Countdown
We've been
togerther for

ค้นหา
 
 

Display results as :
 


Rechercher Advanced Search


[OS] สามเหลี่ยมเหล็กกับการหายตัวไปอย่างปริศนาของคุณชายเซี่ย (ผิงเสีย,เฮยฮัว)

5 posters

Go down

[OS] สามเหลี่ยมเหล็กกับการหายตัวไปอย่างปริศนาของคุณชายเซี่ย (ผิงเสีย,เฮยฮัว) Empty [OS] สามเหลี่ยมเหล็กกับการหายตัวไปอย่างปริศนาของคุณชายเซี่ย (ผิงเสีย,เฮยฮัว)

ตั้งหัวข้อ by susuwatari Sat 18 Jul 2015, 22:32

[OS] สามเหลี่ยมเหล็กกับการหายตัวไปอย่างปริศนาของคุณชายเซี่ย
Paring ผิงเสีย, เฮยฮัว
Rate : PG

ท่ามกลางหมอกควันสีขาวคลุ้งเต็มห้อง ผมหรี่ตามองไปยังทิศทางของประตูหลังสลับกับนาฬิกาเรือนใหญ่ด้วยสีหน้าเป็นกังวล ในใจรู้สึกร้อนรุ่มอย่างประหลาด หรือว่าจะเกิดอะไรขึ้นกัน ระหว่างที่ฉากเลวร้ายต่างๆผุดขึ้นมาในสมองผมอย่างห้ามไม่ได้ก็มีเสียงแผดลั่นสะเทือนไปถึงเสาเข็มดังขึ้น

“เทียนเจิน” ชะเง้อหาอะไรอยู่ รีบมาช่วยเสี่ยปอกกระเทียมก่อน ร่างพอกพูนด้วยไขมันของนายอ้วนหวังเดินฝ่าม่านควันออกมาพร้อมกระทะใบย่อมในมือ ผมหันไปมองหน้าเขาแล้วเลิกคิ้วเป็นเชิงตั้งคำถาม "นายไม่ได้เป็นคนผัดผักบุ้งหรอกเหรอ" นายอ้วนหวังหัวเราะจนชั้นไขมันกระเพื่อม “งานนี้น้องเสี่ยวเกออาสาผัดให้ สงสัยเห็นเป็นของโปรดนาย คู่รักข้าวใหม่ปลามันก็แบบนี้แหละนะ” เขาแซวแล้วใช้ศอกกระแทกแขนผมเบาๆ “แต่แม่งสงสัยผัดสูตรบ้านสกุลจางแน่” เสียงเร่งไฟเงียบไปแล้วแต่ควันยังคงปกคลุมห้องอยู่นายอ้วนหวังเลยตะโกนถาม

“เสร็จรึยังน้องเสี่ยวเกอ” ไม่ทันขาดคำเสียงโครมครามประหลาดก็ดังออกมาจากในม่านควัน ผมตกใจระหว่างก้าวเท้าเข้าไปหาต้นเสียงก็เผลอสูดควันเข้าไปเต็มปอดจนไอคอกแค่กน้ำหูน้ำตาไหลไม่หยุด ได้ยินเสียงแว่วๆของพัดลมตัวใหญ่ที่ช่วยพัดเอาควันหายไปกว่าครึ่ง

ร่างของนายเมินโหยวผิงที่ยืนอยู่หน้าเตาปรากฏขึ้นช้าๆ เขาส่งยิ้มให้ผมพร้อมยื่นจานซึ่งเต็มไปด้วยผักบุ้งไฟแดงสีเขียวหน้าตาน่ากินมาให้ นายอ้วนหวังที่ตามมายื่นตะเกียบผ่านแขนผมไปจกผักบุ้งขึ้นมาชิมคำหนึ่ง “อร่อยสุดยอด เสี่ยให้สิบดาวเลย” ผมอมยิ้มลอบสบตากับเมินโหยวผิงรู้สึกได้ว่านิ้วยาวเป็นพิเศษของเขากำลังลูบไล้หลังมือผมเบาๆอย่างมีความหมาย ผมแกล้งทำท่าไม่รู้ไม่ชี้ใส่แล้วดึงมือกลับแต่นึกไม่ถึงว่าเขาจะเปลี่ยนมากุมมือผมไว้แทน นายอ้วนหวังเหลือบมาเห็นก็กระแอมทีหนึ่ง แต่พวกเรารู้จักกันมานานเกินไปจนยางอายละลายหายไปจากหน้าหมดแล้ว นายเมินโหยวผิงไม่เพียงไม่ปล่อยมือแต่ยังโอบเอวประคองผมเดินไปยังโต๊ะอาหารที่อยู่ในห้องถัดไป

หลังวางจานลงบนโต๊ะเรียบร้อย ผมก็ประทับริมฝีปากลงบนแก้มของเมินโหยวผิงทีหนึ่ง แว่วเสียงนายอ้วนตะโกนออกมาจากในครัวทำเอาผมอดหัวเราะออกมาไม่ได้

“ใช่ซี๊ เสี่ยอ้วนมันคนไม่มีคู่นี่ ระวังเถอะเบาหวานจะขึ้น”

บ่ายสองสิบนาที พวกเรากินข้าวปลาจนเกลี้ยงกริบแต่ก็ยังไร้วี่แววของเสี่ยวฮัว ทั้งๆที่หมอนี่สัญญาเป็นมั่นเหมาะว่าจะหิ้วไวน์แดงของนอร์มังดีมาฝาก “สงสัยจะฟาดคนเดียวหมดแล้ว” นายอ้วนบ่นกระปอดประแปดด้วยความเสียดายลาภปาก ผมควักโทรศัพท์ขึ้นมากดต่อสายแต่ก็ต้องถอนหายใจเมื่อได้ยินเสียงโมโนโทนเสียงเดิมดังขึ้น

“ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก”

“ฉันว่าต้องมีอะไรเกิดขึ้นกับเสี่ยวฮัวแน่ๆ คนอย่างเขาเป็นไปไม่ได้ที่จะปิดมือถือ” นายอ้วนหวังหันมามองผม “โทรศัพท์เสียหรือเปล่า” เขาว่า “ไม่ใช่หรอกเสี่ยวฮัวมีร่างอวตารมือถือตั้งสิบๆเครื่องในโกดัง อีกอย่างถ้ามาไม่ได้เขาต้องโทรศัพท์มาบอกพวกเราก่อน หรือว่าจะเกิดเรื่องกับเขา” ผมตั้งข้อสังเกต “นายก็ลองโทรศัพท์ไปถามเลขาเขาดูสิ”

“คุณชายเซี่ยไม่อยู่ค่ะ” เสียงหวานหยดจนผมเคลิ้มไปชั่วขณะตอบกลับมา

พอลองซักดูก็ได้ความว่าเสี่ยวฮัวเลื่อนตั๋วกลับจากฝรั่งเศสให้เร็วขึ้นกว่าเดิมสองวัน ตั้งแต่กลับก็ไม่ได้ติดต่ออะไรมา โทรศัพท์ไปที่บ้านก็เป็นระบบตอบรับอัตโนมัติ ทั้งยังไม่ได้ฝากข้อความอะไรไว้ ผมร้อนใจถามว่าทำไมถึงไม่มีใครคิดออกตามหา แต่เลขาสาวกลับบอกว่าที่เสี่ยวฮัวเลื่อนตั๋วเครื่องบินคงมีธุระปะปังส่วนตัวเร่งด่วนอย่างแน่นอน อีกอย่างมีบอดี้การ์ดตามไปด้วยอีกคนหนึ่งไม่มีทางที่คุณชายจะได้รับอันตรายแน่นอนอีกสักสองสามวันคงจะกลับมาเอง เธอพูดจบก็ตัดสายไป ถึงจะพูดแบบนั้นแต่ผมก็อดกังวลไม่ได้ มีธุระยังไงเสี่ยวฮัวก็โทรหาผมตลอด ไม่มีทางเงียบหายไปอย่างนี้แน่ๆ

ตลอดบ่ายผมตระเวนตามหาตามร้านอาหารหรือสถานที่ที่เสี่ยวฮัวชอบไป ร้านเหล้าประจำก็ไม่มี ภัตตาคารประจำก็ยังไม่เจอ เหลือที่สุดท้ายคือบ้านของเสี่ยวฮัวที่ค่อนข้างจะลึกลับเอาการ เมินโหยวผิงบอกว่านายบอดดำเคยบอกแผนที่บ้านของเสี่ยวฮัวให้ พรุ่งนี้จะเป็นคนพาไปเองผมจึงค่อยโล่งใจ แม้จะอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมนายบอดดำถึงได้รู้เรื่องของเสี่ยวฮัวละเอียดยิบขนาดนี้


------------------------


พวกเราขับรถออกจากเขตพันเจียหยวนตอนแปดโมงเช้า จอดรถไว้ในที่รับฝากรถรายวันแห่งหนึ่งใกล้กับซอยบ้านเสี่ยวฮัว เมินโหยวผิงกับนายอ้วนต่างก็เตรียมกระเป๋าคาดเอวใบย่อมสำหรับสิ่งของจำเป็นเพื่อไม่ให้ดูสะดุดตา นอกจากไฟฉายเหมืองแล้วเมินโหยวผิงยังสะพายดาบดำติดมาด้วย ท่าทางของพวกเขาเหมือนจะไปลงกรวยมากกว่าจะไปหาเพื่อนที่บ้าน

พวกเราเดินลึกเข้ามาในซอยขนาดย่อมผ่านร้านขายน้ำเต้าหูร้านหนึ่ง ผมเพ่งมองกำแพงสีเขียวหยกที่เมินโหยวผิงระบุว่าเป็นกำแพงบ้านของเสี่ยวฮัวด้วยความสงสัย เพียงไม่กี่ก้าวพวกเราก็พบประตูต้องสงสัยบานหนึ่งปิดแน่นหนาอยู่ นายอ้วนหวังลองเคาะดูก็บอกว่าเป็นประตูอัลลูมิเนียมอย่างดีท่าทางจะติดตั้งสัญญาณกันขโมยขืนพังเข้าไปตรงๆน่าจะมีเรื่องแน่ กำแพงก็ดูท่าว่าจะมีอะไรแบบนี้เหมือนกัน ผมลองมองซ้ายมองขวาก็พบช่องเสียบคีย์การ์ดฝังอยู่กำกับแพงอย่างแนบเนียน

ผมหันไปมองหน้านายอ้วนหวังส่งสายตาเป็นเชิงตั้งคำถาม “เราไม่มีคีย์การ์ด จะพังประตูก็ไม่ได้ ปีนข้ามกำแพงก็ไม่ได้ไม่รู้ควรจะทำวิธีไหนดี” นายอ้วนทำท่าคิดอยู่ครู่หนึ่งก็บอกว่าบ้านของเสี่ยวฮัวไม่น่าจะมีทางเข้าออกแค่ทางเดียว บางทีอาจมีอุโมงค์ลับซ่อนอยู่ก็เป็นได้ พูดจบก็ทำท่าจะลองยกฝาปิดท่อระบายน้ำบนพื้นขึ้นมาตรวจดู  

แต่ฝาท่อนั้นทำจากเหล็กล้วนๆหนักมากเสียจนแม้ผมจะเข้าไปช่วยก็ไม่ขยับจากตำแหน่งเดิมแม้แต่มิลเดียว แถมยังถูกเถ้าแก่ร้านขายน้ำเต้าหู้ที่กำลังเก็บร้านจ้องมองมาด้วยสายตาแปลกๆเหมือนเห็นพวกเราเป็นโจรขโมยฝาท่อ สุดท้ายเราสองคนก็ยอมแพ้ถอยไปพิงกำแพงหอบแฮกเป็นหมาหอบแดดพลางคิดหาวิธีต่อ

นายอ้วนหวังทำท่านึกอะไรได้ "เสี่ยจำได้ว่ามีเพื่อนคนหนึ่งเป็นช่างกุญแจผีฝีมือแก่งกาจในยุทธภพลองเรียกตัวมาดูสักหน่อยคงจะดี" เขารีบยกมือถือขึ้นเตรียมตัวกดเบอร์แต่เมินโหยวผิงที่ยืนเงียบๆมองเราสองคนทำโน่นทำนี่มาตลอดกลับยื่นมือมาจับเอาไว้ก่อน

“หรือว่าน้องเสี่ยวเกอจะยอมใช้วิชาสองนิ้วสำรวจถ้ำมางัดประตูให้พวกเรา” นายอ้วนหันขวับมาหาทันที ผมตบไหล่เขาแรงๆ “วิชาสองนิ้วสำรวจถ้ำบ้านพ่องนายสิเอามางัดประตูบ้าน” เสี่ยอ้วนไม่ต่อปากต่อคำกับผมแต่กลับชี้ให้ดูไม้เด็ดของเมินโหยวผิง

เขาเดินไปหยุดยืนหน้าประตูก่อนจะหยิบบางสิ่งบางอย่างจากกระเป๋าเสื้อนอกออกมา “หรือว่าลัญจกรหยกเปิดประตูนี่ได้” นายอ้วนหวังอุทาน “นายแม่งลงกรวยจนเพี้ยนไปแล้ว” ผมด่าพร้อมส่ายหน้า นาทีถัดมาพวกเราก็ได้ประจักษ์ว่ายังมีสิ่งที่ทรงอานุภาพมากกว่าทั้งหมดที่กล่าวมาเมื่อประตูบานหนาเปิดออกช้าๆ

“คีย์การ์ด”

เมินโหยวผิงหันมามองพวกเราด้วยสีหน้าเรียบนิ่งก่อนก้าวเข้าไป ผมกับนายอ้วนรีบตามเข้าไปติดๆก่อนที่ประตูจะปิดลง “น้องเสี่ยวเกอแม่งสุดยอด มีคีย์การ์ดก็ไม่ควักออกมาใช้ตั้งแต่ต้น ปล่อยให้เสี่ยกับเทียนเจินงมโข่งอยู่ตั้งนาน” เมินโหยวผิงไม่ตอบแต่หันมามองผมแล้วพูดว่า “เคยได้มาตอนคีบลามะกับนายแว่นดำ แต่ตอนนั้นเกิดเรื่องเสียก่อนเลยไม่ได้มาที่นี่”

นายอ้วนกระแอม “อธิบายซะเรียบร้อยกลัวเทียนเจินหึงอะป่าว” ผมหน้าแดงรีบด่าเขากลับ “หึงบ้านนายสิ เสี่ยวฮัวเป็นเพื่อนฉันนะ” เขายักไหล่ทำท่าไม่รู้ไม่ชี้ก่อนจะกวาดสายตามองไปรอบๆแล้วอุทานออกมา .

“แม่โว้ย นี่มันโชว์รูมรถหรูชัดๆ” เขาทำตาลุกวาวจ้องมองรถสปอร์ตและรถยุโรปนำเข้าหลายยี่ห้อกว่าสิบคันที่จอดเรียงเอาไว้อย่างสวยงาม “เสี่ยขอลูบเป็นบุญมือหน่อยเถอะสาวน้อย” ว่าแล้วก็ตรงเข้าไปลูบๆคลำๆคันโน้นทีคันนี้ทีเหมือนคนโรคจิต ปล่อยให้ผมกับเมินโหยวผิงช่วยกันหาหนทางไปต่อกันสองคน

หลังสำรวจโรงรถแห่งนี้ได้พักหนึ่งผมก็เจออุโมงค์ขนาดไม่ใหญ่นัก เมินโหยวผิงคว้าไฟฉายเหมืองมาส่องเข้าไปก็เห็นว่าที่สุดปลายทางมีประตูลิฟท์ที่คาดว่าจะพาเราไปถึงบ้านของเสี่ยวฮัวได้ตั้งอยู่ ผมหันไปส่งเสียงเร่งนายอ้วนที่เอาแต่ลูบไล้รถหรูให้รีบตามมาแต่โดยไว เมื่อเราสามคนมาหยุดยืนอยู่ด้านหน้าลิฟท์ก็พบว่าตรงปุ่มขึ้นลงก็มีช่องสำหรับเสียบคีย์การ์ด เพียงไม่ถึงนาทีประตูลิฟท์ก็เปิดออก

ลิฟท์ตัวนี้นำพวกเรามาอยู่ในห้องแปลกประหลาดห้องหนึ่ง ไฟในห้องกระพริบเปิดอัตโนมัติเมื่อเสียงก้าวเท้าของพวกเราดังขึ้น ห้องขนาดไม่ใหญ่นี้แบ่งออกเป็นสองฟาก แต่ละฟากเป็นตู้กระจกครอบขนาดใหญ่ลักษณะประหลาดเหมือนพิพิธภัณฑ์ ฟากหนึ่งมีมือถือมากมายหลากรุ่นหลายยี่ห้อวางเรียงกันเป็นพืด มีตั้งแต่สมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุดไปจนถึงมือถือฝาพับสมัยพระเจ้าเหา ดูท่านี่คงจะเป็นบรรดาร่างอวตารทั้งหลายของมือถือเสี่ยวฮัวเป็นแน่ อีกฟากคือแว่นตาดำหลายยี่ห้อชวนให้ผมนึกถึงใครคนหนึ่งตะหงิดๆ พอหันไปหาเสี่ยอ้วนอีกฝ่ายดูท่าจะคิดเหมือนกับผม

“นายคิดเหมือนฉันไหมบีหนึ่ง”

“ฉันก็คิดเหมือนนายนะบีสอง”

“แม่งต้องเป็นไอ้หมอนั่นแน่ๆ” เราสองคนพูดพร้อมกัน

สำรวจอยู่พักใหญ่ก็ไม่มีอะไรน่าสนใจ พวกเราเลยเลิกสนใจข้าวของพวกนี้แล้วก้าวออกจากห้องออกมายืนอยู่ตรงลานกว้างก็พบว่าบ้านของเสี่ยวฮัวนั้นเป็นบ้านแบบซื่อเหอหยวนขนาดย่อม ลานกว้างมีสระน้ำขนาดใหญ่ปลูกบัวพร้อมทางเดินทอดข้ามอย่างสวยงาม

แดดยามสายส่องกระทบผิวน้ำชวนให้รู้สึกสงบอย่างน่าประหลาด ผมสูดหายใจลึกตั้งใจจะเดินไปดูสระน้ำเสียหน่อยแต่นายอ้วนหวังกลับเลือกเดินไปยังเรือนขนาดเล็กที่ตั้งอยู่ด้านซ้ายมือซึ่งประตูไม้ถูกเปิดแง้มเอาไว้ชวนให้ค้นหา ผมมุ่นคิ้วหันมาทางเมินโหยวผิงก่อนที่ฝ่ายนี้จะยกมือขึ้นจรดปากแล้วค่อยๆย่องตามนายอ้วนหวังไป

ไม่ทันที่ผมจะได้เห็นสิ่งของในห้องก็ได้ยินเสียงเสี่ยอ้วนที่ยืนขวางประตูแทบมิดอุทานดังๆออกมา “แม่เจ้าโว้ย ฉันว่าฉันพบสิ่งมหัศจรรย์แห่งบ้านคุณชายเซี่ยแล้วว่ะ” ผมสบตากับเมินโหยวผิงด้วยความประหลาดใจ “นายแม่งเห็นกระปู๋ดองเต็มห้องรึไง” ผมว่า

“ก็....ประมาณนั้นว่ะ” นายอ้วนหวังตอบไม่เต็มปากเท่าไหร่ ความอยากรู้อยากเห็นซึ่งเป็นโรคเก่ากำเริบขึ้นมาทันที ผมรีบดันเสี่ยอ้วนที่ยืนขวางทางออกแล้วชะโงกมองเข้าไปในห้องบ้าง ไม่นึกว่าภาพที่เห็นจะทำให้ผมฝันร้ายอยู่เป็นเดือนๆ

ห้องห้องนี้ตกแต่งอย่างเรียบง่ายมีชั้นวางของสูงติดกำแพงอยู่สองด้าน ส่วนอีกด้านหนึ่งมีราวแขวนเสื้อผ้ามีหน้าต่างบานใหญ่รูดม่านหนาทึบปิดสนิท ตรงกลางมีโต๊ะขนาดใหญ่อยู่หนึ่งตัว ในห้องสะอาดเอี่ยมแทบไม่มีร่องรอยของฝุ่น ดูท่าเจ้าของคงหมั่นทำความสะอาดอยู่บ่อยๆเป็นแน่ แต่สิ่งที่ทำให้ผมช๊อคตาตั้งนั้นวางตระหง่านท้าสายตาอยู่บนโต๊ะ

ชื่อของเจ้าสิ่งนั้นน่าอายเกินกว่าจะออกอากาศได้ ถึงแม้ว่าผมจะไม่มียางอายเหลือติดอยู่บนใบหน้าซักเท่าไหร่แต่ก็ยังรู้สึกแปลกๆอยู่ดี เมื่อส่องไฟฉายไปยังราวแขวนเสื้อผ้าก็พบว่าเสื้อผ้าที่ถูกแขวนอยู่หากไม่เป็นชุดเมดก็ต้องเป็นชุดเซเลอร์ ไม่ก็ชุดว่ายน้ำหรือชุดหนังรัดรูปทุกสีทุกแบบ ส่วนบนชั้นวางของก็มีทั้งรองเท้าส้นสูง โซ่แส้กุญแจมือและอุปกรณ์แปลกๆมากมาย ไม่นับรวมกล่องใบย่อมอีกกว่าสิบกล่องที่วางอยู่ด้านล่าง แน่นอนว่าหลังจากเห็นเจ้าสิ่งที่ตั้งตระหง่านอยู่บนโต๊ะผมแม่งรู้สึกว่าของอย่างอื่นในห้องนี้ดูจิ๊บจ๊อยไปเลย

นายอ้วนหวังกลืนน้ำลายเอื๊อกใหญ่ก่อนถอยฉากออกมาช้าๆ ผมค่อยๆงับบานประตูปิดให้อย่างเรียบร้อยแล้วตามออกมาริมสระ รู้สึกได้ว่าใบหน้าของตัวเองกำลังร้อนผ่าว มีเพียงเมินโหยวผิงคนเดียวที่คงสีหน้าเรียบเฉยเอาไว้ได้

“เชี่ยแม่ง เสี่ยไม่นึกเลยว่าคุณชายเซี่ยจะมีรสนิยมแบบนี้ด้วย” นายอ้วนพูด “เทียนเจินแม่งหน้าแดงเหมือนสาวเอ๊าะๆเลยว่ะ ระวังอย่าให้น้องเสี่ยวเกอดูมากๆนะ เดี๋ยวจะเอาไปใช้แล้วนายจะหนาว” ผมถลึงตาใส่เขา “แม่งพูดบ้าอะไรวะ ประสาทกลับแล้ว” แต่ก็อดคิดมากไม่น้อยเพราะเห็นประกายตาวิบวับในดวงตาของเมินโหยวผิงเข้า ลำพังปกติก็เอวแทบหักอยู่แล้ว ขืนใช้ของพวกนั้นผมคงลุกไม่ขึ้นไปอีกสามวัน

พวกเราตัดสินใจปล่อยให้รสนิยมของเสี่ยวฮัวเป็นนอนหลับอยู่ในห้องต่อไปแล้วเริ่มออกเดินตามระเบียงขนาดไปกับสระน้ำโดยมีเมินโหยวผิงเดินนำหน้าคอยระวังตัว ถึงผมจะบอกว่าบ้านเสี่ยวฮัวคงไม่บ้าใส่กับดักแพรวพราวเหมือนในกรวยแต่เขาก็ยังมีทีท่าไม่วางใจอยู่ดี

ระหว่างที่เมินโหยวผิงใช้นิ้วยาวเป็นพิเศษลูบไปตามกำแพงปูนเพื่อหากับดักเสียงประหลาดในน้ำก็ดังขึ้นพร้อมกับแผ่นน้ำที่เคยนิ่งสนิทกระเพื่อมไหวเป็นระลอกคลื่น พวกเราต่างก็สะดุ้งจนตัวลอยนึกในใจว่าแย่แน่แล้ว เมินโหยวผิงพลันรวบตัวผมเข้ามากอดเอาไว้ แต่ผ่านไปครู่ใหญ่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นมีแต่เสียงหัวเราะเบาๆของนายอ้วนหวังดังแทนที่

“พวกนายสองคนเลิกสวีทกันก่อนเถอะ มาดูนี่ดีกว่า” ผมชะโงกหน้าออกมาจากอกเมินโหยวผิงเห็นนายอ้วนหวังยังอยู่ครบสามสิบสองกำลังทำท่าชี้ไม้ชี้มือลงในบ่อปลาก็รีบลากแขนคนข้างตัวให้ตามไปด้วยกัน ที่แท้ก็เป็นท่อให้อาหารที่ทำให้เกิดเสียงประหลาด ส่วนที่ผิวน้ำกระเพื่อมเพราะเจ้าปลาตัวน้อยสีขาวพวกนี้แห่กันมารุมกินอาหารเม็ดนี่ต่างหาก “แถวนี้คงมีเซนเซอร์ดักจับเสียงฝีเท้าซ่อนอยู่ที่ไหนซักแห่งแน่ๆ” นายอ้วนหวังวิเคราะห์ให้ฟัง

“เลี้ยงปลาดูไม่ค่อยเป็นคุณชายเซี่ยเลยว่ะ” นายอ้วนหัวเราะพลางยื่นมือลงไปในน้ำกวักเล่นให้ปลาตื่น “แล้วนายแม่งจะให้เสี่ยวฮัวเลี้ยงตัวอะไร” ผมถามกลับ “ก็นึกว่าจะมีมี่ลั่วถัวอยู่ในบ้านมั่ง ไม่ก็เลี้ยงปลาปิรันย่าหรือว่าจะเป็นตะขาบ”

“คนที่มีรสนิยมชื่นชอบการเลี้ยงตัวประหลาดพวกนั้นได้คงมีแต่วังฉางไห่คนเดียวแล้วมั้ง”  ผมนึกนินทาอยู่ในใจ เมินโหยวผิงหันมาให้สัญญาณเป็นเชิงเร่งให้พวกเราเดินต่อ อีกเพียงไม่กี่ก้าวก็จะถึงเรือนใหญ่ซึ่งคาดว่าจะเป็นที่นอนของเสี่ยวฮัวแล้ว

จู่ๆนายอ้วนหวังที่เดินนำหน้าผมพลันชะงัก ผมที่ตามมาเบรกไม่ทันชนเข้ากับหลังหนาๆเข้าเต็มแรงจนกระดอนออกมาเกือบล้ม “เชี่ยนี่หยุดทำไมวะ” ผมด่าเบาๆ "เสี่ยว่าเสี่ยเจอหลักฐานว่ะเทียนเจิน" นายอ้วนสวมมาดเชอร์ล๊อคโฮล์มก้มลงไปใช้สองนิ้วคีบบางสิ่งบางอย่างที่ตกอยู่ข้างกระถางต้นไม้ขึ้นมาชูตรงหน้า

“เนคไทด์ของเสี่ยวฮัวนี่นา” ผมอุทาน ปกติเสี่ยวฮัวเป็นคนมีระเบียบจะตายไม่มีทางที่จะทิ้งข้าวของเรี่ยราดอย่างนี้ “ต้องเกิดอะไรขึ้นกับเสี่ยวฮัวแน่ๆ” ผมบอกกับนายอ้วนอย่างร้อนใจรีบก้าวไปหาเมินโหยวผิงที่หยุดยืนนิ่งอยู่ใกล้ประตูทางเข้าด้วยท่าทางประหลาดอีกคน

“เกิดอะไร......” ผมอ้าปากจะถามแต่ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นสายตาของเขา บนพื้นมีเสื้อสูทลำลองสีเทาอ่อนถูกทิ้งอยู่หนึ่งตัว “เสี่ยว่าแบบนี้เริ่มมีปัญหาแล้วนา ไม่รู้บ๊ะจ่างตามมาบุกบ้านหรือเปล่า” นายอ้วนหวังตามมาสมทบทั้งที่ในมือยังมีเนคไทด์ของเสี่ยวฮัวอยู่

“งั้นเราต้องรีบเข้าไปช่วยเขากัน” ผมกล่าวตั้งท่าจะออกเดินนำไปแต่กลับถูกมือแข็งแรงของเมินโหยวผิงคว้าเอาไว้ เรื่องนี้อย่าใจร้อน “ค่อยๆไปด้วยกันจะดีกว่า” เขาบอกแล้วเลื่อนมือมากุมมือผมแน่นๆพาเดินไปด้วยกันทิ้งให้เสี่ยอ้วนเดินตามหลังพร้อมเสียงบ่นงึมงำด้วยความอิจฉา

พวกเราเดินเข้ามาหยุดยืนอยู่กลางห้องนั่งเล่นเพื่อจะค้นพบว่าจุดนี้มีเสื้อผ้าและข้าวของกองเอาไว้ระเกะระกะ เราสามคนแยกย้ายกันตรวจสอบแต่ก็ไม่เจอหลักฐานอะไรไปมากกว่าคราบขาวบนโซฟาที่เหมือนมีใครมาทำนมหกเอาไว้ทั้งแก้ว “หรือว่าโจรจะบุกเข้ามาปล้นจริงๆ” นายอ้วนหวังวิเคราะห์ “แต่ฝีมือหาตัวจับยากแบบเสี่ยวฮัวคงไม่ปล่อยให้ใครล้มง่ายๆ แถมในห้องนี้ยังไม่มีร่องรอยการต่อสู้รุนแรงด้วย”

“อีกอย่างโจรที่ไหนจะปล้นด้วยการถอดเสื้อผ้ากัน ท่าจะพิลึกไปหน่อย” ผมเสริม “อะไรที่แม่งไม่คิดว่าจะมีมันก็มีหมดแหละ เสี่ยอ้วนลูบคาง”

“ดูสิ เหมือนน้องเสี่ยวเกอจะเจออะไรดีๆเข้า” เขาชี้ไปยังเมินโหยวผิงที่กำลังนั่งยองๆจ้องมองดูบางอย่างอยู่บนพื้น เมื่อเราสองคนไปถึงก็พบว่าเป็นหยดสีขาวเหมือนน้ำนมหยดเป็นทางมุ่งหน้าขึ้นบันไดไปยังชั้นบนของตัวบ้าน

“หรือว่า....โจรจะเกิดหิวน้ำขึ้นมาเลยไปเอานมในตู้เย็นคุณชายมาดื่มระหว่างปล้น แล้วพอคุณชายเซี่ยกลับมาเจอก็โดนทุบหัวลากขึ้นไปชั้นสอง” นายอ้วนเริ่มตั้งสมมติฐานใหม่ “มีเหตุผลๆ” ผมพยักหน้าพลางนึกภาพตาม “เราเดินตามรอยนี่ไปไม่แน่อาจเจอตัวคุณชายเซี่ยก็ได้” เสี่ยอ้วนเสนอ ผมกับนายเมินโหยวผิงพยักหน้าเห็นด้วยแล้วค่อยๆย่องตามเขาขึ้นไปชั้นสอง

ทั้งๆที่อยู่คนเดียวแต่บ้านของเสี่ยวฮัวมีห้องเยอะแยะจนน่าตกใจ เราหลุดเข้าไปในห้องแต่งตัวทรงกลมขนาด20 เมตรที่มีกระจกสามด้านวางอยู่ตรงกลาง “ห้องแต่งตัวอย่างกับดารา” นายอ้วนว่า พวกเราสำรวจห้องนี้อยู่ครู่เดียวเมื่อไม่พบตัวเสี่ยวฮัวก็ถอยออกไป

เมื่อเดินไปทางด้านขวาเราพบรอยหยดน้ำปริศนาอีกครั้ง ทั้งยังพบกางเกงสแลคสีดำของเสี่ยวฮัวถูกวางพาดไว้อย่างลวกๆกับโต๊ะเข้ามุมพร้อมแจกันดอกไม้ปลอม บานหน้าต่างที่ไม่ไกลกันเท่าไหร่ยังมีร่องรอยยับยู่ยี่เหมือนถูกขยำของผ้าม่าน พวกเราสามคนมองหน้ากันรู้สึกว่าเรื่องราวชักจะพิลึกขึ้นไปทุกที พลันได้ยินเสียงครืดๆดังแว่วมาจากห้องที่อยู่ริมสุด

ผมกับนายอ้วนมองหน้ากันเลิกลั่ก นึกถึงเมื่อครั้งไปคว่ำกรวยที่ตำหนักหลู่ซังหวังแล้วเจอบ๊ะจ่างใหญ่เข้าจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด จำได้ว่าครั้งนั้นก็ได้ยินเสียงครืด ครืดแบบนี้เหมือนกัน หรือว่าเสี่ยวฮัวจะโดนศพโลหิตตามมาแก้แค้น ผมหน้าซีดหันไปมองเมินโหยวผิงที่กำลังยืนฟังอย่างตั้งใจ เขาชักดาบดำออกมาแล้วนำหน้าพวกเราไปยังต้นเสียงเจ้าปัญหานั้น ผมเหลือบไปเห็นนายอ้วนรีบควักกระเป๋าเอาขวดทิชชูชุบเลือดของเมินโหยวผิงที่แอบเก็บไว้ขึ้นมา

ครืด ครืด

ยิ่งเข้าใกล้ก็ยิ่งได้ยินเสียงชัดขึ้น หัวใจผมเต้นแรงเหมือนจะหลุดออกมาจากอก แต่แล้วทุกอย่างพลันหยุดชะงักลง เมินโหยวผิงพยักหน้าให้ผมแล้วถีบประตูเข้าไปหากพบเพียงแต่ห้องเปล่าที่เต็มไปด้วยตุ๊กตาสนู๊ปปี้หลากหลายขนาดจนน่าจะจัดเป็นพิพิธภัณฑ์ขนาดย่อมได้ “ตุ๊กตาพวกนี้แม่งเป็นศพคืนชีพรึเปล่า” นายอ้วนหวังเอาไฟฉายไปลองจิ้มๆดูแต่ก็ไม่เกิดอะไรขึ้น ผมด่าเขาว่าประสาทไปคำหนึ่ง

พลันเสียงประหลาดก็ดังขึ้นอีกครั้ง ผมจึงได้รู้ว่าที่แท้เสียงนั่นไม่ได้ดังมาจากในห้องนี้แต่ดังมาจากห้องที่อยู่เหนือขึ้นไปต่างหาก พวกเรารีบก้าวยาวๆขึ้นบันไดอย่างเงียบกริบ พวกเรามาหยุดอยู่หน้าห้องขนาดย่อมห้องหนึ่ง ประตูทำจากไม้อย่างดีปิดสนิทมีไอเย็นจากเครื่องปรับอากาศลอดออกมาจางๆ เสียงครืดถูกแทนที่ด้วยเสียงครางประหลาด

ระหว่างที่กำลังกลั้นหายใจเงี่ยหูฟัง เสียงปู๊ดยาวๆก็ดังขึ้นในความเงียบพร้อมกับกลิ่นเหม็นรุนแรงชนิดที่รมบ๊ะจ่างสลบได้ ผมกับเมินโหยวผิงยกมือขึ้นปิดจมูกพร้อมกัน เสียงประหลาดในห้องก็เงียบไปด้วย

พักหนึ่งผมก็ได้ยินเสียงมือถือของตัวเองดังขึ้น นายอ้วนหันมาจ้องผมตาถลึงขณะที่ผมลนลานรับโทรศัพท์กดผิดกดถูก

“อู๋เสีย”

เสียงปลายสายแหบแห้งแต่ก็ให้ความรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด “นาย...อยู่ข้างนอกเหรอ” เสียงนั้นถามอีก ผมเหมือนได้ยินเสียงสะท้อนดังมาจากในห้องเป็นประโยคเดียวกันจึงรีบยกหน้าจอขึ้นดูก็พบว่าเป็นเบอร์ของเสี่ยวฮัวนั่นเอง “เสี่ยวฮัวเกิดอะไรขึ้น ทำไมเสื้อผ้านายถึงได้กองเต็มบ้านไปหมด นายถูกทำร้ายหรือเปล่า พวกเราอยู่หน้าห้องบนชั้นสาม ได้ยินเสียงแปลกๆจนถึงเมื่อครู่” ผมพูดรัวเร็วเหมือนไฟแล่บ  “อือ ไม่เป็นอะไรหรอก พวกนายไปรอฉันที่ห้องนั่งเล่นชั้นสอง อีกเดี๋ยวจะตามไป” พูดจบเขาก็ตัดสายทิ้งทันที

ผมมองประตูห้องอย่างไม่เข้าใจแต่ก็ยอมบอกให้เสี่ยอ้วนและเมินโหยวผิงล่าถอยลงไปนั่งรอในห้องนั่งเล่นชั้นสอง นายอ้วนหวังมีสีหน้าคิดไม่ตกเดินวนไปวนมาอยู่ครู่หนึ่งก็ตะโกนเสียงดัง “เชี่ยแล้วเทียนเจิน นี่พวกเราไปขัดจังหวะพวกเขานี่หว่า”

ผมจ้องเขาด้วยท่าทางงุนงง "ขัดจังหวะอะไรของนาย" เขาเห็นท่าทางไม่เข้าใจของผมก็รีบอธิบายให้ฟัง “ก็ขัดจังหวะ.....ของคุณชายเซี่ยไง” ผมอ้าปากค้างสมองประมวลผลแทบไม่ทัน หมายความว่าจนถึงเมื่อครู่เสียงแปลกๆที่ได้ยินก็เป็นเสียงทำอะไรอะไรกันนะสิ ผมหน้าซีดเล็กน้อยแต่ยังอดคิดไม่ได้ว่าสวยๆอย่างเสี่ยวฮัวคงไม่อยู่ข้างบนหรอกมั้ง พูดไม่ทันขาดคำร่างของเสี่ยวฮัวก็ปรากฏขึ้นที่ประตู

ใบหน้าสวยงามได้รูปของเขาซีดขาว ท่าเดินไม่มั่นคงเหมือนจะล้มแหล่ไม่ล้มแหล่ ยังดีที่มีนายบอดดำช่วยประคองเอาไว้ พวกเราสามคนจ้องมองคนทั้งคู่ตาไม่กระพริบ ผมถึงกับเห็นว่าที่คอของเสี่ยวฮัวมีรอยแดงๆอยู่เต็มไปหมด ท่าทีของทั้งสองคนตอบคำถามในใจของผมเสร็จสรรพโดยไม่ต้องเอ่ยอะไรออกมา

“เอ่อ....” ผมตะกุกตะกักเล็กน้อย “เห็นนายสบายดีพวกเราก็ไม่เป็นห่วง ยังไงวันหน้าค่อยมาเยี่ยมใหม่ก็แล้วกัน” พูดจบผมรีบลุกขึ้นลากมือเมินโหยวผิงก้าวพรวดๆออกจากห้องอย่างรวดเร็วไม่ยอมฟังเสียงเขาพูดต่อ เพียงไม่กี่นาทีต่อมาพวกเราก็มาโผล่อยู่หน้าร้านขายน้ำเต้าหูที่กำลังเตรียมตัวเปิดขายตอนเที่ยง ผมกับเมินโหยวผิงและนายอ้วนซื้อน้ำเต้าหู้คนละสองชาม หลังดื่มจนหมดนายอ้วนหวังก็พูดขึ้น

“คุณชายเซี่ยแม่งร้อนแรงไม่ใช่เล่น ทำกันตั้งแต่ประตูบ้านเลย ดูท่าที่หายไปคงจะทำกันทั้งวันทั้งคืนแน่ๆ นายบอกว่าเขาเลื่อนกำหนดกลับเร็วขึ้นจากเดิมสองวันไม่ใช่เหรอ นับๆดูแล้วนายเฮยเสียจื่อแม่งอึดใช้ได้ ได้ข่าวว่าอายุก็มากแล้วด้วย” เขากระซิบกระซาบเบาๆด้วยท่าทางมีเลศนัยจนเถ้าแก่เจ้าของร้านหันมาจ้อง “แล้วน้องเสี่ยวเกออึดอย่างนี้หรือเปล่าอ่ะเทียนเจิน เสี่ยอ้วนอยากรู้”

ผมหน้าแดงฉ่าขมุบขมิบปากด่าเขาไปหลายประโยค ขณะที่เมินโหยวผิงลอบเอื้อมมาจับมือของผมใต้โต๊ะแล้วบีบเบาๆ


------------------


สามวันต่อมาเสี่ยวฮัวก็ปรากฏตัวที่ร้านนายอ้วนเวลาเดิมแต่เพิ่มตัวแถมเป็นนายบอดดำมาด้วยอีกหนึ่งคน เขาไม่ลืมหิ้วไวน์แดงจากนอร์มังดีที่สัญญากันไว้ติดไม้ติดมือมาด้วย พอตกบ่ายสามทุกอย่างบนโต๊ะก็เกลี้ยงกริบเหลือแต่จานเปล่า

ผมกับเสี่ยวฮัวรับหน้าที่ล้างจานด้วยกัน เขาชวนผมคุยเรื่องที่ไปดูงานถึงฝรั่งเศส ผมนึกอยากจะเอ่ยถามเรื่องข้าวของในห้องแห่งความลับกับเขา แต่หลังเห็นท่าทางเดินไม่ค่อยสะดวกของเขาก็คิดว่าควรปล่อยให้ความลับเป็นความลับต่อไปจะดีกว่า

----------------
จบเถอะ  ฮาาาา
รั่วมึนค่ะ อ่านฟิคในนี้แล้วเกิดไอเดียแนวสืบสวน(?)ขึ้นมา
ยิ่งอ่านเล่มสิบด้วยแล้วตอนต่อปากต่อคำของนายอ้วนกับนายน้อย ฮาสุดๆไปเลยค่ะ
ยังไงก็ฝากด้วยนะคะ ฮา /จริงๆอย่างเขียนไซด์ตอนของขุ่นชายกับนายเฮย แต่รู้สึกว่าจะแซบไปหน่อย/เขิน
ไว้ว่างๆจะมาลองเขียนต่อค่าาาา


แก้ไขล่าสุดโดย susuwatari เมื่อ Sun 19 Jul 2015, 16:40, ทั้งหมด 1 ครั้ง
susuwatari
susuwatari
ด้วงตำหนักหลู่หวังเจ็ดดารา
ด้วงตำหนักหลู่หวังเจ็ดดารา

จำนวนข้อความ : 81
Points : 3590
Join date : 27/10/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

[OS] สามเหลี่ยมเหล็กกับการหายตัวไปอย่างปริศนาของคุณชายเซี่ย (ผิงเสีย,เฮยฮัว) Empty Re: [OS] สามเหลี่ยมเหล็กกับการหายตัวไปอย่างปริศนาของคุณชายเซี่ย (ผิงเสีย,เฮยฮัว)

ตั้งหัวข้อ by The_Dark_Lady Sat 18 Jul 2015, 22:50

จะเอาไซด์ของสองคนนั่น...//โดนพลองตบ
เปิดมาซะลุ้น บรรยากาศยังกับนิยายสืบสวนสอบสวน ชอบค่ะ...
สรุปที่หายตัวไปคือ XYZ กับนายบอดอยู่สามวันสามคืนเหรอคะ
(อีบอดมันเอาแรงมาจากไหนนักหนา แถมตอนออกมาคุณชายยังดูเปลี้ยๆอีกนะ)
แล้วไอ้ห้องแห่งความลับนั่นมันอะไร แล้วของที่ตั้งอยู่บนโต๊ะนั่นมันอะไร
//อยากรู้อยากเห็นแรง นายน้อยเธอคายออกมาเดี๋ยวนี้ว่ามันคืออะไร
รู้สึก fifty shade of เฮยฮัวเบาๆ
...เสี่ยวเกอคะ แอบบีบมือใต้โต๊ะคือระ อยากทำอย่างเขาบ้างเหรอ
The_Dark_Lady
The_Dark_Lady
ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ
ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ

จำนวนข้อความ : 301
Points : 3635
Join date : 21/06/2015
Age : 29
ที่อยู่ : On the Land, Below the sky

ขึ้นไปข้างบน Go down

[OS] สามเหลี่ยมเหล็กกับการหายตัวไปอย่างปริศนาของคุณชายเซี่ย (ผิงเสีย,เฮยฮัว) Empty Re: [OS] สามเหลี่ยมเหล็กกับการหายตัวไปอย่างปริศนาของคุณชายเซี่ย (ผิงเสีย,เฮยฮัว)

ตั้งหัวข้อ by Rozenkreuz Sun 19 Jul 2015, 01:30

สรุปว่าพวกเอ็งไปลงกรวยกันเรอะ เตรียมพร้อมซะขนาดไฟฉายยังมี 5555 (เสี่ยวเกอพกดาบดำไปด้วยทำมัยยยย)
ไปบ้านเสี่ยวฮัวอาจอันตรายกว่าบ้านคนตาย... //พลองบินเฉียดแก้ม

คือลุ้นมาก ลึกลับซับซ้อน อย่างกับสามเหลี่ยมเหล็กกำลังลงกรวยในดันเจี้ยนที่พึ่งเปิดใหม่
มีตามสืบเสาะหาร่องรอย มีกับดับ(อาหารปลา)ทำงาน มีนมข้น(?)ปริศนาบนพื้น ชิ้นส่วนเสื้อผ้าที่กระจัดกระจายไปทั่ว! เสียงครืด ครืดตามมาหลอกหลอนถึงในเมือง! หรือบ๊ะจ่างจะตามราวีไม่สิ้นสุด สามเหลี่ยมเหล็กก้าวย่างไปด้านหน้าด้วยความระทึก ในมือของชายหนุ่มด้านหน้าสุดกอบกุมอาวุธไม้กายสิทธิ์ไว้แน่น เสียงหัวใจเต้นรัวราวกับกลองศึกพร้อมประกาศรบกับสิ่งมีชีวิตลึกลับในตำนานที่อยู่เบื้องหลังประตูสำริดแห่งความลับ  ตำนานบทใหม่กำลังจะเปิดฉากขึ้น! -โปรดติดตามได้ในเล่ม 2- ติ๊ดดดดดด
....

มุดออกมาจากบ่อกาวที่ไหนเนี่ยตู ง่อวววววว
เมาจนนั่งคิดคำโปรยให้ ลองเอาไปใช้ได้นะครับ ถถถถถ //โดนตบ
Rozenkreuz
Rozenkreuz
ด้วงอาณาจักรเจ้าแม่ซีหวังหมู่
ด้วงอาณาจักรเจ้าแม่ซีหวังหมู่

จำนวนข้อความ : 625
Points : 3849
Join date : 01/07/2015
Age : 31
ที่อยู่ : กองทัพผีเก็บเห็ดแห่งประตูสำริด

ขึ้นไปข้างบน Go down

[OS] สามเหลี่ยมเหล็กกับการหายตัวไปอย่างปริศนาของคุณชายเซี่ย (ผิงเสีย,เฮยฮัว) Empty Re: [OS] สามเหลี่ยมเหล็กกับการหายตัวไปอย่างปริศนาของคุณชายเซี่ย (ผิงเสีย,เฮยฮัว)

ตั้งหัวข้อ by yakusoku Sun 19 Jul 2015, 05:47

ขอกรี๊ดด้วยความเขินดังๆได้มั้ยค่าา อร๊ายยย
yakusoku
yakusoku
ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ
ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ

จำนวนข้อความ : 369
Points : 3831
Join date : 05/11/2014
ที่อยู่ : โลงในสุสานโบราณ

ขึ้นไปข้างบน Go down

[OS] สามเหลี่ยมเหล็กกับการหายตัวไปอย่างปริศนาของคุณชายเซี่ย (ผิงเสีย,เฮยฮัว) Empty Re: [OS] สามเหลี่ยมเหล็กกับการหายตัวไปอย่างปริศนาของคุณชายเซี่ย (ผิงเสีย,เฮยฮัว)

ตั้งหัวข้อ by schneewittchen Mon 20 Jul 2015, 09:28

อะหือ......กลายเป็นเฮยฮัวซะแล้วหรือเนี่ย คุณชายนี่กะเผลกออกมาเชียวนะคะ
เสี่ยอ้วนไปแหย่แบบนั้นเดี๋ยวนายน้อยก็เดินไม่ได้หร-----//สมุดบัญชีแสกหน้า
schneewittchen
schneewittchen
ด้วงสุสานใต้สมุทรทะเลซีซา
ด้วงสุสานใต้สมุทรทะเลซีซา

จำนวนข้อความ : 110
Points : 3436
Join date : 18/04/2015
Age : 27
ที่อยู่ : รังตะขาบของคิงว่านหนู

http://my.dek-d.com/sayurahime/

ขึ้นไปข้างบน Go down

ขึ้นไปข้างบน

- Similar topics

 
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ