Countdown
We've been
togerther for
ค้นหา
Latest topics
Most active topics
[Drabble] รวมหนาวเดอะซีรีย์ 10 (ฮัวเฮย/ผิงเสีย)
2 posters
หน้า 1 จาก 1
[Drabble] รวมหนาวเดอะซีรีย์ 10 (ฮัวเฮย/ผิงเสีย)
หนาวเดอะซีรีย์ 10
( รู้สึกซีรีย์นี้จะเยอะไปนะ)
จริงๆตอนนี้เรท แต่เพื่อยึดเหนี่ยวไว้ว่าหนาวเดอะซีรีย์จะไม่เรท เราจึง...ข้ามๆๆๆๆ
ได้แรงบันดานใจจากโดที่คุณเทียร์แปลคะ มันน่ารักมาก คุณชายปลอมเป็นอิแว่น
วันนี้เป้นวันคริสมาสอีฟ ผมรู้ดีว่าคนอย่างคุณชายจะต้องฉลองวันคริสมาสกับกองงาน ไม่ก็เมียหลวงโทรศัพท์มือถือ เพื่อไม่ให้ใครแย่งความสนใจของคุณชายไปจากสัตว์เลี้ยงอย่างผมได้ ผมจึงรีบพุ่งไปหาเขาตั้งแต่เช้า คอยป้วนเปี้ยนใกล้ ทำอาหาร
ผมคิดว่าสำหรับเราการฉลองเทศกาลเป็นเรื่องไร้สาระสำหรับเขา แล้วมันก็จะจบลงดั่งเช่นทุกวัน สำหรับผมคิดว่าขอแค่ได้อยู่กับคุณชาย เขาจะเฉยชา หรือตายด้านก็ช่างเถอะ..
แต่เขาดันไม่ตายอด้านนี่สิ...อืมเรื่องนั้นเอาไว้พูดทีหลัง
คุณชายดันทำเรื่องที่พาให้ผมอ้าปากจนต้องโดนตบหัว ใครจะไปคิดคนที่ไม่เคยสนใจวันๆผมต้องเป็นฝ่ายรุกอยู่คนเดียว คุณชายที่เห็นกองงานกับโทรศัพท์ดีกว่าผม คนนั้นจะจูงมือผมขึ้นรถมาที่ภัตาคารหรู
เฮ้ยนี่ผมฝันไปหรือเปล่า ผมตบหน้าตัวเองหลายครั้งจวบจนถูกสเต้กปลาที่หั่นกระทุ้งใส่ปาก ความเจ็บปวดของส้อมที่พรวดเข้ามาทำให้ลืมตาตื่น
เป็นวิธีป้อนข้าวที่ซาดิสโครตๆ...
“ทำไมเป็นปลาละครับ” ผมไอค่อกแค่กอยู่หลายครั้งกว่าจะตั้งสติได้ทัน คุณชายเก้าเท้าคางเหลือบมองผมด้วยนัยน์ตาคุ่งาม ริมฝีปากสีชมพูเหยียดออก
“เผื่อจะช่วยเรื่องเซลล์สมอง”
นี่พาผมมาเดทจริงหรือเปล่า ความหวานมันไปไหนหมด มีแต่คำจิกกัด
“บู่ว ผมไม่ได้โง่ขนาดนั้นสักหน่อย” ผมเชิดหน้าขึ้น อ้าปากออดอ้อนเขา “คุณชายป้อนผมอีกทีสิครับ ไม่เอากระแทกใส่ปากแล้วนะ คุณนี่ดีแต่ทำร้าย บนเตียงก็กระแทก บนโต๊ะยังกระแทกอีก”
“นายชอบไม่ใช่หรือไง ยิ่งตอนที่ทำแรงๆจะตื่นตัวเป็นพิเศษ” คุณชายคนงามหยอกเย้าจนผมกัดฟัน ...ถึงปากจะจิกกัดด่าผมแต่มือก็หั่นเสต็กปลาเป็นชิ้นให้
แต่ขอโทษเถอะครับ แถวบ้านผมมันไม่เรียกว่าตื่นตัวเป็นพิเศษ เขาเรียกว่าเจ็บจนสะดุ้งต่างหากละ ผมอยากเถียงสุดใจขาดดิ้นแต่คุณชายกำลังหั่นปลาให้ผม เกรงว่าถ้าเถียงปุ๊บ มีดที่หั่นปลาอาจได้มาหั่นผม
“คุณชายน่ารักจังเลย วันนี้” ผมปลาดปลื้มใจจนจะก้มลงไปขอบคุณพระเจ้า คุณชายทำตัวน่ารัก ถึงปากจะจิกกัดด่า แต่ก็ยอมป้อนให้ผมดีๆ เนื้อปลาหวาดเลิสรสยิ่งมาจากมือคนสวยยิ่งทำให้มันหวาดหยาดเยิ้มจนแทบจะละลาย
“นานๆทีก็มห้อาหารสัตว์บ้าง” นิ้วเรียวยื่นมาแตะที่มุมปากของผม คุณชายใช้นิ้วโป้งเช้ดคราบซอสของปลาที่เลอะ ก่อนที่จะดึงกลับใช้ลิ้นนุ่มเลียซอสที่ติดปลายนิ้วทำท่าครุ่นคิด
“อืม รสจืดไปหน่อย ต่อไปเอาเนื้อดีกว่า”
แม่งงงงงง หัวของผมแทบจะระเบิด ท่วงท่าที่เลียซอสติดนั้นโครตจะเซ็กซี่ โอยคุณชายผมวันนี้แม่งน่ารักไปแล้ว น่ารัก น่ารัก อยากจะกอดเอาไว้ทั้งตัว
“คุณชายผมก็จะป้อนคุณมั่งนะ” ผมคว้าเอาชามสเต็กปลาจากคุณชายบรรจงหั่นเนื้อปลาชิ้นเล็กจิ้มขึ้นมาใส่ปากของตัวเอง ชะโงกหน้าไปหาคนฝั่งตรงหน้า จูบเบาๆที่ริมฝีปาก แทรกสอดลิ้นเข้าดพรงปากอุ่น ดันเนื้อปลาที่ฉ่ำไปด้วยซอสและน้ำลายของผม ควานมอบความรันจวนก่อนที่จะละออกมา ทอดทิ้งสายใยสีใส
“หึ หึ หึ” อร่อยไหมครับ” ผมแลบลิ้นซุกซน คุณชายเลิกคิ้วก่อนที่จะคลี่ยิ้ม
“นั่งเฉยถ้ายังอยากกินข้าวอยู่” คุณชายโบกมือให้กับบริการสาวที่มองพวกเราน้ำลายเยิ้ม ...เจ้าหล่อนถือถาดด้วยมือสั่นระริกพาให้ผมเบือนหน้าหนี...
ผมเจอด้วงวายหนึ่งตัวแล้วครับ...
“จริงๆผมอยากกอดคุณซะเดี๋ยวนี้ แต่ว่านานๆทีเราจะได้ออกมาข้างนอก ผมจะยอมเป็นเด็กดีคร๊าบ” ผมหัวเราะเสียงร่าเริงรู้สึกอิ่มเอิมใจ คุณชายแม้จะไม่เคยเอาอกใจผมแต่เขาก็ทำอะไรหลายอย่างเพื่อผม ไหนจะพาผมไปโรงพยาบาลแม้ว่าดวงตาคู่นี้จะไม่อาจรักษาให้หาย
“รู้ตัวก็ดี” ผมชายนั่งมองผม มือเรียวพลักไวน์องุ่นขาวมาให้ ผมหยิบมันขึ้นมาหมุนวนมองแก้วในมือของเขา
“ทำไมถึงต้องเป็นไวน์ขาวละครับ”
อย่างผมควรจะเป็นสีดำแท้ๆ... สีดำที่มืดมิดที่สุด
“ฉันชอบกิน” คุณชายว่าพร้อมกับยกมันขึ้นดื่ม ผมหัวเราะผมรู้ว่าเขาไม่ได้ชอบกินมัน
“สีขาวเหมาะกับนายน้อยสามดีนะครับ” ผมดมไวน์กลิ่นหอมหวาน ก่อนที่จะจิบความหวานผสานกับความซ่าเล้กน้อย ตามด้วยการดื่มมันจนหมดในรวดเดียว
“ไม่ใช่อย่างที่นายคิดเสียหน่อย” คุณชายเก้าถอนหายใจยื่นแก้วให้บริกรเติมปรายตาคุ่สวยมองผม “ก็แค่คิดว่ามันหวานอมซ่า...แฝงไปด้วยรสชาติหวานของผลไม้ ความซ่า มอมเมาด้วยรสแอลกอฮอล์หน่อยๆ...”
“ฮ่าๆ” ผมหลุดหัวเราะออกมาทุบโต๊ะอย่างบ้าคลั่งในใจรู้สึกขำพร้อมกับอิ่มเอิม
“ถ้านายยังหัวเราะวันนี้ฉันจะเอาให้แหก...”
เสียงเรียบขู่พาให้ผมเอามือตะครุบปากตัวเอง ...ไม่อยากถามเขาว่าอะไรแหก.... ผมยังห่วงสวัดิภาพช่วงล่างของตัวเอง ..อยู่กับคุณชายเก้ามันใกล้จะพังเต็มทนแล้วละครับ
“ผมขอแค่อยู่กับคุณไปตลอด จะเทสกาล หรือของอะไรก็ไม่ต้องการทั้งนั้น” ผมตัดสเต็กเนื้อหั่นเป็นชิ้นๆส่งถาดกลับคืนเขาเอื้อมมือไปหยิบจานเสต้กเนื้อสันในอีกจานข้างเคียง
“นั่นมันเรื่องของนาย” คุณชายหยิบจานเสต็กที่ผมหั่นแล้วใช้ส้อมจิ้มลงยังเนื้อฉุ่มช่ำตัดเนื้อรสเลิสเข้าปาก ปลายลิ้นสีชมพูเลียส้อมเบาๆราวกับจะยั่วยวนผมอยู่
ตลอดมาผมเป็นฝ่ายยั่วเขา แต่พอเขาเป็นฝ่ายยั่วหกลับผมแทบตบะแตก
“คุณชายแกล้งผมอยู่ใช่ไหม”
กลับบ้านเลยได้ไหม เราไปฟัดกันต่อบนเตียงก็ได้ถ้าคุณขะเซ็กซี่ขนาดนี้
“เปล่าสักหน่อย” คุณชายคลี่ยิ้ม เขาแกล้งผมอยู่จริงๆ นิ้วเรียวยาวของเขายกแก้วไวน์ขึ้นมาอีกครั้งหมุนวนมองดูของเหลวในแก้วนั้น “ เฮยเสียจื่อฉันอยากพานายมากินข้าวข้างนอกด้วยกัน เดินเที่ยวกันบ้าง ไม่ใช่อยู่แต่บนเตียงกับนาย”
“นึกว่าคุณชายชอบโทรศัพย์กับกองงาน แล้วผมเป็นสัตว์เลี้ยงเสียอีก” ผมหยอกเขา คุณชายหัวเราะเบาๆ มันเป็นบรรยากาศที่หวานระคนอึดอัดในคราเดียวกัน
“ก็ไม่ผิด” คุณชายเก้าหลับตาราวกับลำรึกความหลังครั้งก่อน “ฉันเป็นคนที่ทำอะไรต้องรอบคอบ คิดการไกล ถูกเลี้ยงดูมาโดยให้ไร้ใจ ...แต่ความจริงกลับทำไม่ได้”
“มันเป็นไม่ด้อยู่แล้ว ตราบใดที่เรายังเป็นสิ่งมีชีวิตอยู่ ตราบใดที่หัวใจดวงนี้ไม่มีทางที่จะทำตัวเป็นสิ่งของได้หรอกครับ เขาว่ากันว่ามนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีอารมณ์ความรู้สึกมากที่สุดด้วย” ผมหัวเราะพลางมองดูเขา ... “ความจริงแล้วคุณใจดีนะครับ คุณชาย”
“คงเป็นอย่างที่นายพูด ทำไม่ได้คือทำไม่ได้ “ คุณชายถอนหายใจ เอื้อมมือมาแตะใบหน้าของผม นิ้วยาวเรียวลูบไล้มันให้ความรู้สึกดีเสียจนพาให้เคลิบเคลิ้ม
“คุณชายวันนี้ใจอ่อนไปนะครับ” ผมหัวเราะมองดูเขา คุณชายเก้าเป็นคนเด็ดขาดแต่วันนี้เขากลับทำอะไรไม่เด็ดขาดเอาเสียเลย
“ใช่ วันนี้ฉันไม่สมเป็นคุณชายเก้า แต่ท่าทีแสดงให้นายเห็นคนเดียว...ไม่ได้หรือ?”
แม่ง ผมอยากจะทุบโต๊ัแล้ววิ่งไปกอดเขาเหลือเกิน....
ได้สิ ได้หมดนั่นละครับ คุณชายแม่งจะน่ารักเกินไปแล้ว
“ดีจังเลย ผมอยากจะเห็นท่าทีแบบนี้ตลอดไปนะครับ คุณที่ไม่สมเป็นคุณ ท่าทีแบบนี้แสดงให้ผมเป็นพิเศษคนเดียวนะครับ”
ความอบอุ่นในใจพลันบังเกิด ผมไม่ใช่คนใสซื่อดังนั้นจึงรู้ดีว่าคำว่าพิเศษของคุณชาย มันแตกต่างจากธรรมดามากมายเหลือเกิน
เขาจะแสดงความอ่อนแอให้ผมเห็นคนเดียว
“คุณชายเก้าแบบนี้จะดีหรือ ...คุณพร้อมที่จะมีจุดอ่อนแล้วใช่ไหม”
คำว่าพิเศษสำหรับเราสองคนมันคือความน่ายินดีและน่าหดหู่ไปพร้อมกัน
“ตอนนี้ผมไม่ใช่จุดอ่อน แต่อีกหน่อยคงจะใช่ ถึงตอนนั้นผมอาจจะทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ทำให้คุณลำบาก” ผมเขี่ยเนื้อในชาม ความอยากลดลงทุกครั้งที่นึกถึงตัวเองในอนาคต
มันกำลังใกล้เข้ามา ..
“นั่นนายคิดไปเอง เอาแต่คิดเองเอออเอง ฉันเป้นใคร ผู้ชายตระกูลเซี่ยล้วนคิดอะไรรอบคอบทุกอย่างอยู่แล้ว แม้ว่าการได้นายมาจะเป็นการบังเอิญ แต่ในเมื่อฉันบอกว่าจะเลี้ยงก็คือเลี้ยง ฉันวางแผนทุกอย่างเอาไว้หมดแล้ว ฉันไม่ใช่พวกที่อยากจะเลี้ยงก็เลี้ยงโดยไม่อ่านคุ่มือการเลี้ยงสัตว์หรอกนะ” คุณชายจิ้มเนื้อในชามของตัวเองใส่ลงในชามผม มือเรียวคว้าเอาเมนูมาเปิด “ว่าแล้วหัวอย่างนายต้องกินปลาเพิ่ม”
“หึ หึ หึ วันนี้คุณพูดมากจัง” ผมใช้ส้อมจิ้มเนื้อที่เขาเขี่ยลงชามของผม “คุณไม่ชอบพวกเทศกาลแบบนี้ไม่ใช่หรือ”
“ใช่ไม่ชอบ แต่นายชอบ ดังนั้นเลยคิดว่าจะลองไล่ต้อนคนที่เอาแต่หนี “ คุณชายเหลือบตามองมก่อนที่จะหันหน้าไปทางอื่น “สุดท้ายนายก็ยังเอาแต่หนี”
“นั่นสิครับ ก็ผมเป็นงูจอมเลื้อยนะครับ เอ๊า แล้วทีนี้จะทำยังไงดีละ หึ หึ หึ” ผมยื่นมือไปแตะพวงแก้มใสของเขา คุณชายจับมือของผมเอาไว้ออกแรงบีบเสียจนเจ็บพวกเรามองตากันและกันพร้อมกับอารมณ์ที่พลุ่งพล่าน
“คงต้องกอดเอาไว้ไม่ให้หลุดกระทั้ง”
สุดท้ายคืนคริสมาสอีฟของพวกเราก็จบลงที่เตียงนุ่มผมหอบหายใจรองรับความแข็งขืนของเขาที่รุกล้ำมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า อ้อมกอดสวยงามที่โอบกอดนั้นรัดแน่นกว่าเดิม เสียจนแทบหายใจไม่ออก คล้ายกับจะได้รับความรักอย่างเต็มที่
ผมอ้อนเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าท่ามกลางสติอันพร่าเลือนในรสรัก
ที่จริงแล้วจะยังไงก็ได้ ขอแค่ได้อยู่กับคุณก็พอ.....
ถ้าสักวันหนึ่งผมจะเป้นจุดอ่อนของคุณ ทำอะไรไม่ได้ และคุณยังไม่ยอมปล่อยมือคู่นี้...คุณก็ช่วยเอาผมไว้ในที่ไม่มีใครหาเจอทีนะครับ...ถ้าทำแบบนั้นจะไม่มีใครหาผมเจอ
ผมยินยอมให้คุณลิดรอนอิสรภาพ
แต่ว่าคุณก็คงไม่ทำใช่ไหมละ..เพราะคุณเป้นคนใจดี
คืนคริสมาสอีฟ คืนที่อวยพรให้แก่กันในวันของพระเจ้า ค่ำคืนที่หนาวเหน็บด้วยหิมะที่พร่าพรู แต่ผมกลับไม่หนาวเลยก็ถูกคุณให้ความรักจนร้อนแบบนี้ยังไง
ถ้าผมจะถาวนาเพื่ออยู่เคียงข้างคุณจะเป้นการขอที่มากเกินไปไหมครับ..
ผมหัวเราะคละเคล้าไปกับรสชาติกามรมณ์ จูบเขา ก่ายกอดกันจนเหน็ดเหนื่อยกันทั้งคู่
************************************
ผมเป้นคนชินชากับการใส่แว่นตาเพราะตาของตัวเองแพ้แสง มันเคยมองเห็นได้ชัดกว่านี้ แต่มาวันนี้สิ่งรอบด้านช่างพร่ามัว มองเห็นได้แต่ข้างหน้า ..ด้านข้างเหลือบสายตามองไม่เห็นดังนั้นผมจึงใช้การสัมผัสเข้าช่วย...
ผมรู้ตัวดีว่าตาของตัวเองอีกไม่นานคงจะไม่อาจมองเห็นอะไรได้อีก
บางทีการสัมผัสก็ไม่ทดแทนดวงตาได้ทั้งหมด
“อือ” ผมรู้สึกได้ถึงสัมผัสคุ้นเคยของใครบางคนที่เอื้อมมือผ่านผมไปจับยังแว่นตาดำที่วางไว้บนหัวนอน ผมลืมตาอย่างเชื่องช้าเห็นยังใบหน้าคุ้นเคยของตัวเอง นัยน์ตาสีประหลาดนั้น...หากไม่ได้กลิ่นหอมเจือจางและสัมผัสอันคุ้นเคยผมคงจะหยิบปืนมายิงทิ้งเสียแล้วละ
“อรุณสวัสดิครับคุณชาย นึกอะไรขึ้นมาถึงได้ปลอมเป็นผมละครับ” ผมคลี่ยิ้มมองคุณชายเก้าในร่างของตัวเอง เขาสวมใส่หน้ากากใบหน้าของผม เรือนร่างนั้นหันมามองผม เขาหยิบแว่นกันแดดสีดำสนิทสวมใส่ปิดบังสีนัยน์ตาที่ผมรังเกียดนักหนา
“ก็แค่ลองดู เป็นยังไงบ้าง” คุณชายเหลือบตามองมาทางผมพาให้ผมหัวเราะพรืด
“ใช้ไม่ได้ครับ!” ผมยกตัวขึ้นพิงกับหัวเตียง เรือนร่างเปล่าเปลือยเสียดสีกับผ้าห่มเอียงคอทำท่าครุ่นคิด “ผมไม่ได้นิสัยเย็นชาแบบนั้นเสียหน่อย ร่าเริงหน่อยสิครับร่าเริง ยิ้มหน่อยเร็ว “
“หึหึ” คุณชายเก้ายิ้มเริงร่ามันเป็นรอยยิ้มที่ผมอยากให้ไปอยู่บนใบหน้าของเขามากกว่าบนใบหน้าของผม อ๊า เสียดายชะมัก
“คุณดูหล่อมากเลยครับในร่างนี้ หึหึ ผมมันหน้าตาดีใช่ไหมละก็ปกติคุณสวยกว่าผู้หญิง หาความหล่อไม่เจอ “ ผมพูดไปก็นึกถึงเรื่องสำคัญที่สุดขึ้นมาได้ มองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยรอยยิ้ม “ที่สำคัญที่สุดนะครับคุณชาย ผมไม่ได้เตี้ยแบบนี้นะครับ หึหึ วิชาหดกระดูกไม่ช่วยให้สูงหรือไงครับ! ฮ่าๆๆๆๆๆ”
ผมกุมท้องตัวเองรู้สึกว่าอารมณ์ขันได้ถูกปล่อยออกไปจนแทบหมด คุณชายในร่างของผมเตี้ยกว่าถึงหนึ่งช่วงตัว ให้ตายผมเห้นตัวเองเตี้ย...ถมยังตัวบางลง ...
“หึ ดูนายคึกดีนี่เฮยเสียจื่อ “คุณชายเก้าขยับแว่นดำบนใบหน้า เหยีดยยิ้มชั่วร้ายด้วยใบหน้าของผม พาให้ผมรู้สึกขนลุก
“คุณชายยย คุณยิ้มได้ชั่วร้ายมาก ไม่เหมือนผมเลยสักนิด อย่าเอารอยยิ้มแบบบอสตัวสุดท้ายที่น่าสะพรึงมาใช้กับใบหน้าผมได้ไหมครับ “หลังของผมเสียววาบ ความหลัวผุดขึ้นในหัวใจ และยิ่งแน่ใจเมื่อใบหน้าแบบเดียวกับตนเองเข้ามาในระยะประชิด
“ท่าทางนายยังไม่หมดแรงสินะ ยังคึกคักน่าดูฉันยังมีเวลาอยู่หน่อย” คุณชายเก้าถอดแว่นบนใบหน้าวางไว้บนหัวเตียง เรือนร่างที่คล้ายกับผมคร่อมทาบทับอยู่ด้านบน มือเรียวรวบข้อมือผมใช้เข็มขัดรัดมันโดยไม่ทันได้ตั้งตัว เท่านั้นก็ได้แต่กรีดร้องในใจ
ชิบหายวายวอด...
“เดี๋ยวๆๆๆๆ ขอเวลานอก” ผมร่ำร้องในยามที่กำลังจะเสียประตูหลัง...รู้ดีว่าการลงโทษของคุณชายน่ากลัวขั้นช่วงล่างพังไปสามวัน “อย่างน้อยก็ช่วยถอดเอาหน้าผมออกไปก่อนสิครับ! แบบนี้มันเหมือนผมมีอะไรกับตัวเอง ไม่เอานะคุณชาย “
แบบนี้ก็เหมือนผมช่วยตัวเองนะสิ!
“นายบอกว่าใบหน้าของนายดูดี หล่อไม่ใช่หรอ แล้วจะให้ถอดออกหรือ ไหนว่าหน้าตาหล่อกว่าฉันไง และที่สำคัญไม่เตี้ย”
ชิบหาย...คุณชายแม่งอาฆาตแรง
ผมดีดดิ้นอยู่ใต้ร่างเขาได้ไม่กี่นาทีก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นร้องครางระงม ถูกสอดใส่อย่างรุนแรงซ้ำแล้วซ้ำเล่า ...เกือบจะสลบคาอกไปครั้งหนึ่งก็ถูกปลุกด้วยแรงกระแทกที่รุนแรง สุดท้ายก็ได้เข้าใจถึงคำว่า ...สลบคาอก เป้นครั้งแรกในชีวิต
ทำไมพวกเสี่ยรวยๆถึงได้บอกว่าอยากจะสลบคาอกอีหนูให้มีความสุข ผมไม่เห็นความสุขสักนิด....รู้สึกเหมือนสะโพกจะพัง...ไม่สิคงพังไปแล้ว
สุดท้ายก็ได้แต่น้ำตาตกจนเหือดแห้งไปหมด
คุณชายแม่งใจร้ายแค่แซวว่าเตี้ยเอง...
*********************************************
มันหลับไปแล้วไม่สิ...ถ้าพูดให้ถูกคือสลบ เซี่ยอวี้ฮัวเหยียดยิ้มรู้สึกว่าการออกกำลังกายหนักๆก็ไม่เลวเหมือนกัน ...ช่วงนี้ไม่ว่างไปยิมได้มาออกกำลังกับเจ้างูเสียแทน
ร่างบางกระชับเสื้อโค้ดสีดำของเฮยเสียจื่อ หยิบอาแว่นตากันแดดบนหัวเตียงขึ้นมาสวมใส่ฟิมล์กันแดดหนาจนมองแทบไม่เห็น ...โลกอันมืดมิดที่เจ้านั่นสัมผัสทุกวันคือเช่นนี้หรือ
โชคดีที่เขาเป้นผู้เรียนวรยุทธและฝึกฝนมานานทำให้ไม่จำเป้นต้องพึ่งแต่สายตาอย่างเดียว...มือเรียวจับแว่นตากันแดด มันหนาขึ้นเรื่อยๆ ....ฟิมล์กรองแสงเกินกว่าจะเป้นแว่นตากันแสง ราวกับว่า ...จะเป้นสิ่งเอาไว้ปกปิดความชำรุดมากกว่า
ทำไมเขาจะไม่รู้ถึงสายตาที่นับวันจะยิ่งย่ำแย่ลง ทำไมจะไม่รู้ว่ามันแอบไปโรงพยาบาลมาหลายครั้ง ต่อหน้าเขาเจ้างูกลับไม่มีอาการป่วยให้เห็นสักนิด มีเพียงความร่าเริงออดอ้อนเขาน่ารักสมเป็นสัตว์เลี้ยง ...
ไม่ทิ้งหรอกนะ ฉันไม่ใช่พวกทิ้งสัตว์ป่วยนะ
กว่าจะปราบเจ้าตัวแสบให้หุบปากได้ก็เป้นเวลายามเย็น ....ผมส่องตัวเองในกระจกเหยีดยยิ้มร่าเริง ปลอมแปลงเป็นนายแว่นแสนขี้เล่น เท้าเดินไปยังบาร์ประจำของหมอนั่น
เฮยเสียจื่อคิดว่าผมจะไปหานายน้อยสาม เพราะอย่างไรเสียเขาก็เคยมีศักดิ์เป็นอาจารย์ของนายน้อยสาม หากจะสอนสั่งอะไรอู๋เสียคงจะยอมรับฟัง
แต่ไม่ใช่หรอกนะ จุดประสงค์ของผมไม่ใช่เพื่อใช้ร่างของอาจารย์เฮยเสียจื่อสอนนายน้อย...
เขาว่ากันว่ามีเมียเด็กต้องคอยตรวจสอบ คำนี้อาจจะใช้ได้กับเมียหน้าเด็กด้วย
ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนเจ้านั่นก็จะมีใบหน้าเท่าเดิมตลอดมีเพียงผมที่แก่ตัวลงเรื่อยๆ ....อีกอย่างผมยังไม่เคยเห้นสังคมของมันสักครั้ง ...เผื่อวันดีคืนดีงูมันเลื้อยหายจะได้หาได้ถูก
“ไฮเป้นไงเฮยเสียจื่อพักนี้ไม่เห้นหน้าเลยนี่” เพียงพริบตาที่ผมเหยียบย่างเข้าร้านเสียงทักทายก็เข้ามาไม่ขาดสาย ผมแลบลิ้นพราวเสน่ห์แบบที่หมอนั่นทำ หย่อนตัวลงยังเคาเตอร์หน้าบาร์
หมอนี่ร่าเริง ทำงานดี เป็นมิตรดังนั้นคนมากมายจึงค่อนข้างชอบเขา
“พี่เฮยจ๋า” น้ำเสียงหวานหยดเยิ้มดังขึ้นก่อนที่หน้าอกใหญ่โตของสาวนางหนึ่งจะแนบเข้ามาข้างหลังของผม “แหมเข้ามาไม่ทักไม่ทาย ไม่หอมเขาแล้วหรือ”
เฮยเสียจื่อ!..
ผมคาดโทษเอาไว้ในใจ ยื่นหน้าไปหอมแก้มนุ่มของหญิงสาว โดนเธอพัวพันแทบตาย ไม่เพียงแค่คนเดียว แขนข้างซ้ายก็โดนสาวอีกนางเข้ามาหา พลางยื่นแก้มให้หอม..
ไอ้งูบ้า!
ผมรู้สึกว่าหนังตาตัวเองกระตุกรีบหยอกล้อพลักพวกเธอออกราวกับเล่น โชคดีที่เพื่อนของเฮยเสียจื่อราวสองสามคนเข้ามานั่งข้างเคาเตอร์ชวนคุย พวกเธอถึงได้ยอมไป ไม่วายเรียกให้หาที่ร้านอีก
นายตายแน่...จะขังลืมไปวันหนึ่งเลย
“เฮ้ นายเป็นไงช่วงนี้เงียบๆไปเลย แถมไม่ยอมรับงานลงกรวยไกลๆอีก ไม่มีนายแล้วเหงาแย่เลยนะเว้ย” ชายวัยกลางคนเอื้อมมือมาตบที่หลังของผมเรี่ยวแรงหนักหน่วง
“ก็ยุ่งอยู่กับร้านไง นายก้รู้ฉันเปิดร้านขายแว่นอยู่” ผมหัวเราะแลบลิ้นดุซุกซนเป้นท่าทางแระจำที่มันจะอ้อนคนยามขอโทษ
“ไอ้ร้านนั้นนะไม่ดีเท่าลงกรวยหรอก ขาดนายไปแล้วเหงาชะมัดจริงไหม หยาง” เพื่อนของเฮยเสียจื่ออีกคน หันไปพูดกับชายผมสีน้ำตาลเข้ม เขาพยักหน้าพลางเอนตัวพิงกับเคาเตอร์บาร์ สั่งเครื่องดื่มมาสองแก้ม
“เอ๋ จะเลี้ยงฉันหรือวันนี้นายใจดีชะมัดเลยวะ” ผมเลียนท่าทางของนายแว่น ทำทีเป้นหยอกล้อเขาแต่คนที่ชื่อหยางกลับพยักหน้า
“ช่วงนี้ไม่ค่อยเจอถือว่าเลี้ยงให้กับมิตรภาพของเรา”
มิตรภาพ..บ้านไหนกัน... ผมจดคาดโทษเจ้างูเอาไว้ในใจ
“เฮ้ยหายากนะเว้ย” เพื่อนคนแรกของเฮยเสียจื่อเข้ามาโอบไหล่ผม อีกคนที่อยู่ข้างซ้ายก็จิ้มแก้มผม ท่าทางหยอกเย้า...ส่วนคนที่หยางก็เล่นหัวจนยุ่งไปหมด ทำให้ผมรู้ว่า ...วันๆหนึ่งสัตว์เลี้ยงผมโครตจะเปลืองตัว
ช่วยไม่ได้ใครใช้ให้มันเป็นคนที่ชอบเข้าถึงตัวเนื้อตัวคนอื่นกันเล่า
นอกจากสามคนนี้ยังมีคนอื่นที่มาเล่นเจ้างูของผม แต่เท่าที่คุยก้วยเห็นจะมีแค่สามคนนี้ที่ได้ร่วมงานกันบ่อยที่สุด ผมจึงลอบสังเกตุชื่อ คนแรกที่ทักผมชื่อว่าหลิ่งเหอ ส่วนคนที่สองชื่อ หลี่ซ่าน ผมแกล้งทำเป็นเปลี่ยนมือถือใหม่ การคว่ำกรวยทำให้มือถือร่วงไป เมมเบอร์พวกทั้งสามคน
“ตอนนี้นายยังแชร์ห้องกับนายใบ้จางอยู่หรือเปล่า เห็นว่าเขาย้ายออกไปแล้ว” หยางเอ่ยทักขึ้นพาให้ผมนึกถึงห้องพักที่บริษัทจัดหาให้ ผมซื้อบ้านให้มันหมอนั่นยังไม่คืนห้องเช่าไปอีกหรือ
“โอ๊ยหยางนายตกข่าวไปแล้วหมอนั่นมันไปเช่าบ้านแล้ว” หลิ่งเหอแซวผมไปกระทุ้งแขนผมไป คำพูดที่พาให้ผมรู้สึกหงุดหงิด
บ้านเช่าอะไร ฉันซื้อให้มันเลยต่างหาก
“บ้านเช่ามันแพงไม่ใช่เรอะ” หยางขมวดคิ้ว “ถ้านายอยู่คนเดียวห้องเช่าก็ได้ แชร์กับฉันไหมละ”
“เห บ้านเช่าหรือ ฉันบอกว่าห้องเช่าหรอ” ผมหันไปถามหลิ่งเหอ แต่เขากลับขมวดคิ้ว
“ก็นายบอกฉันเองนี่ว่าเป็นของคนอื่นตอนนี้นายเช่าอยู่”
คิ้วของผมกระตุก จดความผิดของมันเข้าไปอีกกระทง กลับบ้านเมื่อไรตาย...
“เอาน่า ตอนนี้ฉันคงอยุ่ที่นั่นสักระยะ” ครั้นพูดออกไปหยางก็เข้ามาขยี้ผมจนยุ่งไปหมด...ผมหัวเราะ รู้สึกไม่ชอบพากล จดชื่อหมอนี่ลงลิสไปอีกราย
คิดว่าควรได้เวลาขอตัวหลังก็โดนหน้าอกนุ่มเข้าชนเต็มที่ ครั้นหันไปก็พานพบกับใบหน้าหวานฉ่ำ ผมแซกกลางซอยสั้น เป็นทรงผมของผมในร่างของเซี่ยอวี้ฮัว...เรือนผมสีน้ำตาลอ่อนกับนัยน์ตาเรียวสีน้ำตาลมีส่วนคล้ายคลึงผมเล็กน้อย
“เฮย เฮย เดี๋ยวนี้ไม่มาซบอกเขาเหงาน๊า ไหนเคยบอกว่าฉันน่ารักไง” ริมฝีปากสีชมพูกรีดยิ้มพาให้ผมรู้สึกอยากจะระเบิด...
“อื้อช่วงนี้ไม่ว่างนะ” ผมปฏิสธแต่เธอยังพัวพันไม่เลิก เข้ามาจูบผมหนึ่งที
“เฮย เฮยนี่ละก็ คราวก่อนยังมาซบอกฉันบอกว่า จะมาเป็นลูกค้าประจำไง เมื่อช่วงปีก่อนมาหาฉันทุกวันเลยพอตอนนี้ไม่มาเลยเขาเหงาน๊า”
อ้อ...รู้แล้วว่าตอนที่ผมไล่มันเพื่อทำงานมันแอบดอดมาอ้อนคนอื่นนี่เอง...
ขังลืมสามวัน...
“ไว้วันหลังนะ” ผมบอกปัดเธอไปเดินออกจากร้านแต่แขนกลับถูกหยางรั้งเอาไว้
“แล้วเจอกันนะ”
“อื้ม แล้วเจอกันตอนนี้ฉันมีธุระ แล้วเจอกันใหม่” ครั้นลาเสร็จผมก็ถอยออกมาแต่เขากลับรอที่เดิม จนกระทั่งนิ้วนั่นจิ้มที่แก้มผมถึงกัดฟัน
นี่นายไปหอมชาวบ้านชาวช่องเขาด้วยเรอะ..
“หยางฉันว่าพวกเราอาจต้องมีเรื่องคุยกัน” ผมโอบคอร่างสูงกว่าก่อนที่จะเหยีดยยิ้ม ....
ไหนแล้ววันนี้ก็ขุดรากถอนโคนแม่งทั้งร้านเลยละกัน...
*****************************
โจเป็นผู้คุ้มกันคุณชายเซี่ยมานานแสนนาน ...เขารู้ดีว่าคนตระกูลเซี่ยมักมีเรื่องแปลกคนละอย่างสองอย่าง สำหรับคุณชายเซี่ยคนใหม่นั้น มีเรื่องแปลกแค่ไม่กี่เรื่อง จะแปลกก็คงเป็น...
“หัวหน้าครับ เห็นคุณเหลียนฮวาไหมครับ” คนคุ้มกันในหน่วย 3 เข้ามาถามผม ผมขมวดคิ้วพวกเราต่างรู้กันว่าเหลียนฮวาคือดอกบัว เป็นดอกไม้แห่งการอำนวยให้มีบุตร..
หรือก็ตำแหน่งของนายหญิง...
พวกเราไม่สามารถเรียกว่านายหญิงได้ ไม่ว่าจะด้วยอะไรอีกอย่างน้ำหน้าอย่างเจ้านั่นสมควรเรียกท่านชายแล้วให้คุณชายเราเป็นนายหญิงจะดีกว่า ทว่าขืนเรียกแบบนั้นพวกเราทั้งหมดได้หัวกุด ทุกคนในบ้านต่างรู้ดีว่าแท้จริงเจ้าสัตว์เลี้ยงตัวโตนั้นอยู่ในฐานะอะไร
เหลียนฮวาที่ไม่สามารถอวยพรให้มีบุตรได้..
ผมครุ่นคิดถึงครั้งสุดท้ายที่เห็น ....เมื่อสามวันก่อนคุณชายโทรศัพท์ให้ผมมาเคลียค่าเสียหายของบาร์เล็กที่เป็นแหล่งชุมนุมของพวกคว่ำกรวย มันเป็นบาร์ชั้นต่ำเลยไม่เสียเงินมากนัก
“ดุเหมือนว่า เหลียนฮวาคงจะออกมาไม่ได้ราวอาทิตย์ หรือเป็นเดือน”
“อ้อ ...คุณชายโกรธหนักเลยสินะ” หมอนั่นพยักหน้าทุกคนในบ้านเริ่มชินชากับการที่คู่รักบ้าบอจะทะเลาะกันได้ทุกวัน หรือการที่เหลียนฮวาไปยั่วโมโหคุณชายใหย่จนโดนขังลืม
“แย่เลยอุตส่าห์เอาปูมาฝาก”
“อย่าให้คุณชายรู้เชียว ถึงจะไม่ได้คิดอะไรแต่คุณชายเป็นคนหวงของ เขไม่ชอบใช้ของร่วม ของที่ต้องการกลิ้งไปชนคนอื่นก็ไม่ชอบ”ผมรู้สึกหนักใจกับรสนิยมของคุณชายเก้า แต่ทำอะไรไม่ได้ เขาว่ากันว่า ตระกูลเซี่ยมักมีรสนิยมพิลึก และทำตัวประหลาด ก็แค่คุณชายเก้าคนใหม่มีความประหลาดอย่างเดียวเอง
“...ผมพูดได้ไหมครับ”
“ไม่ได้ นั่นเป็นคำต้องห้าม”
พวกเราถอนหายใจให้กับความปากไม่ตรงกับใจ...
เอาเถอะขอให้เหลียนฮวาของเราสู้ๆหน่อยแล้วกัน...ถึงจะมีลูกไม่ได้แต่ตั้งแต่มีดอกเหลียนฮวาคุณชายก็ร่าเริงมากขึ้น กินข้าวมากขึ้น บรรยากาศในบ้านก็พลันสดใสขึ้น...
ถึงแม้ว่าเขาจะทำให้คุณชายเสียการเสียงานแต่คุณชายก็ไม่ต้องพึ่งยานอนหลับอีกต่อไป
บางทีการได้เห็นรอยยิ้มที่แท้จริงของผู้เป็นนายก็ทำให้ผมลืมเรื่องกองงานที่ตั้งอยู่บนโต๊ะไปบ้าง
end
( รู้สึกซีรีย์นี้จะเยอะไปนะ)
จริงๆตอนนี้เรท แต่เพื่อยึดเหนี่ยวไว้ว่าหนาวเดอะซีรีย์จะไม่เรท เราจึง...ข้ามๆๆๆๆ
ได้แรงบันดานใจจากโดที่คุณเทียร์แปลคะ มันน่ารักมาก คุณชายปลอมเป็นอิแว่น
วันนี้เป้นวันคริสมาสอีฟ ผมรู้ดีว่าคนอย่างคุณชายจะต้องฉลองวันคริสมาสกับกองงาน ไม่ก็เมียหลวงโทรศัพท์มือถือ เพื่อไม่ให้ใครแย่งความสนใจของคุณชายไปจากสัตว์เลี้ยงอย่างผมได้ ผมจึงรีบพุ่งไปหาเขาตั้งแต่เช้า คอยป้วนเปี้ยนใกล้ ทำอาหาร
ผมคิดว่าสำหรับเราการฉลองเทศกาลเป็นเรื่องไร้สาระสำหรับเขา แล้วมันก็จะจบลงดั่งเช่นทุกวัน สำหรับผมคิดว่าขอแค่ได้อยู่กับคุณชาย เขาจะเฉยชา หรือตายด้านก็ช่างเถอะ..
แต่เขาดันไม่ตายอด้านนี่สิ...อืมเรื่องนั้นเอาไว้พูดทีหลัง
คุณชายดันทำเรื่องที่พาให้ผมอ้าปากจนต้องโดนตบหัว ใครจะไปคิดคนที่ไม่เคยสนใจวันๆผมต้องเป็นฝ่ายรุกอยู่คนเดียว คุณชายที่เห็นกองงานกับโทรศัพท์ดีกว่าผม คนนั้นจะจูงมือผมขึ้นรถมาที่ภัตาคารหรู
เฮ้ยนี่ผมฝันไปหรือเปล่า ผมตบหน้าตัวเองหลายครั้งจวบจนถูกสเต้กปลาที่หั่นกระทุ้งใส่ปาก ความเจ็บปวดของส้อมที่พรวดเข้ามาทำให้ลืมตาตื่น
เป็นวิธีป้อนข้าวที่ซาดิสโครตๆ...
“ทำไมเป็นปลาละครับ” ผมไอค่อกแค่กอยู่หลายครั้งกว่าจะตั้งสติได้ทัน คุณชายเก้าเท้าคางเหลือบมองผมด้วยนัยน์ตาคุ่งาม ริมฝีปากสีชมพูเหยียดออก
“เผื่อจะช่วยเรื่องเซลล์สมอง”
นี่พาผมมาเดทจริงหรือเปล่า ความหวานมันไปไหนหมด มีแต่คำจิกกัด
“บู่ว ผมไม่ได้โง่ขนาดนั้นสักหน่อย” ผมเชิดหน้าขึ้น อ้าปากออดอ้อนเขา “คุณชายป้อนผมอีกทีสิครับ ไม่เอากระแทกใส่ปากแล้วนะ คุณนี่ดีแต่ทำร้าย บนเตียงก็กระแทก บนโต๊ะยังกระแทกอีก”
“นายชอบไม่ใช่หรือไง ยิ่งตอนที่ทำแรงๆจะตื่นตัวเป็นพิเศษ” คุณชายคนงามหยอกเย้าจนผมกัดฟัน ...ถึงปากจะจิกกัดด่าผมแต่มือก็หั่นเสต็กปลาเป็นชิ้นให้
แต่ขอโทษเถอะครับ แถวบ้านผมมันไม่เรียกว่าตื่นตัวเป็นพิเศษ เขาเรียกว่าเจ็บจนสะดุ้งต่างหากละ ผมอยากเถียงสุดใจขาดดิ้นแต่คุณชายกำลังหั่นปลาให้ผม เกรงว่าถ้าเถียงปุ๊บ มีดที่หั่นปลาอาจได้มาหั่นผม
“คุณชายน่ารักจังเลย วันนี้” ผมปลาดปลื้มใจจนจะก้มลงไปขอบคุณพระเจ้า คุณชายทำตัวน่ารัก ถึงปากจะจิกกัดด่า แต่ก็ยอมป้อนให้ผมดีๆ เนื้อปลาหวาดเลิสรสยิ่งมาจากมือคนสวยยิ่งทำให้มันหวาดหยาดเยิ้มจนแทบจะละลาย
“นานๆทีก็มห้อาหารสัตว์บ้าง” นิ้วเรียวยื่นมาแตะที่มุมปากของผม คุณชายใช้นิ้วโป้งเช้ดคราบซอสของปลาที่เลอะ ก่อนที่จะดึงกลับใช้ลิ้นนุ่มเลียซอสที่ติดปลายนิ้วทำท่าครุ่นคิด
“อืม รสจืดไปหน่อย ต่อไปเอาเนื้อดีกว่า”
แม่งงงงงง หัวของผมแทบจะระเบิด ท่วงท่าที่เลียซอสติดนั้นโครตจะเซ็กซี่ โอยคุณชายผมวันนี้แม่งน่ารักไปแล้ว น่ารัก น่ารัก อยากจะกอดเอาไว้ทั้งตัว
“คุณชายผมก็จะป้อนคุณมั่งนะ” ผมคว้าเอาชามสเต็กปลาจากคุณชายบรรจงหั่นเนื้อปลาชิ้นเล็กจิ้มขึ้นมาใส่ปากของตัวเอง ชะโงกหน้าไปหาคนฝั่งตรงหน้า จูบเบาๆที่ริมฝีปาก แทรกสอดลิ้นเข้าดพรงปากอุ่น ดันเนื้อปลาที่ฉ่ำไปด้วยซอสและน้ำลายของผม ควานมอบความรันจวนก่อนที่จะละออกมา ทอดทิ้งสายใยสีใส
“หึ หึ หึ” อร่อยไหมครับ” ผมแลบลิ้นซุกซน คุณชายเลิกคิ้วก่อนที่จะคลี่ยิ้ม
“นั่งเฉยถ้ายังอยากกินข้าวอยู่” คุณชายโบกมือให้กับบริการสาวที่มองพวกเราน้ำลายเยิ้ม ...เจ้าหล่อนถือถาดด้วยมือสั่นระริกพาให้ผมเบือนหน้าหนี...
ผมเจอด้วงวายหนึ่งตัวแล้วครับ...
“จริงๆผมอยากกอดคุณซะเดี๋ยวนี้ แต่ว่านานๆทีเราจะได้ออกมาข้างนอก ผมจะยอมเป็นเด็กดีคร๊าบ” ผมหัวเราะเสียงร่าเริงรู้สึกอิ่มเอิมใจ คุณชายแม้จะไม่เคยเอาอกใจผมแต่เขาก็ทำอะไรหลายอย่างเพื่อผม ไหนจะพาผมไปโรงพยาบาลแม้ว่าดวงตาคู่นี้จะไม่อาจรักษาให้หาย
“รู้ตัวก็ดี” ผมชายนั่งมองผม มือเรียวพลักไวน์องุ่นขาวมาให้ ผมหยิบมันขึ้นมาหมุนวนมองแก้วในมือของเขา
“ทำไมถึงต้องเป็นไวน์ขาวละครับ”
อย่างผมควรจะเป็นสีดำแท้ๆ... สีดำที่มืดมิดที่สุด
“ฉันชอบกิน” คุณชายว่าพร้อมกับยกมันขึ้นดื่ม ผมหัวเราะผมรู้ว่าเขาไม่ได้ชอบกินมัน
“สีขาวเหมาะกับนายน้อยสามดีนะครับ” ผมดมไวน์กลิ่นหอมหวาน ก่อนที่จะจิบความหวานผสานกับความซ่าเล้กน้อย ตามด้วยการดื่มมันจนหมดในรวดเดียว
“ไม่ใช่อย่างที่นายคิดเสียหน่อย” คุณชายเก้าถอนหายใจยื่นแก้วให้บริกรเติมปรายตาคุ่สวยมองผม “ก็แค่คิดว่ามันหวานอมซ่า...แฝงไปด้วยรสชาติหวานของผลไม้ ความซ่า มอมเมาด้วยรสแอลกอฮอล์หน่อยๆ...”
“ฮ่าๆ” ผมหลุดหัวเราะออกมาทุบโต๊ะอย่างบ้าคลั่งในใจรู้สึกขำพร้อมกับอิ่มเอิม
“ถ้านายยังหัวเราะวันนี้ฉันจะเอาให้แหก...”
เสียงเรียบขู่พาให้ผมเอามือตะครุบปากตัวเอง ...ไม่อยากถามเขาว่าอะไรแหก.... ผมยังห่วงสวัดิภาพช่วงล่างของตัวเอง ..อยู่กับคุณชายเก้ามันใกล้จะพังเต็มทนแล้วละครับ
“ผมขอแค่อยู่กับคุณไปตลอด จะเทสกาล หรือของอะไรก็ไม่ต้องการทั้งนั้น” ผมตัดสเต็กเนื้อหั่นเป็นชิ้นๆส่งถาดกลับคืนเขาเอื้อมมือไปหยิบจานเสต้กเนื้อสันในอีกจานข้างเคียง
“นั่นมันเรื่องของนาย” คุณชายหยิบจานเสต็กที่ผมหั่นแล้วใช้ส้อมจิ้มลงยังเนื้อฉุ่มช่ำตัดเนื้อรสเลิสเข้าปาก ปลายลิ้นสีชมพูเลียส้อมเบาๆราวกับจะยั่วยวนผมอยู่
ตลอดมาผมเป็นฝ่ายยั่วเขา แต่พอเขาเป็นฝ่ายยั่วหกลับผมแทบตบะแตก
“คุณชายแกล้งผมอยู่ใช่ไหม”
กลับบ้านเลยได้ไหม เราไปฟัดกันต่อบนเตียงก็ได้ถ้าคุณขะเซ็กซี่ขนาดนี้
“เปล่าสักหน่อย” คุณชายคลี่ยิ้ม เขาแกล้งผมอยู่จริงๆ นิ้วเรียวยาวของเขายกแก้วไวน์ขึ้นมาอีกครั้งหมุนวนมองดูของเหลวในแก้วนั้น “ เฮยเสียจื่อฉันอยากพานายมากินข้าวข้างนอกด้วยกัน เดินเที่ยวกันบ้าง ไม่ใช่อยู่แต่บนเตียงกับนาย”
“นึกว่าคุณชายชอบโทรศัพย์กับกองงาน แล้วผมเป็นสัตว์เลี้ยงเสียอีก” ผมหยอกเขา คุณชายหัวเราะเบาๆ มันเป็นบรรยากาศที่หวานระคนอึดอัดในคราเดียวกัน
“ก็ไม่ผิด” คุณชายเก้าหลับตาราวกับลำรึกความหลังครั้งก่อน “ฉันเป็นคนที่ทำอะไรต้องรอบคอบ คิดการไกล ถูกเลี้ยงดูมาโดยให้ไร้ใจ ...แต่ความจริงกลับทำไม่ได้”
“มันเป็นไม่ด้อยู่แล้ว ตราบใดที่เรายังเป็นสิ่งมีชีวิตอยู่ ตราบใดที่หัวใจดวงนี้ไม่มีทางที่จะทำตัวเป็นสิ่งของได้หรอกครับ เขาว่ากันว่ามนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีอารมณ์ความรู้สึกมากที่สุดด้วย” ผมหัวเราะพลางมองดูเขา ... “ความจริงแล้วคุณใจดีนะครับ คุณชาย”
“คงเป็นอย่างที่นายพูด ทำไม่ได้คือทำไม่ได้ “ คุณชายถอนหายใจ เอื้อมมือมาแตะใบหน้าของผม นิ้วยาวเรียวลูบไล้มันให้ความรู้สึกดีเสียจนพาให้เคลิบเคลิ้ม
“คุณชายวันนี้ใจอ่อนไปนะครับ” ผมหัวเราะมองดูเขา คุณชายเก้าเป็นคนเด็ดขาดแต่วันนี้เขากลับทำอะไรไม่เด็ดขาดเอาเสียเลย
“ใช่ วันนี้ฉันไม่สมเป็นคุณชายเก้า แต่ท่าทีแสดงให้นายเห็นคนเดียว...ไม่ได้หรือ?”
แม่ง ผมอยากจะทุบโต๊ัแล้ววิ่งไปกอดเขาเหลือเกิน....
ได้สิ ได้หมดนั่นละครับ คุณชายแม่งจะน่ารักเกินไปแล้ว
“ดีจังเลย ผมอยากจะเห็นท่าทีแบบนี้ตลอดไปนะครับ คุณที่ไม่สมเป็นคุณ ท่าทีแบบนี้แสดงให้ผมเป็นพิเศษคนเดียวนะครับ”
ความอบอุ่นในใจพลันบังเกิด ผมไม่ใช่คนใสซื่อดังนั้นจึงรู้ดีว่าคำว่าพิเศษของคุณชาย มันแตกต่างจากธรรมดามากมายเหลือเกิน
เขาจะแสดงความอ่อนแอให้ผมเห็นคนเดียว
“คุณชายเก้าแบบนี้จะดีหรือ ...คุณพร้อมที่จะมีจุดอ่อนแล้วใช่ไหม”
คำว่าพิเศษสำหรับเราสองคนมันคือความน่ายินดีและน่าหดหู่ไปพร้อมกัน
“ตอนนี้ผมไม่ใช่จุดอ่อน แต่อีกหน่อยคงจะใช่ ถึงตอนนั้นผมอาจจะทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ทำให้คุณลำบาก” ผมเขี่ยเนื้อในชาม ความอยากลดลงทุกครั้งที่นึกถึงตัวเองในอนาคต
มันกำลังใกล้เข้ามา ..
“นั่นนายคิดไปเอง เอาแต่คิดเองเอออเอง ฉันเป้นใคร ผู้ชายตระกูลเซี่ยล้วนคิดอะไรรอบคอบทุกอย่างอยู่แล้ว แม้ว่าการได้นายมาจะเป็นการบังเอิญ แต่ในเมื่อฉันบอกว่าจะเลี้ยงก็คือเลี้ยง ฉันวางแผนทุกอย่างเอาไว้หมดแล้ว ฉันไม่ใช่พวกที่อยากจะเลี้ยงก็เลี้ยงโดยไม่อ่านคุ่มือการเลี้ยงสัตว์หรอกนะ” คุณชายจิ้มเนื้อในชามของตัวเองใส่ลงในชามผม มือเรียวคว้าเอาเมนูมาเปิด “ว่าแล้วหัวอย่างนายต้องกินปลาเพิ่ม”
“หึ หึ หึ วันนี้คุณพูดมากจัง” ผมใช้ส้อมจิ้มเนื้อที่เขาเขี่ยลงชามของผม “คุณไม่ชอบพวกเทศกาลแบบนี้ไม่ใช่หรือ”
“ใช่ไม่ชอบ แต่นายชอบ ดังนั้นเลยคิดว่าจะลองไล่ต้อนคนที่เอาแต่หนี “ คุณชายเหลือบตามองมก่อนที่จะหันหน้าไปทางอื่น “สุดท้ายนายก็ยังเอาแต่หนี”
“นั่นสิครับ ก็ผมเป็นงูจอมเลื้อยนะครับ เอ๊า แล้วทีนี้จะทำยังไงดีละ หึ หึ หึ” ผมยื่นมือไปแตะพวงแก้มใสของเขา คุณชายจับมือของผมเอาไว้ออกแรงบีบเสียจนเจ็บพวกเรามองตากันและกันพร้อมกับอารมณ์ที่พลุ่งพล่าน
“คงต้องกอดเอาไว้ไม่ให้หลุดกระทั้ง”
สุดท้ายคืนคริสมาสอีฟของพวกเราก็จบลงที่เตียงนุ่มผมหอบหายใจรองรับความแข็งขืนของเขาที่รุกล้ำมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า อ้อมกอดสวยงามที่โอบกอดนั้นรัดแน่นกว่าเดิม เสียจนแทบหายใจไม่ออก คล้ายกับจะได้รับความรักอย่างเต็มที่
ผมอ้อนเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าท่ามกลางสติอันพร่าเลือนในรสรัก
ที่จริงแล้วจะยังไงก็ได้ ขอแค่ได้อยู่กับคุณก็พอ.....
ถ้าสักวันหนึ่งผมจะเป้นจุดอ่อนของคุณ ทำอะไรไม่ได้ และคุณยังไม่ยอมปล่อยมือคู่นี้...คุณก็ช่วยเอาผมไว้ในที่ไม่มีใครหาเจอทีนะครับ...ถ้าทำแบบนั้นจะไม่มีใครหาผมเจอ
ผมยินยอมให้คุณลิดรอนอิสรภาพ
แต่ว่าคุณก็คงไม่ทำใช่ไหมละ..เพราะคุณเป้นคนใจดี
คืนคริสมาสอีฟ คืนที่อวยพรให้แก่กันในวันของพระเจ้า ค่ำคืนที่หนาวเหน็บด้วยหิมะที่พร่าพรู แต่ผมกลับไม่หนาวเลยก็ถูกคุณให้ความรักจนร้อนแบบนี้ยังไง
ถ้าผมจะถาวนาเพื่ออยู่เคียงข้างคุณจะเป้นการขอที่มากเกินไปไหมครับ..
ผมหัวเราะคละเคล้าไปกับรสชาติกามรมณ์ จูบเขา ก่ายกอดกันจนเหน็ดเหนื่อยกันทั้งคู่
************************************
ผมเป้นคนชินชากับการใส่แว่นตาเพราะตาของตัวเองแพ้แสง มันเคยมองเห็นได้ชัดกว่านี้ แต่มาวันนี้สิ่งรอบด้านช่างพร่ามัว มองเห็นได้แต่ข้างหน้า ..ด้านข้างเหลือบสายตามองไม่เห็นดังนั้นผมจึงใช้การสัมผัสเข้าช่วย...
ผมรู้ตัวดีว่าตาของตัวเองอีกไม่นานคงจะไม่อาจมองเห็นอะไรได้อีก
บางทีการสัมผัสก็ไม่ทดแทนดวงตาได้ทั้งหมด
“อือ” ผมรู้สึกได้ถึงสัมผัสคุ้นเคยของใครบางคนที่เอื้อมมือผ่านผมไปจับยังแว่นตาดำที่วางไว้บนหัวนอน ผมลืมตาอย่างเชื่องช้าเห็นยังใบหน้าคุ้นเคยของตัวเอง นัยน์ตาสีประหลาดนั้น...หากไม่ได้กลิ่นหอมเจือจางและสัมผัสอันคุ้นเคยผมคงจะหยิบปืนมายิงทิ้งเสียแล้วละ
“อรุณสวัสดิครับคุณชาย นึกอะไรขึ้นมาถึงได้ปลอมเป็นผมละครับ” ผมคลี่ยิ้มมองคุณชายเก้าในร่างของตัวเอง เขาสวมใส่หน้ากากใบหน้าของผม เรือนร่างนั้นหันมามองผม เขาหยิบแว่นกันแดดสีดำสนิทสวมใส่ปิดบังสีนัยน์ตาที่ผมรังเกียดนักหนา
“ก็แค่ลองดู เป็นยังไงบ้าง” คุณชายเหลือบตามองมาทางผมพาให้ผมหัวเราะพรืด
“ใช้ไม่ได้ครับ!” ผมยกตัวขึ้นพิงกับหัวเตียง เรือนร่างเปล่าเปลือยเสียดสีกับผ้าห่มเอียงคอทำท่าครุ่นคิด “ผมไม่ได้นิสัยเย็นชาแบบนั้นเสียหน่อย ร่าเริงหน่อยสิครับร่าเริง ยิ้มหน่อยเร็ว “
“หึหึ” คุณชายเก้ายิ้มเริงร่ามันเป็นรอยยิ้มที่ผมอยากให้ไปอยู่บนใบหน้าของเขามากกว่าบนใบหน้าของผม อ๊า เสียดายชะมัก
“คุณดูหล่อมากเลยครับในร่างนี้ หึหึ ผมมันหน้าตาดีใช่ไหมละก็ปกติคุณสวยกว่าผู้หญิง หาความหล่อไม่เจอ “ ผมพูดไปก็นึกถึงเรื่องสำคัญที่สุดขึ้นมาได้ มองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยรอยยิ้ม “ที่สำคัญที่สุดนะครับคุณชาย ผมไม่ได้เตี้ยแบบนี้นะครับ หึหึ วิชาหดกระดูกไม่ช่วยให้สูงหรือไงครับ! ฮ่าๆๆๆๆๆ”
ผมกุมท้องตัวเองรู้สึกว่าอารมณ์ขันได้ถูกปล่อยออกไปจนแทบหมด คุณชายในร่างของผมเตี้ยกว่าถึงหนึ่งช่วงตัว ให้ตายผมเห้นตัวเองเตี้ย...ถมยังตัวบางลง ...
“หึ ดูนายคึกดีนี่เฮยเสียจื่อ “คุณชายเก้าขยับแว่นดำบนใบหน้า เหยีดยยิ้มชั่วร้ายด้วยใบหน้าของผม พาให้ผมรู้สึกขนลุก
“คุณชายยย คุณยิ้มได้ชั่วร้ายมาก ไม่เหมือนผมเลยสักนิด อย่าเอารอยยิ้มแบบบอสตัวสุดท้ายที่น่าสะพรึงมาใช้กับใบหน้าผมได้ไหมครับ “หลังของผมเสียววาบ ความหลัวผุดขึ้นในหัวใจ และยิ่งแน่ใจเมื่อใบหน้าแบบเดียวกับตนเองเข้ามาในระยะประชิด
“ท่าทางนายยังไม่หมดแรงสินะ ยังคึกคักน่าดูฉันยังมีเวลาอยู่หน่อย” คุณชายเก้าถอดแว่นบนใบหน้าวางไว้บนหัวเตียง เรือนร่างที่คล้ายกับผมคร่อมทาบทับอยู่ด้านบน มือเรียวรวบข้อมือผมใช้เข็มขัดรัดมันโดยไม่ทันได้ตั้งตัว เท่านั้นก็ได้แต่กรีดร้องในใจ
ชิบหายวายวอด...
“เดี๋ยวๆๆๆๆ ขอเวลานอก” ผมร่ำร้องในยามที่กำลังจะเสียประตูหลัง...รู้ดีว่าการลงโทษของคุณชายน่ากลัวขั้นช่วงล่างพังไปสามวัน “อย่างน้อยก็ช่วยถอดเอาหน้าผมออกไปก่อนสิครับ! แบบนี้มันเหมือนผมมีอะไรกับตัวเอง ไม่เอานะคุณชาย “
แบบนี้ก็เหมือนผมช่วยตัวเองนะสิ!
“นายบอกว่าใบหน้าของนายดูดี หล่อไม่ใช่หรอ แล้วจะให้ถอดออกหรือ ไหนว่าหน้าตาหล่อกว่าฉันไง และที่สำคัญไม่เตี้ย”
ชิบหาย...คุณชายแม่งอาฆาตแรง
ผมดีดดิ้นอยู่ใต้ร่างเขาได้ไม่กี่นาทีก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นร้องครางระงม ถูกสอดใส่อย่างรุนแรงซ้ำแล้วซ้ำเล่า ...เกือบจะสลบคาอกไปครั้งหนึ่งก็ถูกปลุกด้วยแรงกระแทกที่รุนแรง สุดท้ายก็ได้เข้าใจถึงคำว่า ...สลบคาอก เป้นครั้งแรกในชีวิต
ทำไมพวกเสี่ยรวยๆถึงได้บอกว่าอยากจะสลบคาอกอีหนูให้มีความสุข ผมไม่เห็นความสุขสักนิด....รู้สึกเหมือนสะโพกจะพัง...ไม่สิคงพังไปแล้ว
สุดท้ายก็ได้แต่น้ำตาตกจนเหือดแห้งไปหมด
คุณชายแม่งใจร้ายแค่แซวว่าเตี้ยเอง...
*********************************************
มันหลับไปแล้วไม่สิ...ถ้าพูดให้ถูกคือสลบ เซี่ยอวี้ฮัวเหยียดยิ้มรู้สึกว่าการออกกำลังกายหนักๆก็ไม่เลวเหมือนกัน ...ช่วงนี้ไม่ว่างไปยิมได้มาออกกำลังกับเจ้างูเสียแทน
ร่างบางกระชับเสื้อโค้ดสีดำของเฮยเสียจื่อ หยิบอาแว่นตากันแดดบนหัวเตียงขึ้นมาสวมใส่ฟิมล์กันแดดหนาจนมองแทบไม่เห็น ...โลกอันมืดมิดที่เจ้านั่นสัมผัสทุกวันคือเช่นนี้หรือ
โชคดีที่เขาเป้นผู้เรียนวรยุทธและฝึกฝนมานานทำให้ไม่จำเป้นต้องพึ่งแต่สายตาอย่างเดียว...มือเรียวจับแว่นตากันแดด มันหนาขึ้นเรื่อยๆ ....ฟิมล์กรองแสงเกินกว่าจะเป้นแว่นตากันแสง ราวกับว่า ...จะเป้นสิ่งเอาไว้ปกปิดความชำรุดมากกว่า
ทำไมเขาจะไม่รู้ถึงสายตาที่นับวันจะยิ่งย่ำแย่ลง ทำไมจะไม่รู้ว่ามันแอบไปโรงพยาบาลมาหลายครั้ง ต่อหน้าเขาเจ้างูกลับไม่มีอาการป่วยให้เห็นสักนิด มีเพียงความร่าเริงออดอ้อนเขาน่ารักสมเป็นสัตว์เลี้ยง ...
ไม่ทิ้งหรอกนะ ฉันไม่ใช่พวกทิ้งสัตว์ป่วยนะ
กว่าจะปราบเจ้าตัวแสบให้หุบปากได้ก็เป้นเวลายามเย็น ....ผมส่องตัวเองในกระจกเหยีดยยิ้มร่าเริง ปลอมแปลงเป็นนายแว่นแสนขี้เล่น เท้าเดินไปยังบาร์ประจำของหมอนั่น
เฮยเสียจื่อคิดว่าผมจะไปหานายน้อยสาม เพราะอย่างไรเสียเขาก็เคยมีศักดิ์เป็นอาจารย์ของนายน้อยสาม หากจะสอนสั่งอะไรอู๋เสียคงจะยอมรับฟัง
แต่ไม่ใช่หรอกนะ จุดประสงค์ของผมไม่ใช่เพื่อใช้ร่างของอาจารย์เฮยเสียจื่อสอนนายน้อย...
เขาว่ากันว่ามีเมียเด็กต้องคอยตรวจสอบ คำนี้อาจจะใช้ได้กับเมียหน้าเด็กด้วย
ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนเจ้านั่นก็จะมีใบหน้าเท่าเดิมตลอดมีเพียงผมที่แก่ตัวลงเรื่อยๆ ....อีกอย่างผมยังไม่เคยเห้นสังคมของมันสักครั้ง ...เผื่อวันดีคืนดีงูมันเลื้อยหายจะได้หาได้ถูก
“ไฮเป้นไงเฮยเสียจื่อพักนี้ไม่เห้นหน้าเลยนี่” เพียงพริบตาที่ผมเหยียบย่างเข้าร้านเสียงทักทายก็เข้ามาไม่ขาดสาย ผมแลบลิ้นพราวเสน่ห์แบบที่หมอนั่นทำ หย่อนตัวลงยังเคาเตอร์หน้าบาร์
หมอนี่ร่าเริง ทำงานดี เป็นมิตรดังนั้นคนมากมายจึงค่อนข้างชอบเขา
“พี่เฮยจ๋า” น้ำเสียงหวานหยดเยิ้มดังขึ้นก่อนที่หน้าอกใหญ่โตของสาวนางหนึ่งจะแนบเข้ามาข้างหลังของผม “แหมเข้ามาไม่ทักไม่ทาย ไม่หอมเขาแล้วหรือ”
เฮยเสียจื่อ!..
ผมคาดโทษเอาไว้ในใจ ยื่นหน้าไปหอมแก้มนุ่มของหญิงสาว โดนเธอพัวพันแทบตาย ไม่เพียงแค่คนเดียว แขนข้างซ้ายก็โดนสาวอีกนางเข้ามาหา พลางยื่นแก้มให้หอม..
ไอ้งูบ้า!
ผมรู้สึกว่าหนังตาตัวเองกระตุกรีบหยอกล้อพลักพวกเธอออกราวกับเล่น โชคดีที่เพื่อนของเฮยเสียจื่อราวสองสามคนเข้ามานั่งข้างเคาเตอร์ชวนคุย พวกเธอถึงได้ยอมไป ไม่วายเรียกให้หาที่ร้านอีก
นายตายแน่...จะขังลืมไปวันหนึ่งเลย
“เฮ้ นายเป็นไงช่วงนี้เงียบๆไปเลย แถมไม่ยอมรับงานลงกรวยไกลๆอีก ไม่มีนายแล้วเหงาแย่เลยนะเว้ย” ชายวัยกลางคนเอื้อมมือมาตบที่หลังของผมเรี่ยวแรงหนักหน่วง
“ก็ยุ่งอยู่กับร้านไง นายก้รู้ฉันเปิดร้านขายแว่นอยู่” ผมหัวเราะแลบลิ้นดุซุกซนเป้นท่าทางแระจำที่มันจะอ้อนคนยามขอโทษ
“ไอ้ร้านนั้นนะไม่ดีเท่าลงกรวยหรอก ขาดนายไปแล้วเหงาชะมัดจริงไหม หยาง” เพื่อนของเฮยเสียจื่ออีกคน หันไปพูดกับชายผมสีน้ำตาลเข้ม เขาพยักหน้าพลางเอนตัวพิงกับเคาเตอร์บาร์ สั่งเครื่องดื่มมาสองแก้ม
“เอ๋ จะเลี้ยงฉันหรือวันนี้นายใจดีชะมัดเลยวะ” ผมเลียนท่าทางของนายแว่น ทำทีเป้นหยอกล้อเขาแต่คนที่ชื่อหยางกลับพยักหน้า
“ช่วงนี้ไม่ค่อยเจอถือว่าเลี้ยงให้กับมิตรภาพของเรา”
มิตรภาพ..บ้านไหนกัน... ผมจดคาดโทษเจ้างูเอาไว้ในใจ
“เฮ้ยหายากนะเว้ย” เพื่อนคนแรกของเฮยเสียจื่อเข้ามาโอบไหล่ผม อีกคนที่อยู่ข้างซ้ายก็จิ้มแก้มผม ท่าทางหยอกเย้า...ส่วนคนที่หยางก็เล่นหัวจนยุ่งไปหมด ทำให้ผมรู้ว่า ...วันๆหนึ่งสัตว์เลี้ยงผมโครตจะเปลืองตัว
ช่วยไม่ได้ใครใช้ให้มันเป็นคนที่ชอบเข้าถึงตัวเนื้อตัวคนอื่นกันเล่า
นอกจากสามคนนี้ยังมีคนอื่นที่มาเล่นเจ้างูของผม แต่เท่าที่คุยก้วยเห็นจะมีแค่สามคนนี้ที่ได้ร่วมงานกันบ่อยที่สุด ผมจึงลอบสังเกตุชื่อ คนแรกที่ทักผมชื่อว่าหลิ่งเหอ ส่วนคนที่สองชื่อ หลี่ซ่าน ผมแกล้งทำเป็นเปลี่ยนมือถือใหม่ การคว่ำกรวยทำให้มือถือร่วงไป เมมเบอร์พวกทั้งสามคน
“ตอนนี้นายยังแชร์ห้องกับนายใบ้จางอยู่หรือเปล่า เห็นว่าเขาย้ายออกไปแล้ว” หยางเอ่ยทักขึ้นพาให้ผมนึกถึงห้องพักที่บริษัทจัดหาให้ ผมซื้อบ้านให้มันหมอนั่นยังไม่คืนห้องเช่าไปอีกหรือ
“โอ๊ยหยางนายตกข่าวไปแล้วหมอนั่นมันไปเช่าบ้านแล้ว” หลิ่งเหอแซวผมไปกระทุ้งแขนผมไป คำพูดที่พาให้ผมรู้สึกหงุดหงิด
บ้านเช่าอะไร ฉันซื้อให้มันเลยต่างหาก
“บ้านเช่ามันแพงไม่ใช่เรอะ” หยางขมวดคิ้ว “ถ้านายอยู่คนเดียวห้องเช่าก็ได้ แชร์กับฉันไหมละ”
“เห บ้านเช่าหรือ ฉันบอกว่าห้องเช่าหรอ” ผมหันไปถามหลิ่งเหอ แต่เขากลับขมวดคิ้ว
“ก็นายบอกฉันเองนี่ว่าเป็นของคนอื่นตอนนี้นายเช่าอยู่”
คิ้วของผมกระตุก จดความผิดของมันเข้าไปอีกกระทง กลับบ้านเมื่อไรตาย...
“เอาน่า ตอนนี้ฉันคงอยุ่ที่นั่นสักระยะ” ครั้นพูดออกไปหยางก็เข้ามาขยี้ผมจนยุ่งไปหมด...ผมหัวเราะ รู้สึกไม่ชอบพากล จดชื่อหมอนี่ลงลิสไปอีกราย
คิดว่าควรได้เวลาขอตัวหลังก็โดนหน้าอกนุ่มเข้าชนเต็มที่ ครั้นหันไปก็พานพบกับใบหน้าหวานฉ่ำ ผมแซกกลางซอยสั้น เป็นทรงผมของผมในร่างของเซี่ยอวี้ฮัว...เรือนผมสีน้ำตาลอ่อนกับนัยน์ตาเรียวสีน้ำตาลมีส่วนคล้ายคลึงผมเล็กน้อย
“เฮย เฮย เดี๋ยวนี้ไม่มาซบอกเขาเหงาน๊า ไหนเคยบอกว่าฉันน่ารักไง” ริมฝีปากสีชมพูกรีดยิ้มพาให้ผมรู้สึกอยากจะระเบิด...
“อื้อช่วงนี้ไม่ว่างนะ” ผมปฏิสธแต่เธอยังพัวพันไม่เลิก เข้ามาจูบผมหนึ่งที
“เฮย เฮยนี่ละก็ คราวก่อนยังมาซบอกฉันบอกว่า จะมาเป็นลูกค้าประจำไง เมื่อช่วงปีก่อนมาหาฉันทุกวันเลยพอตอนนี้ไม่มาเลยเขาเหงาน๊า”
อ้อ...รู้แล้วว่าตอนที่ผมไล่มันเพื่อทำงานมันแอบดอดมาอ้อนคนอื่นนี่เอง...
ขังลืมสามวัน...
“ไว้วันหลังนะ” ผมบอกปัดเธอไปเดินออกจากร้านแต่แขนกลับถูกหยางรั้งเอาไว้
“แล้วเจอกันนะ”
“อื้ม แล้วเจอกันตอนนี้ฉันมีธุระ แล้วเจอกันใหม่” ครั้นลาเสร็จผมก็ถอยออกมาแต่เขากลับรอที่เดิม จนกระทั่งนิ้วนั่นจิ้มที่แก้มผมถึงกัดฟัน
นี่นายไปหอมชาวบ้านชาวช่องเขาด้วยเรอะ..
“หยางฉันว่าพวกเราอาจต้องมีเรื่องคุยกัน” ผมโอบคอร่างสูงกว่าก่อนที่จะเหยีดยยิ้ม ....
ไหนแล้ววันนี้ก็ขุดรากถอนโคนแม่งทั้งร้านเลยละกัน...
*****************************
โจเป็นผู้คุ้มกันคุณชายเซี่ยมานานแสนนาน ...เขารู้ดีว่าคนตระกูลเซี่ยมักมีเรื่องแปลกคนละอย่างสองอย่าง สำหรับคุณชายเซี่ยคนใหม่นั้น มีเรื่องแปลกแค่ไม่กี่เรื่อง จะแปลกก็คงเป็น...
“หัวหน้าครับ เห็นคุณเหลียนฮวาไหมครับ” คนคุ้มกันในหน่วย 3 เข้ามาถามผม ผมขมวดคิ้วพวกเราต่างรู้กันว่าเหลียนฮวาคือดอกบัว เป็นดอกไม้แห่งการอำนวยให้มีบุตร..
หรือก็ตำแหน่งของนายหญิง...
พวกเราไม่สามารถเรียกว่านายหญิงได้ ไม่ว่าจะด้วยอะไรอีกอย่างน้ำหน้าอย่างเจ้านั่นสมควรเรียกท่านชายแล้วให้คุณชายเราเป็นนายหญิงจะดีกว่า ทว่าขืนเรียกแบบนั้นพวกเราทั้งหมดได้หัวกุด ทุกคนในบ้านต่างรู้ดีว่าแท้จริงเจ้าสัตว์เลี้ยงตัวโตนั้นอยู่ในฐานะอะไร
เหลียนฮวาที่ไม่สามารถอวยพรให้มีบุตรได้..
ผมครุ่นคิดถึงครั้งสุดท้ายที่เห็น ....เมื่อสามวันก่อนคุณชายโทรศัพท์ให้ผมมาเคลียค่าเสียหายของบาร์เล็กที่เป็นแหล่งชุมนุมของพวกคว่ำกรวย มันเป็นบาร์ชั้นต่ำเลยไม่เสียเงินมากนัก
“ดุเหมือนว่า เหลียนฮวาคงจะออกมาไม่ได้ราวอาทิตย์ หรือเป็นเดือน”
“อ้อ ...คุณชายโกรธหนักเลยสินะ” หมอนั่นพยักหน้าทุกคนในบ้านเริ่มชินชากับการที่คู่รักบ้าบอจะทะเลาะกันได้ทุกวัน หรือการที่เหลียนฮวาไปยั่วโมโหคุณชายใหย่จนโดนขังลืม
“แย่เลยอุตส่าห์เอาปูมาฝาก”
“อย่าให้คุณชายรู้เชียว ถึงจะไม่ได้คิดอะไรแต่คุณชายเป็นคนหวงของ เขไม่ชอบใช้ของร่วม ของที่ต้องการกลิ้งไปชนคนอื่นก็ไม่ชอบ”ผมรู้สึกหนักใจกับรสนิยมของคุณชายเก้า แต่ทำอะไรไม่ได้ เขาว่ากันว่า ตระกูลเซี่ยมักมีรสนิยมพิลึก และทำตัวประหลาด ก็แค่คุณชายเก้าคนใหม่มีความประหลาดอย่างเดียวเอง
“...ผมพูดได้ไหมครับ”
“ไม่ได้ นั่นเป็นคำต้องห้าม”
พวกเราถอนหายใจให้กับความปากไม่ตรงกับใจ...
เอาเถอะขอให้เหลียนฮวาของเราสู้ๆหน่อยแล้วกัน...ถึงจะมีลูกไม่ได้แต่ตั้งแต่มีดอกเหลียนฮวาคุณชายก็ร่าเริงมากขึ้น กินข้าวมากขึ้น บรรยากาศในบ้านก็พลันสดใสขึ้น...
ถึงแม้ว่าเขาจะทำให้คุณชายเสียการเสียงานแต่คุณชายก็ไม่ต้องพึ่งยานอนหลับอีกต่อไป
บางทีการได้เห็นรอยยิ้มที่แท้จริงของผู้เป็นนายก็ทำให้ผมลืมเรื่องกองงานที่ตั้งอยู่บนโต๊ะไปบ้าง
end
kuramajoy- ด้วงต้นไม้เทพเจ้า
- จำนวนข้อความ : 206
Points : 3771
Join date : 27/10/2014
Re: [Drabble] รวมหนาวเดอะซีรีย์ 10 (ฮัวเฮย/ผิงเสีย)
โธ...พี่โจ...ลำบากแย่เลยนะคะ
คุณชายเก้าแม่งน่ากลัว ถึงกับต้องทำขนาดนี้เลย...นี่มันแรงยิ่งกว่าการสตอล์กอีก
แล้วอะไรคือการจดลิสต์ไว้ในใจ... พร้อมกับคำว่า แหก ขังลืม ลุกออกจากเตียงไม่ได้...อิแม่...
เป็นเฮยเฮยต้องอดทนคนงามพุ่งชนต้องไม่ตาย...
คุณชายเก้าแม่งน่ากลัว ถึงกับต้องทำขนาดนี้เลย...นี่มันแรงยิ่งกว่าการสตอล์กอีก
แล้วอะไรคือการจดลิสต์ไว้ในใจ... พร้อมกับคำว่า แหก ขังลืม ลุกออกจากเตียงไม่ได้...อิแม่...
เป็นเฮยเฮยต้องอดทนคนงามพุ่งชนต้องไม่ตาย...
The_Dark_Lady- ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ
- จำนวนข้อความ : 301
Points : 3634
Join date : 21/06/2015
Age : 29
ที่อยู่ : On the Land, Below the sky
Similar topics
» [Drabble] รวมหนาวเดอะซีรีย์ 9 (ฮัวเฮย/ผิงเสีย)
» [Drabble] รวมหนาวเดอะซีรีย์ 1-6 (ฮัวเฮย/ผิงเสีย/เฮยเสีย)
» [Drabble] รวมหนาวเดอะซีรีย์ 7-8 (ฮัวเฮย/ผิงเสีย/เฮยเสีย)
» [Drabble] #dmbjdaily 52 days left : Kabe-don (壁ドン) [ว่านวัง,15,เอ้อร์เหลียน,พานสาม] *เพิ่ม* [เฮยฮัว/ฮัวเฮย, ผิงเสีย]
» (Drabble ) บทสนทนาในร้านเหล้า ( เฮยฮัว / ฮัวเฮย )
» [Drabble] รวมหนาวเดอะซีรีย์ 1-6 (ฮัวเฮย/ผิงเสีย/เฮยเสีย)
» [Drabble] รวมหนาวเดอะซีรีย์ 7-8 (ฮัวเฮย/ผิงเสีย/เฮยเสีย)
» [Drabble] #dmbjdaily 52 days left : Kabe-don (壁ドン) [ว่านวัง,15,เอ้อร์เหลียน,พานสาม] *เพิ่ม* [เฮยฮัว/ฮัวเฮย, ผิงเสีย]
» (Drabble ) บทสนทนาในร้านเหล้า ( เฮยฮัว / ฮัวเฮย )
หน้า 1 จาก 1
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
|
|
Fri 24 Jul 2020, 01:39 by gustoon
» [คู่มือด้วง] Keyword จีนสำหรับการขุด(แฟนดอม)สุสาน
Thu 21 Jun 2018, 00:29 by miskizfullmoon
» มังฮวาและภาคทิเบต
Thu 21 Jun 2018, 00:23 by miskizfullmoon
» [OS] Father is the best (ผิงเสีย)
Thu 03 Aug 2017, 16:12 by schneewittchen
» [Fic] สิ่งเล็กๆที่เชื่อมโลก5 [เมินโหยวผิง+อู่เสีย+เสี่ยอ้วน]+OC
Tue 01 Aug 2017, 12:30 by natsume
» [OS] #dmbjdaily (จูปาจุ๊บ) Bittersweet [ผิงเสีย AU]
Thu 06 Apr 2017, 15:58 by Zeth
» [OS] #dmbjdaily "โทรศัพท์มือถือ" - no Pairing [All]
Tue 04 Apr 2017, 22:27 by Zeth
» [OS] #DMBJDaily (แว่น): ระยะที่มองไม่เห็น [ฮัวเสีย]
Sat 01 Apr 2017, 16:55 by Zeth
» [OS] #DMBJdaily (5.20) ท่านยอดฝีมือ [หวังเหมิง (+เหมิงเสีย)(+ผิงเสีย)]
Thu 30 Mar 2017, 17:24 by Zeth