอ ด้วยความสัตย์จริง
จางฉี่หลิงพามาถึงร้านอาหารร้านหนึ่ง ร้านตกแต่งเรียบง่ายไม่หวือหวา หากแต่น่านั่ง มีคนนั่งอยู่ก่อนแล้วประมาณสี่ห้าโต๊ะ ถือว่าโอเคเลยทีเดียว พวกผมเดินเข้าไป และสั่งทันที
อาหารทยอยมา ผมก็เทลงหม้อ ร้านนี่เป็นร้านบุฟเฟ่ต์ ผมสั่งรัวมาจนบริกรหน้าซีด ทั้งผัก เนื้อ โน่นนี่นั่น โยนผักลงไปอย่างแรก ตอกไข่ ใส่เนื้อ ใส่โน่นจนเต็มไปหมด เหมือนผมลืมคนตรงหน้าไปชั่วขณะ เขาเองก็เงียบไปเหมือนกัน
ในขณะที่ท้องหิวผมไม่สนอะไรทั้งนั้น จ้วงเอาจ้วงเอา อีกฝ่ายก็มองเหมือนจะขำบ้าง แต่กินน้อยกว่าผมเยอะเลย ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมจะกินแทนเขาเองจะได้คุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไป
“นายนี่กินเก่งจริงๆ”
ผมยิ้มรับก่อนจะกินต่อ เกือบจะหมดเวลาแล้ว ผมรู้สึกถึงสายตาของอีกฝ่าย “ดูสิ กินเก่งไม่พอ กินเลอะอีก นี่เด็กมหาลัยหรือเด็กประถม” ก่อนที่เขาจะยื่นมือมาเช็ดซอสที่มุมปากผม ...
...และเลียนิ้วนั้นอย่างหน้าด้านๆ
ไม่เคยเข้าใจความรู้สึกนางเอกนิยายรักหวานแหววที่พระเอกทำแบบหมอนี่แล้วเขิน จนกระทั่งมาเจอกับตัว โอ้โห บอกเลยว่าเหมือนมีคนเอาไฟมาเผาหน้า ผมวางช้อนลง
เลี่ยนครับ กินไม่ลง
“อิ่มแล้วหรอ ไม่สั่งของหวาน ?”
“ฉันเกลียดของหวาน”
ผมมองหน้าเขาอย่างมีความหมาย เขาเองก็เหมือนจะเข้าใจเลยหัวเราะออกมาเบาๆ และลุกขึ้นไปจ่ายเงิน ก่อนจะขึ้นมอเตอร์ไซค์เตรียมกลับมอ
แต่เหมือนเขาจะยังไม่กลับ เพราะดันจอดรถข้างหน้าสนามเด็กเล่นที่ไม่มีเด็กเลยสักคน
“เฮ้ จะไปไหน”
เมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่ตอบ แต่กลับไปนั่งลงที่ชิงช้า ผมเลยเดินไปนั่งที่ชิงช้าข้างๆเขา “มาทำอะไรที่นี่ ?”
“นายนี่ถามตลอดเลยเนอะ”
อีกฝ่ายเห็นผมคิ้วกระตุกมือกระตุกกลัวผมจะถวายหมัดให้เขาเลยยื่นมือตัวเองมากุมเบาๆ... และตอบคำถามของผม
“ก็แค่อยากให้เวลาของเรายาวนานขึ้นอีกนิดนึง...”
อุ้ก…ผมถึงกับหน้าเห่อร้อนไปหมดเมื่อถูกกุมมือไว้แบบนี้พร้อมทั้งสายตาหวานเชื่อมที่ส่งมานั่น เสียงหัวใจดังจนผมรู้สึกรำคาญตัวเอง ใจง่าย ใจง่าย! ไอ้คนใจง่าย หยุดใจเต้นเดี๋ยวนี้นะว้อย!
ผมนั่งเขินจะบ้าตายพร้อมโยกชิงช้าเบาๆ แต่จางฉี่หลิงหยัดยืนขึ้นแล้วเดินมาข้างหลังผม พร้อมไกลให้เบาๆ อื้อหือ บรรยากาศเหมือนถ่าย MV ไม่ก็พรีเว็ดดิ้งสุดๆ เอาเลยครับ เต็มที่ เผาหน้ากูให้ไหม้เลยครับ
“นายบอกนายไม่ชอบของหวาน”
เสียงทุ้มพูดเหมือนเอ่ยลอยๆ แต่เนื้อความกลับคุยกับผมเต็มๆ “แต่นายก็กินจูปาจุ๊บของฉัน”
“ปกตินายจะลงมาซื้อกาแฟ”
“แต่หลังจากนายเจอฉันนายก็ลองเปลี่ยนมากินชานมเย็น”
“นายเกลียดของหวาน แต่นายชอบทำเค้ก”
เถียงไม่ออกสักประโยค เพราะมันเป็นความจริง แต่ที่ผมไม่คาดคิดคือเขาจะจำอะไรได้ขนาดนั้น “นายย้อนแย้งในตัวเอง แต่ฉันรู้สึกว่ามันก็สมเป็นตัวนายดี”
เสียงหัวเราะของเขาทำให้ผมหมั่นไส้นิดหน่อย เลยถามคำถามเดียวกับที่เคยถามเมื่อวันที่เจอเขาครั้งแรก
“จางฉี่หลิง ....นายทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร”
ผมแหงนหน้ามองเขา สบกับดวงตาคมสีดำที่มีเสน่ห์คู่นั้น คล้ายกับมีประจุไฟฟ้าแล่นผ่านร่างกาย เพียงแค่สบตาก็คล้ายโดนสะกดให้อยู่เฉยๆ และฟังเขา มองเขา อย่าได้ละสายตาไปไหน
“นายไม่รู้จริงๆหรอ ?”
“...”
“ที่วันนั้นฉันจูบนาย ที่ฉันเดินไปส่งนาย ซื้อจูปาจุ๊บ หึงนาย ......นายไม่รู้จริงๆหรอว่าฉันต้องการอะไร”
ไม่มีคำตอบให้เขา ลึกๆผมก็รู้... ผมก็แค่กลัว ผมกลัวการผูกพัน กลัวว่าสักวันผมสูญเสียมันไปและจะไม่สามารถอยู่ได้ เหมือนนกในกรงที่ถูกเลี้ยง เมื่อเจ้าของมันตายไป มันจะอยู่อย่างไร ?
“ถ้าฉันบอกว่าฉันอยากทำแบบนั้นกับนายอีก อยากไปที่โน่นที่นี่กับนายอีก พานายไปกินข้าว รับส่งนาย จับมือนายแบบเมื่อกี้ หรือไกวชิงช้าให้นายแบบตอนนี้ นายจะว่ายังไง”
ผมครุ่นคิดสักครู่ก่อนถามอย่างฉงน “นายคิดว่านายมีสิทธิ์นั้นไหมล่ะ ? นายเป็นใคร ? จางฉี่หลิง เดือนคณะโบราณคดี นายไม่ใช่พ่อแม่ ไม่ใช่เพื่อน และแน่นอนว่าไม่ใช่แฟน นายคิดว่าตัวเองเป็นใครถึงจะมาขอเวลาส่วนตัวของฉันไปทำเรื่องแบบนั้น”
รอยยิ้มที่ปรากฏบนหน้าเขาทำเอาผมไม่ไว้ใจ ยิ่งเมื่อเขาก้มหน้ามาใกล้จนลมหายใจใกล้ชิดกัน เขากระซิบเบาๆข้างหู
“ฉัน....ก็เป็นสตอล์กเกอร์ตอนตีสามของนายไง”
ก่อนจะทาบริมฝีปากอย่างอ่อนโยน
รสจูบที่ไร้การรุกรานของเขาหวานละมุนเหมือนนอนอยู่ในปุยเมฆ หลอกล่อให้เคลิบเคลิ้ม มันหวานยิ่งกว่าจูปาจุ๊บ ชานมเย็น หรือเค้กเสียอีก ผมหลับตาอย่างไม่รู้ตัวจนกระทั่งอีกฝ่ายผละออกไป ผมรีบก้มหน้าปิดปากตัวเอง
ผ เผลอไปอีกจนได้
ผมไอหนึ่งทีก่อนจะลุกขึ้นเผชิญหน้ากับเขา
“เป็นสตอล์กเกอร์ไม่มีสิทธิ์มาเอาเวลาฉันไปหรอกนะ”
“งั้นเป็นอย่างอื่นก็ได้ .... จากที่นายพูดมา ... ‘แฟน’ถูกใจฉันที่สุด”
ผมเพิ่งเคยเห็นคนที่ขอคนอื่นเป็นแฟนได้หน้าด้านที่สุดอย่างหมอนี่เป็นครั้งแรก แต่ผมเหยียดยิ้ม
“จากสตอล์กเกอร์ อัพเลเวลตัวเองเป็นแฟนนี่มันจะเร็วไปหน่อยม้าง”
ประโยคของผมอาจจะดูตัดความหวังเขามากเกินไปหน่อย เขาเลยหงอยลงอย่างเห็นได้ชัด ผมรู้สึกดีที่เห็นท่าทางนี้ของเขาที่คนอื่นคงไม่ได้เห็น เพราะปกติเขาก็เป็นแค่ดวงจันทร์ที่แสนเย็นชาและห่างไกล
แต่ผมกลับเดินไปไกลเขาแล้วกระชากเขาลงมาจูบเอง กว่าเขาจะรู้สึกตัวผมก็ผละออกมาก่อน หากแต่หน้ายังอยู่ใกล้กันเพียงลมหายใจกัน ผมมองเขา เขามองผม ก่อนที่จะเอ่ยออกไป
“อย่างนายตอนนี้ ....เป็นได้แค่ ‘ชานมเย็น’ เท่านั้นล่ะ ”
ชานมเย็น ...ที่ทั้งหวาน ทั้งเลี่ยน แต่ก็เปลี่ยนให้คนที่เสพแต่กาแฟอย่างผมเปลี่ยนเครื่องดื่ม
ผมอาจจะอยากลองเปลี่ยนอะไรบ้าง...
“ตกลงไหม นายชานมเย็น”
“มีทางเลือกหรือไง”
“จะไม่เป็นก็ได้นะ”
ผมหันหลังเตรียมเดินกลับ แต่ก็ถูกเขารั้งไว้ด้วยกอดจากข้างหลัง เขากอดผมแน่นอย่างกับผมจะไปจริงๆ เขากระซิบ “เป็นก็เป็น ชานมเย็นก็เป็น”
หลังจากชานมเย็นของผมกอดผมแน่น เขาก็หันหน้าผมให้มาข้างหน้าแล้วจูบผมอีกครั้ง และอีกครั้ง ความหวานละมุนทำให้ผมแทบเป็นบ้า
ไม่ว่าชานมเย็นแก้วไหน ก็หวานไปทั้งนั้นเลย
“หึหึหึ ถ้าถูกใจเดี๋ยวให้อัพเลเวลเป็นอย่างอื่นนะ”
“เป็นแฟน!?”
“จูปาจุ๊บก่อนแล้วกัน”
จากนี้ผมเชื่อว่า ชีวิตผมคงไม่สงบสุขแน่ๆ เพราะชานมเย็นของผม...คงทำมากกว่าที่เคยสตอล์กเกอร์แน่ๆ
ทุกคนที่มหาลัยสงสัยว่าทำไมหมู่นี้ผมสนิทกับจางฉี่หลิงที่เป็นถึงเดือนคณะโบราณฯได้ ผมเป็นอะไรกับเขา หรือเขาเป็นอะไรกับผม ทุกครั้งจะแค่ยิ้มแล้วตอบไปว่า
“ก็แค่ ชานมเย็นของฉัน”
….ของผมคนเดียว
The end
---------------------------------------------------------------------
ขอวิ่งไปอ้วกแปบค่ะ ฮือ แต่งเองรู้สึกมันเลี่ยนเอง O<--< ถ้าเลี่ยนไปหรือจริงๆแล้วมันไม่หวานเลย ขอโทษค่ะ 5555555555555555555555
ส่วนตัวชอบบรรยากาศสบายๆ นั่งกินอาหาร นั่งมอง ขับรถเล่น นั่งชิงช้า------ #วิถีชีวิตเด็กนอกเมือง ฮาาาา
ยังไงก็ ขอบคุณที่หลงกดเข้ามาอ่านค่ะ!
พรุ่งนี้วันจันทร์ ขอให้ทุกคนโชคดีนะคะ *ชูสามนิ้ว*
225 days left
Pairing : เมินโหยวผิง/จางฉี่หลิง x อู๋เสีย
Rate : PG (ใสๆ)
AU มหาลัยค่ะ
เซ็ทเดียวกัน >
[OS] #dmbjdaily (ชา) “ชานมเย็น” [ผิงเสีย+AU] https://dmbjth.thai-forum.net/t557-topic
[OS] #dmbjdaily (จูปาจุ๊บ) Bittersweet [ผิงเสีย AU] https://dmbjth.thai-forum.net/t569-topic
[OS] #dmbjdaily (เค้ก) a piece of cake [ผิงเสีย AU] R18 https://dmbjth.thai-forum.net/t851-topic
-----------------------------------------------------------------------------------
ง่วง...
ผมพยายามแหกตาตื่นเป็นรอบที่ร้อยของวัน ขณะนี้เวลาเก้านาฬิกานิดๆ แอร์เย็นฉ่ำ กับเสียงอาจารย์ที่บรรยายวิชาประวัติศาสตร์ศิลป์ ถ้าแถวนี้มีไม้จิ้มฟันผมคิดว่าผมคงได้ใช้มันเอามาถ่างตา
สำหรับคนที่ตีสามไม่ค่อยได้นอนแบบผมกลับต้องแหกขี้ตาตื่นแต่เช้าเมือโดนบอกว่าตัวเองไม่เข้าวิชานี้เลย ถ้าขาดอีกจะให้ F และเรียนใหม่พร้อมน้องปีหน้า ผมก็ต้องแหกขี้ตาตื่นแม้จะง่วงแค่ไหน ยิ่งไปกว่านั้น ท้ายคาบมีควิซด้วย น้ำตกทีลอซูยังไหลน้อยกว่าน้ำตาผมในตอนนี้เลย ฮือ
เวลาล่วงเลยไป ผมรับกระดาษควิซมาแบบงงๆ แล้วก็ทำแบบงงๆ ส่งแบบงงๆ ขนาดตอนหมดคลาสยังเดินออกแบบงงๆ รู้สึกเหมือนเป็นแวมไพร์ที่ใช้ชีวิตตอนกลางคืนมาทั้งชีวิต แต่มีวันหนึ่งตอนมาใช้ชีวิตกลาวันแบบกะทันหัน ถ้ามีตำรวจมาเห็นผมตอนนี้ เขาคงคิดว่าผมเมา
“เฮ้ย นายน้อยสาม เป็นอะไร สภาพอย่างกับซอมบี้เดินได้”
เสียงที่คุ้นเคยทักทาย เมื่อหันไปก็เจอกับหนุ่มคณะบัญชีที่ใช้แขนบางๆแต่ไม่เบาของเขากอดคอผมไว้อย่างสนิทสนม ผมเกือบล้มเลยหันไปด่า “ตัวก็ไม่ใช่เบาๆ ยังจะมาทำแบบนี้อีก!!”
“พูดเหมือนตัวเองผอมมาก ดูดิ วันแพ็คงอกแล้ว” แล้วก็ตบพุงผมทีนึง
“เสี่ยวฮัว!!”
ผมตะโกนแล้วแยกเขี้ยวใส่เขา หากอีกฝ่ายกลับหัวเราะชอบใจคล้ายรู้สึกสนุก เราสองคนคุยกันเรื่อยเปื่อยลงมาจนถึงข้างล่างตึก ก็พบกับใครบางคน...
เสียงฮือฮาดังเป็นหย่อมๆเมื่อเห็นว่าคนที่จอดมอเตอร์ไซค์คู่นั้นสวมชุดนักศึกษากับกางเกงพอดีตัวสีเข้ม บนใบหน้าหล่อคมขำใส่แว่นกันแดดสีชา มือของเขาเสยผมที่ร่วงลงมาปรกหน้า โอ้โห นี่คิดว่าหล่อมากใช่ไหม
หล่อแค่ไหนก็เป็นได้แค่เดือนนั่นแหละ จางฉี่หลิง!!
“งั้น... ฉันไปก่อนนะ”
เสี่ยวฮัวปล่อยมือออกจากไหล่ผมในวินาทีเดียวกับที่ผมเห็นใครอีกคนเดินมาจากอีกฝั่ง อาจารย์ที่ใส่แว่นตาสีดำคนนั้น ? เหมือนเขาจะไม่เคยถอดมันออกเลย แล้วช่วงนี้รู้สึกพอเสี่ยวฮัวเห็นอาจารย์คนนี้ก็จะเดินหนีไปโดยไม่ทราบสาเหตุ ผมเองไม่ใช่คนอยากรู้เรื่องชาวบ้านเพราะงั้นอย่าได้สนใจเลยแล้วกันครับ
“ไง ใส่แว่นกันแดดแล้วคิดว่าหล่อมากใช่ไหม”
“คิดว่าไงล่ะ”
อีกฝ่ายลงจากรถแล้วเดินมาใกล้ผม เขาถอดแว่นกันแดดออกแล้วมองผมนิ่งๆ โอเคครับ รู้แล้วครับว่าหล่อ ไม่ต้องมองมาก เดี๋ยวท้องขึ้นมาจะรับผิดชอบไม่ไหวเอา
“มีอะไรรึเปล่า ?” ผมถามเขาตรงๆ ขี้เกียจอ้อมค้อม ผมง่วง
“ต้องมีธุระด้วยหรอถึงมาหานายได้”
น้ำเสียงตัดพ้อของเขาทำให้ผมส่ายหน้าอย่างระอา แต่คำพูดต่อมาทำให้ผมต้องเงยหน้ามองความหล่อที่แสงจะระคายเคืองตา “คิดถึง ..ก็เลยมาหา”
“น้ำเน่า”
“แล้วยิ้มทำไม”
เมื่อถูกทักผมก็จับแก้มตัวเอง ปรากฏว่ายิ้มอยู่จริงๆด้วย ไอ้บ้าเอ้ย! อู๋เสีย ไอ้คนใจง่าย ผู้ชายหยอดนิดเดียวก็หลงไปกับคำเค้าแล้ว “ถ้าจะมาแค่แซวเฉยๆก็กลับไปเลยนะ”
“ล้อเล่น ....ไปหาอะไรกินกันนะ”
ผมมองเขาอย่างชั่งใจ ตอนนี้เป็นเวลาประมาณสิบเอ็ดโมง ก็ไม่ได้มีธุระอะไร แต่ก็ลองเงียบไว้ก่อน ดูว่าจางฉี่หลิงจะมีโปรโมชั่นอะไรมาล่อผมอีก
“ฉันเลี้ยงเอง” “ตกลง”
สัญญาด้วยชื่อของอู๋ซันเสิ่ง อู๋เสียไม่ใช่คนเห็นแก่กินครับผม!
ผมกระโดดขึ้นซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ของเขาที่ขับออกนอกมหาลัยไปพร้อมกับสายตาหลายคู่จ้องมองมายังพวกเรา ขอโทษนะครับ แต่ไอ้หล่อข้างหน้าผมนี่ไม่นิยมกินสตรีเพศ เสียใจด้วยนะครับสาวๆ
ลมตีหน้าผมจนรู้สึกหน้าแห้งไปหมด แต่อยู่ๆก็เหมือนนึกอะไรได้ เมื่อกี้หมอนี่เห็นตอนผมก็เสี่ยวฮัวเดินมาด้วยกัน กอดคอกันด้วย จะเข้าใจผิดแล้วเอาไปคิดแบบคราวนั้นรึเปล่า ?
ถึงแม้จริงๆเราจะยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสถานะระหว่างเราคืออะไรก็ตามทีเถอะ
“จางฉี่หลิง ....เมื่อกี้....”
“อะไร”
พอเขาตอบกลับมาด้วยเสียงนิ่งๆคำพูดผมก็คล้ายจะถูกกลืนลงคอ ไม่กล้าถามอะไร แต่เหมือนคนตรงหน้านี้จะรู้สิ่งที่ผมคิดก็เลยตอบออกมาทั้งๆที่ไม่ได้ถาม
“ถ้าจะถามว่าหึงไหม.......จะไม่โกหกว่าไม่หึง”
“แต่ฉันเชื่อใจนาย .....เพราะงั้นไม่เป็นไรหรอก”
ผมมองแผ่นหลังของเขา .....ทั้งๆที่ตอนนั้นหึงขนาดนั้นแท้ๆ คนๆนี้ทั้งน่ารักและใจกว้างอย่างเหลือเชื่อ ผมกระตุกยิ้มบางๆ หัวเราะในลำคอก่อนยื่นแขนไปกอดเขาและซบหน้าลงกับแผ่นหลังจนเขาขับเป๋ไปแปบนึง
หูของเขาขึ้นสีแดงนิดๆ น่ารักชะมัด
“ วางแผนอะไรอีกล่ะ ”
“ ต้องมีแผนอะไรด้วยหรอ ถึงกอดนายได้ ”
เขาถึงกับเงียบไปเลยเมื่อโดนประโยคเดียวกับที่เขาพูดกับผมสวนกลับไป แต่มือข้างนึงของเขาก็เมื่อมากุมมือผมไว้ ผมหลับตาลงหลับลงและกลิ่นควันที่ไม่พึงประสงค์ ขยับหัวซุกอีกคน จะว่าผมอ้อนก็ได้นะ ไม่รู้ทำไมถึงอ้อน แค่คนมันอยากอ้อนก็เท่านั้น ไม่มีเหตุผลหรอก
เราสองคนขับผ่านที่โน่นที่นี่ แต่ผมจำไม่ได้หรอก พอดีเป็นพวกเก็บตัว ไม่ค่อยออกเดินทาง ไม่มีเพื่อนมาเตะตูดให้ไปเปิดหูเปิดตาก็ไม่ค่อยจะขุดตัวเองออกจากหอ ด้วยความสัตย์จริง
จางฉี่หลิงพามาถึงร้านอาหารร้านหนึ่ง ร้านตกแต่งเรียบง่ายไม่หวือหวา หากแต่น่านั่ง มีคนนั่งอยู่ก่อนแล้วประมาณสี่ห้าโต๊ะ ถือว่าโอเคเลยทีเดียว พวกผมเดินเข้าไป และสั่งทันที
อาหารทยอยมา ผมก็เทลงหม้อ ร้านนี่เป็นร้านบุฟเฟ่ต์ ผมสั่งรัวมาจนบริกรหน้าซีด ทั้งผัก เนื้อ โน่นนี่นั่น โยนผักลงไปอย่างแรก ตอกไข่ ใส่เนื้อ ใส่โน่นจนเต็มไปหมด เหมือนผมลืมคนตรงหน้าไปชั่วขณะ เขาเองก็เงียบไปเหมือนกัน
ในขณะที่ท้องหิวผมไม่สนอะไรทั้งนั้น จ้วงเอาจ้วงเอา อีกฝ่ายก็มองเหมือนจะขำบ้าง แต่กินน้อยกว่าผมเยอะเลย ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมจะกินแทนเขาเองจะได้คุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไป
“นายนี่กินเก่งจริงๆ”
ผมยิ้มรับก่อนจะกินต่อ เกือบจะหมดเวลาแล้ว ผมรู้สึกถึงสายตาของอีกฝ่าย “ดูสิ กินเก่งไม่พอ กินเลอะอีก นี่เด็กมหาลัยหรือเด็กประถม” ก่อนที่เขาจะยื่นมือมาเช็ดซอสที่มุมปากผม ...
...และเลียนิ้วนั้นอย่างหน้าด้านๆ
ไม่เคยเข้าใจความรู้สึกนางเอกนิยายรักหวานแหววที่พระเอกทำแบบหมอนี่แล้วเขิน จนกระทั่งมาเจอกับตัว โอ้โห บอกเลยว่าเหมือนมีคนเอาไฟมาเผาหน้า ผมวางช้อนลง
เลี่ยนครับ กินไม่ลง
“อิ่มแล้วหรอ ไม่สั่งของหวาน ?”
“ฉันเกลียดของหวาน”
ผมมองหน้าเขาอย่างมีความหมาย เขาเองก็เหมือนจะเข้าใจเลยหัวเราะออกมาเบาๆ และลุกขึ้นไปจ่ายเงิน ก่อนจะขึ้นมอเตอร์ไซค์เตรียมกลับมอ
แต่เหมือนเขาจะยังไม่กลับ เพราะดันจอดรถข้างหน้าสนามเด็กเล่นที่ไม่มีเด็กเลยสักคน
“เฮ้ จะไปไหน”
เมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่ตอบ แต่กลับไปนั่งลงที่ชิงช้า ผมเลยเดินไปนั่งที่ชิงช้าข้างๆเขา “มาทำอะไรที่นี่ ?”
“นายนี่ถามตลอดเลยเนอะ”
อีกฝ่ายเห็นผมคิ้วกระตุกมือกระตุกกลัวผมจะถวายหมัดให้เขาเลยยื่นมือตัวเองมากุมเบาๆ... และตอบคำถามของผม
“ก็แค่อยากให้เวลาของเรายาวนานขึ้นอีกนิดนึง...”
อุ้ก…ผมถึงกับหน้าเห่อร้อนไปหมดเมื่อถูกกุมมือไว้แบบนี้พร้อมทั้งสายตาหวานเชื่อมที่ส่งมานั่น เสียงหัวใจดังจนผมรู้สึกรำคาญตัวเอง ใจง่าย ใจง่าย! ไอ้คนใจง่าย หยุดใจเต้นเดี๋ยวนี้นะว้อย!
ผมนั่งเขินจะบ้าตายพร้อมโยกชิงช้าเบาๆ แต่จางฉี่หลิงหยัดยืนขึ้นแล้วเดินมาข้างหลังผม พร้อมไกลให้เบาๆ อื้อหือ บรรยากาศเหมือนถ่าย MV ไม่ก็พรีเว็ดดิ้งสุดๆ เอาเลยครับ เต็มที่ เผาหน้ากูให้ไหม้เลยครับ
“นายบอกนายไม่ชอบของหวาน”
เสียงทุ้มพูดเหมือนเอ่ยลอยๆ แต่เนื้อความกลับคุยกับผมเต็มๆ “แต่นายก็กินจูปาจุ๊บของฉัน”
“ปกตินายจะลงมาซื้อกาแฟ”
“แต่หลังจากนายเจอฉันนายก็ลองเปลี่ยนมากินชานมเย็น”
“นายเกลียดของหวาน แต่นายชอบทำเค้ก”
เถียงไม่ออกสักประโยค เพราะมันเป็นความจริง แต่ที่ผมไม่คาดคิดคือเขาจะจำอะไรได้ขนาดนั้น “นายย้อนแย้งในตัวเอง แต่ฉันรู้สึกว่ามันก็สมเป็นตัวนายดี”
เสียงหัวเราะของเขาทำให้ผมหมั่นไส้นิดหน่อย เลยถามคำถามเดียวกับที่เคยถามเมื่อวันที่เจอเขาครั้งแรก
“จางฉี่หลิง ....นายทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร”
ผมแหงนหน้ามองเขา สบกับดวงตาคมสีดำที่มีเสน่ห์คู่นั้น คล้ายกับมีประจุไฟฟ้าแล่นผ่านร่างกาย เพียงแค่สบตาก็คล้ายโดนสะกดให้อยู่เฉยๆ และฟังเขา มองเขา อย่าได้ละสายตาไปไหน
“นายไม่รู้จริงๆหรอ ?”
“...”
“ที่วันนั้นฉันจูบนาย ที่ฉันเดินไปส่งนาย ซื้อจูปาจุ๊บ หึงนาย ......นายไม่รู้จริงๆหรอว่าฉันต้องการอะไร”
ไม่มีคำตอบให้เขา ลึกๆผมก็รู้... ผมก็แค่กลัว ผมกลัวการผูกพัน กลัวว่าสักวันผมสูญเสียมันไปและจะไม่สามารถอยู่ได้ เหมือนนกในกรงที่ถูกเลี้ยง เมื่อเจ้าของมันตายไป มันจะอยู่อย่างไร ?
“ถ้าฉันบอกว่าฉันอยากทำแบบนั้นกับนายอีก อยากไปที่โน่นที่นี่กับนายอีก พานายไปกินข้าว รับส่งนาย จับมือนายแบบเมื่อกี้ หรือไกวชิงช้าให้นายแบบตอนนี้ นายจะว่ายังไง”
ผมครุ่นคิดสักครู่ก่อนถามอย่างฉงน “นายคิดว่านายมีสิทธิ์นั้นไหมล่ะ ? นายเป็นใคร ? จางฉี่หลิง เดือนคณะโบราณคดี นายไม่ใช่พ่อแม่ ไม่ใช่เพื่อน และแน่นอนว่าไม่ใช่แฟน นายคิดว่าตัวเองเป็นใครถึงจะมาขอเวลาส่วนตัวของฉันไปทำเรื่องแบบนั้น”
รอยยิ้มที่ปรากฏบนหน้าเขาทำเอาผมไม่ไว้ใจ ยิ่งเมื่อเขาก้มหน้ามาใกล้จนลมหายใจใกล้ชิดกัน เขากระซิบเบาๆข้างหู
“ฉัน....ก็เป็นสตอล์กเกอร์ตอนตีสามของนายไง”
ก่อนจะทาบริมฝีปากอย่างอ่อนโยน
รสจูบที่ไร้การรุกรานของเขาหวานละมุนเหมือนนอนอยู่ในปุยเมฆ หลอกล่อให้เคลิบเคลิ้ม มันหวานยิ่งกว่าจูปาจุ๊บ ชานมเย็น หรือเค้กเสียอีก ผมหลับตาอย่างไม่รู้ตัวจนกระทั่งอีกฝ่ายผละออกไป ผมรีบก้มหน้าปิดปากตัวเอง
ผ เผลอไปอีกจนได้
ผมไอหนึ่งทีก่อนจะลุกขึ้นเผชิญหน้ากับเขา
“เป็นสตอล์กเกอร์ไม่มีสิทธิ์มาเอาเวลาฉันไปหรอกนะ”
“งั้นเป็นอย่างอื่นก็ได้ .... จากที่นายพูดมา ... ‘แฟน’ถูกใจฉันที่สุด”
ผมเพิ่งเคยเห็นคนที่ขอคนอื่นเป็นแฟนได้หน้าด้านที่สุดอย่างหมอนี่เป็นครั้งแรก แต่ผมเหยียดยิ้ม
“จากสตอล์กเกอร์ อัพเลเวลตัวเองเป็นแฟนนี่มันจะเร็วไปหน่อยม้าง”
ประโยคของผมอาจจะดูตัดความหวังเขามากเกินไปหน่อย เขาเลยหงอยลงอย่างเห็นได้ชัด ผมรู้สึกดีที่เห็นท่าทางนี้ของเขาที่คนอื่นคงไม่ได้เห็น เพราะปกติเขาก็เป็นแค่ดวงจันทร์ที่แสนเย็นชาและห่างไกล
แต่ผมกลับเดินไปไกลเขาแล้วกระชากเขาลงมาจูบเอง กว่าเขาจะรู้สึกตัวผมก็ผละออกมาก่อน หากแต่หน้ายังอยู่ใกล้กันเพียงลมหายใจกัน ผมมองเขา เขามองผม ก่อนที่จะเอ่ยออกไป
“อย่างนายตอนนี้ ....เป็นได้แค่ ‘ชานมเย็น’ เท่านั้นล่ะ ”
ชานมเย็น ...ที่ทั้งหวาน ทั้งเลี่ยน แต่ก็เปลี่ยนให้คนที่เสพแต่กาแฟอย่างผมเปลี่ยนเครื่องดื่ม
ผมอาจจะอยากลองเปลี่ยนอะไรบ้าง...
“ตกลงไหม นายชานมเย็น”
“มีทางเลือกหรือไง”
“จะไม่เป็นก็ได้นะ”
ผมหันหลังเตรียมเดินกลับ แต่ก็ถูกเขารั้งไว้ด้วยกอดจากข้างหลัง เขากอดผมแน่นอย่างกับผมจะไปจริงๆ เขากระซิบ “เป็นก็เป็น ชานมเย็นก็เป็น”
หลังจากชานมเย็นของผมกอดผมแน่น เขาก็หันหน้าผมให้มาข้างหน้าแล้วจูบผมอีกครั้ง และอีกครั้ง ความหวานละมุนทำให้ผมแทบเป็นบ้า
ไม่ว่าชานมเย็นแก้วไหน ก็หวานไปทั้งนั้นเลย
“หึหึหึ ถ้าถูกใจเดี๋ยวให้อัพเลเวลเป็นอย่างอื่นนะ”
“เป็นแฟน!?”
“จูปาจุ๊บก่อนแล้วกัน”
จากนี้ผมเชื่อว่า ชีวิตผมคงไม่สงบสุขแน่ๆ เพราะชานมเย็นของผม...คงทำมากกว่าที่เคยสตอล์กเกอร์แน่ๆ
ทุกคนที่มหาลัยสงสัยว่าทำไมหมู่นี้ผมสนิทกับจางฉี่หลิงที่เป็นถึงเดือนคณะโบราณฯได้ ผมเป็นอะไรกับเขา หรือเขาเป็นอะไรกับผม ทุกครั้งจะแค่ยิ้มแล้วตอบไปว่า
“ก็แค่ ชานมเย็นของฉัน”
….ของผมคนเดียว
The end
---------------------------------------------------------------------
ขอวิ่งไปอ้วกแปบค่ะ ฮือ แต่งเองรู้สึกมันเลี่ยนเอง O<--< ถ้าเลี่ยนไปหรือจริงๆแล้วมันไม่หวานเลย ขอโทษค่ะ 5555555555555555555555
ส่วนตัวชอบบรรยากาศสบายๆ นั่งกินอาหาร นั่งมอง ขับรถเล่น นั่งชิงช้า------ #วิถีชีวิตเด็กนอกเมือง ฮาาาา
ยังไงก็ ขอบคุณที่หลงกดเข้ามาอ่านค่ะ!
พรุ่งนี้วันจันทร์ ขอให้ทุกคนโชคดีนะคะ *ชูสามนิ้ว*
225 days left
Shiaeri- ด้วงสุสานใต้สมุทรทะเลซีซา
- จำนวนข้อความ : 135
Points : 3655
Join date : 10/11/2014
ที่อยู่ : หน้าประตูสำริด
Re: [OS] #dmbjdaily (หวาน) 3 A.M. stalker [ผิงเสีย AU]
ง๊าววววววววววว น่ารัก 'นายชานมเย็นของฉัน' ถถถถ อู๋เสีย เล่นตัวนะเรา 55555
คุณเดือนคณะโบราณคดีก็พอกันนะคะ เขาให้เป็นอะไรก็เป็นหมด ถ้าจะหลงมาก 555
ยังไงก็ขอเลเวลอัพให้ได้เป็นแฟนเร็วๆ ละกันค่ะ 555
คุณเดือนคณะโบราณคดีก็พอกันนะคะ เขาให้เป็นอะไรก็เป็นหมด ถ้าจะหลงมาก 555
ยังไงก็ขอเลเวลอัพให้ได้เป็นแฟนเร็วๆ ละกันค่ะ 555
Re: [OS] #dmbjdaily (หวาน) 3 A.M. stalker [ผิงเสีย AU]
จากสตอกเกอร์ มาเป็นชานมเย็น ถัดไปก็จุปาจุ๊บ เค้ก แล้วก็แฟนสินะ
ขอให้ได้อัพเลเวลเร็วๆนะพ่อเดือนโบราณคดี
ขอให้ได้อัพเลเวลเร็วๆนะพ่อเดือนโบราณคดี
kame_kazuha- ด้วงต้นไม้เทพเจ้า
- จำนวนข้อความ : 274
Points : 3745
Join date : 27/10/2014
ที่อยู่ : สุสานสักที่
Re: [OS] #dmbjdaily (หวาน) 3 A.M. stalker [ผิงเสีย AU]
โอยยย หวานนนซ้าาาาาาาาาาาาา ขนอ้อยมาทั้งไร่ยังพ่ายเลยมั้งเนี่ยยยย
เขินจนเม้นท์ไม่ถูกเลย*กัดผ้าเช็ดหน้าอย่างร้ายกาจ*
เขินจนเม้นท์ไม่ถูกเลย*กัดผ้าเช็ดหน้าอย่างร้ายกาจ*
GhostInGrave- ด้วง
- จำนวนข้อความ : 39
Points : 3502
Join date : 03/11/2014
Re: [OS] #dmbjdaily (หวาน) 3 A.M. stalker [ผิงเสีย AU]
อินายน้อยยยยยยยยยย #ขออภัยนะคะ อดไม่ไหวจริงๆ
สกิลนี้ท่านได้แต่ใดมา รึว่ามันจะเป็นสิ่งที่ถ่ายทอดมาในตระกูลอู๋คะ ไอ้ที่ทำให้คนเขารักหัวปักหัวปำแบบนี้น่ะ
ทำให้เดือนคณะโบราณคดีเป็นชานมเย็น กล้ามากค่ะนายน้อย
ยั่วแบบไว้ตัวมาก อ่อยแบบสงวนท่าที ล้ำมากค่ะนายน้อย เริ่ดแท้
หมั่นไส้นายน้อยมากตอนที่บอกว่าไอ้หล่อข้างหน้านี้ไม่นิยมสตรีเพศ ให้ตายไม่เคยรู้สึกหมั่นไส้ขนาดนี้เลย ๕๕๕๕๕๕
ว่าแต่นายน้อยสนใจเรื่องเพื่อนสนิทบ้างสิ เสี่ยวฮัวกับอาจารย์คนนั้นเป็นอะไรกันงี้ สนใจนิดนึงสิ ด้วงอยากรู้นะ! /โดนพลองหวด
สกิลนี้ท่านได้แต่ใดมา รึว่ามันจะเป็นสิ่งที่ถ่ายทอดมาในตระกูลอู๋คะ ไอ้ที่ทำให้คนเขารักหัวปักหัวปำแบบนี้น่ะ
ทำให้เดือนคณะโบราณคดีเป็นชานมเย็น กล้ามากค่ะนายน้อย
ยั่วแบบไว้ตัวมาก อ่อยแบบสงวนท่าที ล้ำมากค่ะนายน้อย เริ่ดแท้
หมั่นไส้นายน้อยมากตอนที่บอกว่าไอ้หล่อข้างหน้านี้ไม่นิยมสตรีเพศ ให้ตายไม่เคยรู้สึกหมั่นไส้ขนาดนี้เลย ๕๕๕๕๕๕
ว่าแต่นายน้อยสนใจเรื่องเพื่อนสนิทบ้างสิ เสี่ยวฮัวกับอาจารย์คนนั้นเป็นอะไรกันงี้ สนใจนิดนึงสิ ด้วงอยากรู้นะ! /โดนพลองหวด
karnalone- ด้วงสุสานใต้สมุทรทะเลซีซา
- จำนวนข้อความ : 115
Points : 3597
Join date : 27/10/2014
Re: [OS] #dmbjdaily (หวาน) 3 A.M. stalker [ผิงเสีย AU]
ชานมเย็นแก้วนี้กินไม่ได้นะคะ น่าจะโดนกินมากกว่า ยี่ห้อใหม่สายพันธุ์จาง
meanato- ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ
- จำนวนข้อความ : 487
Points : 3961
Join date : 27/10/2014
Age : 26
ที่อยู่ : หลังประตูสัมฤทธิ์
Re: [OS] #dmbjdaily (หวาน) 3 A.M. stalker [ผิงเสีย AU]
โฮกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก หวานมากข่าาาาาาาา /ซับเลือดรัวๆ
ชอบตรง “ฉัน....ก็เป็นสตอล์กเกอร์ตอนตีสามของนายไง” กับ ชานมเย็น
กรี๊ดมากค่ะ
ชอบตรง “ฉัน....ก็เป็นสตอล์กเกอร์ตอนตีสามของนายไง” กับ ชานมเย็น
กรี๊ดมากค่ะ
Cathareen- ด้วงสุสานใต้สมุทรทะเลซีซา
- จำนวนข้อความ : 149
Points : 3595
Join date : 24/12/2014
Re: [OS] #dmbjdaily (หวาน) 3 A.M. stalker [ผิงเสีย AU]
หวานค่ะ อร้ายยยย จางฉี่หลิงน่ารักจัง><
Tang_An-An- ด้วงต้นไม้เทพเจ้า
- จำนวนข้อความ : 225
Points : 3693
Join date : 29/10/2014
Age : 26
ที่อยู่ : ร่อนเร่พเนจรไปตามท้องทุ่ง
Re: [OS] #dmbjdaily (หวาน) 3 A.M. stalker [ผิงเสีย AU]
โอ๊ย ขำมุกเป็นชานมเย็น ก่อนจะได้เป็นแฟนยังต้องเป็นจูปาจุ๊บ เป็นเค้ก แล้วต้องเป็นบุฟเฟ่ชาบูด้วยอะเปล่าเนี่ย???!!!!!
Snake_Blind- ด้วง
- จำนวนข้อความ : 41
Points : 3494
Join date : 06/12/2014
Age : 33
Re: [OS] #dmbjdaily (หวาน) 3 A.M. stalker [ผิงเสีย AU]
หวานค่ะ.....จนเลี่ยนแล้วค่า!!! มดไต่ขึ้นเต็มจอคอมเลยค่ะ
เป็น ชานมเย็น แล้วค่อยๆอัพเลเวลสินะ แต่ทางพฤตินัยนี่มันเกินขั้นคำว่าแฟนแล้วมั้งคะเนี่ย แล้วถ้าได้อัพเลเวลเป็นแฟนจริงๆ จะแสดงออกขนาดไหนเนี่ย ฮ่าๆ
เป็น ชานมเย็น แล้วค่อยๆอัพเลเวลสินะ แต่ทางพฤตินัยนี่มันเกินขั้นคำว่าแฟนแล้วมั้งคะเนี่ย แล้วถ้าได้อัพเลเวลเป็นแฟนจริงๆ จะแสดงออกขนาดไหนเนี่ย ฮ่าๆ
ryu77- ด้วงตำหนักหลู่หวังเจ็ดดารา
- จำนวนข้อความ : 64
Points : 3540
Join date : 01/11/2014
Re: [OS] #dmbjdaily (หวาน) 3 A.M. stalker [ผิงเสีย AU]
หวานนนนนนนนนนนนนนน หวานมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
ชานมเย็นแก้วนี้หวานไปนะคะ แต่ก็อยากกินอีกหลายๆ แก้วจังเลยยย
นายน้อยร้ายกาจและงกมากค่ะ 55555+
ชานมเย็นแก้วนี้หวานไปนะคะ แต่ก็อยากกินอีกหลายๆ แก้วจังเลยยย
นายน้อยร้ายกาจและงกมากค่ะ 55555+
Re: [OS] #dmbjdaily (หวาน) 3 A.M. stalker [ผิงเสีย AU]
หวานป๊ายยยย โอ้ยเขินนน เอาอีกกกกกก
zerin- ด้วงสุสานใต้สมุทรทะเลซีซา
- จำนวนข้อความ : 188
Points : 3667
Join date : 05/11/2014
ที่อยู่ : เกาะอยู่หลังประตูสำริด
Re: [OS] #dmbjdaily (หวาน) 3 A.M. stalker [ผิงเสีย AU]
หุหุหุหุหุ โดนซบทีขับรถเป๋ไปวูบนึงเลยนะเสี่ยวเกอออฮิ้ววววววว
Rozenkreuz- ด้วงอาณาจักรเจ้าแม่ซีหวังหมู่
- จำนวนข้อความ : 625
Points : 3848
Join date : 01/07/2015
Age : 31
ที่อยู่ : กองทัพผีเก็บเห็ดแห่งประตูสำริด
Similar topics
» [OS] #dmbjdaily (หวาน) The Reason He was All Alone [ผิงเสีย]
» [OS] #dmbjdaily (แมว) แค่เธอดูแลด้วยรักและปลาทู [ผิงเสีย]
» [Drabble] #dmbjdaily (หวาน) กาแฟขม [เอ้อร์เหลียน]
» [OS] #dmbjdaily '520' (ผิงเสีย :: เหม่งจาง,ผิงเสีย)
» [OS] #dmbjdaily (จาง) ร้านขายยาในหมอกฝัน [ผิงเสีย]
» [OS] #dmbjdaily (แมว) แค่เธอดูแลด้วยรักและปลาทู [ผิงเสีย]
» [Drabble] #dmbjdaily (หวาน) กาแฟขม [เอ้อร์เหลียน]
» [OS] #dmbjdaily '520' (ผิงเสีย :: เหม่งจาง,ผิงเสีย)
» [OS] #dmbjdaily (จาง) ร้านขายยาในหมอกฝัน [ผิงเสีย]
หน้า 1 จาก 1
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
|
|
Fri 24 Jul 2020, 01:39 by gustoon
» [คู่มือด้วง] Keyword จีนสำหรับการขุด(แฟนดอม)สุสาน
Thu 21 Jun 2018, 00:29 by miskizfullmoon
» มังฮวาและภาคทิเบต
Thu 21 Jun 2018, 00:23 by miskizfullmoon
» [OS] Father is the best (ผิงเสีย)
Thu 03 Aug 2017, 16:12 by schneewittchen
» [Fic] สิ่งเล็กๆที่เชื่อมโลก5 [เมินโหยวผิง+อู่เสีย+เสี่ยอ้วน]+OC
Tue 01 Aug 2017, 12:30 by natsume
» [OS] #dmbjdaily (จูปาจุ๊บ) Bittersweet [ผิงเสีย AU]
Thu 06 Apr 2017, 15:58 by Zeth
» [OS] #dmbjdaily "โทรศัพท์มือถือ" - no Pairing [All]
Tue 04 Apr 2017, 22:27 by Zeth
» [OS] #DMBJDaily (แว่น): ระยะที่มองไม่เห็น [ฮัวเสีย]
Sat 01 Apr 2017, 16:55 by Zeth
» [OS] #DMBJdaily (5.20) ท่านยอดฝีมือ [หวังเหมิง (+เหมิงเสีย)(+ผิงเสีย)]
Thu 30 Mar 2017, 17:24 by Zeth