Countdown
We've been
togerther for
ค้นหา
Latest topics
Most active topics
[SF] พบพาน [เสียหย่าง?/หย่างเสีย?] ☼สปอยล์เล่ม10☼
3 posters
หน้า 1 จาก 1
[SF] พบพาน [เสียหย่าง?/หย่างเสีย?] ☼สปอยล์เล่ม10☼
TITLE: พบพาน
PAIRING: เสียหย่าง?/หย่างเสีย?
RATING: G
SPOILER ALERT VOL.10
แม้ดวงอาทิตย์จะลับขอบฟ้าและเข้าสู่ช่วงเวลาเย็นแล้ว แต่ความครึกครื้นของเอ้อร์เต้าไป๋เหอก็ไม่ได้ลดลงแม้แต่น้อย กลับดูมีชีวิตชีวาขึ้นด้วยการแต้มแต่งจากสีส้มจางๆ ของท้องฟ้าท้องฟ้าด้วยซ้ำ ผมสูบบุหรี่พลางชื่นชมในบรรยากาศไปด้วย
แต่เอาเข้าจริงๆ แล้วผมกำลังใจลอยนึกถึงเรื่องราวในอดีตที่เหมือนจะผ่านมานานแสนนานจนจับต้องไม่ได้ จะว่าเวลาผ่านไปเร็วก็ว่าได้ แค่ละสายตานิดเดียวก็เป็นเวลาสิบปีเสียแล้ว ผมกำลังไล่ทบทวนความทรงจำตั้งแต่จุดเริ่มต้นของวังวนอันแสนจะวุ่นวายนี้ยันการจบลงที่ประตูสำริดในคราวนั้น
และสิ่งที่ทำให้ผมสะดุดในความทรงจำคือเรื่องต้นไม้สำริดยักษ์ที่ผมไปกับเหลาหย่างครั้งนั้น มันเป็นการผจญภัยที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับมวลปัญหาทั้งหมดแต่ก็ทำให้ผมสูญเสียเพื่อนสนิทของผมไป
หลังจากจดหมายที่ได้รับเมื่อตอนนั้นผมก็ไม่ได้รับการติดต่อใดๆ ทั้งสิ้นจากเหลาหย่างอีกเลย ซึ่งก็อดใจหายไม่ได้ เห็นหน้าเห็นตาใส่กางเกงในมากันตัวเดียวกันตั้งแต่เด็กๆ จะว่าความทรงจำในวัยเด็กสักแปดสิบเปอร์เซนต์ต่างก็มีภาพเจ้าเพื่อนจอมติดอ่างด้วยก็ว่าได้ แต่ตอนนี้เจ้านั้นอยู่ไหนก็ไม่รู้ แล้วผ่านมานานขนาดนี้ก็คงจะเป็นอย่างที่ในจดหมายกล่าวนั่นแหละ อีกฝ่ายคงสูญเสียความทรงจำโดยสมบูรณ์แบบไปแล้วด้วยซ้ำมั้ง... รู้สึกเหงาหน่อยๆ แฮะ
เอาเถอะ ขอให้นายในตอนนี้มีความสุขดีนะเหลาหย่าง
ผมตื่นแต้เช้าในวันต่อมา ถึงอาหารมื้อเย็นเมื่อคืนจะอิ่มจนทำให้นอนสบายเป็นหมูยันบ่ายได้ แต่ก็ไม่สามารถทนเสียงกรนของนายอ้วนที่นอนห้องเดียวกันได้หรอก ผมก็ได้แต่ข่มความรู้สึกที่อยากเอาถุงเท้าอันเหม็นเน่าของเจ้าตัวมาอุดปากให้รู้แล้วรู้รอดก่อนจะออกไปเดินเล่นรับลม คราวนี้ผมผ่อนคลายกว่าเมื่อตอนสองครั้งก่อนมากนัก ไม่ต้องคอยกังวลเรื่องการรวมกลุ่มกับพวกเฉินผีอาสื่อตามหาตำหนักทิพย์พิมานเมฆ หรือไม่ต้องคอยคิดหาคำเกลี่ยกล้อมนายเมินโหยวผิงตลอดเวลาหรือคอยพะวงว่าอีกฝ่ายจะแอบหายตัวไปตอนไหนทั้งนั้น เพราะคราวนี้ผมเตรียมตัวมาอย่างพร้อมที่สุด
ระหว่างทางที่เดินไปเรื่อยๆ แม้ว่าตอนนี้จะเป็นเวลาเช้าก็จริง แต่ก็มีเหล่าหนุ่มสาววัยรุ่นหรือคณะท่องเที่ยวบางคณะออกมาเพ่นพ่านเดินเล่นถ่ายรูปเล่นเสียแล้ว กระปรี้กระเปร้ากันจริง
“เอ่อ ขอโทษครับ”
ผมที่เดินโดยไม่มองรู้สึกว่าเตะขาใครเขาเลยกล่าวขอโทษโดยอัตโนมัติถึงคอยมองคนที่เดินชน แล้วค้นพบว่าแท้จริงแล้วขาที่ผมเผลอเตะโดนนั้นนั่งอยู่บนรถเข็นคันหนึ่ง เจ้าของขาที่ผมเตะโดนนั้นเป็นหญิงวัยกลางคนที่ผมขาวแซงอยู่บนเรือนผม แต่กระนั้นก็ยังดูอ่อนวัยมาก ดูออกว่าเจ้าตัวน่าจะเป็นคนสวยคนหนึ่งแม้ในยามหลับตานอนบนรถเข็นก็ตาม
แต่ทว่าใบหน้าที่กำลังหลับใหลนั้นกลับดูคุ้นแปลกๆ
“โอ้ ขอ...ขอโทษครับ ล้อรถเข็นไปชนคุณเข้าหรือเปล่า”
ผมที่เอาแต่สนใจจดจ้องอยู่แต่กับใบหน้าของหญิงวัยกลางคนสะดุ้งนิดหน่อยกับเสียงที่จู่ๆ ก็ตามมา มีรถเข็นก็ต้องคนเข็นแน่นอนอยู่แล้ว แต่อันที่จริงสิ่งที่ทำให้ผมสะดุ้งจริงๆ คงจะเป็นเสียงอันคุ้นหูเสียมากกว่า
พอเงยหน้ามองเจ้าของเสียงแล้วตัวถึงกับเย็นวาบ
“นี่..นี่คุณ เจ็บจนพูดไม่ออกเลยเหรอ” เขาขมวดคิ้วมองผมด้วยความรู้สึกจนใจ
ผมรีบดึงสติที่เกือบหลุดลอยให้กลับเข้าที่ก่อนจะพูดตอบด้วยท่าทีที่ปกติ
“ไม่หรอก ทางฝ่ายผมผิดเองที่ไม่ระวังเตะโดนขาของแม่คุณเข้า”
“คุณรู้ได้ไงว่านี่เป็นแม่ของผม” เจ้าตัวเบิกตามองผมอย่างประหลาดใจ “ปก...ปกติคนอื่นจะชอบทักว่าเป็นคนรักกันไม่ก็พี่น้องแท้ๆ”
ได้แต่ยิ้มแหยๆ แล้วเปลี่ยนเรื่องแทน “ผมก็ไม่รู้เหมือนกันแค่ความรู้สึกมันบอกน่ะ ว่าแต่คุณพาคุณแม่ของคุณมาเที่ยวเหรอ”
“อื้อ ฉันกับแม่ไปอยู่ต่างประเทศมาหลายปี แม่บ่นๆ ว่าคิดถึงบ้านเกิด ฉันเลยถือโอกาสพาท่านกลับมาพร้อมพาไปเที่ยวด้วยเลย เป็นไงล่ะ อิจฉาล่ะสิที่แม่ฉันยังสาวยังสว— เฮ้ย โทษ...โทษที ผมก็ไม่รู้ทำไมว่าจู่ๆ ถึงพูดจาอย่างนั้นกับคุณ”
ผมมองคนตรงหน้าที่กำลังทำหน้าแปลกใจกับตัวเองด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก ไม่รู้จะร้องไห้หรือหัวเราะดี นิสัยกับหน้าตาไม่เปลี่ยนเลยแม้จะผ่านมานานแล้วก็เถอะ
สงสัยว่าเขาเห็นผมเงียบก็เลยรีบพูดต่ออย่างร้อนรน “เมื่อหลายปีก่อนเหมือนสมองผมจะได้รับการกระทบกระเทือนบางอย่างจนมีปัญหาแบบพวดความจำเสื่อมน่ะ บางครั้งก็ชอบเผลอทำอะไรโดยไม่รู้ตัว แต่นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ผมพูดจาแบบนี้กับคนแปลกหน้า”
“คุณมาบอกผมอย่างนี้ไม่กลัวผมจะนึกว่าคุณเป็นคนสติไม่ดีเหรอ” ผมขำเล็กน้อย
“ไม่...ไม่รู้สิ ความรู้สึกมันบอกว่าไม่น่ะ” เจ้าตัวยิ้มกวนประสาทส่งมาให้พร้อมกับพ่นประโยคคุ้นๆ
เราสองคนคุยสัพเพหระอีกสักพัก ก่อนที่แม่ของเขาจะตื่นขึ้นมา
“แม่ของผมตื่นแล้ว งั้นเดี๋ยวผมขอพาท่านไปทานข้าวเช้าก่อนนะ ลาก่อน”
ผมยิ้มบางส่งให้เขาแล้วกล่าวคำลาที่เมื่อครั้งนั้นไม่ได้เอ่ย “ลาก่อน ขอให้โชคดี เหลาหย่าง”
เซี่ยจื่อหยางยิ้มกว้างโบกมือให้ผมพร้อมจากไป
ผมมองส่งตามหลังเหลาหย่าง บอกตรงๆ เลยผมไม่คิดเลยว่าจะเจอเขาที่นี่ ผมนึกว่าชีวิตนี้จะไม่ได้เจอเขาอีกแล้วด้วยซ้ำ หรือพระเจ้ากำลังให้โอกาสผมได้กล่าวล่ำลากับเพื่อนเก่าเพื่อนแก่นะ เป็นลางสังหรณ์ไม่ดีเลย เกรงว่าการมาฉางไป๋ซานครั้งนี้อาจเกิดเรื่องก็ได้ คิดแล้วก็ได้แต่ถอดถอนหายใจกับตัวเอง
ที่ผมไม่ได้บอกเหลาหย่างว่าผมเป็นใครเพราะถึงบอกไปเจ้าตัวก็อาจจะจำไม่ได้ แม้ว่าระหว่างบทสนทนาเมื่อกี้จะมีหลุดวิธีการพูดที่ใช้คุยกับผมเมื่อก่อนบ่อยๆ ก็เถอะ ผมเชื่อว่ามันคงเป็นปฏิกิริยาอัตโนมัติชนิดหนึ่งล่ะมั้งนะ และอีกสาเหตุที่ผมไม่ได้บอกกับเจ้าตัวว่าผมคืออู๋เสียเพื่อนตั้งแต่เด็กของเขานั่นก็คือตัวเขาในตอนนี้ก็ดูมีความสุขดีแล้ว อย่าไปรื้อฟื้นความทรงจำแย่ๆ เกี่ยวกับแม่ที่เหลาหย่างจะพานนึกขึ้นได้จากการจำผมได้เลยดีกว่า
แต่ผมก็ดีใจจริงๆ นะทีได้เห็นว่าเหลาหย่างของผมยังสบายดีอยู่
ดีแล้ว ฉันดีใจแทนนายจริงๆ...
ผมกดความรู้สึกที่อยากจะรั้งอีกฝ่ายไว้แล้วหันหลังเดินไปอีกทางทันที
ความรู้สึกที่อาจเรียกว่า ‘ความโหยหา’
“มีอะไร” ผมรับโทรศัพท์ที่โทรมาจากนายอ้วน
“ยังจะกล้าถามอีกว่ามีอะไร อยากโดนเสี่ยอ้วนทับตายใช่มั้ย เชี่ยเอ้ย ฉันนึกว่านายรอไม่ไหวจนเดินทางไปรอเสี่ยวเกอคนเดียวซะแล้วอีก”
“นั่นก็เพราะเสียงใครกรนกันล่ะ กรนอย่างกับหมู ใครจะไปนอนหลับลงกัน ถ้าไม่เกรงใจกันฉันเอาถุงเท้านายยัดปากนายไปแล้ว”
“ได้ฟังเสียงกรนอันไพเราะของเสี่ยอ้วนถึงว่าเป็นพรเฟ้ย บลาๆๆ....”
คล้อยหลังเมื่อเข็นรถเข็นมาได้สักพักเสียงที่อ่อนโยนอย่างเสมอต้นเสมอปลายของแม่เขาก็เอ่ยทำลายความเงียบขึ้น
“เมื่อกี้เหมือนแม่ได้ยินเสียงเสี่ยวเสียเลยนะ หรือว่าแม่ได้ยินผิดไป”
“เสี่ยวเสีย?” เซี่ยจื่อหยางเลิกคิ้วอย่างแปลกใจเพราะรู้สึกคุ้นเคยกับชื่ออย่างบอกไม่ถูก
“ตายแล้ว แม่ลืมไปว่าลูกลืมเรื่องในอดีตไปแล้ว เฮ้อ จริงๆ เลย ทั้งๆ ที่ตอนเด็กๆ ลูกกับเสี่ยวเสียตัวติดกันเสียยิ่งกว่าอะไรแท้ๆ”
“ฮ่ะๆๆ จริงเหรอ” เขาก็ได้แต่ฟังแม่บ่นอิดออดไป เขาไม่สนหรอกว่าอดีตจะเป็นยังไง จำไม่ได้ก็ช่าง แค่ตอนนี้เขาอยู่กับแม่ก็มีความสุขแล้ว
ตัวเซี่ยจื่อหยางไม่เคยออกตามหาความทรงจำของตัวเอง เพราะเหมือนมีความรู้สึกลึกๆ ในใจว่าเขาทำใจและเตรียมพร้อมสำหรับการสูญเสียมานานแล้ว แม้จะรู้สึกโหวงๆ บ้างในบางครั้ง แต่เขาก็ไม่เคยเก็บมาคิดให้หนักใจ เพราะว่าสำหรับเขาแล้วปัจจุบันที่มีอยู่สำคัญที่สุด
ว่าแต่คนแปลกหน้าเมื่อกี้ที่คุยด้วยเมื่อกี้คุยกันคล่องชะมัด ถ้าเขาไม่ระงับตัวเองก็อาจจะหลุดคำหยาบไปบ้างแล้วก็ได้ เหลาหย่างก็ได้แต่ขบคิดว่าหรือบางทีก่อนความจำเสื่อม ก่อนเขาออกจากประเทศ เขาจะเคยรู้จักคนเมื่อกี้มาก่อน? แต่อีกฝ่ายก็ไม่มีท่าทีที่เหมือนรู้จักเขามาก่อนนี่นา เอาเถอะ ช่างมั...
ในวินาทีที่เซี่ยจื่อหยางกำลังจะปล่อยความคิดให้ผ่านไป กลับมีคำๆ หนึ่งแวบขึ้นมาในหัวเสียก่อน
อู๋เสีย(吳邪)
อู๋...เสีย...?
“ไร้พิษภัย?( 无邪?)”
END
นี่เป็นฟิค(เต้ามู่)เรื่องเเรกที่เขียนค่ะ ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน ทั้งๆที่เราอยู่ทีมอาสาม เชียร์ผิงเสีย
เเต่ฟิคเรื่องเเรกที่เเต่งกลับเป็นเหลาหย่างกับอู๋เสีย... เเง้ ไร้สติเกินนนนน
ก็เคยตอนอ่านสิบปีเเล้วที่คุณเบียร์เเปลเเล้วจู่ๆก็นึกถึงเหลาหย่างเเค่นั้นเองงงงงงง ฮ่อย
เอาจริงๆ ประเด็นของอู๋เสียกับเหลาหย่างน่าจิ้นจริงๆนั่นเเหละ
เป็นเพื่อนกันมาเเต่เด็ก จู่ๆเพราะลงกรวยครั้งเดียวก็พรวดพราดเพื่อนหายเเล้วมีทีท่าจะความจำเสื่อมด้วย /ทำดี
จากตอนที่อู๋เสียตกหน้าเเล้วตำรวจเล่าว่าถูกปฐมพยาบาลเเล้วเราเดาว่าน่าจะเป็นเหลาหย่างที่ทำเเผลให้นะฟฟฟฟฟฟ
เป็นช่องว่างที่คุณหนานไพ่เปิดให้เหล่าเเฟนเกิร์ลเปิดจินตนาการจริงๆ ถถถถถ
ยังไงก็ฝากฟิคนี้ไว้ในอ้อมอกเหล่าด้วงด้วยนะคะ ;w; ติได้อะไรได้ ไม่ได้เขียนฟิคมานานเเล้ว งื้อ
PAIRING: เสียหย่าง?/หย่างเสีย?
RATING: G
SPOILER ALERT VOL.10
แม้ดวงอาทิตย์จะลับขอบฟ้าและเข้าสู่ช่วงเวลาเย็นแล้ว แต่ความครึกครื้นของเอ้อร์เต้าไป๋เหอก็ไม่ได้ลดลงแม้แต่น้อย กลับดูมีชีวิตชีวาขึ้นด้วยการแต้มแต่งจากสีส้มจางๆ ของท้องฟ้าท้องฟ้าด้วยซ้ำ ผมสูบบุหรี่พลางชื่นชมในบรรยากาศไปด้วย
แต่เอาเข้าจริงๆ แล้วผมกำลังใจลอยนึกถึงเรื่องราวในอดีตที่เหมือนจะผ่านมานานแสนนานจนจับต้องไม่ได้ จะว่าเวลาผ่านไปเร็วก็ว่าได้ แค่ละสายตานิดเดียวก็เป็นเวลาสิบปีเสียแล้ว ผมกำลังไล่ทบทวนความทรงจำตั้งแต่จุดเริ่มต้นของวังวนอันแสนจะวุ่นวายนี้ยันการจบลงที่ประตูสำริดในคราวนั้น
และสิ่งที่ทำให้ผมสะดุดในความทรงจำคือเรื่องต้นไม้สำริดยักษ์ที่ผมไปกับเหลาหย่างครั้งนั้น มันเป็นการผจญภัยที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับมวลปัญหาทั้งหมดแต่ก็ทำให้ผมสูญเสียเพื่อนสนิทของผมไป
หลังจากจดหมายที่ได้รับเมื่อตอนนั้นผมก็ไม่ได้รับการติดต่อใดๆ ทั้งสิ้นจากเหลาหย่างอีกเลย ซึ่งก็อดใจหายไม่ได้ เห็นหน้าเห็นตาใส่กางเกงในมากันตัวเดียวกันตั้งแต่เด็กๆ จะว่าความทรงจำในวัยเด็กสักแปดสิบเปอร์เซนต์ต่างก็มีภาพเจ้าเพื่อนจอมติดอ่างด้วยก็ว่าได้ แต่ตอนนี้เจ้านั้นอยู่ไหนก็ไม่รู้ แล้วผ่านมานานขนาดนี้ก็คงจะเป็นอย่างที่ในจดหมายกล่าวนั่นแหละ อีกฝ่ายคงสูญเสียความทรงจำโดยสมบูรณ์แบบไปแล้วด้วยซ้ำมั้ง... รู้สึกเหงาหน่อยๆ แฮะ
เอาเถอะ ขอให้นายในตอนนี้มีความสุขดีนะเหลาหย่าง
ผมตื่นแต้เช้าในวันต่อมา ถึงอาหารมื้อเย็นเมื่อคืนจะอิ่มจนทำให้นอนสบายเป็นหมูยันบ่ายได้ แต่ก็ไม่สามารถทนเสียงกรนของนายอ้วนที่นอนห้องเดียวกันได้หรอก ผมก็ได้แต่ข่มความรู้สึกที่อยากเอาถุงเท้าอันเหม็นเน่าของเจ้าตัวมาอุดปากให้รู้แล้วรู้รอดก่อนจะออกไปเดินเล่นรับลม คราวนี้ผมผ่อนคลายกว่าเมื่อตอนสองครั้งก่อนมากนัก ไม่ต้องคอยกังวลเรื่องการรวมกลุ่มกับพวกเฉินผีอาสื่อตามหาตำหนักทิพย์พิมานเมฆ หรือไม่ต้องคอยคิดหาคำเกลี่ยกล้อมนายเมินโหยวผิงตลอดเวลาหรือคอยพะวงว่าอีกฝ่ายจะแอบหายตัวไปตอนไหนทั้งนั้น เพราะคราวนี้ผมเตรียมตัวมาอย่างพร้อมที่สุด
ระหว่างทางที่เดินไปเรื่อยๆ แม้ว่าตอนนี้จะเป็นเวลาเช้าก็จริง แต่ก็มีเหล่าหนุ่มสาววัยรุ่นหรือคณะท่องเที่ยวบางคณะออกมาเพ่นพ่านเดินเล่นถ่ายรูปเล่นเสียแล้ว กระปรี้กระเปร้ากันจริง
“เอ่อ ขอโทษครับ”
ผมที่เดินโดยไม่มองรู้สึกว่าเตะขาใครเขาเลยกล่าวขอโทษโดยอัตโนมัติถึงคอยมองคนที่เดินชน แล้วค้นพบว่าแท้จริงแล้วขาที่ผมเผลอเตะโดนนั้นนั่งอยู่บนรถเข็นคันหนึ่ง เจ้าของขาที่ผมเตะโดนนั้นเป็นหญิงวัยกลางคนที่ผมขาวแซงอยู่บนเรือนผม แต่กระนั้นก็ยังดูอ่อนวัยมาก ดูออกว่าเจ้าตัวน่าจะเป็นคนสวยคนหนึ่งแม้ในยามหลับตานอนบนรถเข็นก็ตาม
แต่ทว่าใบหน้าที่กำลังหลับใหลนั้นกลับดูคุ้นแปลกๆ
“โอ้ ขอ...ขอโทษครับ ล้อรถเข็นไปชนคุณเข้าหรือเปล่า”
ผมที่เอาแต่สนใจจดจ้องอยู่แต่กับใบหน้าของหญิงวัยกลางคนสะดุ้งนิดหน่อยกับเสียงที่จู่ๆ ก็ตามมา มีรถเข็นก็ต้องคนเข็นแน่นอนอยู่แล้ว แต่อันที่จริงสิ่งที่ทำให้ผมสะดุ้งจริงๆ คงจะเป็นเสียงอันคุ้นหูเสียมากกว่า
พอเงยหน้ามองเจ้าของเสียงแล้วตัวถึงกับเย็นวาบ
“นี่..นี่คุณ เจ็บจนพูดไม่ออกเลยเหรอ” เขาขมวดคิ้วมองผมด้วยความรู้สึกจนใจ
ผมรีบดึงสติที่เกือบหลุดลอยให้กลับเข้าที่ก่อนจะพูดตอบด้วยท่าทีที่ปกติ
“ไม่หรอก ทางฝ่ายผมผิดเองที่ไม่ระวังเตะโดนขาของแม่คุณเข้า”
“คุณรู้ได้ไงว่านี่เป็นแม่ของผม” เจ้าตัวเบิกตามองผมอย่างประหลาดใจ “ปก...ปกติคนอื่นจะชอบทักว่าเป็นคนรักกันไม่ก็พี่น้องแท้ๆ”
ได้แต่ยิ้มแหยๆ แล้วเปลี่ยนเรื่องแทน “ผมก็ไม่รู้เหมือนกันแค่ความรู้สึกมันบอกน่ะ ว่าแต่คุณพาคุณแม่ของคุณมาเที่ยวเหรอ”
“อื้อ ฉันกับแม่ไปอยู่ต่างประเทศมาหลายปี แม่บ่นๆ ว่าคิดถึงบ้านเกิด ฉันเลยถือโอกาสพาท่านกลับมาพร้อมพาไปเที่ยวด้วยเลย เป็นไงล่ะ อิจฉาล่ะสิที่แม่ฉันยังสาวยังสว— เฮ้ย โทษ...โทษที ผมก็ไม่รู้ทำไมว่าจู่ๆ ถึงพูดจาอย่างนั้นกับคุณ”
ผมมองคนตรงหน้าที่กำลังทำหน้าแปลกใจกับตัวเองด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก ไม่รู้จะร้องไห้หรือหัวเราะดี นิสัยกับหน้าตาไม่เปลี่ยนเลยแม้จะผ่านมานานแล้วก็เถอะ
สงสัยว่าเขาเห็นผมเงียบก็เลยรีบพูดต่ออย่างร้อนรน “เมื่อหลายปีก่อนเหมือนสมองผมจะได้รับการกระทบกระเทือนบางอย่างจนมีปัญหาแบบพวดความจำเสื่อมน่ะ บางครั้งก็ชอบเผลอทำอะไรโดยไม่รู้ตัว แต่นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ผมพูดจาแบบนี้กับคนแปลกหน้า”
“คุณมาบอกผมอย่างนี้ไม่กลัวผมจะนึกว่าคุณเป็นคนสติไม่ดีเหรอ” ผมขำเล็กน้อย
“ไม่...ไม่รู้สิ ความรู้สึกมันบอกว่าไม่น่ะ” เจ้าตัวยิ้มกวนประสาทส่งมาให้พร้อมกับพ่นประโยคคุ้นๆ
เราสองคนคุยสัพเพหระอีกสักพัก ก่อนที่แม่ของเขาจะตื่นขึ้นมา
“แม่ของผมตื่นแล้ว งั้นเดี๋ยวผมขอพาท่านไปทานข้าวเช้าก่อนนะ ลาก่อน”
ผมยิ้มบางส่งให้เขาแล้วกล่าวคำลาที่เมื่อครั้งนั้นไม่ได้เอ่ย “ลาก่อน ขอให้โชคดี เหลาหย่าง”
เซี่ยจื่อหยางยิ้มกว้างโบกมือให้ผมพร้อมจากไป
ผมมองส่งตามหลังเหลาหย่าง บอกตรงๆ เลยผมไม่คิดเลยว่าจะเจอเขาที่นี่ ผมนึกว่าชีวิตนี้จะไม่ได้เจอเขาอีกแล้วด้วยซ้ำ หรือพระเจ้ากำลังให้โอกาสผมได้กล่าวล่ำลากับเพื่อนเก่าเพื่อนแก่นะ เป็นลางสังหรณ์ไม่ดีเลย เกรงว่าการมาฉางไป๋ซานครั้งนี้อาจเกิดเรื่องก็ได้ คิดแล้วก็ได้แต่ถอดถอนหายใจกับตัวเอง
ที่ผมไม่ได้บอกเหลาหย่างว่าผมเป็นใครเพราะถึงบอกไปเจ้าตัวก็อาจจะจำไม่ได้ แม้ว่าระหว่างบทสนทนาเมื่อกี้จะมีหลุดวิธีการพูดที่ใช้คุยกับผมเมื่อก่อนบ่อยๆ ก็เถอะ ผมเชื่อว่ามันคงเป็นปฏิกิริยาอัตโนมัติชนิดหนึ่งล่ะมั้งนะ และอีกสาเหตุที่ผมไม่ได้บอกกับเจ้าตัวว่าผมคืออู๋เสียเพื่อนตั้งแต่เด็กของเขานั่นก็คือตัวเขาในตอนนี้ก็ดูมีความสุขดีแล้ว อย่าไปรื้อฟื้นความทรงจำแย่ๆ เกี่ยวกับแม่ที่เหลาหย่างจะพานนึกขึ้นได้จากการจำผมได้เลยดีกว่า
แต่ผมก็ดีใจจริงๆ นะทีได้เห็นว่าเหลาหย่างของผมยังสบายดีอยู่
ดีแล้ว ฉันดีใจแทนนายจริงๆ...
ผมกดความรู้สึกที่อยากจะรั้งอีกฝ่ายไว้แล้วหันหลังเดินไปอีกทางทันที
ความรู้สึกที่อาจเรียกว่า ‘ความโหยหา’
“มีอะไร” ผมรับโทรศัพท์ที่โทรมาจากนายอ้วน
“ยังจะกล้าถามอีกว่ามีอะไร อยากโดนเสี่ยอ้วนทับตายใช่มั้ย เชี่ยเอ้ย ฉันนึกว่านายรอไม่ไหวจนเดินทางไปรอเสี่ยวเกอคนเดียวซะแล้วอีก”
“นั่นก็เพราะเสียงใครกรนกันล่ะ กรนอย่างกับหมู ใครจะไปนอนหลับลงกัน ถ้าไม่เกรงใจกันฉันเอาถุงเท้านายยัดปากนายไปแล้ว”
“ได้ฟังเสียงกรนอันไพเราะของเสี่ยอ้วนถึงว่าเป็นพรเฟ้ย บลาๆๆ....”
คล้อยหลังเมื่อเข็นรถเข็นมาได้สักพักเสียงที่อ่อนโยนอย่างเสมอต้นเสมอปลายของแม่เขาก็เอ่ยทำลายความเงียบขึ้น
“เมื่อกี้เหมือนแม่ได้ยินเสียงเสี่ยวเสียเลยนะ หรือว่าแม่ได้ยินผิดไป”
“เสี่ยวเสีย?” เซี่ยจื่อหยางเลิกคิ้วอย่างแปลกใจเพราะรู้สึกคุ้นเคยกับชื่ออย่างบอกไม่ถูก
“ตายแล้ว แม่ลืมไปว่าลูกลืมเรื่องในอดีตไปแล้ว เฮ้อ จริงๆ เลย ทั้งๆ ที่ตอนเด็กๆ ลูกกับเสี่ยวเสียตัวติดกันเสียยิ่งกว่าอะไรแท้ๆ”
“ฮ่ะๆๆ จริงเหรอ” เขาก็ได้แต่ฟังแม่บ่นอิดออดไป เขาไม่สนหรอกว่าอดีตจะเป็นยังไง จำไม่ได้ก็ช่าง แค่ตอนนี้เขาอยู่กับแม่ก็มีความสุขแล้ว
ตัวเซี่ยจื่อหยางไม่เคยออกตามหาความทรงจำของตัวเอง เพราะเหมือนมีความรู้สึกลึกๆ ในใจว่าเขาทำใจและเตรียมพร้อมสำหรับการสูญเสียมานานแล้ว แม้จะรู้สึกโหวงๆ บ้างในบางครั้ง แต่เขาก็ไม่เคยเก็บมาคิดให้หนักใจ เพราะว่าสำหรับเขาแล้วปัจจุบันที่มีอยู่สำคัญที่สุด
ว่าแต่คนแปลกหน้าเมื่อกี้ที่คุยด้วยเมื่อกี้คุยกันคล่องชะมัด ถ้าเขาไม่ระงับตัวเองก็อาจจะหลุดคำหยาบไปบ้างแล้วก็ได้ เหลาหย่างก็ได้แต่ขบคิดว่าหรือบางทีก่อนความจำเสื่อม ก่อนเขาออกจากประเทศ เขาจะเคยรู้จักคนเมื่อกี้มาก่อน? แต่อีกฝ่ายก็ไม่มีท่าทีที่เหมือนรู้จักเขามาก่อนนี่นา เอาเถอะ ช่างมั...
ในวินาทีที่เซี่ยจื่อหยางกำลังจะปล่อยความคิดให้ผ่านไป กลับมีคำๆ หนึ่งแวบขึ้นมาในหัวเสียก่อน
อู๋เสีย(吳邪)
อู๋...เสีย...?
“ไร้พิษภัย?( 无邪?)”
END
นี่เป็นฟิค(เต้ามู่)เรื่องเเรกที่เขียนค่ะ ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน ทั้งๆที่เราอยู่ทีมอาสาม เชียร์ผิงเสีย
เเต่ฟิคเรื่องเเรกที่เเต่งกลับเป็นเหลาหย่างกับอู๋เสีย... เเง้ ไร้สติเกินนนนน
ก็เคยตอนอ่านสิบปีเเล้วที่คุณเบียร์เเปลเเล้วจู่ๆก็นึกถึงเหลาหย่างเเค่นั้นเองงงงงงง ฮ่อย
เอาจริงๆ ประเด็นของอู๋เสียกับเหลาหย่างน่าจิ้นจริงๆนั่นเเหละ
เป็นเพื่อนกันมาเเต่เด็ก จู่ๆเพราะลงกรวยครั้งเดียวก็พรวดพราดเพื่อนหายเเล้วมีทีท่าจะความจำเสื่อมด้วย /ทำดี
จากตอนที่อู๋เสียตกหน้าเเล้วตำรวจเล่าว่าถูกปฐมพยาบาลเเล้วเราเดาว่าน่าจะเป็นเหลาหย่างที่ทำเเผลให้นะฟฟฟฟฟฟ
เป็นช่องว่างที่คุณหนานไพ่เปิดให้เหล่าเเฟนเกิร์ลเปิดจินตนาการจริงๆ ถถถถถ
ยังไงก็ฝากฟิคนี้ไว้ในอ้อมอกเหล่าด้วงด้วยนะคะ ;w; ติได้อะไรได้ ไม่ได้เขียนฟิคมานานเเล้ว งื้อ
n97cole- ด้วงฝึกหัด
- จำนวนข้อความ : 10
Points : 3492
Join date : 27/10/2014
Re: [SF] พบพาน [เสียหย่าง?/หย่างเสีย?] ☼สปอยล์เล่ม10☼
แง้งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง โฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ
//ด้วงร้าวรานนน
เหลาหย่างงงงงงงงงงงง ทำไมถึงจำไม่ได้ล่ะ ฮือออออออออออออออ
//ด้วงร้าวรานนน
เหลาหย่างงงงงงงงงงงง ทำไมถึงจำไม่ได้ล่ะ ฮือออออออออออออออ
Feran.FS- ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ
- จำนวนข้อความ : 457
Points : 3952
Join date : 27/10/2014
Age : 28
ที่อยู่ : ใต้เตียงนอนเซี่ยจื่อหยาง...
Re: [SF] พบพาน [เสียหย่าง?/หย่างเสีย?] ☼สปอยล์เล่ม10☼
นายลืมเลือนน้อยน้อยไปซะแล้วเรอะ... เหลาหย่าง=A=
bloodnine- ด้วงตำหนักหลู่หวังเจ็ดดารา
- จำนวนข้อความ : 77
Points : 3577
Join date : 27/10/2014
Similar topics
» [drabble] พบพาน [ว่านxวัง] [G]
» [OS]Requiem for you [พานจื่อ] *สปอยล์เล่ม10*
» [SF] Unseen สิ่งที่ไม่เหมือนเดิม [ผิงเสียฮัว] *สปอยล์เล่ม10* +++อัพส่วนแรก [ฮัวเสีย]+++ (NC-18)
» [Fic] ชีวิตนี้รักได้เพียงคนเดียว-1 [หย่างเสีย]
» [OS] Sugar [หย่างเสีย]
» [OS]Requiem for you [พานจื่อ] *สปอยล์เล่ม10*
» [SF] Unseen สิ่งที่ไม่เหมือนเดิม [ผิงเสียฮัว] *สปอยล์เล่ม10* +++อัพส่วนแรก [ฮัวเสีย]+++ (NC-18)
» [Fic] ชีวิตนี้รักได้เพียงคนเดียว-1 [หย่างเสีย]
» [OS] Sugar [หย่างเสีย]
หน้า 1 จาก 1
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
|
|
Fri 24 Jul 2020, 01:39 by gustoon
» [คู่มือด้วง] Keyword จีนสำหรับการขุด(แฟนดอม)สุสาน
Thu 21 Jun 2018, 00:29 by miskizfullmoon
» มังฮวาและภาคทิเบต
Thu 21 Jun 2018, 00:23 by miskizfullmoon
» [OS] Father is the best (ผิงเสีย)
Thu 03 Aug 2017, 16:12 by schneewittchen
» [Fic] สิ่งเล็กๆที่เชื่อมโลก5 [เมินโหยวผิง+อู่เสีย+เสี่ยอ้วน]+OC
Tue 01 Aug 2017, 12:30 by natsume
» [OS] #dmbjdaily (จูปาจุ๊บ) Bittersweet [ผิงเสีย AU]
Thu 06 Apr 2017, 15:58 by Zeth
» [OS] #dmbjdaily "โทรศัพท์มือถือ" - no Pairing [All]
Tue 04 Apr 2017, 22:27 by Zeth
» [OS] #DMBJDaily (แว่น): ระยะที่มองไม่เห็น [ฮัวเสีย]
Sat 01 Apr 2017, 16:55 by Zeth
» [OS] #DMBJdaily (5.20) ท่านยอดฝีมือ [หวังเหมิง (+เหมิงเสีย)(+ผิงเสีย)]
Thu 30 Mar 2017, 17:24 by Zeth