Countdown
We've been
togerther for

ค้นหา
 
 

Display results as :
 


Rechercher Advanced Search


[Drabble] รวมหนาวเดอะซีรีย์ 7-8 (ฮัวเฮย/ผิงเสีย/เฮยเสีย)

3 posters

Go down

 [Drabble] รวมหนาวเดอะซีรีย์ 7-8 (ฮัวเฮย/ผิงเสีย/เฮยเสีย) Empty [Drabble] รวมหนาวเดอะซีรีย์ 7-8 (ฮัวเฮย/ผิงเสีย/เฮยเสีย)

ตั้งหัวข้อ by kuramajoy Mon 22 Dec 2014, 23:03

หนาวเดอะซีรีย์ 7
(มีใครเบื่อแล้วบ้างเยอะเกิน)

(ผิงเสีย/ฮัวเฮย)

วันนี้เป็นวันคริสมาสต์ หิมะโปรยปรายลงมาท่ามกลางท้องฟ้าสีขาวโพลน ย้อมทุกสิ่งทุกอย่างให้เป็นสีขาวสะอาดหมดจด ผมเดินไปตามถนนของปักกิ่งที่ครึกครื้น ข้างกายมีเจ้าแมวสีดำที่สวมใส่เสื้อกันหนาวและผ้าพันคอไหมพรมน่าเกลียดน่าชัง

มันคือผลงานของผมเอง

ใบหน้าหล่อเหลาของเขาเด่นชัดแม้ในยามหน้าหนาวตราตรึงสายตาของผู้คนให้หันมามอง แม้ว่าผมจะเห็นมันมากแค่ไหนก็ไม่ชินเสียที

ได้แต่เผลอเหลือบมองเขาตามคนอื่น…

อีหนูของผมหน้าตาดีไปแล้ว

“ดูคนนั้นสิ หน้าตาก็ดีแต่ทำไมใส่เศษผ้าแบบนั้น” ผมชะงักในยามที่ได้ยินเสียงสาวสองสามคนนินทาเสี่ยวเกอ ตวัดสายตาขึ้นไปมองผ้าพันคอไหมพรมสีฟ้าที่เละเทะ ทั้งด้ายที่เก็บไม่เรียบร้อย หลุดลุ่ยในบางส่วน มืออีกข้างกำยังผ้าพันคอสีส้มแสดที่เฮยเสียจื่อให้มา มันถักเป็นลายเรียบร้อยสวยงามราวกับของวางขายบนห้าง

“เสี่ยวเกอ ถอดออกเถอะนะ อย่าใส่นอกบ้านเลย” ผมเดินไปดึงชายผ้าพันคอ เขาหันหน้ามาใบหน้าเรียบเฉยมองผมอย่างนิ่งเงียบแต่มือกลับจับผมเอาไว้

“ทำไม”

“เอาน่ะ เดี๋ยวจะซื้อผืนใหม่ให้” ผมดึงชายผ้าพันคอหมายจะเก็บมันลงกระเป๋าแต่เสี่ยวเกอรวบมือสองข้างผมเอาไว้ ผลักผมลงกับผนังกระจกของร้านขายของเล่น ร่างสูงสมส่วนของเขากักขังผมเอาไว้ นัยน์ตาคมเรียวน่าหลงใหลหรี่มองผมราวกับสัตว์ป่า

“ไม่เอา”

คำปฏิเสธของเจ้าแมวน้อยพาให้ผมอ้าปากค้าง เสี่ยวเกอเป็นคนว่าง่าย ไม่ยึดติดกับแบรนด์ เสื้อผ้าอะไรนัก คราวนี้เป็นครั้งแรกที่เขาปฏิเสธ

“จะเอาผืนนี้” เจ้าแมวน้อยจับมือของผมขึ้นมา ริมฝีปากสีชมพูอ่อนจูบลงไปที่ข้อมือซึ่งแปะพลาสเตอร์เต็มไปหมด มันคือร่องรอยจากการฝึกฝนกับอาจารย์เฮยเสียจื่อ “จะเอาผืนนี้ เพราะนายทำให้ ฉันชอบ”

ผมรู้สึกว่าหน้าของตัวเองกำลังสุกท่ามกลางหิมะโปรยปราย …

ผมกำลังถูกต้มอย่างเชื่องช้า

บ้าชิบ…. ผมดึงมือออกจากริมฝีปากของเขา ใช้มันปิดใบหน้าของตัวเอง …ครั้นรู้สึกสายตาของคนแถวนั้นที่หันมามองก็คิดว่า ยิ่งชิบหาย..

พรุ่งนี้อารองกักบริเวณผมแน่ โทษฐานสวีทกับอีหนูกลางเมือง..

ผมรีบจูงมือเสี่ยวเกอขึ้นแท็กซี่ไปบ้านของเสี่ยวฮัว อย่างน้อยอยู่ที่นั่นก็หลบภัยได้ สุดท้ายก็ต้องเปลี่ยนกำหนดการจนได้ จากที่วันนี้ตอนเช้าผมจะไปซื้อของเตรียมทำหม้อไฟ แล้วตอนเย็นเสี่ยวอัวกับนายแว่นจะมากินที่ห้องเช่าของผม ที่ไหนได้ ผมกลับต้องหนีตามแมวไปหลบภัยบ้านเสี่ยวฮัว

ผมขึ้นรถบอกทางไปบ้านเสี่ยวฮัวพลางมองใบหน้าที่แดงยิ่งกว่ามะเขือเทศของตัวเองที่กระจกรถ

แมวผมแม่ง! ...

ทำไมน่ารักงี้วะ!

ผมหันไปเหลือบมองเสี่ยวเกอที่นั่งเบาะหลังเคียงข้าง เขาทำใบหน้าเฉยเมยราวกับมันคือปฏิกิริยาธรรมชาติของเขา ให้ตายเถอะเขาจะทำให้ผมหัวใจวายไปถึงไหน เห็นแล้วหมั่นไส้

หมั่นไส้มาก...

ผมโน้มตัวลงไป เมินโหยวผิงหันหน้ากลับมา ผมแลบลิ้นให้เขาก่อนที่จะขโมยหอมแก้มบนพวงแก้มเนียนใสนั่นสองฟอด

หน็อยแน่... อยากแกล้งต้มฉันสุกกลางหิมะ เอาคืนซะเลย

“หึ” เจ้าแมวหัวเราะ รอยยิ้มดูดีที่นานๆจะมีประทับบนใบหน้าหล่อเหลานั่นเล่นเอาผมหัวหด มือของมันเคลื่อนเข้ามากอบกุมมอบความร้อนให้กับร่างกาย “อย่าทำบนรถสิ ไม่งั้นจะอดใจไม่ไหว”

อดใจอะไรของนายกัน ...

เพื่อให้ไปถึงที่หมายได้อย่างปลอดภัยผมจึงไม่ได้ถามเขา กลัวว่า จะได้เปิดหนังสดกันหลังรถแท็กซี่...ผมยังไม่อยากเป็นดาราเอวีหรอกนะ

ครั้นมาถึงบ้านของเสี่ยวฮัวเจ้าของบ้านก็นั่งรอผมอยู่ในห้องรับแขกด้วยท่วงท่าราชินี ขาเรียวของเขาพาดไขว่ห้างอยู่บนโซฟาตัวนุ่ม นัยน์ตาเรียวคมประกอบไปด้วยแพขนตา ใบหน้าผ่องใสเป็นยองใยราวกับได้รับสารอาหารเต็มที่ สดชื่นแจ่มใสสุดๆตรงข้ามกับก้อนดำๆบนโซฟาอีกตัว

ผมทักทายเสี่ยวฮัวก่อนหันไปมองซากนายแว่น ...ใช่ต้องใช้คำว่าซากแห้งๆ...นายแว่นวันนี้ไม่ดื้อไม่ซนไม่เกะกะระราน ตรงข้าม เขาเรียบร้อยมาก ร่างสูงโปร่งกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนโซฟา ใบหน้าได้รูปทาบทับด้วยแว่นตากันแดดอันใหญ่มองไม่เห็นสีหน้า แต่เหมือนกับว่าจะเห็นวิญญาณของหมอนั่นลอยออกมาจากปากลางๆ

เมินโหยวผิงเดินไปนั่งข้างนายแว่น ใช้มือดึงวิญญาณแว่นที่กำลังจะลอยออกรอมร่อกลับเข้าปากอย่างใจดี

โถ.... ท่าทางเมื่อวานจะจัดเต็มสินะ..

“เค้กเสร็จแล้วนะ แถมอาหารว่างอื่นก็มีให้ทานด้วย ขาดแต่อุปกรณ์ทำหม้อไฟสินะ ถ้างั้นให้” เสี่ยวฮัวเหลือบสายตามองซากข้างๆ วิญญาณนายแว่นเข้าได้ทันร้องไห้พอดี

“คุณชาย ..ผมก้าวขาไม่ออกแล้วครับ”

“ใครบอกให้นายไป ฉันใช้คนไปซื้อได้” เสี่ยวฮัวเหยียดยิ้ม ...เป็นรอยยิ้มที่ผมมองแล้วต้องเบือนหนี จะมีแต่ไอ้แว่นหน้ามืดตามัวที่หลงใหลกับรอยยิ้มวายร้ายนั่น

นั่นมันรอยยิ้มของบอสตัวสุดท้ายในเกมชัดๆ..

ไอ้นี่ก็หลงเพ้อ รู้ทั้งรู้...

เอาเถอะใช่ว่าผมจะไม่หลง หากเสี่ยวเกอยกมุมปากผมคงจะรี่เข้าไปหาอย่างไม่รอช้า

เพราะต้องรออุปกรณ์ทำหม้อไฟ และนายแว่นยังเตรียมของไม่เสร็จ สุดท้ายนายแว่นก็ยอมยกก้นขึ้นจากโซฟาลากขาอย่างทุรนทุราย ดึงเสี่ยวเกอเข้าครัวไปด้วยกัน ตอนแรกผมจะตามไปช่วยแต่เขารู้ดีถึงฝีมือของผมถึงได้แต่ปิดประตูครัวใส่หน้า

“เฮ้ย เสี่ยวฮัว สัตว์เลี้ยงนายลากอีหนูฉันไป” ผมแกล้งฟ้องราชินีผู้งดงามที่นั่งจิบชาอย่างไม่ทุกข์ร้อน เสี่ยวฮัวหัวเราะในลำคอปรายสายตาดุจนางพญา

“ไม่เป็นไร ค่อยลงโทษให้ ขืนทำเพิ่มตอนนี้มันจะเฉามือตายก่อน ฉันขี้เกียจเปลี่ยนไปเลี้ยงตัวใหม่”

โถ...นายแว่น ..ผมสวดภาวนาให้ในใจเงียบๆ เดินลงมานั่งตรงข้ามเสี่ยวฮัว หยิบชาชั้นดีของจีนมาจิบหนึ่งคำ ความร้อนพาให้ความรู้สึกหนาวเลือนหาย ถึงมันจะไม่เท่ากับการโดนเสี่ยวเกอต้มสุกก็ตาม

“นึกว่าจะให้ทำแค่เค้กซะอีก” ผมเหลือบไปมองประตูครัวที่ปิดแน่น ท่าทางหลังจากพ้นโทษเจ้านั่นจะต้องเตรียมหลายๆอย่าง

“หมอนั่นทำอะไรก็อร่อย “

“เพราะฝีมือ หรือเพราะคน” ผมเผลอถามไปก็ต้องรีบตะครุบปาก เสี่ยวฮัวเหยียดยิ้ม หลับตาลง

“มันน่ารำคาญ”

นั่นดูไม่ใช่คำตอบนะ ผมผลักเรื่องนั้นเอาไว้ก่อนที่จะปรับทุกข์กับเขา

“เสี่ยวเกอคราวก่อนไปคว่ำกรวยแถวภูเขากว่าจะกลับเกือบอาทิตย์หนึ่ง นี่ถ้าเขาไปคว่ำกรวยต่างประเทศฉันคงเหงาตาย นายแว่นไม่ไปคว่ำกรวยด้วยหรือ เห็นช่วงนี้อยู่ตลอด”

เจ้าแมวของผมแม้จะกลับมาหาผมแต่มันก็มักจะออกไปคว่ำกรวยหายไปนานๆ ผมเคยบอกว่ามีเงินเลี้ยงเขาได้แต่มันกลับส่ายหน้า ...เสี่ยเสียใจนะนี่ที่เลี้ยงอีหนูไม่ได้ อีหนูต้องแอบหนีไปหาชายอื่นตลอด

ผีดิบ แม่ย่านาง วานรสมุทรมันดีกว่าฉันเรอะไง

“ช่วยไม่ได้ พวกนั้นถูกฝึกมาเป็นนักคว่ำกรวย ถ้าไม่ทำแบบนี้เขาก็ไม่รู้จะทำอะไร” เสี่ยวฮัววางน้ำชาลง เอื้อมมือไปรินน้ำชาให้ตนเอง ผมเบ้ปากเลื่อนถ้วนชาให้เขารินให้

“ทีนายแว่นยังไม่เห็นจะลงกรวยบ่อยๆแบบเสี่ยวเกอเลย”

หรือปัญหาจะอยู่ที่อีหนูของผมกัน

“ถ้านายอยากให้เขาอยู่กับที่นายจะต้องวางแผนระยะยาวหน่อยนายน้อยสาม” เสี่ยวฮัวเลื่อนถ้วยชามาให้ผม เหยียดยิ้มงดงาม ประสานมือไว้ที่ผมเอนพิงโซฟา “เริ่มแรกเลย นายจะต้องหลอกล่อเขา ใช้เวลาอยู่กับเขาให้มาก ให้เขาลุ่มหลงนายจนถอนตัวไม่ได้ มอบความปรารถนาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ปล่อยบ้าง ดึงกลับบ้าง ทำแบบนี้ซ้ำไปซ้ำมา แล้วร่างกายของเขาจะรับรู้แต่สัมผัสของนาย ถึงหัวใจยังไม่ยอมรับแต่ร่างกายของเขาก็ขาดนายไม่ได้อีกต่อไป”

ผมเกือบเผลอทำแก้วชาหลุดมือ เงยหน้าขึ้นมองบอสตัวสุดท้ายอย่างเชื่องช้า...

“หลังจากนั้นนายก็ต้องเติมเต็มหัวใจของเขา ใจดีกับเขาบ้าง โหดร้ายบ้างสลับกันไป ซื้อบ้านให้สักหลัง สร้างที่อยู่ให้ สั่งสอนให้มันหลาบจำว่าไม่อาจจะอยู่ที่อื่นได้นอกจากข้างกายนี้” เสี่ยวฮัวยกชาร้อนขึ้นจิบหนึ่งคำก่อนที่จะวางลงพูดต่อไป “หลังจากเขารู้ตัวว่ามีที่อยู่นายก็หาอย่างอื่นให้เขาทำด้วย แน่นอนพวกนี้ไม่เคยทำอะไรนอกจากคว่ำกรวย นายอาจเปิดร้านเล็กๆให้เขา ถือเป็นงานอดิเรก เราเป็นคนเปิดให้ เขาย่อมไม่อาจทอดทิ้งร้านนั้นไปได้ สุดท้ายก็ต้องเจียดเวลามาดูแลร้านบ้างถือเป็นงานอดิเรก ทีนี้เวลาของเขาก็จะไม่พอไปคว่ำกรวยไกลๆที่ใช้เวลาเป็นเดือนได้อีก หากไปอาจจะลงแดงนิดหน่อย เรื่องที่เคยทำบ่อยๆไม่ได้ทำนี่คงอดอยากปากแห้งน่าดู แถมไหนจะเรื่องร้านอีก ทิ้งไปนานๆร้านก็พังพอดี”

น้ำชาแทบจะพ่นออกจากปากของผม หลังที่แนบกับโซฟาชื้นเหงื่อ...

“เรื่องนี้..” ผมหันไปมองประตูครัว เสี่ยวฮัวหัวเราะ

“จะบอกเขาก็ได้นะ”

ผมมองเพื่อนสมัยเด็กที่จิบชาราวกับไม่ทุกข์ร้อนก่อนที่จะแอบร้องไห้ในใจเงียบๆ

“ไม่ล่ะ น่าสงสาร...”

ช่างเป็นวิธีจับงูที่เลียนแบบไม่ได้จริงๆ...

อืม..เอาเถอะ..ยังไงเสี่ยปักกิ่งก็รวยจะตาย แถมเสี่ยวฮัวทั้งสวยทั้งฉลาด ...ก็ดีล่ะมั้ง..

“หึ หึ “ ผมฟังเสียงหัวเราะของเสี่ยวฮัวแล้วหนาว อดไม่ได้ที่จะบ่น

“นายหลงสัตว์เลี้ยงไปแล้ว”

“ตอนที่ฉันช่วยนายที่หอตระกูลจางฉันเกือบตาย ต้องไปเข้าโรงพยาบาลที่ต่างประเทศ นายไม่โผล่หน้ามาเลย ครั้นพอใกล้จะหายเข้าออกโรงพยาบาลนายกลับมาเยี่ยมบอกว่าฉันก็เป็นคนสำคัญ แต่เอาแต่พล่ามถึงเรื่องนายใบ้จางไม่หยุดสิบสองชั่วโมงเต็ม เท่านั้นยังไม่พอ ทุกๆวันนายจะโทรมาพูดเรื่องเสี่ยวเกอวันละสี่ชั่วโมง ถลุงเงินฉันไปไล่ตามหาเสี่ยวเกอยังไม่พอ ยังลากฉันไปร่วมกรวยครั้งแล้วครั้งเล่า พอได้เขากลับมา นายก็ใช้เงินของฉันเลี้ยงแมว แต่ก็ยังไม่เลิกโทรมาพูดเรื่องแมวหาย อยู่ดี... นายน้อยสาม ฉันจำได้ว่าพูดเรื่องสัตว์เลี้ยงกับนายแค่อาทิตย์ละสองสามครั้งเองนะ”

ผมหุบปากสนิท ได้แต่น้ำตาตกโดนเขาย้อนอย่างเจ็บแสบแถมยังครบถ้วนทุกกระบวนความไม่มีอะไรตกหล่นแม้แต่เม็ดเดียว

คุณชายเก้า ช่างฉลาดเฉลียวและความจำดีอีกต่างหาก

นายแว่น ถ้านายคิดจะนอกใจได้ตายไม่มีที่ฝังแน่..

“สัตว์เลี้ยงของนายดี ..ดีไปหมดยกเว้น..นิสัย”

“แมวของนายก็ดี ดีไปหมดยกเว้นนิสัย”

พวกเราสองคนมองหน้ากันอย่างเงียบเชียบก่อนที่จะหัวเราะ...

ให้ตายเถอะ การเป็นเสี่ยเลี้ยงอีหนูมันไม่ง่ายเลยจริงๆ

“อ้าว หัวเราะอะไรกัน ?” นายแว่นยกถาดอาหารว่างหลายถาดวางตรงโต๊ะ ท่าทีมีชีวิตขึ้นมานิดหน่อยสงสัยเสี่ยวเกอคงช่วยยัดวิญญาณเข้าร่างได้สักที

“เปล่า ไม่มีอะไร” ผมหัวเราะมองเสี่ยวเกอที่ลงมานั่งโซฟา ใบหน้าหล่อเหลาหันมามองผมเหมือนจะถามว่ามีอะไร ผมยิ้มรู้สึกถึงความอบอุ่นอยู่ในหัวใจทุกครั้งที่ได้เห็นเขาอยู่เคียงข้าง

รักเหลือเกิน...

“มากินกันเถอะ กว่าหม้อไฟจะมา”

พวกเราย้ายที่ไปที่โต๊ะอาหาร กลางโต๊ะมีเค้กสตรอว์เบอร์รีสีชมพูไม่เข้ากับหน้าคนทำสุดตีน รายล้อมไปด้วยอาหารว่าง ของทอดกับกับข้าวหลายชนิด สุดท้ายหม้อไฟก็มา ผมมองอาหารบนโต๊ะด้วยความกังวล

“เสียดายจังเลยที่นายอ้วนกับซิ่วซิ่วมาไม่ได้”

ปริมาณอาหารขนาดนี้ผมคงกินไม่หมด

“นายก็เก็บไปให้พวกเขาสิ เดี๋ยวแพ็กให้” นายแว่นคีบปูแกะแล้วถวายแก่เจ้านายของเขา ผมหัวเราะหันไปกุมมือกับเสี่ยวเกอใต้โต๊ะอย่างเงียบเชียบเรียกเสียงหยอกล้อของนายแว่นที่ฟื้นชีพ

“นายน้อยสาม แหมๆ ช่วยไปหวานที่อื่นได้ไหม ผมเห็นแล้วตาโคตรร้อน”

“เรื่องของนาย” ใบหน้าผมร้อนไปหมด ได้แต่หยิบกุ้งมากัด มองเสี่ยวฮัวที่เหยียดยิ้มนุ่มซดน้ำแกง เสี่ยวเกอที่ตั้งหน้าตั้งตากิน และแอบคีบกับข้าวที่ผมชอบมาใส่จานของผม นายแว่นที่แอบไปคว้าเบียร์มารินใส่แก้วตัวเอง

หม้อไฟตรงหน้าร้อนเหลือเกิน แต่ก็ไม่เท่ากับความอบอุ่นในยามนี้

“เมอร์รี่คริสมาสค์นะ” ผมเอ่ยขึ้นมาก่อนจะโดนนายแว่นแซวอีกครั้ง

“โหยๆ นายน้อยสามยังไม่ถึงวันเลย”

“ไม่เห็นเป็นไร บอกไว้ก่อนไง” ผมแลบลิ้น ดังนั้นเขาจึงหัวเราะพูดว่าเมอร์รี่คริสมาสต์กลับให้ผม

“ปีหน้าก็ฝากตัวด้วยนะ” เสี่ยวฮัวเป็นคนที่สุภาพที่สุด ผมเหยียดยิ้ม ผมสิต้องฝากตัวกับเขา ยังต้องพึ่งพาเสี่ยปักกิ่งอีกหลายอย่าง

มือของเสี่ยวเกอที่จับอยู่ใต้โต๊ะกระชับแน่นขึ้น เจ้าแมวตัวโตคลี่ยิ้มเบาบาง ..ราวกับจะบอกว่า ...มันจะจับมือผมตลอดไปไม่ว่าจะเป็นปีไหนๆ

ให้ตาย ผมกำลังจะสำลักความสุขตาย

แมวผมน่ารักโคตร

ผมฉีกยิ้ม รู้สึกแก้มของตัวเองเมื่อยแต่ก็มีความสุขมาก เอนตัวพิงไหล่ของเขา

ขอให้ความสุขนี้อยู่กับผมอีกตราบนานเท่านาน...
********************
หนาวเดอะซีรีย์ 8
ลมหนาวพัดผ่านมาพร้อมกับความวุ่นวาย ผมยืนถือแก้วไวน์อยุ่้ในงานเลี้ยง มันเป็นงานเลี้ยงของเหล้านักธุรกิจ ที่นี่ผมต้องดำรงอยู่อย่างเข้มแข็ง เพราะผมคือตระกูลเซี่ยเพียงคนเดียว

แม้จะมีญาติพี่น้องห่างๆอยู่บ้าง แต่คนในครอบครัวพลันหายไปหมด

พ่อของผมทิ้งผมไป หลังจากนั้นผมก็ไม่มีใครอีกเลย

แม้จะหวั่งในญาติห่าง เพื่อนรักในวัยเด็กอย่างอู๋เสีย แต่เขากลับจำผมไมไ่ด้ในครั้งแรก ต่อมาต้องให้ผมทบทวนความจำจึงจะจำได้

ทุกคนรู้จักผมในฐานะเซี่ยอวี้ฮัว คุณชายเก้า แห่งตระกูลเซี่ย

ทุกคนเข้ามาหาผมเพื่อผลประโยชน์ เพื่อเงินทอง

ผมก้าวไปข้างหน้าอย่างดดดเดี่ยว ความหนาวเย็นพัดผ่ารอบตัวไม่มีโอกาสแม้จะหยุดเดิน ผมทำได้แต่พุ่งไปข้างหน้า...

อยากจะเหลียวหลังไปมองแต่..ไม่สามารถทำได้ ด้วยภาระหน้าที่ที่แบกรับเอาไว้

อู๋เสียถามผมว่าหนักไหม ผมหัวเราะไม่ตอบเขา ...มันหนัก..หนักจนเกือบจะทรุดลง แต่ผมไม่อาจให้เข่าตัวเองแตะพื้นได้ ถึงแม้จะต้องแบกภาระอันหนักหนาเอาไว้ตามลำพังผมก็ต้องทำต่อไป

มีหญิงสาวมากมายในงานที่เข้ามาหาผม ผมรู้ดีว่าดวงตาของพวกเธอไม่ได้มองอะไรไปมากกว่าเงิน และตำแหน่งของผม

กลิ่นน้ำหอมฉุนจมูดเวียนหัว ความนุ่มนิ่มที่ได้สัมผัสพาให้รู้สึกคลื่นไส้ ผมเหยีดยยิ้มรู้สึกว่าแอร์ของงานหนาวเหลือเกิน

“โอ๊ะ ขอโทษครับ” เด็กชายคนหนึ่งวิ่งเข้าชนผมจากข้างหลัง ผมหันไปมองเขา เด็กน้อยเอียงคอท่าทีงุงงง ผมไม่ชินกับการรับมือกับของแบบนี้หมอนั่นก็ไม่อยู่เสียด้วย

มันชอบเด็ก...

“ขอโทษนะครับ พอดีลูกของผมซนไปหน่อย” ผู้เป็นพ่อเข้ามาอุ้มลูกชายของตนไป ชายวัยกลางคนท่าทางใจดีสวมสูทท่าทางจะเป็นนักธุรกิจรุ่นใหม่ ถึงได้นำลุกชายมาด้วย ผมเหยีดยยิ้มบอกเขาว่าไม่เป็นไร

ผู้เป้นพ่อโค้งตัวให้ผม ลูชายตัวน้อยโบกมือลา ผมมองภาพนั้นจนสุดสายตา

เมื่อก่อนผมเคยมีพ่อ และพ่อของผมก็ไม่ได้ตาย ..แต่เขาได้ตัดสินใจทอดทิ้งผมไว้เพื่อทำภารกิจ ...ทำสิ่งที่สำคัญกว่าผม

เมื่อก่อน ผมเคยมีมือให้จูบแต่นับจากสิบกว่าขวบก็ไม่ได้จับมือนั้นอีกเลย

เมื่อก่อน ผมเคยมีอาจารย์ แต่ท่านก็จากผมไปเร็วนัก

ตอนนี้ผมไม่มีใคร...

เสียงมือถือของผมสั่นขึ้น ...ผมหยิบโทรศัพย์ขึ้นมาเปิดฝาพับมองข้อความเข้า

‘ว่าไงคุณชายผมกลับจากคว่ำกรวยแล้วนะ ตอนนี้คุณไปงานเลี้ยงสินะ งั้นผมกลับไปบ้านผมแล้วกัน เหนื่อยสุดๆ แล้วพรุ่งนี้ค่อยเจอกัน เล่นกับผมด้วยนะ อย่าเอาแต่ทำงานละ อย่าลืมกินข้าวเช้าละ จุ๊บๆ แล้วผมจะไปหานะ’

ผมกดลบข้อความงี่เง่าจากคนบ้าแทบจะในทันที ไม่รู้ทำไม …ริมฝีปากถึงได้ยกขึ้น

ผมถอนหายใจ จิบไวน์ชั้นดี ทั้งที่มันควรอร่อยแต่กลับไม่รู้รส เทียบไม่ได้กับเบียร์ราคาถูกที่ได้นั่งดื่มกับเจ้านั่น

เมื่อก่อนมีคนบ้าคนหนึ่งเข้ามาหาผม มันไม่ได้เข้ามาเพราะหวังผลประโยชน์ ...มันเป็นคนบ้า งี่เง่า ที่กล้าพูดออกมาว่า ..รักผม

เพราะรักเลยยอมทุกอย่าง ไม่ว่าผมจะใช้ให้ทำอะไร หรือกลั่นแกล้งแค่ไหน...มันก็จะยิ้มให้กับผมเสมอ ดังนั้นจึงอยากจะทำให้ใบหน้านั้นเปื้อนไปด้วยน้ำตาแห่งความสิ้นหวัง แล้วผมก็ทำสำเร็จ...

ครั้นทำสำเร็จ ฉีดกระชากหน้ากากของเขาได้ กลายเป็นผมเองที่เสียใจเอง ทำไมกันนะ คำตอบที่ไร้ทางออก สุดท้ายผมก็ไม่อยากเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาของหมอนั่นอีกแล้ว ...ทำลายไปครั้งหนึ่งทำให้มันหนีเตลิดไปเสียไกล น่ารำคาญสุดๆต้องตามไปถึงเมืองนอก

สุดท้ายก็ต้องตามไปจับเจ้างู วินาทีที่จับมือนั้นได้ผมก็คิดว่ามันน่ารำคาญงี่เง่ามาก สุดท้ายก็เผลอซื้อบ้าน ปล่อยให้เข้ามาป้วนเปี้ยน

แล้วก็ได้รู้ว่า การแกล้งให้ร้องไห้อีกแบบมันน่ารื่นรมณ์กว่าการทำลายให้ย่อยยับ

ผมยกไวน์ขึ้นดื่มจนหมดเหยีดยยิ้ม ธุระของผมในงานนี้ของผมเสร็จเรียบร้อย ผมปลีกตัวออกมาในใจคิดถึงถึงที่ที่หนึ่ง ผมเดินขึ้นรถเสียบกุญแจขับไปที่บ้านหลังที่สอง มันเป็นบ้านทีผมซื้อแต่เป็นชื่อคนอื่น ..ใช่เป็นชื่อคนอื่นจวบจนเร็วๆนี้

ผมจอดรถไว้หน้าเถาองุ่น เดินผ่านสวนหย่อมเล้กๆหน้าทางเข้า เสียบกุญแจสำรองเปิดประตูก่อนโยกตัวหลบของแวววาวที่พุ่งดิ่งมาตรงหน้าแทบไม่ทัน พวงแก้มถูกของมีคมปาดผิวแก้มเป็นรอยเจือจาง

“เฮยเสียจื่อ...” ผมคำรามมองเข้าไปในความมืดมิดของบ้าน

“เฮ้ย คุณชาย ? เอ๋ๆ...” น้ำเสียงง่วงงุงท่าทางจะเพิ่งตื่นนอน ผมเลื่อนมือไปยังสวิทไฟมันก็ร้องลั่น “เดี๋ยวๆผมไม่ได้สวมแว่น”

“เรื่องของนาย” ผมเปิดสวิทไฟเห็นเจ้างูนั่งขดหลับตา ท่าทางราวกับงูขด ผมปาดแผลที่แก้มเดินไปหามันที่หลับตาแน่น มือเรียวไขว่ขว้าก่อนที่จะแตะที่ตัวผม

“คุณชายโหดร้าย แบบนี้ผมก็ต้องเดินแบบคนตาบอดนะสิ” มันเบ้หน้าหลับตายืนขึ้น ใช้การรับรู้และสัมผัสเดินมาหาผม นิ้วยาวแตะลงยังพวงแก้มของผม เกลี่ยรอยแผลเบาๆ

“นายจะได้ฝึกไว้ไง” ผมผมจับนิ้วเรียวยาวของมัน เจ้างูชะงักไปชั่วหนึ่งก่อนที่จะเผยรอยยิ้มแสนเจ็บปวด

“นั่นสิครับ..ถึงตอนนั้น...” คำพูดต่อจากนั้นหายไปในลำคอ มันไม่พูดต่อจูบมือผมเข้าไปในอีกห้องหนึ่ง ผมเดินตามมันฉวยเอาแว่นกันแดดสีดำสนิทที่อยุ่บนหลังโต๊ะ กระชากร่างที่เดินนำเข้ามาสวมกอดเบาๆ

อุ่น... อุ่นจนร้อนแต่ทำไใ หัวใจกลันพนาวเหน็บวูบหนึ่ง

“เอ๊า” ผมสวมแว่นตาให้กับเจ้างู เฮยเสียจื่อพอได้สวมก็ลืมตาขึ้นช่างเชื่องช้า

“หึหึ เป็นแผลด้วย ดีจังเลยที่ไม่เป็นรอยมาก ท่าทางจะไม่เป็นรอยแผลเป้นนะครับ “ ผมเดินไปหยิบกล่องพยาบาล เอาพลาสเตอร์ลายลูกเจี้ยบมาแปะบนหน้าผม

“ไอ้นี่มันอะไร” ผมแตะพลาสเตอร์บนหน้าแต่เขาหัวเราะ เลื่อนตัวขึ้นไปนั่งบนเตียงเดี่ยวในห้อง ลากเก้าอี้จากโต๊ะกินข้าวมาให้ผมนั่ง

“ออกจะเหมาะกับคุณชายนะ” นายแว่นแลบลิ้นซุกซนให้กับผมเดินไปยังตู้เย็นเล้กข้างหัวนอน “วันนี้เลิกเร็วจังเลยเรียกผมไปหาก็ได้แท้ๆ”

“ฉันทำธุระเสร้จแล้ว ว่างเลยมาดูบ้านนี้มั่งยังไงฉันก็เป็นคนซื้อ” ผมนั่งเท้าคางมองเขา นายแว่นหัวเราะก่อนที่จะรับกระบ๋องเบียร์ที่เขายื่นมาให้ “บ้านนี้ฉันซื้อมา แล้วทำไมนายถึงโอนเป็นชื่ออู๋เสีย หมอนั่นรู้ตัวหรือเปล่า ถ้าให้ทาย มันยังไม่รู้สินะ”

“ฮะ ฮะ คุณชายอย่าขี้เหนียวไปหน่อยเลยนะ ถ้าให้เป็นชื่อคุณ คุณก็ไม่เอาอยู่ดี ให้เป็นชื่อนายน้อยสามนั่นละ ผมเองก็มีแค่ คุณ เสี่ยวเกอ และนายน้อยสามเท่านั้น” เจ้างูยกกระป๋องเบียร์ขึ้นซดคำหนึ่ง ท่าทีร่าเริง

“ฉันได้ยินว่านายไปโรงพยาบาลมา” ผมยกกระป๋องเบียร์ขึ้นจิบ รู้สึกรสชาติฝาดคอไม่อร่อยเหมือนกับไวน์ในงานสักนิด

“แหมใครไปบอกละครับ ก็แค่ไปแวะหลังจากคว่ำกรวยนิดๆหน่อยๆ แผลผมยอะจะตายคราวนี้”

ผมกระดกเบียร์จนหมดกระป๋อง ไม่พูดอะไรกับมันก่อนที่จะลุกขึ้นไปนั่งบนเตียง ดึงนายแว่นเขวี้ยงลงพื้นห้อง ยึดเตียง

“ฉันง่วงจะนอน” ผมปีนขึ้นเตียงล้มตัวนอนตะแคง นายแว่นตามขึ้นมาเกาะเกะผม สองมือที่ดอบผมจากด้านหลังแสนจะอบอุ่น

“แงคุณชายใจร้าย” มันร้องอยู่ข้างหู ใช้ใบหน้าคลอเคลียไหล่ราวกับออดอ้อน

ือที่กอดโอบผมอยู่ประสานแน่น ผมเอื้อมไปจับมือคู่นั้น

ก่อนหน้านี้ผมไม่มีใคร....

“คุณชายอ๊า... ผมมีเตียงเดียวน๊า” เฮยเสียจื่อกรีดร้องข้างหูน่ารำคาญจนผมต้องหันไปจับจูบให้เงียบ เขาส่งเสียในลำคอก่อนที่จะตอบสนองลิ้นอย่างเร่าร้อน

น่ารำคาญชะมัด สุดท้ายผมก็จูบเขาจนเงียบเสียแต่ดันไปปลุกอย่างอื่นเสียแทน ...

เตียงเดี่ยวนี่มันแคบจริงๆ... เอาไว้จะเอาเตียงคู่มาลง

ผมก่ายกอดร่างกายร้อน เพิ่มพูนความอบอุ่น ไม่รู้เสื้อผ้าหายไปตั้งแต่เมื่อไร ถอดยังสูทและหน้ากาก วางภาระทุกอย่างลงในยามที่เพลินเพลินกับร่างกายนี้ ...

คนบ้ามันเป็นคนบ้าที่งี่เง่าจนน่ารำคาญ เป็นคนที่ขี้โวยวายเสียจนหนวกหุ ทนไม่ได้ต้องโอบกอดไว้แน่นๆ...

ไม่งั้นจะเลือนหายไป

บ้าชะมัดทั้งที่นายมาป้วนเปี้ยนรอบตัว เรียกร้องให้ฉันสนใจ ครั้นพอหันไปกลับวิ่งหนี

แม่งน่าถีบชะมัด...

งี่เง่า บ้า ...โง่เง่า...

ผมหลับตากอดร่างนุ่มนิ่มเอาไว้จนแน่น...หัวใจที่เคยแห้งแล้งและหนาวเหน็บพลันถูกหล่อเลี้ยงอย่างเชื่องช้า ทีละเล็กทีละน้อย..

ต้นไม้ต้นหนึ่งที่กำลังจะเฉาตาย กลับถูกดูแลจนชอนไชราก...

“นายจะทิ้งฉันไหม” ผมเอ่ยถามมัน เฮยเสียจื่อทำใบหน้าเหรอหรา เบิกตากว้างจนน่าขัน มันส่ายหัวรัวๆ

“ทำไมคิดแบบนั้น ผมเนี่ยนะจะทิ้งคุณชาย ....คุณคิดอะไรอยุ่กันเนี่ย นี่เป็นการแกล้งแบบใหม่หรือเปล่า คนอย่างคุณชายเนี่ยนะถาม?” ท่าทีโอเวอร์จนทำให้ผมตีหัวมันไปทีหนึ่ง

“แล้วทำไมนายถึงคิดว่าฉันจะทิ้งนายละ” เจ้างูแลบลิ้น ท่าทีแตกตต่างจากเมื่อครู่

“ก็ไม่คิด”

“งี่เง่า...”

โกหก...

ผมกอดรั้งยังสิ่งสุดท้าย... ทำไมต้องเป็นเขาด้วยนะ...

อากาสข้างนอกหนาวเหลือเกิน ผมจึงได้แต่ซุกตัวกอดเขาให้แน่นขึ้น ....

ทุกๆคนล้วนต่างทอดทิ้งฉันไว้ข้างหลัง

นายเองก็...อย่าไปไหนเลยนะ...

มือของผมเกาะเกี่ยวยังเจ้างูตัวโตขี้โกหก มันหัวเราะกอดผมเอาไว้แน่น

“ผมรักคุณชายที่สุดในโลก” นายแว่นคลี่รอยยิ้มสดใส จูบจมูกของผม ซุกตัวเข้าหาราวกับงูหาความอุ่น “รักที่สุดเลยครับ”

มันไม่ได้โกหก.. เพราะซุกเข้าหากันและกัน จึงได้ยินเสียงหัวใจของเราทั้งคู่...

อยู่ด้วยกันไปตลอดนะ ..คำที่ไม่ได้เอ่ยออกไป...

เพราะกลัวว่ามันจะไม่ตอบ

“หนาวจัง” ผมจูบมันอีกครั้ง กอดย้ำเพื่อให้ไม่ลืมเลือนยังตัวตนนี้ ลุกขึ้นคร่อมอีกครั้ง

“ว้าวๆ คุณชายคุกที่สุด” มันหัวเราะ แลบลิ้นยั่วเย้า จูบที่พวงแก้มผม

“ช่วยไม่ได้มันหนาว” ผมกอดมัน ตราตรึงรอยสัมผัสไปทั่วเรือนร่างนี้ ราวกับจะฝากฝังความทรงจำ...แขนโอบกอดรั้งไว้สุดกำลัง

ทุกคนต่างทอดทิ้งผมเอาไว้ข้างหลัง

เจ้านี่อยู่ๆก็เข้ามายัดเยีดยตัวเองลงไปในหัวใจของผม ..ทำให้ทุกวันของผมปั่นป่วน ...ทั้งงี่เง่า น่ารำคาญสุดๆ ...ทำให้งานของผมต้องเสียขนาดนี้แล้วอย่าคิดว่าจะไปไหนได้

แม้แต่ตายก็ไม่อนุญาติ..

ต่อให้ลงกรวยไม่ได้ก็ไม่เป้นไร กับอีแค่เลี้ยงสัตว์ตัวเดียวทำได้อยู่แล้ว

ต่อให้ตาคู่นี้มืดบอดไปก็ไม่เป็นไร กับอีแค่สัตว์ตาบอดผมมีเงินเลี้ยงได้อยู่แล้ว

ต่อให้จะแย่กว่านี้ก็ไม่เป้นไร...

คิดว่าฉันเป็นใคร ?

เพราะงั้นเลิกคิดมากสักทีเถอะ..

“นายมันน่ารำคาญ แถมยังทำแผลไว้อีก แบบนี้ต้องลงโทษ” ผมกัดริมฝีปากบนมัน ก่อนที่จะเลียริมฝีปาก ขับเคลื่อนร่างกายด้วยแรงปรารถนา

“คุณชายใจร้าย” นั่นเป็นคำพูดสุดท้ายของมันก่อนที่จะได้แต่กรีดร้องทั้งคืน

นายมันโง่ ..แถมยังบ้าขนาดโรงพยาบาลบ้าไม่รับ...เพราะงั้นฉันจะจับมือนั่นเอง...นายจะได้ไม่หลงทางไปไหนอีก
************************
kuramajoy
kuramajoy
ด้วงต้นไม้เทพเจ้า
ด้วงต้นไม้เทพเจ้า

จำนวนข้อความ : 206
Points : 3771
Join date : 27/10/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

 [Drabble] รวมหนาวเดอะซีรีย์ 7-8 (ฮัวเฮย/ผิงเสีย/เฮยเสีย) Empty Re: [Drabble] รวมหนาวเดอะซีรีย์ 7-8 (ฮัวเฮย/ผิงเสีย/เฮยเสีย)

ตั้งหัวข้อ by karnalone Tue 23 Dec 2014, 04:09

อยากกรี๊ดยาวๆ ให้คุณชายค่ะ
แว่นเอ๊ย ต่อให้อยากหนีก็หนีไม่ได้ แต่ดูท่านายก็เต็มจะให้ถูกขังกับที่นะ ๕๕๕
เสี่ยปักกิ่งเขาสวยและโหดมาก เขาอยู่สายฮาร์ดคอร์น่ะ เสี่ยหังโจวอยู่แบบมุ้งมิ้งนั่นแหละดีแล้ว

ชอบสายแข็งค่ะ ฮัวเฮยแบบนี้สุดยอดมาก อยู่ข้างคุณชายตลอดไปนะแว่น
รักคุณชายมากๆ เพราะว่าตอนนี้คุณชายขาดนายไม่ได้แล้ว

karnalone
ด้วงสุสานใต้สมุทรทะเลซีซา
ด้วงสุสานใต้สมุทรทะเลซีซา

จำนวนข้อความ : 115
Points : 3597
Join date : 27/10/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

 [Drabble] รวมหนาวเดอะซีรีย์ 7-8 (ฮัวเฮย/ผิงเสีย/เฮยเสีย) Empty Re: [Drabble] รวมหนาวเดอะซีรีย์ 7-8 (ฮัวเฮย/ผิงเสีย/เฮยเสีย)

ตั้งหัวข้อ by The_Dark_Lady Thu 02 Jul 2015, 20:36

โอ๊ยตาย ฟังคุณชายพรรณนาวิธีจับแว่นแล้วขอไว้อาลัยให้แว่นแปป...
หลงรักคนที่มีดีแค่หน้าแต่ว่าข้างในลาสต์บอสก็แบบนี้ล่ะหนอ
...ส่วนอู๋เสีย คำก็อีหนูสองคำก็อีหนู
เอาจริงๆใครกันแน่ที่เป็นอีหนู...ฟฟฟ
The_Dark_Lady
The_Dark_Lady
ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ
ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ

จำนวนข้อความ : 301
Points : 3634
Join date : 21/06/2015
Age : 29
ที่อยู่ : On the Land, Below the sky

ขึ้นไปข้างบน Go down

ขึ้นไปข้างบน

- Similar topics

 
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ