Countdown
We've been
togerther for
ค้นหา
Latest topics
Most active topics
[Fic] เพื่อนร่วมห้อง "เฮยผิง" ตอนที่ 1 10/11/2557
5 posters
หน้า 1 จาก 1
[Fic] เพื่อนร่วมห้อง "เฮยผิง" ตอนที่ 1 10/11/2557
เฮยเสียจื่อ คือชื่อของผม แต่เพราะบนใบหน้าของผมจะมีแว่นดำสวมอยู่เสมอเป็นเอกลักษณ์ คนในวงการจึงเรียกผมว่า นายบอดจาง ผมเป็นนักคว่ำกรวยอิสระ ที่มีค่าจ้างสูงคนหนึ่งในวงการนี้ คนที่จะจ้างผมได้ต้องเป็นถึงเจ้าสัวใหญ่หรือนายทุนผู้มั่งคั่ง
งานในครั้งนี้มีเจ้าสัวใหญ่ของปักกิ่งเป็นเจ้ามือ เขาต้องการให้ผมเป็นผู้คุ้มกันในการลงไปคว่ำกรวยด้วยตนเอง เพื่อเป็นการท้าทายชีวิตก่อนเกษียณ ซึ่งผมอดคิดไม่ได้..ว่าเขาจะได้อยู่จนเกษียณหรือเปล่ากับความอยากท้าทายบ้าๆแบบนี้แต่ดูเหมือนเขาจะลงทุนกับการท้าทายครั้งนี้ไม่น้อย เพราะนอกจากผม จะยังมีคนในวงการอีกคนหนึ่งมาร่วมด้วย
คนๆนี้เพิ่งมีชื่อในวงการไม่นาน แต่ค่าตัวในการร่วมงานสูงมาก ผมยังไม่เคยเห็นหน้าอีกฝ่ายซักครั้ง แต่ผู้คนเรียกเขาว่า คนใบ้จาง เรื่องฝีมือผมเพียงเคยได้ยินกิตติศัพท์มาบ้างว่า เหนือความคาดหมาย และอีกข้อ..
ผู้ว่าจ้างคนหนึ่งเคยเรียกใช้คนใบ้จางถึงสองครั้ง และในครั้งที่สอง..ที่ทิ้งระยะไปกว่าสี่ปีคนใบ้จางยังมีรูปร่างและหน้าตาเหมือนเดิมไม่ผิดเพี้ยนแม้แต่นิด ราวกับถูกหยุดเวลาไว้กับที่
นั่นเป็นสิ่งที่ผมสนใจ..ในตัวเขาตั้งแต่ยังไม่ได้พบกัน
-------------
อะจะอะ..ปล่อยออกมาซะแหล่วTvT
เรือฟลายอิ้งดัชแมน..(?)
เอ่อ..ฝากคู่นี้ไว้ด้วยนะคะ แฮ่ๆ
ปล.ชื่อฟิคขณะนี้ยังไม่เป็นทางการนะคะ หงิง..
งานในครั้งนี้มีเจ้าสัวใหญ่ของปักกิ่งเป็นเจ้ามือ เขาต้องการให้ผมเป็นผู้คุ้มกันในการลงไปคว่ำกรวยด้วยตนเอง เพื่อเป็นการท้าทายชีวิตก่อนเกษียณ ซึ่งผมอดคิดไม่ได้..ว่าเขาจะได้อยู่จนเกษียณหรือเปล่ากับความอยากท้าทายบ้าๆแบบนี้แต่ดูเหมือนเขาจะลงทุนกับการท้าทายครั้งนี้ไม่น้อย เพราะนอกจากผม จะยังมีคนในวงการอีกคนหนึ่งมาร่วมด้วย
คนๆนี้เพิ่งมีชื่อในวงการไม่นาน แต่ค่าตัวในการร่วมงานสูงมาก ผมยังไม่เคยเห็นหน้าอีกฝ่ายซักครั้ง แต่ผู้คนเรียกเขาว่า คนใบ้จาง เรื่องฝีมือผมเพียงเคยได้ยินกิตติศัพท์มาบ้างว่า เหนือความคาดหมาย และอีกข้อ..
ผู้ว่าจ้างคนหนึ่งเคยเรียกใช้คนใบ้จางถึงสองครั้ง และในครั้งที่สอง..ที่ทิ้งระยะไปกว่าสี่ปีคนใบ้จางยังมีรูปร่างและหน้าตาเหมือนเดิมไม่ผิดเพี้ยนแม้แต่นิด ราวกับถูกหยุดเวลาไว้กับที่
นั่นเป็นสิ่งที่ผมสนใจ..ในตัวเขาตั้งแต่ยังไม่ได้พบกัน
-------------
อะจะอะ..ปล่อยออกมาซะแหล่วTvT
เรือฟลายอิ้งดัชแมน..(?)
เอ่อ..ฝากคู่นี้ไว้ด้วยนะคะ แฮ่ๆ
ปล.ชื่อฟิคขณะนี้ยังไม่เป็นทางการนะคะ หงิง..
แก้ไขล่าสุดโดย bloodnine เมื่อ Mon 10 Nov 2014, 21:42, ทั้งหมด 1 ครั้ง
bloodnine- ด้วงตำหนักหลู่หวังเจ็ดดารา
- จำนวนข้อความ : 77
Points : 3572
Join date : 27/10/2014
Re: [Fic] เพื่อนร่วมห้อง "เฮยผิง" ตอนที่ 1 10/11/2557
พอเจอหน้าก็เป็นรักแรกพบสินะพี่เฮยคร้าาาาาาา
Lin_ChaCHa- ด้วง
- จำนวนข้อความ : 44
Points : 3555
Join date : 27/10/2014
ที่อยู่ : ทีมสกุลอู๋
Re: [Fic] เพื่อนร่วมห้อง "เฮยผิง" ตอนที่ 1 10/11/2557
รักแรก... คิดไม่ออกเลยแฮะ
meanato- ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ
- จำนวนข้อความ : 487
Points : 3966
Join date : 27/10/2014
Age : 26
ที่อยู่ : หลังประตูสัมฤทธิ์
Re: [Fic] เพื่อนร่วมห้อง "เฮยผิง" ตอนที่ 1 10/11/2557
ตายคู่นี้ปรากฎแล้ว
รักแรกของนายหน้าตาดีมว๊ากกกกกกกกก
แต่เสี่ยวเกอก็หน้าตาดีจริงๆนั่นละ
รักแรกของนายหน้าตาดีมว๊ากกกกกกกกก
แต่เสี่ยวเกอก็หน้าตาดีจริงๆนั่นละ
kuramajoy- ด้วงต้นไม้เทพเจ้า
- จำนวนข้อความ : 206
Points : 3776
Join date : 27/10/2014
Re: [Fic] เพื่อนร่วมห้อง "เฮยผิง" ตอนที่ 1 10/11/2557
เรื่องนี้ เฮยเสียเจื่ออาจจะขัดกับคาแรคเตอร์ที่ทุกท่านเคยเห็นมาบ้างนะคะ..
อันนี้เป็นเฮยเสียจื่อในมุมมองของเราค่ะ.. แหะๆ////
ชายหนุ่มคนหนึ่งในชุดเสื้อสีน้ำเงินแบบมีฮู้ด อีกฝ่ายสะพายดาบเล่มใหญ่ที่มีฝักสีดำไว้บนหลัง เสี้ยวหน้าของชายคนนั้นนิ่งสงบดวงตาปิดสนิท..ทั้งที่ชายหนุ่มคนนั้นยืนอยู่ตรงหน้า แต่กลับไม่รู้สึกถึงการคงอยู่..
ราวกับอีกฝ่ายเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ..
ดวงตาสีดำสนิทปรือเปิดขึ้นเมื่อรู้สึกถึงสัมผัสอ่อนนุ่มบริเวณขา คนที่ผมมองอยู่ก้มลงไปมองสุนัขจรจัดสีดำที่เดินมานอนอยู่ข้างขา มันเกยหัวลงบนเท้าของอีกฝ่าย จนอดคิดไมได้ว่าถ้าเป็นเขาคงจะชักเท้าออกไปแล้ว แต่อีกฝ่ายเพียงแค่มองอยู่แบบนั้นและหลับตาลงอีกครั้ง
“คุณเฮยเสียจื่อสินะครับ ?” ชายคนหนึ่งเดินมาถามผม นั่นทำให้ผมต้องละสายตาจากคนฮู้ดน้ำเงิน ดูจากการแต่งตัวคงเป็นผู้ร่วมทีมของผมในวันนี้แน่ “ผม โหลวอู่ฟั่น เป็นคนสนิทของนายท่านฉู่ครับ”
“อ้อ คนของนายท่านฉู่นั่นเอง ผม เฮยเสียจื่อ ครับ” ผมฉีกยิ้มทักทาย อีกฝ่ายดูเหมือนจะพูดอะไรต่อ แต่ผมไม่ได้สนใจ ผมกำลังมองคนในชุดฮู้ดที่กำลังก้าวเดินขึ้นขบวนรถไปกับกลุ่มคนที่แต่งตัวคล้ายๆกับคนตรงหน้าเขานี่
“คนนั้นใครเหรอครับ” ผมพยักเพยิดไปทางคนฮู้ดน้ำเงินที่ทำให้ผมสนใจตั้งแต่แวบแรก จนลืมคนที่อยากจะพบแต่แรกไปเสียสนิท “ฮู้ดน้ำเงิน”
“อ๋อ ท่านนั้น คนใบ้จาง ครับ”..อา ผมสนใจถูกคนแล้วสินะ “เชิญขึ้นรถเถอะครับ รถจะออกแล้ว” โหลวอู่ฟั่นเดินนำผมขึ้นรถไป
รถไฟขบวนนี้ถือเป็นขบวนที่ดูมีระดับไม่น้อย พื้นเหล็กปูทับด้วยไม้เรียบเป็นทางเดิน เท่าที่เดินผ่านแต่ละขบวนเหมือนจะแบ่งที่นั่งไปตามฐานะของผู้โดยสารอย่างเป็นได้ชัด ขบวนหลังไล่จากที่นั่งไม้ธรรมดามาจนถึงห้องสำหรับนอน ตั้งแต่ช่วงกลางขบวนรถเห็นมีพนักงานรถไฟเดินอยู่ประปรายบางคนก้มหัวทำความเคารพผมประหนึ่งเจ้าพ่อมาเฟียในหนังผมส่งยิ้มเรี่ยราดให้พนักงานสาวตลอดทาง
ในที่สุดก็ถึงห้องของผมที่เหมือนจะอยู่เกือบหัวขบวนรถ ผมเหมือนจะได้ยินโหลวอู่ฟั่นพูดว่าผมต้องอยู่กับเพื่อนร่วมห้องอีกคนหนึ่ง ผมยิ้มพราย..กลิ่นความตายเจือจางนั่นทำให้ผมรู้ได้ทันทีว่าผู้ร่วมห้องเป็นใคร ผมหันไปไล่..อา ไม่สิ หันไปพูดกับโหลวอู๋ฟั่นว่าตัวเองอยากเข้าพักแล้วเดินทางมาไกล อีกฝ่ายจึงทำเพียงแค่ถามผมว่าผมทราบรายละเอียดเกี่ยวกับสถานที่เรากำลังมุ่งหน้าไปแล้วใช่ไหม เมื่อเขาเห็นผมพยักหน้าจึงเดินจากไป
ผมเคาะประตูพอเป็นมารยาทแล้วจึงเปิดเข้าไปโดยไม่รอให้คนข้างในตอบอะไรทั้งสิ้น แล้วผมก็เห็นร่างในฮู้ดสีน้ำเงินที่กำลังนอนอยู่บนเตียงทางขวาของห้อง อีกฝ่ายกำลังนอนหลับ…
อา..ขี้เซาชะมัด..ยังกับแมว.. แต่ถ้าเป็นแมว..คงไม่ปล่อยให้มีสุนัขมาคลอเคลียเหมือนตอนก่อนขึ้นรถนั่นหรอก..
ผมเห็นดังนั้นผมจึงทิ้งตัวลงนั่งพลางวางกระเป๋าลงข้างเตียงทางฝั่งซ้ายที่ว่างอยู่ ดวงตาละจากร่างคนฮู้ดน้ำเงินกวาดมองรอบห้อง
ห้องนี้เป็นห้องที่กว้างพอสมควร ขนาดที่พอจะวางเตียงเดี่ยวขนาดที่มากพอจะให้เขานอนกลิ้งได้ไม่ตก สองเตียงขนาบสองฝั่งห้อง บนเตียงมีผ้าห่มผืนหนาวางอยู่ ตรงกลางระหว่างเตียงเป็นตู้ขนาดเล็กสองตู้วางติดกัน เหนือขึ้นไปเป็นผ้าม่านที่เปิดเอาไว้รับแสงจากภายนอก..ที่ตอนนี้มีเพียงแค่แสงสว่างจากดวงจันทร์เท่านั้น เพราะโคมไฟที่เป็นแหล่งให้ความสว่างเพียงหนึ่งเดียวในห้องนั้นไม่ได้ถูกใช้งาน
ผมละสายตากลับมายังร่างที่นอนอยู่ ท้าวคางกับเขามองเพื่อนร่วมห้อง ในตอนแรกยืนห่างกันเกินไปเขาจึงเห็นใบหน้าอีกฝ่ายไม่ชัดนัก แต่ตอนนี้ห่างกันแค่เอื้อมมือจึงเห็นทุกอย่างชัดเจน
ใบหน้าที่นิ่งสงบอ่อนเยาว์กว่าที่คิด..ถ้าฟังจากที่อดีตนายจ้างของคนตรงหน้าเคยพูดคนตรงหน้าควรจะมีอายุเท่ากันหรือมากกว่าเขาไปแล้ว ผิวของอีกฝ่ายขาวจนติดซีด รูปร่างประมาณคร่าวๆว่าคงเตี้ยกว่าเขาอยู่เล็กน้อย ร่างกายนั่นดูบอบบางไม่ได้มีเค้าว่าเป็นนักขุดสุสานเลยซักนิด
อยู่ๆเมฆก็มืดครึ้มจนแสงจันทร์ด้านนอกหายไป ทั้งห้องตกอยู่ในความมืดมิด แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา.. ผมถอดแว่นออกล้วงหยิบผ้าขึ้นมาเช็ดแว่นตา ดวงตาของผมแพ้แสงอย่างหนักทำให้ไม่สามารถถอดแว่นได้หากมีแสงสว่าง ยิ่งแสงสว่างจ้ามันยิ่งทำให้ผมรู้สึกทรมานได้เลยทีเดียว แต่นั่นก็ทำให้ดวงตาของผมชินกับความมืด ตอนนี้แม้ถอดแว่นออกมองในห้องที่มืดสนิทนี้เขาก็ยังเห็นทุกอย่างชัดเจน
ซึ่งนั่นรวมถึงดวงตาสีดำสนิทที่กำลังมองฝ่าความมืดมา..
“อ้าว.. ตื่นแล้วเหรอครับ”ผมรีบสวมแว่นทันที..พร้อมฉีกยิ้มให้อีกฝ่าย
อีกเหตุผลนอกจากดวงตาแพ้แสงแล้ว..
คือสีของดวงตา..
..ดวงตาสีทองดูราวกับดวงตาของ 'อสรพิษ'
ผมมองสบดวงตาสีดำราบเรียบที่มองมา ผมรู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายมองเห็นได้แม้ความมืด ใบหน้าเรียบเฉยนั่นมองผมนิ่งๆไม่ได้เอ่ยคำพูดอะไร และถ้าผมยังไม่พูดอะไรออกไปผมเชื่อว่าอีกฝ่ายคงล้มตัวนอนต่อเป็นแน่
“ผมชื่อ เฮยเสียจื่อ เป็นผู้ร่วมทีมของคุณในวันนี้”ผมยังคงยิ้มให้เขาอย่างพยายามผูกมิตร แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่มีอารมณ์ร่วมซักนิด “ส่วนคุณคงเป็น คนใบ้จาง ที่เขาร่ำลือกันสินะ ฮะๆ”
อีกฝ่ายยังคงเงียบ..
ผมรู้สึกขัดใจนิดๆจึงเอ่ยออกไปด้วยสีหน้าตกตะลึงเกินพอดี ที่ดูกวนประสาทไม่น้อย “เอ๋!! หรือจริงๆแล้วคุณจะเป็นใบ้จริงๆ!”
“จางฉี่หลิง..”
เขาตอบผมด้วยสีหน้าและน้ำเสียงที่ราบเรียบไร้แววขัดเคือง ปฏิกิริยาของคนตรงหน้าไม่ได้เหนือไปกว่าความคาดหมายของผมเท่าไหร่จนผมอดหัวเราะไม่ได้
นิ่งชะมัด..
สีหน้าและแววตาที่ราบเรียบ ใบหน้าที่อ่อนเยาว์ ชื่อเสียงที่ร่ำลือ ไม่ว่าจะสิ่งไหนที่หมายถึงคนตรงหน้า ล้วนน่าสนใจ
อา..
ผมคงจะบ้าจริงๆแล้วละ ที่รู้สึกสนใจคนที่เพิ่งจะพบหน้ากันครั้งแรกมากขนาดนี้
ดูเหมือนผมจะเงียบนานไปหน่อย อีกฝ่ายจึงเอนหลังนอนลงอีกครั้งอย่างไม่ได้สนใจว่ามีสายตาของผมมองอยู่ตลอด ผ่านไปซักพักผมมองอีกฝ่ายจนเต็มอิ่ม จึงเอนหลังลงนอนบ้าง
ไม่แน่ว่า.. การที่ผมมองหน้าอีกฝ่ายนานๆก่อนนอนผมอาจจะฝันถึงเขาก็ได้..
ก็การที่จิตใจจดอยู่อยู่อะไรตอนก่อนนอน..
เวลานอนมักจะฝันถึงนี่นะ..
---------
แปะตอนแรก..ป้าบค่ะ
(แจวเรือ อึ๊บๆ)
ฮึดจั้มบึ๊ด XD ฝากด้วยนะค้าาา ขอโทษที่อัพช้าค่ะ!
อันนี้เป็นเฮยเสียจื่อในมุมมองของเราค่ะ.. แหะๆ////
ตอนที่ 1
ผมสะพายกระเป๋าเดินเอื่อยๆมายังจุดรวมพลที่สถานีรถไฟเวลานี้ผู้คนบางตา ขบวนที่เราใช้เดินทางเป็นรอบดึกที่ออกเดินทางตอนเที่ยงคืนของวัน ผมกวาดสายตามองหาผู้ร่วมทีม ก่อนสายตาผมจะไปสะดุดอยู่กับร่างหนึ่งที่ยืนพิงหลังกับกำแพงชายหนุ่มคนหนึ่งในชุดเสื้อสีน้ำเงินแบบมีฮู้ด อีกฝ่ายสะพายดาบเล่มใหญ่ที่มีฝักสีดำไว้บนหลัง เสี้ยวหน้าของชายคนนั้นนิ่งสงบดวงตาปิดสนิท..ทั้งที่ชายหนุ่มคนนั้นยืนอยู่ตรงหน้า แต่กลับไม่รู้สึกถึงการคงอยู่..
ราวกับอีกฝ่ายเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ..
ดวงตาสีดำสนิทปรือเปิดขึ้นเมื่อรู้สึกถึงสัมผัสอ่อนนุ่มบริเวณขา คนที่ผมมองอยู่ก้มลงไปมองสุนัขจรจัดสีดำที่เดินมานอนอยู่ข้างขา มันเกยหัวลงบนเท้าของอีกฝ่าย จนอดคิดไมได้ว่าถ้าเป็นเขาคงจะชักเท้าออกไปแล้ว แต่อีกฝ่ายเพียงแค่มองอยู่แบบนั้นและหลับตาลงอีกครั้ง
“คุณเฮยเสียจื่อสินะครับ ?” ชายคนหนึ่งเดินมาถามผม นั่นทำให้ผมต้องละสายตาจากคนฮู้ดน้ำเงิน ดูจากการแต่งตัวคงเป็นผู้ร่วมทีมของผมในวันนี้แน่ “ผม โหลวอู่ฟั่น เป็นคนสนิทของนายท่านฉู่ครับ”
“อ้อ คนของนายท่านฉู่นั่นเอง ผม เฮยเสียจื่อ ครับ” ผมฉีกยิ้มทักทาย อีกฝ่ายดูเหมือนจะพูดอะไรต่อ แต่ผมไม่ได้สนใจ ผมกำลังมองคนในชุดฮู้ดที่กำลังก้าวเดินขึ้นขบวนรถไปกับกลุ่มคนที่แต่งตัวคล้ายๆกับคนตรงหน้าเขานี่
“คนนั้นใครเหรอครับ” ผมพยักเพยิดไปทางคนฮู้ดน้ำเงินที่ทำให้ผมสนใจตั้งแต่แวบแรก จนลืมคนที่อยากจะพบแต่แรกไปเสียสนิท “ฮู้ดน้ำเงิน”
“อ๋อ ท่านนั้น คนใบ้จาง ครับ”..อา ผมสนใจถูกคนแล้วสินะ “เชิญขึ้นรถเถอะครับ รถจะออกแล้ว” โหลวอู่ฟั่นเดินนำผมขึ้นรถไป
รถไฟขบวนนี้ถือเป็นขบวนที่ดูมีระดับไม่น้อย พื้นเหล็กปูทับด้วยไม้เรียบเป็นทางเดิน เท่าที่เดินผ่านแต่ละขบวนเหมือนจะแบ่งที่นั่งไปตามฐานะของผู้โดยสารอย่างเป็นได้ชัด ขบวนหลังไล่จากที่นั่งไม้ธรรมดามาจนถึงห้องสำหรับนอน ตั้งแต่ช่วงกลางขบวนรถเห็นมีพนักงานรถไฟเดินอยู่ประปรายบางคนก้มหัวทำความเคารพผมประหนึ่งเจ้าพ่อมาเฟียในหนังผมส่งยิ้มเรี่ยราดให้พนักงานสาวตลอดทาง
ในที่สุดก็ถึงห้องของผมที่เหมือนจะอยู่เกือบหัวขบวนรถ ผมเหมือนจะได้ยินโหลวอู่ฟั่นพูดว่าผมต้องอยู่กับเพื่อนร่วมห้องอีกคนหนึ่ง ผมยิ้มพราย..กลิ่นความตายเจือจางนั่นทำให้ผมรู้ได้ทันทีว่าผู้ร่วมห้องเป็นใคร ผมหันไปไล่..อา ไม่สิ หันไปพูดกับโหลวอู๋ฟั่นว่าตัวเองอยากเข้าพักแล้วเดินทางมาไกล อีกฝ่ายจึงทำเพียงแค่ถามผมว่าผมทราบรายละเอียดเกี่ยวกับสถานที่เรากำลังมุ่งหน้าไปแล้วใช่ไหม เมื่อเขาเห็นผมพยักหน้าจึงเดินจากไป
ผมเคาะประตูพอเป็นมารยาทแล้วจึงเปิดเข้าไปโดยไม่รอให้คนข้างในตอบอะไรทั้งสิ้น แล้วผมก็เห็นร่างในฮู้ดสีน้ำเงินที่กำลังนอนอยู่บนเตียงทางขวาของห้อง อีกฝ่ายกำลังนอนหลับ…
อา..ขี้เซาชะมัด..ยังกับแมว.. แต่ถ้าเป็นแมว..คงไม่ปล่อยให้มีสุนัขมาคลอเคลียเหมือนตอนก่อนขึ้นรถนั่นหรอก..
ผมเห็นดังนั้นผมจึงทิ้งตัวลงนั่งพลางวางกระเป๋าลงข้างเตียงทางฝั่งซ้ายที่ว่างอยู่ ดวงตาละจากร่างคนฮู้ดน้ำเงินกวาดมองรอบห้อง
ห้องนี้เป็นห้องที่กว้างพอสมควร ขนาดที่พอจะวางเตียงเดี่ยวขนาดที่มากพอจะให้เขานอนกลิ้งได้ไม่ตก สองเตียงขนาบสองฝั่งห้อง บนเตียงมีผ้าห่มผืนหนาวางอยู่ ตรงกลางระหว่างเตียงเป็นตู้ขนาดเล็กสองตู้วางติดกัน เหนือขึ้นไปเป็นผ้าม่านที่เปิดเอาไว้รับแสงจากภายนอก..ที่ตอนนี้มีเพียงแค่แสงสว่างจากดวงจันทร์เท่านั้น เพราะโคมไฟที่เป็นแหล่งให้ความสว่างเพียงหนึ่งเดียวในห้องนั้นไม่ได้ถูกใช้งาน
ผมละสายตากลับมายังร่างที่นอนอยู่ ท้าวคางกับเขามองเพื่อนร่วมห้อง ในตอนแรกยืนห่างกันเกินไปเขาจึงเห็นใบหน้าอีกฝ่ายไม่ชัดนัก แต่ตอนนี้ห่างกันแค่เอื้อมมือจึงเห็นทุกอย่างชัดเจน
ใบหน้าที่นิ่งสงบอ่อนเยาว์กว่าที่คิด..ถ้าฟังจากที่อดีตนายจ้างของคนตรงหน้าเคยพูดคนตรงหน้าควรจะมีอายุเท่ากันหรือมากกว่าเขาไปแล้ว ผิวของอีกฝ่ายขาวจนติดซีด รูปร่างประมาณคร่าวๆว่าคงเตี้ยกว่าเขาอยู่เล็กน้อย ร่างกายนั่นดูบอบบางไม่ได้มีเค้าว่าเป็นนักขุดสุสานเลยซักนิด
อยู่ๆเมฆก็มืดครึ้มจนแสงจันทร์ด้านนอกหายไป ทั้งห้องตกอยู่ในความมืดมิด แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา.. ผมถอดแว่นออกล้วงหยิบผ้าขึ้นมาเช็ดแว่นตา ดวงตาของผมแพ้แสงอย่างหนักทำให้ไม่สามารถถอดแว่นได้หากมีแสงสว่าง ยิ่งแสงสว่างจ้ามันยิ่งทำให้ผมรู้สึกทรมานได้เลยทีเดียว แต่นั่นก็ทำให้ดวงตาของผมชินกับความมืด ตอนนี้แม้ถอดแว่นออกมองในห้องที่มืดสนิทนี้เขาก็ยังเห็นทุกอย่างชัดเจน
ซึ่งนั่นรวมถึงดวงตาสีดำสนิทที่กำลังมองฝ่าความมืดมา..
“อ้าว.. ตื่นแล้วเหรอครับ”ผมรีบสวมแว่นทันที..พร้อมฉีกยิ้มให้อีกฝ่าย
อีกเหตุผลนอกจากดวงตาแพ้แสงแล้ว..
คือสีของดวงตา..
..ดวงตาสีทองดูราวกับดวงตาของ 'อสรพิษ'
ผมมองสบดวงตาสีดำราบเรียบที่มองมา ผมรู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายมองเห็นได้แม้ความมืด ใบหน้าเรียบเฉยนั่นมองผมนิ่งๆไม่ได้เอ่ยคำพูดอะไร และถ้าผมยังไม่พูดอะไรออกไปผมเชื่อว่าอีกฝ่ายคงล้มตัวนอนต่อเป็นแน่
“ผมชื่อ เฮยเสียจื่อ เป็นผู้ร่วมทีมของคุณในวันนี้”ผมยังคงยิ้มให้เขาอย่างพยายามผูกมิตร แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่มีอารมณ์ร่วมซักนิด “ส่วนคุณคงเป็น คนใบ้จาง ที่เขาร่ำลือกันสินะ ฮะๆ”
อีกฝ่ายยังคงเงียบ..
ผมรู้สึกขัดใจนิดๆจึงเอ่ยออกไปด้วยสีหน้าตกตะลึงเกินพอดี ที่ดูกวนประสาทไม่น้อย “เอ๋!! หรือจริงๆแล้วคุณจะเป็นใบ้จริงๆ!”
“จางฉี่หลิง..”
เขาตอบผมด้วยสีหน้าและน้ำเสียงที่ราบเรียบไร้แววขัดเคือง ปฏิกิริยาของคนตรงหน้าไม่ได้เหนือไปกว่าความคาดหมายของผมเท่าไหร่จนผมอดหัวเราะไม่ได้
นิ่งชะมัด..
สีหน้าและแววตาที่ราบเรียบ ใบหน้าที่อ่อนเยาว์ ชื่อเสียงที่ร่ำลือ ไม่ว่าจะสิ่งไหนที่หมายถึงคนตรงหน้า ล้วนน่าสนใจ
อา..
ผมคงจะบ้าจริงๆแล้วละ ที่รู้สึกสนใจคนที่เพิ่งจะพบหน้ากันครั้งแรกมากขนาดนี้
ดูเหมือนผมจะเงียบนานไปหน่อย อีกฝ่ายจึงเอนหลังนอนลงอีกครั้งอย่างไม่ได้สนใจว่ามีสายตาของผมมองอยู่ตลอด ผ่านไปซักพักผมมองอีกฝ่ายจนเต็มอิ่ม จึงเอนหลังลงนอนบ้าง
ไม่แน่ว่า.. การที่ผมมองหน้าอีกฝ่ายนานๆก่อนนอนผมอาจจะฝันถึงเขาก็ได้..
ก็การที่จิตใจจดอยู่อยู่อะไรตอนก่อนนอน..
เวลานอนมักจะฝันถึงนี่นะ..
---------
แปะตอนแรก..ป้าบค่ะ
(แจวเรือ อึ๊บๆ)
ฮึดจั้มบึ๊ด XD ฝากด้วยนะค้าาา ขอโทษที่อัพช้าค่ะ!
bloodnine- ด้วงตำหนักหลู่หวังเจ็ดดารา
- จำนวนข้อความ : 77
Points : 3572
Join date : 27/10/2014
Re: [Fic] เพื่อนร่วมห้อง "เฮยผิง" ตอนที่ 1 10/11/2557
เจอหน้ากันครั้งแรกแกก็เกิดรักแรกพบซะแล้วเหรอแว่น โถวว
ถึงกับจะเก็บเสี่ยวเกอไปฝันแบบนี้ หวังว่าดึกๆแกคงไม่ละเมอเลื้อยขึ้นเตียงเค้าหรอกนะ
ถึงกับจะเก็บเสี่ยวเกอไปฝันแบบนี้ หวังว่าดึกๆแกคงไม่ละเมอเลื้อยขึ้นเตียงเค้าหรอกนะ
SilverCloud- ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ
- จำนวนข้อความ : 433
Points : 3945
Join date : 27/10/2014
ที่อยู่ : ตู้เสื้อผ้าของอารอง
Similar topics
» [OS] #Dmbjdaily "หวัง" (เสียผิง) 7/11/2557 ลง ตอนพิเศษ
» [OS] #dmbjdaily 32 days left : Lipstick (plan) เฮยผิง
» [SF] มิวสิควีดีโอ: เพลงอากงหลงทาง [ผิงเสีย-เสียผิง (+ เฮยผิง?)] - สปอยเล่ม 10
» [Fic] บันทึกเสี่ยวเสียแห่งอนุบาลลูกเจี๊ยบ ตอนที่ 2: "เพื่อนใหม่"
» [FIC] บันทึกเสี่ยวเสียแห่งอนุบาลลูกเจี๊ยบ ตอนที่ 3: ละครโรงเรียน
» [OS] #dmbjdaily 32 days left : Lipstick (plan) เฮยผิง
» [SF] มิวสิควีดีโอ: เพลงอากงหลงทาง [ผิงเสีย-เสียผิง (+ เฮยผิง?)] - สปอยเล่ม 10
» [Fic] บันทึกเสี่ยวเสียแห่งอนุบาลลูกเจี๊ยบ ตอนที่ 2: "เพื่อนใหม่"
» [FIC] บันทึกเสี่ยวเสียแห่งอนุบาลลูกเจี๊ยบ ตอนที่ 3: ละครโรงเรียน
หน้า 1 จาก 1
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
|
|
Fri 24 Jul 2020, 01:39 by gustoon
» [คู่มือด้วง] Keyword จีนสำหรับการขุด(แฟนดอม)สุสาน
Thu 21 Jun 2018, 00:29 by miskizfullmoon
» มังฮวาและภาคทิเบต
Thu 21 Jun 2018, 00:23 by miskizfullmoon
» [OS] Father is the best (ผิงเสีย)
Thu 03 Aug 2017, 16:12 by schneewittchen
» [Fic] สิ่งเล็กๆที่เชื่อมโลก5 [เมินโหยวผิง+อู่เสีย+เสี่ยอ้วน]+OC
Tue 01 Aug 2017, 12:30 by natsume
» [OS] #dmbjdaily (จูปาจุ๊บ) Bittersweet [ผิงเสีย AU]
Thu 06 Apr 2017, 15:58 by Zeth
» [OS] #dmbjdaily "โทรศัพท์มือถือ" - no Pairing [All]
Tue 04 Apr 2017, 22:27 by Zeth
» [OS] #DMBJDaily (แว่น): ระยะที่มองไม่เห็น [ฮัวเสีย]
Sat 01 Apr 2017, 16:55 by Zeth
» [OS] #DMBJdaily (5.20) ท่านยอดฝีมือ [หวังเหมิง (+เหมิงเสีย)(+ผิงเสีย)]
Thu 30 Mar 2017, 17:24 by Zeth