Countdown
We've been
togerther for

ค้นหา
 
 

Display results as :
 


Rechercher Advanced Search


[Fic] Lost Memories [ผิงเสีย] Chapter4

4 posters

Go down

[Fic] Lost Memories [ผิงเสีย] Chapter4 Empty [Fic] Lost Memories [ผิงเสีย] Chapter4

ตั้งหัวข้อ by MinMin Mon 06 Jul 2015, 23:13



ตอนก่อนหน้านี้ ตามลิงค์ข้างล่างเลยค่ะ
ขอโทษที่หายไปนานค่ะ  

Lost Memories [ผิงเสีย] Chapter1
https://dmbjth.thai-forum.net/t63-topic

[Fic] Lost Memories [ผิงเสีย] Chapter2
https://dmbjth.thai-forum.net/t149-topic

[Fic] Lost Memories [ผิงเสีย] Chapter3
https://dmbjth.thai-forum.net/t150-topic


Lost Memories

fiction บันทึกจอมโจรแห่งสุสาน
Pairing เมินโหยวผิงxอู๋เสีย
Timeline หลังเล่มสิบที่เมินโหยวผิงเดินทางไปยังประตู สำริด ผ่านไป 2 ปี



ผมตื่นเช้า แต่ถ้าว่าตามจริงแล้ว รู้สึกว่านอนก็เหมือนไม่ได้นอน ความฝันประหลาดวนเวียนอยู่ในหัวของผมเหมือนเครื่องเล่นดีวีดีที่พังแล้ว เล่นซ้ำกระตุกแต่ฉากเดิม ดูแล้วอารมณ์เสียจนต้องปิด

ดวงอาทิตย์โผล่มาไม่พ้นดี เมื่อวานมาถึงตอนเย็นประกอบกับความเหนื่อยล้าจากการเดินทาง ผมไม่มีอารมณ์สังเกต วันนี้เมื่อออกมานอกเต้นท์ ผมจึงเพิ่งเห็นว่าพื้นดินบริเวณที่เราตั้งค่ายอยู่นั้นเป็นเนินดินแดง เต้นท์สนามที่ใช้เป็นสีลายพราง ดูกลืนไปกับต้นไม้รอบๆ ระหว่างที่เดินสำรวจอยู่นั้น คุณหนิงเดินมาทักผมสองสามคำ บอกให้ผมกินข้าว หากผมพร้อมเมื่อไหร่จะออกเดินทางทันที

ผมพยักหน้ารับ แต่ในใจกลับสงสัยว่าทำไมต้องรีบขนาดนี้ เท่าที่ผมประมาณด้วยสายตา คนที่มากับคุณหนิงมีจำนวนมาก เทียบกับโจรขุดสุสานสี่คนเมื่อวานแล้ว ยังไงเราก็ได้เปรียบอย่างเห็นได้ชัด ยกเว้นโจรพวกนั้นจะมีทีเด็ดลูกไม้ก้นหีบอย่างสื่อสารกับภูตผีวิญญาณได้

ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงต่อมา คุณหนิง ผมและคนอีกจำนวนอยู่ในสภาพพร้อมเดินทาง ผมแบกเป้หนึ่งใบ ข้างในมีข้าวของจำเป็นกับปืนพกพาน้ำหนักเบาหนึ่งกระบอก ในตอนแรกพวกเขาจะไม่ให้ผมพกอาวุธ แต่ผมบอกว่าหากต้องปะทะกับโจรขุดสุสานสี่คนนั้น ผมก็ควรมีอาวุธอะไรป้องกันตัวบ้าง หรือถ้าลงสุสานไปแล้วเจออันตรายอะไร จะให้ผมวิ่งหนีหรือหลบอยู่หลังพวกเขาอย่างเดียวผมก็คิดว่าเป็นการเอาเปรียบเกินไป ผมเถียงกับเขาอยู่หลายนาที ในที่สุดก็ได้ปืนมา

พวกเราเดินทางเข้ามาในหุบเขา บริเวณแถวนี้ก็เป็นเนินดินสีแดง มีร่องรอยการขุดหลุมให้เห็นหลายจุด ผมเห็นคนใส่ชุดเดียวกับพวกที่มาหาผมที่โรงพยาบาล พวกเขากำลังขุดหลุมลึกลงไปใต้ดิน ผมหันไปถามคุณหนิงว่าพวกเขากำลังขุดหาอะไร เธอตอบผมว่ากำลังหาทางเข้า เมื่อผมถามว่าใช่ทางเข้าสุสานหรือเปล่า เธอก็ถามกลับว่า

“คุณพอจำอะไรได้บ้างหรือเปล่า”

ผมส่ายหน้า จะบอกว่ารู้สึกคุ้นเคยกับหนึ่งในโจรขุดสุสานที่เธอให้ผมดูเมื่อวานก็คงไม่ดี ผมยังจำคำเตือนของซุ่นจื่อได้

“ถ้าพอจะนึกอะไรได้ ไม่ว่าเล็กน้อยแค่ไหน ขอให้บอกทันที”

เธอบอก ผมกำลังจะถามบ้าง แต่เสียงเอะอะจากอีกฝั่งหนึ่งก็ดังขึ้น ตะโกนว่าพวกเขาเจอเส้นทางแล้ว คุณหนิงรีบวิ่งไปทางนั้น ไม่สนใจบทสนทนาที่ยังค้างอยู่ ทิ้งให้ผมยืนเป็นไอ้บื้ออยู่คนเดียว

ผมมองคนกรูกันไปทางนั้นเหมือนพวกมดที่วิ่งเข้าหาของหวานที่ถูกทำตกไว้ รู้สึกขำอย่างบอกไม่ถูก ดูจากจำนวนหลุมที่พวกเขาขุด คงจะลงทุนลงแรงกันมามากพอสมควร เมื่อเจอสิ่งที่ต้องการ จะไปมุงดูด้วยความดีใจก็คงไม่ใช่เรื่องแปลก  เพียงแต่ผมไม่ได้ผ่านความยากลำบากมาเหมือนพวกเขา ไม่มีความรู้สึกว่าอยากไปร่วมด้วยเลยสักนิด ผมมองสำรวจไปรอบๆ ตอนนั้นเอง เงาสีดำวิ่งวูบอทางด้านขวา ผ่านไปอย่างรวดเร็วจนผมคิดว่าตัวเองตาฝาด แต่เพราะอะไรบางอย่าง ผมตัดสินใจเดินไปยังจุดที่เห็นเงานั้น

ผมเดินหลบหลุมลึกหลายหลุม เดินไปถึงบริเวณผิวดินที่ยังไม่มีใครบุกรุก จากตรงนี้มีแต่เนินดินแดง ไม่มีพุ่มไม้ตรงไหนให้หลบซ่อน แต่กลับไม่มีร่องรอยใดๆที่บ่งบอกว่ามีเงานั้นอยู่ ผมขมวดคิ้ว...รู้สึกไม่ถูกต้อง หรือผมจะตาฝาดจริงๆ

ผมหันกลับไปพบว่าพวกเขายังคงมุงกันอยู่ จึงตัดสินใจเดินต่อ ในระหว่างที่พวกเขาสนใจอย่างอื่นมากกว่า ผมหายตัวไปสักครึ่งชั่วโมง พวกเขาก็คงไม่รู้

ระยะทางที่ผมเดินนั้นไม่ไกล ในตอนแรกก็เพียงแค่ฆ่าเวลา แต่เส้นทางนี้กลับรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด ยิ่งเดินก็ยิ่งเหมือนเข้าใกล้ความทรงจำที่ขาดหายไป ความคุ้นเคยนี้เหมือนกับตอนที่เจอซุ่นจื่อ ผมมั่นใจว่าตัวเองเคยมาที่นี่...และเพิ่งมาเมื่อไม่นานนี้ด้วย

ทว่า ยังไม่ทันได้หาคำตอบอะไร ผมก็พบว่าพื้นดินที่ผมเหยียบลงไปนั้นอ่อนตัว สิ่งที่ผมไม่คาดคิดคือมันยุบ และถล่มลงไป ผมส่งเสียงร้องด้วยความตกใจ ดินหินกลบทับตามลงมา เอื้อมมือหาสิ่งยึดเกาะ แต่ก็พบว่าไม่มีอะไรเลยที่จะช่วยผมได้ ผมไถลลงไปเป็นเวลาไม่กี่วินาทีก็หล่นลงมาในน้ำ

ผมปัดดินที่ตกใส่หัว ความรู้สึกแรกคือเย็น...น้ำตรงนี้เย็นเยียบ จากนั้นความรู้สึกทั้งหมดของผมก็ไปกระจุกรวมกันที่จมูก...กลิ่นเหม็นสาปประหลาดคละคลุ้งรุนแรง หากอยู่ในนี้ต่อไปอีกสักพักจมูกของผมต้องพังเป็นแน่

ผมเปิดประเป๋าเป้ คลำหาไฟฉาย เปิดส่องบริเวณรอบๆ จึงรู้ว่าตัวเองตกลงมาในห้องที่มีผนังอิฐล้อมรอบ ยกเว้นข้างหลังของผม เป็นช่องอุโมงค์ที่ดูท่าทางจะมีคนขุดเอาไว้ ไม่รู้ว่าเป็นฝีมือของใคร ผมสบถสาปแช่งเป็นที่เรียบร้อย คงเป็นพวกคนของคุณหนิง แต่ทำไมต้องพรางหลุมเอาไว้ จะเก็บไว้ดักสัตว์หรือยังไง แต่เมื่อคิดอีกทีผมก็พบว่าไม่น่าเป็นไปได้ เจอหลุมตรงนั้นยังตื่นเต้นดีใจมุงกันใหญ่ ถ้าเจอหลุมที่ต่อทะลุลงมาถึงที่แปลกๆแบบนี้ พวกเขาคงลงมาสำรวจนานแล้ว ไม่รอให้ผมลงมาประเดิมคนแรกแน่นอน

...หรือนี่จะเป็นสิ่งที่พวกเขาขุดหา

ความคิดนี้ทำให้ผมรู้สึกขนลุกอย่างประหลาด สาดไฟฉายส่องไปรอบๆ มีเพียงผนังอิฐเย็นๆ ส่วนผมอยู่ตัวคนเดียว...จะมีอะไรโผล่ออกมาเหมือนพวกหนังสยองขวัญหรือเปล่า

ผมคิดว่าน่าจะกลับขึ้นไปตามคุณหนิง ตอนนั้นเองผมนึกถึงคำพูดของคนที่มาหาผมในโรงพยาบาล เขาบอกว่าผมต้องมาที่นี่เพราะมีคนขโมยของที่ผมและพวกเขาต้องการไปซ่อน หากเป็นเช่นนั้นจริงย่อมหมายความว่าทั้งผมและคุณหนิงต้องการของสิ่งเดียวกัน ถึงผมจะจำไม่ได้ว่ามันคืออะไร แต่คิดว่าน่าจะมีเพียงชิ้นเดียว เมื่อเป็นเช่นนี้ หากเจอของสิ่งนั้นแล้วจะแบ่งกันอย่างไร พวกเขาคนมากกว่า ผมจะเอาอะไรไปสู้

คิดถึงตรงนี้ ผมก็ลุกขึ้น ตัดสินใจเดินหน้าต่อเข้าไปเอง

ห้องผนังอิฐนี้เป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสมีภาพสลักอย่างง่ายๆ ด้านซ้ายมือมีประตูบานหนึ่งเปิดค้างไว้ แวบหนึ่งผมคิดว่าเป็นฝีมือกลุ่มโจรสี่คนนั้น รีบตบตรงที่เก็บปืนพก เมื่อพบว่ามันยังอยู่ดีไม่ได้หล่นหายไปไหนก็โล่งใจขึ้นมาบ้าง แต่ทางที่ดี ผมภาวนาให้ประตูเปิดค้างนี้เป็นฝีมือของคนอื่น ผมไม่พร้อมปะทะอะไรกับใครทั้งนั้น

หลังจากใช้ไฟฉายกวาดสำรวจห้องนี้จนทั่ว ผมก็ตัดสินใจเดินลุยน้ำไปตรงทางเชื่อม เหยียบโดนอะไรหลายอย่างที่พื้นข้างล่าง แต่เนื่องจากน้ำขุ่นคลัก ส่องไฟก็ยังมองไม่เห็น ผมลองหยิบขึ้นมาดูพบว่าเป็นหัวกะโหลกคน ปล่อยมือแทบไม่ทัน จากนั้นจึงไม่คิดหยิบอะไรขึ้นมาดูอีก ความรู้สึกตื่นเต้นราวกับเด็กๆที่ได้มาผจญภัยในที่แปลกๆเปลี่ยนไปเป็นความหวาดระแวง มีกะโหลกคือมีคนตาย สถานที่ที่มีคนตายย่อมไม่ใช่สถานที่ที่ดี ผมเริ่มนับก้าวที่เดินเพื่อไปให้สนใจกับสิ่งที่สัมผัสผ่านพื้นรองเท้า จนในที่สุดผมก็ผ่านพ้นทางเชื่อม มาถึงห้องขนาดใหญ่

ห้องนี้เหมือนเป็นปลายทาง ไม่มีช่องหรือประตูไหนให้ไปต่อ กลางห้องเป็นพื้นยกระดับขึ้นสูง บนนั้นมีโลงศพหินตั้งอยู่ ผมมีความรู้สึกแรงกล้าต่อโลงนั้นอย่างประหลาดกลบทับความรู้สึกตื่นกลัวจนหมด ดังนั้นแม้บรรยากาศรอบข้างจะไม่น่าไว้ใจเพียงใด ผมก็ตรงไปที่นั่นอย่างไม่ลังเล ทว่าตอนที่ไปถึงโลงนั้น แสงไฟหลายลำก็ส่องเข้ามาจนห้องที่มืดมิดสว่างขึ้นทันตา ผมหันกลับไปมอง เห็นคุณหนิงเดินมาอย่างรวดเร็ว ไม่รู้ว่าไฟฉายกับความมืดทำให้สายตาของผมผิดเพี้ยนหรือเปล่า ใบหน้าของเธอดูน่ากลัวมาก

“คุณอู๋ คุณคิดจะทำอะไร”

เธอเดินมาผลักผมออกห่างจากโลงนั้น ผมยังจับต้นชนปลายไม่ถูก ไม่เข้าใจการกระทำของเธอแม้แต่น้อย

ผมก็แค่อยากรู้ มีอะไรผิดด้วยเหรอ หรือเธอโกรธที่ผมนำหน้าลงมาก่อน กลัวผมแย่งของไป

ลูกน้องหลายคนของคุณหนิงตามมาถึงแล้ว พวกเขามองผมแล้วก็หันกลับไปสนใจโลง ทำเหมือนผมไม่มีตัวตนอยู่อีกต่อไป

ผมรู้สึกหงุดหงิด คล้ายๆกับเล่นตามหาสมบัติ แล้วตอนที่ขุดเจอสมบัติก็มีใครที่ไหนไม่รู้แย่งสมบัติที่ผมเจอไป ผมยอมไม่ได้ ถึงจะเป็นผู้หญิงแต่สำหรับเรื่องแบบนี้หญิงชายเท่าเทียมกัน ผมหาที่แทรกให้ตัวเองเข้าไปเสนอหน้า เนื่องจากไม่มีฝาโลงอยู่แล้ว จึงสามารถมองเห็นว่าภายในโลงว่างปล่านั้น ก้นโลงมีคราบเลือดติดอยู่เป็นก้อน แสงไฟหลายลำส่องให้เห็นชัดๆว่ามีจุดหนึ่งของคราบเลือดนั้นดูแปลกตา มันไม่ราบเรียบเสมอกัน นอกจานกนั้นยังมีฝุ่นน้อยกว่าที่อื่น เหมือนเมื่อไม่นานนี้มีใครสักคนมาทำอะไรสักอย่างตรงนี้

คุณหนิงก็คงเห็นเช่นเดียวกัน เธอใส่ถุงมือคลำลงไปตรงบริเวณนั้น ผมเห็นเธอดึงบางอย่างที่คล้ายกับห่วงขึ้นมา ตอนนั้นเอง โดยไม่ทันได้คิดไตร่ตรอง ผมตะโกนออกไปว่า

“อย่าดึงมันขึ้นมา!”

คุณหนิงหันมามองผมอย่างประหลาดใจ

“ข้างในนี้มีอะไรเหรอ”

ผมเองก็ไม่รู้ แต่ความรู้สึกของผมบอกว่าไม่ควรเปิด...ความทรงจำที่ว่างเปล่าของผมร้องเตือนว่าหากเปิดจะเจอกับสิ่งที่น่ากลัว

“ฉันก็ไม่รู้ แต่เธอไม่ควรเปิด” ผมบอก คุณหนิงมองผมอีกครู่หนึ่ง

“คุณซ่อนอะไรไว้ในนี้หรือเปล่า”

“ฉันซ่อนอะไรเอาไว้ด้วยเหรอ” ยิ่งคุยกันผมยิ่งไม่เข้าใจ เธอลืมไปหรือเปล่าว่าผมความจำเสื่อมอยู่ หรือว่าเธอก็ความจำเสื่อมอีกคน ถ้าอย่างนั้นออกจากที่นี่ไปเช็คสติที่โรงพยาบาลพร้อมกันเลยน่าจะเข้าท่ากว่า

คุณหนิงไม่สนใจผมอีก เธอบอกลูกน้องอีกคนให้ใส่ถุงมือ ช่วยเธอจับห่วงออกแรงดึง เกิดเสียงบางอย่างเคลื่อนไหว แล้วก้นโลงก็เผยอขึ้นมาตรงจุดที่ผมยืนอยู่ มีช่องทางลับอยู่ข้างใต้โลงนี้

ขาสองข้างพาผมถอยออกมาโดยอัตโนมัติ ผิดกับคุณหนิงและคนของเธอ พวกเขามุงดูทางลับนั้น จากตรงนี้ผมโดนบังจนมองอะไรไม่เห็น พวกเขาปรึกษากันครู่หนึ่ง ก่อนจะเลือกคนตัวเล็กที่สุดในกลุ่ม ส่งเขาลงไปในทางลับนั้น

ผมสังหรณ์ใจไม่ดีอย่างมาก ได้ยินคุณหนิงถามว่าเจออะไรบางมั้ย คนที่เข้าไปรายงานตอบมาว่าเส้นทางข้างในเป็นสีดำทั้งหมด ไม่มีการประดับตกแต่งอะไรทั้งนั้น ผ่านไปอีกสักพักก็ได้ยินหมอนั่นบ่นว่ามีแมลงบ้าอะไรอยู่ด้วย ทว่ายังไม่ทันบ่นจบ เสียงบ่นก็กลายเป็นเสียงร้อง

ผมสะดุ้ง ความคิดในใจวาบขึ้นมาว่าซวยแล้ว ใจหนึ่งอยากจะวิ่งหนีทันที แต่อีกใจก็อยากรู้ว่ามันมีอะไรกันแน่ ทำไมความทรงจำอันว่างเปล่าของผมถึงร้องเตือนขนาดนี้ คุณหนิงส่งเสียงถาม แต่ไม่มีเสียงตอบกลับมา ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ...จนพวกเราได้ยินเสียง “ครืด ครืด ครืด”

เสียงนั้นดังใกล้เข้ามา แล้วก็ถูกกลบด้วยเสียงกรีดร้อง ผมเห็นคนหนึ่งถูกลำแสงสีแดงพุ่งใส่จากน้้นเขาก็กรีดร้องลั่น คนรอบข้างแตกฮือวิ่งหนีห่างเหมือนมดวิ่งหนีน้ำ ส่วนไอ้คนที่แหกปากเกิดการเปลี่ยนแปลงคล้ายกับผิวหนังทั่วร่างหลอมละลายกลายเป็นเนื้อสดๆสีแดง

นี่มันเรื่องบ้าอะไร!

มีคนหนึ่งวิ่งเข้าไปช่วย แต่ทันทีที่แตะโดนตัว ผิวหนังของคนที่แตะก็กลายเป็นสีแดงลุกลามไปทั่วตัวอย่างรวดเร็ว และไม่เพียงสองคนนี้เท่านั้น ฝั่งซ้ายของผมก็มีคนกลายสภาพเช่นเดียวกันนี้

ถึงตอนนี้ผมวิ่ง ไม่สนใจดูอะไรต่ออีกแล้ว ทว่ากลับมีมือหนึ่งดึงแขนไว้ หันไปพบว่าเป็นคุณหนิง เธอไม่พูดอะไรเลย ออกแรงเหวี่ยงผมไปด้านหลัง แรงของเธอไม่ใช่น้อยๆ ผมถลาตามแรงเหวี่ยงพุ่งไปเจอหน้าสีแดงสดโชกเลือด ดวงตากลวงโบ๋ของไอ้มนุษย์กลายพันธุ์ใกล้ชิดแทบจะจูบกัน มันจับแขนของผมไว้ ผมจะสะบัดหนีแต่ถูกแรงดึงเหวี่ยงไปหาไอ้มนุษย์กลายพันธุ์อีกตัวที่กำลังพุ่งมา อีห่านี่ใช้ผมเป็นโล่! แล้วก็ผลักผมไปหาไอ้ตัวนั้น ส่วนตัวเองวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว

ผมโกรธจนอยากจะจับเธอโยนใส่พวกนี้บ้าง แต่สิ่งที่ผมเผชิญอยู่คือตัวผมเองต่างหากที่อยู่ในฐานะนั้น แขนของผมข้างที่ถูกจับเริ่มกลายเป็นสีแดง วินาทีนั้นผมชักปืน ยิงระเบิดหัวไอ้ตัวที่พุ่งมา และหันไปยิงทะลุหน้าอกของไอ้ตัวที่จับแขนของผมไว้ ยกขาถีบสุดแรงเกิด พอมันปล่อยมือ ผมก็ฉวยโอกาสนั้นวิ่งหนี

ผมยิงมนุษย์กลายพันธุ์อีกคนที่ขวางทาง วิ่งลุยทะลุทางเชื่อม ไม่สนอะไรทั้งนั้นรู้แค่ต้องหนีให้พ้นจากไอ้พวกนี้ก่อนที่ผมจะกลายเป็นพวกเดียวกับมัน...แต่ผมโดนตัวมันแล้วไม่ใช่เหรอ!

ผมก้มมองแขนของตัวเองพบว่าสีแดงที่ลุกลามในตอนแรกยุบหายไปแทบจะหมดแล้ว แต่ยังมีอาการยุบยิบเหมือนโดนมดกัดหลงเหลืออยู่ อดแปลกใจไม่ได้ว่าทำไมไม่กลายเป็นแบบพวกนั้น อย่างไรก็ตาม ในสถานการณ์แบบนี้ผมสลัดความสงสัยออกไป ตั้งหน้าตั้งตาวิ่งอย่างเดียว รู้สึกตัวอีกทีก็หลุดเข้ามาอยู่ในเส้นทางที่มืดมืด รอบข้างเงียบสงบ ไม่มีใครสักคน แม้แต่ไอ้พวกนั้นก็ไม่ตามมา

...ตอนนี้ผมอยู่ที่ไหน

ผมจำเส้นทางที่ตัวเองวิ่งไม่ได้ แต่ถึงจำได้ การวิ่งกลับไปเจอพวกนั้นก็ไม่ใช่สิ่งที่น่าอภิรมย์เลยสักนิด หลังจากตั้งสติอยู่ครู่หนึ่ง ผมก็บังคับขาตัวเองให้ก้าวเดินต่อไป ไฟฉายหล่นหายไปช่วงที่โดยอีนั่นจับเป็นโล่ ตอนนี้จึงต้องอาศัยการคลำทางในความมืด

ผมคลำหาผนัง สัมผัสเย็นเยียบชวนขนลุก ผมเดาว่าผนังนี้น่าจะทำจากอิฐ ท่ามกลางความมืดที่เงียบสงบนี้ ผมรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้นรัวๆ ควาดหวาดกลัวจากเหตุการณ์ล่าสุดยังคงอยู่ คิดว่าถ้ายังอยู่ในสภาพนี้ต่อไปอีกสักพัก สติของผมอาจจะแตก ทีนี้นอกจากความจำเสื่อมแล้ว ผมอาจจะเป็นบ้าไปด้วย

ผมคลำผนังก้าวไปได้สิบกว่าก้าว มือที่แปะลงบนผนังก็พบว่าก้อนอิฐยุบลงไปตามแรง จากนั้นผนังที่ผมอาศัยเป็นที่พึ่งพิงก็ยุบลงไปทั้งหมด เชี่ย! กลไกนี้อีกแล้ว!

ผนังดีดตัวเหวี่ยงผมให้ตกลงไปในช่องทางนั้น ผมกลิ้งลงไปยังไม่ทันได้เอื้อมมือคว้าอะไรก็หล่นตุบลงมา ในความมืดของสถานที่นี้ มีแสงไฟอยู่ที่พื้นไกลออกไปไม่มาก ผมรีบถลาเข้าไปหยิบมันขึ้นมา นึกในใจว่าอย่างน้อยพระเจ้าก็ยังไม่ทอดทิ้งผมเสียทีเดียว ทว่าเมื่อหยิบขึ้นมาส่อง ก็พบว่าพระเจ้าท่านใจดีแจกของแถมให้ด้วย...ร่างสีแดงโชกเลือดใช้ดวงตากลวงโบ๋จ้องมองผม นั่นคงเป็นอดีตเจ้าของไฟฉายนี้

ผมชักปืนขึ้นยิง แล้วก็วิ่งหนีมาอีกทาง ก่อนจะพบว่าทางฝั่งนี้ก็มีไอ้มนุษย์กลายพันธุ์อยู่ แถมไม่ใช่จำนวนน้อยๆ ผมถอยหลังกลับ ร่นมาจนหลังชนผนัง มีไอ้พวกตัวแดงๆตรงเข้ามาอย่างมุ่งร้าย

นี่ผมต้องตายโดยที่ยังไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใครเลยหรือ…

วินาทีสิ้นหวังนั้นเอง ผมได้ยินเสียงครืดจากด้านบน เงยหน้าขึ้นไปเห็นมือหนึ่งเอื้อมลงมา มือนั้นจับที่หน้าผม สัมผัสเย็นเยียบเหมือนมือผี ผมตะลึงช็อคจนร้องไม่ออก ลืมแม้กระทั่งเสียงตะโกน มือนั้นเลื่อนจากหน้าของผมมาที่คอ ลูบเลยไปถึงเสื้อที่ผมใส่อยู่ มือนั้นคว้าหมับยกตัวผมขึ้นมาด้วยแรงมหาศาล เมื่อดึงขึ้นมาถึงข้างบนก็ปล่อยผมลงกับพื้น รอดพ้นจากฝูงมนุษย์กลายพันธุ์อย่างหวุดหวิด

ผมหันไฟฉายส่องมือนั่นด้วยความกลัวว่าจะเป็นปีศาจอะไรที่ไหน ทว่าที่อยู่หน้าผมกลับเป็นคนหนึ่งคน ข้างหลังมีวัตถุยาวๆสะพายอยู่ ผมจำได้ทันที หมอนี่มันโจรขุดสุสานที่หวงของที่สุดในกลุ่ม!

ผมส่องไฟขึ้นมา แต่แสงสว่างคงมากเกินไป เขายกมือขึ้นบังหน้าพอดี มือของเขาใหญ่มาก นิ้วกลางกับนิ้วชี้ยาวเป็นพิเศษ...ผมรู้สึกคุ้นกับมือแบบนี้มาก ทั้งที่ไม่น่าจะใช่มือของคนปกติเลย ผมกดไฟฉายลง ปรับความสว่างใหม่ เมื่อหมอนั่นเอามือลงจึงเห็นหน้าได้ชัดเจน

วินาทีแรกที่ผมเห็นเขา ความรู้สึกมากมายในตัวของผมตีกันจนยุ่ง มีทั้งความดีใจ ความโกรธ ความหงุดหงิด ความตื้นตัน ราวกับทุกอารมณ์เกิดขึ้นพร้อมกันในวินาทีเดียวแก่งแย่งกันเพื่อเป็นที่หนึ่งก่อนจะกลายเป็นคำพูดเพียงคำเดียว

“เสี่ยวเกอ”

ผมหลุดคำนี้ออกมา ปวดหัวอย่างหนัก ตอนนั้นเอง หมอนั่นยื่นมือมาจับที่ขมับของผม กดลงไปเบาๆ จากนั้นก็ลูบหัวไล่ลงไปจนถึงท้ายทอย มือของเขากดบีบตรงนั้นสักพัก อาการปวดหัวของผมก็หายเป็นปลิดทิ้ง

เขาชักมือกลับ จ้องมองหน้าผมด้วยดวงตาที่ดูว่างเปล่า แต่ชวนให้รู้สึกกระอักกระอ่วน

“นายจำฉันได้มั้ย”

ผมถาม รู้สึกมั่นใจ...แน่ใจมากว่าผมกับเขาต้องเคยเจอกันมาก่อน ถึงความทรงจำของผมจะยังคงเป็นสีขาวโพลน แต่ความรู้สึกของผมที่มีต่อเขา มันมากกว่าแค่คนรู้จักธรรมดา

...ถ้าเขารู้จักผม ผมจะได้รู้เสียทีว่าตัวเองเป็นใครกันแน่

ทว่า คำตอบที่ได้จากเขาคือการส่ายหน้า ผมรู้สึกผิดหวังอย่างบอกไม่ถูก

“ฉันไม่รู้ว่านายเป็นใคร” หมอนั่นบอก ดวงตาที่ว่างเปล่าไม่ละไปไหน ยังคงจับจ้องอยู่ที่ผม เขาพูดต่อด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า

“แต่ถ้านายเป็นอะไรไป ฉันจะรู้”











MinMin
MinMin
ด้วงต้นไม้เทพเจ้า
ด้วงต้นไม้เทพเจ้า

จำนวนข้อความ : 222
Points : 3854
Join date : 28/10/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

[Fic] Lost Memories [ผิงเสีย] Chapter4 Empty Re: [Fic] Lost Memories [ผิงเสีย] Chapter4

ตั้งหัวข้อ by yakusoku Tue 07 Jul 2015, 00:19

อร๊ายย ชอบประโยคสุดท้ายที่สุดเลย รอตอนต่อไปนะคะ
yakusoku
yakusoku
ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ
ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ

จำนวนข้อความ : 369
Points : 3841
Join date : 05/11/2014
ที่อยู่ : โลงในสุสานโบราณ

ขึ้นไปข้างบน Go down

[Fic] Lost Memories [ผิงเสีย] Chapter4 Empty Re: [Fic] Lost Memories [ผิงเสีย] Chapter4

ตั้งหัวข้อ by Rozenkreuz Tue 07 Jul 2015, 01:33

เลื่อนขึ้นไปดูไทม์ไลน์ สองปีหลังเข้าประตูสำริด
เอ๊ะ นี่เสี่ยวเกอเล่นแหกประตูสำริดออกมาตามหานายน้อยเลยรึ? ถถถถ
โคตรลุ้นเลยครับ มาต่อไวๆ //ช่วยเขียนฉากฆาตรกรรมอาหนิงแบบทรมานที่สุดได้ไหมครับ บังอาจเอานายน้อยเป็นโล่อีกแล้ว! อ๊ากกกก เคือง
Rozenkreuz
Rozenkreuz
ด้วงอาณาจักรเจ้าแม่ซีหวังหมู่
ด้วงอาณาจักรเจ้าแม่ซีหวังหมู่

จำนวนข้อความ : 625
Points : 3859
Join date : 01/07/2015
Age : 31
ที่อยู่ : กองทัพผีเก็บเห็ดแห่งประตูสำริด

ขึ้นไปข้างบน Go down

[Fic] Lost Memories [ผิงเสีย] Chapter4 Empty Re: [Fic] Lost Memories [ผิงเสีย] Chapter4

ตั้งหัวข้อ by mama moosap Tue 07 Jul 2015, 18:23

อาหนิง...ช่างโหดร้ายยิ่งนัก
ส่วนเสี่ยวเกอ เอ๊ะ นี่ไปไงมาไงถึงได้โผล่ออกมาได้ ลุ้นค่ะ!
mama moosap
mama moosap
ด้วงตำหนักหลู่หวังเจ็ดดารา
ด้วงตำหนักหลู่หวังเจ็ดดารา

จำนวนข้อความ : 64
Points : 3430
Join date : 29/03/2015

ขึ้นไปข้างบน Go down

ขึ้นไปข้างบน

- Similar topics

 
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ