Countdown
We've been
togerther for
ค้นหา
Latest topics
Most active topics
[OS-AU] วิธีสยบเด็กฉบับเฮยเสียจื่อ #ผิงเสีย + เฮย
+4
Nepenthes
meanato
kame_kazuha
Snake_Blind
8 posters
หน้า 1 จาก 1
[OS-AU] วิธีสยบเด็กฉบับเฮยเสียจื่อ #ผิงเสีย + เฮย
Pairing : ผิงเสีย
*คำเตือน* ฟิคนี้ AU นะคะ OOC (Out of character) มากๆๆๆๆๆๆๆๆ แต่งตามใจฉัน
ได้แรงบันดาลใจมาจากน้องยอร์ชกับน้องเมลิค นักแสดงจากทองเนื้อเก้าค่ะ
:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:
ภาพบรรยากาศการสังสรรค์ของกลุ่มธุรกิจ เป็นสิ่งที่ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี จะเจอมากี่ครั้ง
สำหรับเด็กหนุ่มผู้ชอบความเงียบสงบก็เป็นเรื่องที่ทำใจให้ชอบได้ยาก แต่ถึงกระนั้นด้วยคำสั่งของผู้เป็นปู่ ก็ยากที่จะขัดได้
จางฉี่หลิงวัย 11 ขวบจึงต้องทำตัวเป็นคุณชายที่ดี กล่าวทักทายแขกมากหน้าหลายตาที่แวะเวียนมาทักทาย
ผู้นำบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างนอบน้อม
“พ่อพระใหญ่!!”
คำเรียกที่ไม่คุ้นหูผู้เป็นหลาน แต่สำหรับผู้เป็นปู่ คำๆนี้ปัจจุบันไม่มีคนเรียกแล้ว จึงรู้ได้ทันทีว่าผู้ที่พึ่งมาถึงนั้นเป็นใคร
“โอ้ เหลาอู่ ข้าส่งบัตรเชิญไปตั้งหลายครั้ง ในที่สุดก็มาจนได้นะ”
“พ่อพระใหญ่ก็รู้ว่าข้าไม่ถูกกับอาการหนาวของเมืองหลวงน่ะ เห็นว่าปีนี้จัดในช่วงที่อากาศกำลังดีหรอกนะ เลยยอมมาเสียหน่อย”
เสียงพูดคุยสอดประสานกับเสียงหัวเราะอย่างร่าเริง สร้างความประหลาดใจให้เสี่ยวหลิง เนื่องด้วยปกติแล้วปู่นั้นจะมีมาด
เคร่งขรึมและเข้มงวด จึงเป็นเรื่องแปลกที่จะเห็นปู่ผ่อนคลายลงต่อหน้าใครสักคน
“โอ้ นั่นเสี่ยวหลิงใช่มั๊ย เจอกันครั้งสุดท้ายก็ยังเป็นเด็กทารกอยู่เลย โตไวจริงๆ”
“เสี่ยวหลิง เจ้าอาจจะจำไม่ได้ แต่ท่านนี้คือ อู๋เหลาโก่ว ผู้นำของเครืออู๋ทางใต้ เป็นคนคุ้นเคยของบ้านเรา”
“สวัสดีครับท่านอู๋” เด็กหนุ่มโค้งตัวคำนับอย่างนอบน้อม
“อย่ามากพิธีเลย เจ้าก็เหมือนหลานข้าคนนึง เรียกข้าว่าปู่อู๋ก็ได้ จากนี้คงจะได้เจอกันบ่อยๆนะเสี่ยวหลิง”
หลังจากนั้นผู้อวุโสทั้ง 2 ก็ยืนสนทนากันยาวเหยียด เด็กหนุ่มที่ทั้งเบื่อทั้งเซ็ง แต่เมื่อคิดถึงสายตาดุดันของท่านปู่
ก็ต้องกล้ำกลืนคำบ่นทั้งหมดลงคอไป เด็กหนุ่มยืนนิ่งๆเคียงข้างปู่ แต่สายตากลับเหม่อลอยไปไกล คิดถึงเตียงนุ่มๆ
กับข้าวอุ่นๆของแม่ครัวที่บ้าน
“เฮ้ หลิงหลิง!!”
เสียงเรียก ที่ต้องเรียกว่า ดังมว๊ากกกกกกกกกกกกกก กระชากสติกลับเข้าร่างของเด็กหนุ่มผมดำที่ยืนเหม่ออยู่
เสี่ยวหลิงแอบกลอกตาเล็กน้อย เพราะรู้ว่าคนที่กล้าเรียก จางฉี่หลิง ทายาทสกุลจางด้วยชื่อหน่อมแหน่ม
แถมดังจนคิดว่า Doorman ที่ชั้นล่างสุดของโรงแรมก็คงได้ยิน
“สวัสดีเสี่ยวจือ”
เสียงของจางฉี่ซานที่เอ่ยทักเด็กหนุ่มผู้มาใหม่ เจือไปด้วยน้ำเสียงตำหนิ แต่ถึงกระนั้นตัวผู้ถูกทักก็ไม่ได้ยี่หระอะไรเลย
“ดีฮะปู่จาง!!”
เฮยเสียจื่อเดินมายกมือไหว้แบบน่าโดนตบกบาลแล้วจับไปฝึกมารยาทใหม่ ก่อนจะยกแขนมาพาดบ่าเสี่ยวหลิงที่ทำหน้า
บอกบุญไม่รับอยู่นานแล้ว ใบหน้าที่สวมแว่นตาดำดูไม่เข้ากับอายุฉีกยิ้มหวานประจบประแจงแบบที่ดูก็รู้ว่าไอ้เด็กนี่แ-่งกวน-ีน
“ยืมตัวหลิงหลิงหน่อยนะฮะ~”
พูดจบเจ้าเด็กไร้มารยาทก็ลากตัวคุณชายจางออกมาจากวงสนทนาทันที
.
.
.
.
.
“เฮย นายจะลากฉันไปไหนวะ”
พอพ้นจากรัศมีการมองเห็นของปู่ เสี่ยวหลิงก็สลัดมาดคุณชายผู้เรียบร้อยทันที ใบหน้าที่เคยเรียบเฉยเต็มไปด้วย
ความเบื่อและความเหน็ดเหนื่อย หลังจากที่เดินตามเพื่อนตนมาสักพักก็อดจะถามไม่ได้
“ไปเดทกันไงคะหลิงหลิงขา”
เด็กหนุ่มหน้าทะเล้นแกล้งดัดเสียงและเพิ่มดีกรีความน่าหมั่นไส้ด้วยการทำตัวสะดีดสะดิ้งประกอบ จนเสี่ยวหลิงทนไม่ไหว
ต้องยกขาขึ้นเตะตูดเพื่อนอย่างแรง
“555555555 แค่เล่นมุขน่า ขำหน่อยซิคุณชาย หน้านี่ยังกะฉาบปูนมา หรืออายุแค่นี้ไปฉีดโบท็อกส์แล้ว??”
“ท็อกป้านายซิ สรุปจะไปไหน บอกได้ยัง”
แม้จะทำหน้าบูด แต่เสี่ยวหลิงก็ไม่มีท่าทีขัดขืน เฮยเสียจื่อจึงปล่อยแขนที่พาดบนไหล่เพื่อนมาซุกกระเป๋ากางเกง
มองคุณชายจางยกมือขึ้นรูดเนคไทลงเล็กน้อย แล้วแกะกระดุมเสื้อเม็ดบนลงเป็นการคลายความอึดอัดจากชุดสูทเต็มยศ
ส่วนฝ่ายพ่อหนุ่มที่เป็นคนไปลากเขามานี่ อยู่ในสภาพเหมือนหลังจบงานแล้วเรียบร้อย เสื้อเชิ้ตถูกดึงชายออกจากกางเกง
แขนเสื้อพับขึ้นจนเหนือข้อศอก ส่วนไทด์ที่คาดว่าน่าจะเคยมีอยู่นั้น สลายหายกลายเป็นอากาศธาตุไปนานแล้ว
“เห็นนายเบื่อๆ เลยรีบไปลากออกมาก่อนที่จะถอดจิตออกจากร่างไปซะก่อน”
ฟังคำเพื่อนแล้วคุณชายก็หัวเราะดังหึออกมา
เฮยเสียจื่อนั้น เป็นทายาทตระกูลเฮย 1ในสมาชิกเด็กเพียงไม่กี่คนที่มีวัยไล่เลี่ยกันกับเสี่ยวหลิง แถมยังไม่ชอบงานแนวๆนี้
เหมือนกันด้วย ทำให้หลายต่อหลายครั้งที่ทั้ง 2 รวมหัวกันหายตัวไปจากงานปาร์ตี้เสียเฉยๆ
ครั้งนี้ก็เช่นกันที่ทั้ง 2 รวมหัวกันหนีออกมาเดินเล่นในโรงแรมโดยทิ้งพวกผู้ใหญ่ไว้เบื้องหลัง ตัวเสี่ยวหลิงกะว่าจะไปหามุมดีๆ
แอบหลับสักงีบจนกว่าจะใกล้เวลาเลิกงานแล้วค่อยกลับไปหาปู่
แต่ทว่า…
หมับ!!
เสี่ยวหลิงตัวกระตุกอย่างกระทันหันเมื่อรู้สึกถึงแรงจับที่ปลายนิ้วก้อยและนิ้วนาง ก่อนจะหันควับกลับมามองที่มือตนแล้วชะงักค้างไป
เมื่อบัดนี้ ตรงหน้าตนนั้นมีเด็กชายตัวเล็ก วัย 2-3 ขวบ ในชุดเชิ้ตกางเกงขาสั้นกับหูกระต่ายน่ารักน่าชัง1อัน กำลังเอามืออวบๆเล็กๆ
กำรอบนิ้วของตนอยู่
“อ้าว นายไปตกเด็กมาตอนไหนวะหลิงหลิง”
เสี่ยวจื่อที่สังเกตว่าอยู่ดีๆเพื่อนก็หายไปจากข้างๆตน หันกลับมามองแล้วก็ต้องเอ่ยด้วยความงงงวยกับภาพตรงหน้า
ส่วนคนถูกถามก็ได้แต่ทำหน้า กูก็ไม่รู้ โดยไม่พูดอะไร
“ละ หลิงหลิง!!!”
เด็กน้อยสงเสียงเจื้อแจ้วเต็มปากเต็มคำ เสี่ยวจื่อขำก๊ากกับชื่อเรียก ก่อนจะจับบ่าเพื่อนตนที่ตอนนี้นิ่งยิ่งกว่าเดิม
“รู้จักเหรอวะ??”
ได้รับการส่ายหน้าเป็นคำตอบ
“แล้วจะเอาไงวะ? จะพาเด็กนี่กลับไปที่งานปะ? แต่กลับไปต้องโดนล็อกตัวไว้แน่เลยว่ะเราว่า”
เสี่ยวหลิงไม่เอ่ยตอบ แต่ใช้มืออีกข้างแกะนิ้วมือเล็กๆนั้นออกอย่างง่ายดาย เด็กน้อยพยายามไขว้คว้า แต่ก็ไวไม่ทันคนโตกว่า
เสี่ยวหลิงหลบหลีกมือนั้นก่อนออกเดินอีกครั้ง แต่ก็ต้องชะงักหยุดเมื่อร่างเล็กๆวิ่งมากำชายเสื้อสูทไว้แน่น
แล้วการต่อสู้ของเด็ก 2 วัยก็ดำเนินต่อไปโดยมีเสี่ยวจื่อยืนเป็นผู้ชม เด็กชายแว่นดำยืนพิงกำแพงด้วยท่าทางสบายๆ
ใบหน้าขยับยิ้มขบขันกับเหตุการณ์ตรงหน้าโดยที่ไม่คิดจะเข้าไปช่วยเพื่อนเลยสักนิด
ผ่านไป 15 นาทีกับความดื้อดึงของเด็กชายปริศนา และ เป็นจุดสิ้นสุดของความอดทนของเสี่ยวหลิง เด็กชายเลิกคิดจะ
แกะมือเล็กๆนั้น แล้วใช้สายตาจ้องพร้อมพูดเสียงเย็นเยียบ
“ปล่อย…..”
เด็กน้อยปริศนาสะดุ้งเฮือก ปากเล็กๆแบะออก ก่อนจะร้องไห้กระซิกๆออกมา แต่ถึงกระนั้นคนโตกว่าก็ไม่มีท่าทีอ่อนให้
มือแกร่งเอื้อมไปแกะมือป้อมออก แล้วออกเดิน คราวนี้ไม่มีร่างเล็กๆนั้นตามมารั้งอีกต่อไป
เสี่ยวจื่อเดินตามมาโดยไม่แปลกใจการกระทำของเพื่อนสักเท่าไหร่ แต่ไหนแต่ไรเจ้าหมอนี้ก็ไม่ค่อยชอบยุ่งกับคนอื่นๆ
สักเท่าไหร่อยู่แล้วด้วย
แต่ก่อนจะเดินพ้นเขตทางเดินนั้น เสียงหวีดแหลมและเสียงร้องไห้ก็ดังขึ้นเรียกความสนใจของเด็กหนุ่มทั้ง 2 ให้หันกลับไป
มองที่มาของเสียง ก็พบเด็กชายตัวน้อยคนเมื่อกี้ กำลังวิ่งวนหลบชายคนนึงอยู่ ไม่รู้เพราะอะไรแต่เสี่ยงหลิงก็รู้สึกว่าชายคนนั้น
ช่างไม่น่าไว้ใจเอาเสียเลย ก่อนจะรู้ตัว ขาเพรียวก็พาร่างของตนเดินกลับไปถึงจุดเดิม เด็กน้อยที่เห็นว่าคนที่ตนวิ่งตามเมื่อกี้เดินกลับมา
ก็รีบวิ่งเข้าไปซุกตัวเข้ากับขาของคนสูงกว่าทันที
“ไม่ทราบว่ามีธุระอะไรกับน้องของผมเหรอครับ”
เด็กหนุ่มยกมือขึ้นลูบหัวเล็กๆนั้นเบาๆ พลางใช้สายตาจิกไปที่ชายแปลกหน้า ชายคนนั้นมีท่าทีกระอักกระอ่วนตอนที่พูดว่า
เห็นว่าเป้นเด็กหลงทางจะพาไปส่ง ก่อนจะขอแยกตัวหายไปทันที
เสี่ยวหลิงถอนหายใจด้วยท่าทีรำคาญเล็กน้อย ก่อนก้มลงมองเด็กตัวน้อยที่ยังร้องไห้กระซิกๆใส่กางเกงของตน
“ไม่แนะนำน้องนายให้รู้จักบ้างเหรอหลิงหลิง”
เสียงทะเล้นดังแทรกขึ้นแซว ก่อนผู้ถูกถามจะได้รับการกลอกตาเป็นคำตอบ เสี่ยวจื่อหัวเราะขบขันในท่าทีของเพื่อน
ก่อนจะนั่งยองๆลงไปอยู่ในระดับเดียวกับเด็กตัวเล็ก
“เฮ้เจ้าหนู”
เพียงแค่เอ่ยเสียงเรียก ร่างเล็กๆก็วิ่งวนไปหลบหลังขาอีกข้างของเสี่ยวหลิง ให้ไกลจากเด็กชายแว่นดำที่สุด เสี่ยวจื่อเลิกคิ้ว
ก่อนจะเงยหน้ามองสีหน้ายุ่งยากใจของเด็กชายอีกคน
“นายอยากรู้วิธีทำให้เด็กอารมณ์ดีปะ?”
พูดจบก็ยืนเต็มความสูงแล้วเอามือป้องหูกระซิบเคล็ดลับวิชาให้เพื่อนฟัง เสี่ยวหลิงได้ฟังก็เบ้หน้าเล็กน้อย ก่อนจะพูดสวนกลับไป
ด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
“วิธีบ้าอะไรของนาย อยากทำก็ทำเองซิ”
“ก็ไม่ใช่ว่าฉันจะไม่อยากหรอกนะ แต่เจ้าหนูน่ะซิ แค่คุยกับฉันยังไม่อยากคุยเลย”
สายตา 2 คู่จ้องมองไปที่เด็กน้อยเป็นตาเดียว
“เอาเถอะ ถ้านายไม่ทำก็ขึ้นอยู่กับนายล่ะนะ แต่สงสัยเราจะต้องยืนอยู่อย่างงี้จนกว่าเจ้าหนูจะหยุดร้องไปเองซะแล้วล่ะมั้ง”
เสี่ยวจื่อพูดแบบไม่ยี่หระ พลางเดินไปยืนพิงกำแพงของทางเดินโรงแรมแบบสบายๆ เด็กชายจางมองตามการกระทำของเพื่อน
แล้วก็อยากจะเดินไปเอาแว่นดำนั้นมาหักทิ้งระบายความยุ่งยากใจตอนนี้เสียจริงๆ
จางฉี่หลิง วัย11ปี ยืนทำหน้ายุ่งยากใจกับการตัดสินใจครั้งที่เรียกว่ายิ่งใหญ่ที่สุดครั้งนึง ดวงตาสีนิลเหลือบมองเพื่อนตน
สลับกับมองเด็กน้อยที่ยึดกางเกงสูทเนื้อดีของตนเป็นที่ซับน้ำตาไปแล้วเรียบร้อย ก่อนสุดท้ายจะถอนหายใจออกมา
.
.
.
.
.
.
หลังจากผ่านเหตุการณ์น่าปวดหัวไป ทั้ง3เลยตัดสินใจว่าจะกลับไปที่ห้องสังสรรค์
(อันที่จริงก็ตัดสินใจกันแค่2คนน่ะนะ แต่เจ้าหนูไม่เห้นทักท้วงอะไร เพราะงั้นถือว่าเห็นดีเห็นงามด้วยแล้วกัน)
เฮยเสียจื่อเดินนำหน้าด้วยท่าทีสบายๆ ตามมาด้วยจางฉี่หลิงที่กลับไปแต่งตัวเรียบร้อยตามปกติเวลาต้องอยู่ต่อหน้าคนหมู่มาก
พ่วงตามมาด้วยเด็กน้อยร่างเล็กตัวกลมน่ารักซึ่งจับนิ้วชี้กับนิ้วกลางของเสี่ยวหลิงไว้แน่น เดินตามมาอย่างว่าง่าย
“เสี่ยวเสีย!!”
เสียงเรียกของชายหนุ่มคนนึงดังขึ้นทันทีเมื่อทั้ง 3 ก้าวกลับเข้ามาที่ห้องสังสรรค์
“ป๊าหาเสียทั่วเลย ทำไมถึงซนแบบนี้!! ม๊าของลูกใจหายจนเป็นลมเลยนะรู้หรือเปล่า”
พ่อของเด็กนั่งยองๆลงแล้วพยายามจะดึงเด็กตัวน้อยเข้าไปไว้ในอ้อมกอด แต่ภาพเด็กน้อยขืนตัวออกแล้วพยายามกลับไป
เกาะขาของเสี่ยวหลิงนั้นช่างน่าขัน จนสุดท้ายชายหนุ่มทนไม่ได้ จึงจับเข้าที่ใต้รักแร้ของเด้กน้อยแล้วอุ้มขึ้น ส่งผลให้เสี่ยวเสียน้อย
ร้องไห้จ้า พยายามยื่นมือมาไขว้คว้าเด็กหนุ่มผมดำ
“หลิงหลิง!!!!!!!!”
ณ จุดนี้ จางฉี่หลิงอยากจะเอาหน้าจุ่มชามพันช์ให้จมน้ำตายไปเลย แต่ก่อนจะทำแบบนั้นเขาจะต้องกระทืบเฮยเสียจื่อ
ที่ยืนกั้นขำตัวสั่นอยู่ข้างๆสัก2-3ทีก่อน
เสี่ยวหลิงมองใบหน้าอาบน้ำตาของเด็กน้อยแล้วก็รู้สึกใจอ่อนขึ้นมาซะเฉยๆ เป็นความรู้สึกเดียวกับตอนที่เห็นเสี่ยวเสีย
ร้องไห้ตรงทางเดินเมื่อกี้ สุดท้ายเด็กหนุ่มจึงทนไม่ได้ ยื่นมือออกไป
“เดี๋ยวผมอุ้มน้องเองครับคุณอา”
พ่อของเสี่ยวเสียมีท่าทีชั่งใจเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ทนแรงดิ้นและความดื้อของลูกชายไม่ไหว จำต้องส่งเสี่ยวเสียให้เสี่ยวหลิงอุ้ม
วงแขนของเด็กชายที่ยังโตไม่เต็มที่ กระชับแน่นใต้บั้นท้ายของเสี่ยวเสีย เสี่ยวหลิงรู้สึกว่าแขนซ้ายตัวเองสั่นระริกด้วย
น้ำหนักตัวของเด็กน้อย แต่ก็พยายามรั้งร่างเล็กๆไว้บนสะโพกให้ได้ มือขวาที่ยังว่างยกขึ้นปาดน้ำตาบนแก้มกลมๆ ก่อนจะ
ฟอด!!
จมูกโด่งรั้นกดลงไปบนแก้มเนียนใสแล้วสูดหายใจเสียงดัง ก่อนจะถอยหน้าออกมา เสี่ยวหลิงสบสายตากับดวงตากลมโตของเสี่ยวเสีย
เสียงร้องไห้หยุดลงอย่างกระทันหันในจังหวะที่เด็กชายหอมแก้มน้องน้อยตามตำราวิชาการปราบเด็กของเฮยเสียจื่อ
เสี่ยวเสียสะอื้นอีก2-3ทีก่อนจะยิ้มแฉ่งอย่างอารมณ์ดี แขนเล็กๆคล้องรอบคอของเสี่ยวหลิงด้วยท่าทางออดอ้อนเหมือนรู้จักกันมานาน
เสี่ยวหลิงถอนหายใจเมื่อเด็กน้อยหยุดร้องไห้น่าปวดหัว
แต่พอหันกลับไปมองพ่อของเสี่ยวเสียกับคนรอบตัวแล้ว เสี่ยวหลิงก็รู้สึกว่าตัวเองกำลังทำพลาดครั้งใหญ่ในชีวิต
เมื่อบัดนี้พ่อของเด็กน้อยกำลังอ้าปากค้างตัวแข็งทื่อ ส่วนคนอื่นๆก็ทำหน้าตาเอ็นดูพลางชี้ชวนคนอื่นๆให้มองมายังตน
“เฮย-เสีย-จื่อ”
เสี่ยวหลิงกดเสียงตัวเองให้ต่ำ แล้วแฝงความเคียดแค้นลงไปในทุกพยางค์ที่ส่งเสียงเรียกชื่อเพื่อนตัวเอง
เด็กชายแว่นดำเดินมาจับบ่าเพื่อน ส่วนมืออีกข้างกำลังกุมท้องแล้วทำท่างอตัว ดูท่าจะกั้นขำหนักจนเจ็บท้องไปหมดแล้ว
“ได้ผลอย่างที่ฉันว่าใช่มั๊ยล่ะ”
เสี่ยวจื่อพูดพลางฉีกยิ้มกว้าง เด็กชายอยากจะสลัดคราบคุณชายทิ้งแล้วหันไปต่อยเพื่อนให้หายแค้น แต่ติดว่ากำลังอุ้มเด็กอยู่
จึงได้แต่กัดฟันแล้วโวยวายในใจ
‘ประเด็นมันไม่ใช่เรื่องนั้นโว้ย!!!!!!!!!’
.
.
.
.
.
.
“เฮ้อ!!”
เสียงถอนหายใจดังคับห้องนอนขนาดกลางของนายน้อยสกุลจาง เด็กชายทิ้งตัวลงบนเตียงกว้างอย่างหมดแรง
วันนี้เป็นวันที่ใช้พลังงานมากที่สุดในบรรดาวันที่ต้องไปงานสังสรรค์ทั้งหมดที่เขาเคยเจอมา
เหตุก็เพราะสุดท้ายแล้วถึงแม้เสี่ยวเสีย หรือ อู๋เสีย นายน้อยสามแห่งตระกูลอู๋ จะยอมหยุดร้องไห้โยเยได้
แต่ทุกครั้งที่พ่อหรือแม่ของเด็กจะมาพาตัวกลับไป เสี่ยวเสียเป็นอันต้องแบะปาก ตั้งท่าจะร้องไห้ทุกครั้ง
คืนนี้จางฉี่หลิงจึงมีเนื้องอกก้อนใหญ่ที่ชื่อว่า อู๋เสีย ห้อยติดปลายนิ้วมือไปทุกที แถมบางครั้งที่เด็กน้อยเริ่มจะเหนื่อย
ก็เป็นเสี่ยวหลิงอีกที่ต้องรับบทคนอุ้ม เพราะตลอดงานนั้น อู๋เสียไม่ยอมให้ใครแตะเนื้อต้องตัวทั้งสิ้น
ทำเอาทุกคนต่างเข้าใจไปว่าสกุลจางมีทายาท 2 คน ยิ่งตอนแยกย้ายกลับบ้านนี่ไม่ต้องพูดถึง มองหน้าผู้นำสกุลอู๋แล้ว
ถ้ายืมตัวเสี่ยวหลิงกลับไปได้ก็คงทำไปแล้ว
พอได้มานอนอยู่เงียบๆในห้องตัวเอง เรื่องทั้งหมดก็สร้างความสงสัยให้แก่เด็กชายเป็นอย่างมาก ตัวเสี่ยวหลิงนั้น
มั่นใจว่าไม่เคยพบหน้าคนตระกูลอู๋เลยสักคน ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่อู๋เสียจะรู้จักตน แต่ถึงกระนั้นก็เอาแต่เรียกหาเขา
เพียงคนเดียว ออดอ้อนและเข้าใกล้เหมือนรู้จักกันมาเนิ่นนาน
แถมสิ่งที่ทำให้ประหลาดใจยิ่งกว่านั้นคือ ตัวเขานั้นไม่มีท่าทีรำคาญหรือไม่อยากเข้าใกล้เด็กน้อยเลย แม้แรกๆจะรู้สึก
กระอักกระอ่วน เนื่องจากไม่คุ้นชินกับเด็กเล็ก แต่พอผ่านไปสักพักเขากลับรู้สึกเฉยๆเมื่อมีร่างเล็กๆมาวิ่งรอบตัว
เกาะแข้งเกาะขา ดึงมือไปมา โดนกระตุกเสื้อ หรือโดนมือเล็กๆบี้แก้ม แม้แต่ตอนที่เสี่ยวเสียอ้าแขนอ้อนให้อุ้ม
เขาก็อุ้มร่างเล็กขึ้นมาแบบไม่อิดออดใดๆ
-ติ๊ง!-
เสียงดังขึ้นจากมือถือของตน เรียกสติให้เสี่ยวหลิงรู้สึกตัวว่าตัวเองกำลังนอนยิ้มอยู่ มือเรียวลูบหน้าตัวเองให้รอยยิ้มนั้นหายไป
ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบมือถือขึ้นมาดู คิ้วเรียวเลิกขึ้นเล็กน้อยอย่างแปลกใจเมื่อบนจอปรากฏกล่องเตือนข้อความเข้าจาก
โปรแกรมแชทที่ตนแทบไม่ค่อยจะได้แตะ ยิ่งชื่อคนส่งมาจากเพื่อนสนิทที่เหมือนจะไม่สนิท เฮยเสียจื่อ แล้วยิ่งเร่งให้นิ้วเรียวรีบ
ปลดล็อกมือถือ เพราะเขาและเสี่ยวจื่อไม่เคยติดต่อกันเป้นการส่วนตัวเลย ปกติทั้ง2จะได้เจอและพูดคุยก็ตอนที่หนีออกจากงานสังสรรค์เท่านั้น
ทันทีที่มือถือโหลดตัวโปรแกรมเสร็จ เสี่ยวหลิงก็แทบจะหักมือถือตัวเองทิ้ง แล้วพุ่งไปต่อยเพื่อนที่บ้านตระกูลเฮยเสียตั้งแต่ตอนนี้
เมื่อข้อความที่เสี่ยวจื่อส่งมานั้นคือภาพแอบถ่ายทีเผลอของเด็กชายกับเสี่ยวเสีย ในจังหวะที่เสี่ยวหลิงกับเสี่ยวเสียกำลังเอาปลายจมูกถูกัน
ซึ่งนั้นคือสิ่งที่เด็กชายอายมากจนไม่กล้าหยิบมือถือขึ้นมาดูอีกรอบ เพราะรับไม่ได้ที่ตนเผลอทำท่าทางแบบนี้ออกไป
แถมภาพนั้นก็ถ่ายในระยะประชิดมาก แต่เสี่ยวหลิงก็ไม่รู้สึกตัวสักนิดเนื่องจากความสนใจทั้งหมดพุ่งตรงไปที่เด็กน้อยเสี่ยวเสียหมดแล้ว
‘เฮยเสียจื่อ!!! เจอกันครั้งหน้าฉันจะฆ่านายแล้วฆ่าตัวตายตาม!!!!!!!!!!!!!!”
:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:
คือด้วงพึ่งไปตามน้องยอร์ชกับน้องเมลิค (แบบเลทๆ แหม ก็เค้าไม่ได้ดูทีวีไทย....)
คือพี่น้องคู่นี้น่ารักมากกกก น้องเมลิคติดพี่ยอร์ชมากกกกกก แถมพี่ยอร์ชก็ตามใจน้องมากกกกกกกกกกกกกก
เกิดเป็นพล็อตผิงเสียเวอร์ชั่นฟิลเตอร์ยอร์ชเมลิค ถถถถถถถถถถถถถถถถถถ
โอเค พอใจ ได้โพสฟิค แต่งเอง เสพเอง ฟินเอง ก๊ากกกกกกกก
ใครสนใจอยากรู้แหล่งอ้างอิง เชิญตาม ลิงค์นี้ ลิงค์นี้ ลิงค์นี้ และ ลิงค์นี้ เลยจ้า~
*คำเตือน* ฟิคนี้ AU นะคะ OOC (Out of character) มากๆๆๆๆๆๆๆๆ แต่งตามใจฉัน
ได้แรงบันดาลใจมาจากน้องยอร์ชกับน้องเมลิค นักแสดงจากทองเนื้อเก้าค่ะ
:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:
ภาพบรรยากาศการสังสรรค์ของกลุ่มธุรกิจ เป็นสิ่งที่ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี จะเจอมากี่ครั้ง
สำหรับเด็กหนุ่มผู้ชอบความเงียบสงบก็เป็นเรื่องที่ทำใจให้ชอบได้ยาก แต่ถึงกระนั้นด้วยคำสั่งของผู้เป็นปู่ ก็ยากที่จะขัดได้
จางฉี่หลิงวัย 11 ขวบจึงต้องทำตัวเป็นคุณชายที่ดี กล่าวทักทายแขกมากหน้าหลายตาที่แวะเวียนมาทักทาย
ผู้นำบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างนอบน้อม
“พ่อพระใหญ่!!”
คำเรียกที่ไม่คุ้นหูผู้เป็นหลาน แต่สำหรับผู้เป็นปู่ คำๆนี้ปัจจุบันไม่มีคนเรียกแล้ว จึงรู้ได้ทันทีว่าผู้ที่พึ่งมาถึงนั้นเป็นใคร
“โอ้ เหลาอู่ ข้าส่งบัตรเชิญไปตั้งหลายครั้ง ในที่สุดก็มาจนได้นะ”
“พ่อพระใหญ่ก็รู้ว่าข้าไม่ถูกกับอาการหนาวของเมืองหลวงน่ะ เห็นว่าปีนี้จัดในช่วงที่อากาศกำลังดีหรอกนะ เลยยอมมาเสียหน่อย”
เสียงพูดคุยสอดประสานกับเสียงหัวเราะอย่างร่าเริง สร้างความประหลาดใจให้เสี่ยวหลิง เนื่องด้วยปกติแล้วปู่นั้นจะมีมาด
เคร่งขรึมและเข้มงวด จึงเป็นเรื่องแปลกที่จะเห็นปู่ผ่อนคลายลงต่อหน้าใครสักคน
“โอ้ นั่นเสี่ยวหลิงใช่มั๊ย เจอกันครั้งสุดท้ายก็ยังเป็นเด็กทารกอยู่เลย โตไวจริงๆ”
“เสี่ยวหลิง เจ้าอาจจะจำไม่ได้ แต่ท่านนี้คือ อู๋เหลาโก่ว ผู้นำของเครืออู๋ทางใต้ เป็นคนคุ้นเคยของบ้านเรา”
“สวัสดีครับท่านอู๋” เด็กหนุ่มโค้งตัวคำนับอย่างนอบน้อม
“อย่ามากพิธีเลย เจ้าก็เหมือนหลานข้าคนนึง เรียกข้าว่าปู่อู๋ก็ได้ จากนี้คงจะได้เจอกันบ่อยๆนะเสี่ยวหลิง”
หลังจากนั้นผู้อวุโสทั้ง 2 ก็ยืนสนทนากันยาวเหยียด เด็กหนุ่มที่ทั้งเบื่อทั้งเซ็ง แต่เมื่อคิดถึงสายตาดุดันของท่านปู่
ก็ต้องกล้ำกลืนคำบ่นทั้งหมดลงคอไป เด็กหนุ่มยืนนิ่งๆเคียงข้างปู่ แต่สายตากลับเหม่อลอยไปไกล คิดถึงเตียงนุ่มๆ
กับข้าวอุ่นๆของแม่ครัวที่บ้าน
“เฮ้ หลิงหลิง!!”
เสียงเรียก ที่ต้องเรียกว่า ดังมว๊ากกกกกกกกกกกกกก กระชากสติกลับเข้าร่างของเด็กหนุ่มผมดำที่ยืนเหม่ออยู่
เสี่ยวหลิงแอบกลอกตาเล็กน้อย เพราะรู้ว่าคนที่กล้าเรียก จางฉี่หลิง ทายาทสกุลจางด้วยชื่อหน่อมแหน่ม
แถมดังจนคิดว่า Doorman ที่ชั้นล่างสุดของโรงแรมก็คงได้ยิน
“สวัสดีเสี่ยวจือ”
เสียงของจางฉี่ซานที่เอ่ยทักเด็กหนุ่มผู้มาใหม่ เจือไปด้วยน้ำเสียงตำหนิ แต่ถึงกระนั้นตัวผู้ถูกทักก็ไม่ได้ยี่หระอะไรเลย
“ดีฮะปู่จาง!!”
เฮยเสียจื่อเดินมายกมือไหว้แบบน่าโดนตบกบาลแล้วจับไปฝึกมารยาทใหม่ ก่อนจะยกแขนมาพาดบ่าเสี่ยวหลิงที่ทำหน้า
บอกบุญไม่รับอยู่นานแล้ว ใบหน้าที่สวมแว่นตาดำดูไม่เข้ากับอายุฉีกยิ้มหวานประจบประแจงแบบที่ดูก็รู้ว่าไอ้เด็กนี่แ-่งกวน-ีน
“ยืมตัวหลิงหลิงหน่อยนะฮะ~”
พูดจบเจ้าเด็กไร้มารยาทก็ลากตัวคุณชายจางออกมาจากวงสนทนาทันที
.
.
.
.
.
“เฮย นายจะลากฉันไปไหนวะ”
พอพ้นจากรัศมีการมองเห็นของปู่ เสี่ยวหลิงก็สลัดมาดคุณชายผู้เรียบร้อยทันที ใบหน้าที่เคยเรียบเฉยเต็มไปด้วย
ความเบื่อและความเหน็ดเหนื่อย หลังจากที่เดินตามเพื่อนตนมาสักพักก็อดจะถามไม่ได้
“ไปเดทกันไงคะหลิงหลิงขา”
เด็กหนุ่มหน้าทะเล้นแกล้งดัดเสียงและเพิ่มดีกรีความน่าหมั่นไส้ด้วยการทำตัวสะดีดสะดิ้งประกอบ จนเสี่ยวหลิงทนไม่ไหว
ต้องยกขาขึ้นเตะตูดเพื่อนอย่างแรง
“555555555 แค่เล่นมุขน่า ขำหน่อยซิคุณชาย หน้านี่ยังกะฉาบปูนมา หรืออายุแค่นี้ไปฉีดโบท็อกส์แล้ว??”
“ท็อกป้านายซิ สรุปจะไปไหน บอกได้ยัง”
แม้จะทำหน้าบูด แต่เสี่ยวหลิงก็ไม่มีท่าทีขัดขืน เฮยเสียจื่อจึงปล่อยแขนที่พาดบนไหล่เพื่อนมาซุกกระเป๋ากางเกง
มองคุณชายจางยกมือขึ้นรูดเนคไทลงเล็กน้อย แล้วแกะกระดุมเสื้อเม็ดบนลงเป็นการคลายความอึดอัดจากชุดสูทเต็มยศ
ส่วนฝ่ายพ่อหนุ่มที่เป็นคนไปลากเขามานี่ อยู่ในสภาพเหมือนหลังจบงานแล้วเรียบร้อย เสื้อเชิ้ตถูกดึงชายออกจากกางเกง
แขนเสื้อพับขึ้นจนเหนือข้อศอก ส่วนไทด์ที่คาดว่าน่าจะเคยมีอยู่นั้น สลายหายกลายเป็นอากาศธาตุไปนานแล้ว
“เห็นนายเบื่อๆ เลยรีบไปลากออกมาก่อนที่จะถอดจิตออกจากร่างไปซะก่อน”
ฟังคำเพื่อนแล้วคุณชายก็หัวเราะดังหึออกมา
เฮยเสียจื่อนั้น เป็นทายาทตระกูลเฮย 1ในสมาชิกเด็กเพียงไม่กี่คนที่มีวัยไล่เลี่ยกันกับเสี่ยวหลิง แถมยังไม่ชอบงานแนวๆนี้
เหมือนกันด้วย ทำให้หลายต่อหลายครั้งที่ทั้ง 2 รวมหัวกันหายตัวไปจากงานปาร์ตี้เสียเฉยๆ
ครั้งนี้ก็เช่นกันที่ทั้ง 2 รวมหัวกันหนีออกมาเดินเล่นในโรงแรมโดยทิ้งพวกผู้ใหญ่ไว้เบื้องหลัง ตัวเสี่ยวหลิงกะว่าจะไปหามุมดีๆ
แอบหลับสักงีบจนกว่าจะใกล้เวลาเลิกงานแล้วค่อยกลับไปหาปู่
แต่ทว่า…
หมับ!!
เสี่ยวหลิงตัวกระตุกอย่างกระทันหันเมื่อรู้สึกถึงแรงจับที่ปลายนิ้วก้อยและนิ้วนาง ก่อนจะหันควับกลับมามองที่มือตนแล้วชะงักค้างไป
เมื่อบัดนี้ ตรงหน้าตนนั้นมีเด็กชายตัวเล็ก วัย 2-3 ขวบ ในชุดเชิ้ตกางเกงขาสั้นกับหูกระต่ายน่ารักน่าชัง1อัน กำลังเอามืออวบๆเล็กๆ
กำรอบนิ้วของตนอยู่
“อ้าว นายไปตกเด็กมาตอนไหนวะหลิงหลิง”
เสี่ยวจื่อที่สังเกตว่าอยู่ดีๆเพื่อนก็หายไปจากข้างๆตน หันกลับมามองแล้วก็ต้องเอ่ยด้วยความงงงวยกับภาพตรงหน้า
ส่วนคนถูกถามก็ได้แต่ทำหน้า กูก็ไม่รู้ โดยไม่พูดอะไร
“ละ หลิงหลิง!!!”
เด็กน้อยสงเสียงเจื้อแจ้วเต็มปากเต็มคำ เสี่ยวจื่อขำก๊ากกับชื่อเรียก ก่อนจะจับบ่าเพื่อนตนที่ตอนนี้นิ่งยิ่งกว่าเดิม
“รู้จักเหรอวะ??”
ได้รับการส่ายหน้าเป็นคำตอบ
“แล้วจะเอาไงวะ? จะพาเด็กนี่กลับไปที่งานปะ? แต่กลับไปต้องโดนล็อกตัวไว้แน่เลยว่ะเราว่า”
เสี่ยวหลิงไม่เอ่ยตอบ แต่ใช้มืออีกข้างแกะนิ้วมือเล็กๆนั้นออกอย่างง่ายดาย เด็กน้อยพยายามไขว้คว้า แต่ก็ไวไม่ทันคนโตกว่า
เสี่ยวหลิงหลบหลีกมือนั้นก่อนออกเดินอีกครั้ง แต่ก็ต้องชะงักหยุดเมื่อร่างเล็กๆวิ่งมากำชายเสื้อสูทไว้แน่น
แล้วการต่อสู้ของเด็ก 2 วัยก็ดำเนินต่อไปโดยมีเสี่ยวจื่อยืนเป็นผู้ชม เด็กชายแว่นดำยืนพิงกำแพงด้วยท่าทางสบายๆ
ใบหน้าขยับยิ้มขบขันกับเหตุการณ์ตรงหน้าโดยที่ไม่คิดจะเข้าไปช่วยเพื่อนเลยสักนิด
ผ่านไป 15 นาทีกับความดื้อดึงของเด็กชายปริศนา และ เป็นจุดสิ้นสุดของความอดทนของเสี่ยวหลิง เด็กชายเลิกคิดจะ
แกะมือเล็กๆนั้น แล้วใช้สายตาจ้องพร้อมพูดเสียงเย็นเยียบ
“ปล่อย…..”
เด็กน้อยปริศนาสะดุ้งเฮือก ปากเล็กๆแบะออก ก่อนจะร้องไห้กระซิกๆออกมา แต่ถึงกระนั้นคนโตกว่าก็ไม่มีท่าทีอ่อนให้
มือแกร่งเอื้อมไปแกะมือป้อมออก แล้วออกเดิน คราวนี้ไม่มีร่างเล็กๆนั้นตามมารั้งอีกต่อไป
เสี่ยวจื่อเดินตามมาโดยไม่แปลกใจการกระทำของเพื่อนสักเท่าไหร่ แต่ไหนแต่ไรเจ้าหมอนี้ก็ไม่ค่อยชอบยุ่งกับคนอื่นๆ
สักเท่าไหร่อยู่แล้วด้วย
แต่ก่อนจะเดินพ้นเขตทางเดินนั้น เสียงหวีดแหลมและเสียงร้องไห้ก็ดังขึ้นเรียกความสนใจของเด็กหนุ่มทั้ง 2 ให้หันกลับไป
มองที่มาของเสียง ก็พบเด็กชายตัวน้อยคนเมื่อกี้ กำลังวิ่งวนหลบชายคนนึงอยู่ ไม่รู้เพราะอะไรแต่เสี่ยงหลิงก็รู้สึกว่าชายคนนั้น
ช่างไม่น่าไว้ใจเอาเสียเลย ก่อนจะรู้ตัว ขาเพรียวก็พาร่างของตนเดินกลับไปถึงจุดเดิม เด็กน้อยที่เห็นว่าคนที่ตนวิ่งตามเมื่อกี้เดินกลับมา
ก็รีบวิ่งเข้าไปซุกตัวเข้ากับขาของคนสูงกว่าทันที
“ไม่ทราบว่ามีธุระอะไรกับน้องของผมเหรอครับ”
เด็กหนุ่มยกมือขึ้นลูบหัวเล็กๆนั้นเบาๆ พลางใช้สายตาจิกไปที่ชายแปลกหน้า ชายคนนั้นมีท่าทีกระอักกระอ่วนตอนที่พูดว่า
เห็นว่าเป้นเด็กหลงทางจะพาไปส่ง ก่อนจะขอแยกตัวหายไปทันที
เสี่ยวหลิงถอนหายใจด้วยท่าทีรำคาญเล็กน้อย ก่อนก้มลงมองเด็กตัวน้อยที่ยังร้องไห้กระซิกๆใส่กางเกงของตน
“ไม่แนะนำน้องนายให้รู้จักบ้างเหรอหลิงหลิง”
เสียงทะเล้นดังแทรกขึ้นแซว ก่อนผู้ถูกถามจะได้รับการกลอกตาเป็นคำตอบ เสี่ยวจื่อหัวเราะขบขันในท่าทีของเพื่อน
ก่อนจะนั่งยองๆลงไปอยู่ในระดับเดียวกับเด็กตัวเล็ก
“เฮ้เจ้าหนู”
เพียงแค่เอ่ยเสียงเรียก ร่างเล็กๆก็วิ่งวนไปหลบหลังขาอีกข้างของเสี่ยวหลิง ให้ไกลจากเด็กชายแว่นดำที่สุด เสี่ยวจื่อเลิกคิ้ว
ก่อนจะเงยหน้ามองสีหน้ายุ่งยากใจของเด็กชายอีกคน
“นายอยากรู้วิธีทำให้เด็กอารมณ์ดีปะ?”
พูดจบก็ยืนเต็มความสูงแล้วเอามือป้องหูกระซิบเคล็ดลับวิชาให้เพื่อนฟัง เสี่ยวหลิงได้ฟังก็เบ้หน้าเล็กน้อย ก่อนจะพูดสวนกลับไป
ด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
“วิธีบ้าอะไรของนาย อยากทำก็ทำเองซิ”
“ก็ไม่ใช่ว่าฉันจะไม่อยากหรอกนะ แต่เจ้าหนูน่ะซิ แค่คุยกับฉันยังไม่อยากคุยเลย”
สายตา 2 คู่จ้องมองไปที่เด็กน้อยเป็นตาเดียว
“เอาเถอะ ถ้านายไม่ทำก็ขึ้นอยู่กับนายล่ะนะ แต่สงสัยเราจะต้องยืนอยู่อย่างงี้จนกว่าเจ้าหนูจะหยุดร้องไปเองซะแล้วล่ะมั้ง”
เสี่ยวจื่อพูดแบบไม่ยี่หระ พลางเดินไปยืนพิงกำแพงของทางเดินโรงแรมแบบสบายๆ เด็กชายจางมองตามการกระทำของเพื่อน
แล้วก็อยากจะเดินไปเอาแว่นดำนั้นมาหักทิ้งระบายความยุ่งยากใจตอนนี้เสียจริงๆ
จางฉี่หลิง วัย11ปี ยืนทำหน้ายุ่งยากใจกับการตัดสินใจครั้งที่เรียกว่ายิ่งใหญ่ที่สุดครั้งนึง ดวงตาสีนิลเหลือบมองเพื่อนตน
สลับกับมองเด็กน้อยที่ยึดกางเกงสูทเนื้อดีของตนเป็นที่ซับน้ำตาไปแล้วเรียบร้อย ก่อนสุดท้ายจะถอนหายใจออกมา
.
.
.
.
.
.
หลังจากผ่านเหตุการณ์น่าปวดหัวไป ทั้ง3เลยตัดสินใจว่าจะกลับไปที่ห้องสังสรรค์
(อันที่จริงก็ตัดสินใจกันแค่2คนน่ะนะ แต่เจ้าหนูไม่เห้นทักท้วงอะไร เพราะงั้นถือว่าเห็นดีเห็นงามด้วยแล้วกัน)
เฮยเสียจื่อเดินนำหน้าด้วยท่าทีสบายๆ ตามมาด้วยจางฉี่หลิงที่กลับไปแต่งตัวเรียบร้อยตามปกติเวลาต้องอยู่ต่อหน้าคนหมู่มาก
พ่วงตามมาด้วยเด็กน้อยร่างเล็กตัวกลมน่ารักซึ่งจับนิ้วชี้กับนิ้วกลางของเสี่ยวหลิงไว้แน่น เดินตามมาอย่างว่าง่าย
“เสี่ยวเสีย!!”
เสียงเรียกของชายหนุ่มคนนึงดังขึ้นทันทีเมื่อทั้ง 3 ก้าวกลับเข้ามาที่ห้องสังสรรค์
“ป๊าหาเสียทั่วเลย ทำไมถึงซนแบบนี้!! ม๊าของลูกใจหายจนเป็นลมเลยนะรู้หรือเปล่า”
พ่อของเด็กนั่งยองๆลงแล้วพยายามจะดึงเด็กตัวน้อยเข้าไปไว้ในอ้อมกอด แต่ภาพเด็กน้อยขืนตัวออกแล้วพยายามกลับไป
เกาะขาของเสี่ยวหลิงนั้นช่างน่าขัน จนสุดท้ายชายหนุ่มทนไม่ได้ จึงจับเข้าที่ใต้รักแร้ของเด้กน้อยแล้วอุ้มขึ้น ส่งผลให้เสี่ยวเสียน้อย
ร้องไห้จ้า พยายามยื่นมือมาไขว้คว้าเด็กหนุ่มผมดำ
“หลิงหลิง!!!!!!!!”
ณ จุดนี้ จางฉี่หลิงอยากจะเอาหน้าจุ่มชามพันช์ให้จมน้ำตายไปเลย แต่ก่อนจะทำแบบนั้นเขาจะต้องกระทืบเฮยเสียจื่อ
ที่ยืนกั้นขำตัวสั่นอยู่ข้างๆสัก2-3ทีก่อน
เสี่ยวหลิงมองใบหน้าอาบน้ำตาของเด็กน้อยแล้วก็รู้สึกใจอ่อนขึ้นมาซะเฉยๆ เป็นความรู้สึกเดียวกับตอนที่เห็นเสี่ยวเสีย
ร้องไห้ตรงทางเดินเมื่อกี้ สุดท้ายเด็กหนุ่มจึงทนไม่ได้ ยื่นมือออกไป
“เดี๋ยวผมอุ้มน้องเองครับคุณอา”
พ่อของเสี่ยวเสียมีท่าทีชั่งใจเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ทนแรงดิ้นและความดื้อของลูกชายไม่ไหว จำต้องส่งเสี่ยวเสียให้เสี่ยวหลิงอุ้ม
วงแขนของเด็กชายที่ยังโตไม่เต็มที่ กระชับแน่นใต้บั้นท้ายของเสี่ยวเสีย เสี่ยวหลิงรู้สึกว่าแขนซ้ายตัวเองสั่นระริกด้วย
น้ำหนักตัวของเด็กน้อย แต่ก็พยายามรั้งร่างเล็กๆไว้บนสะโพกให้ได้ มือขวาที่ยังว่างยกขึ้นปาดน้ำตาบนแก้มกลมๆ ก่อนจะ
ฟอด!!
จมูกโด่งรั้นกดลงไปบนแก้มเนียนใสแล้วสูดหายใจเสียงดัง ก่อนจะถอยหน้าออกมา เสี่ยวหลิงสบสายตากับดวงตากลมโตของเสี่ยวเสีย
เสียงร้องไห้หยุดลงอย่างกระทันหันในจังหวะที่เด็กชายหอมแก้มน้องน้อยตามตำราวิชาการปราบเด็กของเฮยเสียจื่อ
เสี่ยวเสียสะอื้นอีก2-3ทีก่อนจะยิ้มแฉ่งอย่างอารมณ์ดี แขนเล็กๆคล้องรอบคอของเสี่ยวหลิงด้วยท่าทางออดอ้อนเหมือนรู้จักกันมานาน
เสี่ยวหลิงถอนหายใจเมื่อเด็กน้อยหยุดร้องไห้น่าปวดหัว
แต่พอหันกลับไปมองพ่อของเสี่ยวเสียกับคนรอบตัวแล้ว เสี่ยวหลิงก็รู้สึกว่าตัวเองกำลังทำพลาดครั้งใหญ่ในชีวิต
เมื่อบัดนี้พ่อของเด็กน้อยกำลังอ้าปากค้างตัวแข็งทื่อ ส่วนคนอื่นๆก็ทำหน้าตาเอ็นดูพลางชี้ชวนคนอื่นๆให้มองมายังตน
“เฮย-เสีย-จื่อ”
เสี่ยวหลิงกดเสียงตัวเองให้ต่ำ แล้วแฝงความเคียดแค้นลงไปในทุกพยางค์ที่ส่งเสียงเรียกชื่อเพื่อนตัวเอง
เด็กชายแว่นดำเดินมาจับบ่าเพื่อน ส่วนมืออีกข้างกำลังกุมท้องแล้วทำท่างอตัว ดูท่าจะกั้นขำหนักจนเจ็บท้องไปหมดแล้ว
“ได้ผลอย่างที่ฉันว่าใช่มั๊ยล่ะ”
เสี่ยวจื่อพูดพลางฉีกยิ้มกว้าง เด็กชายอยากจะสลัดคราบคุณชายทิ้งแล้วหันไปต่อยเพื่อนให้หายแค้น แต่ติดว่ากำลังอุ้มเด็กอยู่
จึงได้แต่กัดฟันแล้วโวยวายในใจ
‘ประเด็นมันไม่ใช่เรื่องนั้นโว้ย!!!!!!!!!’
.
.
.
.
.
.
“เฮ้อ!!”
เสียงถอนหายใจดังคับห้องนอนขนาดกลางของนายน้อยสกุลจาง เด็กชายทิ้งตัวลงบนเตียงกว้างอย่างหมดแรง
วันนี้เป็นวันที่ใช้พลังงานมากที่สุดในบรรดาวันที่ต้องไปงานสังสรรค์ทั้งหมดที่เขาเคยเจอมา
เหตุก็เพราะสุดท้ายแล้วถึงแม้เสี่ยวเสีย หรือ อู๋เสีย นายน้อยสามแห่งตระกูลอู๋ จะยอมหยุดร้องไห้โยเยได้
แต่ทุกครั้งที่พ่อหรือแม่ของเด็กจะมาพาตัวกลับไป เสี่ยวเสียเป็นอันต้องแบะปาก ตั้งท่าจะร้องไห้ทุกครั้ง
คืนนี้จางฉี่หลิงจึงมีเนื้องอกก้อนใหญ่ที่ชื่อว่า อู๋เสีย ห้อยติดปลายนิ้วมือไปทุกที แถมบางครั้งที่เด็กน้อยเริ่มจะเหนื่อย
ก็เป็นเสี่ยวหลิงอีกที่ต้องรับบทคนอุ้ม เพราะตลอดงานนั้น อู๋เสียไม่ยอมให้ใครแตะเนื้อต้องตัวทั้งสิ้น
ทำเอาทุกคนต่างเข้าใจไปว่าสกุลจางมีทายาท 2 คน ยิ่งตอนแยกย้ายกลับบ้านนี่ไม่ต้องพูดถึง มองหน้าผู้นำสกุลอู๋แล้ว
ถ้ายืมตัวเสี่ยวหลิงกลับไปได้ก็คงทำไปแล้ว
พอได้มานอนอยู่เงียบๆในห้องตัวเอง เรื่องทั้งหมดก็สร้างความสงสัยให้แก่เด็กชายเป็นอย่างมาก ตัวเสี่ยวหลิงนั้น
มั่นใจว่าไม่เคยพบหน้าคนตระกูลอู๋เลยสักคน ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่อู๋เสียจะรู้จักตน แต่ถึงกระนั้นก็เอาแต่เรียกหาเขา
เพียงคนเดียว ออดอ้อนและเข้าใกล้เหมือนรู้จักกันมาเนิ่นนาน
แถมสิ่งที่ทำให้ประหลาดใจยิ่งกว่านั้นคือ ตัวเขานั้นไม่มีท่าทีรำคาญหรือไม่อยากเข้าใกล้เด็กน้อยเลย แม้แรกๆจะรู้สึก
กระอักกระอ่วน เนื่องจากไม่คุ้นชินกับเด็กเล็ก แต่พอผ่านไปสักพักเขากลับรู้สึกเฉยๆเมื่อมีร่างเล็กๆมาวิ่งรอบตัว
เกาะแข้งเกาะขา ดึงมือไปมา โดนกระตุกเสื้อ หรือโดนมือเล็กๆบี้แก้ม แม้แต่ตอนที่เสี่ยวเสียอ้าแขนอ้อนให้อุ้ม
เขาก็อุ้มร่างเล็กขึ้นมาแบบไม่อิดออดใดๆ
-ติ๊ง!-
เสียงดังขึ้นจากมือถือของตน เรียกสติให้เสี่ยวหลิงรู้สึกตัวว่าตัวเองกำลังนอนยิ้มอยู่ มือเรียวลูบหน้าตัวเองให้รอยยิ้มนั้นหายไป
ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบมือถือขึ้นมาดู คิ้วเรียวเลิกขึ้นเล็กน้อยอย่างแปลกใจเมื่อบนจอปรากฏกล่องเตือนข้อความเข้าจาก
โปรแกรมแชทที่ตนแทบไม่ค่อยจะได้แตะ ยิ่งชื่อคนส่งมาจากเพื่อนสนิทที่เหมือนจะไม่สนิท เฮยเสียจื่อ แล้วยิ่งเร่งให้นิ้วเรียวรีบ
ปลดล็อกมือถือ เพราะเขาและเสี่ยวจื่อไม่เคยติดต่อกันเป้นการส่วนตัวเลย ปกติทั้ง2จะได้เจอและพูดคุยก็ตอนที่หนีออกจากงานสังสรรค์เท่านั้น
ทันทีที่มือถือโหลดตัวโปรแกรมเสร็จ เสี่ยวหลิงก็แทบจะหักมือถือตัวเองทิ้ง แล้วพุ่งไปต่อยเพื่อนที่บ้านตระกูลเฮยเสียตั้งแต่ตอนนี้
เมื่อข้อความที่เสี่ยวจื่อส่งมานั้นคือภาพแอบถ่ายทีเผลอของเด็กชายกับเสี่ยวเสีย ในจังหวะที่เสี่ยวหลิงกับเสี่ยวเสียกำลังเอาปลายจมูกถูกัน
ซึ่งนั้นคือสิ่งที่เด็กชายอายมากจนไม่กล้าหยิบมือถือขึ้นมาดูอีกรอบ เพราะรับไม่ได้ที่ตนเผลอทำท่าทางแบบนี้ออกไป
แถมภาพนั้นก็ถ่ายในระยะประชิดมาก แต่เสี่ยวหลิงก็ไม่รู้สึกตัวสักนิดเนื่องจากความสนใจทั้งหมดพุ่งตรงไปที่เด็กน้อยเสี่ยวเสียหมดแล้ว
‘เฮยเสียจื่อ!!! เจอกันครั้งหน้าฉันจะฆ่านายแล้วฆ่าตัวตายตาม!!!!!!!!!!!!!!”
:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:
คือด้วงพึ่งไปตามน้องยอร์ชกับน้องเมลิค (แบบเลทๆ แหม ก็เค้าไม่ได้ดูทีวีไทย....)
คือพี่น้องคู่นี้น่ารักมากกกก น้องเมลิคติดพี่ยอร์ชมากกกกกก แถมพี่ยอร์ชก็ตามใจน้องมากกกกกกกกกกกกกก
เกิดเป็นพล็อตผิงเสียเวอร์ชั่นฟิลเตอร์ยอร์ชเมลิค ถถถถถถถถถถถถถถถถถถ
โอเค พอใจ ได้โพสฟิค แต่งเอง เสพเอง ฟินเอง ก๊ากกกกกกกก
ใครสนใจอยากรู้แหล่งอ้างอิง เชิญตาม ลิงค์นี้ ลิงค์นี้ ลิงค์นี้ และ ลิงค์นี้ เลยจ้า~
Snake_Blind- ด้วง
- จำนวนข้อความ : 41
Points : 3496
Join date : 06/12/2014
Age : 33
Re: [OS-AU] วิธีสยบเด็กฉบับเฮยเสียจื่อ #ผิงเสีย + เฮย
เฮย นายทำดีมาก เอาไป200
kame_kazuha- ด้วงต้นไม้เทพเจ้า
- จำนวนข้อความ : 274
Points : 3747
Join date : 27/10/2014
ที่อยู่ : สุสานสักที่
Re: [OS-AU] วิธีสยบเด็กฉบับเฮยเสียจื่อ #ผิงเสีย + เฮย
น่ารักจังอ่ะ วิธีปราบเด็ก
meanato- ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ
- จำนวนข้อความ : 487
Points : 3963
Join date : 27/10/2014
Age : 26
ที่อยู่ : หลังประตูสัมฤทธิ์
Re: [OS-AU] วิธีสยบเด็กฉบับเฮยเสียจื่อ #ผิงเสีย + เฮย
อ้อนเยอะเลยๆๆๆ น้องอู๋เสี่ย ยังไงพี่หลิงหลิง ของน้องก้อยอมน้องคนเดียวอยู่แล้วววว
Nepenthes- ด้วง
- จำนวนข้อความ : 42
Points : 3448
Join date : 01/01/2015
Re: [OS-AU] วิธีสยบเด็กฉบับเฮยเสียจื่อ #ผิงเสีย + เฮย
เสี่ยวจาง เด็กแก่เเดด แต่เสี่ยวเฮย แก่เเดดกว่า
ไอพวกแก่เเดด 2 คน!!!
น้องอายุ 3 ขวบเอง จะเอาอะไรมาก (ตบตีๆๆๆ)
หลิงหลิง หลิงหลิง หลิงหลิง อ๊าย! เสี่ยวอู๋พูดเยอะๆ เราชอบเด็กๆๆๆๆๆๆ
(น้ำลายหกเเหมะๆ)
ไอพวกแก่เเดด 2 คน!!!
น้องอายุ 3 ขวบเอง จะเอาอะไรมาก (ตบตีๆๆๆ)
หลิงหลิง หลิงหลิง หลิงหลิง อ๊าย! เสี่ยวอู๋พูดเยอะๆ เราชอบเด็กๆๆๆๆๆๆ
(น้ำลายหกเเหมะๆ)
faliona01- ด้วงต้นไม้เทพเจ้า
- จำนวนข้อความ : 261
Points : 3749
Join date : 02/11/2014
ที่อยู่ : เตียงหยกเย็นในถ้ำสุสานโบราณ
Re: [OS-AU] วิธีสยบเด็กฉบับเฮยเสียจื่อ #ผิงเสีย + เฮย
โอ๊ย ชอบ หนูแพ้ฟิคแนวนี้จริงๆค่ะ
อ่านตอนแรกแอบส่ายหน้าใส่พี่แว่นดำ เด็กยังวิ่งหนี แต่ตอนหลังขอยกนิ้วโป้งให้พี่นะคะ พี่แว่นดำกู๊ดจ๊อบค่ะ แนะนำอะไรเด็ดจริงๆ ฉากหอมแก้มฟอดเป็นอะไรที่น่าร้ากกกน่ารักมากๆ หนูอิจฉาบรรดาแขกๆในงาน อยากเห็นภาพนั้นบ้างจังค่ะ
ว่าแต่นั่นดิ สงสัยเหมือนกันทำไมเสี่ยวเสียถึงติดหลิงหลิงจัง ถ้าเคยเจอกันมาก่อนจะไม่สงสัยเลย แต่นี่เจอก็ไม่เคยเจอ พี่ชายหลิงหลิงก็เหมือนกัน ทำใจแข็งกับน้องไม่ลง เพราะน้องน่ารักมากล่ะสิ เดินหนีไปแล้วแต่ก็ยังกลับมาช่วยน้อง แล้วตอนหลังคืออะไรพอกลับบ้านแล้วยังมีการมานอนยิ้มอีก ชอบทั้งเสี่ยวหลิงเสี่ยวเสียเลย ชอบพี่เฮยด้วย ถูกใจค่ะ
ปล. แอร๊ย เราก็ชอบยอร์ชกับเมลิคเหมือนกันค่ะ น้องสองคนนั่นน่ารักมาก อุอิ
อ่านตอนแรกแอบส่ายหน้าใส่พี่แว่นดำ เด็กยังวิ่งหนี แต่ตอนหลังขอยกนิ้วโป้งให้พี่นะคะ พี่แว่นดำกู๊ดจ๊อบค่ะ แนะนำอะไรเด็ดจริงๆ ฉากหอมแก้มฟอดเป็นอะไรที่น่าร้ากกกน่ารักมากๆ หนูอิจฉาบรรดาแขกๆในงาน อยากเห็นภาพนั้นบ้างจังค่ะ
ว่าแต่นั่นดิ สงสัยเหมือนกันทำไมเสี่ยวเสียถึงติดหลิงหลิงจัง ถ้าเคยเจอกันมาก่อนจะไม่สงสัยเลย แต่นี่เจอก็ไม่เคยเจอ พี่ชายหลิงหลิงก็เหมือนกัน ทำใจแข็งกับน้องไม่ลง เพราะน้องน่ารักมากล่ะสิ เดินหนีไปแล้วแต่ก็ยังกลับมาช่วยน้อง แล้วตอนหลังคืออะไรพอกลับบ้านแล้วยังมีการมานอนยิ้มอีก ชอบทั้งเสี่ยวหลิงเสี่ยวเสียเลย ชอบพี่เฮยด้วย ถูกใจค่ะ
ปล. แอร๊ย เราก็ชอบยอร์ชกับเมลิคเหมือนกันค่ะ น้องสองคนนั่นน่ารักมาก อุอิ
Duke_of_Florence- ด้วงสุสานใต้สมุทรทะเลซีซา
- จำนวนข้อความ : 113
Points : 3581
Join date : 31/10/2014
Re: [OS-AU] วิธีสยบเด็กฉบับเฮยเสียจื่อ #ผิงเสีย + เฮย
น่ารัก นัวเนียไปมา จางฉี่หลิงซึนมากๆคะ บอกตามตรงเถอะว่าน่ารัก
delivery- ด้วงฝึกหัด
- จำนวนข้อความ : 15
Points : 3470
Join date : 13/11/2014
Re: [OS-AU] วิธีสยบเด็กฉบับเฮยเสียจื่อ #ผิงเสีย + เฮย
ผมนี่รักพี่เฮยขึ้นมาเลยครับ ถถถถถถ
รู้งานดีมากกกกก เดี๋ยวจะไปอุ้มคุณชายเซี่ยมาเซ่นถวาย //หลบพลอง
ไม่รู้จะเรียกจางเสี่ยงคุกได้หรือไม่ มันก็เสี่ยงนะ ฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟ
ปล.นายน้อยอู๋ติดพี่เสี่ยวหลิงเพราะหน้าตา?! เห็นแล้วปิ๊งใช่มั้ยนายน้อย ก๊ากกก
รู้งานดีมากกกกก เดี๋ยวจะไปอุ้มคุณชายเซี่ยมาเซ่นถวาย //หลบพลอง
ไม่รู้จะเรียกจางเสี่ยงคุกได้หรือไม่ มันก็เสี่ยงนะ ฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟ
ปล.นายน้อยอู๋ติดพี่เสี่ยวหลิงเพราะหน้าตา?! เห็นแล้วปิ๊งใช่มั้ยนายน้อย ก๊ากกก
Rozenkreuz- ด้วงอาณาจักรเจ้าแม่ซีหวังหมู่
- จำนวนข้อความ : 625
Points : 3850
Join date : 01/07/2015
Age : 31
ที่อยู่ : กองทัพผีเก็บเห็ดแห่งประตูสำริด
Similar topics
» [OS] #dmbjdaily '520' (ผิงเสีย :: เหม่งจาง,ผิงเสีย)
» [OS] งานวิจัยว่าด้วยการศึกษาพฤติกรรมของจางฉี่หลิง (ผิงเสีย)
» [OS] โรค - ผิงเสีย
» [Fic] 001 [ผิงเสีย]
» [Fic] คืนแรกของผมและเขา [ผิงเสีย]
» [OS] งานวิจัยว่าด้วยการศึกษาพฤติกรรมของจางฉี่หลิง (ผิงเสีย)
» [OS] โรค - ผิงเสีย
» [Fic] 001 [ผิงเสีย]
» [Fic] คืนแรกของผมและเขา [ผิงเสีย]
หน้า 1 จาก 1
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
|
|
Fri 24 Jul 2020, 01:39 by gustoon
» [คู่มือด้วง] Keyword จีนสำหรับการขุด(แฟนดอม)สุสาน
Thu 21 Jun 2018, 00:29 by miskizfullmoon
» มังฮวาและภาคทิเบต
Thu 21 Jun 2018, 00:23 by miskizfullmoon
» [OS] Father is the best (ผิงเสีย)
Thu 03 Aug 2017, 16:12 by schneewittchen
» [Fic] สิ่งเล็กๆที่เชื่อมโลก5 [เมินโหยวผิง+อู่เสีย+เสี่ยอ้วน]+OC
Tue 01 Aug 2017, 12:30 by natsume
» [OS] #dmbjdaily (จูปาจุ๊บ) Bittersweet [ผิงเสีย AU]
Thu 06 Apr 2017, 15:58 by Zeth
» [OS] #dmbjdaily "โทรศัพท์มือถือ" - no Pairing [All]
Tue 04 Apr 2017, 22:27 by Zeth
» [OS] #DMBJDaily (แว่น): ระยะที่มองไม่เห็น [ฮัวเสีย]
Sat 01 Apr 2017, 16:55 by Zeth
» [OS] #DMBJdaily (5.20) ท่านยอดฝีมือ [หวังเหมิง (+เหมิงเสีย)(+ผิงเสีย)]
Thu 30 Mar 2017, 17:24 by Zeth