Countdown
We've been
togerther for
ค้นหา
Latest topics
Most active topics
[Fic]คุณหนูตระกูลอู๋'4'
หน้า 1 จาก 1
[Fic]คุณหนูตระกูลอู๋'4'
"เตี่ย...เตี่ยครับ"
"หืม"ผมตื่นขึ้นจากภวังค์ เสี่ยวเหยียนลูกชายผมขมวดคิ้วเล็กน้อย เขากำลังรู้สึกว่าสิ่งที่พูดไปเมื่อครู่ผมอาจไม่ได้สนใจฟัง ซึ่งมันเป็นเรื่องจริง....
ผมกระแอมสองสามทีเพื่อรักษามาด ก่อนจะหยิบแฟ้มเอกสารขึ้นดู
"แกจัดการตามที่เห็นสมควรเถอะ"
เสี่ยวเหยียนเก็บของก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงกังวล
"เตี่ยไม่สบายหรือครับ"
"นิดหน่อยน่ะ ไม่ต้องห่วง...."
"ได้ยินว่า หลิงเอ๋อร์ก่อเรื่อง...."
"แกควรจะชินกับม้ายพศตัวนั้นได้แล้ว เด็กนั่นเป็นแก้วตาดวงใจของแกกับฉัน เราทำได้แค่ประคองเธออยู่ข้างๆ....เราห้ามนกไม่ให้บินไม่ได้หรอกนะ..."
เสี่ยวเหยียนนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพึมพำเบาๆ
"ถ้างั้นผมคงจะหักปีกมันก่อน....ขอตัวนะครับเตี่ย"
ผมถอนหายใจเบาๆหลังจากเสี่ยวเหยียนออกไปแล้ว แม้เขาจะอายุไม่มาก แต่ความคิดการกระทำเยือกเย็นเฉียบขาดยิ่งกว่าผมแต่ก่อนเป็นไหนๆ บางครั้งผมก็อยากจะถอดหน้ากากเถ้าแก่อู๋ออก อยากเป็นเทียนเจินผู้ไม่เคยต้องแบกรับสิ่งใดมากไปกว่าบิลค่าน้ำค่าไฟและเงือนเดือนอันน้อยนิดหวังเหมิง
ใครบางคนหายไปอยู่หลังประตูสิบปี...ผมรอเขาได้ เพราะผมก็รู้ว่ายังไงเขาก็อยู่ตรงนั้นเสมอ...
เขาหายไปอีกครั้ง...ผมก็รับได้ เพราะผมแน่ใจว่าเขายังไม่ตาย
แต่ตอนนี้...เขาเป็นตายร้ายดีอย่างไรไม่มีใครรู้....ผมรู้ว่าเขาเก่ง ผมไม่มีสิทธิ์ไปห่วงเขา แต่เมินโหยวผิงก็เป็นคน มีเนื้อหนัง....ผมไม่เคยทำใจไว้ล่วงหน้าเลยว่าสักวันเขาคงพลาด ผมเอาแต่คิดถึงคนหน้านิ่งไปยืนทึ่มๆหน้าป้ายหลุมศพของผม....ผมไม่คิดเลยว่าจะมีวันนี้ เป็นที่ผมจะไม่ได้เขาอีก...ผมรู้สึกว่า โลกของตัวเองมันว่างเปล่า
ตอนแรกผมยังหวังว่าเขาจะรอด ผมใช้ทุกวิธีทางง้างปากคนตระกูลจางนั่น ทว่า...นายเมินน้อยเอาแต่เงียบ มองนอกหน้าต่างหรือไม่ก็หาทางหนี วันที่หลิงเอ๋อร์ขอไปเยี่ยมเขา ลูกสาวผมถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่รู้คุยด้วยวิธีไหน พอถามถึงเมินโหยวผิง นายจางน้อยส่ายหน้าเบาๆแล้วไม่พูดอะไรอีกเลย...
นาย...อยู่ไหนน่ะเมินโหยวผิง...นายทิ้งฉันไปอีกแล้วสินะ...
...
'10 ก่อนที่หน้าประตูสำริด
"นายแก่ขึ้นนะ"เมินโหยวผิงพูด....ราวกับเวลาหยุดนิ่ง ผมมองเขา ความรู้สึกหลายอย่างตีกันไปหมด
"อู๋เสียแก่ขึ้นไม่พอนะ ยังแต่งงานแล้วด้วย ลูกสองเชียวล่ะ"นายอ้วนตรงเข้าไปคล้องไหล่เมินโหยวผิงจนเขาเซไปมา "เขาไม่เทียนเจินแล้วนาเสี่ยวเกอ"
"...."
"......"
ผมรู้สึกว่ามีก้อนจุกอยู่ที่คอหอย ทำไมผมรู้สึกแย่ รู้สึกกังวลล่ะ นั่นมันครอบครัวผม ผมกำลังกลัวอะไร?....ผมจ้องเมินโหยวผิง ใจเต้นระส่ำ รอคอยคำพูดสักคำจากปากของเขา
แต่เขาไม่พูด ไม่พูดอะไรอีกเลย จนกระทั่งวันที่เขาทิ้งผมไปอีก
"ฉันมีเหตุผลของฉัน...ซึ่งฉันไม่มีวันบอกเหตุผลนั้นกับนาย...." '
ฉันโดนเตี่ยสั่งกักบริเวณ พี่เหยียนก็สวดชุดใหญ่แถมยังไปตามรังควานนายอวิ้นอีก หมอนั่นก็โทรกลับมาด่าฉันจนหูชา คว่ำกรวยคราวนี้พาชีวิตพินาศจริงๆ-_-+
สี่วันก่อนฉันได้รับอนุญาตให้ไปเยี่ยมนักโทษหน้าหล่อ(บ้านฉันกลายเป็นคุกตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ) หมอนั่นสร้างความวุ่นวายให้กับเหล่าผู้คุม(วิญญาณ)ไม่เว้นวัน โชคดีที่ร่างกายจางน้อยยังฟื้นตัวไม่ดีนัก แถมลูกน้องเตี่ยฉันก็มากฝีมือแถมจำนวนก็เยอะกว่าเห็นๆ โดยเรื่องจบที่เขาถูกลากกลับไปที่เตียง....รวมถึงวันนี้ก็ด้วย
ฉันเดินไปนั่งข้างๆเขาที่กำลังนอนเอามือก่ายหน้าผาก คิ้วคู่งามขมวดเข้าหากันเล็กน้อย
"กินส้มไหม" เขาไม่ตอบหรอก แต่ฉันก็ปอกแล้วยื่นไปจ่อปากเขา
"สรุปแล้ว พี่เป็นคนตระกูลจางใช่ไหม ฉันควรเรียกพี่ว่าอะไรดีคะ? ฉันชื่อเฟยหลิง..อู๋เฟยหลิง"
"เธอต้องการอะไร"
"ฉันไม่ได้ต้องการ คนต้องการน่ะเตี่ยอู๋"
"ฉันให้คำตอบเขาไปแล้ว"
"อันนั้นไม่ใช่เรื่องของฉัน...แต่ว่าจางเกอ...ลุงจางเขา...."
เขาไม่ได้ตอบอะไร เอาแต่มองเพดาน(ก่อนหน้านั้นเขามองหน้าต่าง แต่เขาใช้มันเป็นช่องทางหนี เตี่ยเลยย้ายเขามาห้องที่มีแค่ประตูทางเข้า ดีแค่ไหนแล้วที่เตี่ยไม่ล่ามเขาน่ะ- - แต่คงอีกไม่นาน) บางทีฉันควรเรียกเขาว่านายเมินน้อย แบบที่เตี่ยเรียกลุงจาง ช่างเมิน น่าเบื่อเสียจริง
"จางเกอ...พี่พาฉันไปหาลุงจางได้ไหม?" ฉันเริ่มสงครามจิตวิทยา บอกแล้วว่าฉันโดนฝึกมาดี หุๆ แต่ก็นะ มาเจอนายเมินน้อย ห้องทั้งห้องโดนความเงียบครอบงำ
"ลุงจางเป็นคนสำคัญของเตี่ยฉัน สำคัญมากๆด้วย เตี่ยฉันอาจไม่ถูกที่ทำกับพี่แบบนี้ ฉันรู้ว่าพี่โกรธ....แต่ฉันขอล่ะ ฉันแค่อยากพบลุงจาง..."
"...เขาตายไปแล้ว....." เขาพลิกตัวหันหลังให้ฉัน แม่ม...อยากจะเอาเปลือกส้มยัดปากจริงๆ ไม่ได้สิ!เขาหันหลังหนีแบบนี้ แสดงว่าเขากำลังเลี่ยงประเด็น เขากำลังซ่อนบางอย่าง ความจริงลุงจางอาจจะยังไม่ตายก็ได้
"ฉัน..มีคำถามสำคัญมากที่ต้องถามลุงจาง ฉันยอมทำทุกอย่าง...ถ้าจางเกอรับปาก ฉันจะพาพี่หนีเองค่ะ..."
"เดี๋ยวฉันออกไปได้เอง"
"จางเกอยังไม่รู้จักเตี่ยฉันดี เมื่อเช้าฉันได้ยินเตี่ยคุยโทรศัพท์เรื่องยาบางอย่างกับอาเซี่ย บางครั้งเมื่อคนเราต้องการบางสิ่งมากๆ เขาก็ไม่เลือกวิธีหรอกนะคะ ฉันคิดว่า......"ฉันมองเเผ่นหลังคนตรงหน้า พยายามรักษาน้ำเสียงและระดับลมหายใจให้เป็นปกติ "เตี่ยอู๋จะไม่มีเอี่ยว แค่ฉันกับพี่...นี่เป็นการตัดสินใจของฉันคนเดียว.."
"ฉันไม่ได้เร่งนะคะจางเกอ แต่พี่ตัดสินใจเลยได้ไหม มันอาจดูฉุกละหุก แต่ทุกอย่างต้องทำภายในชั่วโมงนี้ ก่อนที่ทุกคนจะกลับมา...แล้วฉันจะไม่สามารถทำอะไรได้อีกเลย"เร่งอีกๆอย่าให้เขาได้ไตร่ตรองละเอียด
ฉันนับหนึ่งถึงสิบในใจ เมื่อเขายังอยู่เฉย ฉันก็หมดทางเท่านั้น...บางทีลุงจางอาจจากไปแล้วจริงๆหรือชาตินี้นายเมินน้อยอาจจะไม่มีทางเปิดปากเลยก็ได้...ฉัันลุกขึ้นก่อนจะหมุนตัวเพื่อออกจากห้อง
"ถ้าเป็นแผน...เธอเจ็บตัวแน่"
"คะ?"ฉันหันควับ แทบอยากจะไม่เชื่อหูตัวเอง
"ว่าแผนของเธอมา"
"ขอบคุณนะคะจางเกอที่ยอมเชื่อใจฉัน"ฉันเข้าไปจับมือเขาเขย่าด้วยความดีใจ แต่พอดึงสติได้ก็รีบปล่อย(นี่ฉันแต๊ะอั๋งผู้ชายได้ยังไงเนี่ย>.,<)
ฉันเล่าแผนให้เขาฟัง...เริ่มด้วย เดี๋ยวฉันจะเรียกความสนใจการ์ โดยให้คนสนิทยิงปืนตามเวลาที่ตกลงกันไว้ แล้วให้เขาหนีออกมา โดยวิ่งไปที่ห้องๆหนึ่ง (ซึ่งเป็นห้องฉันเองแหละหุๆ ) เพราะหน้าต่างห้องฉันติดต้นไม้ต้นหนึ่ง(ฉันปีนออกประจำเวลาโดนกักบริเวณ) ด้วยความสามารถของเขาฉันคิดว่าเขาคงข้ามกำแพงบ้านออกมาข้างนอกได้ ฉันจะสตาร์ทรถรอเขาแถวที่นั้น ซึ่งถ้าเขาหนีไปเองไม่ยอมขึ้นรถ ฉันก็จะยิงเขาซะ ซึ่งอันหลังฉันคงไม่โง่พูดออกไป ตอนนี้ฉันต้องเป็นเด็กสาวใสๆให้เขาหลอกใช้ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าใครจะหลอกใครกันแน่...
โชคดีที่เป็นไปตามแผน น่าแปลกที่เขาไม่ได้วิ่งหนีไปแทนที่จะมาขึ้นรถ อาจเพราะเขาคิดว่าฉันอ่อนจะฆ่าหมกป่าที่ไหนก็ได้ หรือเขาอาจจะาล้าเกินกว่าจะวิ่งอีกแล้ว(ก็วันนี้หนีมาสองรอบแล้วนา) หรือไม่ก็ให้ฉันพาไปให้ถึงปลายทางก่อนเพราะตอนนี้เขามีแต่เสื้อผ้ากับตัวเปล่าจริงๆ
"ดีที่วันนี้คนส่วนใหญ่ไปทำธุระกับเตี่ยแล้วก็พี่ใหญ่ ไม่งั้นทางไม่สะดวกแบบนี้หรอก เราต้องรีบกันหน่อย นี่เป็นรถฉันเองเวลามันกระชั้นชิดหาใหม่ไม่ทัน ฉันปิดจีพีเอสแล้ว แต่ว่าเรื่องคงถึงหูเตี่ยแล้วแหละ คนของเตี่ยมีเต็มไปหมด โทรกริ๊งเดียวเราก็อาจโดนเจอตัวแล้ว..."
"งั้นฉันขับเอง..."
ฉันไม่รู้ว่าลุงจางขับรถเป็นไหม แต่เตี่ยบอกว่าสกิลการใช้ชีวิตเขาห่วยสุดๆ ไม่คิดว่านายเมินน้อยที่ทั้งเกือบทั้งใบอยู่ในสุสานจะขี่รถเป็น หรือว่าเขาอาจฝึกขี่บ๊ะจ่างมาก่อน- -
"ฉันชื่อเสวี่ย..จางเสวี่ย" นั่นเป็นประโยคแรกที่เขาเป็นคนเริ่ม ฉันควรจะจดใส่โทรศัพท์ไว้ไหม๊ แบบปีหน้าฉันอาจส่งการ์ดไปหาเขาที่สุสานสักแห่งประมาณว่า 'เฮ้!จางเกอ จำได้ไหม๊วันนี้เป็นวันครบที่พี่เป็นพูดกับฉันก่อนล่ะ \(*o*)/'
ฉันไม่รู้ว่าผ่านมาไกลแค่แล้วกว่าที่นายเมินน้อยจะหยุดรถลง มันก็ค่ำมืด ท้องฉันร้องครวญครางไปหลายรอบแต่ก็ไม่เคยคิดจะบ่น ต้องมุงมั่น...สตรองง
เรามาหยุดอยู่ที่หมู่บ้านชนบทแห่งหนึ่ง ทั้งฉันและเขาเหนื่อยกับการเดินทางร่างแทบพัง พวกเราเดินหาที่พักกันครู่หนึ่ง ดูเหมือนนายเมินน้อยจะรู้จักย่านนี้ดี ในตอนแรกฉันจะจองสองห้อง แต่พอนึกได้ว่า เขาจะหนีฉัน ฉันจึงบังคับเขาให้นอนห้องเดียวกัน(จริงๆก็เหมือนตัดสินใจคนเดียวนั่นแหละ หมอนี่ไม่เอาแต่เงียบลูกเดียว) ขอโทษนะเตี่ย วันนี้หนูต้องร่วมห้องกับผู้ชายซะแล้วสิ....
ฉันใช้ให้เขาพาไปกินของดังร้านอร่อย แต่จริงๆมันก็ไม่มีร้านค้าเยอะนักหรอก เราจบลงด้วยร้านริมทางแห่งหนึ่ง ซึ่งนายเมินน้อยดูเหมือนจะแนะนำ(ใช้ดูเหมือนเพราะว่า เขาไม่ได้พูดอะไร ฉันอ่านจากสีหน้ากับสายตาเขา)
"พี่เสวี่ยเป็นอะไรกับลุงจางคะ? ลูกชายเหรอ?"ฉันเอ่ยขึ้นขณะคีบเต้าหู้ท่อนหนึ่งเข้าปาก เพราะความเพลิดเพลิน ฉันจึงลืมนึกไปว่า ฉันถามละลาบละล้วงเกินไป
"เปล่า...ญาติห่างๆ เขาแค่รับฉันมาเลี้ยง"
"ลุงจางใจดีไหม๊คะ? ฉันนึกภาพคนเมินๆเลี้ยงเด็กไม่ออกเลย..อ๊ะ.."ฉันอึ้งเล็กน้อย เพราะคนตรงหน้าหัวเราะเบาๆ มันครู่หนึ่งก่อนจะกลับสู่โหมดหน้านิ่ง
"เขาพยายามสอนให้ฉันไม่เป็นเหมือนเขา....มันคงเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่เขาทำได้"
"แต่จางเกอก็เหมือนเขานี่...เหมือนจนฉันเข้าใจผิด"นายเมินไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาหันไปสนใจกับอาหารแทน
"ฉันไม่เคยรู้จักลุงจางแบบจริงจัง แต่เคยฟังจากเรื่องราวของเตี่ยมาบ้าง อย่างน้อยในความคิดฉัน พี่มีสกิลการใช้ชีวิตที่ดีกว่า มีความยืดหยุ่นในตัวเองมากกว่า เข้าถึงง่ายกว่า แต่ก็ยากกว่ามนุษย์ทั่วไปนั่นแหละ แล้วพี่ไม่ได้ตัดรอนว่าตัวเองไม่ใช่คนของโลกนี้ พี่ยังดูผูกพันกับโลก โดยรวมฉันว่าความพยายามของลุงจางไม่สูญเปล่าหรอกค่ะ"
พวกเราคุยกันอีกนิดหน่อย ก่อนนอนฉันผูกแขนเราติดกัน อย่างน้อยถ้าเขาแกะเชือกฉันจะรู้ เขาหนีฉันไปไม่ได้หรอก หึๆ- -++ บางทีฉันคิดว่าโชคชะตาก็มักเล่นตลก เราทุ่มเวลา ทุ่มสิ่งมีค่าไปกับคนๆนึง ทำบางสิ่งอย่างที่ไม่เคยทำ ไม่ได้คิดถึงศักดิ์ศรีชื่อเสียงอะไร ทำอะไรไปโง่ๆ ที่นึกถึงทีไรก็ตลก มันคงเป็นเพราะเราใช้ความรู้สึกนำทางมากกว่าสมอง มันไม่สมเหตุสมผล แต่มันก็ทำให้หัวใจพองโต....
ตอนเช้าฉันตื่นขึ้น เชือกถูกแกะเรียบร้อย เขาไม่ได้ไปไหน เพียงแต่ไปนั่งตากลมที่ระเบียง(ทำแบบนี้จะบอกว่าเอ็งแน่สินะ แกะเชือกโดยที่ฉันไม่รู้ตัวได้เนี่ย!-"-) พวกเราเดินทางกันต่อ ฉันขอแวะซื้อน้ำของว่างระหว่างทาง นายเมินน้อยบอกว่าเราไม่ต้องเดินทางไกลเท่าไร ฉันไม่เชื่อเขาหรอก เผื่อเขาทิ้งฉันไว้กลางป่า อย่างน้อยฉันก็มีอะไรติดตัวบ้าง
จากพุ่มไม้เตี้ยๆเริ่มเป็นต้นไม้สูงครึึ้ม ฉันส่งขนมให้เขาแล้วถามว่าอีกไกลไหม
"ข้างหน้าแล้ว"
"จางเกอ...จางเกอหยุดก่อน"ฉันหยุดเดินกระทันหันก่อนจะคว้าชายเสื้อเขาเอาไว้ ความรู้สึกบางอย่างแล่นตีขึ้นมาที่ตก
"มีอะไร?"
"ฉัน...ฉัน..."ฉันรู้สึกว่าลิ้นมันแข็งๆ หน้าก็ชาๆ คำพูดนับร้อยความรู้หายหลากตีรวนกันไปหมด ขอบตาของฉันจู่ๆก็ร้อนขึ้นมา....ทำไมฉันต้องรู้สึกผิดด้วยนะ...ฉันใช้สมองทำงานทำธุรกิจมามากน้อยแค่ไหนกัน ฉันไม่เคยนับใครเป็นเพื่อนถาวร นับมิตรเมื่อมีประโยชน์ร่วมกันเท่านั้น ฉันจะหักหลังใครตอนไหน ฉันจะหลอกใช้ใครก็ได้ ฉันไม่ใช่เตี่ยที่จะควักใจให้ใครง่ายๆ ฉันไม่ใช่เทียนเจินผู้ไร้เดียงสา ฉันไม่อยากเป็นเทียนเจินอู๋เสีย ฉันปฏิเสธมันมาตลอด ทั้งๆที่ความจริง มันอยู่ตรงหน้าแล้วแท้ๆ...
"ฉันหลอกพี่...ขอโทษนะคะ...ฉะ...ฉันร่วมมือกับเตี่ยอู๋...ฉัน..." ฉันไม่กล้าสบตาคนตรงหน้า ทำไมพื้นถึงมาน่ามองเวลานี้นะ
ไม่มีใครพูดอะไรเลย มันเป็นช่วงเวลาที่ทรมาน อึกอัดจนฉันอยากจะวิ่งไปให้พ้นๆ แต่ก็ยังไม่ขยับ ทุกสิ่งมันหนักอึ้งเหลือเกิน....
"ฉันรู้"
"ห้ะ!"ฉันกำลังจะเงยหน้า แต่มือใหญ่ทาบลงบนศรีษะก่อน
"เตี่ยเธอไม่มีทางปล่อยฉันไปง่ายๆหรอก เขาก็คงอยากพบอาจารย์มากถึงขนาดยอมเอาลูกสาวตัวเองมาเป็นส่วนหนึ่งของแผนการ ฉันก็แค่เล่นตามเกมและจะยอมเป็นหมากตัวหนึ่งด้วย เพราะฉันไม่อยากเห็นใบหน้าแสนเศร้าอันโดดเดี่ยวนั่นอีกแล้ว อาจารย์สอนฉัน พยายามให้ฉันเป็นในสิ่งที่เขาปราถนา ในขณะที่เขาเองเอาแต่วิ่งหนี....ตอนที่เขาเจอเธอในสุสานนั่น...ฉันเห็นบางอย่างในตาของคนๆนั้น..บางทีสิ่งที่เขาอยากได้แต่กลับวิ่งหนีอาจเป็น..คนตระกูลอู๋.."
"ไปบอกเถ้าแก่อู๋ไม่ต้องซ่อนแล้ว ฉันกับเขาต้องคุยกัน"
ฉันรู้สึกคำพูดเหือดหายไปหมด คงเพราะอีตานี่แย่งซีนไปหมดแล้วแน่ๆเลย ฉันเดินคอตกกลับไปหาเตี่ยที่ซ่อนตัวห่างออกไปไกลพอสมควร ฉันเล่าเรื่องราวให้เตี่ยฟังแต่เตี่ยก็ไม่ได้ดูตกใตเท่าไร เตี่ยแค่บอกว่า ถ้าจางน้อยหลงกลแผนฉันจริงๆ เขาคงจะช๊อคมากกว่า
"คุณไปคนเดียวเถอะ เดินขึ้นไปทางเหนือ พ้นป่าไผ่ คุณจะเจอบ้าน...ในนั้นคือคนที่คุณต้องการ..."
"ขอบคุณ"
"ผมทำเพื่อแค่ให้ตัวเองรู้สึกดี"
เตี่ยยิ้มมุมปากก่อนจะสั่งลูกน้องให้เฝ้าเราทั้งคู่ไว้ ฉันว่าจริงๆเอาไม่อยู่หรอก-_-
"ถ้าฉันยิงปืน ก็ยิงหมอนี่ทิ้งได้เลย"
"เฮ้ย!เตี่ย จะบ้าเรอะ"
"ฉันไปตามเช็คที่เคาเตอร์ห้องพักแล้ว ถึงเป็นญาติของจางฉี่หลิง นายก็ไม่มีสิทธิ์มายุ่มย่ามกับหลิงเอ๋อร์ของฉัน!"
"ไม่ได้นะเตี่ย เราร่วมเตียงกันแล้ว หนูถือเขาเป็นสามีแล้วนะ"ฉันพูดพร้อมกับเกาะเเขนคนข้างๆ "ถ้าหนูท้อง แล้วพ่อเด็กล่ะเตี่ย?"
เป็นฉากที่นายเมินน้อยขำพรืดเบาๆ แต่เตี่ยหน้าเปลี่ยนสีไปแล้ว
"คุณรีบไปเถอะ ผมไม่แน่ใจว่าเขาจะอยู่รอ.."นายเมือนรีบตัดบทก่อนที่เรื่องจะราว
"ถ้าฉันกลับมา...นายเจ็บตัวแน่..."
"โชคดี"เมินน้อยโบกมือ เตี่ยเดินพ่นลมหายใจร้อนๆจากไป ฉันมองเขาลับหายไปในทิวไม้น้อยใหญ่
"อ้ะ!"ฉันรีบมือที่เกาะกุมแขนเขาออก "ถือว่าที่ฉันเอาศักดิ์ศรีตัวเองมาย่ำยีเล่นเป็นการไถ่โทษพี่แล้วกัน อย่างน้อยหัวพี่คงจะปลอดรูกระสุนได้สักพักนึง"
"แล้ว....เธอไม่คิดอยากจะเป็นคุณนายจางจริงๆบ้างหรือหลิงเอ๋อร์"คนข้างๆพูดหน้านิ่งแก้มของเขาเป็นสีชมพูจางๆ ผิดกับฉันที่แดงไปถึงหูแล้ว....นี่ฉันกำลังตกหลุมรักคนที่พบกันในสุสานเหรอเนี่ย!
>>>แก้ไขนะคะ
......coming soon .....
................
.............
......................
.........................................
..................
................
..........................................
......................
....................................................
..............................
........................
..............................
....................
...............................
..........................
.....................
......................
...............
.........................................
................
..............
.......................
..................
..............................
.......................
......
...........
"หืม"ผมตื่นขึ้นจากภวังค์ เสี่ยวเหยียนลูกชายผมขมวดคิ้วเล็กน้อย เขากำลังรู้สึกว่าสิ่งที่พูดไปเมื่อครู่ผมอาจไม่ได้สนใจฟัง ซึ่งมันเป็นเรื่องจริง....
ผมกระแอมสองสามทีเพื่อรักษามาด ก่อนจะหยิบแฟ้มเอกสารขึ้นดู
"แกจัดการตามที่เห็นสมควรเถอะ"
เสี่ยวเหยียนเก็บของก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงกังวล
"เตี่ยไม่สบายหรือครับ"
"นิดหน่อยน่ะ ไม่ต้องห่วง...."
"ได้ยินว่า หลิงเอ๋อร์ก่อเรื่อง...."
"แกควรจะชินกับม้ายพศตัวนั้นได้แล้ว เด็กนั่นเป็นแก้วตาดวงใจของแกกับฉัน เราทำได้แค่ประคองเธออยู่ข้างๆ....เราห้ามนกไม่ให้บินไม่ได้หรอกนะ..."
เสี่ยวเหยียนนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพึมพำเบาๆ
"ถ้างั้นผมคงจะหักปีกมันก่อน....ขอตัวนะครับเตี่ย"
ผมถอนหายใจเบาๆหลังจากเสี่ยวเหยียนออกไปแล้ว แม้เขาจะอายุไม่มาก แต่ความคิดการกระทำเยือกเย็นเฉียบขาดยิ่งกว่าผมแต่ก่อนเป็นไหนๆ บางครั้งผมก็อยากจะถอดหน้ากากเถ้าแก่อู๋ออก อยากเป็นเทียนเจินผู้ไม่เคยต้องแบกรับสิ่งใดมากไปกว่าบิลค่าน้ำค่าไฟและเงือนเดือนอันน้อยนิดหวังเหมิง
ใครบางคนหายไปอยู่หลังประตูสิบปี...ผมรอเขาได้ เพราะผมก็รู้ว่ายังไงเขาก็อยู่ตรงนั้นเสมอ...
เขาหายไปอีกครั้ง...ผมก็รับได้ เพราะผมแน่ใจว่าเขายังไม่ตาย
แต่ตอนนี้...เขาเป็นตายร้ายดีอย่างไรไม่มีใครรู้....ผมรู้ว่าเขาเก่ง ผมไม่มีสิทธิ์ไปห่วงเขา แต่เมินโหยวผิงก็เป็นคน มีเนื้อหนัง....ผมไม่เคยทำใจไว้ล่วงหน้าเลยว่าสักวันเขาคงพลาด ผมเอาแต่คิดถึงคนหน้านิ่งไปยืนทึ่มๆหน้าป้ายหลุมศพของผม....ผมไม่คิดเลยว่าจะมีวันนี้ เป็นที่ผมจะไม่ได้เขาอีก...ผมรู้สึกว่า โลกของตัวเองมันว่างเปล่า
ตอนแรกผมยังหวังว่าเขาจะรอด ผมใช้ทุกวิธีทางง้างปากคนตระกูลจางนั่น ทว่า...นายเมินน้อยเอาแต่เงียบ มองนอกหน้าต่างหรือไม่ก็หาทางหนี วันที่หลิงเอ๋อร์ขอไปเยี่ยมเขา ลูกสาวผมถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่รู้คุยด้วยวิธีไหน พอถามถึงเมินโหยวผิง นายจางน้อยส่ายหน้าเบาๆแล้วไม่พูดอะไรอีกเลย...
นาย...อยู่ไหนน่ะเมินโหยวผิง...นายทิ้งฉันไปอีกแล้วสินะ...
...
'10 ก่อนที่หน้าประตูสำริด
"นายแก่ขึ้นนะ"เมินโหยวผิงพูด....ราวกับเวลาหยุดนิ่ง ผมมองเขา ความรู้สึกหลายอย่างตีกันไปหมด
"อู๋เสียแก่ขึ้นไม่พอนะ ยังแต่งงานแล้วด้วย ลูกสองเชียวล่ะ"นายอ้วนตรงเข้าไปคล้องไหล่เมินโหยวผิงจนเขาเซไปมา "เขาไม่เทียนเจินแล้วนาเสี่ยวเกอ"
"...."
"......"
ผมรู้สึกว่ามีก้อนจุกอยู่ที่คอหอย ทำไมผมรู้สึกแย่ รู้สึกกังวลล่ะ นั่นมันครอบครัวผม ผมกำลังกลัวอะไร?....ผมจ้องเมินโหยวผิง ใจเต้นระส่ำ รอคอยคำพูดสักคำจากปากของเขา
แต่เขาไม่พูด ไม่พูดอะไรอีกเลย จนกระทั่งวันที่เขาทิ้งผมไปอีก
"ฉันมีเหตุผลของฉัน...ซึ่งฉันไม่มีวันบอกเหตุผลนั้นกับนาย...." '
ฉันโดนเตี่ยสั่งกักบริเวณ พี่เหยียนก็สวดชุดใหญ่แถมยังไปตามรังควานนายอวิ้นอีก หมอนั่นก็โทรกลับมาด่าฉันจนหูชา คว่ำกรวยคราวนี้พาชีวิตพินาศจริงๆ-_-+
สี่วันก่อนฉันได้รับอนุญาตให้ไปเยี่ยมนักโทษหน้าหล่อ(บ้านฉันกลายเป็นคุกตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ) หมอนั่นสร้างความวุ่นวายให้กับเหล่าผู้คุม(วิญญาณ)ไม่เว้นวัน โชคดีที่ร่างกายจางน้อยยังฟื้นตัวไม่ดีนัก แถมลูกน้องเตี่ยฉันก็มากฝีมือแถมจำนวนก็เยอะกว่าเห็นๆ โดยเรื่องจบที่เขาถูกลากกลับไปที่เตียง....รวมถึงวันนี้ก็ด้วย
ฉันเดินไปนั่งข้างๆเขาที่กำลังนอนเอามือก่ายหน้าผาก คิ้วคู่งามขมวดเข้าหากันเล็กน้อย
"กินส้มไหม" เขาไม่ตอบหรอก แต่ฉันก็ปอกแล้วยื่นไปจ่อปากเขา
"สรุปแล้ว พี่เป็นคนตระกูลจางใช่ไหม ฉันควรเรียกพี่ว่าอะไรดีคะ? ฉันชื่อเฟยหลิง..อู๋เฟยหลิง"
"เธอต้องการอะไร"
"ฉันไม่ได้ต้องการ คนต้องการน่ะเตี่ยอู๋"
"ฉันให้คำตอบเขาไปแล้ว"
"อันนั้นไม่ใช่เรื่องของฉัน...แต่ว่าจางเกอ...ลุงจางเขา...."
เขาไม่ได้ตอบอะไร เอาแต่มองเพดาน(ก่อนหน้านั้นเขามองหน้าต่าง แต่เขาใช้มันเป็นช่องทางหนี เตี่ยเลยย้ายเขามาห้องที่มีแค่ประตูทางเข้า ดีแค่ไหนแล้วที่เตี่ยไม่ล่ามเขาน่ะ- - แต่คงอีกไม่นาน) บางทีฉันควรเรียกเขาว่านายเมินน้อย แบบที่เตี่ยเรียกลุงจาง ช่างเมิน น่าเบื่อเสียจริง
"จางเกอ...พี่พาฉันไปหาลุงจางได้ไหม?" ฉันเริ่มสงครามจิตวิทยา บอกแล้วว่าฉันโดนฝึกมาดี หุๆ แต่ก็นะ มาเจอนายเมินน้อย ห้องทั้งห้องโดนความเงียบครอบงำ
"ลุงจางเป็นคนสำคัญของเตี่ยฉัน สำคัญมากๆด้วย เตี่ยฉันอาจไม่ถูกที่ทำกับพี่แบบนี้ ฉันรู้ว่าพี่โกรธ....แต่ฉันขอล่ะ ฉันแค่อยากพบลุงจาง..."
"...เขาตายไปแล้ว....." เขาพลิกตัวหันหลังให้ฉัน แม่ม...อยากจะเอาเปลือกส้มยัดปากจริงๆ ไม่ได้สิ!เขาหันหลังหนีแบบนี้ แสดงว่าเขากำลังเลี่ยงประเด็น เขากำลังซ่อนบางอย่าง ความจริงลุงจางอาจจะยังไม่ตายก็ได้
"ฉัน..มีคำถามสำคัญมากที่ต้องถามลุงจาง ฉันยอมทำทุกอย่าง...ถ้าจางเกอรับปาก ฉันจะพาพี่หนีเองค่ะ..."
"เดี๋ยวฉันออกไปได้เอง"
"จางเกอยังไม่รู้จักเตี่ยฉันดี เมื่อเช้าฉันได้ยินเตี่ยคุยโทรศัพท์เรื่องยาบางอย่างกับอาเซี่ย บางครั้งเมื่อคนเราต้องการบางสิ่งมากๆ เขาก็ไม่เลือกวิธีหรอกนะคะ ฉันคิดว่า......"ฉันมองเเผ่นหลังคนตรงหน้า พยายามรักษาน้ำเสียงและระดับลมหายใจให้เป็นปกติ "เตี่ยอู๋จะไม่มีเอี่ยว แค่ฉันกับพี่...นี่เป็นการตัดสินใจของฉันคนเดียว.."
"ฉันไม่ได้เร่งนะคะจางเกอ แต่พี่ตัดสินใจเลยได้ไหม มันอาจดูฉุกละหุก แต่ทุกอย่างต้องทำภายในชั่วโมงนี้ ก่อนที่ทุกคนจะกลับมา...แล้วฉันจะไม่สามารถทำอะไรได้อีกเลย"เร่งอีกๆอย่าให้เขาได้ไตร่ตรองละเอียด
ฉันนับหนึ่งถึงสิบในใจ เมื่อเขายังอยู่เฉย ฉันก็หมดทางเท่านั้น...บางทีลุงจางอาจจากไปแล้วจริงๆหรือชาตินี้นายเมินน้อยอาจจะไม่มีทางเปิดปากเลยก็ได้...ฉัันลุกขึ้นก่อนจะหมุนตัวเพื่อออกจากห้อง
"ถ้าเป็นแผน...เธอเจ็บตัวแน่"
"คะ?"ฉันหันควับ แทบอยากจะไม่เชื่อหูตัวเอง
"ว่าแผนของเธอมา"
"ขอบคุณนะคะจางเกอที่ยอมเชื่อใจฉัน"ฉันเข้าไปจับมือเขาเขย่าด้วยความดีใจ แต่พอดึงสติได้ก็รีบปล่อย(นี่ฉันแต๊ะอั๋งผู้ชายได้ยังไงเนี่ย>.,<)
ฉันเล่าแผนให้เขาฟัง...เริ่มด้วย เดี๋ยวฉันจะเรียกความสนใจการ์ โดยให้คนสนิทยิงปืนตามเวลาที่ตกลงกันไว้ แล้วให้เขาหนีออกมา โดยวิ่งไปที่ห้องๆหนึ่ง (ซึ่งเป็นห้องฉันเองแหละหุๆ ) เพราะหน้าต่างห้องฉันติดต้นไม้ต้นหนึ่ง(ฉันปีนออกประจำเวลาโดนกักบริเวณ) ด้วยความสามารถของเขาฉันคิดว่าเขาคงข้ามกำแพงบ้านออกมาข้างนอกได้ ฉันจะสตาร์ทรถรอเขาแถวที่นั้น ซึ่งถ้าเขาหนีไปเองไม่ยอมขึ้นรถ ฉันก็จะยิงเขาซะ ซึ่งอันหลังฉันคงไม่โง่พูดออกไป ตอนนี้ฉันต้องเป็นเด็กสาวใสๆให้เขาหลอกใช้ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าใครจะหลอกใครกันแน่...
โชคดีที่เป็นไปตามแผน น่าแปลกที่เขาไม่ได้วิ่งหนีไปแทนที่จะมาขึ้นรถ อาจเพราะเขาคิดว่าฉันอ่อนจะฆ่าหมกป่าที่ไหนก็ได้ หรือเขาอาจจะาล้าเกินกว่าจะวิ่งอีกแล้ว(ก็วันนี้หนีมาสองรอบแล้วนา) หรือไม่ก็ให้ฉันพาไปให้ถึงปลายทางก่อนเพราะตอนนี้เขามีแต่เสื้อผ้ากับตัวเปล่าจริงๆ
"ดีที่วันนี้คนส่วนใหญ่ไปทำธุระกับเตี่ยแล้วก็พี่ใหญ่ ไม่งั้นทางไม่สะดวกแบบนี้หรอก เราต้องรีบกันหน่อย นี่เป็นรถฉันเองเวลามันกระชั้นชิดหาใหม่ไม่ทัน ฉันปิดจีพีเอสแล้ว แต่ว่าเรื่องคงถึงหูเตี่ยแล้วแหละ คนของเตี่ยมีเต็มไปหมด โทรกริ๊งเดียวเราก็อาจโดนเจอตัวแล้ว..."
"งั้นฉันขับเอง..."
ฉันไม่รู้ว่าลุงจางขับรถเป็นไหม แต่เตี่ยบอกว่าสกิลการใช้ชีวิตเขาห่วยสุดๆ ไม่คิดว่านายเมินน้อยที่ทั้งเกือบทั้งใบอยู่ในสุสานจะขี่รถเป็น หรือว่าเขาอาจฝึกขี่บ๊ะจ่างมาก่อน- -
"ฉันชื่อเสวี่ย..จางเสวี่ย" นั่นเป็นประโยคแรกที่เขาเป็นคนเริ่ม ฉันควรจะจดใส่โทรศัพท์ไว้ไหม๊ แบบปีหน้าฉันอาจส่งการ์ดไปหาเขาที่สุสานสักแห่งประมาณว่า 'เฮ้!จางเกอ จำได้ไหม๊วันนี้เป็นวันครบที่พี่เป็นพูดกับฉันก่อนล่ะ \(*o*)/'
ฉันไม่รู้ว่าผ่านมาไกลแค่แล้วกว่าที่นายเมินน้อยจะหยุดรถลง มันก็ค่ำมืด ท้องฉันร้องครวญครางไปหลายรอบแต่ก็ไม่เคยคิดจะบ่น ต้องมุงมั่น...สตรองง
เรามาหยุดอยู่ที่หมู่บ้านชนบทแห่งหนึ่ง ทั้งฉันและเขาเหนื่อยกับการเดินทางร่างแทบพัง พวกเราเดินหาที่พักกันครู่หนึ่ง ดูเหมือนนายเมินน้อยจะรู้จักย่านนี้ดี ในตอนแรกฉันจะจองสองห้อง แต่พอนึกได้ว่า เขาจะหนีฉัน ฉันจึงบังคับเขาให้นอนห้องเดียวกัน(จริงๆก็เหมือนตัดสินใจคนเดียวนั่นแหละ หมอนี่ไม่เอาแต่เงียบลูกเดียว) ขอโทษนะเตี่ย วันนี้หนูต้องร่วมห้องกับผู้ชายซะแล้วสิ....
ฉันใช้ให้เขาพาไปกินของดังร้านอร่อย แต่จริงๆมันก็ไม่มีร้านค้าเยอะนักหรอก เราจบลงด้วยร้านริมทางแห่งหนึ่ง ซึ่งนายเมินน้อยดูเหมือนจะแนะนำ(ใช้ดูเหมือนเพราะว่า เขาไม่ได้พูดอะไร ฉันอ่านจากสีหน้ากับสายตาเขา)
"พี่เสวี่ยเป็นอะไรกับลุงจางคะ? ลูกชายเหรอ?"ฉันเอ่ยขึ้นขณะคีบเต้าหู้ท่อนหนึ่งเข้าปาก เพราะความเพลิดเพลิน ฉันจึงลืมนึกไปว่า ฉันถามละลาบละล้วงเกินไป
"เปล่า...ญาติห่างๆ เขาแค่รับฉันมาเลี้ยง"
"ลุงจางใจดีไหม๊คะ? ฉันนึกภาพคนเมินๆเลี้ยงเด็กไม่ออกเลย..อ๊ะ.."ฉันอึ้งเล็กน้อย เพราะคนตรงหน้าหัวเราะเบาๆ มันครู่หนึ่งก่อนจะกลับสู่โหมดหน้านิ่ง
"เขาพยายามสอนให้ฉันไม่เป็นเหมือนเขา....มันคงเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่เขาทำได้"
"แต่จางเกอก็เหมือนเขานี่...เหมือนจนฉันเข้าใจผิด"นายเมินไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาหันไปสนใจกับอาหารแทน
"ฉันไม่เคยรู้จักลุงจางแบบจริงจัง แต่เคยฟังจากเรื่องราวของเตี่ยมาบ้าง อย่างน้อยในความคิดฉัน พี่มีสกิลการใช้ชีวิตที่ดีกว่า มีความยืดหยุ่นในตัวเองมากกว่า เข้าถึงง่ายกว่า แต่ก็ยากกว่ามนุษย์ทั่วไปนั่นแหละ แล้วพี่ไม่ได้ตัดรอนว่าตัวเองไม่ใช่คนของโลกนี้ พี่ยังดูผูกพันกับโลก โดยรวมฉันว่าความพยายามของลุงจางไม่สูญเปล่าหรอกค่ะ"
พวกเราคุยกันอีกนิดหน่อย ก่อนนอนฉันผูกแขนเราติดกัน อย่างน้อยถ้าเขาแกะเชือกฉันจะรู้ เขาหนีฉันไปไม่ได้หรอก หึๆ- -++ บางทีฉันคิดว่าโชคชะตาก็มักเล่นตลก เราทุ่มเวลา ทุ่มสิ่งมีค่าไปกับคนๆนึง ทำบางสิ่งอย่างที่ไม่เคยทำ ไม่ได้คิดถึงศักดิ์ศรีชื่อเสียงอะไร ทำอะไรไปโง่ๆ ที่นึกถึงทีไรก็ตลก มันคงเป็นเพราะเราใช้ความรู้สึกนำทางมากกว่าสมอง มันไม่สมเหตุสมผล แต่มันก็ทำให้หัวใจพองโต....
ตอนเช้าฉันตื่นขึ้น เชือกถูกแกะเรียบร้อย เขาไม่ได้ไปไหน เพียงแต่ไปนั่งตากลมที่ระเบียง(ทำแบบนี้จะบอกว่าเอ็งแน่สินะ แกะเชือกโดยที่ฉันไม่รู้ตัวได้เนี่ย!-"-) พวกเราเดินทางกันต่อ ฉันขอแวะซื้อน้ำของว่างระหว่างทาง นายเมินน้อยบอกว่าเราไม่ต้องเดินทางไกลเท่าไร ฉันไม่เชื่อเขาหรอก เผื่อเขาทิ้งฉันไว้กลางป่า อย่างน้อยฉันก็มีอะไรติดตัวบ้าง
จากพุ่มไม้เตี้ยๆเริ่มเป็นต้นไม้สูงครึึ้ม ฉันส่งขนมให้เขาแล้วถามว่าอีกไกลไหม
"ข้างหน้าแล้ว"
"จางเกอ...จางเกอหยุดก่อน"ฉันหยุดเดินกระทันหันก่อนจะคว้าชายเสื้อเขาเอาไว้ ความรู้สึกบางอย่างแล่นตีขึ้นมาที่ตก
"มีอะไร?"
"ฉัน...ฉัน..."ฉันรู้สึกว่าลิ้นมันแข็งๆ หน้าก็ชาๆ คำพูดนับร้อยความรู้หายหลากตีรวนกันไปหมด ขอบตาของฉันจู่ๆก็ร้อนขึ้นมา....ทำไมฉันต้องรู้สึกผิดด้วยนะ...ฉันใช้สมองทำงานทำธุรกิจมามากน้อยแค่ไหนกัน ฉันไม่เคยนับใครเป็นเพื่อนถาวร นับมิตรเมื่อมีประโยชน์ร่วมกันเท่านั้น ฉันจะหักหลังใครตอนไหน ฉันจะหลอกใช้ใครก็ได้ ฉันไม่ใช่เตี่ยที่จะควักใจให้ใครง่ายๆ ฉันไม่ใช่เทียนเจินผู้ไร้เดียงสา ฉันไม่อยากเป็นเทียนเจินอู๋เสีย ฉันปฏิเสธมันมาตลอด ทั้งๆที่ความจริง มันอยู่ตรงหน้าแล้วแท้ๆ...
"ฉันหลอกพี่...ขอโทษนะคะ...ฉะ...ฉันร่วมมือกับเตี่ยอู๋...ฉัน..." ฉันไม่กล้าสบตาคนตรงหน้า ทำไมพื้นถึงมาน่ามองเวลานี้นะ
ไม่มีใครพูดอะไรเลย มันเป็นช่วงเวลาที่ทรมาน อึกอัดจนฉันอยากจะวิ่งไปให้พ้นๆ แต่ก็ยังไม่ขยับ ทุกสิ่งมันหนักอึ้งเหลือเกิน....
"ฉันรู้"
"ห้ะ!"ฉันกำลังจะเงยหน้า แต่มือใหญ่ทาบลงบนศรีษะก่อน
"เตี่ยเธอไม่มีทางปล่อยฉันไปง่ายๆหรอก เขาก็คงอยากพบอาจารย์มากถึงขนาดยอมเอาลูกสาวตัวเองมาเป็นส่วนหนึ่งของแผนการ ฉันก็แค่เล่นตามเกมและจะยอมเป็นหมากตัวหนึ่งด้วย เพราะฉันไม่อยากเห็นใบหน้าแสนเศร้าอันโดดเดี่ยวนั่นอีกแล้ว อาจารย์สอนฉัน พยายามให้ฉันเป็นในสิ่งที่เขาปราถนา ในขณะที่เขาเองเอาแต่วิ่งหนี....ตอนที่เขาเจอเธอในสุสานนั่น...ฉันเห็นบางอย่างในตาของคนๆนั้น..บางทีสิ่งที่เขาอยากได้แต่กลับวิ่งหนีอาจเป็น..คนตระกูลอู๋.."
"ไปบอกเถ้าแก่อู๋ไม่ต้องซ่อนแล้ว ฉันกับเขาต้องคุยกัน"
ฉันรู้สึกคำพูดเหือดหายไปหมด คงเพราะอีตานี่แย่งซีนไปหมดแล้วแน่ๆเลย ฉันเดินคอตกกลับไปหาเตี่ยที่ซ่อนตัวห่างออกไปไกลพอสมควร ฉันเล่าเรื่องราวให้เตี่ยฟังแต่เตี่ยก็ไม่ได้ดูตกใตเท่าไร เตี่ยแค่บอกว่า ถ้าจางน้อยหลงกลแผนฉันจริงๆ เขาคงจะช๊อคมากกว่า
"คุณไปคนเดียวเถอะ เดินขึ้นไปทางเหนือ พ้นป่าไผ่ คุณจะเจอบ้าน...ในนั้นคือคนที่คุณต้องการ..."
"ขอบคุณ"
"ผมทำเพื่อแค่ให้ตัวเองรู้สึกดี"
เตี่ยยิ้มมุมปากก่อนจะสั่งลูกน้องให้เฝ้าเราทั้งคู่ไว้ ฉันว่าจริงๆเอาไม่อยู่หรอก-_-
"ถ้าฉันยิงปืน ก็ยิงหมอนี่ทิ้งได้เลย"
"เฮ้ย!เตี่ย จะบ้าเรอะ"
"ฉันไปตามเช็คที่เคาเตอร์ห้องพักแล้ว ถึงเป็นญาติของจางฉี่หลิง นายก็ไม่มีสิทธิ์มายุ่มย่ามกับหลิงเอ๋อร์ของฉัน!"
"ไม่ได้นะเตี่ย เราร่วมเตียงกันแล้ว หนูถือเขาเป็นสามีแล้วนะ"ฉันพูดพร้อมกับเกาะเเขนคนข้างๆ "ถ้าหนูท้อง แล้วพ่อเด็กล่ะเตี่ย?"
เป็นฉากที่นายเมินน้อยขำพรืดเบาๆ แต่เตี่ยหน้าเปลี่ยนสีไปแล้ว
"คุณรีบไปเถอะ ผมไม่แน่ใจว่าเขาจะอยู่รอ.."นายเมือนรีบตัดบทก่อนที่เรื่องจะราว
"ถ้าฉันกลับมา...นายเจ็บตัวแน่..."
"โชคดี"เมินน้อยโบกมือ เตี่ยเดินพ่นลมหายใจร้อนๆจากไป ฉันมองเขาลับหายไปในทิวไม้น้อยใหญ่
"อ้ะ!"ฉันรีบมือที่เกาะกุมแขนเขาออก "ถือว่าที่ฉันเอาศักดิ์ศรีตัวเองมาย่ำยีเล่นเป็นการไถ่โทษพี่แล้วกัน อย่างน้อยหัวพี่คงจะปลอดรูกระสุนได้สักพักนึง"
"แล้ว....เธอไม่คิดอยากจะเป็นคุณนายจางจริงๆบ้างหรือหลิงเอ๋อร์"คนข้างๆพูดหน้านิ่งแก้มของเขาเป็นสีชมพูจางๆ ผิดกับฉันที่แดงไปถึงหูแล้ว....นี่ฉันกำลังตกหลุมรักคนที่พบกันในสุสานเหรอเนี่ย!
>>>แก้ไขนะคะ
......coming soon .....
................
.............
......................
.........................................
..................
................
..........................................
......................
....................................................
..............................
........................
..............................
....................
...............................
..........................
.....................
......................
...............
.........................................
................
..............
.......................
..................
..............................
.......................
......
...........
Fei- ด้วงฝึกหัด
- จำนวนข้อความ : 7
Points : 3100
Join date : 22/11/2015
หน้า 1 จาก 1
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
|
|
Fri 24 Jul 2020, 01:39 by gustoon
» [คู่มือด้วง] Keyword จีนสำหรับการขุด(แฟนดอม)สุสาน
Thu 21 Jun 2018, 00:29 by miskizfullmoon
» มังฮวาและภาคทิเบต
Thu 21 Jun 2018, 00:23 by miskizfullmoon
» [OS] Father is the best (ผิงเสีย)
Thu 03 Aug 2017, 16:12 by schneewittchen
» [Fic] สิ่งเล็กๆที่เชื่อมโลก5 [เมินโหยวผิง+อู่เสีย+เสี่ยอ้วน]+OC
Tue 01 Aug 2017, 12:30 by natsume
» [OS] #dmbjdaily (จูปาจุ๊บ) Bittersweet [ผิงเสีย AU]
Thu 06 Apr 2017, 15:58 by Zeth
» [OS] #dmbjdaily "โทรศัพท์มือถือ" - no Pairing [All]
Tue 04 Apr 2017, 22:27 by Zeth
» [OS] #DMBJDaily (แว่น): ระยะที่มองไม่เห็น [ฮัวเสีย]
Sat 01 Apr 2017, 16:55 by Zeth
» [OS] #DMBJdaily (5.20) ท่านยอดฝีมือ [หวังเหมิง (+เหมิงเสีย)(+ผิงเสีย)]
Thu 30 Mar 2017, 17:24 by Zeth