Countdown
We've been
togerther for

ค้นหา
 
 

Display results as :
 


Rechercher Advanced Search


[Trans] ราชานักตก (钓王) #ตอนพิเศษตรุษจีน2016 - Chapter 14

Go down

[Trans] ราชานักตก (钓王) #ตอนพิเศษตรุษจีน2016 - Chapter 14 Empty [Trans] ราชานักตก (钓王) #ตอนพิเศษตรุษจีน2016 - Chapter 14

ตั้งหัวข้อ by souless_angel Wed 22 Jun 2016, 23:02

ราชานักตก 14《钓王14》

ทางมัจฉา


ตอนที่ผมกำลังปีน ผมนึกในใจว่า ผมไม่ได้ไม่มีแรงพลิกตัวขึ้นไป แม้แรงดีดตัวของผมไม่ได้เยอะขนาดนั้น แต่เส้นเอ็นของผมก็ยังอ่อน
ผลการฝึกด่วนของนายบอดเมื่อตอนนั้น ยังช่วยให้ผมควบคุมร่างกายตัวเองได้ เพียงแต่ผมไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้น

ในเมื่อผมใช้ปีนเอาก็ได้ แล้วทำไมต้องกระโดดด้วย

ผมเกาะลำต้น นายอ้วนออกแรงผลัก ผมก็พลิกขึ้นไปแล้ว เหลยเปิ่นชางถามจากข้างล่างว่า "พวกเอ็งขึ้นต้นไม้ไปทำอะไร"

นายอ้วนกล่าว "คุณไม่รู้เรื่องก็หุบปากซะ นี่เรากำลังหาเส้นทางให้อยู่ อย่ามาขัดจังหวะการใช้ความคิด ถ้ารู้งานก็ไปตกปลาเตรียมไว้ให้พวกเราฉลองสักตัวโน่น"

ตาแก่ฟังแล้วพยักหน้าเหมือนเข้าใจแต่ก็เหมือนไม่เข้าใจ แล้วหันไปง่วนกับหน้าที่ตัวเอง ผมดึงนายอ้วนขึ้นมา ทั้งสองคนปีนต่อไปจนถึงยอด
แล้วก็เห็นเมินโหยวผิง พิงกับกิ่งไม้กิ่งหนึ่ง กำลังมองดูลักษณะภูเขารอบๆ

ผมทำเป็นไม่เหนื่อยไม่หอบ ปีนขึ้นไปพิงกับกิ่งไม้อีกกิ่งชิลล์ๆ นายอ้วนพิจารณาขนาดของกิ่งไม้ แล้วก็นั่งลงตรงโคนกิ่ง ผมเพิ่งโพสท่าเสร็จ เตรียมจะส่องภูเขาหาพิกัด
เมินโหยวผิงก็พลันเหมือนเห็นอะไรแล้ว เขาเดินไปบนกิ่งไม้แนวขวางที่ยาวมากกิ่งหนึ่ง ไต่ไปทางปลายไม้ ขณะที่กิ่งไม้โน้มงอลง เขาย่อตัวลงจับกิ่ง
ห้อยตัวลงไปบนโขดหินริมบึง พร้อมรูดใบไม้มากำหนึ่ง โปรยลงไปในบึง

ใบไม้ตกลง ค่อยๆ ลอยไปทางผิวน้ำ ผมกับนายอ้วนสบตากันแวบหนึ่ง ผมนึกในใจว่า ผมยังต้องส่องต่อไหม ปีนขึ้นปีนลงนี่คือจะเอาชีวิตกันใช่ไหม

เห็นเหลยเปิ่นชางมองมาทางเรา ผมตัดสินใจทำท่าทำทางไปก่อน ไม่อย่างนั้นจะถูกจับได้เอาง่ายๆ ว่าพวกเราตามสเต็ปกันไม่ทัน จึงทำท่าทอดตามองไกล
ขณะที่ในใจนั้นครุ่นคิดว่า เมินโหยวผิงเจออะไรเข้าหรือ

มองดูรอบๆ เป็นต้นไทรทั้งหมด ภูเขารอบๆ นี้เตี้ยมาก มองไม่เห็นโขดหินยักษ์ตรงไหน สถานที่เช่นนี้ไม่มีอะไรให้สอดส่อง สืบทิวมังกรจะต้องไปส่องมองจากที่สูง
ต้นไม้ต้นนี้คือต้นที่สูงที่สุดของที่นี่ แต่เห็นได้ว่าก็ยังสูงไม่พอ ไม่รู้จริงๆ ว่าคนโบราณนั้นดูอย่างไร

พลิกตัวลงต้นไม้ ลงสู่พื้นอย่างมั่นคง ทิ้งนายอ้วนให้โอ้เอ้อยู่ข้างบนคนเดียว ผมมาข้างๆ เมินโหยวผิง นั่งยองๆ ลงบนโขดหินบ้าง มองไปยังผิวน้ำ
แล้วเขาก็พูด "มีอุโมงค์" พูดพลางชี้ไปยังผนังหลุมยุบฝั่งหนึ่งที่มีรากไทรขดพันไว้อย่างกับงู ผมมองไม่ออกว่าข้างหลังรากไม้มีอะไร แต่จุดที่เขาชี้นั้นอยู่ใกล้ผิวน้ำ

"รู้ได้ไง" ผมถาม เมินโหยวผิงชี้ไปยังใบไม้ที่ลอยอยู่เหนือน้ำ ผมเข้าใจทันที เมื่อครู่ที่โปรยใบไม้ลงไป ก็เพื่อดูว่าข้างล่างนั้นมีลมพัดหรือไม่ ดูท่าจะมี
แสดงว่าข้างล่างมีช่องลม สถานที่ปิดเช่นนี้มีช่องลม ย่อมเป็นอุโมงค์หรือรอยแยก

ผมหันกลับขึ้นไปดูยอดไม้ การกระทำเหล่านี้สมัยก่อนต่อให้ดูเป็นสิบๆ รอบผมก็ไม่รู้เรื่อง แต่ช่วงเวลานี้ ผมพยายามขอความรู้จากเขาหลายครั้ง
จึงพอเข้าใจหลักการ เขาขึ้นไปดูภูเขา เมื่อเห็นว่าฮวงจุ้ยและทิวมังกรนั้นมองจากตรงนี้ไม่เห็น ก็มองหาตำแหน่งกระแสน้ำใต้ดิน
ลักษณะของภูเขาที่นี่กับระดับความลึกของน้ำไม่สอดคล้อง ก็สงสัยว่าตัวบึงลึกนี้มีปัญหา ไม่รู้ว่าใช่อย่างนี้หรือเปล่า

พยายามสอดส่องอย่างละเอียด ใช้กล้องส่องทางไกลช่วย เข้าไปตรวจดูใกล้ๆ ในที่สุดก็เห็นว่าด้านหลังของรากไม้ มีอุโมงค์ขนาดเล็กอยู่อุโมงค์หนึ่ง
คนหนึ่งคนนั่งยองๆ น่าจะพอเข้าไปได้ แต่บัดนี้มีรากไม้หุ้มปิดไว้หมดแล้ว

เมินโหยวผิงหยิบขวานขึ้นมาจาม ฟันรากไม้ที่ปิดปากอุโมงค์ออก มองเห็นว่ารากไม้ยังเลื้อยลึกเข้าไปอีกมาก พวกเราใช้เชือกชักรอกเป้ใส่อุปกรณ์ลงไป
แล้วผูกเชือกไว้กับต้นไม้ ลงไปในอุโมงค์ทีละคน รากของต้นไทรช่วยให้ปีนป่ายง่าย เพียงแต่ส่วนของรากที่อยู่ใกล้ผิวน้ำจะมีตะไคร่ ทำให้ลื่นมาก

พอมุดเข้าอุโมงค์ แสงสว่างก็มืดลง ปากอุโมงค์เป็นพื้นที่มีรากไทรเกาะเต็ม ดังนั้นจุดที่เท้ายืนจึงลำบากมาก ตะไคร่เขียวที่เปียกชื้นพอย่ำลงไปน้ำสีเขียวก็ทะลัก
ดูท่าสถานที่นี้ บางทีน้ำก็ท่วมมิด อุโมงค์ยิ่งเข้าไปลึกขึ้นก็ยิ่งลาดลง ไม่นานก็มืดสนิท ผนังอุโมงค์เป็นหินที่แทบไม่ผ่านการเกลาแต่ง ขรุขระไปหมด มีอากาศชื้นพัดออกมาจากด้านใน

ผมกับนายอ้วนนั่งยองๆ อย่างเบียดเสียด เหลยเปิ่นชางรั้งท้ายสุด เมินโหยวผิงนำหน้า ขาของผมชักจะเริ่มเป็นตะคริว แล้วนายอ้วนก็พูด

"ดูไว้ให้ดีนะพรรคพวก ไม่ใช่จะเจอกันง่ายๆ นี่ไม่ใช่เส้นทางสำหรับคนเดิน"

"ไม่ใช่เส้นทางคนเดิน แล้วให้อะไรเดิน" ผมพูดอย่างระวังตัว ไม่รู้ว่าเขาจะกล่าวข้อสรุปอันสะท้านโลกแต่มักเป็นความจริงใดๆ ออกมา

"เป็นเส้นทางเดินสำหรับปลา" นายอ้วนกล่าว ดวงตาเปล่งประกาย เห็นได้ว่าตัวเขาเองก็ยังประหลาดใจ "นี่คือทางมัจฉา"

"ทางมัจฉา?" ผมคลำหินรอบด้าน นายอ้วนกล่าว "ฉันแค่เคยได้ยินมา ไม่นึกเหมือนกันว่าจะมีอยู่จริง ทะเลสาบใต้พิภพข้างใต้นี่ ถ้ามีสิ่งปลูกสร้างอะไรจริงละก็
สิ่งปลูกสร้างพวกนี้ต้องใช้อิฐหิน ซึ่งไม่ได้ใช้คนขนเข้าไป แต่ใช้ปลา นายดูขนาดของอุโมงค์หินนี่สิ ถ้ามีปลาที่มีขนาดพอๆ กับเส้นผ่านศูนย์กลางของอุโมงค์นี่
มันก็ต้องว่ายลงไปข้างล่างได้อย่างเดียว เมื่อผูกหินไว้กับตัวมัน มันก็จะลากหินลงไปข้างใต้ แล้วคนข้างใต้ก็แค่คอยดักจับมัน"

ผมลูบคาง นึกในใจว่ามีเรื่องอย่างนี้ด้วยรึ แล้วปลานี่จะขึ้นไปยังไงล่ะ ถ้าหากนี่เป็นทางน้ำ ทำไมตอนนี้ไม่มีน้ำ หรือว่าลึกลงไปหน่อยจะมีน้ำ งั้นพวกเราก็ลงไปไม่ได้แล้วละสิ

เมินโหยวผิงจุดตะบันไฟ ปาลึกลงไปในทางมัจฉา จากตำแหน่งที่ผมอยู่ มองไม่เห็นความตื้นลึก เขามองข้างล่างสองสามที แล้วเริ่มขยับตัวลงไป พูดว่า "อย่าส่งเสียงเด็ดขาด"

---

หนานไพ่ฯ Talk:
แฮปปี้เบิร์ธเดย์
ใกล้วันเกิดผมแล้ว อายุ 34 แล้ว ผมสบายดี...
ปล.โพสต์นี้โพสต์ก่อนวันที่ 20 กุมภา

คนแปล Talk:
นายน้อยมีเรื่องให้ต้อง "มองบน" ใส่เยอะเหลือเกิน
ส่วนเนื้อเรื่องดำเนินมาถึงตรงนี้ ต้องยอมรับว่าหนานไพ่ฯ โชว์ของอีกครั้ง
ช่วงนี้อาจแปลช้าหน่อยนะครับ อยู่ระหว่างการหายหวัด และเริ่มทดสอบโปรเจ็กต์ใหม่อยู่ด้วยครับ
(เจอคำผิดหลังไมค์มาบอกได้นะครับ แค่กๆๆ)
souless_angel
souless_angel
ด้วงสกุลเอ้อร์
ด้วงสกุลเอ้อร์

จำนวนข้อความ : 413
Points : 4595
Join date : 26/10/2014
ที่อยู่ : ใต้เตียงท่านเอ้อร์

ขึ้นไปข้างบน Go down

ขึ้นไปข้างบน

- Similar topics

 
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ