Countdown
We've been
togerther for

ค้นหา
 
 

Display results as :
 


Rechercher Advanced Search


[Fic] Lost Memories [ผิงเสีย] Chapter10

+2
The_Dark_Lady
MinMin
6 posters

Go down

[Fic] Lost Memories [ผิงเสีย] Chapter10 Empty [Fic] Lost Memories [ผิงเสีย] Chapter10

ตั้งหัวข้อ by MinMin Sun 12 Jul 2015, 21:35



Lost Memories

fiction บันทึกจอมโจรแห่งสุสาน
Pairing เมินโหยวผิงxอู๋เสีย
Timeline หลังเล่มสิบที่เมินโหยวผิงเดินทางไปยังประตู สำริด ผ่านไป 2 ปี








ตั้งแต่รู้สึกตัวในโรงพยาบาล ผมไม่มีโอกาสได้เขียนเป็นชิ้นเป็นอัน ถึงเขียนก็ไม่ได้เอามาเทียบกับกระดาษแผ่นนี้ จึงเข้าใจมาตลอดว่าผมเป็นคนเขียนเพื่อไม่ให้ตัวเองลืม แต่ความจริงปรากฏอยู่ตรงหน้าแล้วว่ามันไม่ใช่ ผมเข้าใจผิดไปเอง

ตัวอักษรบนกระดาษสองแผ่นนั้นต่างกันโดยสิ้นเชิง!

ผมรู้สึกหนาวสั่นจากข้างใน เรื่องราวเริ่มเชื่อมต่อกันในหัว ที่ผ่านมาผมยึดข้อความนี้...ยึดสิ่งที่เจอสิ่งแรกเป็นเป้าหมาย ต้องตามหาของสิ่งนั้น ต้องเปิดประตู

กลุ่มนักสำรวจพวกนั้นเป็นคนพาผมส่งโรงพยาบาล ระหว่างนั้นหากพวกเขาวางแผนเขียนข้อความนี้ขึ้นมา ใส่ไว้ในเสื้อกันหนาว รอผมเจอเพื่อจะได้หลอกให้ผมเชื่อ ให้ผมช่วยพวกเขาตามหา “สิ่งนั้น” ทั้งที่ความจริงแล้วผมไม่ได้ตามหา...บางทีผมอาจจะมีมันอยู่แล้ว และเอาไปซ่อนเพื่อไม่ให้พวกเขาหาเจอ

ถ้าเป็นอย่างนั้นก็จะลงตัวพอดี ผมเอาของไปซ่อน พวกนั้นหาไม่เจอ จึงตามล่าเพื่อให้ผมบอกที่อยู่ของมัน แต่ผมไม่ยอม จึงเกิดการต่อสู้ ผมตกเขา ความจำเสื่อม พวกเขาจึงอาศัยโอกาสนี้หลอกให้ผมร่วมมือด้วย แต่ปรากฏว่าล้มเหลว ผมหนีออกมา พวกเขาจึงติดประกาศตามล่าตัวผมที่ฉางซา ส่วนที่หังโจว...พวกเขาใช้ช่วงที่ผมจำอะไรไม่ได้ส่งคนปลอมตัวเป็นผม อาจจะเพื่อหลอกถามคนรอบข้างของผมว่าผมซ่อนสิ่งนั้นไว้ที่ไหน หากสามารถใช้ตัวปลอมหาเจอได้ พวกเขาอาจจะฆ่าปิดปากผมทันที แต่ผมกลับมาเจอตัวปลอมเสียก่อน เรื่องเลยแดงขึ้นมา

เมื่อตัวปลอมใช้ไม่ได้ ก็เหลือแค่ต้องตามล่าผมอีกครั้ง

...คนพวกนั้น...ผมประเมินอำนาจและกำลังของพวกเขาไม่ได้จริงๆ พวกเขาลงทุนมากเท่าไรเพื่อแผนการนี้

ผมเล่าความคิดของตัวเองให้นายอ้วนกับเมินโหยวผิงฟัง ทันทีที่ผมพูดจบ นายอ้วนก็พูดว่า

“ถ้าพวกนั้นคิดจะหลอกนายด้วยกระดาษแผ่นนี้ ก็ต้องมั่นใจมากว่านายต้องความจำเสื่อม ไม่อย่างนั้นนายดูแปปเดียวก็รู้แล้วว่าไม่ใช่ลายมือตัวเอง”

ผมลองคิดตามก็จริง พวกเขาแน่ใจได้ยังไง คนที่ตกเขาไม่จำเป็นต้องความจำเสื่อมเสมอไป ดีไม่ดีแทนที่จะความจำเสื่อม อาจจะพิการหรือตายด้วยซ้ำ ผมลองคิดหาทางอื่นที่น่าจะเป็นไปได้ แต่ไม่ว่ายังไงก็คิดไม่ออก สุดท้ายจึงเลือกที่จะเก็บมันไปก่อน มีเรื่องอื่นที่ผมสงสัยมากกว่า

“นายรู้มั้ยว่าสิ่งนั้นคืออะไร”

ผมถามคำถามแรกที่นายอ้วนไม่ยอมตอบอีกครั้ง นายอ้วนมองข้อความ กำลังจะตอบ แต่เมินโหยวผิงที่เงียบมาตลอดกลับเป็นคนพูดออกมา

“ลัญจกร”

ผมหันไปมองเขาอย่างตกใจ “ความทรงจำของนายกลับมาแล้วเหรอ”

“ฉันเป็นคนเอาให้นาย” เขาพูดต่อโดยไม่สนใจคำถามของผม “เพื่อเปิดประตู...หากถึงตอนนั้นนายยังจำฉันได้”

ผมฟังแล้วพูดอะไรไม่ออก คำพูดของเมินโหยวผิงสั้นและเรียบง่าย แต่ความหมายของมันหนักหนาเหลือเกิน ในเมื่อตอนนี้ผมจำอะไรเกี่ยวกับเขาไม่ได้เลย และยิ่งไม่รู้ด้วยว่าลัญจกรที่เขาให้ผมนั้นอยู่ที่ไหน แต่ของที่มีคนอยากได้ขนาดนี้...ทำไมเขาถึงให้ผมเก็บไว้ หลายวันที่ผ่านมา ผมได้ยินได้ฟังเรื่องราวของตัวเองจากคนอื่น รู้สึกเลยว่าเป็นพวกมีข้อด้อยมากกว่าข้อดี หากผมเป็นเขา จะไม่เลือกคนแบบนี้เก็บของสำคัญแน่นอน

“ทำไมนายถึงให้ฉัน” ผมอดถามไม่ได้

เมินโหยวผิงมองผม ไม่ได้ตอบอะไร ความเงียบโรยตัวลงอย่างอึดอัด ผมสัมผัสได้ว่าถึงเขาจะนิ่งเฉย แต่ก็ใช่จะไม่รู้สึกอะไร เพียงแต่ตอนนี้ผมจับความรู้สึกของเขาไม่ได้ หากมีความทรงจำเกี่ยวกับเขาบ้างสักนิด ผมอาจจะคาดเดาได้ว่าเขากำลังคิดอะไร รู้สึกยังไง แต่สิ่งที่ผมมี...ก็แค่เวลาที่เราอยู่ด้วยกันเพียงไม่กี่วัน และทั้งหมดที่เขาทำคือนั่งนิ่งหรือไม่ก็เดินตามผม...ไม่มีอะไรที่ทำให้พอจะคาดเดาตัวตนของเขาได้เลย

“เสี่ยวอู๋ น้องเสี่ยวเกอ เราลองค้นบ้านอีกทีมั้ย” คำพูดของนายอ้วนทำให้สนามพลังความเงียบหายไป ผมหันไปมองเห็นเขาหยิบกระดาษกับปากกา วาดภาพบางอย่าง “ถึงพวกนั้นจะค้นไปแล้ว แต่พวกมันอาจจะซื่อบื้อหาไม่เจอก็ได้ บางทีในบ้านนี้อาจจะมีช่องลับที่มีแต่นายเท่านั้นที่รู้”

ผมนึกสภาพบ้านแสนธรรมดาของตัวเองแล้วก็คิดว่าช่องลับอะไรพวกนั้นคงไม่มี แต่ไม่อยากขัด ผมถือว่าเมื่อกี้เขาช่วยชีวิตของผมไว้ ความเงียบอึดอัดนั้นทำให้ผมถูกความรู้สึกผิดในจิตใจกัดกร่อนจนอยากจะลุกหนีไป ไม่สามารถทนสายตาของเมินโหยวผิงได้

ผมนึกถึงประโยคที่เขาบอกว่า...ผมคือความเชื่อมโยงเพียงหนึ่งเดียวของเขากับโลกใบนี้

...แต่ผมกลับจำเขาไม่ได้…

ผมนึกถึงตอนแรกที่ตื่นมาพบว่าตัวเองจำอะไรไม่ได้ ความกังวลในตอนนั้นเลวร้ายมาก

ถ้าแม้แต่ตัวเองยังจำไม่ได้ แล้วคนอื่นจะยังจำผมได้หรือไม่ ถ้าผมกลายเป็นคนที่ไม่มีตัวตนอยู่ในความทรงจำของใครเลย ถ้าผมเป็นคนที่ไม่มีใครรู้จัก ผมควรจะทำยังไง

...ถ้าผมต้องอยู่ในโลกที่ไม่มีสิ่งใดเชื่อมโยงกับตัวผมเลย โลกที่ต่อให้ผมหายไปก็ไม่มีใครรู้…



ผมคงทนไม่ได้…

ไม่รู้ว่าเมื่อก่อนเมินโหยวผิงเป็นอย่างนี้หรือเปล่า แต่ผมรู้สึกว่าคำพูดของเขาสร้างน้ำหนักให้กับจิตใจของผมเหลือเกิน

“ครั้งนี้มันเป็นอุบัติเหตุ ฉันสัญญาว่าถ้าจำได้แล้วฉันจะไม่มีวันลืมเรื่องของนายอีก”

ผมบอก แต่เมินโหยวผิงไม่มีการตอบรับอะไรทั้งนั้น ทั้งหมดที่เขาทำก็แค่มองผมด้วยแววตาที่ไม่สื่ออะไร

ผมถอนหายใจ ไม่กล้ามองหน้าเมินโหยวผิงอีก จึงมองภาพที่นายอ้วนวาด แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะมองคนละทิศกับเขาหรือเปล่า ผมเห็นตัวอะไรสักอย่างที่ระบุประเภทไม่ได้อยู่บนกระดาษ หากพูดให้ละเอียดมากขึ้นก็ต้องบอกว่านายอ้วนวาดวงกลมหลายๆวงประกอบกันเป็นตัวอะไรสักตัว ผมมองจนกระทั่งเขาวาดเสร็จก็ยังไม่สามารถใช้จินตนาการหาข้อสรุปได้ว่ามันคือตัวอะไร

“ในเมื่อนายความจำเสื่อม ฉันกลัวนายจำไม่ได้ว่ามันหน้าตาเป็นยังไง เลยวาดรูปให้ เป็นยังไง พอคุ้นบ้างมั้ย”

“ฉันรู้สึกเหมือนมันเป็นก้อนขยุกขยุยของอะไรสักอย่าง” ผมตอบตามจริง

นายอ้วนทำเสียงฮึดฮัด “เสี่ยอ้วนออกจะวาดรูปเก่ง นายมันมีตาหามีแววไม่ ดูนี่ นี่คือผี” เขาชี้วงกลมหลายๆวงในกระดาษ “ผีพวกนี้ประกอบกันเป็นตัวกิเลน” เขาใช้นิ้วชี้วงรอบรูปทั้งหมดที่วาด ผมกล้าพูดเลยว่าทั้งโลกนี้ คนที่ดูออกว่าภาพนี้คืออะไร คงมีแค่เขาคนเดียว

นายอ้วนใช้มือกะขนาดให้ผมดู แล้วบอกว่า “ปกตินายเก็บไว้ที่ไหนฉันก็ไม่รู้ นายไม่ยอมบอก”

“ถ้ามันเป็นของสำคัญ แล้วยังถูกคนอื่นจ้องจะแย่ง ฉันน่าจะเก็บไว้กับตัวเอง” แล้วผมก็นึกภาพตัวเองไปปีนเขาฉางไป๋ซานโดยมีลัญจกรนี้ไปด้วย แต่ตอนที่ผมได้สติ ไม่มีสัมภาระอะไรติดตัวนอกจากเสื้อผ้า หากลัญจกรอยู่ในเป้ พวกนั้นน่าจะตามหาเป้ของผมมากกว่าตามหาตัวผม

หรือว่าผมจะซ่อนไว้ในสุสานที่เจอนายแว่นดำ หมอนั่นก็บอกว่าเฝ้าของอยู่ที่นั่น ตั้งแต่ออกมาผมไม่รู้ว่าพวกคุณหนิงเป็นยังไง บางทีอาจจะโดนพวกมนุษย์กลายพันธุ์ในสุสานจัดการไปแล้ว พอเห็นผมรอดออกมาได้คนเดียวก็เลยคิดว่าผมไปเอามันออกมาแล้ว หากเป็นแบบนี้ผมคงต้องย้อนเข้าไปในสุสานอีกรอบ...แต่ผมก็ไม่คิดว่าตัวเองจะบ้าถึงขนาดเอาของสำคัญไปซ่อนในสุสาน ถึงจะมีคนเฝ้าก็เถอะ

ผมลองเล่าความคิดให้นายอ้วนฟัง เขาบอกว่าเป็นไปได้ หวังเหมิงบอกเขาว่ามีช่วงหนึ่งที่ผมบินไปฉางซากะทันหัน ทิ้งร้านไปหลายวัน กลับมาอีกทีในสภาพแผลเต็มตัวพร้อมกับของฝากจากฉางซา หวังเหมิงตกใจมาก ไม่รู้ตกใจที่ผมมีแผลหรือตกใจที่ผมซื้อของมาฝาก

ผมรู้สึกเสียดายจริงๆที่ไม่ได้ถามอะไรนายแว่นดำมากกว่านี้

ตอนนั้นเอง ผมนึกขึ้นได้ว่านายแว่นดำกับเสี่ยวฮัวน่าจะติดต่อกัน จึงถามนายอ้วนว่ามีทางติดต่อเสี่ยวฮัวมั้ย คำตอบที่ได้สร้างความผิดหวังให้ผมมาก เขาไม่เคยติดต่อคุณชายเก้าโดยตรง ไม่รู้เบอร์ ไม่รู้ที่อยู่

ผมรู้สึกมืดแปดด้าน ไอ้โน่นไม่ได้ ไอ้นี่ไม่ได้ ผมจะต้องกลับไปเจอมนุษย์กลายพันธุ์อีกรอบอย่างนั้นหรือ

นายอ้วนเห็นผมทำหน้ากลุ้มก็ตบบ่า บอกให้ลองหาในบ้านนี้ก่อน ถ้าในบ้านไม่เจอก็ไปหาในร้าน ถ้ายังไม่เจออีกค่อยไปที่สุสานนั้น เขาจะไปเป็นเพื่อน

ผมรู้สึกซาบซึ้งในตัวนายอ้วน ถึงเขาจะคิดแผนการทำร้ายความเป็นชายของผมจนไม่เหลือ แต่ก็ยังช่วยเหลือผมตลอด ไม่รู้ว่าตัวเองตอนที่มีความทรงจำอยู่เป็นยังไง แต่ถ้ามีทั้งเมินโหยวผิงทั้งนายอ้วนอยู่ข้างๆ ผมรู้สึกว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พวกเขาจะพาผมผ่านพ้นไปได้

พวกเราแยกย้ายกันไปค้นบ้าน เมินโหยวผิงแม้ไม่ออกความเห็นแต่ก็ไม่ปฏิเสธที่จะช่วย ผมรื้อของกระจุยกระจาย พลิกกระดาษทุกแผ่น ตู้ทุกตู้ ลิ้นชักทั้งหมด กล่องทั้งหลาย ผมเปิดค้นหมด แต่ก็ไม่พบอะไรที่พอจะมีรูปร่างเป็นลัญจกรตามที่นายอ้วนวาด

หลังจากค้นกันหลายชั่วโมง ท้องฟ้าข้างนอกมืดสนิท ผมตัดสินใจหยุดพัก นายอ้วนเดินไปรื้อของในตู้เย็น มีของเหลือที่ยังไม่หมดอายุพอเอามาทำอาหารได้ ฝีมือการทำอาหารของนายอ้วนยอดเยี่ยมมาก ตั้งแต่ได้สติ นี่เป็นอาหารมื้อแรกที่อร่อยที่สุด

หลังจากกินเสร็จ นายอ้วนก็เล่าเรื่องการผจญภัยของพวกเราสามคนให้ฟัง ผมไม่คาดคิดมาก่อนว่าตัวเองจะเป็นโจรขุดสุสาน ไปลงกรวยพบเจอสิ่งแปลกประหลาดมากมาย หลายเรื่องไม่รู้นายอ้วนเล่าเกินจริงหรือเปล่า แต่เจอเรื่องหนักหนาขนาดนั้นพวกเรายังสามารถรอดมาได้ ถือว่าดวงแข็งมาก เขาเล่าในส่วนที่มีตัวละครแค่เราสามคน ผมสังเกตได้ว่าเขาเลี่ยงที่จะพูดถึงคนอื่นๆ มีแค่เกริ่นชื่อแล้วก็จบไป ในเมื่อเขาไม่อยากพูด ผมก็ไม่คิดจะคาดคั้น แค่เรื่องที่เขาเอาไหมาครอบหัวกับเรื่องที่เมินโหยวผิงปลอมตัวเป็นคนหัวล้านพูดมาก ผมหัวเราะไม่หยุด ลืมความกังวลที่เคยมีในตอนแรกจนหมดสิ้น

เมินโหยวผิงนั่งฟังอยู่ข้างๆ หลับตาไม่ออกความเห็นใดๆจนผมนึกว่าเขาหลับไปแล้ว ผมกำลังจะสะกิดให้เขาไปหาที่นอนดีๆ ถ้านี่เป็นบ้านของผม ผมอนุญาตให้เขาใช้เตียงของผมเลยก็ได้ แต่เพียงแค่เอื้อมมือไป ยังไม่ทันแตะตัว เขาก็ลืมตาขึ้นมอง

“ฉันแค่จะบอกให้นายไปนอนที่เตียง” ผมรีบบอก

เมินโหยวผิงส่ายหน้า “ไม่เป็นไร”

เขาพูดแค่นั้นแล้วก็กลับไปนิ่งเป็นก้อนหิน ผมนึกถึงเรื่องที่นายอ้วนเล่าเมื่อกี้ คนอย่างหมอนี่ปลอมตัวเป็นตาหัวล้านเหม่งจาง พูดมากได้ยังไง นายอ้วนต้องใส่สีตีไข่พูดโอเว่อร์เกินจริงแน่ๆ

บรรยากาศระหว่างผมกับเมินโหยวผิงกลับมาอึดอัดอีกครั้ง ผมส่งสายตาขอความช่วยเหลือหานายอ้วน แต่คราวนี้เขากลับตัดช่องน้อยแต่พอตัว ลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำ ผมมองเขาเดินออกจากห้องไป ส่งคำทักทายบรรพบุรุษของเขาตามหลัง แม่ง ทิ้งกันนี่หว่า

เมื่ออยู่กับเมินโหยวผิงตามลำพัง ผมไม่รู้จะคุยอะไร ทั้งที่ตอนก่อนมาหังโจว ผมยังพูดพล่ามอะไรตั้งมากมายใส่เขาแท้ๆ หรืออาจจะเป็นเพราะตอนนั้นพวกเราความจำเสื่อมด้วยกันทั้งคู่ อารมณ์เหมือนคนหัวอกเดียวกันพูดคุยปรับทุกข์กัน แต่พอรู้ว่าความทรงจำของเขากลับมาแล้ว ผมก็อดรู้สึกไม่ได้ว่าทำไมความทรงจำของผมยังไม่กลับมา ทำไมผมจึงเป็นคนเดียวที่ยังจำอะไรไม่ได้ ถ้าผมตกเขาแล้วความจำเสื่อม ลองตกเขาอีกสักทีความทรงจำของผมจะกลับมาหรือเปล่า

ผมไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้เลย พอได้อยู่ท่ามกลางความเงียบ ผมก็เริ่มกังวล เมื่อกี้ผมหัวเราะกับเรื่องเล่าของนายอ้วน ได้ฟังเรื่องของคนที่ชื่อ “อู๋เสีย” ผมรู้สึกคุ้นเคยกับเรื่องพวกนั้น แต่ในอีกความรู้สึกหนึ่ง ผมยังคิดว่ามันเป็นเรื่องของคนที่ชื่อ “อู๋เสีย” ไม่ใช่เรื่องของผม

ตอนนั้นเอง เสียงสัญญาณอะไรสักอย่างดังขึ้น ผมสะดุ้งเฮือก หันมองซ้ายขวาหาต้นตอของเสียง พบว่ามันมาจากข้างนอก สัญญาณนั้นดังเป็นจังหวะเท่าๆกัน แล้วในความคิดของผมก็วาบขึ้นมาว่ามันคือโทรศัพท์

ผมลุกขึ้นเดินออกไปนอกห้อง ถึงอย่างไรที่นี่ก็บ้านของผม ตอนค้นบ้านผมก็จำได้ว่าโทรศัพท์ตั้งอยู่ตรงไหน เมินโหยวผิงเดินตามมา เมื่อผมหยุดตรงหน้าโทรศัพท์ เสียงสัญญาณที่ดังต่อเนื่องก็ร้องยาวๆหนึ่งที ก่อนจะตามด้วยเสียงพูด

“อู๋เสีย ฉันไม่รู้ว่านายอยู่ที่นั่นหรือเปล่า ตอนนี้ฉันอยู่ที่ร้านของนาย เฮยเสียจื่อคงบอกนายแล้วว่ามีคนรอนายอยู่ที่หัวโจว คนคนนั้นคือฉันเอง...เซี่ยอวี่เฉิน แต่ปกตินายเรียกฉันว่าเสี่ยวฮัว หากนายอยากรู้เรื่องราวทั้งหมด ให้มาที่ร้าน ฉันจะรอนายอยู่ที่นี่จนถึงเที่ยงของวันพรุ่งนี้”

เสียงข้อความสิ้นสุดลง แล้วสัญญาณก็ตัดไป

ผมนึกถึงนายเชิ้ตชมพูที่จัดการซัดตัวปลอมของผมจนปลิว เขาเป็นเพื่อนสมัยเด็ก เป็นคนที่น่าจะรู้จักผมดี หากได้คุยกันความทรงจำของผมอาจจะกลับมาบ้าง แต่...เขาจะไม่โกหกผมใช่มั้ย จะว่าไป ถึงเขาโกหก ผมก็ไม่รู้อยู่ดี สิ่งที่ผมทำได้ก็แค่ฟัง แล้วเชื่อตามที่เขาบอก...เหมือนที่เชื่อพวกนักสำรวจเก๊นั่น จนสุดท้ายเพิ่งมารู้ว่าทั้งหมดเป็นการหลอกลวง

ผมยืนลังเล จึงลองหันไปถามเมินโหยวผิง

“นายไม่ควรไป”

“เพราะอะไร” ผมขมวดคิ้ว ไม่คิดว่าเขาจะตอบแบบนี้

“ฉันไม่เชื่อว่าพวกเขาจะบอกความจริงกับนาย”

“แล้วอะไรคือความจริง” ผมถามกลับ “ฉันไม่รู้อะไรสักอย่าง ไม่รู้จักแม้กระทั่งตัวเอง ฉันไม่รู้แล้วว่าอะไรคือความจริงอะไรคือคำโกหก ตอนนี้ความทรงจำของนายกลับมาแล้ว นายรู้ว่าตัวเองผ่านอะไรมาบ้าง พบเจออะไรถึงได้กลายเป็นนายตรงนี้...ในขณะที่ฉันไม่มี ตลอดเวลาที่ฉันตื่นขึ้นมาพร้อมกับความทรงจำที่ว่างเปล่า ฉันได้แต่ถามตัวเองว่าฉันเป็นใคร ฉันมีตัวตนจริงๆใช่มั้ย นายเข้าใจความรู้สึกนี้หรือเปล่า”

เมินโหยวผิงจ้องมองผม ผมจ้องตาเขากลับ พวกเราต่างคนต่างเงียบ จนในที่สุดเขาก็พูดว่า “ฉันเข้าใจ”

ผมไม่รู้ว่าเขาเข้าใจแบบไหน...เข้าใจจริงหรือเปล่า จึงนิ่งเงียบรอให้เขาพูดต่อ

“ฉันเคยเสียความทรงจำ เป็นคนที่ไม่มีอดีตและอนาคต ได้แต่เดินทางตามหาความเกี่ยวโยงของฉันกับโลกใบนี้ ฉันมาจากไหน อยู่ที่นี่ได้ยังไง ความรู้สึกไม่แน่ใจว่าตัวเองมีตัวตนอยู่จริงหรือเปล่า ฉันเข้าใจมันดี” เขาพูดเรียบๆ

“นายเคยเจออะไรมากันแน่” ผมถาม แล้วก็นึกถึงคำพูดของเขาก่อนหน้านี้ “ที่นายบอกว่าฉันคือความเชื่อมโยงเพียงหนึ่งเดียวของนายกับโลกใบนี้ หมายความว่ายังไง”

“นายไม่ต้องเข้าใจ” เขายิ้มจางๆ “แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ฉันอยู่ข้างนาย”

นายจะให้ฉันเข้าใจอะไรบ้างไม่ได้เลยหรือไง ผมอยากจะบีบคอเค้นถามเขาเหลือเกิน อยากจะตะโกนใส่หน้านิ่งๆของเขาที่พูดว่าผมไม่ต้องเข้าใจ...ถ้าไม่ต้องเข้าใจ เรื่องอะไรที่เกี่ยวข้องระหว่างเรา ผมก็ไม่ต้องเข้าใจ ไม่ต้องจดจำ ความเชื่อมโยงระหว่างฉันกับนาย ไม่จำเป็นต้องมีก็ได้...

ผมรู้สึกได้ว่าตัวเองกำลังพาลไม่เข้าท่า หงุดหงิดไร้ทางระบาย เพราะพูดอะไรไปเขาก็เฉย อีกอย่าง...ที่ผมความจำเสื่อมก็ไม่ใช่ความผิดของเขา ผมไม่ควรทำตัวแย่ไปมากกว่านี้ สุดท้าย ผมจึงต้องเดินเข้าหาผนังเอาหัวโขกสักสองสามทีเพื่อสงบสติตัวเอง

พวกเราไม่ได้พูดอะไรกันอีก สักพักนายอ้วนก็เดินเข้ามา มองสลับระหว่างผมกับเมินโหยวผิง เขาคงรู้สึกได้ว่ามีอะไรบางอย่างเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้ถาม และผมก็รู้สึกขอบคุณ เพราะหากถูกถาม...ไม่ว่าจะเป็นคำถามไหน ผมก็ไม่รู้ว่าจะตอบยังไงดี

นายอ้วนทำลายความเงียบด้วยการพูดถึงสัญญาณโทรศัพท์ที่ดังเมื่อกี้ ผมจึงกดปุ่มเล่นข้อความซ้ำ เมื่อเขาฟังข้อความจบก็พูดทันทีว่า

“เก็บของ”

“หมายความว่ายังไง”

“นายความจำเสื่อม เลยจำไม่ได้ ไอ้คุณชายฮัวเคยหลอกพวกเรามาแล้ว” นายอ้วนตอบ แล้วเดินไป ท่าทางเร่งรีบ “คนของหมอนั่นมีเยอะ กระจายอยู่ทั่วเมือง ต้องรีบหนีตอนที่ยังมีโอกาส”

ผมกำลังจะเดินตาม แต่เมินโหยวผิงกลับถามขึ้นมาว่า

“นายจะทำอะไร”

ตอนแรกผมนึกว่าเขาถามผม แต่เมื่อหันกลับไปมอง ก็พบว่าคนที่เขาถามคือนายอ้วน นายอ้วนชะงักกึกเหมือนตุ๊กตาหมดลาน เมินโหยวผิงดึงผมให้มาอยู่ข้างๆเขา ผมยังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อถามออกไป เมินโหยวผิงก็ตอบว่า

“พวกเขาติดต่อกันอยู่”







MinMin
MinMin
ด้วงต้นไม้เทพเจ้า
ด้วงต้นไม้เทพเจ้า

จำนวนข้อความ : 222
Points : 3849
Join date : 28/10/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

[Fic] Lost Memories [ผิงเสีย] Chapter10 Empty Re: [Fic] Lost Memories [ผิงเสีย] Chapter10

ตั้งหัวข้อ by The_Dark_Lady Sun 12 Jul 2015, 22:11

...ใครติดต่อกับใคร...
ดีใจที่ตัวเองเดาถูก...ไม่ใช่ลายมือของอู๋เสียจริงๆ
ไอ้สิ่งนั้นเฉลยแล้ว...มันคือของหมั้---แค่ก---ลัญจกรผีของนายเมินนี่เอง
ที่นี้ก็ต้องมาตามหาล่ะค่ะว่าหายไปไหน
นายน้อยนี่เก็บของดีจัดจนลืมสินะ //ถรุ้ยยย เขาความจำเสื่อม...
ปริศนาเก่าเฉลย แต่ปริศนาลอตใหม่ก็ตามมาแล้วคุณชายแกมีเอี่ยวอะไรด้วยล่ะหนอ
พ่อเจ้าประคุณจะผันตัวจากผู้ช่วยพระเอกกลายเป็นตัวร้ายหรือไม่...

รอลุ้นอย่างใจจดจ่อค่ะ...
The_Dark_Lady
The_Dark_Lady
ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ
ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ

จำนวนข้อความ : 301
Points : 3640
Join date : 21/06/2015
Age : 29
ที่อยู่ : On the Land, Below the sky

ขึ้นไปข้างบน Go down

[Fic] Lost Memories [ผิงเสีย] Chapter10 Empty Re: [Fic] Lost Memories [ผิงเสีย] Chapter10

ตั้งหัวข้อ by Rozenkreuz Sun 12 Jul 2015, 22:20

โอ้ยย มันลึกลับซับซ้อน อะไรของพวกเอ็งเนี่ยยย
คับยุบยิบในหัวใจมาก อยากรู้ อยากรู้ววววววว //ตั้งตารอตอนต่อไป
Rozenkreuz
Rozenkreuz
ด้วงอาณาจักรเจ้าแม่ซีหวังหมู่
ด้วงอาณาจักรเจ้าแม่ซีหวังหมู่

จำนวนข้อความ : 625
Points : 3854
Join date : 01/07/2015
Age : 31
ที่อยู่ : กองทัพผีเก็บเห็ดแห่งประตูสำริด

ขึ้นไปข้างบน Go down

[Fic] Lost Memories [ผิงเสีย] Chapter10 Empty Re: [Fic] Lost Memories [ผิงเสีย] Chapter10

ตั้งหัวข้อ by poypoy Sun 12 Jul 2015, 22:21

ตะ ตื่นเต้น โอ๊ยยยยย เกิดอะไรขึ้นนนนน
poypoy
poypoy
ด้วงสุสานใต้สมุทรทะเลซีซา
ด้วงสุสานใต้สมุทรทะเลซีซา

จำนวนข้อความ : 105
Points : 3581
Join date : 27/10/2014
ที่อยู่ : บ้านตระกูลอู๋ ใต้เตียงนายน้อยสาม

ขึ้นไปข้างบน Go down

[Fic] Lost Memories [ผิงเสีย] Chapter10 Empty Re: [Fic] Lost Memories [ผิงเสีย] Chapter10

ตั้งหัวข้อ by yakusoku Mon 13 Jul 2015, 08:46

รอตอนต่อไปนะคะ อยากรู้จริงๆ
yakusoku
yakusoku
ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ
ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ

จำนวนข้อความ : 369
Points : 3836
Join date : 05/11/2014
ที่อยู่ : โลงในสุสานโบราณ

ขึ้นไปข้างบน Go down

[Fic] Lost Memories [ผิงเสีย] Chapter10 Empty Re: [Fic] Lost Memories [ผิงเสีย] Chapter10

ตั้งหัวข้อ by tamahome Wed 15 Jul 2015, 09:14

เสี่ยอ้วน คนหลอกลวง! ใจร้าย! หรืออาจจะแค่ร่วมมือกับคุณชายให้นายน้อยจำได้เฉยๆนะ...
นึกไปถึงธีมเดียวกะซีรี่ย์ที่นายน้อยความจำเสื่อม ทุกอย่างเลยเซตขึ้นมาเพื่อให้นายน้อยนึกออกเลยค่ะ 5555555 //คุณมินบอกมั่วไปนะเอ็ง...

นอกจากปริศนาแล้วรู้สึกตอนนี้แอบมีโมเม้นท์ผิงเสียเยอะ 555555
เวิร์ดดิ้งที่พูดกันงี้ ที่อีกคนรู้สึกกะอีกคนแม้จะจำอะไรไม่ได้งี้
นายน้อยได้อยู่ในสถานการณ์เดียวกับเสี่ยวเกอเมื่อก่อน เสี่ยวเกอกลายเป็นความเชื่อมโยงเดียวของนายน้อยกับโลก อิอิอิอิ >\\\\\< //เบลอคุณชายและเสี่ยที่ไม่น่าจะเป็นตัวปลอมหรอกมั้งไป กรั่กๆๆๆๆ
tamahome
tamahome
ด้วง
ด้วง

จำนวนข้อความ : 32
Points : 3510
Join date : 27/10/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

ขึ้นไปข้างบน

- Similar topics

 
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ