Countdown
We've been
togerther for
ค้นหา
Latest topics
Most active topics
[TRANS] สามวันแห่งความเงียบงัน
+13
ShiroDia
Erh
lady_marmalade
Yuwadee Wana
hnee
JaaJidz
kuramajoy
kukuri
Tang_An-An
por_kk
Duke_of_Florence
ziaziany
Holinesz
17 posters
หน้า 1 จาก 1
[TRANS] สามวันแห่งความเงียบงัน
[TRANS] 藏海花 三日静寂
สามวันแห่งความเงียบงัน
แปลไว้นานมากเพิ่งมีโอกาสเอามาลงบอร์ดค่ะ จริงๆ ไม่รู้จะแปล 藏海花 ว่าอะไรเลยขอเขียนแบบนี้เลยนะคะ ใครมีข้อแนะนำหรือจะติตรงไหนก็บอกได้เลยค่ะ น้อมรับ TvT
เครดิตมาจากเว็บ http://www.zanghaihua.org/337.html ค่ะ
1.
แม้ว่าจะอยู่ในอากาศหนาวเหน็บ แต่ภายในห้องยังอบอุ่นมาก ทำให้รู้สึกว่าตื่นขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย ไม่มีอาการอ่อนเพลียค้างคืนเลยแม้แต่น้อย
พระลามะรู้ว่างานของจางฉี่หลิงยังไม่เสร็จ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังออกมาข้างนอกตั้งแต่เช้าตรู่ มาหยุดอยู่เบื้องหน้าหินก้อนนั้นในสวน โดยไม่มีวัตถุประสงค์ที่จะแกะสลักมัน ท่านอาจารย์กล่าวว่า รูปร่างสุดท้ายของหินก้อนนั้น ก็คือสิ่งที่จางฉี่หลิงปรารถนาจากใจ
จางฉี่หลิงต้องการที่จะรู้ว่าเขาคือใคร และอยากจะรู้ความหมายของคำว่า “ปรารถนา”
พระลามะรู้สึกว่ามันแปลกมากๆ เขาไม่เหมือนกับคนอื่นๆ มนุษย์คนอื่นเมื่อเกิดมาแล้วจะถูกมอบหมายในสิ่งที่ควรทำและอยากทำอะไร เช่นความต้องการหรือแรงจูงใจ
แต่ผู้ชายที่ชื่อจางฉี่หลิง ดูเหมือนจะไม่สามารถเข้าใจในสองสิ่งนี้ตั้งแต่แรก
ถ้าหากคุณไม่เป็นฝ่ายเริ่มเข้าไปชวนเขาคุยก่อน เขาสามารถนั่งเหม่อได้ทั้งวัน พวกพี่น้องต่างก็พูดว่า จางฉี่หลิงเป็นเหมือนกับบุรุษไปรษณีย์ที่ลืมที่อยู่ของจุดหมายที่ตัวเองควรไปส่งของ แต่พระลามะกลับไม่คิดแบบนั้น
พระลามะกลับคิดว่า ถ้าหากบุรุษไปรษณีย์ลืมจุดหมายส่งของ เขาคงวิ่งเต้นเหมือนมดที่อยู่บนกระทะร้อน เพราะบุรุษไปรษณีย์ยังคิดถึงเรื่องที่จะไปส่งของให้ถึงจุดหมาย
แต่จางฉี่หลิงกลับเป็นเหมือนพระพุทธรูป ถ้าหากโลกหรือสวรรค์ไม่คิดต้องการเขา เขาก็จะไม่คิดหรือปรารถนาที่จะไปอยู่ที่ใด
แต่ท่านอาจารย์กล่าวว่าจางฉี่หลิงไม่ใช่พระพุทธรูป
เริ่มจากมี จากนั้นจึงไม่มี ถึงจะเป็นพระพุทธรูป แต่การเกิดมาโดยไม่มีแม้ความปรารถนา นั่นคือก้อนหิน
จางฉี่หลิงจำเป็นต้องหา “ความปรารถนา” ของตัวเองให้เจอ ท่านอาจารย์ให้เขาไปฝึกฝนที่หินก้อนนั้นในสวนทุกวัน ตราบใดที่หัวใจเขาปรารถนาให้มันเปลี่ยนเป็นแบบไหน หินก้อนนั้นก็จะปรากฏรูปร่างที่มีความหมาย
เกือบจะครบปีแล้ว หินก้อนนั้นมีขนาดเล็กลงเรื่อยๆ แต่กระนั้นก็ยังคงไม่ปรากฏรูปร่างชัดเจน
ดังนั้น จางฉี่หลิงจึงยังไม่สามารถไปพบผู้หญิงคนนั้นได้
2.
ช่วงเวลาที่ผู้หญิงคนนั้นอยู่ในวัด เทียบกับจางฉี่หลิงแล้วยาวนานกว่ามาก กล่าวคือชั้นน้ำแข็ง และถูกขุดขึ้นมา นางไม่ได้ตกลงไปตายอยู่ข้างใต้นั้น แต่ถูกฝังอยู่ข้างในโลงศพน้ำแข็ง
บนเทือกเขาหิมาลัย ภายในร่มเงาของโพรงภูเขา มีทุ่งดอกไม้ซ่อนอยู่ และภายใต้ธารน้ำแข็งที่ก่อตัวเป็นชั้น มีเงาดำอยู่มากมาย ว่ากันว่ามันคือสุสานของชนเผ่าหนึ่ง มีเพียงพระสงฆ์จากวัดแห่งนี้เท่านั้นจึงจะรู้ว่ามันอยู่ที่ไหน พระลามะอายุครบ 16 ในปีนี้ เพิ่งจะได้รู้ความลับนี้ในวันเกิดของเขา แต่ว่าไม่เคยไปเห็นมันเลยแม้แต่ครั้งเดียว
มีเพียงเดือนกรกฏรคมของทุกๆ ปีที่พวกเขาจะขึ้นเขาไป ต้องใช้เวลาในการเดินทางยาวนานหนึ่งเดือน จึงจะสามารถไปถึงสถาณที่นั้น เงาดำพวกนั้นถูกธารน้ำแข็งปกคลุมลงไปลึกมาก พวกท่านอาจารย์ สิบปีครั้งถึงจะสามารถเข้าไปที่นั่นได้ ไม่รู้ว่าพวกเขาทำอะไรในนั้น หนทางที่จะไปที่นั่น ต้องเป็นนักปราญช์ที่มีสติปัญญาสูงส่งเท่านั้นจึงจะมีคุณสมบัติได้รับรู้
สิบปีก่อน นักปราญช์ที่เข้าไป ได้นำศพที่ถูกแช่แข็งออกมาด้วย ตอนนั้นพระลามะมีอายุเพียงแค่ 6 ขวบเท่านั้น เขายังจำลักษณะของผู้หญิงคนนั้นได้อย่างแม่นยำ เขาได้ยินพวกท่านอาจารย์คุยกัน ผู้หญิงคนนั้นยังไม่ตาย แต่ก็ไม่ได้มีชีวิตอยู่แล้วเช่นกัน
นางถูกพาไปพักในห้องห้องหนึ่ง พระลามะรู้เพียงแค่ว่านางเป็นหญิงงดงาม ผิวขาวมาก ไม่เหมือนกับผิวของชาวทิเบต นางถูกหามเข้าไปในห้องด้วยท่าทางน่านับถือ ดูแล้วนางเหมือนกับกำลังหลับไปเท่านั้น ไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย
ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่เคยมีใครเข้าไปในห้องนั้นอีกเลย
จนกระทั่ง 9 ปีต่อมา จางฉี่หลิงก็เดินทางมายังวัดแห่งนี้ เขาบรรยายรูปลักษณ์ของผู้หญิงคนนั้น
แต่ว่าพวกท่านอาจารย์กลับไม่ให้เขาไปเจอผู้หญิงคนนั้น
หนึ่งในท่านอาจารย์ที่เป็นคนเอ่ยปากบอกให้จางฉี่หลิงอาศัยอยู่ที่นี่เป็นเวลาหนึ่งปีพูดว่า: หากเจ้ายังเป็นเหมือนกับหินก้อนหนึ่ง ต่อให้ได้เจอหรือไม่เจอ ก็ไม่ต่างกันเลย
3.
“ไหนๆนายก็มาถึงที่นี่ ตามหาผู้หญิงที่ชื่อไป๋หม่า แสดงว่าจิตใจของนายต้องมีความปรารถนา แต่ทำไมตอนนี้กลับแกะสลักมันออกมาไม่ได้ล่ะ?” พระลามะเอ่ยถามจางฉี่หลิงขณะที่กำลังพักเที่ยงหลังจบบทเรียนในยามเช้า
จางฉี่หลิงนั่งอยู่ในสวน สลักก้อนกรวดในหินกองใหญ่โดยไม่เอ่ยตอบอะไร
พระลามะคุ้นเคยกับปราฏิกิริยาแบบนี้ของเขาแล้ว เพียงแค่พูดต่อไป “นายมาจากไหนกันแน่ นายต้องเคยอยู่ที่ไหนสักแห่งก่อนจะเริ่มมีความคิดที่จะมาที่นี่ ทำไมถึงพูดว่านายเป็นก้อนหินกันล่ะ? ไม่เห็นจะเข้าใจความความคิดของพวกท่านอาจารย์เลยจริงๆ”
จางฉี่หลิงได้แต่มองเขาโดยไม่ออกความเห็นอะไร กัดขนมปังคำหนึ่ง เก็บของเข้ากระเป๋าและเริ่มแกะสลักหินก้อนนั้นต่อไป
พระลามะยังคงนั่งมองเขาต่อไป ในขณะนั้นมีขาวทิเบตในผ้าคลุมสีฟ้าเดินมาหยุดอยู่ด้านหลังเขา
คนผู้นี้ป็นนายช่างประจำวัด นายช่างผ้าคลุมสีฟ้าเป็นคนทีมีฝีมือดีที่สุด ตระกูลของเขาสืบทอดอาชีพนี้มาเจ็ดชั่วคนแล้ว งานฝีมือนั้นเก่งเทียบเท่ากัน นายช่างตบไหล่พระลามะ บอกให้เขาห้ามไปรบกวนจางฉี่หลิง
“เขามาถึงที่นี่โดยไม่มีจุดหมาย จากนั้นจู่ๆก็พูดชื่อนั้นออกมา” นายช่างบอกกับพระลามะ “เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันคือชื่อของคน”
“ทำไมคุณถึงมาที่นี่อีก มีอะไรพังอีกงั้นหรือ? หรือว่าบนภูเขามีหินถล่มอีก”
นายช่างพูดเสียงเบา: “ท่านอาจารย์บอกให้ฉันมา ให้มาจัดการคานกับเตาในห้องนั้น”
“ห้องไหน?”
นายช่างหันไปมองจางฉี่หลิง พระลามะจึงเข้าใจทันที เขายังคงสงสัยเล็กน้อย “ท่านอาจารย์ยอมรับความต้องการของเขาแล้วหรือ?”
เขามองหินที่จางฉี่หลิงแกะสลัก มันยังคงไม่ปรากฏรูปร่างชัดเจน รูปร่างแบบนี้ แทบไม่มีความแตกต่างจากรูปร่างของหินที่เขาเริ่มแกะสลักเมื่อหนึ่งปีก่อนเลย
นายช่างชี้ลงไปบนพื้นดิน ภายใต้แสงของดวงอาทิตย์ตอนเที่ยงที่สาดลงมา พระลามะเห็นรูปแกะสลักหินของจางฉี่หลิงปรากฏเป็นเงารูปร่างแปลกประหลาด เงานั้นปรากฏเป็นรูปร่างของคนอย่างไม่คิดไม่ถึง มองดูเหมือนรูปร่างของจางฉี่หลิงที่กำลังนั่งพักบนหินเมื่อสักครู่ หมายความว่าเขาเวลาที่เขานั่งพักอยู่ตรงนี้ทุกวัน นั่งมองเงาของตัวเอง หลังจากนั้นจึงนำเงานั้นมาสลักเลียนแบบ
พระลามะหัวเราะออกมา เขารู้สึกมีความสุขแทนจางฉี่หลิง
“งานฝึกฝนพระพุทธรูปเป็นยังไงบ้าง?” น้ำเสียงของนายช่างคล้ายมีความรู้สึกหลากหลายเจือปนอยู่ นายช่างถามพระลามะงั้นหรือ?
พระลามะหัวเราะแต่ไม่ตอบ นายช่างจึงพูดต่อไปว่า “หลายคนต่างพูดว่า เด็กผู้หญิงเริ่มแรกก็ไม่มีหัวใจ เพราะแบบนั้นใครก็ทำร้ายพวกนางไม่ได้ ฉะนั้นปีศาจร้ายจึงได้ส่งเด็กผู้ชายมา เมื่อถูกหลอกล่อด้วยชายหนุ่มก็ทำให้พวกนางมีหัวใจ หากว่าพวกนางมีหัวใจ ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกย่อมเปลี่ยนมาเป็นสิ่งที่สามารถทำร้ายพวกนางได้ทั้งนั้น ดังนั้น—-พวกเราทำให้คนๆ หนึ่งมีหัวใจขึ้นมา ไม่เท่ากับว่าเป็นการปล่อยให้เขาได้รับความเจ็บปวดกว่าเดิมหรือ”
4
คืนนั้น จางฉี่หลิงถูกพาไปยังห้องที่ถูกปิดตายมาสิบปี ได้พบกับแม่แท้ๆ ของตัวเอง
สำหรับเขาในตอนนั้น ทุกอย่างดูกระทันหันเกินไปจึงทำให้ไม่สามารถเข้าใจได้
ไป๋หม่ายังคงไม่ฟื้นขึ้นมาอย่างสมบูรณ์ เมื่อประสิทธิภาพของ藏海花จางหายไป นางก็เริ่มตายลงจริงๆ มีเวลาเพียงแค่สามวัน แต่ทว่าคิดถึงช่วงเวลาที่นางรอคอยให้ถึงสามวันนี้ นับเป็นการรอคอยที่ยาวนานมาก
จางฉี่หลิงไม่ได้ยินแม้แต่คำพูดหนึ่งคำหรือข้อมูลใดๆ จากปากของไป๋หม่า
เขาไม่แม้แต่จะได้ยินเสียงเรียกของแม่
และเขาไม่ได้ตระหนักถึงสิ่งที่คนอื่นๆพูดกันว่า สิ่งที่แม่ได้นำมาให้เขา คือความเกี่ยวโยงหนึ่งเดียวของเขาและโลกใบนี้
สิ่งเดียวที่เขาคิดถึงคือ แม่ค่อยๆกลับมาหายใจ ใบหน้าที่ขาวซีดเริ่มมีสีเลือดขึ้นมา และหลังจากนั้นมันก็พังทลายลง
ทั้งหมดนี้ยังคงดูกระทันหันเกินไป…
ไป๋หม่ารู้เรื่องทั้งหมดนี้หรือ?
คล้ายกับว่านางได้รู้แล้วว่าถ้าหากนางตื่นจากการหลับไหลอันแสนยาวนาน นางก็จะสูญเสียโอกาสที่จะลืมตาขึ้นอีกครั้ง เวลานั้นพระสงฆ์จึงได้ให้คำมั่นสัญญา เมื่อยามที่พวกเขาปลุกนางจากนิทรา ลูกของนางจะต้องอยู่ข้างกายนาง
เด็กคนนั้นจะต้องเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของนาง ผู้ที่สามารถเข้าใจความรู้สึกของผู้คนบนโลก นางสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นจากลูกชายของนาง ลมหายใจของลูก จังหวะการเต้นของหัวใจเขา เขามาหาแม่ของเขาแล้วจริงๆ
นางไม่มีทางอื่นแล้ว มีเพียงพลังที่จะสู้เพื่อเวลาของแม่ลูกในสามวัน ถึงแม้ว่ามันจะไม่พอ..ไม่พอเลยแม้แต่น้อย นางอยากเห็นลูกของนางเติบโตขึ้นในตอนนี้ แต่ทว่า สามวัน มีแต่ความเงียบงัน ตลอดสามวันมีเพียงแค่เสียงหัวใจเต้นและเสียงลมหายใจ มันเป็นสิ่งที่นางพอจะทำได้
จางฉี่หลิงจับมือแม่ เขาไม่รู้ว่าทำไมจึงทำแบบนี้ เขาคิดว่าทั้งหมดนี้มันกระทันหันเกินไปแล้ว เขาสัมผัสได้ถึงความรู้สึกที่ไม่เคยมีมาก่อน เขารู้สึกว่าคนที่กำลังจับมืออยู่นี้เป็นร่องรอยสุดท้ายที่ยืนยันการมีตัวตนของเขาบนโลกใบนี้ เป็นคนสุดท้ายที่เขาปรารถนา
ไม่มีใครย่างกรายเข้ามาในห้องนี้ ไม่มีเสียงใดเล็ดรอดเข้ามาภายในห้องนี้
มันคือสามวันแห่งความเงียบงัน
“เจ้าไม่ใช่หินก้อนหนึ่ง ไม่เช่นนั้นแม่ของเจ้าจะไม่สามารถรับรู้ได้หรอกว่าเจ้าอยู่ที่ไหน” หนึ่งปีก่อน นักปราญช์คนนั้นพูดกับเขา “เจ้าต้องเรียนรู้ที่จะคิด เรียนรู้ที่จะผิดพลาด แม่ของเจ้าได้มอบของขวัญชิ้นแรกและชิ้นสุดท้ายไว้ให้เจ้า นั่นก็คือเจ้าที่สามารถมอบหัวใจให้ผู้อื่นได้”
5
สามวันให้หลัง จางฉี่หลิงเดินมาหยุดอยู่หน้าหินก้อนนั้น เขาเคยชินกับการหยิบสิ่วขึ้นมา และเริ่มแกะสลักก้อนหิน
ก่อนหน้านี้เขาไม่รู้ว่าเขาแกะสลักสิ่งนี้ไปเพื่ออะไรกัน
เจาะไปไม่กี่ครั้ง จู่ๆก็รู้สึกถึงสิ่วในมือของตัวเอง จึงเริ่มเข้าใจว่าทำไปทำไม แทบจะเวลาเดียวกันนั้นเอง ภายในจิตใจก็ไม่อาจต้านทานคลื่นแห่งความเจ็บปวดที่ถาโถมเข้ามาได้
ท่ามกลางพายุหิมะนั้น จางฉี่หลิงทรุดตัวลงและขดตัวเป็นวงกลม
————-
สามวันแห่งความเงียบงัน
แปลไว้นานมากเพิ่งมีโอกาสเอามาลงบอร์ดค่ะ จริงๆ ไม่รู้จะแปล 藏海花 ว่าอะไรเลยขอเขียนแบบนี้เลยนะคะ ใครมีข้อแนะนำหรือจะติตรงไหนก็บอกได้เลยค่ะ น้อมรับ TvT
เครดิตมาจากเว็บ http://www.zanghaihua.org/337.html ค่ะ
1.
แม้ว่าจะอยู่ในอากาศหนาวเหน็บ แต่ภายในห้องยังอบอุ่นมาก ทำให้รู้สึกว่าตื่นขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย ไม่มีอาการอ่อนเพลียค้างคืนเลยแม้แต่น้อย
พระลามะรู้ว่างานของจางฉี่หลิงยังไม่เสร็จ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังออกมาข้างนอกตั้งแต่เช้าตรู่ มาหยุดอยู่เบื้องหน้าหินก้อนนั้นในสวน โดยไม่มีวัตถุประสงค์ที่จะแกะสลักมัน ท่านอาจารย์กล่าวว่า รูปร่างสุดท้ายของหินก้อนนั้น ก็คือสิ่งที่จางฉี่หลิงปรารถนาจากใจ
จางฉี่หลิงต้องการที่จะรู้ว่าเขาคือใคร และอยากจะรู้ความหมายของคำว่า “ปรารถนา”
พระลามะรู้สึกว่ามันแปลกมากๆ เขาไม่เหมือนกับคนอื่นๆ มนุษย์คนอื่นเมื่อเกิดมาแล้วจะถูกมอบหมายในสิ่งที่ควรทำและอยากทำอะไร เช่นความต้องการหรือแรงจูงใจ
แต่ผู้ชายที่ชื่อจางฉี่หลิง ดูเหมือนจะไม่สามารถเข้าใจในสองสิ่งนี้ตั้งแต่แรก
ถ้าหากคุณไม่เป็นฝ่ายเริ่มเข้าไปชวนเขาคุยก่อน เขาสามารถนั่งเหม่อได้ทั้งวัน พวกพี่น้องต่างก็พูดว่า จางฉี่หลิงเป็นเหมือนกับบุรุษไปรษณีย์ที่ลืมที่อยู่ของจุดหมายที่ตัวเองควรไปส่งของ แต่พระลามะกลับไม่คิดแบบนั้น
พระลามะกลับคิดว่า ถ้าหากบุรุษไปรษณีย์ลืมจุดหมายส่งของ เขาคงวิ่งเต้นเหมือนมดที่อยู่บนกระทะร้อน เพราะบุรุษไปรษณีย์ยังคิดถึงเรื่องที่จะไปส่งของให้ถึงจุดหมาย
แต่จางฉี่หลิงกลับเป็นเหมือนพระพุทธรูป ถ้าหากโลกหรือสวรรค์ไม่คิดต้องการเขา เขาก็จะไม่คิดหรือปรารถนาที่จะไปอยู่ที่ใด
แต่ท่านอาจารย์กล่าวว่าจางฉี่หลิงไม่ใช่พระพุทธรูป
เริ่มจากมี จากนั้นจึงไม่มี ถึงจะเป็นพระพุทธรูป แต่การเกิดมาโดยไม่มีแม้ความปรารถนา นั่นคือก้อนหิน
จางฉี่หลิงจำเป็นต้องหา “ความปรารถนา” ของตัวเองให้เจอ ท่านอาจารย์ให้เขาไปฝึกฝนที่หินก้อนนั้นในสวนทุกวัน ตราบใดที่หัวใจเขาปรารถนาให้มันเปลี่ยนเป็นแบบไหน หินก้อนนั้นก็จะปรากฏรูปร่างที่มีความหมาย
เกือบจะครบปีแล้ว หินก้อนนั้นมีขนาดเล็กลงเรื่อยๆ แต่กระนั้นก็ยังคงไม่ปรากฏรูปร่างชัดเจน
ดังนั้น จางฉี่หลิงจึงยังไม่สามารถไปพบผู้หญิงคนนั้นได้
2.
ช่วงเวลาที่ผู้หญิงคนนั้นอยู่ในวัด เทียบกับจางฉี่หลิงแล้วยาวนานกว่ามาก กล่าวคือชั้นน้ำแข็ง และถูกขุดขึ้นมา นางไม่ได้ตกลงไปตายอยู่ข้างใต้นั้น แต่ถูกฝังอยู่ข้างในโลงศพน้ำแข็ง
บนเทือกเขาหิมาลัย ภายในร่มเงาของโพรงภูเขา มีทุ่งดอกไม้ซ่อนอยู่ และภายใต้ธารน้ำแข็งที่ก่อตัวเป็นชั้น มีเงาดำอยู่มากมาย ว่ากันว่ามันคือสุสานของชนเผ่าหนึ่ง มีเพียงพระสงฆ์จากวัดแห่งนี้เท่านั้นจึงจะรู้ว่ามันอยู่ที่ไหน พระลามะอายุครบ 16 ในปีนี้ เพิ่งจะได้รู้ความลับนี้ในวันเกิดของเขา แต่ว่าไม่เคยไปเห็นมันเลยแม้แต่ครั้งเดียว
มีเพียงเดือนกรกฏรคมของทุกๆ ปีที่พวกเขาจะขึ้นเขาไป ต้องใช้เวลาในการเดินทางยาวนานหนึ่งเดือน จึงจะสามารถไปถึงสถาณที่นั้น เงาดำพวกนั้นถูกธารน้ำแข็งปกคลุมลงไปลึกมาก พวกท่านอาจารย์ สิบปีครั้งถึงจะสามารถเข้าไปที่นั่นได้ ไม่รู้ว่าพวกเขาทำอะไรในนั้น หนทางที่จะไปที่นั่น ต้องเป็นนักปราญช์ที่มีสติปัญญาสูงส่งเท่านั้นจึงจะมีคุณสมบัติได้รับรู้
สิบปีก่อน นักปราญช์ที่เข้าไป ได้นำศพที่ถูกแช่แข็งออกมาด้วย ตอนนั้นพระลามะมีอายุเพียงแค่ 6 ขวบเท่านั้น เขายังจำลักษณะของผู้หญิงคนนั้นได้อย่างแม่นยำ เขาได้ยินพวกท่านอาจารย์คุยกัน ผู้หญิงคนนั้นยังไม่ตาย แต่ก็ไม่ได้มีชีวิตอยู่แล้วเช่นกัน
นางถูกพาไปพักในห้องห้องหนึ่ง พระลามะรู้เพียงแค่ว่านางเป็นหญิงงดงาม ผิวขาวมาก ไม่เหมือนกับผิวของชาวทิเบต นางถูกหามเข้าไปในห้องด้วยท่าทางน่านับถือ ดูแล้วนางเหมือนกับกำลังหลับไปเท่านั้น ไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย
ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่เคยมีใครเข้าไปในห้องนั้นอีกเลย
จนกระทั่ง 9 ปีต่อมา จางฉี่หลิงก็เดินทางมายังวัดแห่งนี้ เขาบรรยายรูปลักษณ์ของผู้หญิงคนนั้น
แต่ว่าพวกท่านอาจารย์กลับไม่ให้เขาไปเจอผู้หญิงคนนั้น
หนึ่งในท่านอาจารย์ที่เป็นคนเอ่ยปากบอกให้จางฉี่หลิงอาศัยอยู่ที่นี่เป็นเวลาหนึ่งปีพูดว่า: หากเจ้ายังเป็นเหมือนกับหินก้อนหนึ่ง ต่อให้ได้เจอหรือไม่เจอ ก็ไม่ต่างกันเลย
3.
“ไหนๆนายก็มาถึงที่นี่ ตามหาผู้หญิงที่ชื่อไป๋หม่า แสดงว่าจิตใจของนายต้องมีความปรารถนา แต่ทำไมตอนนี้กลับแกะสลักมันออกมาไม่ได้ล่ะ?” พระลามะเอ่ยถามจางฉี่หลิงขณะที่กำลังพักเที่ยงหลังจบบทเรียนในยามเช้า
จางฉี่หลิงนั่งอยู่ในสวน สลักก้อนกรวดในหินกองใหญ่โดยไม่เอ่ยตอบอะไร
พระลามะคุ้นเคยกับปราฏิกิริยาแบบนี้ของเขาแล้ว เพียงแค่พูดต่อไป “นายมาจากไหนกันแน่ นายต้องเคยอยู่ที่ไหนสักแห่งก่อนจะเริ่มมีความคิดที่จะมาที่นี่ ทำไมถึงพูดว่านายเป็นก้อนหินกันล่ะ? ไม่เห็นจะเข้าใจความความคิดของพวกท่านอาจารย์เลยจริงๆ”
จางฉี่หลิงได้แต่มองเขาโดยไม่ออกความเห็นอะไร กัดขนมปังคำหนึ่ง เก็บของเข้ากระเป๋าและเริ่มแกะสลักหินก้อนนั้นต่อไป
พระลามะยังคงนั่งมองเขาต่อไป ในขณะนั้นมีขาวทิเบตในผ้าคลุมสีฟ้าเดินมาหยุดอยู่ด้านหลังเขา
คนผู้นี้ป็นนายช่างประจำวัด นายช่างผ้าคลุมสีฟ้าเป็นคนทีมีฝีมือดีที่สุด ตระกูลของเขาสืบทอดอาชีพนี้มาเจ็ดชั่วคนแล้ว งานฝีมือนั้นเก่งเทียบเท่ากัน นายช่างตบไหล่พระลามะ บอกให้เขาห้ามไปรบกวนจางฉี่หลิง
“เขามาถึงที่นี่โดยไม่มีจุดหมาย จากนั้นจู่ๆก็พูดชื่อนั้นออกมา” นายช่างบอกกับพระลามะ “เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันคือชื่อของคน”
“ทำไมคุณถึงมาที่นี่อีก มีอะไรพังอีกงั้นหรือ? หรือว่าบนภูเขามีหินถล่มอีก”
นายช่างพูดเสียงเบา: “ท่านอาจารย์บอกให้ฉันมา ให้มาจัดการคานกับเตาในห้องนั้น”
“ห้องไหน?”
นายช่างหันไปมองจางฉี่หลิง พระลามะจึงเข้าใจทันที เขายังคงสงสัยเล็กน้อย “ท่านอาจารย์ยอมรับความต้องการของเขาแล้วหรือ?”
เขามองหินที่จางฉี่หลิงแกะสลัก มันยังคงไม่ปรากฏรูปร่างชัดเจน รูปร่างแบบนี้ แทบไม่มีความแตกต่างจากรูปร่างของหินที่เขาเริ่มแกะสลักเมื่อหนึ่งปีก่อนเลย
นายช่างชี้ลงไปบนพื้นดิน ภายใต้แสงของดวงอาทิตย์ตอนเที่ยงที่สาดลงมา พระลามะเห็นรูปแกะสลักหินของจางฉี่หลิงปรากฏเป็นเงารูปร่างแปลกประหลาด เงานั้นปรากฏเป็นรูปร่างของคนอย่างไม่คิดไม่ถึง มองดูเหมือนรูปร่างของจางฉี่หลิงที่กำลังนั่งพักบนหินเมื่อสักครู่ หมายความว่าเขาเวลาที่เขานั่งพักอยู่ตรงนี้ทุกวัน นั่งมองเงาของตัวเอง หลังจากนั้นจึงนำเงานั้นมาสลักเลียนแบบ
พระลามะหัวเราะออกมา เขารู้สึกมีความสุขแทนจางฉี่หลิง
“งานฝึกฝนพระพุทธรูปเป็นยังไงบ้าง?” น้ำเสียงของนายช่างคล้ายมีความรู้สึกหลากหลายเจือปนอยู่ นายช่างถามพระลามะงั้นหรือ?
พระลามะหัวเราะแต่ไม่ตอบ นายช่างจึงพูดต่อไปว่า “หลายคนต่างพูดว่า เด็กผู้หญิงเริ่มแรกก็ไม่มีหัวใจ เพราะแบบนั้นใครก็ทำร้ายพวกนางไม่ได้ ฉะนั้นปีศาจร้ายจึงได้ส่งเด็กผู้ชายมา เมื่อถูกหลอกล่อด้วยชายหนุ่มก็ทำให้พวกนางมีหัวใจ หากว่าพวกนางมีหัวใจ ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกย่อมเปลี่ยนมาเป็นสิ่งที่สามารถทำร้ายพวกนางได้ทั้งนั้น ดังนั้น—-พวกเราทำให้คนๆ หนึ่งมีหัวใจขึ้นมา ไม่เท่ากับว่าเป็นการปล่อยให้เขาได้รับความเจ็บปวดกว่าเดิมหรือ”
4
คืนนั้น จางฉี่หลิงถูกพาไปยังห้องที่ถูกปิดตายมาสิบปี ได้พบกับแม่แท้ๆ ของตัวเอง
สำหรับเขาในตอนนั้น ทุกอย่างดูกระทันหันเกินไปจึงทำให้ไม่สามารถเข้าใจได้
ไป๋หม่ายังคงไม่ฟื้นขึ้นมาอย่างสมบูรณ์ เมื่อประสิทธิภาพของ藏海花จางหายไป นางก็เริ่มตายลงจริงๆ มีเวลาเพียงแค่สามวัน แต่ทว่าคิดถึงช่วงเวลาที่นางรอคอยให้ถึงสามวันนี้ นับเป็นการรอคอยที่ยาวนานมาก
จางฉี่หลิงไม่ได้ยินแม้แต่คำพูดหนึ่งคำหรือข้อมูลใดๆ จากปากของไป๋หม่า
เขาไม่แม้แต่จะได้ยินเสียงเรียกของแม่
และเขาไม่ได้ตระหนักถึงสิ่งที่คนอื่นๆพูดกันว่า สิ่งที่แม่ได้นำมาให้เขา คือความเกี่ยวโยงหนึ่งเดียวของเขาและโลกใบนี้
สิ่งเดียวที่เขาคิดถึงคือ แม่ค่อยๆกลับมาหายใจ ใบหน้าที่ขาวซีดเริ่มมีสีเลือดขึ้นมา และหลังจากนั้นมันก็พังทลายลง
ทั้งหมดนี้ยังคงดูกระทันหันเกินไป…
ไป๋หม่ารู้เรื่องทั้งหมดนี้หรือ?
คล้ายกับว่านางได้รู้แล้วว่าถ้าหากนางตื่นจากการหลับไหลอันแสนยาวนาน นางก็จะสูญเสียโอกาสที่จะลืมตาขึ้นอีกครั้ง เวลานั้นพระสงฆ์จึงได้ให้คำมั่นสัญญา เมื่อยามที่พวกเขาปลุกนางจากนิทรา ลูกของนางจะต้องอยู่ข้างกายนาง
เด็กคนนั้นจะต้องเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของนาง ผู้ที่สามารถเข้าใจความรู้สึกของผู้คนบนโลก นางสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นจากลูกชายของนาง ลมหายใจของลูก จังหวะการเต้นของหัวใจเขา เขามาหาแม่ของเขาแล้วจริงๆ
นางไม่มีทางอื่นแล้ว มีเพียงพลังที่จะสู้เพื่อเวลาของแม่ลูกในสามวัน ถึงแม้ว่ามันจะไม่พอ..ไม่พอเลยแม้แต่น้อย นางอยากเห็นลูกของนางเติบโตขึ้นในตอนนี้ แต่ทว่า สามวัน มีแต่ความเงียบงัน ตลอดสามวันมีเพียงแค่เสียงหัวใจเต้นและเสียงลมหายใจ มันเป็นสิ่งที่นางพอจะทำได้
จางฉี่หลิงจับมือแม่ เขาไม่รู้ว่าทำไมจึงทำแบบนี้ เขาคิดว่าทั้งหมดนี้มันกระทันหันเกินไปแล้ว เขาสัมผัสได้ถึงความรู้สึกที่ไม่เคยมีมาก่อน เขารู้สึกว่าคนที่กำลังจับมืออยู่นี้เป็นร่องรอยสุดท้ายที่ยืนยันการมีตัวตนของเขาบนโลกใบนี้ เป็นคนสุดท้ายที่เขาปรารถนา
ไม่มีใครย่างกรายเข้ามาในห้องนี้ ไม่มีเสียงใดเล็ดรอดเข้ามาภายในห้องนี้
มันคือสามวันแห่งความเงียบงัน
“เจ้าไม่ใช่หินก้อนหนึ่ง ไม่เช่นนั้นแม่ของเจ้าจะไม่สามารถรับรู้ได้หรอกว่าเจ้าอยู่ที่ไหน” หนึ่งปีก่อน นักปราญช์คนนั้นพูดกับเขา “เจ้าต้องเรียนรู้ที่จะคิด เรียนรู้ที่จะผิดพลาด แม่ของเจ้าได้มอบของขวัญชิ้นแรกและชิ้นสุดท้ายไว้ให้เจ้า นั่นก็คือเจ้าที่สามารถมอบหัวใจให้ผู้อื่นได้”
5
สามวันให้หลัง จางฉี่หลิงเดินมาหยุดอยู่หน้าหินก้อนนั้น เขาเคยชินกับการหยิบสิ่วขึ้นมา และเริ่มแกะสลักก้อนหิน
ก่อนหน้านี้เขาไม่รู้ว่าเขาแกะสลักสิ่งนี้ไปเพื่ออะไรกัน
เจาะไปไม่กี่ครั้ง จู่ๆก็รู้สึกถึงสิ่วในมือของตัวเอง จึงเริ่มเข้าใจว่าทำไปทำไม แทบจะเวลาเดียวกันนั้นเอง ภายในจิตใจก็ไม่อาจต้านทานคลื่นแห่งความเจ็บปวดที่ถาโถมเข้ามาได้
ท่ามกลางพายุหิมะนั้น จางฉี่หลิงทรุดตัวลงและขดตัวเป็นวงกลม
————-
Holinesz- ด้วงฝึกหัด
- จำนวนข้อความ : 15
Points : 3473
Join date : 28/11/2014
Re: [TRANS] สามวันแห่งความเงียบงัน
ได้อ่านตั้งแต่เวอร์ชั่นดิบแล้ว แต่จะตามมาตอบในนี้อีกรอบนะคะ 5555
ขอบคุณมากๆนะคะที่แปลมาแบ่งปันสปอยล์กัน
อ่านตอนนี้กี่ที่ก็รู้สึกสงสารเสี่ยวเกอเหลือเกินค่ะ
ประวัติช่างดราม่าน่าสงสาร แล้วก็แย่ตรงที่เจ้าตัวก็ไม่เคยเรียกร้องหรือต้องการความช่วยเหลืออะไรเลย แงง
นายร้องไห้บ้างก็ได้จริงๆนะ จางฉี่หลิง
ขอบคุณมากๆนะคะที่แปลมาแบ่งปันสปอยล์กัน
อ่านตอนนี้กี่ที่ก็รู้สึกสงสารเสี่ยวเกอเหลือเกินค่ะ
ประวัติช่างดราม่าน่าสงสาร แล้วก็แย่ตรงที่เจ้าตัวก็ไม่เคยเรียกร้องหรือต้องการความช่วยเหลืออะไรเลย แงง
นายร้องไห้บ้างก็ได้จริงๆนะ จางฉี่หลิง
ziaziany- ด้วง
- จำนวนข้อความ : 33
Points : 3489
Join date : 15/11/2014
Re: [TRANS] สามวันแห่งความเงียบงัน
อ่านกี่ครั้งก็ยังเศร้าค่ะสำหรับตอนสามวันแห่งความเงียบงันนี้
สำหรับคนที่ไม่เคยมีความปรารถนาแบบเสี่ยวเกอ พอได้มาเจอหน้าแม่ของเขาครั้งแรกในสภาพนั้น ความรู้สึกมันคงจะกะทันหันเกินไปจริงๆ แต่ในเวลาสามวันนี้เขาก็ค่อยๆซึมซับและเรียนรู้ความรู้สึกใหม่ๆเหล่านั้นทีละนิด ถึงแม้จะไม่ได้เอ่ยคำพูดอะไรต่อกัน แต่เชื่อว่าต้องสัมผัสความรู้สึกเจ็บปวดเหล่านั้นได้อย่างชัดเจนแน่ๆ และที่น่าเศร้ายิ่งกว่าคือความเจ็บปวดเป็นความรู้สึกแรกๆที่เสี่ยวเกอได้รู้จัก อยากจะดึงเสี่ยวเกอเข้ามากอดปลอบจังเลย แต่อย่างน้อยก็ดีใจนะที่เสี่ยวเกอกับคุณแม่ได้เจอหน้ากันเป็นครั้งสุดท้าย การพบหน้ากันครั้งนี้มีความหมายกับทั้งคู่มากจริงๆค่ะ เชื่อว่าคงไม่ได้มีแต่ความสูญเสียเพียงอย่างเดียว
อ่านแล้วก็สงสัยเหมือนกันนะ ทำไมคุณแม่ของเสี่ยวเกอถึงต้องถูกฝังไว้ในโลงศพน้ำแข็ง เป็นพิธีกรรมอะไรหรือเปล่า ขอบคุณสำหรับคำแปลนะคะ ^-^
สำหรับคนที่ไม่เคยมีความปรารถนาแบบเสี่ยวเกอ พอได้มาเจอหน้าแม่ของเขาครั้งแรกในสภาพนั้น ความรู้สึกมันคงจะกะทันหันเกินไปจริงๆ แต่ในเวลาสามวันนี้เขาก็ค่อยๆซึมซับและเรียนรู้ความรู้สึกใหม่ๆเหล่านั้นทีละนิด ถึงแม้จะไม่ได้เอ่ยคำพูดอะไรต่อกัน แต่เชื่อว่าต้องสัมผัสความรู้สึกเจ็บปวดเหล่านั้นได้อย่างชัดเจนแน่ๆ และที่น่าเศร้ายิ่งกว่าคือความเจ็บปวดเป็นความรู้สึกแรกๆที่เสี่ยวเกอได้รู้จัก อยากจะดึงเสี่ยวเกอเข้ามากอดปลอบจังเลย แต่อย่างน้อยก็ดีใจนะที่เสี่ยวเกอกับคุณแม่ได้เจอหน้ากันเป็นครั้งสุดท้าย การพบหน้ากันครั้งนี้มีความหมายกับทั้งคู่มากจริงๆค่ะ เชื่อว่าคงไม่ได้มีแต่ความสูญเสียเพียงอย่างเดียว
อ่านแล้วก็สงสัยเหมือนกันนะ ทำไมคุณแม่ของเสี่ยวเกอถึงต้องถูกฝังไว้ในโลงศพน้ำแข็ง เป็นพิธีกรรมอะไรหรือเปล่า ขอบคุณสำหรับคำแปลนะคะ ^-^
Duke_of_Florence- ด้วงสุสานใต้สมุทรทะเลซีซา
- จำนวนข้อความ : 113
Points : 3580
Join date : 31/10/2014
Re: [TRANS] สามวันแห่งความเงียบงัน
เพิ่งได้มาอ่าน
เศร้าจังค่ะ
เศร้าจังค่ะ
por_kk- ด้วงฝึกหัด
- จำนวนข้อความ : 10
Points : 3479
Join date : 29/10/2014
Re: [TRANS] สามวันแห่งความเงียบงัน
เป็นความรู้สึกที่พูดไม่ถูกจริง ๆ เสี่ยวเกอจะรู้สึกอย่างไรเมื่อได้รู้ว่าตัวเองมีหัวใจนะ
ทั้งดี แล้วก็ไม่ดี ถึงจะเจ็บปวด แต่ก็น่ายินดีไม่ใช่เหรอที่รับรู้ได้ว่าตัวเองมีหัวใจ
//พิมพ์เอง เบลอเอง5555
ทั้งดี แล้วก็ไม่ดี ถึงจะเจ็บปวด แต่ก็น่ายินดีไม่ใช่เหรอที่รับรู้ได้ว่าตัวเองมีหัวใจ
//พิมพ์เอง เบลอเอง5555
Tang_An-An- ด้วงต้นไม้เทพเจ้า
- จำนวนข้อความ : 225
Points : 3694
Join date : 29/10/2014
Age : 26
ที่อยู่ : ร่อนเร่พเนจรไปตามท้องทุ่ง
Re: [TRANS] สามวันแห่งความเงียบงัน
ขอบคุณสำหรับคำแปลค่า
สงสารเสี่ยวเกอจริงๆ สามวันที่ได้เจอแม่คงรู้สึกสับสนและเศร้าที่สุด
สงสารเสี่ยวเกอจริงๆ สามวันที่ได้เจอแม่คงรู้สึกสับสนและเศร้าที่สุด
Re: [TRANS] สามวันแห่งความเงียบงัน
อ่านแล้วเศร้าไปกับผู้ชายคนนี้จริงๆคะ
ขอบคุณสำหรับคำแปลคะ
ขอบคุณสำหรับคำแปลคะ
kuramajoy- ด้วงต้นไม้เทพเจ้า
- จำนวนข้อความ : 206
Points : 3772
Join date : 27/10/2014
Re: [TRANS] สามวันแห่งความเงียบงัน
ขอบคุณสำหรับคำแปลนะคะ
อย่างน้อยๆเราก็รู้ว่าพ่อหนุ่มเมินโหยวผิงก็มีหัวใจ มีความรู้สึกเจ็บปวดเป็น
ทั้งเศร้าทั้งซึ้งเลยค่ะ TTTTT
อย่างน้อยๆเราก็รู้ว่าพ่อหนุ่มเมินโหยวผิงก็มีหัวใจ มีความรู้สึกเจ็บปวดเป็น
ทั้งเศร้าทั้งซึ้งเลยค่ะ TTTTT
JaaJidz- ด้วงฝึกหัด
- จำนวนข้อความ : 17
Points : 3488
Join date : 27/10/2014
Re: [TRANS] สามวันแห่งความเงียบงัน
ขอบคุณสำหรับคำแปลค่ะ
เศร้าจริงๆ เศร้ามากๆจนแทบทนไม่ไหว สงสารเสี่ยวเกอเหลือเกิน
เศร้าจริงๆ เศร้ามากๆจนแทบทนไม่ไหว สงสารเสี่ยวเกอเหลือเกิน
hnee- ด้วงต้นไม้เทพเจ้า
- จำนวนข้อความ : 203
Points : 3675
Join date : 27/10/2014
Re: [TRANS] สามวันแห่งความเงียบงัน
สงสารเสี่ยวเกอเป็นที่สึดค่ะ
ชะตาชีวิตนายมันจะรันทดไปถึงไหนเนี่ยยยย
ชะตาชีวิตนายมันจะรันทดไปถึงไหนเนี่ยยยย
Yuwadee Wana- ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ
- จำนวนข้อความ : 352
Points : 3829
Join date : 27/10/2014
Re: [TRANS] สามวันแห่งความเงียบงัน
ขอบคุณสำหรับคำแปลนะคะ
lady_marmalade- ด้วงฝึกหัด
- จำนวนข้อความ : 17
Points : 3492
Join date : 27/10/2014
Age : 39
Re: [TRANS] สามวันแห่งความเงียบงัน
โอ้โห ถ้าชีวิตนายเมินจะดราม่าขนาดนี้
คนที่ไม่รู้แม้กระทั่งว่าตัวเองต้องการอะไร นี่มันเคว้งในความรู้สึกเกินไปนะ
แต่ก็ดีใจไปกับนายเมินที่อย่างน้อยก็ได้เจอแม่ และการเจอแม่ก็ช่วยมอบความรู้สึกในการเป็นคนให้กับเขา
**กอดปลอบนายเมินอย่างแรง
คนที่ไม่รู้แม้กระทั่งว่าตัวเองต้องการอะไร นี่มันเคว้งในความรู้สึกเกินไปนะ
แต่ก็ดีใจไปกับนายเมินที่อย่างน้อยก็ได้เจอแม่ และการเจอแม่ก็ช่วยมอบความรู้สึกในการเป็นคนให้กับเขา
**กอดปลอบนายเมินอย่างแรง
Erh- ด้วงฝึกหัด
- จำนวนข้อความ : 9
Points : 3268
Join date : 28/05/2015
Re: [TRANS] สามวันแห่งความเงียบงัน
โอ๊ย เศร้ามากกก สงสารเสี่ยวเกอ //กอดปลอบแน่นๆ
ตอนนี้นี่อยู่ในช่วงเวลาไหนของเรื่องคะเนี่ย ก่อนเข้าประตู? หรือหลังออกมาละเนี่ย?
ตอนนี้นี่อยู่ในช่วงเวลาไหนของเรื่องคะเนี่ย ก่อนเข้าประตู? หรือหลังออกมาละเนี่ย?
ShiroDia- ด้วงฝึกหัด
- จำนวนข้อความ : 5
Points : 3256
Join date : 04/06/2015
Re: [TRANS] สามวันแห่งความเงียบงัน
จะร้องไห้ เรื่องของเสี่ยวเกอเรียกน้ำตาเสมอเลย T^T
maysar17- ด้วงฝึกหัด
- จำนวนข้อความ : 3
Points : 3205
Join date : 23/07/2015
Re: [TRANS] สามวันแห่งความเงียบงัน
พึ่งหลงเข้ามา
แง น้ำตาไหลพราก รู้สึกว่าฟ้าครึ้มลงกว่าเมื่อหนึ่งนาทีที่แล้ว
เสี่ยวเกออออออ ฮือออออ ทำไมเป็นคนที่ทำให้ให้ด้วงหลั่งน้ำตาตลอดดด
แง น้ำตาไหลพราก รู้สึกว่าฟ้าครึ้มลงกว่าเมื่อหนึ่งนาทีที่แล้ว
เสี่ยวเกออออออ ฮือออออ ทำไมเป็นคนที่ทำให้ให้ด้วงหลั่งน้ำตาตลอดดด
Rozenkreuz- ด้วงอาณาจักรเจ้าแม่ซีหวังหมู่
- จำนวนข้อความ : 625
Points : 3849
Join date : 01/07/2015
Age : 31
ที่อยู่ : กองทัพผีเก็บเห็ดแห่งประตูสำริด
Re: [TRANS] สามวันแห่งความเงียบงัน
อย่างน้อยเสี่ยวเกอก็มีความรู้สึก มีหัวใจไม่ใช่ก้อนหิน
FunnyLee- ด้วงตำหนักหลู่หวังเจ็ดดารา
- จำนวนข้อความ : 88
Points : 3301
Join date : 12/07/2015
Re: [TRANS] สามวันแห่งความเงียบงัน
กำเนิดอย่างว่างเปล่า ไร้จุดหมาย ไร้ความผูกพัน ราวกับผ้าขาวที่กางบนผืนผ้าใบไว้อย่างนั้น โดยไม่เคยมีผู้ใดสอนให้รู้จักสิ่งที่เรียกว่า"ความรู้สึก" หรือความมี"ตัวตน"ของใคร
เพื่อให้สามารถเป็น"เครื่องจักร"ที่ทำตามเจตนารมย์ของสกุลจางให้ลุล่วงด้วยดี...
แต่สำหรับผู้เป็น"แม่"อย่างไป๋หม่า...
คงไม่ต้องการเห็นบุตรชายผู้เป็นที่รักเป็นเช่นนั้นได้...
เธอจึงยอมแลก"ชีวิต"ของตน...
ให้กับ"สามวัน"นี้อย่างคนมีความหวังเดียวสุดท้าย
คือได้สอนลูกชายให้รู้จัก"ความรู้สึก"อย่างคนทั่วไป
สิ่งที่เหล่าลามะให้เสี่ยวเกอทำคือการสอนให้รู้จัก"ตัวตน"ของสิ่งรายรอบด้าน เพื่อให้เมื่อได้พบไป๋หม่าอีกครั้ง เขาจะได้สัมผัสถึงความรู้สึกของอีกฝ่ายได้ โดยไม่จำเป็นต้องมีคำพูดใด เพียงแค่การ"จับมือ"นั้นไว้
ความ"อบอุ่น"ของผู้เป็นแม่ ก็แทรกลึกลงไปในหัวใจอันว่างเปล่านั้นได้มากพอที่จะแต่งแต้มผ้าใบสีขาวนั้น ให้มีสีอื่นขึ้นมา
พร้อมๆกับหยาดน้ำตาแห่งความสูญเสียหลั่งรดลงในจิตใจ
เสี่ยวเกอผู้ที่เข้าใจยากกว่าใคร...
แท้จริงเพราะเขาไม่เคยมีอะไรอย่างคนอื่นนี่เอง.....
ช่างน่าเศร้าแท้จริง...
เพื่อให้สามารถเป็น"เครื่องจักร"ที่ทำตามเจตนารมย์ของสกุลจางให้ลุล่วงด้วยดี...
แต่สำหรับผู้เป็น"แม่"อย่างไป๋หม่า...
คงไม่ต้องการเห็นบุตรชายผู้เป็นที่รักเป็นเช่นนั้นได้...
เธอจึงยอมแลก"ชีวิต"ของตน...
ให้กับ"สามวัน"นี้อย่างคนมีความหวังเดียวสุดท้าย
คือได้สอนลูกชายให้รู้จัก"ความรู้สึก"อย่างคนทั่วไป
สิ่งที่เหล่าลามะให้เสี่ยวเกอทำคือการสอนให้รู้จัก"ตัวตน"ของสิ่งรายรอบด้าน เพื่อให้เมื่อได้พบไป๋หม่าอีกครั้ง เขาจะได้สัมผัสถึงความรู้สึกของอีกฝ่ายได้ โดยไม่จำเป็นต้องมีคำพูดใด เพียงแค่การ"จับมือ"นั้นไว้
ความ"อบอุ่น"ของผู้เป็นแม่ ก็แทรกลึกลงไปในหัวใจอันว่างเปล่านั้นได้มากพอที่จะแต่งแต้มผ้าใบสีขาวนั้น ให้มีสีอื่นขึ้นมา
พร้อมๆกับหยาดน้ำตาแห่งความสูญเสียหลั่งรดลงในจิตใจ
เสี่ยวเกอผู้ที่เข้าใจยากกว่าใคร...
แท้จริงเพราะเขาไม่เคยมีอะไรอย่างคนอื่นนี่เอง.....
ช่างน่าเศร้าแท้จริง...
arshura09- ด้วงสุสานใต้สมุทรทะเลซีซา
- จำนวนข้อความ : 118
Points : 3145
Join date : 14/01/2016
หน้า 1 จาก 1
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
|
|
Fri 24 Jul 2020, 01:39 by gustoon
» [คู่มือด้วง] Keyword จีนสำหรับการขุด(แฟนดอม)สุสาน
Thu 21 Jun 2018, 00:29 by miskizfullmoon
» มังฮวาและภาคทิเบต
Thu 21 Jun 2018, 00:23 by miskizfullmoon
» [OS] Father is the best (ผิงเสีย)
Thu 03 Aug 2017, 16:12 by schneewittchen
» [Fic] สิ่งเล็กๆที่เชื่อมโลก5 [เมินโหยวผิง+อู่เสีย+เสี่ยอ้วน]+OC
Tue 01 Aug 2017, 12:30 by natsume
» [OS] #dmbjdaily (จูปาจุ๊บ) Bittersweet [ผิงเสีย AU]
Thu 06 Apr 2017, 15:58 by Zeth
» [OS] #dmbjdaily "โทรศัพท์มือถือ" - no Pairing [All]
Tue 04 Apr 2017, 22:27 by Zeth
» [OS] #DMBJDaily (แว่น): ระยะที่มองไม่เห็น [ฮัวเสีย]
Sat 01 Apr 2017, 16:55 by Zeth
» [OS] #DMBJdaily (5.20) ท่านยอดฝีมือ [หวังเหมิง (+เหมิงเสีย)(+ผิงเสีย)]
Thu 30 Mar 2017, 17:24 by Zeth