Countdown
We've been
togerther for
ค้นหา
Latest topics
Most active topics
[Fic]#dmbjdaily 44 days left (Yukata) (AU) Matsuri (ผิงเสีย)
+7
yakusoku
Rozenkreuz
Eli-kun
mama moosap
Cathareen
schneewittchen
The_Dark_Lady
11 posters
หน้า 1 จาก 1
[Fic]#dmbjdaily 44 days left (Yukata) (AU) Matsuri (ผิงเสีย)
AU ไฮสคูลค่ะ
หลุดคาร์กระจาย มากด้วยความพินาศฉิบหายวายป่วง ทำใจก่อนอ่านนะคะ ._.
ไม่รู้ว้าพวกปู่ๆคิดอะไรอยู่ ถึงได้เพี้ยนอยากจะจัดงานโรงเรียนในธีมทานาบาตะของญี่ปุ่น
ผมคงจะไม่รู้สึกขัดข้องใจอะไร ถ้าผู้ก่อตั้งจางฉี่ซานจะไม่รีเควสต์ละครเวทีตำนานทานาบาตะโดยให้ระดับชั้นมัธยมปลายปีสองเป็นผู้รับผิดชอบ
ส่วนคนทึ่จะมาแสดงให้ทำโพลสำรวจความเห็นจากทั้งโรงเรียน
ความฉิบหายมันเริ่มจากตรงนี้...
"อู๋เสีย...ผลโหวตออกแล้วนายได้รับบทหญิงทอผ้าว่ะ..."
ห่ะ...ผมสบถในใจ นึกว่าตัวเองจะลอยตัวจากส่วนหน้าฉากไปแล้วเพราะหน้าตากับรูปร่างผมมันไม่ได้ดีอะไรนัก ผมนึกว่าจะเป็นเสี่ยวฮัวผู้งดงามไม่ก็อาหนิงคนสวยนั่นเสียอีกที่จะได้บทนี้ไป
คนในโรงเรียนนี้แม่งเพี้ยนไปแล้ว...
"ทำไมถึงเป็นฉันได้ฟระ...ฉันไม่อยากแสดง ฉันอยากทำงานฉากมากกว่า"
"เสี่ยอ้วนเข้าใจเทียนเจินนะ..." นายอ้วนตบบ่าผมแปะๆ "แต่เทียนเจินต้องเข้าใจว่ารูปร่างหน้าตาเทียนเจินไม่เหมือนเดิมแล้ว จะได้รับความสนใจมากขึ้นก็ไม่ใช่เรื่องแปลก ยิ่งเปิดเผยแล้วว่าเป็นหลานชายคนเดียวของตระกูลอู๋ ยิ่งทำให้นายฮอตไปใหญ่..."
"ฮอตพ่อง..." ผมเท้าคางกับโต๊ะ "แล้วความจริงเปิดเผยเชี่ยไร...นี่ไม่เคยปิดบังอยู่แล้วเหอะ...พวกแม่งไม่เชื่อกันเอง..."
"นายก็แม่งไม่ยอมพูดด้วยเหอะ..." ผมได้ยินนายอ้วนถอนใจก่อนจะรู้สึกถึงแรงตบเบาๆที่หัว
"คงต้องลำบากหน่อยละนะ คราวนี้..."
"ฉันจะแกล้งกลิ้งตกบันไดให้ขาหักดีไหมวะ..."
"ฉันไม่คิดว่าพวกเขาจะยอมหรอกนะ..." ผมเงยหัวขึ้นมองนายอ้วน ซึ่งพยักเพยิดไปทางประตูห้องเรียน พอผมมองตามไปก็พบกับจางฉี่หลิงยืนทำหน้านิ่งอยู่ ข้างกันนั้น...
"อย่าคิดแม้แต่จะทำบ้าๆอะไรแบบนั้นเชียวนะยะ!!" เสียงแปดหลอดดังขึ้น จากหญิงสาวตัวเล็กที่ผมคุ้นหน้าว่าเป็นโปรดิวเซอร์ละครคราวนี้ กำลังทำหน้าถมึงทึง เจ้าตัวก้าวเท้าฉับๆมาหาผมที่โต๊ะ แล้วดึงแขนผมลุกขึ้นก่อนจะลากไปตามทาง
...ฉิบหายแล้ว แผนการจะอู้โดนเปิดเผย
“อุตส่าห์จะได้ทำอะไรสนุกๆทั้งที ฉันไม่ยอมให้นายมาขัดขวางการทำงานของฉันหรอกนะ อู๋เสียต่อให้เธอเป็นหลานของอู๋เหล่าโกว อู๋เอ้อร์ไป๋ อู๋ซันเสิ่งก็เถอะ…”
หล่อนบ่นพึมพำขณะลากผมเดินไปตามทาง...ตัวนิดเดียวแต่แม่งแรงควายชะมัด... แล้วผมก็สะดุ้งสุดตัวเมื่อหล่อนหันกลับมา
“คงต้องฝากนายดูแลแล้วล่ะนะ พ่อหนุ่มเลี้ยงวัว…” มองตามสายตาเจ้าหล่อนไปจึงรู้ว่าคำพูดนั้นคือการฝากฝังผมกับจางฉี่หลิงที่เดินตามมาเงียบๆ
...แม่งไม่มีใครบอกผมวะ ว่าจางฉี่หลิงได้รับเลือกเป็นพระเอก
ในสัปดาห์แห่งการซ้อมละครอันหฤโหดนั้น เขาก็ถูกจางฉี่หลิง นายเรือพ่วงน่าเบื่อนั่นตามมาลากไปซ้อมทุกหลังเลิกเรียน มื่อใดที่เขาพยายามจะหนี ไม่ว่าจะไปหลบไปซ่อนที่ไหน ก็ตามจนเจอ พอขัดขืนมากๆก็เจอจับอุ้มพาดบ่าเลยก็มี พอถึงทึ่ซ้อมก็จะเจอคุณโปรดิวเซอร์ตัวเล็กแต่พลังเสียงไม่ได้เล็กตามตัวแว้ดๆใส่อีกจนหูแทบชา หลังๆเพื่อไม่เป็นการเพิ่มความอับอายขายขี้หน้าต่อคนในโรงเรียน เลยต้องยอมตามอีกฝ่ายทึ่มาดักรอรับหน้าห้องเรียนมันได้ทุกวันไปแต่โดยดี
แล้วก็มาถึงวันแสดงจริง...
ผมถูกจับแต่งตัวเป็นสาวทอผ้าด้วยยูกาตะแบบผู้หญิงสีขาวยายดอกซากุระสีชมพู ใส่แฮร์พีซสีน้ำตาลต่อผมให้ยาวขึ้นติดกิ๊บประดับรูปดอกไม้อันใหญ่ ตอนแรกกะจะแกล้งป่วยแล้วนอนอยู่บ้าน ปรากฏว่าอาสามกลับไปขุดผมจากที่นอนแล้วลากเอามาส่งให้ฝ่ายคอสตูม
ก่อนจะออกไปยังมามีการตบบ่าผมแปะๆแล้วบอกว่า ‘พยายามเข้านะเสี่ยวเสีย แล้วอาจะรอดู’
...ผมไม่เคยเคืองอาสามมากเท่านี้มาก่อนเลย
ผมไม่พบจางฉี่หลิงและคนแสดงคนอื่นเพราะถูกจับแยกออกมาแต่งต่างหาก...แต่คิดว่าคนระดับนั้น ต่อให้ใส่ชุดมอซอแค่ไหน หรือคอสตูมจะให้ใส่เศษผ้าก็คงจะหล่อวัวตายควายล้ม หล่อจนสาวๆทั้งหอประชุมกรีดร้องอยู่ดี ไม่งั้นไม่ได้โหวตให้เป็นพระเอกหรอก
...มันน่าหมั่นไส้นัก
ในใจตอนนี้ผมภาวนาอย่างเดียวว่าขอให้การแสดงนี้แม่งจบๆไปซะที...อย่ามีเรื่องแทรกซ้อน นอกบทเกิดขึ้นเหมือนช่วงตอนซ้อมเลยเถิด…
ผมเข้าไปนั่งประจำที่ ฉากแรกเป็นการเปิดตัวสาวทอผ้า ผมมีหน้าที่เพียงนั่งโง่ๆ แสร้งทำเป็นปั่นเครื่องปั่นด้ายแล้วก็ไปทอผ้า เจ้าหน้าที่ควบคุมเวทีและไฟส่งสัญญาณมาแล้ว ผมจึงเตรียมพร้อม
ม่านค่อยๆเปิดออก ผมจับด้ามหมุนเครื่องปั่นด้าย กระตุกริมฝีปากเป็นรอยยิ้มอ่อนๆ แสงไฟสาดส่องลงมาจนผมตาพร่าไปหมด
...ได้ยินเสียงร้องกรี้ดเบาๆ…ในเสียงกรีดร้องเหล่านั้น มีแต่คำว่าน่ารัก เทียนเจิน เต็มไปหมด…
จะกรุณามากถ้าพวกคุณจะหยุดพร่ำออกมา...ผมรู้สึกอายเหลือเกิน…
“ตั้งกล้องเร็ว…” ...อย่าเลย...ขอร้องล่ะ…อย่าเก็บหลักฐานสภาพอันน่าอัปยศอดสูของผมเอาไว้เลย…
ผมเดินไปที่เครื่องทอผ้าตามคิวที่กำหนดไว้ จับหูกกระตุกสองสามหน นายแว่นดำเฮยเสียจื่อ ผู้รับบทเทพผู้ครองสวรรค์ พ่อของสาวทอผ้าก็เดินออกมา เจ้าตัวอยู่ในชุดยูกาตะสีดำลายมังกรสีทอง...แต่แม่งขนาดเล่นละครหมอนี่ยังใส่แว่นดำอยู่เลย…
...เป็นเทพเจ้าที่เฟี้ยวสัด…
“โอริฮิเมะลูกพ่อ…” หมอนั่นเลื้อยเข้ามาใกล้แล้ววางมีแปะบนบ่าของผมแล้วลูบไล้ไปมา
เฮ้ยๆ ทุกทีไม่ใช่อย่างงี้นี่หว่า… “ฝีมือทอผ้าของเจ้าช่างยอดเยี่ยมงดงามนัก เหล่าเทพทั้งหลายล้วนแล้วแต่พึงพอใจกับผลงานของเจ้า…”
“ได้ยินเช่นนั้น ข้าก็ดีใจ…” ผมต่อบท จับมือรุ่มร่ามของนายเฮยเสียจื่อเอาไว้ “...ข้าจะได้ตั้งใจผลิตผ้าทอออกมาให้มากขึ้นอีก…”
“ลูกเอ๋ย...เท่านี้เจ้าก็ทอผ้าอยู่แทบจะทั้งวันทั้งคืนแล้ว...หากจะผลิตให้มากขึ้นอีก...พ่อเกรงว่าเจ้าจะไม่มีเวลาได้ผักผ่อน เที่ยวเล่นอย่างคนอื่นเขา…”
“ไม่เป็นไรหรอก...เพราะข้าไม่ได้สนใจเรื่องเหล่านั้น…”
“...แล้วเรื่องคู่ครองเล่า เจ้าก็โตจนถึงวัยออกเรือนแล้วนะ…”
“ข้าไม่สนใจเรื่องนั้นเช่นกัน”
ว่าแล้วก็หันหลังให้นายเฮยเสียจื่อแล้วทำเป็นง่วนกับการทอผ้าต่อ...ปล่อยให้อีกฝ่ายบ่นคร่ำครวญกับคนเดียวกับคนดูตามบท
“ดูนางสิ...เอาแต่ทำงานปั่นด้าย ทอผ้าอยู่นั่นซ้ำยังไม่สนใจเรื่องการหาคู่ครอง หากปล่อยเอาไว้คงได้แต่ทอผ้าจนกระทั่งชีวิตเหี่ยวเฉา ขึ้นคานเป็นแน่…” เหล่าคนดูโห่รับประโยคนั้น “...ไม่ได้การข้าคงต้องหาคู่ให้นางเสียแล้ว…”
พอหมดบทพูดของเฮยเสียจื่อ ไฟก็ค่อยหรี่ลงและม่านก็ค่อยๆปิดลง ฝ่ายฉากมาขนข้าวของออกเพราะฉากต่อไปเป็นฉากเปิดตัวหนุ่มเลี้ยงวัว ผมเองก็โดนต้อนลงไปด้านข้างเวที หันหลังกลับไปมองเห็นคนใส่ชุดวัวทยอยๆเดินขึ้นเวทีมาแล้ว แต่งยังไม่เห็นตัวจางฉี่หลิง
...แม่ง...ผมอยากเห็นจริงๆนะว่าอีกฝ่ายอยู่ในสารรูปไหน…
ไฟด้านนอกค่อยๆสว่างขึ้น...และแน่นอน เสียงกรี้ดที่ดังกระหึ่ม ผมนี่อยากจะยื่นหัวออกไปดูเหลือเกิน หากไม่ติดว่าฝ่ายคอสตูมกดหัวผมเอาไว้ ทั้งซับเหงื่อซับมัน เติมเครื่องสำอาง ติดเครื่องประดับผมเพิ่ม เช็คผ้าคาดเอว...แต่ยังได้ยินเสียงสนทนาแว่วๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเสียงของนายแว่น
“ฮิโกโบชิ ข้าดั้นด้นมาถึงนี่ด้วยเล็งเห็นว่าเจ้าเป็นคนหนุ่มที่ขยันขันแข็ง (เสียงร้อง ว้ายยย ของคนดูแทรกเข้ามา) ร่างกายกำยำและสง่างาม (เสียงกรีดร้องดังขึ้นกว่าเดิม) ถึงเจ้าจะเป็นคนพูดน้อยจนน่าเบื่อ (ผมตงิดใจว่าอันนี้นายแว่นจะนอกบท) แต่เจ้าก็มีคุณสมบัติที่จะเป็นลูกเขยที่ดี ข้าจะยกโอริฮิเมะลูกสาวของข้าให้เจ้า เจ้าสนใจจะรับนางไว้หรือไม่…”
ผมไม่ได้ยินคำตอบของเมินโหยวผิง ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะตอบรับว่ายังไงเพราะนายแว่นนั้นนอกบทไปไกลทีเดียว อันที่จริงฉากนี้นายแว่นควรจะพูดแค่ว่าเล็งเห็นความขยันขันแข็ง จะตบรางวัลด้วยการจัดงานดูตัวให้แค่นั้นเอง…
ฝ่ายหลังเวทีก็พากันมองหน้าเลิ่กลั่ก...อันที่จริงเรื่องแบบนี้ใช่ว่าจะเกิดขึ้นครั้งแรก ช่วงซ้อมแรกๆก็มีบ่อยๆ แต่พอใกล้วันงานก็ดูเข้าที่เข้าทางดีแล้ว ไม่มีใครหลุดหรือนอกบทเลย...ทำได้ดีมากด้วยซ้ำ
ผมได้สติเมื่อฝ่ายเวทีเร่งให้ผมเดินเข้าฉาก ในวินาทีนั้นผมก็ตัดสินใจว่า...ตามน้ำไปละกันวะ…
ผมกลับไปนั่งประจำเครื่องทอผ้ที่ถูกยกมาไว้ตำแหน่งเดิม ขยับมือทำเป็นทอผ้า ไม่นานนักผมก็รู้สึกว่ามีคนเดินเข้ามาใกล้ ผมจึงหันหลังไปมอง
“โอริฮิเมะลูกพ่อ…” นายแว่นวิ่งเข้ามาทำท่าจะโผกอด เฮ้ยๆ นอกบทแล้วเฟ้ย...ผมนนึกในใจ ตัดมุกอีกฝ่ายด้วยการออกมายืนนอกเครื่องทอผ้าแล้วโค้งคำนับ นายแว่นจึงต้องเบรกกึก
“สวัสดีค่ะท่านพ่อ ไม่ทราบว่ามีธุระอะไรหรือคะ…”
ฝ่ายนั้นยิ้มแหยๆใส่ ก่อนจะเปลี่ยนท่าทีเป็นผายมือไปด้านหลัง “พ่อพาชายผู้หนึ่งมาให้ลูกดูตัว…”
แล้วผมก็ได้เห็นจางฉี่หลิงเสียที...และ...แม่งเอ้ย...เขาอยู่ในชุดยูกาตะแบบผู้ชายสีน้ำเงินเข้ม โอบิสีขาวเส้นเล็กถูกมัดไว้หลวมบริเวณท้องน้อย สาบเสื้อด้านบนแยกออก เผยให้เห็นกล้ามหน้าอกและกล้ามหน้าท้องรำไร
ห่านี่...เห็นตัวบางๆใส่ชุดนักเรียนเรียบร้อย ไม่นึกว่าจะมีซิกซ์แพคกะเขาด้วย…
ก้มมองตัวเอง มีแต่เนื้อหนังที่นุ่มนิ่มเต็มไปด้วยชั้นไขมัน ทำเอาอยากจะมุดเวทีหนี
“คนๆนี้คือฮิโกโบชิ หนุ่มเลี้ยงวัวจากอีกฝั่งของทางช้างเผือก...พ่อพาเขามาให้เจ้าดูตัว...คนๆนี้เป็นคนหนุ่มที่ขยันขันแข็ง น่าจะเข้ากับเจ้าได้ดี…”
โล่งใจที่บทนี้กลับมาเป็นปกติ ...ผมอ้าปากจะปฏิเสธตามบท แต่นายแว่นกลับเอ่ยสวนขึ้นมาเสียก่อนว่า “เวลาแบบนี้น่าจะปล่อยให้หนุ่มสาวได้ศึกษากันสองต่อสอง พ่อขอตัวไปก่อนล่ะนะ…”
...อ้าวเชี่ย...ทิ้งกันอย่างงี้เลย… ผมได้แต่สบถในใจเพราะตามจริงแล้วเฮยเสียจื่อต้องอยู่พูดคุยเป็นพ่อสื่อก่อน จากการพูดคุยตอบคำถามสามคน โอริฮิเมะจึงจะนึกชอบพอฮิโกโบชิขึ้นมา
เอาไงดีวะ…
ผมหันรีหันขวางอยู่แปปหนึ่ง แล้วก็ตัดสินใจกลับไปนั่งทอผ้า...ไม่คิดว่าจางฉี่หลิงจะเดินตามมาติดๆแล้วทิ้งตัวลงนั่งข้างผมบนเครื่องทอผ้า…
ผมแว่วเสียงกรีดจากเหล่าคนดูเบาๆ…
“ผ้าผืนนี้งามนัก…” จางฉี่หลิงเปิดปากพูดขณะเอื้อมมือไปจับผ้าที่เป็นของประกอบฉากที่วางอยู่ไม่ไกล “แต่ก็ไม่งามเท่าตัวคนทอ…”
ผมช็อคกับประโยคเกี้ยวพาที่ไม่มีในบท และจางฉี่หลิงไม่น่าพูดอะไรออกมาได้ ไม่ทันรู้สึกตัวหมอนั่นก็เขยิบเข้ามาใกล้จนอกจะเบียดอก ผมรู้สึกถึงแขนอีกฝ่ายเอื้อมมาโอบเอว มือข้างหนึ่งเชยคางผมขึ้น พร้อมๆับที่ใบหน้าหล่อเหลานั่นเคลื่อนเข้ามาชิด
“เราแค่มาดูตัวกัน ท่านจะทำแบบนี้ไม่ได้นะ…” ...นี่มันจะนอกบทไปแล้วเฟ้ย…ผมถลึงตาใส่อีกฝ่าย…
จางฉี่หลิงเหมือนไม่รู้สึกรู้สา เขาค่อยๆดันตัวผมลงนอนราบกับม้านั่ง ส่วนตัวเองก็ลดตัวมาคร่อมผมเอาไว้ ผมรู้สึกถึงจมูกโด่งดุนดันอยู่แถวต้นคอ
“เทพผู้ครองสวรรค์ตนนั้นเอ่ยยกเจ้าให้ข้าแล้ว…” ...เชี่ย...ทำไมถึงได้สรรหาจำคำพูดนอกบทไม่เป็นสาระแบบนี้นะ
จางฉี่หลิงเงยหน้าจากซอกคอของผม แล้วขยับเข้าใกล้ ดวงตาสีนิลนั้นจับจ้องที่ริมฝีปากของผมเขม็งในขณะที่ใบหน้านั้นขยับเข้ามชิดช้าๆ
“ข้าไม่เห็นด้วยกับการดูตัวในครั้งนี้...ข้าไม่ยอม…”
เสียงๆหนึ่งดังลั่นขึ้น จางฉี่หลิงจึงละจากผมแล้วหันไปมอง ผมเองได้ทีก็กระเด้งตัวขึ้นนั่งขยับถอยห่างจากอีกฝ่ายโดยอัตโนมัติแล้วหันไปมองต้นเสียงบ้าง จึงพบว่าเป็นเสี่ยวฮัวซึ่งรับบทเป็นแม่ของโอริฮิเมะ
ขอบใจนะเสี่ยวฮัว...แต่นี่แม่งนอกบทไม่ใช่เรอะ…
ความจริงแล้วเสี่ยวฮัวจะต้องออกมาตอนพิธีแต่งงานพร้อมกับนายเฮยเสียจื่อซึ่งเป็นฉากหลังจากนี้ต่างหาก...แล้วตามบทก็ต้องอวยพรในงานแต่งด้วย...แล้วนี่มันอะไรกัน…
ในขณะที่ผมมึนงงกับการนอกบทครั้งยิ่งใหญ่อยู่ จางฉี่หลิงก็ยกแขนขึ้นโอบไหล่ผมเอาไว้
“กษัตริย์ตรัสแล้วไม่คืนคำ ยิ่งเป็นเทพผู้ครองสวรรค์ยิ่งไม่ควรผิดคำพูด เขาบอกยกนางให้ข้าแล้ว...อีกอย่างหนึ่ง…” จางฉี่หลิงเว้นวรรค ตัวผมถูกเหวี่ยงให้หันหน้าเข้าหาอีกฝ่าย...โดยไม่ทันตั้งตัวริมฝีปากก็ถูกประกบ…
...เชี่ย...หมอนี่จูบผม จูบจริงด้วย...
“ข้าล่วงเกินนางแล้ว คงจะไม่แต่งให้ไม่ได้แล้ว…”
เสี่ยวฮัวคำรามดังลั่น ก่อนที่ไฟและม่านจะถูกปิดลง
ผมไม่เหลือสติอยู่แล้วตอนที่ถูกพาลงมาจากเวที คุณโปรดิวเซอร์สาวโวยวายบ้งเบ้งให้ลั่น ผมไม่อาจจะจับใจความได้ รู้สึกตัวอีกครั้งคือฝ่ายคอสตูมเอาผ้าสีขาวมาคลุมหัวให้ผม จึงรู้ว่าจะเริ่มฉากแต่งงานแล้ว
จางฉี่หลิงจูงมือผมเข้าฉาก บนเวทีมีเตียงหลังใหญ่ตั้งอยู่ (ไม่ว่าจะเห็นจากตอนซ้อมมากี่ครั้งก็ยังขนลุกอยู่ดี) บนนั้นมีเฮยเสียจื่อกับเสี่ยวฮัวนั่งอยู่ นายแว่นดำนั้นยิ้มร่า ส่วนเสี่ยวฮัวนั้นหน้าหงิกงอเหมือนจะกินหัวคนได้ จางฉี่หลิงประคองผมนั่งลงข้างเตียง นายเฮยเสียจื่ออวยพรงานแต่ง เป็นไปตามบท ส่วนเสี่ยวฮัวนั้นกลับกลายเป็นการกล่าวอาฆาตทำนองว่าจะไม่ให้ทำได้สำเร็จโดยง่าย ตั้งท่าจะนั่งปักหลักอยู่ไม่ไปไหน...ผมงี้หน้าซีดกลัวการนอกบทของเสี่ยวฮัวจะทำให้ละครยืดยาวออกไป นั่นย่อมทำให้ช่วงเวลาดั่งนรกของผมยืดยาวไปอีก…
...แค่นี้ก็อับอายจะตายห่าอยู่แล้ว
โชคยังดีที่เฮยเสียจื่ออุ้มเสี่ยวฮัวออกไปจากเวทีก่อน ฉากนั้นเรียกเสียงหัวเราะจากคนในหอประชุมเป็นอันมาก เพราะเสี่ยวฮัวนั้นดิ้นปัดไม่ยอมแต่โดยดีแต่ก็ไม่อาจสู้แรงของนายเฮยเสียจื่อได้
ผมหันไปมองหน้าจางฉี่หลิงซึ่งคราวนี้ถูกเปลี่ยนให้ใส่ยูกาตะสีดำทับด้วยฮาโอริ(เสื้อคลุม)สีเดียวกัน ข้างล่างสวมกางเกงฮากามาะสีเทาทับ เป็นชุดที่คล้ายกับชุดแต่งงานตามประเพณีดั้งเดิมของชาวญี่ปุ่น
...ตามบทแล้วผมก็ต้องพูดว่า
“ข้าดีใจที่ได้แต่งงานกับท่าน เพราะข้านั้นชอบท่านนับตั้งแต่แรกพบแล้ว…”
ผมเห็นจางฉี่หลิงหน้ากระตุก ริมฝีปากสีอมส้มของอีกฝ่ายกระตุกเป็นเหมือนรอยยิ้ม
...รู้สึกตัวอีกทีผมก็นอนอยู่บนเตียงแล้วโดยมีจางฉี่หลิงคร่อมอยู่ด้านบน ท่ามกลางเสียงกรีดร้องของเหล่าผู้ชมในหอประชุม…
“พูดมาเช่นนี้ข้าคงจะอดใจไม่ไหวแล้ว โอริฮิเมะของข้า…”
จางฉี่หลิงดึงผ้าคลุมผมสีขาวออกแล้วก้มลงมาจูบผมในทันที มือของเขาไล่ดึงทึ้งชุดยูกาตะสีขาวของผมจนหลุดรุ่ย ก่อนที่เขาจะถอนริมฝีปากออก
ผมมองจางฉี่หลิงแลบลิ้นเลียริมฝีปากตัวเองด้วยท่วงท่าสุดเซกซี่ พยายามกอบโกยอากาศเข้าปอดตัวเองหลังจากโดนสูบไปแทบไม่เหลือ มองเขาสะบัดเสื้อคลุมของตัวเองออก ขยับนิ้วปิดผ้าม่านรอบเตียงอย่างรวดเร็ว
ไฟบนเวทีค่อยๆถูกดับลง ...แต่เหมือนว่าการแสดงจะไม่ได้หยุดตาม จางฉี่หลิงแหวกสาบเสื้อท่อนบนของตัวเองออกจากกัน เผยให้เห็นแผงอกเปลือยเปล่า
...ในไฟสลัวผมเห็นลวดลายกิเลนบนแผงอกนั้น…
มาจากไหนวะ... ผมคิดสงสัยก่อนจะรู้สึกตัวว่าถูกดึงผ้ารัดเอวออก สาบเสื้อชุดยูกาตะแยกออกทั้งหมดและมีมือยื่นเข้ามาลูบไล้ท่อนขา ชวนให้รู้สึกสยิวปนจั๊กจี้ พอก้มมองจึงรู้ว่าเป็นมือของจางฉี่หลิง
...มันจะนอกบทเกินไปหน่อยละมั้ง...ห่านี่คิดจะเปลี่ยนละครเวทีโรงเรียนใสๆให้เป็นหนังเรตอาร์รึไงกัน…
ผมพยายามดิ้นหนีจากมือไม้ที่ลูบไล้ตัวผมไม่มีหยุด...แต่จางฉี่หลิงไม่เอื้ออำนวยให้ผมได้หนีอย่างสะดวก...ริมฝีปากของเขาระดมจูบใบทั่วใบหน้าและลำคอของผม ผมส่งเสียงอึกอัก รู้สึกเจ็บแปล็บๆในหลายๆที่ที่จางฉี่หลิงแตะริมฝีปากลงไป
ได้ยินเสียงบ๊งเบ๊งจากหลังเวที เสียงว๊ากแหลมสูงของผู้กำกับว่า ใครก็ได้ช่วยหยุดที…
เออ ใครก็ได้ช่วยมาหยุดหมอนี่ทีเหอะ…
“พวกเจ้าหยุดกันได้แล้ว!!!”
ผมได้ยินเสียงเสี่ยวฮัวตวาดดังลั่นม่านรอบเตียงถูกเปิดออก จางฉี่หลิงถูกนายเฮยเสียจื่อล็อกแขนลากออกไปจากตัวผม เมื่อเห็นเช่นนั้นผมจึงรีบดึงสาบเสื้อเข้ามาชิดกันเพื่อปิดบังร่างกายตัวเอง
คุณโปรดิวเซอร์ในชุดยูกาตะสีฟ้าอ่อนพุ่งเข้ามาเอาผ้าห่มคลุมตัวผมไว้ ผมตัวสั่นกึกๆในอ้อมกอดของเธอ
“ฉันขอโทษนะ นายโอเคไหม” ได้ยินเธอกระซิบเบาๆ “เชี่ยพวกนี้แม่ง จางฉี่หลิงแม่ง...พินาศหมดแล้ว”
ผมพยักหน้าหงึกๆในอ้อมกอดของเธอ ใช่...พินาศหมดแล้ว…
เสี่ยวฮัวมองจางฉี่หลิงที มองผมที ก่อนจะพูดขึ้นมาว่า “พวกเจ้าเอาแต่ใช้เวลาขลุกอยู่ด้วยกันในห้องไม่ไปทำงานทำการ ละทิ้งหน้าที่ ทำให้สวรรค์เกิดความวุ่นวาย...ข้าจะลงโทษพวกเจ้า…”
อา...ข้ามมันไปหมดเลยสินะ ฉากที่เที่ยวเล่นกันจนเสียการเสียงานนั่น นี่แสดงว่าใกล้จะจบแล้ว…
ผมไม่รู้ว่าจะดีใจหรือเสียใจ...ละครมันจบเร็วขึ้น..แต่เนื้อหาบัดซบมาก...กลายเป็นว่าสาวทอผ้ากับชายเลี้ยงวัวมัวแต้วู้ฮูกันจนสวรรค์เดือดร้อนเลยโดนลงโทษ…
แถมจางฉี่หลิงแม่งก็เล่นซะสมจริง...
...เชี่ยมาก เชี่ยมากๆ หลังจากวันนี้ผมจะมีหน้าใช้ชีวิตอยู่ในโรงเรียนนี้ได้ยังไง…น่าอับอายเหลือเกิน...
รู้สึกเหมือนน้ำตาจะไหล...
“นับแต่นี้เป็นต้นไป ข้าจะแยกพวกเจ้าออกจากกัน โอริฮิเมะให้อยู่ทอผ้าอยู่ฝั่งเหนือ ฮิโกโบชิกลับไปเลี้ยงวัวที่ฝั่งใต้ ให้ทางช้างเผือกคั่นกลาง...ไม่อาจจะพบเจอกันได้อีก…”
คนดูส่งเสียงอู้...ผมเหลือบมองเห็นบางคนยกผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับน้ำตา...นี่ซาบซึ้งกับอะไรไม่ทราบแม่เจ้าประคุณทั้งหลาย...
ผมได้เห็นแวบเดียว ไฟเวทีก็ดับลง...แล้วม่านก็รูดปิด…
ตัวผมถูกพาลงจากเวที...ถูกถามว่ายังแสดงต่อไหวไหม...ใจจริงผมอยากจะส่ายหน้าแต่มาถึงจุดนี้แล้วก็แสดงให้จบๆไปเลยดีกว่า อย่าให้ไปลำบากคนอื่นเลย ผมจึงพยักหน้าแล้วยิ้มให้กับโปรดิวเซอร์สาวที่ชอบแว้ดใส่ผม อีกฝ่ายถอนใจแล้วร้องไห้โฮโผเข้ากอดผมทำเอาผมตกใจไม่น้อย ตบหลังอีกฝ่ายเบาๆเป็นการปลอบใจ เมื่อสงบสติอารมณ์ลงได้ เธอก็เรียกฝ่ายคอสตูมมาแต่งตัวให้ผมใหม่ ปากก็ซักซ้อมบทใหม่ให้ผมพร้อมๆกับคุยวิทยุสื่อสารกับทีมงานอีกฝั่งที่อยู่กับจางฉี่หลิงเพื่อซักซ้อมบทให้เช่นกัน คราวนี้เหลือแค่ฉากทำหน้าเหม่อๆนั่งทอผ้ากับฉากจบกับจางฉี่หลิง
ในที่สุดก็จะจบลงแล้ว...ผมถอนใจ...ละครเวทีแค่ไม่ถึงกี่ชั่วโมงสูบพลังงานผมไปมากมายเหลือเกิน…
ผมออกไปหน้าเวทีอีกครั้ง ทำเป็นนั่งทอผ้าด้วยท่าทีเหม่อลอย ก่อนที่นายเฮยเสียจื่อจะเดินเข้ามาตบไหล่ บอกว่าเห็นใจและสงสารที่เห็นผมต้องนั่งทอผ้าด้วยความโศกเศร้า จึงอนุญาตให้เดินข้ามทางช้างเผือกไปพบฮิโกโบชิได้หนึ่งครั้ง ในวันที่ 7 เดือน 7 ของทุกปี
...ตรงตามบททำเอาดีใจจนแทบน้ำตาจะไหล
ม่านปิดลง ผมลงไปข้างเวที...เตรียมตัวกับฉากครั้งสุดท้าย…
เมื่อได้รับสัญญาณผมเดินขึ้นเวทีอีกครั้ง บนพื้นเวทีเต็มไปด้วยควันดรายไอซ์สร้างบรรยากาศ ตรงกลางเวทีมีสะพานไม้ บนสายแม่น้ำดวงดาว (ใช้พรมกำมะหยี่สีม่วงอมน้ำเงินติดกากเพชรระยิบระยับ...แม่งโครตลงทุน หมดงบไปเท่าไรแล้วเนี่ย) ผมเดินไปตรงสะพาน ค่อยๆเห็นจางฉี่หลิงมาคอยอยู่ เจ้าตัวกลับไปใส่ชุดที่เข้าฉากแรก...แต่สาบเสื้อถูกดึงปิดให้มิดชิดเรียบร้อยมากขึ้น…
ดวงตาสีนิลจ้องมองตรงมาด้วยแววตาคะนึงถึงและโหยหา ...สมจริงสมจังจนผมขนลุก หน้าร้อนแทบไหม้
ทันทีที่เข้าใกล้ ผมถูกเขาดึงเข้าไปกอดในทันที ตอนแรกตกใจจนแทบจะขืนตัวออกแต่พอนึกได้ก็ปล่อยตัวไปตามสบาย
...ท่องไว้มันเป็นการแสดง...ฉากสุดท้ายแล้ว…ทนเอาหน่อย…
“คิดถึงเจ้าเหลือเกิน…”
ผมรู้สึกถึงแรงกดจากปลายคางบนหัว ก่อนจะเปลี่ยนเป็นริมฝีปากแตะแต้มเส้นผม…
ผมซุกอกเขาซ่อนใบหน้าตัวเอง กระซิบบทตอบ
“อดทนเอาเถอะ...ตั้งใจทำงาน...อีกหนึ่งปีแล้วเราจะได้พบกันอีกครั้ง…”
เขารั้งตัวผมออก ล้วงในเสื้อก่อนจะยื่นหยกสลักให้ “อีกหนึ่งปี...ถ้าเจ้ายังไม่ลืม นำตรานี้มาที่นี่...แล้วเราจะได้พบกัน…”
ผมยื่นมือไปรับหยกสลัก ก่อนจะถูกรวบตัวเข้าไปกอดอีกครั้ง ...ห่านี่นอกบทอีกแล้ว…
ผมโคลงหัวอย่างอ่อนอกอ่อนใจ ...เอาวะ จะจบแล้ว…
“ข้าจะไม่ลืม ข้าจะกลับมาพบเจ้า ในทุกวันที่ 7 เดือน 7 อย่างแน่นอน…”
แสงไฟหรี่ลงจนมืดสนิท ม่านเวทีสีเลือดหมูค่อยๆโรยตัวลงมา…
- วันจันทร์ถัดมา -
โชคดีที่งานเทศกาลนั่นจัดวันศุกร์ผมจึงได้หยุดพักวันเสาร์วันอาทิตย์แล้วมาโรงเรียนในวันจันทร์ ...อย่างน้อยก็ค่อยมีเรี่ยวมีแรงเผชิญสายตาคนทั้งโรงเรียนหน่อย…
ความจริงผมเห็นฟีดแบ็กละครเวทีนั่นแล้ว...เพราะมีคนถ่ายคลิปเอาไว้แล้วอัพลงเว็บ ผมได้ลิงก์มาจากที่นายอ้วนแชร์มาให้ดู…ตัวผมนั้นทนดูจนจบไม่ได้แต่น่าแปลกใจว่าในคอมเม้นต์ข้างล่างวิดิโอคลิปของละครที่พิลึกกึกกือและพังที่สุดเท่าที่ผมเคยพบเคยเจอกลับได้กระแสตอบรับที่ดีมากจากคนชม…
มีบางคอมเมนต์บอกว่าตีบทแตกกันทั้งคู่...รู้สึกได้ถึงความเศร้าสร้อยของคนรักที่ต้องพรากจากกัน…
นี่คุณเอาตาตุ่มดูใช่ไหม...ถึงเห็นเป็นแบบนั้นได้
อีกคอมเม้นต์ที่ชวนแปลกใจไม่ต่างกันคือ ‘จางฉี่หลิง X อู๋เสีย is real’ มันคืออะไร...ใครก็ได้ช่วยบอกผมทีเถอะ
อ้อ...ถ้าจะถามถึงหลังจากละครวันนั้นเกิดอะไรขึ้น ผมก็คงจะบอกคุณได้แต่ว่าจางฉี่หลิงกอดผมนิ่งอย่างงั้นอยู่พักใหญ่จนกระทั่งคุณโปรดิวเซอร์เอาเล่มบทละครมาตีหัวเขาให้ปล่อยผมออกแล้วอาสามกับอารองที่ไม่รู้ว่าโผล่มาจากไหนพุ่งเข้ามาลากแขนผมพาตรงกลับบ้านทันที…
ผมฟังอารองบ่นอาสามไปตลอดทางที่จับผมไปส่งให้ฝ่ายทำละครเวที ตัวอาสามเองก็ได้แต่เงียบกริบฟังคำบ่นของอารองไปโดยไม่อาจจะโต้เถียง
พอถึงบ้านเจออาป๊ากับอาม๊าจับถ่ายรูปนิดหน่อย โดนอาม๊าชมว่า ‘อู๋เสียน่ารักอย่างที่อาม๊าคิดเอาไว้เลย’ ผสมไปกับเสียงพึมพำของอาป๊าว่า ‘อู๋เสียของป๊าน่ารักเหลือเกิน คงจะต้องระวังไอ้หนุ่มจะเข้ามาจีบเสียแล้ว’
...ผมอยากจะบอกเหลือเกินว่าผมเป็นผู้ชายนะ...ถ้าป๊ากับม๊าจะลืมไป
ผมถอนใจยาวๆ มองความวุ่นวายภายในโรงเรียนผ่านกรอบหน้าต่าง ข้างล่างนั้นมีเด็กกำลังเรียนคาบพละอยู่ พลันก็เหลือบไปเห็นจางฉี่หลิงยืนอยู่ในสนามนั้นเช่นกัน
อ่อ...คาบนี้ห้องเขาเรียนวิชาพละสินะ…
เหมือนรู้ตัวว่ามีคนมองอยู่ จางฉี่หลิงเงยหน้าขึ้นมา จึงเสมือนว่าเราสบตากันพอดี ก่อนที่ผมจะรีบเบือนหน้าหนี
...ช่วงนี้ผมคงต้องเลี่ยงการเผชิญหน้ากับจางฉี่หลิงไปซักพัก จนกว่าจะเลิกร้อนหน้าเวลาที่สบตากับเขา...
จบแค่นี้เถอะ ; w ;
พอเห็นหัวข้อก็คิดถึงงานโรงเรียนค่ะ แต่มันตัน พอดีว่าได้ไอเดียคุณ @OkarinaNarakas ในทวิต ว่าอยากได้หนุ่มทอผ้ากับหนุ่มเลี้ยงวัว
เลยได้ SF ป่วงๆเสื่อมๆฉะนี้แล...
หลุดคาร์กระจาย มากด้วยความพินาศฉิบหายวายป่วง ทำใจก่อนอ่านนะคะ ._.
ไม่รู้ว้าพวกปู่ๆคิดอะไรอยู่ ถึงได้เพี้ยนอยากจะจัดงานโรงเรียนในธีมทานาบาตะของญี่ปุ่น
ผมคงจะไม่รู้สึกขัดข้องใจอะไร ถ้าผู้ก่อตั้งจางฉี่ซานจะไม่รีเควสต์ละครเวทีตำนานทานาบาตะโดยให้ระดับชั้นมัธยมปลายปีสองเป็นผู้รับผิดชอบ
ส่วนคนทึ่จะมาแสดงให้ทำโพลสำรวจความเห็นจากทั้งโรงเรียน
ความฉิบหายมันเริ่มจากตรงนี้...
"อู๋เสีย...ผลโหวตออกแล้วนายได้รับบทหญิงทอผ้าว่ะ..."
ห่ะ...ผมสบถในใจ นึกว่าตัวเองจะลอยตัวจากส่วนหน้าฉากไปแล้วเพราะหน้าตากับรูปร่างผมมันไม่ได้ดีอะไรนัก ผมนึกว่าจะเป็นเสี่ยวฮัวผู้งดงามไม่ก็อาหนิงคนสวยนั่นเสียอีกที่จะได้บทนี้ไป
คนในโรงเรียนนี้แม่งเพี้ยนไปแล้ว...
"ทำไมถึงเป็นฉันได้ฟระ...ฉันไม่อยากแสดง ฉันอยากทำงานฉากมากกว่า"
"เสี่ยอ้วนเข้าใจเทียนเจินนะ..." นายอ้วนตบบ่าผมแปะๆ "แต่เทียนเจินต้องเข้าใจว่ารูปร่างหน้าตาเทียนเจินไม่เหมือนเดิมแล้ว จะได้รับความสนใจมากขึ้นก็ไม่ใช่เรื่องแปลก ยิ่งเปิดเผยแล้วว่าเป็นหลานชายคนเดียวของตระกูลอู๋ ยิ่งทำให้นายฮอตไปใหญ่..."
"ฮอตพ่อง..." ผมเท้าคางกับโต๊ะ "แล้วความจริงเปิดเผยเชี่ยไร...นี่ไม่เคยปิดบังอยู่แล้วเหอะ...พวกแม่งไม่เชื่อกันเอง..."
"นายก็แม่งไม่ยอมพูดด้วยเหอะ..." ผมได้ยินนายอ้วนถอนใจก่อนจะรู้สึกถึงแรงตบเบาๆที่หัว
"คงต้องลำบากหน่อยละนะ คราวนี้..."
"ฉันจะแกล้งกลิ้งตกบันไดให้ขาหักดีไหมวะ..."
"ฉันไม่คิดว่าพวกเขาจะยอมหรอกนะ..." ผมเงยหัวขึ้นมองนายอ้วน ซึ่งพยักเพยิดไปทางประตูห้องเรียน พอผมมองตามไปก็พบกับจางฉี่หลิงยืนทำหน้านิ่งอยู่ ข้างกันนั้น...
"อย่าคิดแม้แต่จะทำบ้าๆอะไรแบบนั้นเชียวนะยะ!!" เสียงแปดหลอดดังขึ้น จากหญิงสาวตัวเล็กที่ผมคุ้นหน้าว่าเป็นโปรดิวเซอร์ละครคราวนี้ กำลังทำหน้าถมึงทึง เจ้าตัวก้าวเท้าฉับๆมาหาผมที่โต๊ะ แล้วดึงแขนผมลุกขึ้นก่อนจะลากไปตามทาง
...ฉิบหายแล้ว แผนการจะอู้โดนเปิดเผย
“อุตส่าห์จะได้ทำอะไรสนุกๆทั้งที ฉันไม่ยอมให้นายมาขัดขวางการทำงานของฉันหรอกนะ อู๋เสียต่อให้เธอเป็นหลานของอู๋เหล่าโกว อู๋เอ้อร์ไป๋ อู๋ซันเสิ่งก็เถอะ…”
หล่อนบ่นพึมพำขณะลากผมเดินไปตามทาง...ตัวนิดเดียวแต่แม่งแรงควายชะมัด... แล้วผมก็สะดุ้งสุดตัวเมื่อหล่อนหันกลับมา
“คงต้องฝากนายดูแลแล้วล่ะนะ พ่อหนุ่มเลี้ยงวัว…” มองตามสายตาเจ้าหล่อนไปจึงรู้ว่าคำพูดนั้นคือการฝากฝังผมกับจางฉี่หลิงที่เดินตามมาเงียบๆ
...แม่งไม่มีใครบอกผมวะ ว่าจางฉี่หลิงได้รับเลือกเป็นพระเอก
ในสัปดาห์แห่งการซ้อมละครอันหฤโหดนั้น เขาก็ถูกจางฉี่หลิง นายเรือพ่วงน่าเบื่อนั่นตามมาลากไปซ้อมทุกหลังเลิกเรียน มื่อใดที่เขาพยายามจะหนี ไม่ว่าจะไปหลบไปซ่อนที่ไหน ก็ตามจนเจอ พอขัดขืนมากๆก็เจอจับอุ้มพาดบ่าเลยก็มี พอถึงทึ่ซ้อมก็จะเจอคุณโปรดิวเซอร์ตัวเล็กแต่พลังเสียงไม่ได้เล็กตามตัวแว้ดๆใส่อีกจนหูแทบชา หลังๆเพื่อไม่เป็นการเพิ่มความอับอายขายขี้หน้าต่อคนในโรงเรียน เลยต้องยอมตามอีกฝ่ายทึ่มาดักรอรับหน้าห้องเรียนมันได้ทุกวันไปแต่โดยดี
แล้วก็มาถึงวันแสดงจริง...
ผมถูกจับแต่งตัวเป็นสาวทอผ้าด้วยยูกาตะแบบผู้หญิงสีขาวยายดอกซากุระสีชมพู ใส่แฮร์พีซสีน้ำตาลต่อผมให้ยาวขึ้นติดกิ๊บประดับรูปดอกไม้อันใหญ่ ตอนแรกกะจะแกล้งป่วยแล้วนอนอยู่บ้าน ปรากฏว่าอาสามกลับไปขุดผมจากที่นอนแล้วลากเอามาส่งให้ฝ่ายคอสตูม
ก่อนจะออกไปยังมามีการตบบ่าผมแปะๆแล้วบอกว่า ‘พยายามเข้านะเสี่ยวเสีย แล้วอาจะรอดู’
...ผมไม่เคยเคืองอาสามมากเท่านี้มาก่อนเลย
ผมไม่พบจางฉี่หลิงและคนแสดงคนอื่นเพราะถูกจับแยกออกมาแต่งต่างหาก...แต่คิดว่าคนระดับนั้น ต่อให้ใส่ชุดมอซอแค่ไหน หรือคอสตูมจะให้ใส่เศษผ้าก็คงจะหล่อวัวตายควายล้ม หล่อจนสาวๆทั้งหอประชุมกรีดร้องอยู่ดี ไม่งั้นไม่ได้โหวตให้เป็นพระเอกหรอก
...มันน่าหมั่นไส้นัก
ในใจตอนนี้ผมภาวนาอย่างเดียวว่าขอให้การแสดงนี้แม่งจบๆไปซะที...อย่ามีเรื่องแทรกซ้อน นอกบทเกิดขึ้นเหมือนช่วงตอนซ้อมเลยเถิด…
ผมเข้าไปนั่งประจำที่ ฉากแรกเป็นการเปิดตัวสาวทอผ้า ผมมีหน้าที่เพียงนั่งโง่ๆ แสร้งทำเป็นปั่นเครื่องปั่นด้ายแล้วก็ไปทอผ้า เจ้าหน้าที่ควบคุมเวทีและไฟส่งสัญญาณมาแล้ว ผมจึงเตรียมพร้อม
ม่านค่อยๆเปิดออก ผมจับด้ามหมุนเครื่องปั่นด้าย กระตุกริมฝีปากเป็นรอยยิ้มอ่อนๆ แสงไฟสาดส่องลงมาจนผมตาพร่าไปหมด
...ได้ยินเสียงร้องกรี้ดเบาๆ…ในเสียงกรีดร้องเหล่านั้น มีแต่คำว่าน่ารัก เทียนเจิน เต็มไปหมด…
จะกรุณามากถ้าพวกคุณจะหยุดพร่ำออกมา...ผมรู้สึกอายเหลือเกิน…
“ตั้งกล้องเร็ว…” ...อย่าเลย...ขอร้องล่ะ…อย่าเก็บหลักฐานสภาพอันน่าอัปยศอดสูของผมเอาไว้เลย…
ผมเดินไปที่เครื่องทอผ้าตามคิวที่กำหนดไว้ จับหูกกระตุกสองสามหน นายแว่นดำเฮยเสียจื่อ ผู้รับบทเทพผู้ครองสวรรค์ พ่อของสาวทอผ้าก็เดินออกมา เจ้าตัวอยู่ในชุดยูกาตะสีดำลายมังกรสีทอง...แต่แม่งขนาดเล่นละครหมอนี่ยังใส่แว่นดำอยู่เลย…
...เป็นเทพเจ้าที่เฟี้ยวสัด…
“โอริฮิเมะลูกพ่อ…” หมอนั่นเลื้อยเข้ามาใกล้แล้ววางมีแปะบนบ่าของผมแล้วลูบไล้ไปมา
เฮ้ยๆ ทุกทีไม่ใช่อย่างงี้นี่หว่า… “ฝีมือทอผ้าของเจ้าช่างยอดเยี่ยมงดงามนัก เหล่าเทพทั้งหลายล้วนแล้วแต่พึงพอใจกับผลงานของเจ้า…”
“ได้ยินเช่นนั้น ข้าก็ดีใจ…” ผมต่อบท จับมือรุ่มร่ามของนายเฮยเสียจื่อเอาไว้ “...ข้าจะได้ตั้งใจผลิตผ้าทอออกมาให้มากขึ้นอีก…”
“ลูกเอ๋ย...เท่านี้เจ้าก็ทอผ้าอยู่แทบจะทั้งวันทั้งคืนแล้ว...หากจะผลิตให้มากขึ้นอีก...พ่อเกรงว่าเจ้าจะไม่มีเวลาได้ผักผ่อน เที่ยวเล่นอย่างคนอื่นเขา…”
“ไม่เป็นไรหรอก...เพราะข้าไม่ได้สนใจเรื่องเหล่านั้น…”
“...แล้วเรื่องคู่ครองเล่า เจ้าก็โตจนถึงวัยออกเรือนแล้วนะ…”
“ข้าไม่สนใจเรื่องนั้นเช่นกัน”
ว่าแล้วก็หันหลังให้นายเฮยเสียจื่อแล้วทำเป็นง่วนกับการทอผ้าต่อ...ปล่อยให้อีกฝ่ายบ่นคร่ำครวญกับคนเดียวกับคนดูตามบท
“ดูนางสิ...เอาแต่ทำงานปั่นด้าย ทอผ้าอยู่นั่นซ้ำยังไม่สนใจเรื่องการหาคู่ครอง หากปล่อยเอาไว้คงได้แต่ทอผ้าจนกระทั่งชีวิตเหี่ยวเฉา ขึ้นคานเป็นแน่…” เหล่าคนดูโห่รับประโยคนั้น “...ไม่ได้การข้าคงต้องหาคู่ให้นางเสียแล้ว…”
พอหมดบทพูดของเฮยเสียจื่อ ไฟก็ค่อยหรี่ลงและม่านก็ค่อยๆปิดลง ฝ่ายฉากมาขนข้าวของออกเพราะฉากต่อไปเป็นฉากเปิดตัวหนุ่มเลี้ยงวัว ผมเองก็โดนต้อนลงไปด้านข้างเวที หันหลังกลับไปมองเห็นคนใส่ชุดวัวทยอยๆเดินขึ้นเวทีมาแล้ว แต่งยังไม่เห็นตัวจางฉี่หลิง
...แม่ง...ผมอยากเห็นจริงๆนะว่าอีกฝ่ายอยู่ในสารรูปไหน…
ไฟด้านนอกค่อยๆสว่างขึ้น...และแน่นอน เสียงกรี้ดที่ดังกระหึ่ม ผมนี่อยากจะยื่นหัวออกไปดูเหลือเกิน หากไม่ติดว่าฝ่ายคอสตูมกดหัวผมเอาไว้ ทั้งซับเหงื่อซับมัน เติมเครื่องสำอาง ติดเครื่องประดับผมเพิ่ม เช็คผ้าคาดเอว...แต่ยังได้ยินเสียงสนทนาแว่วๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเสียงของนายแว่น
“ฮิโกโบชิ ข้าดั้นด้นมาถึงนี่ด้วยเล็งเห็นว่าเจ้าเป็นคนหนุ่มที่ขยันขันแข็ง (เสียงร้อง ว้ายยย ของคนดูแทรกเข้ามา) ร่างกายกำยำและสง่างาม (เสียงกรีดร้องดังขึ้นกว่าเดิม) ถึงเจ้าจะเป็นคนพูดน้อยจนน่าเบื่อ (ผมตงิดใจว่าอันนี้นายแว่นจะนอกบท) แต่เจ้าก็มีคุณสมบัติที่จะเป็นลูกเขยที่ดี ข้าจะยกโอริฮิเมะลูกสาวของข้าให้เจ้า เจ้าสนใจจะรับนางไว้หรือไม่…”
ผมไม่ได้ยินคำตอบของเมินโหยวผิง ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะตอบรับว่ายังไงเพราะนายแว่นนั้นนอกบทไปไกลทีเดียว อันที่จริงฉากนี้นายแว่นควรจะพูดแค่ว่าเล็งเห็นความขยันขันแข็ง จะตบรางวัลด้วยการจัดงานดูตัวให้แค่นั้นเอง…
ฝ่ายหลังเวทีก็พากันมองหน้าเลิ่กลั่ก...อันที่จริงเรื่องแบบนี้ใช่ว่าจะเกิดขึ้นครั้งแรก ช่วงซ้อมแรกๆก็มีบ่อยๆ แต่พอใกล้วันงานก็ดูเข้าที่เข้าทางดีแล้ว ไม่มีใครหลุดหรือนอกบทเลย...ทำได้ดีมากด้วยซ้ำ
ผมได้สติเมื่อฝ่ายเวทีเร่งให้ผมเดินเข้าฉาก ในวินาทีนั้นผมก็ตัดสินใจว่า...ตามน้ำไปละกันวะ…
ผมกลับไปนั่งประจำเครื่องทอผ้ที่ถูกยกมาไว้ตำแหน่งเดิม ขยับมือทำเป็นทอผ้า ไม่นานนักผมก็รู้สึกว่ามีคนเดินเข้ามาใกล้ ผมจึงหันหลังไปมอง
“โอริฮิเมะลูกพ่อ…” นายแว่นวิ่งเข้ามาทำท่าจะโผกอด เฮ้ยๆ นอกบทแล้วเฟ้ย...ผมนนึกในใจ ตัดมุกอีกฝ่ายด้วยการออกมายืนนอกเครื่องทอผ้าแล้วโค้งคำนับ นายแว่นจึงต้องเบรกกึก
“สวัสดีค่ะท่านพ่อ ไม่ทราบว่ามีธุระอะไรหรือคะ…”
ฝ่ายนั้นยิ้มแหยๆใส่ ก่อนจะเปลี่ยนท่าทีเป็นผายมือไปด้านหลัง “พ่อพาชายผู้หนึ่งมาให้ลูกดูตัว…”
แล้วผมก็ได้เห็นจางฉี่หลิงเสียที...และ...แม่งเอ้ย...เขาอยู่ในชุดยูกาตะแบบผู้ชายสีน้ำเงินเข้ม โอบิสีขาวเส้นเล็กถูกมัดไว้หลวมบริเวณท้องน้อย สาบเสื้อด้านบนแยกออก เผยให้เห็นกล้ามหน้าอกและกล้ามหน้าท้องรำไร
ห่านี่...เห็นตัวบางๆใส่ชุดนักเรียนเรียบร้อย ไม่นึกว่าจะมีซิกซ์แพคกะเขาด้วย…
ก้มมองตัวเอง มีแต่เนื้อหนังที่นุ่มนิ่มเต็มไปด้วยชั้นไขมัน ทำเอาอยากจะมุดเวทีหนี
“คนๆนี้คือฮิโกโบชิ หนุ่มเลี้ยงวัวจากอีกฝั่งของทางช้างเผือก...พ่อพาเขามาให้เจ้าดูตัว...คนๆนี้เป็นคนหนุ่มที่ขยันขันแข็ง น่าจะเข้ากับเจ้าได้ดี…”
โล่งใจที่บทนี้กลับมาเป็นปกติ ...ผมอ้าปากจะปฏิเสธตามบท แต่นายแว่นกลับเอ่ยสวนขึ้นมาเสียก่อนว่า “เวลาแบบนี้น่าจะปล่อยให้หนุ่มสาวได้ศึกษากันสองต่อสอง พ่อขอตัวไปก่อนล่ะนะ…”
...อ้าวเชี่ย...ทิ้งกันอย่างงี้เลย… ผมได้แต่สบถในใจเพราะตามจริงแล้วเฮยเสียจื่อต้องอยู่พูดคุยเป็นพ่อสื่อก่อน จากการพูดคุยตอบคำถามสามคน โอริฮิเมะจึงจะนึกชอบพอฮิโกโบชิขึ้นมา
เอาไงดีวะ…
ผมหันรีหันขวางอยู่แปปหนึ่ง แล้วก็ตัดสินใจกลับไปนั่งทอผ้า...ไม่คิดว่าจางฉี่หลิงจะเดินตามมาติดๆแล้วทิ้งตัวลงนั่งข้างผมบนเครื่องทอผ้า…
ผมแว่วเสียงกรีดจากเหล่าคนดูเบาๆ…
“ผ้าผืนนี้งามนัก…” จางฉี่หลิงเปิดปากพูดขณะเอื้อมมือไปจับผ้าที่เป็นของประกอบฉากที่วางอยู่ไม่ไกล “แต่ก็ไม่งามเท่าตัวคนทอ…”
ผมช็อคกับประโยคเกี้ยวพาที่ไม่มีในบท และจางฉี่หลิงไม่น่าพูดอะไรออกมาได้ ไม่ทันรู้สึกตัวหมอนั่นก็เขยิบเข้ามาใกล้จนอกจะเบียดอก ผมรู้สึกถึงแขนอีกฝ่ายเอื้อมมาโอบเอว มือข้างหนึ่งเชยคางผมขึ้น พร้อมๆับที่ใบหน้าหล่อเหลานั่นเคลื่อนเข้ามาชิด
“เราแค่มาดูตัวกัน ท่านจะทำแบบนี้ไม่ได้นะ…” ...นี่มันจะนอกบทไปแล้วเฟ้ย…ผมถลึงตาใส่อีกฝ่าย…
จางฉี่หลิงเหมือนไม่รู้สึกรู้สา เขาค่อยๆดันตัวผมลงนอนราบกับม้านั่ง ส่วนตัวเองก็ลดตัวมาคร่อมผมเอาไว้ ผมรู้สึกถึงจมูกโด่งดุนดันอยู่แถวต้นคอ
“เทพผู้ครองสวรรค์ตนนั้นเอ่ยยกเจ้าให้ข้าแล้ว…” ...เชี่ย...ทำไมถึงได้สรรหาจำคำพูดนอกบทไม่เป็นสาระแบบนี้นะ
จางฉี่หลิงเงยหน้าจากซอกคอของผม แล้วขยับเข้าใกล้ ดวงตาสีนิลนั้นจับจ้องที่ริมฝีปากของผมเขม็งในขณะที่ใบหน้านั้นขยับเข้ามชิดช้าๆ
“ข้าไม่เห็นด้วยกับการดูตัวในครั้งนี้...ข้าไม่ยอม…”
เสียงๆหนึ่งดังลั่นขึ้น จางฉี่หลิงจึงละจากผมแล้วหันไปมอง ผมเองได้ทีก็กระเด้งตัวขึ้นนั่งขยับถอยห่างจากอีกฝ่ายโดยอัตโนมัติแล้วหันไปมองต้นเสียงบ้าง จึงพบว่าเป็นเสี่ยวฮัวซึ่งรับบทเป็นแม่ของโอริฮิเมะ
ขอบใจนะเสี่ยวฮัว...แต่นี่แม่งนอกบทไม่ใช่เรอะ…
ความจริงแล้วเสี่ยวฮัวจะต้องออกมาตอนพิธีแต่งงานพร้อมกับนายเฮยเสียจื่อซึ่งเป็นฉากหลังจากนี้ต่างหาก...แล้วตามบทก็ต้องอวยพรในงานแต่งด้วย...แล้วนี่มันอะไรกัน…
ในขณะที่ผมมึนงงกับการนอกบทครั้งยิ่งใหญ่อยู่ จางฉี่หลิงก็ยกแขนขึ้นโอบไหล่ผมเอาไว้
“กษัตริย์ตรัสแล้วไม่คืนคำ ยิ่งเป็นเทพผู้ครองสวรรค์ยิ่งไม่ควรผิดคำพูด เขาบอกยกนางให้ข้าแล้ว...อีกอย่างหนึ่ง…” จางฉี่หลิงเว้นวรรค ตัวผมถูกเหวี่ยงให้หันหน้าเข้าหาอีกฝ่าย...โดยไม่ทันตั้งตัวริมฝีปากก็ถูกประกบ…
...เชี่ย...หมอนี่จูบผม จูบจริงด้วย...
“ข้าล่วงเกินนางแล้ว คงจะไม่แต่งให้ไม่ได้แล้ว…”
เสี่ยวฮัวคำรามดังลั่น ก่อนที่ไฟและม่านจะถูกปิดลง
ผมไม่เหลือสติอยู่แล้วตอนที่ถูกพาลงมาจากเวที คุณโปรดิวเซอร์สาวโวยวายบ้งเบ้งให้ลั่น ผมไม่อาจจะจับใจความได้ รู้สึกตัวอีกครั้งคือฝ่ายคอสตูมเอาผ้าสีขาวมาคลุมหัวให้ผม จึงรู้ว่าจะเริ่มฉากแต่งงานแล้ว
จางฉี่หลิงจูงมือผมเข้าฉาก บนเวทีมีเตียงหลังใหญ่ตั้งอยู่ (ไม่ว่าจะเห็นจากตอนซ้อมมากี่ครั้งก็ยังขนลุกอยู่ดี) บนนั้นมีเฮยเสียจื่อกับเสี่ยวฮัวนั่งอยู่ นายแว่นดำนั้นยิ้มร่า ส่วนเสี่ยวฮัวนั้นหน้าหงิกงอเหมือนจะกินหัวคนได้ จางฉี่หลิงประคองผมนั่งลงข้างเตียง นายเฮยเสียจื่ออวยพรงานแต่ง เป็นไปตามบท ส่วนเสี่ยวฮัวนั้นกลับกลายเป็นการกล่าวอาฆาตทำนองว่าจะไม่ให้ทำได้สำเร็จโดยง่าย ตั้งท่าจะนั่งปักหลักอยู่ไม่ไปไหน...ผมงี้หน้าซีดกลัวการนอกบทของเสี่ยวฮัวจะทำให้ละครยืดยาวออกไป นั่นย่อมทำให้ช่วงเวลาดั่งนรกของผมยืดยาวไปอีก…
...แค่นี้ก็อับอายจะตายห่าอยู่แล้ว
โชคยังดีที่เฮยเสียจื่ออุ้มเสี่ยวฮัวออกไปจากเวทีก่อน ฉากนั้นเรียกเสียงหัวเราะจากคนในหอประชุมเป็นอันมาก เพราะเสี่ยวฮัวนั้นดิ้นปัดไม่ยอมแต่โดยดีแต่ก็ไม่อาจสู้แรงของนายเฮยเสียจื่อได้
ผมหันไปมองหน้าจางฉี่หลิงซึ่งคราวนี้ถูกเปลี่ยนให้ใส่ยูกาตะสีดำทับด้วยฮาโอริ(เสื้อคลุม)สีเดียวกัน ข้างล่างสวมกางเกงฮากามาะสีเทาทับ เป็นชุดที่คล้ายกับชุดแต่งงานตามประเพณีดั้งเดิมของชาวญี่ปุ่น
...ตามบทแล้วผมก็ต้องพูดว่า
“ข้าดีใจที่ได้แต่งงานกับท่าน เพราะข้านั้นชอบท่านนับตั้งแต่แรกพบแล้ว…”
ผมเห็นจางฉี่หลิงหน้ากระตุก ริมฝีปากสีอมส้มของอีกฝ่ายกระตุกเป็นเหมือนรอยยิ้ม
...รู้สึกตัวอีกทีผมก็นอนอยู่บนเตียงแล้วโดยมีจางฉี่หลิงคร่อมอยู่ด้านบน ท่ามกลางเสียงกรีดร้องของเหล่าผู้ชมในหอประชุม…
“พูดมาเช่นนี้ข้าคงจะอดใจไม่ไหวแล้ว โอริฮิเมะของข้า…”
จางฉี่หลิงดึงผ้าคลุมผมสีขาวออกแล้วก้มลงมาจูบผมในทันที มือของเขาไล่ดึงทึ้งชุดยูกาตะสีขาวของผมจนหลุดรุ่ย ก่อนที่เขาจะถอนริมฝีปากออก
ผมมองจางฉี่หลิงแลบลิ้นเลียริมฝีปากตัวเองด้วยท่วงท่าสุดเซกซี่ พยายามกอบโกยอากาศเข้าปอดตัวเองหลังจากโดนสูบไปแทบไม่เหลือ มองเขาสะบัดเสื้อคลุมของตัวเองออก ขยับนิ้วปิดผ้าม่านรอบเตียงอย่างรวดเร็ว
ไฟบนเวทีค่อยๆถูกดับลง ...แต่เหมือนว่าการแสดงจะไม่ได้หยุดตาม จางฉี่หลิงแหวกสาบเสื้อท่อนบนของตัวเองออกจากกัน เผยให้เห็นแผงอกเปลือยเปล่า
...ในไฟสลัวผมเห็นลวดลายกิเลนบนแผงอกนั้น…
มาจากไหนวะ... ผมคิดสงสัยก่อนจะรู้สึกตัวว่าถูกดึงผ้ารัดเอวออก สาบเสื้อชุดยูกาตะแยกออกทั้งหมดและมีมือยื่นเข้ามาลูบไล้ท่อนขา ชวนให้รู้สึกสยิวปนจั๊กจี้ พอก้มมองจึงรู้ว่าเป็นมือของจางฉี่หลิง
...มันจะนอกบทเกินไปหน่อยละมั้ง...ห่านี่คิดจะเปลี่ยนละครเวทีโรงเรียนใสๆให้เป็นหนังเรตอาร์รึไงกัน…
ผมพยายามดิ้นหนีจากมือไม้ที่ลูบไล้ตัวผมไม่มีหยุด...แต่จางฉี่หลิงไม่เอื้ออำนวยให้ผมได้หนีอย่างสะดวก...ริมฝีปากของเขาระดมจูบใบทั่วใบหน้าและลำคอของผม ผมส่งเสียงอึกอัก รู้สึกเจ็บแปล็บๆในหลายๆที่ที่จางฉี่หลิงแตะริมฝีปากลงไป
ได้ยินเสียงบ๊งเบ๊งจากหลังเวที เสียงว๊ากแหลมสูงของผู้กำกับว่า ใครก็ได้ช่วยหยุดที…
เออ ใครก็ได้ช่วยมาหยุดหมอนี่ทีเหอะ…
“พวกเจ้าหยุดกันได้แล้ว!!!”
ผมได้ยินเสียงเสี่ยวฮัวตวาดดังลั่นม่านรอบเตียงถูกเปิดออก จางฉี่หลิงถูกนายเฮยเสียจื่อล็อกแขนลากออกไปจากตัวผม เมื่อเห็นเช่นนั้นผมจึงรีบดึงสาบเสื้อเข้ามาชิดกันเพื่อปิดบังร่างกายตัวเอง
คุณโปรดิวเซอร์ในชุดยูกาตะสีฟ้าอ่อนพุ่งเข้ามาเอาผ้าห่มคลุมตัวผมไว้ ผมตัวสั่นกึกๆในอ้อมกอดของเธอ
“ฉันขอโทษนะ นายโอเคไหม” ได้ยินเธอกระซิบเบาๆ “เชี่ยพวกนี้แม่ง จางฉี่หลิงแม่ง...พินาศหมดแล้ว”
ผมพยักหน้าหงึกๆในอ้อมกอดของเธอ ใช่...พินาศหมดแล้ว…
เสี่ยวฮัวมองจางฉี่หลิงที มองผมที ก่อนจะพูดขึ้นมาว่า “พวกเจ้าเอาแต่ใช้เวลาขลุกอยู่ด้วยกันในห้องไม่ไปทำงานทำการ ละทิ้งหน้าที่ ทำให้สวรรค์เกิดความวุ่นวาย...ข้าจะลงโทษพวกเจ้า…”
อา...ข้ามมันไปหมดเลยสินะ ฉากที่เที่ยวเล่นกันจนเสียการเสียงานนั่น นี่แสดงว่าใกล้จะจบแล้ว…
ผมไม่รู้ว่าจะดีใจหรือเสียใจ...ละครมันจบเร็วขึ้น..แต่เนื้อหาบัดซบมาก...กลายเป็นว่าสาวทอผ้ากับชายเลี้ยงวัวมัวแต้วู้ฮูกันจนสวรรค์เดือดร้อนเลยโดนลงโทษ…
แถมจางฉี่หลิงแม่งก็เล่นซะสมจริง...
...เชี่ยมาก เชี่ยมากๆ หลังจากวันนี้ผมจะมีหน้าใช้ชีวิตอยู่ในโรงเรียนนี้ได้ยังไง…น่าอับอายเหลือเกิน...
รู้สึกเหมือนน้ำตาจะไหล...
“นับแต่นี้เป็นต้นไป ข้าจะแยกพวกเจ้าออกจากกัน โอริฮิเมะให้อยู่ทอผ้าอยู่ฝั่งเหนือ ฮิโกโบชิกลับไปเลี้ยงวัวที่ฝั่งใต้ ให้ทางช้างเผือกคั่นกลาง...ไม่อาจจะพบเจอกันได้อีก…”
คนดูส่งเสียงอู้...ผมเหลือบมองเห็นบางคนยกผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับน้ำตา...นี่ซาบซึ้งกับอะไรไม่ทราบแม่เจ้าประคุณทั้งหลาย...
ผมได้เห็นแวบเดียว ไฟเวทีก็ดับลง...แล้วม่านก็รูดปิด…
ตัวผมถูกพาลงจากเวที...ถูกถามว่ายังแสดงต่อไหวไหม...ใจจริงผมอยากจะส่ายหน้าแต่มาถึงจุดนี้แล้วก็แสดงให้จบๆไปเลยดีกว่า อย่าให้ไปลำบากคนอื่นเลย ผมจึงพยักหน้าแล้วยิ้มให้กับโปรดิวเซอร์สาวที่ชอบแว้ดใส่ผม อีกฝ่ายถอนใจแล้วร้องไห้โฮโผเข้ากอดผมทำเอาผมตกใจไม่น้อย ตบหลังอีกฝ่ายเบาๆเป็นการปลอบใจ เมื่อสงบสติอารมณ์ลงได้ เธอก็เรียกฝ่ายคอสตูมมาแต่งตัวให้ผมใหม่ ปากก็ซักซ้อมบทใหม่ให้ผมพร้อมๆกับคุยวิทยุสื่อสารกับทีมงานอีกฝั่งที่อยู่กับจางฉี่หลิงเพื่อซักซ้อมบทให้เช่นกัน คราวนี้เหลือแค่ฉากทำหน้าเหม่อๆนั่งทอผ้ากับฉากจบกับจางฉี่หลิง
ในที่สุดก็จะจบลงแล้ว...ผมถอนใจ...ละครเวทีแค่ไม่ถึงกี่ชั่วโมงสูบพลังงานผมไปมากมายเหลือเกิน…
ผมออกไปหน้าเวทีอีกครั้ง ทำเป็นนั่งทอผ้าด้วยท่าทีเหม่อลอย ก่อนที่นายเฮยเสียจื่อจะเดินเข้ามาตบไหล่ บอกว่าเห็นใจและสงสารที่เห็นผมต้องนั่งทอผ้าด้วยความโศกเศร้า จึงอนุญาตให้เดินข้ามทางช้างเผือกไปพบฮิโกโบชิได้หนึ่งครั้ง ในวันที่ 7 เดือน 7 ของทุกปี
...ตรงตามบททำเอาดีใจจนแทบน้ำตาจะไหล
ม่านปิดลง ผมลงไปข้างเวที...เตรียมตัวกับฉากครั้งสุดท้าย…
เมื่อได้รับสัญญาณผมเดินขึ้นเวทีอีกครั้ง บนพื้นเวทีเต็มไปด้วยควันดรายไอซ์สร้างบรรยากาศ ตรงกลางเวทีมีสะพานไม้ บนสายแม่น้ำดวงดาว (ใช้พรมกำมะหยี่สีม่วงอมน้ำเงินติดกากเพชรระยิบระยับ...แม่งโครตลงทุน หมดงบไปเท่าไรแล้วเนี่ย) ผมเดินไปตรงสะพาน ค่อยๆเห็นจางฉี่หลิงมาคอยอยู่ เจ้าตัวกลับไปใส่ชุดที่เข้าฉากแรก...แต่สาบเสื้อถูกดึงปิดให้มิดชิดเรียบร้อยมากขึ้น…
ดวงตาสีนิลจ้องมองตรงมาด้วยแววตาคะนึงถึงและโหยหา ...สมจริงสมจังจนผมขนลุก หน้าร้อนแทบไหม้
ทันทีที่เข้าใกล้ ผมถูกเขาดึงเข้าไปกอดในทันที ตอนแรกตกใจจนแทบจะขืนตัวออกแต่พอนึกได้ก็ปล่อยตัวไปตามสบาย
...ท่องไว้มันเป็นการแสดง...ฉากสุดท้ายแล้ว…ทนเอาหน่อย…
“คิดถึงเจ้าเหลือเกิน…”
ผมรู้สึกถึงแรงกดจากปลายคางบนหัว ก่อนจะเปลี่ยนเป็นริมฝีปากแตะแต้มเส้นผม…
ผมซุกอกเขาซ่อนใบหน้าตัวเอง กระซิบบทตอบ
“อดทนเอาเถอะ...ตั้งใจทำงาน...อีกหนึ่งปีแล้วเราจะได้พบกันอีกครั้ง…”
เขารั้งตัวผมออก ล้วงในเสื้อก่อนจะยื่นหยกสลักให้ “อีกหนึ่งปี...ถ้าเจ้ายังไม่ลืม นำตรานี้มาที่นี่...แล้วเราจะได้พบกัน…”
ผมยื่นมือไปรับหยกสลัก ก่อนจะถูกรวบตัวเข้าไปกอดอีกครั้ง ...ห่านี่นอกบทอีกแล้ว…
ผมโคลงหัวอย่างอ่อนอกอ่อนใจ ...เอาวะ จะจบแล้ว…
“ข้าจะไม่ลืม ข้าจะกลับมาพบเจ้า ในทุกวันที่ 7 เดือน 7 อย่างแน่นอน…”
แสงไฟหรี่ลงจนมืดสนิท ม่านเวทีสีเลือดหมูค่อยๆโรยตัวลงมา…
- วันจันทร์ถัดมา -
โชคดีที่งานเทศกาลนั่นจัดวันศุกร์ผมจึงได้หยุดพักวันเสาร์วันอาทิตย์แล้วมาโรงเรียนในวันจันทร์ ...อย่างน้อยก็ค่อยมีเรี่ยวมีแรงเผชิญสายตาคนทั้งโรงเรียนหน่อย…
ความจริงผมเห็นฟีดแบ็กละครเวทีนั่นแล้ว...เพราะมีคนถ่ายคลิปเอาไว้แล้วอัพลงเว็บ ผมได้ลิงก์มาจากที่นายอ้วนแชร์มาให้ดู…ตัวผมนั้นทนดูจนจบไม่ได้แต่น่าแปลกใจว่าในคอมเม้นต์ข้างล่างวิดิโอคลิปของละครที่พิลึกกึกกือและพังที่สุดเท่าที่ผมเคยพบเคยเจอกลับได้กระแสตอบรับที่ดีมากจากคนชม…
มีบางคอมเมนต์บอกว่าตีบทแตกกันทั้งคู่...รู้สึกได้ถึงความเศร้าสร้อยของคนรักที่ต้องพรากจากกัน…
นี่คุณเอาตาตุ่มดูใช่ไหม...ถึงเห็นเป็นแบบนั้นได้
อีกคอมเม้นต์ที่ชวนแปลกใจไม่ต่างกันคือ ‘จางฉี่หลิง X อู๋เสีย is real’ มันคืออะไร...ใครก็ได้ช่วยบอกผมทีเถอะ
อ้อ...ถ้าจะถามถึงหลังจากละครวันนั้นเกิดอะไรขึ้น ผมก็คงจะบอกคุณได้แต่ว่าจางฉี่หลิงกอดผมนิ่งอย่างงั้นอยู่พักใหญ่จนกระทั่งคุณโปรดิวเซอร์เอาเล่มบทละครมาตีหัวเขาให้ปล่อยผมออกแล้วอาสามกับอารองที่ไม่รู้ว่าโผล่มาจากไหนพุ่งเข้ามาลากแขนผมพาตรงกลับบ้านทันที…
ผมฟังอารองบ่นอาสามไปตลอดทางที่จับผมไปส่งให้ฝ่ายทำละครเวที ตัวอาสามเองก็ได้แต่เงียบกริบฟังคำบ่นของอารองไปโดยไม่อาจจะโต้เถียง
พอถึงบ้านเจออาป๊ากับอาม๊าจับถ่ายรูปนิดหน่อย โดนอาม๊าชมว่า ‘อู๋เสียน่ารักอย่างที่อาม๊าคิดเอาไว้เลย’ ผสมไปกับเสียงพึมพำของอาป๊าว่า ‘อู๋เสียของป๊าน่ารักเหลือเกิน คงจะต้องระวังไอ้หนุ่มจะเข้ามาจีบเสียแล้ว’
...ผมอยากจะบอกเหลือเกินว่าผมเป็นผู้ชายนะ...ถ้าป๊ากับม๊าจะลืมไป
ผมถอนใจยาวๆ มองความวุ่นวายภายในโรงเรียนผ่านกรอบหน้าต่าง ข้างล่างนั้นมีเด็กกำลังเรียนคาบพละอยู่ พลันก็เหลือบไปเห็นจางฉี่หลิงยืนอยู่ในสนามนั้นเช่นกัน
อ่อ...คาบนี้ห้องเขาเรียนวิชาพละสินะ…
เหมือนรู้ตัวว่ามีคนมองอยู่ จางฉี่หลิงเงยหน้าขึ้นมา จึงเสมือนว่าเราสบตากันพอดี ก่อนที่ผมจะรีบเบือนหน้าหนี
...ช่วงนี้ผมคงต้องเลี่ยงการเผชิญหน้ากับจางฉี่หลิงไปซักพัก จนกว่าจะเลิกร้อนหน้าเวลาที่สบตากับเขา...
จบแค่นี้เถอะ ; w ;
พอเห็นหัวข้อก็คิดถึงงานโรงเรียนค่ะ แต่มันตัน พอดีว่าได้ไอเดียคุณ @OkarinaNarakas ในทวิต ว่าอยากได้หนุ่มทอผ้ากับหนุ่มเลี้ยงวัว
เลยได้ SF ป่วงๆเสื่อมๆฉะนี้แล...
แก้ไขล่าสุดโดย The_Dark_Lady เมื่อ Fri 10 Jul 2015, 19:28, ทั้งหมด 2 ครั้ง
The_Dark_Lady- ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ
- จำนวนข้อความ : 301
Points : 3633
Join date : 21/06/2015
Age : 29
ที่อยู่ : On the Land, Below the sky
Re: [Fic]#dmbjdaily 44 days left (Yukata) (AU) Matsuri (ผิงเสีย)
โอยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!!!!! โอยๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ!
กรี๊ดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ!!!!!! ผิงเสีย is real จริงๆค่ะ >3<
จะว่าไปก่อนหน้านี้แวบนึงเราเปิดทวิต เห็นใครซักคนลง "หนุ่มทอผ้ากับหนุ่มเลี้ยงวัว" อยู่แว้บๆ ไม่นึกว่าจะมีคนเอามาแต่งเป็นเรื่องเป็นราวจริงๆนะเนี่ย
......นั่งขำคนเดียวจนเด็จป๋ามองหน้าเลยค่ะ คั่กๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ!
กรี๊ดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ!!!!!! ผิงเสีย is real จริงๆค่ะ >3<
จะว่าไปก่อนหน้านี้แวบนึงเราเปิดทวิต เห็นใครซักคนลง "หนุ่มทอผ้ากับหนุ่มเลี้ยงวัว" อยู่แว้บๆ ไม่นึกว่าจะมีคนเอามาแต่งเป็นเรื่องเป็นราวจริงๆนะเนี่ย
......นั่งขำคนเดียวจนเด็จป๋ามองหน้าเลยค่ะ คั่กๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ!
Re: [Fic]#dmbjdaily 44 days left (Yukata) (AU) Matsuri (ผิงเสีย)
ฮืออออ อ่านตรงมุกจีบแล้วเขินค่ะะะะะ
ผ้าผืนงาม แต่ไม่งามเท่าคนทอออ ฮอลลลลล
นายน้อยเปลืองตัวมหาศาลมาก ต่อหน้าธารกำนัลทั้งโรงเรียน ฮืออ5555
นอกบทขนาดนี้คือเตี๊ยมกับนายเฮยไว้ใช่ไหมเสียวเกอออ
ผ้าผืนงาม แต่ไม่งามเท่าคนทอออ ฮอลลลลล
นายน้อยเปลืองตัวมหาศาลมาก ต่อหน้าธารกำนัลทั้งโรงเรียน ฮืออ5555
นอกบทขนาดนี้คือเตี๊ยมกับนายเฮยไว้ใช่ไหมเสียวเกอออ
Cathareen- ด้วงสุสานใต้สมุทรทะเลซีซา
- จำนวนข้อความ : 149
Points : 3594
Join date : 24/12/2014
Re: [Fic]#dmbjdaily 44 days left (Yukata) (AU) Matsuri (ผิงเสีย)
คำบรรยายนายเเว่น >> ...เป็นเทพเจ้าที่เฟี้ยวสัด…
อื้ม มันใช่ ช่างโดนใจอะไรแบบนี้
แถมมีต่อด้วยมุกผ้างามไม่เท่าคนทอ จางฉี่หลิง...นายนี่มัน
อื้ม มันใช่ ช่างโดนใจอะไรแบบนี้
แถมมีต่อด้วยมุกผ้างามไม่เท่าคนทอ จางฉี่หลิง...นายนี่มัน
mama moosap- ด้วงตำหนักหลู่หวังเจ็ดดารา
- จำนวนข้อความ : 64
Points : 3418
Join date : 29/03/2015
Re: [Fic]#dmbjdaily 44 days left (Yukata) (AU) Matsuri (ผิงเสีย)
เค้า เค้า อยากจะลูบไล้ซิกแพคของพี่จางฉี่หลิง
หนุ่มเลี้ยงวัวคนหื่น ถ้านายจะนอกบทขนาดนี้ ไป ไปเปิดห้อง 555555555
สงสารสาวทอผ้าอู๋เสียเขาหน่อยเถอะ คนดูเป็นร้อย อายแย่แล้ว
กรี๊ดเบาๆกับฉากแว่นดำอุ้มเสี่ยวฮัวออกไปจากเวที คุณพ่อแว่นดำเรื่องนี้เฟี้ยวถูกใจหนูมากค่ะ
หนุ่มเลี้ยงวัวคนหื่น ถ้านายจะนอกบทขนาดนี้ ไป ไปเปิดห้อง 555555555
สงสารสาวทอผ้าอู๋เสียเขาหน่อยเถอะ คนดูเป็นร้อย อายแย่แล้ว
กรี๊ดเบาๆกับฉากแว่นดำอุ้มเสี่ยวฮัวออกไปจากเวที คุณพ่อแว่นดำเรื่องนี้เฟี้ยวถูกใจหนูมากค่ะ
Eli-kun- ด้วงตำหนักหลู่หวังเจ็ดดารา
- จำนวนข้อความ : 80
Points : 3435
Join date : 04/03/2015
Re: [Fic]#dmbjdaily 44 days left (Yukata) (AU) Matsuri (ผิงเสีย)
55555555555555555555555555555555555555555
พี่แว่นดำนี่เฟี้ยวสัด เล่นเป็นเทพก็ยังใส่แว่นดำ ถถถถถ
โคตรฮานายน้อย เนื้อหาแม่งบัดซบมาก 55555555
สรุปมีใครไม่นอกบทบ้าง บทนี่แหกกระจาย เป็นPD คงเอาตีนก่ายหน้าเลยทีเดียว ก๊ากกกก
เข้าใจคำว่า Silent Scream จริงๆจังๆก็คราวนี้ ไม่กล้าส่งเสียงกลัวพ่อตื่นลงมาด่า ได้แต่อ้าปากระบายแบบไม่มีเสียง ถถถถถถถ
พี่แว่นดำนี่เฟี้ยวสัด เล่นเป็นเทพก็ยังใส่แว่นดำ ถถถถถ
โคตรฮานายน้อย เนื้อหาแม่งบัดซบมาก 55555555
สรุปมีใครไม่นอกบทบ้าง บทนี่แหกกระจาย เป็นPD คงเอาตีนก่ายหน้าเลยทีเดียว ก๊ากกกก
เข้าใจคำว่า Silent Scream จริงๆจังๆก็คราวนี้ ไม่กล้าส่งเสียงกลัวพ่อตื่นลงมาด่า ได้แต่อ้าปากระบายแบบไม่มีเสียง ถถถถถถถ
Rozenkreuz- ด้วงอาณาจักรเจ้าแม่ซีหวังหมู่
- จำนวนข้อความ : 625
Points : 3847
Join date : 01/07/2015
Age : 31
ที่อยู่ : กองทัพผีเก็บเห็ดแห่งประตูสำริด
Re: [Fic]#dmbjdaily 44 days left (Yukata) (AU) Matsuri (ผิงเสีย)
เสี่ยวเกอหื่นมากค่าา นายน้อยเปลืองตัวสุดๆเลย แต่ฟินมากคะ อิอิ
yakusoku- ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ
- จำนวนข้อความ : 369
Points : 3829
Join date : 05/11/2014
ที่อยู่ : โลงในสุสานโบราณ
Re: [Fic]#dmbjdaily 44 days left (Yukata) (AU) Matsuri (ผิงเสีย)
55555555555555 แงงงง ขำมากเลยค่ะะะะ
ขำตั้งแต่นายแว่นใส่แว่นดำเล่นละคร แถมยังมีเสี่ยวฮัวมาเล่นนอกบทด้วย ตาเมินก็หื่นจริงๆ 5555555555
มัวแต่วู้ฮูกันจนสวรรค์ลงโทษ แง้ 5555555555555555
ขำตั้งแต่นายแว่นใส่แว่นดำเล่นละคร แถมยังมีเสี่ยวฮัวมาเล่นนอกบทด้วย ตาเมินก็หื่นจริงๆ 5555555555
มัวแต่วู้ฮูกันจนสวรรค์ลงโทษ แง้ 5555555555555555
Narakas- ด้วงต้นไม้เทพเจ้า
- จำนวนข้อความ : 263
Points : 3840
Join date : 27/10/2014
ที่อยู่ : ทิเบต
Re: [Fic]#dmbjdaily 44 days left (Yukata) (AU) Matsuri (ผิงเสีย)
คือขำตั้งแต่ต้นจนจบ นายน้อยเสียเปรียบตลอด แล้วนายจางอะไรคะ คุณจะหื่นไปไหม แหม่ ได้ทีเอาใหญ่
poypoy- ด้วงสุสานใต้สมุทรทะเลซีซา
- จำนวนข้อความ : 105
Points : 3574
Join date : 27/10/2014
ที่อยู่ : บ้านตระกูลอู๋ ใต้เตียงนายน้อยสาม
Re: [Fic]#dmbjdaily 44 days left (Yukata) (AU) Matsuri (ผิงเสีย)
โงยยยยยยยยย น่ารักอะไรขนาดนี้ เสี่ยวเสียของเค้าาาาาาาา //โดนปัก
คุณชายจาง เจ้าชายจาง เหตุใดท่านถึง...กับเสี่ยวเสียได้ขนาดนี้
บทมาจากส่วนลึกในใจสินะคะ อิอิ น่ารักมาก เนียนเว่อๆ
อาเฮย ท่านเป็นเพื่อนพระเอกที่ดีมาก
อารอง/อาสาม อามาสายไปรึเปล่าคะ มาซะตอนจบเชียว ครุๆคริๆ
ชอบเซ็ทนี้มากเลยค่ะ จะข่มใจอ่านวันพาร์ทสองพาร์ท ฮิ้วววว
คุณชายจาง เจ้าชายจาง เหตุใดท่านถึง...กับเสี่ยวเสียได้ขนาดนี้
บทมาจากส่วนลึกในใจสินะคะ อิอิ น่ารักมาก เนียนเว่อๆ
อาเฮย ท่านเป็นเพื่อนพระเอกที่ดีมาก
อารอง/อาสาม อามาสายไปรึเปล่าคะ มาซะตอนจบเชียว ครุๆคริๆ
ชอบเซ็ทนี้มากเลยค่ะ จะข่มใจอ่านวันพาร์ทสองพาร์ท ฮิ้วววว
NadaMin- ด้วงฝึกหัด
- จำนวนข้อความ : 11
Points : 3163
Join date : 10/09/2015
Re: [Fic]#dmbjdaily 44 days left (Yukata) (AU) Matsuri (ผิงเสีย)
ผิงเสีย is real!!!!
Zeth- ด้วงตำหนักหลู่หวังเจ็ดดารา
- จำนวนข้อความ : 74
Points : 2684
Join date : 04/03/2017
Age : 26
ที่อยู่ : ใต้เตียงชาวบ้าน
Similar topics
» [Drabble]#dmbjdaily 44 days left (Yukata) Midsummer Night (R-18)(ผิงเสีย)
» [OS]#dmbjdaily 44 days left(Yukata) ชุดนี้แหละดีแล้ว [15-จางอู๋]
» [OS] #dmbjdaily 25 days left : Notes [ผิงเสีย]
» [AU FIC] Tame Me : สยบให้ได้ถ้านายแน่จริง (เฮยฮัว) Chapter2 (#dmbjdaily 44 Days Left >>Yukata)
» [OS] #dmbjdaily 59 days left (Left) ตำแหน่งสำคัญ [ผิงเสีย]
» [OS]#dmbjdaily 44 days left(Yukata) ชุดนี้แหละดีแล้ว [15-จางอู๋]
» [OS] #dmbjdaily 25 days left : Notes [ผิงเสีย]
» [AU FIC] Tame Me : สยบให้ได้ถ้านายแน่จริง (เฮยฮัว) Chapter2 (#dmbjdaily 44 Days Left >>Yukata)
» [OS] #dmbjdaily 59 days left (Left) ตำแหน่งสำคัญ [ผิงเสีย]
หน้า 1 จาก 1
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
|
|
Fri 24 Jul 2020, 01:39 by gustoon
» [คู่มือด้วง] Keyword จีนสำหรับการขุด(แฟนดอม)สุสาน
Thu 21 Jun 2018, 00:29 by miskizfullmoon
» มังฮวาและภาคทิเบต
Thu 21 Jun 2018, 00:23 by miskizfullmoon
» [OS] Father is the best (ผิงเสีย)
Thu 03 Aug 2017, 16:12 by schneewittchen
» [Fic] สิ่งเล็กๆที่เชื่อมโลก5 [เมินโหยวผิง+อู่เสีย+เสี่ยอ้วน]+OC
Tue 01 Aug 2017, 12:30 by natsume
» [OS] #dmbjdaily (จูปาจุ๊บ) Bittersweet [ผิงเสีย AU]
Thu 06 Apr 2017, 15:58 by Zeth
» [OS] #dmbjdaily "โทรศัพท์มือถือ" - no Pairing [All]
Tue 04 Apr 2017, 22:27 by Zeth
» [OS] #DMBJDaily (แว่น): ระยะที่มองไม่เห็น [ฮัวเสีย]
Sat 01 Apr 2017, 16:55 by Zeth
» [OS] #DMBJdaily (5.20) ท่านยอดฝีมือ [หวังเหมิง (+เหมิงเสีย)(+ผิงเสีย)]
Thu 30 Mar 2017, 17:24 by Zeth