Countdown
We've been
togerther for
ค้นหา
Latest topics
Most active topics
#ภาคทิเบต Chapter 07 ภาพวาดสีน้ำมันของทิเบต
+11
Yuwadee Wana
falenda
FunnyLee
prince501
Nlm1122
Luckey.B
The_Dark_Lady
Malangporyim
qiuyan_zhen
sleepyzz
anurakbeer
15 posters
หน้า 1 จาก 1
#ภาคทิเบต Chapter 07 ภาพวาดสีน้ำมันของทิเบต
Chapter 7
ภาพวาดสีน้ำมันของทิเบต
มันคือภาพวาดประหลาดภาพหนึ่ง
ช่วงปลายของปี 2010 ผมเดินทางจากเนปาลเข้าทิเบต แวะพักหนึ่งอาทิตย์เต็ม ขณะที่เดินทางผ่านใต้ยอดเขาขาเอ่อร์เหรินชื่อ (卡尔仁次山峰)
ผมไม่ได้เริ่มตามหาเบาะแสของบ้านสกุลหม่าในทันที เพราะตลอดการเดินทางนี้ เหน็ดเหนื่อยเกินไป ผมรับข้อเสนอของลูกน้อง จัดการกับพวกสัมภาระต่างๆ ที่ทยอยเก็บมาเรื่อยๆ ตลอดการเดินทางที่เนปาลก่อน
ผมนำเอาเครื่องประดับที่ทำเลียนแบบของโบราณอันมีเอกลักษณ์ของพุทธศาสนานิกายทิเบตจำนวนมากกลับมาจากเนปาล อยากจะเอาไว้ใช้เป็นสินค้าตัวอย่างสำหรับตั้งโชว์ และไว้สืบหาต้นตอที่แท้จริงของเครื่องประดับที่เจอจากหอบ้านสกุลจาง ขณะอยู่ในสถานที่ที่มีชื่อว่ามูทัว ผมแบ่งเครื่องประดับทั้งหมดออกเป็นสามห่อใหญ่ แยกกันส่งไปยังที่อยู่สามแห่งในเมืองหังโจว เพื่อลดน้ำหนักให้กับสัมภาระระหว่างการเดินทาง
"ที่ทำการไปรษณีย์" ของมูทัวมีสองประเภท เป็นเพราะมูทัวเป็นสถานที่ที่ค่อนข้างพิเศษ มักจะปิดภูเขาเป็นเวลานาน เดินทางเข้าออกลำบาก ดังนั้น ที่ทำการไปรษณีย์อย่างเป็นทางการของที่นี่ในยุคแรกเริ่ม มีบริการรับจดหมายเข้าเท่านั้น ไม่มีบริการส่งจดหมายออก จนกระทั่งเมื่อไม่กี่ปีมานี้ จึงมีเส้นทางเล็กๆ สำหรับการขนส่ง แต่รถไปรษณีย์จะวิ่งออกเพียงอาทิตย์ละครั้งเท่านั้น
ดังนั้น จึงมีการบริการทางไปรษณีย์กันเองในพื้นที่ ความจริงก็คือฝากของไปกับคนที่ผ่านไปทางนั้นนั่นเอง ผู้คนที่เดินทางเข้าออกมูทัวนั้น รับจ้างฝากส่งพัสดุให้คนอื่นกันเป็นเรื่องปกติมาก บางคนจะทำหน้าที่คนกลาง หารายได้เล็กน้อย "ที่ทำการไปรษณีย์" ที่ผมไปใช้ ก็เปิดให้บริการโดยคนกลุ่มนี้ แม้จะไม่นับว่าปลอดภัยสักเท่าไหร่ แต่อย่างน้อยก็ช่วยทำเวลาได้ เมื่อไหร่ที่มีคนเดินทางออกจากมูทัว ก็จะรู้ว่าจะไปถึงไปรษณีย์ข้างนอกได้เมื่อไหร่ แล้วเมื่อส่งต่ออีกที ก็จะปลอดภัยแล้ว
วิธีการเดินทางออกจากมูทัว มีทั้งนั่งรถ ใช้กองคาราวานม้าและใช้ลูกหาบ เส้นทางเดินรถไม่ได้เปิดตลอดปี ช่วงที่ผมมาประจวบเป็นฤดูกาลปิดถนน กองคาราวานม้านั้นไม่มีเหลือแล้ว พวกเราจึงใช้บริการของนักท่องเที่ยวที่เรียกว่าทัวร์พาลส์ (Tour Pals) หรือพวกลูกหาบ
พัสดุทุกชิ้นต้องให้ "บุรุษไปรษณีย์" แบกหามออกไปนอกภูเขากันคราวละนิด ดังนั้นตัวพัสดุจึงจะมีน้ำหนักมากเกินไปไม่ได้ ผมใช้เวลาเกือบสามชั่วโมง เพื่อจัดแบ่งพัสดุชิ้นใหญ่สามชิ้นให้หนักเท่าๆ กัน
ผมเจอภาพวาดภาพนั้นในตอนนั้นเอง มันแขวนอยู่บนผนังด้านหลัง "เคาน์เตอร์ไปรษณีย์"---ซึ่งความจริงก็คือการนำคู้กระจกมาตั้งไว้บนโต๊ะทำงานตัวหนึ่ง
ฝาผนังผืนนั้นทาด้วยสีเขียวอ่อน บนผนังแขวนสิ่งเหล่านี้เอาไว้ : ภาพวาดพู่กันจีนรูปเหยี่ยวที่มีตัวหนังสือเขียนว่า "เผิง เฉิง ว่าน หลี่" (นกเผิงบินไกลหมื่นลี้) ธงข้อความสองภาษาสามผืน ต่างเขียนประมาณว่า "มั่นคงปลอดภัย" "สบายใจไร้กังวล" ประมาณนี้ นอกจากนี้ คือภาพวาดสีน้ำมันอีกหนึ่งภาพ
ส่วนของภาพวาด ดูเพียงก็รู้ว่าไม่ใช่ฝีมือของจิตรกรอาชีพ มันเป็นภาพวาดธรรมดา หรือเรียกได้ว่ามีฝีมือค่อนข้างหยาบเสียด้วยซ้ำ ในภาพเป็นด้านข้างของคนคนหนึ่ง ดูจากสีสันและการหลุดร่อนของสี น่าจะแขวนอยู่ที่นี่เป็นเวลานานมากแล้ว
เนื้อหาหลักในภาพคือชายหน้านิ่งคนหนึ่ง ผมไม่รู้เรื่องภาพวาดตะวันตก แต่หลักการวาดภาพ เมื่อไปสู่ระดับหนึ่งแล้วก็เหมือนกันหมด แม้ภาพภาพนี้จะเป็นภาพวาดที่ฝีแปรงหยาบลวก แต่มีพลังอย่างหนึ่งที่ไม่เหมือนใคร
ผมไม่รู้ว่าความรู้สึกนี้มันมาจากไหน คนในภาพ ท่อนบนสวมชุดลามะ ท่อนล่างเป็นชูปา (เครื่องแต่งกายชาวทิเบต) ยืนอยู่ท่ามกลางภูเขา ข้างหลังมองเห็นยอดเขาหิมะขาเอ่อร์เหรินชื่อ บรรยากาศไม่รู้เป็นแสงของอาทิตย์อัสดงหรือยามย่ำรุ่ง ฉาบสีของภาพจากสีขาวเป็นเหลืองขุ่น
ฝีแปรงของภาพนี้หยาบแข็ง แต่ลักษณะการใช้สีค่อนข้างใจกล้า ขับบรรยากาศที่มหัศจรรย์ออกมาได้โดยตรง
แน่นอน ต่อให้เป็นเช่นนั้น ก็ไม่ได้แสดงว่าภาพภาพนี้จะมีมูลค่าอะไร เหตุที่ผมประหลาดใจ เป็นเพราะผมรู้จักคนในภาพ
ใช่แล้ว เอกลักษณ์บนตัวและสีหน้าของคนคนนี้ ผมไม่มีข้อสงสัยใดๆ เลย
คือเขานั่นเอง
เหตุที่เขาปรากฏตัวขึ้นที่นี่ ผมจับต้นชนปลายไม่ได้เลย เพราะคนคนนี้ ไม่ควรมีเหตุผลใดๆ ให้ปรากฏตัวที่มูทัว ปรากฏตัวอยู่บนภาพวาดสีน้ำมันที่ฝีแปรงหยาบแข็ง
นี่คือภาพวาดเมินโหยวผิง
ตอนแรกผมปฏิเสธอย่างแรง เพราะเรื่องนี้มันแปลกประหลาดเกินไป ดังนั้น โอกาสดูผิดจึงมีสูงมาก ถึงอย่างไรมันก็เป็นภาพวาด ไม่ใช่ภาพถ่าย ภาพวาดจะมีรายละเอียดจำนวนมากที่พร่ามัว ย่อมมีโอกาสทำให้เกิดความละม้ายคล้ายคลึงลักษณะนี้
แต่ผมกลับพบว่า ผมละสายตาไม่ได้ ทุกรายละเอียดของคนในภาพต่างล้วนบอกกับผม ว่ามันเหมือนเกินไปแล้ว โดยเฉพาะแววตา ผมโตมาจนป่านนี้ ยังไม่เคยเห็นคนที่มีแววตาอย่างเสี่ยวเกอมาก่อนเลย นายอ้วนเคยพูดว่า มันคือแววตาที่ไร้ความเชื่อมโยงกับทุกสิ่ง น้อยคนมากบนโลกนี้ ที่จะดำรงชีวิตได้โดยไม่มีความเชื่อมโยงกับสิ่งใดๆ เลย
แต่ คนในภาพวาดผืนนี้ มีแววตาเช่นนั้น
ผมมองดูอยู่ครึ่งค่อนวัน รู้สึกได้จากจิตใต้สำนึกว่า คนในภาพคือเขาแน่นอน
เมื่อห้าปีก่อนนี่เอง เขาหายตัวไปจากสายตาของพวกเรา แน่นอน ผมรู้ความจริงของการหายตัวไปของเขา เรื่องราวเกี่ยวกับเขา ผมยังบอกเล่าได้อีกมาก แต่นี่ไม่ใช่จุดประสงค์หลักของเรื่องเรื่องนี้ เรื่องที่เขาเคยทำมาก่อน ไม่ใช่สาระสำคัญตรงนี้ ความคิดแรกที่ผมเห็นภาพภาพนี้คือ "มูทัวเป็นหนึ่งในวงจรการสืบค้นของเขา เขาเคยปรากฏตัวที่นี่ หมายความว่า สิ่งที่เขาสืบเสาะค้นหาเมื่อครั้งนั้น มีความเกี่ยวโยงกับที่นี่?"
ตอนนั้น ผมถามจากคนที่ทำงานในไปรษณีย์ ผมจำได้ว่าเป็นตาแก่คนหนึ่ง เขามีรูปหน้าชาวทิเบตที่ชัดเจน ผมถามเขาว่าภาพภาพนี้ใครเป็นคนวาด ตาแก่ชี้ไปยังฝั่งตรงข้าม "ที่ทำการไปรษณีย์" บอกผมเป็นภาษาจีนที่แข็งกระด้างว่า คนที่วาดภาพภาพนี้ ชื่อเฉินเสวี่ยหาน
ผมเบนสายตาไปมอง ก็เห็นชายวัยกลางคนคนหนึ่ง กำลังรับน้ำจากห้องหุงต้มข้างทาง เขาน่าจะเป็นคนเฝ้าห้องหุงต้ม ข้างในมีน้ำเดือดให้บริการชาวบ้านผู้อยู่อาศัย คิดราคากาละสามเหมา (ทำเชิงอรรถ หน่วยเงินของจีน สิบเหมามีค่าเท่ากับหนึ่งหยวน) เมื่อเทียบกับหิมะที่ตกหนักอยู่ด้านนอก ห้องหุงต้มอบอุ่นจนใบหน้าชุ่มเหงื่อ ดังนั้นจึงมีคนจำนวนมาก ล้อมกันผิงไฟอยู่รอบหม้อต้ม คนพวกนี้แต่งตัวคล้ายๆ กัน ดังนั้นเมื่อคนหลายคนอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม จึงมีความรู้สึกว่าหน้าตาคล้ายๆ กันไปหมด
ผู้เฒ่าชาวทิเบตมีความกรุณามาก เมื่อเห็นว่าผมแยกแยะไม่ออก ก็ตะโกนเสียงดังไปทางห้องหุงต้มว่า "เฉิน เสวี่ย หาน!"
เสียงนั่นดังกังวานจนเหมือนหิมะที่ค้างอยู่บนหลังคาที่ทำการไปรษณีย์ร่วงกราว คนที่ชื่อเฉินเสวี่ยหาน เมื่อได้ยินผู้เฒ่าทางนี้เรียก ก็เงยหน้าขึ้นจากกลุ่มคน มองมาทางพวกเราอย่างแปลกใจ
ผมเดินตรงไปหาทันที คนคนนั้นใบหน้าดำกร้าน ผิวหยาบ เมื่อดูใกล้ๆ กลับดูอ่อนวัยกว่าเมื่อดูไกลๆ หน่อย
ผมพูดเป็นภาษาจีนว่า "สวัสดี ไม่ทราบว่าภาพวาดสีน้ำมันที่ไปรษณีย์ คุณเป็นคนวาดหรือ"
เฉินเสวี่ยหานมองผมแวบหนึ่ง แล้วพยักหน้า ผมพบว่าดวงตาของเขาไม่มีประกายสักเท่าไหร่ มันคือลักษณะเฉพาะตัวของแววตาของคนที่มีชีวิตสุขสงบเป็นพิเศษ เพราะความสุขสงบที่มากเกินไป ทำให้เขาไม่ต้องขบคิดปัญหามากมาย จนเข้าสู่วิถีชีวิตที่ทุกอย่างเป็นไปตามกิจวัตรที่แน่นอน
ผมยื่นบุหรี่ให้เขา แล้วถามรายละเอียดเกี่ยวกับภาพ เฉินเสวี่ยหานแสดงท่าทีแปลกใจ พิจารณาผมครู่หนึ่ง ปิดวาวล์หม้อต้ม ถามผมว่า "คุณถามเรื่องนี้ทำไม คุณรู้จักเขาหรือ"
เสียงของเขาแหบพร่าอย่างมาก แต่ถ้อยคำชัดเจน ผมเล่าเหตุการณ์ให้เขาฟังคร่าวๆ รวมถึงประวัติคร่าวๆ ของคนคนนี้ และความเกี่ยวข้องของผมกับเขา
เฉินเสวี่ยหานแสดงสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อย ถอดถุงมือที่ทำจากผ้าขนหนูสีขาว เดินออกจากห้องหุงต้ม "คุณจำคนผิดแล้วมั้ง ภาพวาดสีน้ำมันนั่น วาดขึ้นเมื่อยี่สิบปีก่อน ตอนนั้นคุณเพิ่งจะกี่ขวบเอง"
ผมรู้สึกผิดคาดเล็กน้อย ไม่นึกว่าภาพวาดนั่นจะมีอายุยาวนานขนาดนี้ ถึงแม้ตัวภาพจะแลดูไม่ใช่ของใหม่อยู่แล้วก็ตามที ผมไม่รู้จะตอบคำถามนี้ของเขาอย่างไร เพราะมันไม่ใช่อะไรที่จะอธิบายให้รู้เรื่องได้ในประโยคสองประโยค โชคดีที่เขาก็ไม่ได้อยากรู้อะไรจริงๆ พูดต่อไปว่า "คนคนนี้ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับฉัน"
เขาชี้ต่อไปยังทิศทางหนึ่งด้านนอก ที่นั่นขาวโพลนด้วยหิมะ มันคือภูเขาหิมะลูกหนึ่งที่อยู่ไกลออกไป "ฉันเห็นภาพวาดภาพนั้นจากที่นั่น ถ้าคุณอยากรู้มากกว่านี้ ให้ลองไปถามจากพระลามะที่นั่นดู"
ผมมองไปทางทิศที่เขาชี้ ท่ามกลางหิมะที่ตกหนัก ขมุกขมัว คลับคล้ายคลับคลาว่ามีสิ่งปลูกสร้างสีขาวเงินแห่งหนึ่ง ซ่อนอยู่ข้างใน
"ที่นั่นคือสถานที่อะไร" ผมถาม
"ที่นั่นคือวัดลามะ" เฉินเสวี่ยหานกล่าว "ฉันวาดภาพนี้ตามภาพต้นแบบที่อยู่ในวัดลามะนั่น"
"ตอนนั้นมีเรื่องประหลาดอะไรเกิดขึ้นบ้างหรือเปล่า หรือว่า วัดลามะแห่งนั้นมีอะไรพิเศษบ้างไหม" ผมถาม ปกติสถานที่ที่เขาปรากฏตัว มักมีปรากฏการณ์แปลกๆ เกิดขึ้น หรือไม่อย่างนั้น ตัววัดลามะก็น่าจะมีอะไรหลายอย่างที่ไม่ธรรมดา
เฉินเสวี่ยหานส่ายหน้า คิดครู่หนึ่งแล้วจึงพูด "ไม่มีอะไรแปลกประหลาด มีความประหลาดเพียงอย่างเดียวก็คือ พระลามะท่านต้องการให้ฉันวาดซ้ำภาพภาพนั้นกลับมา"
"เพราะอะไร"
"พวกพระลามะท่านจะเห็นนิมิต ท่านให้ฉันวาดซ้ำ ฉันก็วาด ไม่มีเพราะอะไร พระท่านสามารถมองเห็นเหตุการณ์ล่วงหน้าของภาพภาพนี้ ส่วนฉันมองไม่เห็น"
เฉินเสวี่ยหานบอกกับผมว่า เมินโหยวผิงในภาพวาดนั้น น่าจะเป็นแขกพิเศษของวัดลามะ ภาพวาดสีน้ำมันที่เป็นภาพต้นแบบ ท่านลามะใหญ่เป็นผู้วาดขึ้นมา สามวันก่อนที่คนคนนี้จะไปจากมูทัว ส่วนภาพของเขาวาดขึ้นตามภาพต้นแบบอีกทีในภายหลัง ฤดูหนาวของปีนั้น เขาอาศัยอยู่ในวัดเป็นเวลานาน บังเอิญได้เห็นภาพวาดสีน้ำมันผืนนั้นในห้องของท่านลามะใหญ่ ท่านลามะใหญ่ต้องการให้เขาวาดมันให้จงได้ เขาจึงเริ่มลงมือวาด
เมื่อนั้นผมจึงกระจ่าง ว่าทำไมรูปแบบการลงสีของภาพภาพนี้จึงได้กล้าหาญมาก และถ่ายทอดจิตวิญญาณได้ขนาดนี้ แต่ฝีแปรงกลับหยาบแข็ง
พระลามะทิเบตจำนวนมาก มีความรู้ความเชี่ยวชาญทางศิลปะสูงมาก พระลามะใหญ่จำนวนมากถือวุฒิการศึกษาของมหาวิทยาลัยชื่อดังของต่างประเทศหลายสาขา ผมยกประโยชน์เหล่านี้ให้กับสมาธิอันยอดเยี่ยมที่เป็นผลพวงมาจากการละกิเลสบำเพ็ญเพียร
เมื่อคิดถึงส่วนนี้ นึกภาพตามไปว่าเขาอาจเกิดเรื่องอะไรได้บ้างบนภูเขาหิมะ ก็ใจลอยเล็กน้อย
"คุณจะไปไหม สามร้อยหยวน แล้วฉันจะพาไป" เขากล่าว "วัดลามะแห่งนั้น หากไม่ใช่คนในพื้นที่ เข้าไปไม่ได้"
บางทีนิมิตที่ท่านลามะใหญ่เห็น อาจคือเงินสามร้อยหยวนนี่ก็เป็นได้
Talk:
แม้จะเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นกับบ้านเรา แต่ผมจำได้ว่า เมื่อครั้งเกิดเหตุระเบิดที่สถานีรถไฟในลอนดอน ผู้คนที่นั่นยืนยันจะใช้ชีวิตอย่างปกติ เพื่อแสดงพลังว่า "การก่อการร้าย ทำอะไรพวกเราไม่ได้ ไม่นึกเลยว่า ความเข้มแข็งของพวกเขา จะได้มาเป็นต้นแบบสำหรับผม สำหรับเรา
หากจะให้ผมแสดงทัศนคติ ว่าเราควรทำอะไรภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ นั่นก็คือ "ทำหน้าที่ของตัวเอง" ไปใช้ชีวิต ให้ดูเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
แต่มีสติมากขึ้น ระวังตัวมากขึ้น สนใจเหตุการณ์รอบตัวมากขึ้น ให้ความร่วมมือกับส่วนกลาง และช่วยเป็นหูเป็นตาให้บ้านเมือง
ผมมีหน้าที่แปลหนังสือ แปลสปอยล์ ผมก็จะทำต่อไป เจ้าหน้าที่บ้านเมืองมีหน้าที่สืบหาคนร้าย ยุติเหตุการณ์ ก็ทำหน้าที่ไป
ยามสงบเหมือนยามรบ ยามรบเหมือนยามสงบ (น่าจะเป็น) ซุนวูกล่าวไว้
ขอให้ทุกคนปลอดภัย และยังคงเจอกันเช่นเดิม ใน #dmbjonly
จบดราม่า จบๆ ใครใคร่กาวกาว พ่อขุนรามคำแหงมิได้กล่าวไว้
ภาพวาดสีน้ำมันของทิเบต
มันคือภาพวาดประหลาดภาพหนึ่ง
ช่วงปลายของปี 2010 ผมเดินทางจากเนปาลเข้าทิเบต แวะพักหนึ่งอาทิตย์เต็ม ขณะที่เดินทางผ่านใต้ยอดเขาขาเอ่อร์เหรินชื่อ (卡尔仁次山峰)
ผมไม่ได้เริ่มตามหาเบาะแสของบ้านสกุลหม่าในทันที เพราะตลอดการเดินทางนี้ เหน็ดเหนื่อยเกินไป ผมรับข้อเสนอของลูกน้อง จัดการกับพวกสัมภาระต่างๆ ที่ทยอยเก็บมาเรื่อยๆ ตลอดการเดินทางที่เนปาลก่อน
ผมนำเอาเครื่องประดับที่ทำเลียนแบบของโบราณอันมีเอกลักษณ์ของพุทธศาสนานิกายทิเบตจำนวนมากกลับมาจากเนปาล อยากจะเอาไว้ใช้เป็นสินค้าตัวอย่างสำหรับตั้งโชว์ และไว้สืบหาต้นตอที่แท้จริงของเครื่องประดับที่เจอจากหอบ้านสกุลจาง ขณะอยู่ในสถานที่ที่มีชื่อว่ามูทัว ผมแบ่งเครื่องประดับทั้งหมดออกเป็นสามห่อใหญ่ แยกกันส่งไปยังที่อยู่สามแห่งในเมืองหังโจว เพื่อลดน้ำหนักให้กับสัมภาระระหว่างการเดินทาง
"ที่ทำการไปรษณีย์" ของมูทัวมีสองประเภท เป็นเพราะมูทัวเป็นสถานที่ที่ค่อนข้างพิเศษ มักจะปิดภูเขาเป็นเวลานาน เดินทางเข้าออกลำบาก ดังนั้น ที่ทำการไปรษณีย์อย่างเป็นทางการของที่นี่ในยุคแรกเริ่ม มีบริการรับจดหมายเข้าเท่านั้น ไม่มีบริการส่งจดหมายออก จนกระทั่งเมื่อไม่กี่ปีมานี้ จึงมีเส้นทางเล็กๆ สำหรับการขนส่ง แต่รถไปรษณีย์จะวิ่งออกเพียงอาทิตย์ละครั้งเท่านั้น
ดังนั้น จึงมีการบริการทางไปรษณีย์กันเองในพื้นที่ ความจริงก็คือฝากของไปกับคนที่ผ่านไปทางนั้นนั่นเอง ผู้คนที่เดินทางเข้าออกมูทัวนั้น รับจ้างฝากส่งพัสดุให้คนอื่นกันเป็นเรื่องปกติมาก บางคนจะทำหน้าที่คนกลาง หารายได้เล็กน้อย "ที่ทำการไปรษณีย์" ที่ผมไปใช้ ก็เปิดให้บริการโดยคนกลุ่มนี้ แม้จะไม่นับว่าปลอดภัยสักเท่าไหร่ แต่อย่างน้อยก็ช่วยทำเวลาได้ เมื่อไหร่ที่มีคนเดินทางออกจากมูทัว ก็จะรู้ว่าจะไปถึงไปรษณีย์ข้างนอกได้เมื่อไหร่ แล้วเมื่อส่งต่ออีกที ก็จะปลอดภัยแล้ว
วิธีการเดินทางออกจากมูทัว มีทั้งนั่งรถ ใช้กองคาราวานม้าและใช้ลูกหาบ เส้นทางเดินรถไม่ได้เปิดตลอดปี ช่วงที่ผมมาประจวบเป็นฤดูกาลปิดถนน กองคาราวานม้านั้นไม่มีเหลือแล้ว พวกเราจึงใช้บริการของนักท่องเที่ยวที่เรียกว่าทัวร์พาลส์ (Tour Pals) หรือพวกลูกหาบ
พัสดุทุกชิ้นต้องให้ "บุรุษไปรษณีย์" แบกหามออกไปนอกภูเขากันคราวละนิด ดังนั้นตัวพัสดุจึงจะมีน้ำหนักมากเกินไปไม่ได้ ผมใช้เวลาเกือบสามชั่วโมง เพื่อจัดแบ่งพัสดุชิ้นใหญ่สามชิ้นให้หนักเท่าๆ กัน
ผมเจอภาพวาดภาพนั้นในตอนนั้นเอง มันแขวนอยู่บนผนังด้านหลัง "เคาน์เตอร์ไปรษณีย์"---ซึ่งความจริงก็คือการนำคู้กระจกมาตั้งไว้บนโต๊ะทำงานตัวหนึ่ง
ฝาผนังผืนนั้นทาด้วยสีเขียวอ่อน บนผนังแขวนสิ่งเหล่านี้เอาไว้ : ภาพวาดพู่กันจีนรูปเหยี่ยวที่มีตัวหนังสือเขียนว่า "เผิง เฉิง ว่าน หลี่" (นกเผิงบินไกลหมื่นลี้) ธงข้อความสองภาษาสามผืน ต่างเขียนประมาณว่า "มั่นคงปลอดภัย" "สบายใจไร้กังวล" ประมาณนี้ นอกจากนี้ คือภาพวาดสีน้ำมันอีกหนึ่งภาพ
ส่วนของภาพวาด ดูเพียงก็รู้ว่าไม่ใช่ฝีมือของจิตรกรอาชีพ มันเป็นภาพวาดธรรมดา หรือเรียกได้ว่ามีฝีมือค่อนข้างหยาบเสียด้วยซ้ำ ในภาพเป็นด้านข้างของคนคนหนึ่ง ดูจากสีสันและการหลุดร่อนของสี น่าจะแขวนอยู่ที่นี่เป็นเวลานานมากแล้ว
เนื้อหาหลักในภาพคือชายหน้านิ่งคนหนึ่ง ผมไม่รู้เรื่องภาพวาดตะวันตก แต่หลักการวาดภาพ เมื่อไปสู่ระดับหนึ่งแล้วก็เหมือนกันหมด แม้ภาพภาพนี้จะเป็นภาพวาดที่ฝีแปรงหยาบลวก แต่มีพลังอย่างหนึ่งที่ไม่เหมือนใคร
ผมไม่รู้ว่าความรู้สึกนี้มันมาจากไหน คนในภาพ ท่อนบนสวมชุดลามะ ท่อนล่างเป็นชูปา (เครื่องแต่งกายชาวทิเบต) ยืนอยู่ท่ามกลางภูเขา ข้างหลังมองเห็นยอดเขาหิมะขาเอ่อร์เหรินชื่อ บรรยากาศไม่รู้เป็นแสงของอาทิตย์อัสดงหรือยามย่ำรุ่ง ฉาบสีของภาพจากสีขาวเป็นเหลืองขุ่น
ฝีแปรงของภาพนี้หยาบแข็ง แต่ลักษณะการใช้สีค่อนข้างใจกล้า ขับบรรยากาศที่มหัศจรรย์ออกมาได้โดยตรง
แน่นอน ต่อให้เป็นเช่นนั้น ก็ไม่ได้แสดงว่าภาพภาพนี้จะมีมูลค่าอะไร เหตุที่ผมประหลาดใจ เป็นเพราะผมรู้จักคนในภาพ
ใช่แล้ว เอกลักษณ์บนตัวและสีหน้าของคนคนนี้ ผมไม่มีข้อสงสัยใดๆ เลย
คือเขานั่นเอง
เหตุที่เขาปรากฏตัวขึ้นที่นี่ ผมจับต้นชนปลายไม่ได้เลย เพราะคนคนนี้ ไม่ควรมีเหตุผลใดๆ ให้ปรากฏตัวที่มูทัว ปรากฏตัวอยู่บนภาพวาดสีน้ำมันที่ฝีแปรงหยาบแข็ง
นี่คือภาพวาดเมินโหยวผิง
ตอนแรกผมปฏิเสธอย่างแรง เพราะเรื่องนี้มันแปลกประหลาดเกินไป ดังนั้น โอกาสดูผิดจึงมีสูงมาก ถึงอย่างไรมันก็เป็นภาพวาด ไม่ใช่ภาพถ่าย ภาพวาดจะมีรายละเอียดจำนวนมากที่พร่ามัว ย่อมมีโอกาสทำให้เกิดความละม้ายคล้ายคลึงลักษณะนี้
แต่ผมกลับพบว่า ผมละสายตาไม่ได้ ทุกรายละเอียดของคนในภาพต่างล้วนบอกกับผม ว่ามันเหมือนเกินไปแล้ว โดยเฉพาะแววตา ผมโตมาจนป่านนี้ ยังไม่เคยเห็นคนที่มีแววตาอย่างเสี่ยวเกอมาก่อนเลย นายอ้วนเคยพูดว่า มันคือแววตาที่ไร้ความเชื่อมโยงกับทุกสิ่ง น้อยคนมากบนโลกนี้ ที่จะดำรงชีวิตได้โดยไม่มีความเชื่อมโยงกับสิ่งใดๆ เลย
แต่ คนในภาพวาดผืนนี้ มีแววตาเช่นนั้น
ผมมองดูอยู่ครึ่งค่อนวัน รู้สึกได้จากจิตใต้สำนึกว่า คนในภาพคือเขาแน่นอน
เมื่อห้าปีก่อนนี่เอง เขาหายตัวไปจากสายตาของพวกเรา แน่นอน ผมรู้ความจริงของการหายตัวไปของเขา เรื่องราวเกี่ยวกับเขา ผมยังบอกเล่าได้อีกมาก แต่นี่ไม่ใช่จุดประสงค์หลักของเรื่องเรื่องนี้ เรื่องที่เขาเคยทำมาก่อน ไม่ใช่สาระสำคัญตรงนี้ ความคิดแรกที่ผมเห็นภาพภาพนี้คือ "มูทัวเป็นหนึ่งในวงจรการสืบค้นของเขา เขาเคยปรากฏตัวที่นี่ หมายความว่า สิ่งที่เขาสืบเสาะค้นหาเมื่อครั้งนั้น มีความเกี่ยวโยงกับที่นี่?"
ตอนนั้น ผมถามจากคนที่ทำงานในไปรษณีย์ ผมจำได้ว่าเป็นตาแก่คนหนึ่ง เขามีรูปหน้าชาวทิเบตที่ชัดเจน ผมถามเขาว่าภาพภาพนี้ใครเป็นคนวาด ตาแก่ชี้ไปยังฝั่งตรงข้าม "ที่ทำการไปรษณีย์" บอกผมเป็นภาษาจีนที่แข็งกระด้างว่า คนที่วาดภาพภาพนี้ ชื่อเฉินเสวี่ยหาน
ผมเบนสายตาไปมอง ก็เห็นชายวัยกลางคนคนหนึ่ง กำลังรับน้ำจากห้องหุงต้มข้างทาง เขาน่าจะเป็นคนเฝ้าห้องหุงต้ม ข้างในมีน้ำเดือดให้บริการชาวบ้านผู้อยู่อาศัย คิดราคากาละสามเหมา (ทำเชิงอรรถ หน่วยเงินของจีน สิบเหมามีค่าเท่ากับหนึ่งหยวน) เมื่อเทียบกับหิมะที่ตกหนักอยู่ด้านนอก ห้องหุงต้มอบอุ่นจนใบหน้าชุ่มเหงื่อ ดังนั้นจึงมีคนจำนวนมาก ล้อมกันผิงไฟอยู่รอบหม้อต้ม คนพวกนี้แต่งตัวคล้ายๆ กัน ดังนั้นเมื่อคนหลายคนอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม จึงมีความรู้สึกว่าหน้าตาคล้ายๆ กันไปหมด
ผู้เฒ่าชาวทิเบตมีความกรุณามาก เมื่อเห็นว่าผมแยกแยะไม่ออก ก็ตะโกนเสียงดังไปทางห้องหุงต้มว่า "เฉิน เสวี่ย หาน!"
เสียงนั่นดังกังวานจนเหมือนหิมะที่ค้างอยู่บนหลังคาที่ทำการไปรษณีย์ร่วงกราว คนที่ชื่อเฉินเสวี่ยหาน เมื่อได้ยินผู้เฒ่าทางนี้เรียก ก็เงยหน้าขึ้นจากกลุ่มคน มองมาทางพวกเราอย่างแปลกใจ
ผมเดินตรงไปหาทันที คนคนนั้นใบหน้าดำกร้าน ผิวหยาบ เมื่อดูใกล้ๆ กลับดูอ่อนวัยกว่าเมื่อดูไกลๆ หน่อย
ผมพูดเป็นภาษาจีนว่า "สวัสดี ไม่ทราบว่าภาพวาดสีน้ำมันที่ไปรษณีย์ คุณเป็นคนวาดหรือ"
เฉินเสวี่ยหานมองผมแวบหนึ่ง แล้วพยักหน้า ผมพบว่าดวงตาของเขาไม่มีประกายสักเท่าไหร่ มันคือลักษณะเฉพาะตัวของแววตาของคนที่มีชีวิตสุขสงบเป็นพิเศษ เพราะความสุขสงบที่มากเกินไป ทำให้เขาไม่ต้องขบคิดปัญหามากมาย จนเข้าสู่วิถีชีวิตที่ทุกอย่างเป็นไปตามกิจวัตรที่แน่นอน
ผมยื่นบุหรี่ให้เขา แล้วถามรายละเอียดเกี่ยวกับภาพ เฉินเสวี่ยหานแสดงท่าทีแปลกใจ พิจารณาผมครู่หนึ่ง ปิดวาวล์หม้อต้ม ถามผมว่า "คุณถามเรื่องนี้ทำไม คุณรู้จักเขาหรือ"
เสียงของเขาแหบพร่าอย่างมาก แต่ถ้อยคำชัดเจน ผมเล่าเหตุการณ์ให้เขาฟังคร่าวๆ รวมถึงประวัติคร่าวๆ ของคนคนนี้ และความเกี่ยวข้องของผมกับเขา
เฉินเสวี่ยหานแสดงสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อย ถอดถุงมือที่ทำจากผ้าขนหนูสีขาว เดินออกจากห้องหุงต้ม "คุณจำคนผิดแล้วมั้ง ภาพวาดสีน้ำมันนั่น วาดขึ้นเมื่อยี่สิบปีก่อน ตอนนั้นคุณเพิ่งจะกี่ขวบเอง"
ผมรู้สึกผิดคาดเล็กน้อย ไม่นึกว่าภาพวาดนั่นจะมีอายุยาวนานขนาดนี้ ถึงแม้ตัวภาพจะแลดูไม่ใช่ของใหม่อยู่แล้วก็ตามที ผมไม่รู้จะตอบคำถามนี้ของเขาอย่างไร เพราะมันไม่ใช่อะไรที่จะอธิบายให้รู้เรื่องได้ในประโยคสองประโยค โชคดีที่เขาก็ไม่ได้อยากรู้อะไรจริงๆ พูดต่อไปว่า "คนคนนี้ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับฉัน"
เขาชี้ต่อไปยังทิศทางหนึ่งด้านนอก ที่นั่นขาวโพลนด้วยหิมะ มันคือภูเขาหิมะลูกหนึ่งที่อยู่ไกลออกไป "ฉันเห็นภาพวาดภาพนั้นจากที่นั่น ถ้าคุณอยากรู้มากกว่านี้ ให้ลองไปถามจากพระลามะที่นั่นดู"
ผมมองไปทางทิศที่เขาชี้ ท่ามกลางหิมะที่ตกหนัก ขมุกขมัว คลับคล้ายคลับคลาว่ามีสิ่งปลูกสร้างสีขาวเงินแห่งหนึ่ง ซ่อนอยู่ข้างใน
"ที่นั่นคือสถานที่อะไร" ผมถาม
"ที่นั่นคือวัดลามะ" เฉินเสวี่ยหานกล่าว "ฉันวาดภาพนี้ตามภาพต้นแบบที่อยู่ในวัดลามะนั่น"
"ตอนนั้นมีเรื่องประหลาดอะไรเกิดขึ้นบ้างหรือเปล่า หรือว่า วัดลามะแห่งนั้นมีอะไรพิเศษบ้างไหม" ผมถาม ปกติสถานที่ที่เขาปรากฏตัว มักมีปรากฏการณ์แปลกๆ เกิดขึ้น หรือไม่อย่างนั้น ตัววัดลามะก็น่าจะมีอะไรหลายอย่างที่ไม่ธรรมดา
เฉินเสวี่ยหานส่ายหน้า คิดครู่หนึ่งแล้วจึงพูด "ไม่มีอะไรแปลกประหลาด มีความประหลาดเพียงอย่างเดียวก็คือ พระลามะท่านต้องการให้ฉันวาดซ้ำภาพภาพนั้นกลับมา"
"เพราะอะไร"
"พวกพระลามะท่านจะเห็นนิมิต ท่านให้ฉันวาดซ้ำ ฉันก็วาด ไม่มีเพราะอะไร พระท่านสามารถมองเห็นเหตุการณ์ล่วงหน้าของภาพภาพนี้ ส่วนฉันมองไม่เห็น"
เฉินเสวี่ยหานบอกกับผมว่า เมินโหยวผิงในภาพวาดนั้น น่าจะเป็นแขกพิเศษของวัดลามะ ภาพวาดสีน้ำมันที่เป็นภาพต้นแบบ ท่านลามะใหญ่เป็นผู้วาดขึ้นมา สามวันก่อนที่คนคนนี้จะไปจากมูทัว ส่วนภาพของเขาวาดขึ้นตามภาพต้นแบบอีกทีในภายหลัง ฤดูหนาวของปีนั้น เขาอาศัยอยู่ในวัดเป็นเวลานาน บังเอิญได้เห็นภาพวาดสีน้ำมันผืนนั้นในห้องของท่านลามะใหญ่ ท่านลามะใหญ่ต้องการให้เขาวาดมันให้จงได้ เขาจึงเริ่มลงมือวาด
เมื่อนั้นผมจึงกระจ่าง ว่าทำไมรูปแบบการลงสีของภาพภาพนี้จึงได้กล้าหาญมาก และถ่ายทอดจิตวิญญาณได้ขนาดนี้ แต่ฝีแปรงกลับหยาบแข็ง
พระลามะทิเบตจำนวนมาก มีความรู้ความเชี่ยวชาญทางศิลปะสูงมาก พระลามะใหญ่จำนวนมากถือวุฒิการศึกษาของมหาวิทยาลัยชื่อดังของต่างประเทศหลายสาขา ผมยกประโยชน์เหล่านี้ให้กับสมาธิอันยอดเยี่ยมที่เป็นผลพวงมาจากการละกิเลสบำเพ็ญเพียร
เมื่อคิดถึงส่วนนี้ นึกภาพตามไปว่าเขาอาจเกิดเรื่องอะไรได้บ้างบนภูเขาหิมะ ก็ใจลอยเล็กน้อย
"คุณจะไปไหม สามร้อยหยวน แล้วฉันจะพาไป" เขากล่าว "วัดลามะแห่งนั้น หากไม่ใช่คนในพื้นที่ เข้าไปไม่ได้"
บางทีนิมิตที่ท่านลามะใหญ่เห็น อาจคือเงินสามร้อยหยวนนี่ก็เป็นได้
Talk:
แม้จะเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นกับบ้านเรา แต่ผมจำได้ว่า เมื่อครั้งเกิดเหตุระเบิดที่สถานีรถไฟในลอนดอน ผู้คนที่นั่นยืนยันจะใช้ชีวิตอย่างปกติ เพื่อแสดงพลังว่า "การก่อการร้าย ทำอะไรพวกเราไม่ได้ ไม่นึกเลยว่า ความเข้มแข็งของพวกเขา จะได้มาเป็นต้นแบบสำหรับผม สำหรับเรา
หากจะให้ผมแสดงทัศนคติ ว่าเราควรทำอะไรภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ นั่นก็คือ "ทำหน้าที่ของตัวเอง" ไปใช้ชีวิต ให้ดูเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
แต่มีสติมากขึ้น ระวังตัวมากขึ้น สนใจเหตุการณ์รอบตัวมากขึ้น ให้ความร่วมมือกับส่วนกลาง และช่วยเป็นหูเป็นตาให้บ้านเมือง
ผมมีหน้าที่แปลหนังสือ แปลสปอยล์ ผมก็จะทำต่อไป เจ้าหน้าที่บ้านเมืองมีหน้าที่สืบหาคนร้าย ยุติเหตุการณ์ ก็ทำหน้าที่ไป
ยามสงบเหมือนยามรบ ยามรบเหมือนยามสงบ (น่าจะเป็น) ซุนวูกล่าวไว้
ขอให้ทุกคนปลอดภัย และยังคงเจอกันเช่นเดิม ใน #dmbjonly
จบดราม่า จบๆ ใครใคร่กาวกาว พ่อขุนรามคำแหงมิได้กล่าวไว้
anurakbeer- ด้วงสุสานใต้สมุทรทะเลซีซา
- จำนวนข้อความ : 184
Points : 3946
Join date : 27/10/2014
Re: #ภาคทิเบต Chapter 07 ภาพวาดสีน้ำมันของทิเบต
แหม!!!! นายน้อย เห็นภาพวาดแฟ---แค่กๆๆ เพื่อนสนิทแค่นี้ ถึงกับละสายตาไม่ได้เลยนะ 555
//ขอบคุณคุณบ. มากนะคะ 5555 //โดดกอด
//ขอบคุณคุณบ. มากนะคะ 5555 //โดดกอด
sleepyzz- ด้วงฝึกหัด
- จำนวนข้อความ : 10
Points : 3264
Join date : 14/06/2015
Re: #ภาคทิเบต Chapter 07 ภาพวาดสีน้ำมันของทิเบต
นายน้อยคะ แค่เห็นรูปวาดแฟ.. เอ้ยยเพื่อน ต้องมองเป็นครึ่งค่อนวันเลยเหรอค้าา คิดถึงมากใช่มั้ยค้าาา
ขอบคุณคุณเบียร์ที่แปลมาให้อ่านนะคะ ^^
ปล. คนไทยเข้มแข็งค่ะ พวกเราจะผ่านเหตุการณ์นี้ไปได้อย่างสงบแน่นอนเนอะ
ขอบคุณคุณเบียร์ที่แปลมาให้อ่านนะคะ ^^
ปล. คนไทยเข้มแข็งค่ะ พวกเราจะผ่านเหตุการณ์นี้ไปได้อย่างสงบแน่นอนเนอะ
qiuyan_zhen- ด้วงฝึกหัด
- จำนวนข้อความ : 9
Points : 3365
Join date : 02/03/2015
Re: #ภาคทิเบต Chapter 07 ภาพวาดสีน้ำมันของทิเบต
แน่นอน ผมรู้ความจริงของการหายตัวไปของเขา เรื่องราวเกี่ยวกับเขา ผมยังบอกเล่าได้อีกมาก แต่นี่ไม่ใช่จุดประสงค์หลักของเรื่องเรื่องนี้
อัลลัยยยยยคะะะะ นายน้อยยยย มีเรื่องราวอะไรให้เล่าอีก เล่ามาอี๊กกกก แฟนๆ อยากรู้ มีอันคัตอะไรอีกกก
แงงง ประโยคสุดท้ายนายน้อยคิลมู้ดมากค่ะ จริงๆ เค้าอาจจะนิมิตเห็นเนื้อคู่ของคนในภาพก็ได้นะคะ เลยให้วาดภาพเอาไว้มาแปะตรงนี้ เนื้อคู่ผ่านมาเจอจะได้ตามไปถูกที่ไงคะ แบบภาพวาดบุษบาในอิเหนาไรงี้ (...กร๊อบ!)
ขอบคุณมากนะคะ ตอนนี้อ่านแล้วอิ่มจัง 55555 ไม่รู้ทำไม แต่อิ่ม อิ่มอกอิ่มใจ แซวนายน้อย เขิน โรแมนติก ผจญภัยแมนๆ โง้ยยยยย <- แซวหนักขึ้นเมื่อรู้บทสรุปของเรื่อง
ขอบคุณคุณเบียร์มากๆ ค่ะ แอ่ เจอกันในงานโอนลี่นะคะ ' ')/
- Spoiler:
- คำพิมพ์ผิดค่ะ
คู้กระจก -- ตู้กระจก
Malangporyim- ด้วงต้นไม้เทพเจ้า
- จำนวนข้อความ : 290
Points : 3792
Join date : 27/10/2014
ที่อยู่ : ทุ่งด้วงโฮโม
Re: #ภาคทิเบต Chapter 07 ภาพวาดสีน้ำมันของทิเบต
อีตอนบรรยายถึงภาพวาดนั่นน่ะ...แบบ...ไม่รู้จะใช้คำอะไรแทนความรู้สึกตัวเอง//อ้วกรุ้ง
แต่แบบยืนมองเป็นครึ่งค่อนวัน นายซึมซับความสุนทรีย์สินะ แบบประทับทุกพิกเซลไว้ในใจ//ถุย
ตัดมุกตอนสุดท้ายได้ร้ายกาจนัก...นายน้อยอู๋คนนี้
ถึงจะเปย์เพื่อเสี่ยวเกอ(?)ยังไงก็แอบมีเสียดายสินะ
ขอบคุณสำหรับทรานส์ค่ะ
แล้วพบกัน #dmbjonly ค่ะ /คุณเบียร์จะแจกลายเซ็นไหม
แต่แบบยืนมองเป็นครึ่งค่อนวัน นายซึมซับความสุนทรีย์สินะ แบบประทับทุกพิกเซลไว้ในใจ//ถุย
ตัดมุกตอนสุดท้ายได้ร้ายกาจนัก...นายน้อยอู๋คนนี้
ถึงจะเปย์เพื่อเสี่ยวเกอ(?)ยังไงก็แอบมีเสียดายสินะ
ขอบคุณสำหรับทรานส์ค่ะ
แล้วพบกัน #dmbjonly ค่ะ /คุณเบียร์จะแจกลายเซ็นไหม
The_Dark_Lady- ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ
- จำนวนข้อความ : 301
Points : 3646
Join date : 21/06/2015
Age : 29
ที่อยู่ : On the Land, Below the sky
Re: #ภาคทิเบต Chapter 07 ภาพวาดสีน้ำมันของทิเบต
“รู้สึกได้จากจิตใต้สำนึกว่า คนในภาพคือเขาแน่นอน”
แหม่ นายน้อยคะเรื่องเกี่ยวกับเสี่ยวเกอนี้ มันอยู่ซิลิบั้มส่วนลึกไปแล้วนิ ไงก็จำไม่ผิดหรอก อิอิ
“บางทีนิมิตที่ท่านลามะใหญ่เห็น อาจคือเงินสามร้อยหยวนนี่ก็เป็นได้”
จ้านิมิตให้นายน้อยได้รู้จักเสี่ยวเกอดีขึ้นไง ฮิๆๆๆ
ขอภาพกลับบ้านเลยคะนายน้อย จะได้ไว้มองทุกคืนที่นอนเลย คิคิ
เห็นด้วยกับคุณเบียร์ค่ะ ระวังตัวแต่อย่าตื่นตูมกันนะคะ ขอให้ทุกคนปลอดภันค่า
แหม่ นายน้อยคะเรื่องเกี่ยวกับเสี่ยวเกอนี้ มันอยู่ซิลิบั้มส่วนลึกไปแล้วนิ ไงก็จำไม่ผิดหรอก อิอิ
“บางทีนิมิตที่ท่านลามะใหญ่เห็น อาจคือเงินสามร้อยหยวนนี่ก็เป็นได้”
จ้านิมิตให้นายน้อยได้รู้จักเสี่ยวเกอดีขึ้นไง ฮิๆๆๆ
ขอภาพกลับบ้านเลยคะนายน้อย จะได้ไว้มองทุกคืนที่นอนเลย คิคิ
เห็นด้วยกับคุณเบียร์ค่ะ ระวังตัวแต่อย่าตื่นตูมกันนะคะ ขอให้ทุกคนปลอดภันค่า
Luckey.B- ด้วงสุสานใต้สมุทรทะเลซีซา
- จำนวนข้อความ : 102
Points : 3318
Join date : 20/07/2015
ที่อยู่ : ใต้ถุนบ้านสกุลจาง ใต้ดินบ้านอาสาม
Re: #ภาคทิเบต Chapter 07 ภาพวาดสีน้ำมันของทิเบต
อย่างกับวาดเพื่อให้นายน้อยไปหางั้นแหละะะ ก็แหม ใครเห็นภาพนั้นแล้วจะรู้จักคนในรูปดีถึงขนาดฝีแปรงหยาบๆยังจำได้กันล่า ก็มีแต่นายน้อยคนเดียวนี่แหละะะ >_<
Nlm1122- ด้วง
- จำนวนข้อความ : 33
Points : 3231
Join date : 07/08/2015
Re: #ภาคทิเบต Chapter 07 ภาพวาดสีน้ำมันของทิเบต
แหม นายน้อยเก็บรายละเอียดเสียวเกอดีจริงอะไรจริง เห็นภาพวาดก็จำได้ว่าเป็นใคร แบบนี่แหละสำเนาถูกต้องของเสี่ยวเกอเลยไรงี้ นายน้อยสามบอกว่าตั้งแต่โตมายังไม่เคยพบใครมีแววตาอย่างเสี่ยวเกอ ประเด็นคือ แอบไปเล่นเกมจ้องตากันตั้งแต่เมื่อไหร่ 555 ฟินเบาเบานะเนี่ย อิอิ สรุปวัดลามะถ้าไปแล้วจะได้คำตอบใช่มั้ย งั้นนายน้อยรีบไปนะ สู้ๆ
prince501- ด้วงตำหนักหลู่หวังเจ็ดดารา
- จำนวนข้อความ : 64
Points : 3277
Join date : 23/07/2015
Re: #ภาคทิเบต Chapter 07 ภาพวาดสีน้ำมันของทิเบต
พรหมลิขิตบันดาลจริงๆ แล้วสรุปเสี่ยวเกออายุจริงๆ เท่าไรกันแน่555
แต่แบบนายน้อยคือนายนี่หมกมุ่กกะเสี่ยวเกอมากเกินไปป่ะ ถึงขนาดเห็นรูปแล้วจำได้ว่า เสี่ยวเกอเนี่ย ไม่ธรรมดานะ หึหึ กาวแท้ๆๆๆ
ขอบคุณสำหรับคำแปลค่ะ
แต่แบบนายน้อยคือนายนี่หมกมุ่กกะเสี่ยวเกอมากเกินไปป่ะ ถึงขนาดเห็นรูปแล้วจำได้ว่า เสี่ยวเกอเนี่ย ไม่ธรรมดานะ หึหึ กาวแท้ๆๆๆ
ขอบคุณสำหรับคำแปลค่ะ
FunnyLee- ด้วงตำหนักหลู่หวังเจ็ดดารา
- จำนวนข้อความ : 88
Points : 3312
Join date : 12/07/2015
Re: #ภาคทิเบต Chapter 07 ภาพวาดสีน้ำมันของทิเบต
นายน้อยยยยยยย #กรีดร้อง
ถึงขั้นรู้สึกได้ว่าคือเสี่ยวเกอเลยรึคะ
สัญชาตญาณ หรืออะไรคะ
ปล.แล้วกันที่ dmbjonly ค่ะ
ถึงขั้นรู้สึกได้ว่าคือเสี่ยวเกอเลยรึคะ
สัญชาตญาณ หรืออะไรคะ
ปล.แล้วกันที่ dmbjonly ค่ะ
falenda- ด้วง
- จำนวนข้อความ : 30
Points : 3239
Join date : 27/07/2015
Age : 29
Re: #ภาคทิเบต Chapter 07 ภาพวาดสีน้ำมันของทิเบต
เฮือกกกก อะไรคือรู้ได้ทันทีว่าคือเขาาาาาาา
แงงงง นายน้อยหายใจเข้าออกเป็นเสี่ยวเกอจริง ๆ
อะไรคือละสายตาจากภาพนี้ไม่ได้ ยืนดูอยู่ครึ่งค่อนวัน ฮรือออ คิดถึงล่ะสิ
จะว่าไป ท่านลามะใหญ่ที่ต้องการให้ทำซ้ำภาพนี้ เพื่อให้นายน้อยเป็นคนมาพบสินะคะ ท่านมองเห็นบุพเพของคนคู่นี้สินะคะ อิอิ
แงงงง นายน้อยหายใจเข้าออกเป็นเสี่ยวเกอจริง ๆ
อะไรคือละสายตาจากภาพนี้ไม่ได้ ยืนดูอยู่ครึ่งค่อนวัน ฮรือออ คิดถึงล่ะสิ
จะว่าไป ท่านลามะใหญ่ที่ต้องการให้ทำซ้ำภาพนี้ เพื่อให้นายน้อยเป็นคนมาพบสินะคะ ท่านมองเห็นบุพเพของคนคู่นี้สินะคะ อิอิ
Yuwadee Wana- ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ
- จำนวนข้อความ : 352
Points : 3840
Join date : 27/10/2014
Re: #ภาคทิเบต Chapter 07 ภาพวาดสีน้ำมันของทิเบต
แหมะ ตั้งแต่เด็กน้อยเสี่ยวจางตัวกระเปี๊ยกแล้วนะ ฟังเรื่องเล่าไม่ต้องเห็นภาพก็มั่นใจนั่นคือเสี่ยวเกอ
นี่อัลไลลลล เห็นดวงตาคู่นั้น ใช่แน่ๆ นี่คือเมินโหยวผิง ถถถถถถถ
นายนว้อยยยยย นี่มันโคตรของโคตรพรหมลิขิต กระดิกตัวไปไหนก็เจอแต่เรื่องราวของเสี่ยวเกอ แอร๊ย
นี่อัลไลลลล เห็นดวงตาคู่นั้น ใช่แน่ๆ นี่คือเมินโหยวผิง ถถถถถถถ
นายนว้อยยยยย นี่มันโคตรของโคตรพรหมลิขิต กระดิกตัวไปไหนก็เจอแต่เรื่องราวของเสี่ยวเกอ แอร๊ย
Rozenkreuz- ด้วงอาณาจักรเจ้าแม่ซีหวังหมู่
- จำนวนข้อความ : 625
Points : 3860
Join date : 01/07/2015
Age : 31
ที่อยู่ : กองทัพผีเก็บเห็ดแห่งประตูสำริด
Re: #ภาคทิเบต Chapter 07 ภาพวาดสีน้ำมันของทิเบต
แล้ว เซี่ยจื่อหยาง ล่ะคะ เพื่อนคุณตั้งแต่สมัยเด็กน้อยกางเกงในก็ใส่ตัวเดียวกันมาแล้ว คุณกลับลืมจำไม่ได้แม้แต่ชื่อ ลืมๆเอ๋อๆขนาดหนักจนบัดนี้กล่าวถึง1บรรทัดได้หลังตอนต้นไม้มา แลคุณจะลืมไปหมดแล้ว แต่กับเขาคนนั้นเจอกันไม่กี่ปีผ่านมา5ปีคุณก็ยังจำได้ ว่าภาพนี้คือเขานั้นเอง จำได้ดี๊ดีจ้องอยู่ครึ่งวันแววตาเอ่ย สีหน้าเอ่ยคือนายน้อยคะ แค่แฟ... แค่กๆเพื่อนร๊ากกกกก ที่เจอไม่นานคุณรัก แค่กๆ จำได้ฝังจิตฝังใจขนาดนี้เลยนะคะ คุณอาจจะติ่งเสียวเกอขั้นหนักโดยไม่รู้ตัวก็ได้นาาา แหม พรหมลิขิตจริงๆ 2คนนี้
murasaki- ด้วงฝึกหัด
- จำนวนข้อความ : 11
Points : 3263
Join date : 14/06/2015
Age : 30
Re: #ภาคทิเบต Chapter 07 ภาพวาดสีน้ำมันของทิเบต
จำแม่นฝั่งลึกอะไรเยี่ยงนี้นะอาเสีย เอิ้กๆๆๆ แค่แว่บแรกก็รู้ได้ทันทีว่าเสี่ยวเกอ คาดเดาได้เลยว่าชั่วชีวิตเสี่ยวเกอคงไม่มีใครที่จะจดจำเสี่ยวเกอได้เฉียบขาดบาดจิตเท่าอาเสียแล้วล่ะ รูปหันข้างยังทำให้อาเสียของเราเหม่อมองล่องลอยได้เป็นครึ่งวัน หากกล่าวได้ว่าแววตาเสี่ยวเกอคือแววตาที่ไม่เชื่อมโยงกับสิ่งใดในโลกทั้งนั้น แต่ในเวลานี้....อาเสียกลับเป็นความเชื่อมโยงเดียวทาบประทับในแววตาเสี่ยวเกอไปแล้วนะ
บางทีนิมิตที่ท่านลามะใหญ่เห็น อาจคือเงินสามร้อยหยวนนี่ก็เป็นได้ <<--- ประโยคนี่อ่านปุ๊บพรวดปั๊บทันที อาเสียเอ๊ยยยอาเสีย 55555555 ไม่รู้จะว่าไงดี ขำความคิดอาเสียได้ทุกทีสิน่าาาาาาาาา
บางทีนิมิตที่ท่านลามะใหญ่เห็น อาจคือเงินสามร้อยหยวนนี่ก็เป็นได้ <<--- ประโยคนี่อ่านปุ๊บพรวดปั๊บทันที อาเสียเอ๊ยยยอาเสีย 55555555 ไม่รู้จะว่าไงดี ขำความคิดอาเสียได้ทุกทีสิน่าาาาาาาาา
hnee- ด้วงต้นไม้เทพเจ้า
- จำนวนข้อความ : 203
Points : 3686
Join date : 27/10/2014
Re: #ภาคทิเบต Chapter 07 ภาพวาดสีน้ำมันของทิเบต
ต้องเฝ้ามองใครคนหนึ่งขนาดไหน ถึงสามารถจดจำเขาได้ แม้รูปหยาบกร้านจากผู้ไร้ประสบการณ์
ต้องผ่านการสังเกตแววตาอันไม่เหมือนใครเช่นนั้น และจดจำไว้ผ่านความทรงจำขนาดไหน จึงวิเคราะห์ใบหน้านั้นออกมาได้ จากการมองเพียงปราดเดียว
นายน้อยอู๋เสีย ช่างเป็นคนจดจำแม่นยำยิ่งหากเป็นเรื่องของเหมินโหยวผิงจริงๆ
แต่สิ่งที่หัวหน้าลามะต้องการสื่อนี่ต่างหากที่น่าสนใจ
ทำไมถึงต้องให้เฉินเสวี่ยหานวาดรูปนี้เลียนแบบขึ้นมา
ท่านคงไม่ได้แค่ต้องการให้เจ้าตัวได้ค่านายหน้าพานายน้อยไปอย่างเดียวหรอกน่า
ท่านต้องเห็นความเกี่ยวข้องของชะตากรรมของสองคนนี้แน่นอน
แต่เป็น"ความเกี่ยวข้อง"ที่นำไปสู่สุสานสมัยฮั่น ปริศนาแมงป่องนั้นหรือไม่
คงต้องตามไปถึงที่นั่นจึงจะรู้ได้กระมัง
เป็นกำลังใจให้นายน้อยได้รู้เรื่องเสี่ยวเกอเพิ่มขึ้นต่อไป
ต้องผ่านการสังเกตแววตาอันไม่เหมือนใครเช่นนั้น และจดจำไว้ผ่านความทรงจำขนาดไหน จึงวิเคราะห์ใบหน้านั้นออกมาได้ จากการมองเพียงปราดเดียว
นายน้อยอู๋เสีย ช่างเป็นคนจดจำแม่นยำยิ่งหากเป็นเรื่องของเหมินโหยวผิงจริงๆ
แต่สิ่งที่หัวหน้าลามะต้องการสื่อนี่ต่างหากที่น่าสนใจ
ทำไมถึงต้องให้เฉินเสวี่ยหานวาดรูปนี้เลียนแบบขึ้นมา
ท่านคงไม่ได้แค่ต้องการให้เจ้าตัวได้ค่านายหน้าพานายน้อยไปอย่างเดียวหรอกน่า
ท่านต้องเห็นความเกี่ยวข้องของชะตากรรมของสองคนนี้แน่นอน
แต่เป็น"ความเกี่ยวข้อง"ที่นำไปสู่สุสานสมัยฮั่น ปริศนาแมงป่องนั้นหรือไม่
คงต้องตามไปถึงที่นั่นจึงจะรู้ได้กระมัง
เป็นกำลังใจให้นายน้อยได้รู้เรื่องเสี่ยวเกอเพิ่มขึ้นต่อไป
arshura09- ด้วงสุสานใต้สมุทรทะเลซีซา
- จำนวนข้อความ : 118
Points : 3156
Join date : 14/01/2016
Similar topics
» #ภาคทิเบต Chapter 04 เรื่องประหลาดเรื่องที่สอง
» #ภาคทิเบต Chapter 02 เรื่องประหลาดเรื่องที่หนึ่ง (1)
» #ภาคทิเบต chapter 03 เรื่องประหลาดเรื่องที่หนึ่ง (2)
» #ภาคทิเบต Chapter 05 จุดเริ่มต้นแห่งวัฏจักร
» #ภาคทิเบต Chapter 06 การเริ่มต้นใหม่ของโชคชะตา
» #ภาคทิเบต Chapter 02 เรื่องประหลาดเรื่องที่หนึ่ง (1)
» #ภาคทิเบต chapter 03 เรื่องประหลาดเรื่องที่หนึ่ง (2)
» #ภาคทิเบต Chapter 05 จุดเริ่มต้นแห่งวัฏจักร
» #ภาคทิเบต Chapter 06 การเริ่มต้นใหม่ของโชคชะตา
หน้า 1 จาก 1
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
|
|
Fri 24 Jul 2020, 01:39 by gustoon
» [คู่มือด้วง] Keyword จีนสำหรับการขุด(แฟนดอม)สุสาน
Thu 21 Jun 2018, 00:29 by miskizfullmoon
» มังฮวาและภาคทิเบต
Thu 21 Jun 2018, 00:23 by miskizfullmoon
» [OS] Father is the best (ผิงเสีย)
Thu 03 Aug 2017, 16:12 by schneewittchen
» [Fic] สิ่งเล็กๆที่เชื่อมโลก5 [เมินโหยวผิง+อู่เสีย+เสี่ยอ้วน]+OC
Tue 01 Aug 2017, 12:30 by natsume
» [OS] #dmbjdaily (จูปาจุ๊บ) Bittersweet [ผิงเสีย AU]
Thu 06 Apr 2017, 15:58 by Zeth
» [OS] #dmbjdaily "โทรศัพท์มือถือ" - no Pairing [All]
Tue 04 Apr 2017, 22:27 by Zeth
» [OS] #DMBJDaily (แว่น): ระยะที่มองไม่เห็น [ฮัวเสีย]
Sat 01 Apr 2017, 16:55 by Zeth
» [OS] #DMBJdaily (5.20) ท่านยอดฝีมือ [หวังเหมิง (+เหมิงเสีย)(+ผิงเสีย)]
Thu 30 Mar 2017, 17:24 by Zeth