Countdown
We've been
togerther for

ค้นหา
 
 

Display results as :
 


Rechercher Advanced Search


[OS] เปลวเทียน [ผิงเสีย]

Go down

[OS] เปลวเทียน [ผิงเสีย] Empty [OS] เปลวเทียน [ผิงเสีย]

ตั้งหัวข้อ by MinMin Sun 02 Nov 2014, 23:19




dmbjdaily 289 days left

เปลวเทียน



คืนนั้นพายุเข้า ลมพัดแรงจนต้นไม้แทบปลิวหลุดจากดิน ผมได้ยินเสียงฟ้าร้องสะเทือนเลือนลั่น รำคาญจนนอนไม่หลับ พอลุกขึ้นนั่งก็พบว่ามีแต่ผมคนเดียวที่มีอาการนี้ เมินโหยวผิงนั่งพิงผนังหลับตา ไม่รู้ว่าหลับจริงหรือหลอก ส่วนนายอ้วนนอนกรนเสียงดังแข่งกับฟ้าร้อง

ผมเดินไปนั่งริมหน้าต่าง มองฝ่าม่านฝนเห็นดวงไฟตามบ้านเป็นเพียงแสงสลัวๆเหมือนดวงวิญญาณคนตายลอยอยู่กลางอากาศ เสียงลมที่ลอดผ่านช่องหน้าต่างคล้ายเสียงกรีดร้องของผีในสุสาน เพิ่มบรรยากาศความน่ากลัวมากขึ้นจนผมรู้สึกว่าไม่ควรนั่งฟุ้งซ่านอยู่ตรงนี้

ผมกำลังจะลุกขึ้น ฟ้าแลบสว่างจ้าจนแสบตา เสียงฟ้าร้องตามมาแล้วดวงไฟทั้งหมดก็ดับพรึบ

ผมยืนเคว้งสูญเสียการมองเห็นไปชั่วขณะ เสียงกรนของนายอ้วนยังคงดังต่อเนื่องจนผมอิจฉา ทำไมผมไม่นอนหลับง่ายแบบเขาบ้าง

ปรับสายตาสักพัก ผมก็เดินงมทางในความมืด ควานหากระเป๋าเพื่อหยิบไฟฉาย แต่ก้าวไปได้ไม่กี่ก้าวก็สะดุดกระเป๋าล้มเสียงดังโครม

ผมสถบคำหยาบออกมาก่อนจะลุกขึ้นนั่ง เอื้อมมือหากระเป๋า แต่ดันจับโดนบางอย่างนิ่มๆเย็นๆ พอเงยหน้าก็เห็นเงาตะคุ่มสูงค้ำหัว ตกใจจนเผลอร้องออกมาพร้อมกับขยับตัวถอยหนี เงานั่นยืดยาวออกมาจับขาผมไว้ ผมเกือบจะร้องอีกครั้งหากไม่ได้ยินเสียงพูดว่า

"ฉันเอง"

ผมจำเสียงนี้ได้ เมินโหยวผิงนี่เอง ไอ้หมอนี่แม่งโผล่มาไม่ให้สุ่มให้เสียง

ผมด่าบรรพบุรุษของเขาสองสามรุ่น เขาเมินเฉยไม่คิดจะปกป้องปู่หรือทวดของตัวเองเลย

ฝนยังคงตกต่อเนื่อง ส่วนนายอ้วนก็ยังหลับต่อไป เสียงกรนของเขาบ่งบอกว่าเขาไม่มีส่วนรู้เห็นเรื่องผมที่ตกใจเมินโหยวผิงจนร้องเสียงหลงแต่ อย่างใด

ผมมองเมินโหยวผิงในความมืด รู้สึกได้ว่าแรงที่จับขาหายไป ผมรีบหดขากลับ ได้ยินเสียงคุ้ยของจากตรงไหนสักแห่ง

"ไฟแช็ก"

ผมล้วงกระเป๋า หยิบของส่งให้เมินโหยวผิง ไม่กี่วินาทีต่อมา แสงสว่างก็เกิดขึ้นภายในห้อง

เมินโหยวผิงถือเทียนเล่มหนึ่งส่องกระทบใบหน้า ยิ่งทำให้หน้านิ่งๆซีดๆของเขาดูหลอนกว่าเดิมหลายเท่า

"นายไม่นอนเหรอ" ผมถาม

เมินโหยวผิงส่ายหน้า ตอบสั้นๆว่า
"นายยังไม่หลับ"

ผมขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจ แต่เขาตัดทางถามของผมด้วยการเดินไปนั่งริมหน้าต่าง วางเทียนไว้ตรงขอบ

เปลวเทียนไหววูบตามลม ราวกับพร้อมจะดับลงทุกเมื่อ

ผมเดินไปนั่งข้างๆเขา มันเป็นตำแหน่งเดิมที่ผมนั่งก่อนที่ไฟจะดับ ชำเลืองมองเมินโหยวผิง พบว่าเขามองผมอยู่เช่นกัน

"มีตัวอะไรอยู่ข้างหลังฉันเหรอ" ผมถามหวาดๆ ในใจคิดว่าเป็นไปไม่ได้หรอก แต่ประสบการณ์จากการลงกรวยทำให้ผมต้องถามแบบนี้ทุกครั้งที่ถูกเขาจ้อง

เมินโหยวผิงส่ายหน้าอีกครั้ง หันไปมองนอกหน้าต่าง

เมื่อทั้งผมและเขาเงียบ เสียงฝนและเสียงกรนของนายอ้วนดูจะดังขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า ผมจ้องมองแสงสว่างเพียงหนึ่งเดียวในห้อง เปลวไฟไหววูบ ทำท่าจะดับมอดเพราะแรงลมที่ลอดเข้ามาในห้อง ผมเอื้อมมือ ตั้งใจจะบังลมไม่ให้เทียนดับ แต่ก็ต้องพบว่ามีมืออีกมือหนึ่งยื่นมาชนกันพอดี

มือของผมสัมผัสกับมือที่มีลักษณะพิเศษแตกต่างจากคนปกติของเมินโหยวผิง
มือนี้ที่เคยกระซวกด้วงศพ เคยคลำกลไกกับดักจำนวนนับไม่ถ้วน
มือที่กว่าจะกลายมาเป็นแบบนี้ได้ต้องผ่านการฝึกอันแสนเจ็บปวด

แต่ไม่ว่ายังไง ตอนนี้ที่ผมสัมผัส...มือของเขาก็คือมือของคนธรรมดาคนหนึ่ง มีความอบอุ่น หยาบและสากบ่งบอกว่าผ่านเรื่องราวมากมาย และที่สำคัญคือมือนี้ยังขยับได้

...แสดงว่าเขายังมีชีวิตอยู่ตรงนี้

กี่ครั้งแล้วที่มือนี้ช่วยผมไว้
ผมที่ลงไปเดินในสุสานโดยปราศจากการเตรียมตัวเตรียมใจ สามารถมีชีวิตรอด ผ่านมาจนถึงตอนนี้ได้
...เพราะมือคู่นี้ เพราะเขา

เขาเหมือนแสงสว่างในยามที่ผมต้องเดินอยู่ท่ามกลางความมืดของสุสาน

ต่อให้ต้องเดินลงไปเจอผีปีศาจ เจอเรื่องเลวร้ายแค่ไหน ขอเพียงมีเขาอยู่ด้วย ผมก็คิดว่าไม่มีอะไรต้องกังวล

"ฉันโชคดี ที่ได้เจอกับนาย"
ผมพูดขึ้น ละสายตาจากเปลวเทียน มองสบดวงตานิ่งสงบของเมินโหยวผิง
"บางทีการที่ฉันเจอแต่เรื่องร้ายๆ โดนผีไล่ตาม โดนกับดักสารพัด อาจเป็นเพราะฉันใช้โชคดีของฉันไปหมดแล้วก็ได้"

เมินโหยวผิงไม่ตอบ สีหน้าของเขาไม่มีเปลี่ยน แต่ผมรู้สึกได้ว่ามือของเขาค่อยๆขยับ จากที่เคยสัมผัสแผ่วเบากลายเป็นกอบกุม

มือของเขาจับมือของผมไว้

คืนนั้นผมและเขานั่งคุยกัน อันที่จริงจะบอกว่าคุยกันคงไม่ได้ เพราะผมเป็นคนพูดอยู่ฝ่ายเดียวเสียมากกว่า
ผมพูดถึงเรื่องเก่าๆตั้งแต่พวกเราลงดินด้วยกันครั้งแรก ไปจนถึงว่าในอนาคตหากพวกเราจะเลิกเป็นโจรขุดสุสาน หาซื้อบ้านอยู่เป็นหลักเป็นฐานด้วยกันคงสนุกไม่น้อย ผมอาจจะเกลี้ยกล่อมให้นายอ้วนมาเปิดร้าน อยู่ใกล้ๆจะได้ไปมาหาสู่กันได้สะดวก

เรื่องของอนาคตที่ผมพูดในวันนั้นสว่างไสว เหมือนเปลวเทียนท่ามกลางพายุฝนและความมืดภายในห้องนั้น

สุดท้ายผมก็หลับไปโดยไม่รู้ตัว

...บางทีผมคงลืมไปว่าเปลวเทียนย่อมมีวันมอดดับ
แสงสว่างย่อมมีวันเลือนหาย
มือที่เคยกอบกุมจับไว้มั่นแค่ไหนก็ย่อมมีวันปล่อย

อนาคตที่ผมวาดฝันไว้ในตอนนั้นไม่มีวันเป็นจริง

คำพูดของผมตกหล่นอยู่ตรงนั้น ระหว่างผมกับเขา

แล้วเมินโหยวผิงก็ปล่อยมือจากผมไป

...

ผมนึกเรื่องนี้ขึ้นมาได้ขณะนั่งอยู่ในถ้ำน้ำพุร้อนเพียงลำพัง พายุหิมะด้านนอกไม่มีทีท่าว่าจะสงบลงแต่อย่าง ใด กว่าผมจะลงจากฉางไป๋ซานได้คงต้องรอเวลาอีกสักพัก

ผมหลับตาตั้งใจว่าจะนอนหลับสักงีบก่อนค่อยลุกขึ้นไปสำรวจโพรงลึกด้านในอีกครั้งและอีกครั้งเผื่อจะเจอกลไกทางลับ

...เผื่อว่าผมจะเห็นเมินโหยวผิงเดินกลับมา

แต่ผมก็รู้ดีว่าภายในถ้ำนี่ไม่มีเปลวเทียนสว่างไสวในวันนั้น

...ไม่มีมือที่กอบกุมกันเหมือนในวันนั้นอีกแล้ว...







MinMin
MinMin
ด้วงต้นไม้เทพเจ้า
ด้วงต้นไม้เทพเจ้า

จำนวนข้อความ : 222
Points : 3865
Join date : 28/10/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

ขึ้นไปข้างบน

- Similar topics

 
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ