Countdown
We've been
togerther for
ค้นหา
Latest topics
Most active topics
[OS] Now and Forever (ผิงเสีย)
4 posters
หน้า 1 จาก 1
[OS] Now and Forever (ผิงเสีย)
Now and Forever
25 Dec. 14
ผมแหงนหน้ามองนาฬิกาที่แขนวอยู่บนผนังร้านที่ตอนนี้ชี้บอกเวลาเกือบจะสี่โมงครึ่งแล้ว ผมรวบเอกสารทั้งหมดไว้บนโต๊ะและเก็บของลงลิ้นชักด้วยความรวดเร็วก่อนจะลุกขึ้นสะพายกระเป๋าคู่ใจ
“จะไปไหนครับเจ้านาย?...” หวังเหมิงที่เห็นท่าทางรีบร้อนของผมก็ทำหน้าตกใจ ถึงแม้ตอนนี้ฝีมือของเขาจะดีขึ้นจนผมวางใจให้ดูแลเรื่องทั้งหมดของร้านแล้ว แต่เขาก็ยังมีท่าทีหวาดระแวง คงเพราะเมื่อไม่กี่เดือนก่อนหน้าผมออกจากร้านไปนาน แถมพอกลับมาตามตัวยังเต็มไปด้วยรอยแผลจนเหมือนคนเอาชีวิตไปทิ้ง
“คริสต์มาสทั้งที เลิกร้านเร็วหน่อย นายเองก็อยากไปเที่ยวกับแฟนใช่มั้ยละ?...” พอพูดถึงเรื่องแฟนหวังเหมิงก็หน้าแดงขึ้นมาทันที
“นายก็กลับได้แล้ว ฝากปิดร้านให้ด้วยนะ...”
ผมโยนกุญแจให้หวังเหมิงแล้วก็เดินตัวปลิวออกจากร้านไปทันที หลายปีมานี่ การทำงานต่างๆ แทนอาสามช่างเหนื่อยและลำบากสำหรับผมมาก ยิ่งช่วงแรกๆ ถ้าไม่ได้นายอ้วนและเสี่ยวฮัวคอยช่วยเหลือ ผมคงทำกิจการนี้ล้มไม่เป็นท่าไปแล้วแน่ๆ
พอนึกถึงสองคนนั้นผมก็หยิบโทรศัพท์แล้วกดส่งข้อความอวยพรวันคริสต์มาสส่งไปให้ และรอสักพักไม่นานก็มีข้อความตอบกลับมาจากเสี่ยวฮัว ส่วนนายอ้วนน่ะเหรอ รายนั้นชอบโทรมากกว่าการต้องการนั่งกดแป้นพิมพ์ทีละตัว
ก่อนจะถึงบ้านผมแวะซื้อของที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตเพื่อซื้อของเตรียมอาหารเย็น ผมซื้อผัก เนื้อหมูและของจำเป็นอีกสองสามอย่างเพื่อทำหม้อไฟกินเย็นนี้ อากาศหนาวขนาดนี้หม้อไฟเหมาะที่สุดแล้ว
เมื่อเดินออกจากซุปเปอร์มาเก็ตผมรู้สึกชาที่หน้าทันที อากาศที่เย็นเฉียบขนาดที่เสื้อโค้ทก็แทบจะเอาไม่อยู่ทำให้ผมอยากรีบๆ กลับบ้านไปซุกอยู่ใต้ผ้าห่มนวมหนาๆ แล้วเปิดฮีตเตอร์อุ่นๆ พร้อมกับจิบกาแฟร้อนไปด้วย ว่าแล้วผมก็รีบออกแรงในการเดินมากขึ้น ไม่สนใจสองข้างทางที่ตอนนี้ประดับไปด้วยข้าวของต่างๆ สีขาวแดงที่เป็นเอกลักษณ์ของเทศกาลนี้
เมื่อมาถึงบ้าน อันที่จริงจะเรียกว่าเป็นบ้านของผมก็ไม่ถูกนัก เพราะจริงๆ แล้วบ้านหลังนี้คือบ้านของอาสาม แต่หลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้น ผมจึงสบโอกาสขอออกมาอยู่บ้างนอก เถียงกับเตี่ยอยู่นานจนอารองต้องเข้ามาช่วยไกล่เกลี่ยและลงท้ายก็มาอยู่ที่บ้านอาสามหลังนี้ ส่วนบ้านหลังอื่นที่อยู่ในละแวกเดียวกันก็เริ่มมีคนมาเช่าอาศัยมากขึ้น จึงไม่กลายเป็นเมืองร้างอีกต่อไป
ผมเข้าบ้านมาแล้ววางของไว้ที่โต๊ะในห้องครัว แล้วกลับออกมาถอดเสื้อโค้ทวางไว้ที่โซฟา เดินไปเร่งฮีตเตอร์ที่มุมห้องขึ้นอีกหน่อยก่อนจะเข้าห้องครัวไปเตรียมอาหารเย็น หยิบผักออกมาล้างและหั่นจัดเรียงลงหม้ออย่างสวยงาม พร้อมกับเคี่ยวซุปกระดูกหมูสูตรคุณแม่ จะว่าไปแล้วผมเองก็มีฝีมือด้านการทำอาหารพอสมควรเลยละ เสียแต่ว่าไม่ค่อยชอบที่จะลงมือทำ แต่วันนี้พิเศษหน่อยก็เลยช่วยไม่ได้
“ทำอะไรอยู่น่ะ?...”
ขณะที่ผมกำลังตั้งใจกับการเป็นพ่อครัวหัวป่าอยู่นั้น จู่ๆ ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากด้านหลังทำเอาตกใจจนเกือบจะทำทัพพีในมือหล่นซะแล้ว
หลังจากที่ผ่านมาสิบปี ผมทำตามสัญญาที่ได้ให้ไว้คือการพาตัวเขาออกมาจากประตูสำริด ทุกอย่างเป็นไปด้วยดีจนแทบไม่น่าเชื่อ และตอนนี้เมินโหยวผิงหรือจางฉี่หลิงคนนั้นก็มาอยู่ตรงหน้า มาอยู่อยู่กับผมแล้ว
“มาไม่ให้สุ่มให้เสียงฉันตกใจหมดนะเฟ้ย...แล้วมองไม่เห็นหรือไงว่าฉันกำลังทำอาหารอยู่...” ผมพูดอย่างอารมณ์เสียที่ถูกทำให้ตกใจ แต่เจ้าคนตัวการท่าจะไม่ทุกข์ร้อนอะไรเลย ยังทำหน้านิ่งเป็นหินสลักอยู่เหมือนเดิม ผมทำหน้าไม่พอใจก่อนจะหันหลังกลับไปทำอาหารต่อ
“ฉันขอโทษ...” เสียงทุ้มต่ำกระซิบที่ข้างหูก่อนที่เขาจะซบลงที่ไหล่ของผม มือของเขาเอื้อมมากอดเอวผมไว้หลวมๆ ทำท่าทางเหมือนกำลังสำนึกผิดอยู่ยังไงยังงั้น
“ปล่อยก่อน ฉันทำอาหารอยู่...” ผมพูดติดรำคาญเล็กน้อยก่อนจะพยายามแงะมือเขาที่ตอนนี้เพิ่มแรงกอดมากขึ้น และแน่นอนว่าผมสู้แรงของหมอนี่ไม่ได้
“ปล่อยฉันก่อน เสี่ยวเกอ...”
ไร้เสียงตอบรับ มีเพียงแต่แรงกอดรัดที่เพิ่มขึ้นจนผมแทบจะหายใจไม่ออก ผมถอนหายใจอย่างปลงๆ ปิดเตาแก๊สเพื่อความปลอดภัย แล้วหันมาเผชิญหน้ากับเขา ดวงตาสีดำสนิทที่จ้องมาอย่างไม่วางตาทำเอาหัวใจผมเต้นไม่เป็นจังหวะทุกที
“เป็นอะไรของนาย ไม่พูดไม่จาแบบนี้แล้วฉันจะรู้เรื่องมั้ย?...”แต่พอผมถามเขาก็หลบตา หันหน้าไปมองทางอื่นทันที ทำเอาผมแทบจะของขึ้น
“เสี่ยวเกอ...” ผมเรียกเขาอีกครั้ง ไอ้มนุษย์หน้านิ่งนี่ ทั้งที่กอดผมอยู่แท้ๆ แต่กลับไม่มองหน้ากันเลย ให้ตายสิ
“อู๋เสีย คือฉัน...” เขาเรียกผมเสียงเบา ท่าทางดูไม่ค่อยมีความมั่นใจแบบนั้นถ้าไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ผมก็ไม่อยากเชื่อเหมือนกันว่าหมอนี่เป็นถึงเจ้าบ้านสกุลจางคนปัจจุบัน
เมินโหยวผิงทำหน้าลังเลอยู่ชั่วครู่ แค่ชั่วครู่เท่านั้น ก่อนที่เขาจะหยิบอะไรบางอย่างยัดใส่มือผมอย่างรวดเร็วและกอดผมเอาไว้แน่น ความรู้สึกอุ่นและนุ่มในมือทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ
“สุขสันต์วันศริสต์มาส...”
เมินโหยวผิงกระซิบที่ข้างหูผมเสียงเบา ผมมองของในมือที่เป็นถุงเท้าสีฟ้าอ่อนอย่างสับสนเพราะกำลังประมวลข้อมูลอยู่
วันนี้วันที่ 25 ธันวาคม
วันนี้เป็นวันศริสต์มาส
ใช่แล้ววันคริสต์มาส...แต่ว่า หมอนี่รู้ได้ไง
“นายรู้ได้ไง?...” ผมถามออกไปอย่างที่คิด เพราะคนที่สกิลการใช้ชีวิตบนดินติดลบระดับเก้าอย่างหมอนี่ไม่มีทางจะสนใจแน่ๆ ว่าวันนี้เป็นอะไรและมีความสำคัญอย่างไร
“นายอ้วน...”
“นายอ้วน?...” ผมทวนคำตอบของเขาอย่างงงๆ นายอ้วนมาเกี่ยวอะไรด้วยละเนี้ย
“หมอนั่นโทรมาที่บ้าน...บอกว่าวันนี้ถ้าซื้อถุงเท้าให้เป็นของขวัญแล้วจะโชคดี...”
ผมแทบจะหลุดหัวเราะออกมาทันทีเมื่อได้ฟังจบ นายอ้วนนะนายอ้วน ชอบสอนอะไรผิดๆ ถูกๆ แบบนี้ คนที่ลำบากนั่นมันฉันจะโว้ย
“งั้นเหรอ...ขอบใจมากนะ...” ผมลูบหัวเมินโหยวผิงที่ซบไหล่อยู่เบาๆ ถึงแม้จะมีอะไรเข้าใจผิดไปบ้าง แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่เลวร้ายอะไรเลยสักนิด เพราะคนที่ไม่ถนัดการใช้ชีวิตบนดินอย่างหมอนี่ถึงขั้นลงทุนออกไปหาซื้อถุงเท้ามาให้ผมทั้งที่ไม่ได้พบเจอโลกภายนอกมาเป็นสิบปี เพียงเท่านี้มันก็แสดงให้ผมเห็นถึงอะไรหลายๆ อย่างแล้ว
ผมดันตัวเขาออกเล็กน้อยก่อนจะมองหน้าและยิ้มให้ ถึงแม้ใบหน้าจะนิ่งขรึมเช่นเดิม หากแต่ดวงตาของเขากลับส่อแววไม่มั่นใจในสิ่งที่ตัวเองทำอย่างเห็นได้ชัด
ดูแล้วก็น่ารักดี
“ขอบคุณสำหรับของขวัญ...แต่ฉันไม่มีอะไรให้นายเลย...”
“แค่นั้นก็พอแล้ว...” เมินโหยวผิงยิ้มน้อยๆ ซึ่งเป็นรอยยิ้มที่นานๆ ทีจะได้เห็น
“แต่ว่า...” ผมยังเถียง
“นายทำเพื่อฉันมามากพอแล้วอู๋เสีย...ขอบคุณที่ไปรับฉัน และขอบคุณที่ไม่ลืมฉัน...”
เขาพูดเสียงเบาก่อนจะจูบผมเบาๆ และผละออกไป เราต่างจ้องตากันและกัน ราวกับจะส่งผ่านเรื่องราวตลอดสิบปีที่ผ่านมา ช่วงเวลาที่เราไม่ได้พบเจอกันแต่กลับคิดถึงกันอยู่ตลอด ต้องพบเจอกับเหตุการณ์ที่เลวร้าย ความเจ็บปวดมากมาย หากแต่ก็ไม่เคยจะถอดใจเลย ผมนึกขอบคุณตัวเองที่ไม่ล้มเลิกอะไรไปกลางคัน เพราะสุดท้าย ผลที่ได้รับมันคุ้มซะยิ่งกว่าคุ้ม
“งั้นฉันขออะไรนายสักอย่างได้มั้ย เสี่ยวเกอ...” คำตอบของเขาก็คือการพยักหน้าเบาๆ ผมยิ้มออกมาก่อนจะเขย่งปลายเท้าเล็กน้อย แล้วกระซิบที่ข้างหูเขา
“อย่าทิ้งฉันไปอีกนะ...”
ไม่มีคำพูดตอบรับจากเมินโหยวผิง มีเพียงแค่แรงโอบรัดจากอ้อมกอดที่แน่นขึ้น และความอุ่นจากริมฝีปากที่ทาบทับลงมา เท่านี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับผม เพราะนั่นหมายความได้ว่า
เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป
Now and Forever [End]
แงงงงงงงงงงงงงงงงง
เป็นฟิคที่(เหมือนจะ)ถูกมัดมือชกให้เขียนจากเวย์จัง เลยออกมามึนๆ งงๆ เบลอๆ เยี่ยงนี่แหละฮะ
ถ้าไม่ดีหรือไม่ถูกใจยังไงก็ขออภัยด้วยนะฮะ T^T
สุขสันต์วันศริสต์มาสนะฮะ มีความสุขมากๆ และอย่าลืมดูแลสุขภาพด้วยนะฮะ
ด้วยรักจากแต้งค์และผิงเสีย
25 Dec. 14
ผมแหงนหน้ามองนาฬิกาที่แขนวอยู่บนผนังร้านที่ตอนนี้ชี้บอกเวลาเกือบจะสี่โมงครึ่งแล้ว ผมรวบเอกสารทั้งหมดไว้บนโต๊ะและเก็บของลงลิ้นชักด้วยความรวดเร็วก่อนจะลุกขึ้นสะพายกระเป๋าคู่ใจ
“จะไปไหนครับเจ้านาย?...” หวังเหมิงที่เห็นท่าทางรีบร้อนของผมก็ทำหน้าตกใจ ถึงแม้ตอนนี้ฝีมือของเขาจะดีขึ้นจนผมวางใจให้ดูแลเรื่องทั้งหมดของร้านแล้ว แต่เขาก็ยังมีท่าทีหวาดระแวง คงเพราะเมื่อไม่กี่เดือนก่อนหน้าผมออกจากร้านไปนาน แถมพอกลับมาตามตัวยังเต็มไปด้วยรอยแผลจนเหมือนคนเอาชีวิตไปทิ้ง
“คริสต์มาสทั้งที เลิกร้านเร็วหน่อย นายเองก็อยากไปเที่ยวกับแฟนใช่มั้ยละ?...” พอพูดถึงเรื่องแฟนหวังเหมิงก็หน้าแดงขึ้นมาทันที
“นายก็กลับได้แล้ว ฝากปิดร้านให้ด้วยนะ...”
ผมโยนกุญแจให้หวังเหมิงแล้วก็เดินตัวปลิวออกจากร้านไปทันที หลายปีมานี่ การทำงานต่างๆ แทนอาสามช่างเหนื่อยและลำบากสำหรับผมมาก ยิ่งช่วงแรกๆ ถ้าไม่ได้นายอ้วนและเสี่ยวฮัวคอยช่วยเหลือ ผมคงทำกิจการนี้ล้มไม่เป็นท่าไปแล้วแน่ๆ
พอนึกถึงสองคนนั้นผมก็หยิบโทรศัพท์แล้วกดส่งข้อความอวยพรวันคริสต์มาสส่งไปให้ และรอสักพักไม่นานก็มีข้อความตอบกลับมาจากเสี่ยวฮัว ส่วนนายอ้วนน่ะเหรอ รายนั้นชอบโทรมากกว่าการต้องการนั่งกดแป้นพิมพ์ทีละตัว
ก่อนจะถึงบ้านผมแวะซื้อของที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตเพื่อซื้อของเตรียมอาหารเย็น ผมซื้อผัก เนื้อหมูและของจำเป็นอีกสองสามอย่างเพื่อทำหม้อไฟกินเย็นนี้ อากาศหนาวขนาดนี้หม้อไฟเหมาะที่สุดแล้ว
เมื่อเดินออกจากซุปเปอร์มาเก็ตผมรู้สึกชาที่หน้าทันที อากาศที่เย็นเฉียบขนาดที่เสื้อโค้ทก็แทบจะเอาไม่อยู่ทำให้ผมอยากรีบๆ กลับบ้านไปซุกอยู่ใต้ผ้าห่มนวมหนาๆ แล้วเปิดฮีตเตอร์อุ่นๆ พร้อมกับจิบกาแฟร้อนไปด้วย ว่าแล้วผมก็รีบออกแรงในการเดินมากขึ้น ไม่สนใจสองข้างทางที่ตอนนี้ประดับไปด้วยข้าวของต่างๆ สีขาวแดงที่เป็นเอกลักษณ์ของเทศกาลนี้
เมื่อมาถึงบ้าน อันที่จริงจะเรียกว่าเป็นบ้านของผมก็ไม่ถูกนัก เพราะจริงๆ แล้วบ้านหลังนี้คือบ้านของอาสาม แต่หลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้น ผมจึงสบโอกาสขอออกมาอยู่บ้างนอก เถียงกับเตี่ยอยู่นานจนอารองต้องเข้ามาช่วยไกล่เกลี่ยและลงท้ายก็มาอยู่ที่บ้านอาสามหลังนี้ ส่วนบ้านหลังอื่นที่อยู่ในละแวกเดียวกันก็เริ่มมีคนมาเช่าอาศัยมากขึ้น จึงไม่กลายเป็นเมืองร้างอีกต่อไป
ผมเข้าบ้านมาแล้ววางของไว้ที่โต๊ะในห้องครัว แล้วกลับออกมาถอดเสื้อโค้ทวางไว้ที่โซฟา เดินไปเร่งฮีตเตอร์ที่มุมห้องขึ้นอีกหน่อยก่อนจะเข้าห้องครัวไปเตรียมอาหารเย็น หยิบผักออกมาล้างและหั่นจัดเรียงลงหม้ออย่างสวยงาม พร้อมกับเคี่ยวซุปกระดูกหมูสูตรคุณแม่ จะว่าไปแล้วผมเองก็มีฝีมือด้านการทำอาหารพอสมควรเลยละ เสียแต่ว่าไม่ค่อยชอบที่จะลงมือทำ แต่วันนี้พิเศษหน่อยก็เลยช่วยไม่ได้
“ทำอะไรอยู่น่ะ?...”
ขณะที่ผมกำลังตั้งใจกับการเป็นพ่อครัวหัวป่าอยู่นั้น จู่ๆ ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากด้านหลังทำเอาตกใจจนเกือบจะทำทัพพีในมือหล่นซะแล้ว
หลังจากที่ผ่านมาสิบปี ผมทำตามสัญญาที่ได้ให้ไว้คือการพาตัวเขาออกมาจากประตูสำริด ทุกอย่างเป็นไปด้วยดีจนแทบไม่น่าเชื่อ และตอนนี้เมินโหยวผิงหรือจางฉี่หลิงคนนั้นก็มาอยู่ตรงหน้า มาอยู่อยู่กับผมแล้ว
“มาไม่ให้สุ่มให้เสียงฉันตกใจหมดนะเฟ้ย...แล้วมองไม่เห็นหรือไงว่าฉันกำลังทำอาหารอยู่...” ผมพูดอย่างอารมณ์เสียที่ถูกทำให้ตกใจ แต่เจ้าคนตัวการท่าจะไม่ทุกข์ร้อนอะไรเลย ยังทำหน้านิ่งเป็นหินสลักอยู่เหมือนเดิม ผมทำหน้าไม่พอใจก่อนจะหันหลังกลับไปทำอาหารต่อ
“ฉันขอโทษ...” เสียงทุ้มต่ำกระซิบที่ข้างหูก่อนที่เขาจะซบลงที่ไหล่ของผม มือของเขาเอื้อมมากอดเอวผมไว้หลวมๆ ทำท่าทางเหมือนกำลังสำนึกผิดอยู่ยังไงยังงั้น
“ปล่อยก่อน ฉันทำอาหารอยู่...” ผมพูดติดรำคาญเล็กน้อยก่อนจะพยายามแงะมือเขาที่ตอนนี้เพิ่มแรงกอดมากขึ้น และแน่นอนว่าผมสู้แรงของหมอนี่ไม่ได้
“ปล่อยฉันก่อน เสี่ยวเกอ...”
ไร้เสียงตอบรับ มีเพียงแต่แรงกอดรัดที่เพิ่มขึ้นจนผมแทบจะหายใจไม่ออก ผมถอนหายใจอย่างปลงๆ ปิดเตาแก๊สเพื่อความปลอดภัย แล้วหันมาเผชิญหน้ากับเขา ดวงตาสีดำสนิทที่จ้องมาอย่างไม่วางตาทำเอาหัวใจผมเต้นไม่เป็นจังหวะทุกที
“เป็นอะไรของนาย ไม่พูดไม่จาแบบนี้แล้วฉันจะรู้เรื่องมั้ย?...”แต่พอผมถามเขาก็หลบตา หันหน้าไปมองทางอื่นทันที ทำเอาผมแทบจะของขึ้น
“เสี่ยวเกอ...” ผมเรียกเขาอีกครั้ง ไอ้มนุษย์หน้านิ่งนี่ ทั้งที่กอดผมอยู่แท้ๆ แต่กลับไม่มองหน้ากันเลย ให้ตายสิ
“อู๋เสีย คือฉัน...” เขาเรียกผมเสียงเบา ท่าทางดูไม่ค่อยมีความมั่นใจแบบนั้นถ้าไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ผมก็ไม่อยากเชื่อเหมือนกันว่าหมอนี่เป็นถึงเจ้าบ้านสกุลจางคนปัจจุบัน
เมินโหยวผิงทำหน้าลังเลอยู่ชั่วครู่ แค่ชั่วครู่เท่านั้น ก่อนที่เขาจะหยิบอะไรบางอย่างยัดใส่มือผมอย่างรวดเร็วและกอดผมเอาไว้แน่น ความรู้สึกอุ่นและนุ่มในมือทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ
“สุขสันต์วันศริสต์มาส...”
เมินโหยวผิงกระซิบที่ข้างหูผมเสียงเบา ผมมองของในมือที่เป็นถุงเท้าสีฟ้าอ่อนอย่างสับสนเพราะกำลังประมวลข้อมูลอยู่
วันนี้วันที่ 25 ธันวาคม
วันนี้เป็นวันศริสต์มาส
ใช่แล้ววันคริสต์มาส...แต่ว่า หมอนี่รู้ได้ไง
“นายรู้ได้ไง?...” ผมถามออกไปอย่างที่คิด เพราะคนที่สกิลการใช้ชีวิตบนดินติดลบระดับเก้าอย่างหมอนี่ไม่มีทางจะสนใจแน่ๆ ว่าวันนี้เป็นอะไรและมีความสำคัญอย่างไร
“นายอ้วน...”
“นายอ้วน?...” ผมทวนคำตอบของเขาอย่างงงๆ นายอ้วนมาเกี่ยวอะไรด้วยละเนี้ย
“หมอนั่นโทรมาที่บ้าน...บอกว่าวันนี้ถ้าซื้อถุงเท้าให้เป็นของขวัญแล้วจะโชคดี...”
ผมแทบจะหลุดหัวเราะออกมาทันทีเมื่อได้ฟังจบ นายอ้วนนะนายอ้วน ชอบสอนอะไรผิดๆ ถูกๆ แบบนี้ คนที่ลำบากนั่นมันฉันจะโว้ย
“งั้นเหรอ...ขอบใจมากนะ...” ผมลูบหัวเมินโหยวผิงที่ซบไหล่อยู่เบาๆ ถึงแม้จะมีอะไรเข้าใจผิดไปบ้าง แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่เลวร้ายอะไรเลยสักนิด เพราะคนที่ไม่ถนัดการใช้ชีวิตบนดินอย่างหมอนี่ถึงขั้นลงทุนออกไปหาซื้อถุงเท้ามาให้ผมทั้งที่ไม่ได้พบเจอโลกภายนอกมาเป็นสิบปี เพียงเท่านี้มันก็แสดงให้ผมเห็นถึงอะไรหลายๆ อย่างแล้ว
ผมดันตัวเขาออกเล็กน้อยก่อนจะมองหน้าและยิ้มให้ ถึงแม้ใบหน้าจะนิ่งขรึมเช่นเดิม หากแต่ดวงตาของเขากลับส่อแววไม่มั่นใจในสิ่งที่ตัวเองทำอย่างเห็นได้ชัด
ดูแล้วก็น่ารักดี
“ขอบคุณสำหรับของขวัญ...แต่ฉันไม่มีอะไรให้นายเลย...”
“แค่นั้นก็พอแล้ว...” เมินโหยวผิงยิ้มน้อยๆ ซึ่งเป็นรอยยิ้มที่นานๆ ทีจะได้เห็น
“แต่ว่า...” ผมยังเถียง
“นายทำเพื่อฉันมามากพอแล้วอู๋เสีย...ขอบคุณที่ไปรับฉัน และขอบคุณที่ไม่ลืมฉัน...”
เขาพูดเสียงเบาก่อนจะจูบผมเบาๆ และผละออกไป เราต่างจ้องตากันและกัน ราวกับจะส่งผ่านเรื่องราวตลอดสิบปีที่ผ่านมา ช่วงเวลาที่เราไม่ได้พบเจอกันแต่กลับคิดถึงกันอยู่ตลอด ต้องพบเจอกับเหตุการณ์ที่เลวร้าย ความเจ็บปวดมากมาย หากแต่ก็ไม่เคยจะถอดใจเลย ผมนึกขอบคุณตัวเองที่ไม่ล้มเลิกอะไรไปกลางคัน เพราะสุดท้าย ผลที่ได้รับมันคุ้มซะยิ่งกว่าคุ้ม
“งั้นฉันขออะไรนายสักอย่างได้มั้ย เสี่ยวเกอ...” คำตอบของเขาก็คือการพยักหน้าเบาๆ ผมยิ้มออกมาก่อนจะเขย่งปลายเท้าเล็กน้อย แล้วกระซิบที่ข้างหูเขา
“อย่าทิ้งฉันไปอีกนะ...”
ไม่มีคำพูดตอบรับจากเมินโหยวผิง มีเพียงแค่แรงโอบรัดจากอ้อมกอดที่แน่นขึ้น และความอุ่นจากริมฝีปากที่ทาบทับลงมา เท่านี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับผม เพราะนั่นหมายความได้ว่า
เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป
Now and Forever [End]
แงงงงงงงงงงงงงงงงง
เป็นฟิคที่(เหมือนจะ)ถูกมัดมือชกให้เขียนจากเวย์จัง เลยออกมามึนๆ งงๆ เบลอๆ เยี่ยงนี่แหละฮะ
ถ้าไม่ดีหรือไม่ถูกใจยังไงก็ขออภัยด้วยนะฮะ T^T
สุขสันต์วันศริสต์มาสนะฮะ มีความสุขมากๆ และอย่าลืมดูแลสุขภาพด้วยนะฮะ
ด้วยรักจากแต้งค์และผิงเสีย
momin- ด้วงฝึกหัด
- จำนวนข้อความ : 12
Points : 3493
Join date : 27/10/2014
Re: [OS] Now and Forever (ผิงเสีย)
ซีรีย์เหมือนชีวิตประจำวันของคู่ข้าวใหม่ปลามันเลยค่ะ
ฉากโอบเอวงี้ จูบงี้
เขินตายเลยค่าาาาา >////<
เมอร์รี่ คริสมาสนะคะ!
ฉากโอบเอวงี้ จูบงี้
เขินตายเลยค่าาาาา >////<
เมอร์รี่ คริสมาสนะคะ!
ryu77- ด้วงตำหนักหลู่หวังเจ็ดดารา
- จำนวนข้อความ : 64
Points : 3545
Join date : 01/11/2014
Re: [OS] Now and Forever (ผิงเสีย)
โอ๊ยยย หวานนน
เหมือนคู่ข้าวใหม่ปลามันจริงๆ ค่ะ แอร๊ยยยยย
เหมือนคู่ข้าวใหม่ปลามันจริงๆ ค่ะ แอร๊ยยยยย
Narakas- ด้วงต้นไม้เทพเจ้า
- จำนวนข้อความ : 263
Points : 3846
Join date : 27/10/2014
ที่อยู่ : ทิเบต
Re: [OS] Now and Forever (ผิงเสีย)
หวานนนน อบอุ่นจนหายหนาวกันเลยทีเดียว ฟฟฟฟ นายน้อยเป็นแม่บ้านเต็มตัวแล้วสินะคะ ในที่สุดก็ได้อยู่ด้วยกันแล้ว เสี่ยวเกอก็อย่าหายไปไหนอีกนะ
SilverCloud- ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ
- จำนวนข้อความ : 433
Points : 3945
Join date : 27/10/2014
ที่อยู่ : ตู้เสื้อผ้าของอารอง
Similar topics
» [OS] For the first time in forever [ผิงเสีย]
» [OS] #dmbjdaily '520' (ผิงเสีย :: เหม่งจาง,ผิงเสีย)
» [OS] สิ่งแรกที่เจอยามลืมตาตื่น [ผิงเสีย]
» [OS] เสียงแห่งความทรงจำ (ผิงเสีย)
» [OS] แสงสว่างและความมืด [ผิงเสีย]
» [OS] #dmbjdaily '520' (ผิงเสีย :: เหม่งจาง,ผิงเสีย)
» [OS] สิ่งแรกที่เจอยามลืมตาตื่น [ผิงเสีย]
» [OS] เสียงแห่งความทรงจำ (ผิงเสีย)
» [OS] แสงสว่างและความมืด [ผิงเสีย]
หน้า 1 จาก 1
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
|
|
Fri 24 Jul 2020, 01:39 by gustoon
» [คู่มือด้วง] Keyword จีนสำหรับการขุด(แฟนดอม)สุสาน
Thu 21 Jun 2018, 00:29 by miskizfullmoon
» มังฮวาและภาคทิเบต
Thu 21 Jun 2018, 00:23 by miskizfullmoon
» [OS] Father is the best (ผิงเสีย)
Thu 03 Aug 2017, 16:12 by schneewittchen
» [Fic] สิ่งเล็กๆที่เชื่อมโลก5 [เมินโหยวผิง+อู่เสีย+เสี่ยอ้วน]+OC
Tue 01 Aug 2017, 12:30 by natsume
» [OS] #dmbjdaily (จูปาจุ๊บ) Bittersweet [ผิงเสีย AU]
Thu 06 Apr 2017, 15:58 by Zeth
» [OS] #dmbjdaily "โทรศัพท์มือถือ" - no Pairing [All]
Tue 04 Apr 2017, 22:27 by Zeth
» [OS] #DMBJDaily (แว่น): ระยะที่มองไม่เห็น [ฮัวเสีย]
Sat 01 Apr 2017, 16:55 by Zeth
» [OS] #DMBJdaily (5.20) ท่านยอดฝีมือ [หวังเหมิง (+เหมิงเสีย)(+ผิงเสีย)]
Thu 30 Mar 2017, 17:24 by Zeth