Countdown
We've been
togerther for
ค้นหา
Latest topics
Most active topics
#ซาไห่ Part 1 Chapter 09 เรื่องราวของอู๋เสีย (1)
+13
nightsza
sagacity191
muiko
Yuwadee Wana
hnee
DarkAki
casey
scuroluce
Malangporyim
Mayao
yakusoku
annminki
anurakbeer
17 posters
หน้า 1 จาก 1
#ซาไห่ Part 1 Chapter 09 เรื่องราวของอู๋เสีย (1)
Chapter 09
เรื่องราวของอู๋เสีย (1)
เรื่องราวเกิดขึ้นหลังเที่ยงของวันที่อากาศแจ่มใสวันหนึ่ง ริมแม่น้ำเจียงหนาน ในร้านกาแฟแห่งหนึ่งที่ตกแต่งด้วยสไตล์ทิเบต ขณะนั้นสถานะของอู๋เสียไม่ใช่โจรขุดสุสาน แต่เป็นช่างภาพที่มีนามว่ากวนเกิน แน่นอน นี่เป็นการพรางตัวเพื่อแทรกซึมเข้าสู่โครงการสำรวจทางโบราณคดีโครงการหนึ่ง แม้ตัวเขาเองก็ได้ฝึกถ่ายรูปเพื่องานนี้เป็นเวลานานมากจริงๆ เช่นกัน
ร้านกาแฟแห่งนี้มีชื่อว่า “เขอเข่อซีหลี่” บนผนังแขวนเต็มไปด้วยพรมแขวนและผืนผ้าสไตล์ทิเบต มีกงล้อมนตราและเทวรูปวัชระเทพขนาดสูงเท่าคนครึ่งตัว ฝังไว้หลายองค์ มุมผนังมีกระถางธูปเลี่ยมทองใบใหญ่ ควันหอมของธูปทิเบตลอยเอื่อยออกมา ร้านร้านนี้ ไม่ว่าจะเป็นภาพหรือกลิ่น ต่างมีกลิ่นอายทิเบตเข้มข้น
ทว่า อู๋เสียไม่ได้ชื่นชอบที่นี่เป็นพิเศษ นอกหน้าต่างเป็นสวนสาธารณะริมแม่น้ำเจียงหนาน สามารถมองเห็นเรือนไม้ทรงจีน การมองดูหลังคาเรือนไม้ทรงจีนยุคฮั่นจากในร้านแกแฟสไตล์ทิเบต ทำให้เขารู้สึกอึดอัด อาจเป็นเพราะเขาเล่นกล้องด้วย จึงมีอ่อนไหวต่อเรื่องความสอดคล้องทางองค์ประกอบในระดับแทบจะป่วยจิต
แต่ เห็นได้ว่าเจ้าภาพของการชุมนุมครั้งนี้ ไม่ถือสาเรื่องความขัดแย้งกันนี้
นี่เป็นการชุมนุมของคนเจ็ดคน นักวิจารณ์เฒ่าสองคน ผู้ประกอบการสำนักพิมพ์หนึ่งคน นักเขียนสาวหนึ่งคน อู๋เสีย และนักข่าวอีกสองคน นับเป็นบุคคลผู้มีชื่อเสียงในสังคมท้องถิ่นทั้งสิ้น การประชุมนี้นัดหมายล่วงหน้าถึงสองเดือน หัวข้อหลักเป็นเพราะแผนการดำเนินงานหนังสือเรื่องใหม่ที่เกี่ยวกับทะเลทรายของนักเขียนสาวคนนั้น---ยุคนี้ การทำงานเขียนไม่ใช่งานที่ก้มหน้าก้มตาตรากตรำทำงานตัวคนเดียวอีกต่อไปแล้ว โดยมากในขณะเดียวกับที่นักเขียนเริ่มลงมือเขียน แผนการดำเนินงานอุ่นเครื่องล่วงหน้าต่างๆ ก็เริ่มต้นควบคู่กัน แม้กระทั่ง เมื่อสองเดือนก่อนที่เธอเข้าไปหาข้อมูลในปาตันจี๋หลิน ก็ถูกนำมาใช้เป็นข่าวโปรโมตในยุคช่วงนั้นแล้ว
การประชุมเริ่มต้นเวลาเก้าโมงเช้า พูดคุยกันจนบ่าย ความจริงอู๋เสียก็ไม่รู้ว่าพวกเขาคุยเรื่องอะไรกันแน่ สำนักพิมพ์ นักเขียน นักข่าว ช่างภาพ เป็นคนเอาแน่ไม่ได้ด้วยกันทั้งนั้น คุยไปคุยมา หัวข้อก็ออกทะเลไปไกลหนึ่งพันสองร้อยไมล์
เขาไม่ได้มีส่วนร่วมกับการประชุมสักเท่าไหร่ ประการหนึ่งคือ หน้าที่ของเขาเรียบง่ายมากๆ แผนการต่างๆ เหล่านั้น เขามีส่วนเกี่ยวข้องด้วยไม่มาก เขาอยู่ตรงนี้ เพียงทำหน้าที่ผู้ร่วมสังเกตการณ์เท่านั้น ประการที่สองคือ เป็นเวลาที่ยาวมากช่วงหนึ่ง ที่สมาธิของเขาจดจ่ออยู่กับนักเขียนสาวคนนี้ไปหมด เพราะหญิงสาวคนนี้ มีความไม่ธรรมดา
เธอชื่อหลานถิง เป็นนักเขียนอิสระ อย่างน้อยในนามบัตรที่เธอมองให้อู๋เสียก็บอกไว้อย่างนั้น
น้อยนักที่จะมีนักเขียนพิมพ์นามบัตรให้ตัวเอง ข้อนี้ทำให้อู๋เสียประหลาดใจ แต่ เขาคุ้นกับชื่อนี้เป็นอย่างดี สองสามปีมานี้ ชื่อนี้มักปรากฏอยู่ในคอลัมน์แนะนำหนังสือของหนังสือพิมพ์หัวต่างๆ เหมือนจะเขียนงานประเภทลี้ลับพิศวง อู๋เสียเข้าใจมาตลอดว่าชื่อของเธอเกี่ยวข้องกับ “หลานถิงซวี่” จึงค่อนข้างจดจำ
หลานถิงค่อนข้างสวย ผมยาวๆ ที่หยิกม้วนตามธรรมชาติ เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายเป็นสไตล์โบฮีเมียน ขณะขยับตัวเคลื่อนไหว ให้ความรู้สึกงดงามแบบจิตวิญญาณ ไม่เหมือนผีชราหัวฟูหน้าเปรอะสองตัวที่ร่วมโต๊ะด้วยเลยสักนิด เขารู้จักนักเขียนไม่น้อย ไม่ขี้เหร่ก็พิการ แต่ทั้งหมดนั้นเป็นผู้ชาย---ดูท่านักเขียนสาวกับนักเขียน จะเป็นคนละสายพันธุ์กันโดยสิ้นเชิง
เหตุที่เธอดึงดูดความสนใจของอู๋เสีย เพราะเธอมีท่าทีกังวล คนทั้งโต๊ะคุยกันอย่างผ่อนคลาย หัวเราะงอหายกันเป็นพักๆ ขณะที่เธออยู่ท่ามกลาง แต่ไม่ส่งเสียง แสดงความเห็นน้อย อู๋เสียพบว่ามือของเธอ เล่นแต่ผมตนเองโดยไม่รู้ตัว
การเรียนถ่ายภาพต้องมีความรู้เรื่องจิตวิทยาในระดับหนึ่ง ต้องสามารถใช้คำพูดควบคุมอารมณ์ของนางแบบ ขณะที่ทำธุรกิจวัตถุโบราณ ก็ต้องมีทักษะการสังเกตสีหน้าท่าทางด้วยเช่นกัน พฤติกรรมเล็กๆ เช่นนี้ วิเคราะห์จากประสบการณ์ของอู๋เสีย น่าจะมาจากความกังวลและความประหม่าในจิตใจ
แต่ในสถานการณ์เช่นนี้ เธอมีอะไรให้ต้องกังวล เธอไม่น่าจะกำลังกังวลเรื่องยอดขาย หรือถ้ามีอะไรกันกับนายสำนักพิมพ์ ก็ไม่น่าจะต้องตกประหม่าขนาดนี้
อู๋เสียอดใคร่รู้ไม่ได้ จึงสังเกตเธออยู่ตลอด ซึ่งนอกจากพฤติกรรมเล็กๆ ดังที่กล่าว เธอก็ไม่ได้แสดงออกใดๆ อื่นอีก
ต่อมาอู๋เสียก็เหนื่อยแล้ว นักเขียนมักมีปัญหาและนิสัยประหลาดเป็นทุนกันอยู่แล้ว วลาดีมีร์ นาโบคอฟ ต้องเขียนงานบนการ์ดขนาดกว้างสามนิ้วยาวห้านิ้วเท่านั้น อเล็กซานเดอร์ โป๊ป ก็ต้องมีแอปเปิ้ลเน่าหนึ่งลังตั้งไว้ข้างๆ จึงจะเขียนงานได้ รัฐธรรมนูญก็ไม่ได้บัญญัติห้ามไม่ให้นักเขียนสาวต้องประหม่าอย่างไม่มีเหตุผล เมื่อคิดเช่นนี้ เขาก็ปล่อยวาง แม้อารมณ์ประหม่าของเธอจะแพร่ลามมาถึงเขาเล็กน้อยก็ตามที
คนทั้งโต๊ะคุยกันตั้งแต่เช้าจดเย็น หลังกินอาหารเย็น จึงเห็นผลของการประชุมเป็นช่วงๆ เนื่องจากเป็นทีมมืออาชีพ เมื่อเจาะกันเรื่องรายละเอียดอีกหน่อย แผนการก็ได้ข้อสรุปอย่างรวดเร็ว
จนถึงท้ายสุด คือการคุยเล่นกันเฉยๆ จริงๆ เมื่อไม่มีภาระทางใจ พวกเขาก็ผ่อนคลายกัน เริ่มพูดคุยสัพเพเหระ ลมฝนดอกไม้ ดินฟ้าอากาศ คนในร้านกาแฟก็มากขึ้น บรรยากาศคึกคัก อู๋เสียก็ครึกครื้นขึ้นมาด้วย คุยไปคุยมา ก็ลากโยงไปถึงทะเลทราย
อู๋เสียบอกว่าตนเป็นคนชอบทะเลทรายมาก ทะเลทรายใหญ่ๆ ในประเทศจีน เขาเคยไปมาหมดแล้ว ช่วงปลายปี 2007 เขามีประสบการณ์ท่องเที่ยวทะเลทรายครั้งหนึ่ง ตอนนั้นเขาปะปนอยู่ในศูนย์สำรวจทางโบราณคดีของพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติและการสำรวจระยะไกล (Remote Sensing) โดยภาพถ่ายทางอากาศ (Aerial Photograph) ในกิจกรรมสำรวจทางโบราณคดีกันที่อาลาซ่านเหมิ่ง (Alxa Leauge) ครั้งหนึ่ง ขอบเขตคือทะเลทรายปาตันจี๋หลิน มันเป็นการเดินทางที่น่าสนใจเป็นพิเศษ ทะเลทรายแม้ไม่มีมนุษย์ แต่เป็นสวรรค์ของตากล้อง บรรยากาศอันเป็นสิ่งสรรค์สร้างของธรรมชาตินั้น ทำให้ไม่ว่าจะมุ่งทิศทางไหน ก็มีกลิ่นรสอันเป็นพิเศษ ตอนนั้นผู้รับผิดชอบศูนย์พูดขึ้นมาคำหนึ่งว่า “ทะเลทรายทำให้เด็กชายกลายเป็นชายหนุ่ม ทำให้ผู้หญิงกลายเป็นเด็กหญิง” อู๋เสียบอกว่า เขารู้สึกว่าคำพูดนี้ประโยคยอดเยี่ยมมาก
ตอนนั้นเขาร่วมเดินทางตลอดทั้งทริป ไปกลับในทะเลทรายร่วมหนึ่งพันกว่ากิโล เวลาส่วนใหญ่ เขาก้าวย่ำย่างเหยียบด้วยสองเท้าของตัวเองทั้งสิ้น ทั้งไปและกลับ ผ่านโบราณสถานของเมืองโบราณสี่ห้าแห่ง ถ่ายรูปทั้งสิ้นสองพันกว่าใบ ตลอดช่วงเวลาสองเดือน ข้างหูไม่มีเสียงเอะอะมะเทิ่ง ความรู้สึกนั้น เหมือนเขาถูกพลิกกลับด้านมาชะล้างใหม่ทั่วทั้งตัว สะอาดสะอ้านไปทุกรูขุมขน
แน่นอน ความรู้สึกนี้หายไปทันทีเมื่อกลับเข้าเมือง ร่างกายที่ใช้เวลากว่าสองเดือนจึงชำระล้างเสร็จสิ้น ถูกแปดเปื้อนกลับเหมือนเดิมด้วยระยะเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง จำต้องยอมรับ เมืองใหญ่นั้นดุร้าย
การพูดคุยถึงประสบการณ์ครั้งนั้นเป็นที่ชอบใจของอู๋เสีย เขาจึงบอกเล่ามากมายไม่หยุด การประชุมต่อเวลาออกไปจนกระทั่งหนึ่งทุ่มกว่า ทุกคนจึงแยกย้าย ขณะนี้ เรื่องที่อู๋เสียไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น
ตอนนั้นมีการตกลงกันว่าจะติดรถใครกลับบ้าง : ผู้ประกอบการสำนักพิมพ์มีบีเอ็มดับบลิวซีรี่ส์เจ็ด เขาสามารถพานักเขียนสาวกไปส่งโรงแรมได้ ตาแก่สองคนกับนักข่าวเตรียมไปต่อกันที่บาร์ ส่วนอู๋เสียประชุมมาทั้งวันค่อนข้างเพลีย จะเดินเลียบแม่น้ำเจียงหนานกลับบ้าน ให้ลมเย็นๆ ช่วยดับไฟร้อนบนใบหน้า
ฤดูหนาว กลางวันสั้น ฟ้ามืดเร็ว ดังนั้นริมแม่น้ำเจียงหนานจึงนับว่าเงียบสงบ เขาเดินอย่างสงบไปไม่กี่ก้าว พลันได้ยินเสียงคนเรียกจากด้านหลัง
“อาจารย์กวน”
หันกลับไปมอง ปรากฏว่าเป็นหลานถิง
“ว่ายังไง บอสของคุณรถเสียหรือ” อู๋เสียถามกลับอย่างแปลกใจเจือหยอกเอิน
เธอยิ้มรับลมอย่างเหนื่อยหน่าย พูดด้วยน้ำเสียงเคอะเขิน “เปล่า ฉันไม่อยากนั่งรถ ขอเดินไปกับคุณสักช่วงหนึ่งได้ไหม”
หลานถิงค่อนข้างสูง เกือบจะสูงเท่าเขา สวมชุดยาวยืนอยู่ใต้ไฟถนนแลดูบอบบาง น่าถนอม อู๋เสียมองไปข้างหลัง บีเอ็มดับบลิวของนายจ้างขับออกไปแล้ว
ถ้าเป็นช่วงวัยใสสมัยเรียนมหา’ลัย อู๋เสียอาจนึกว่าตนเองมีโชค แต่เมื่อผ่านประสบการณ์มามาก ก็รู้ว่าฉากในนิยายทำนองนี้เชื่อถือไม่ได้ สิ่งที่พอจะอนุมานได้ก็คือ เธอไม่อยากนั่งรถจริงๆ ขณะเดียวกัน คนในที่ประชุมทั้งหมด ตัวเขาดูไร้พิษภัยมากที่สุด จึงมาขอเดินไปด้วยกัน
แต่เรื่องราวที่เกิดขึ้นต่อมา พิสูจน์ว่า จินตนาการของอู๋เสีย จืดชืดเกินไปจริงๆ
“เมื่อกี๊คุณเล่าว่า คุณใช้เวลาอยู่ในทะเลทรายนานมาก?” หลานถิงเป็นฝ่ายถามขึ้น อู๋เสียพยักหน้า “ก็ค่อนข้างนาน ประมาณสองสามเดือน แล้วก็บริสุทธิ์กว่า เพราะเราเลือกเส้นทางปลอดมนุษย์ ไม่ใช่เส้นทางนักท่องเที่ยว จึงรู้สึกคุ้มค่า”
เธอลังเลเล็กน้อย พูดว่า “ปาตันจี๋หลินที่คุณพูดถึง ก็คือสถานที่ที่ฉันไปหาข้อมูล ฉันอยู่ที่นั่นสามอาทิตย์ ตอนที่คุณพูดขึ้นมา จึงรู้สึกคิดถึงมัน เพียงแต่ ไกด์ของพวกเราเล่าว่า ที่นั่นนับเป็นแค่ทะเลทรายขนาดเล็ก”
อู๋เสียแอบขำ นึกถึงความแตกตื่นโกลาหล ภายหลังทีมงานทีมหนึ่งในคณะพวกเขาพลัดหลง พื้นที่สี่หมื่นเจ็ดพันตารางกิโลเมตร ทะเลทรายอันดับสามของประเทศจีน หากเทียบกับทะเลทรายยิ่งใหญ่อย่างทากลามากัน อาจจะเล็กน้อยมาก แต่สำหรับตัวบุคคล มันกว้างใหญ่เกินพอแล้ว
เธอถามต่อไปว่า “พวกคุณอยู่ที่ปาตันจี๋หลิน ได้ไปถึงสถานที่แห่งหนึ่งที่ชื่อกู่ถงจิงหรือเปล่า”
อู๋เสียแปลกใจเล็กน้อย ไม่นึกว่าเธอจะถามถึงชื่อของสถานที่แห่งนี้
ขณะอยู่ที่ปาตันจี๋หลิน เขาได้ยินผู้คนกล่าวถึงสถานที่นั้นบ่อยๆ มันเป็นสถานที่ที่คนในพื้นที่ร่ำลือกันถึงความลี้ลับพิศวง ตั้งอยู่ในเขตปลอดมนุษย์ของปาตันจี๋หลิน คำอธิบายเพียงหนึ่งเดียวของคนในพื้นที่ก็คือ จงอย่าไปจะดีที่สุด สถานที่นั้นไม่เหมือนกับที่อื่นๆ แต่เหตุใดจึงมีคำกล่าวเช่นนี้ ไม่มีใครรู้
ความลึกลับของมัน ไม่ใช่เกิดจากการจงใจกุเรื่อง แต่น่าจะเป็นธรรมเนียมที่สืบทอดมาแต่ยุคโบราณ สำหรับคณะสำรวจทางโบราณคดีทั่วไปแล้ว ธรรมเนียมเช่นนี้สมควรแก่การเคารพ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้ไปยังกู่ถงจิง ไหนๆ สิ่งที่ค้นพบในการสำรวจคราวนั้น มากเกินพอสำหรับใช้เป็นหัวข้อการสำรวจครั้งหนึ่งแล้ว
อู๋เสียส่ายหน้า ยิ้มอย่างลำบากใจ “เสียดายมาก ในแผนของพวกเราคราวนั้นไม่มีสถานที่นั้นรวมอยู่ด้วย ถึงแม้ว่าพวกเราจะมีคนที่อยากไปเห็น แต่ไกด์ของเราไม่อยากพาไป ไม่รู้เป็นเพราะสาเหตุอะไร”
“ไกด์ของพวกคุณปฏิเสธข้อเรียกร้องของพวกคุณงั้นหรือคะ”
“ใช่ครับ คุณก็รู้ เส้นทางของพวกเราเป็นเขตปลอดมนุษย์ ไกด์ของเราไม่เหมือนกับไกด์ท่องเที่ยวทั่วไป แต่เป็นหัวหน้าสโมสรผจญภัยในท้องถิ่น ระหว่างการเดินทาง พวกเขามีอำนาจสูงสุด เขาบอกว่าสถานที่นี้ไปไม่ได้ พวกเราก็ไม่มีสิทธิ์โต้แย้ง”
หลานถิงสูดลมหายใจเข้าทีหนึ่ง มองอู๋เสีย แล้วพูดเสียงเบา “พวกคุณโชคดีจัง ที่ได้ไกด์ดี”
เขามองเธออย่างประหลาดใจ ได้ยินความหมายนอกคำพูด “หรือว่า พวกคุณได้ไปถึงที่นั่นกัน?”
เธอพยักหน้า เว้นช่วงไปครู่หนึ่ง เธอหยุดฝีก้าวแล้วมองอู๋เสีย “อาจารย์กวน ฉันได้ยินเพื่อนๆ หลายคนกล่าวถึงคุณ บอกว่าคุณเป็นคนหนักแน่น พึ่งพาได้ และมีความรู้เรื่องสูงการถ่ายภาพ ฉันมีเรื่องเรื่องหนึ่งอยากหาคนถาม แต่ก็ไม่อยากให้คนอื่นๆ รู้ เรื่องเรื่องนี้สำคัญกับฉันมาก ฉันจะไว้ใจคุณได้ไหมคะ”
อู๋เสียรู้สึกงุนงง พยักหน้าแข็งๆ “เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ”
เธอลังเลครู่หนึ่ง จึงกล่าว “ฉันเจอเรื่องราวประหลาด ที่กู่ถงจิง”
เรื่องราวของอู๋เสีย (1)
เรื่องราวเกิดขึ้นหลังเที่ยงของวันที่อากาศแจ่มใสวันหนึ่ง ริมแม่น้ำเจียงหนาน ในร้านกาแฟแห่งหนึ่งที่ตกแต่งด้วยสไตล์ทิเบต ขณะนั้นสถานะของอู๋เสียไม่ใช่โจรขุดสุสาน แต่เป็นช่างภาพที่มีนามว่ากวนเกิน แน่นอน นี่เป็นการพรางตัวเพื่อแทรกซึมเข้าสู่โครงการสำรวจทางโบราณคดีโครงการหนึ่ง แม้ตัวเขาเองก็ได้ฝึกถ่ายรูปเพื่องานนี้เป็นเวลานานมากจริงๆ เช่นกัน
ร้านกาแฟแห่งนี้มีชื่อว่า “เขอเข่อซีหลี่” บนผนังแขวนเต็มไปด้วยพรมแขวนและผืนผ้าสไตล์ทิเบต มีกงล้อมนตราและเทวรูปวัชระเทพขนาดสูงเท่าคนครึ่งตัว ฝังไว้หลายองค์ มุมผนังมีกระถางธูปเลี่ยมทองใบใหญ่ ควันหอมของธูปทิเบตลอยเอื่อยออกมา ร้านร้านนี้ ไม่ว่าจะเป็นภาพหรือกลิ่น ต่างมีกลิ่นอายทิเบตเข้มข้น
ทว่า อู๋เสียไม่ได้ชื่นชอบที่นี่เป็นพิเศษ นอกหน้าต่างเป็นสวนสาธารณะริมแม่น้ำเจียงหนาน สามารถมองเห็นเรือนไม้ทรงจีน การมองดูหลังคาเรือนไม้ทรงจีนยุคฮั่นจากในร้านแกแฟสไตล์ทิเบต ทำให้เขารู้สึกอึดอัด อาจเป็นเพราะเขาเล่นกล้องด้วย จึงมีอ่อนไหวต่อเรื่องความสอดคล้องทางองค์ประกอบในระดับแทบจะป่วยจิต
แต่ เห็นได้ว่าเจ้าภาพของการชุมนุมครั้งนี้ ไม่ถือสาเรื่องความขัดแย้งกันนี้
นี่เป็นการชุมนุมของคนเจ็ดคน นักวิจารณ์เฒ่าสองคน ผู้ประกอบการสำนักพิมพ์หนึ่งคน นักเขียนสาวหนึ่งคน อู๋เสีย และนักข่าวอีกสองคน นับเป็นบุคคลผู้มีชื่อเสียงในสังคมท้องถิ่นทั้งสิ้น การประชุมนี้นัดหมายล่วงหน้าถึงสองเดือน หัวข้อหลักเป็นเพราะแผนการดำเนินงานหนังสือเรื่องใหม่ที่เกี่ยวกับทะเลทรายของนักเขียนสาวคนนั้น---ยุคนี้ การทำงานเขียนไม่ใช่งานที่ก้มหน้าก้มตาตรากตรำทำงานตัวคนเดียวอีกต่อไปแล้ว โดยมากในขณะเดียวกับที่นักเขียนเริ่มลงมือเขียน แผนการดำเนินงานอุ่นเครื่องล่วงหน้าต่างๆ ก็เริ่มต้นควบคู่กัน แม้กระทั่ง เมื่อสองเดือนก่อนที่เธอเข้าไปหาข้อมูลในปาตันจี๋หลิน ก็ถูกนำมาใช้เป็นข่าวโปรโมตในยุคช่วงนั้นแล้ว
การประชุมเริ่มต้นเวลาเก้าโมงเช้า พูดคุยกันจนบ่าย ความจริงอู๋เสียก็ไม่รู้ว่าพวกเขาคุยเรื่องอะไรกันแน่ สำนักพิมพ์ นักเขียน นักข่าว ช่างภาพ เป็นคนเอาแน่ไม่ได้ด้วยกันทั้งนั้น คุยไปคุยมา หัวข้อก็ออกทะเลไปไกลหนึ่งพันสองร้อยไมล์
เขาไม่ได้มีส่วนร่วมกับการประชุมสักเท่าไหร่ ประการหนึ่งคือ หน้าที่ของเขาเรียบง่ายมากๆ แผนการต่างๆ เหล่านั้น เขามีส่วนเกี่ยวข้องด้วยไม่มาก เขาอยู่ตรงนี้ เพียงทำหน้าที่ผู้ร่วมสังเกตการณ์เท่านั้น ประการที่สองคือ เป็นเวลาที่ยาวมากช่วงหนึ่ง ที่สมาธิของเขาจดจ่ออยู่กับนักเขียนสาวคนนี้ไปหมด เพราะหญิงสาวคนนี้ มีความไม่ธรรมดา
เธอชื่อหลานถิง เป็นนักเขียนอิสระ อย่างน้อยในนามบัตรที่เธอมองให้อู๋เสียก็บอกไว้อย่างนั้น
น้อยนักที่จะมีนักเขียนพิมพ์นามบัตรให้ตัวเอง ข้อนี้ทำให้อู๋เสียประหลาดใจ แต่ เขาคุ้นกับชื่อนี้เป็นอย่างดี สองสามปีมานี้ ชื่อนี้มักปรากฏอยู่ในคอลัมน์แนะนำหนังสือของหนังสือพิมพ์หัวต่างๆ เหมือนจะเขียนงานประเภทลี้ลับพิศวง อู๋เสียเข้าใจมาตลอดว่าชื่อของเธอเกี่ยวข้องกับ “หลานถิงซวี่” จึงค่อนข้างจดจำ
หลานถิงค่อนข้างสวย ผมยาวๆ ที่หยิกม้วนตามธรรมชาติ เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายเป็นสไตล์โบฮีเมียน ขณะขยับตัวเคลื่อนไหว ให้ความรู้สึกงดงามแบบจิตวิญญาณ ไม่เหมือนผีชราหัวฟูหน้าเปรอะสองตัวที่ร่วมโต๊ะด้วยเลยสักนิด เขารู้จักนักเขียนไม่น้อย ไม่ขี้เหร่ก็พิการ แต่ทั้งหมดนั้นเป็นผู้ชาย---ดูท่านักเขียนสาวกับนักเขียน จะเป็นคนละสายพันธุ์กันโดยสิ้นเชิง
เหตุที่เธอดึงดูดความสนใจของอู๋เสีย เพราะเธอมีท่าทีกังวล คนทั้งโต๊ะคุยกันอย่างผ่อนคลาย หัวเราะงอหายกันเป็นพักๆ ขณะที่เธออยู่ท่ามกลาง แต่ไม่ส่งเสียง แสดงความเห็นน้อย อู๋เสียพบว่ามือของเธอ เล่นแต่ผมตนเองโดยไม่รู้ตัว
การเรียนถ่ายภาพต้องมีความรู้เรื่องจิตวิทยาในระดับหนึ่ง ต้องสามารถใช้คำพูดควบคุมอารมณ์ของนางแบบ ขณะที่ทำธุรกิจวัตถุโบราณ ก็ต้องมีทักษะการสังเกตสีหน้าท่าทางด้วยเช่นกัน พฤติกรรมเล็กๆ เช่นนี้ วิเคราะห์จากประสบการณ์ของอู๋เสีย น่าจะมาจากความกังวลและความประหม่าในจิตใจ
แต่ในสถานการณ์เช่นนี้ เธอมีอะไรให้ต้องกังวล เธอไม่น่าจะกำลังกังวลเรื่องยอดขาย หรือถ้ามีอะไรกันกับนายสำนักพิมพ์ ก็ไม่น่าจะต้องตกประหม่าขนาดนี้
อู๋เสียอดใคร่รู้ไม่ได้ จึงสังเกตเธออยู่ตลอด ซึ่งนอกจากพฤติกรรมเล็กๆ ดังที่กล่าว เธอก็ไม่ได้แสดงออกใดๆ อื่นอีก
ต่อมาอู๋เสียก็เหนื่อยแล้ว นักเขียนมักมีปัญหาและนิสัยประหลาดเป็นทุนกันอยู่แล้ว วลาดีมีร์ นาโบคอฟ ต้องเขียนงานบนการ์ดขนาดกว้างสามนิ้วยาวห้านิ้วเท่านั้น อเล็กซานเดอร์ โป๊ป ก็ต้องมีแอปเปิ้ลเน่าหนึ่งลังตั้งไว้ข้างๆ จึงจะเขียนงานได้ รัฐธรรมนูญก็ไม่ได้บัญญัติห้ามไม่ให้นักเขียนสาวต้องประหม่าอย่างไม่มีเหตุผล เมื่อคิดเช่นนี้ เขาก็ปล่อยวาง แม้อารมณ์ประหม่าของเธอจะแพร่ลามมาถึงเขาเล็กน้อยก็ตามที
คนทั้งโต๊ะคุยกันตั้งแต่เช้าจดเย็น หลังกินอาหารเย็น จึงเห็นผลของการประชุมเป็นช่วงๆ เนื่องจากเป็นทีมมืออาชีพ เมื่อเจาะกันเรื่องรายละเอียดอีกหน่อย แผนการก็ได้ข้อสรุปอย่างรวดเร็ว
จนถึงท้ายสุด คือการคุยเล่นกันเฉยๆ จริงๆ เมื่อไม่มีภาระทางใจ พวกเขาก็ผ่อนคลายกัน เริ่มพูดคุยสัพเพเหระ ลมฝนดอกไม้ ดินฟ้าอากาศ คนในร้านกาแฟก็มากขึ้น บรรยากาศคึกคัก อู๋เสียก็ครึกครื้นขึ้นมาด้วย คุยไปคุยมา ก็ลากโยงไปถึงทะเลทราย
อู๋เสียบอกว่าตนเป็นคนชอบทะเลทรายมาก ทะเลทรายใหญ่ๆ ในประเทศจีน เขาเคยไปมาหมดแล้ว ช่วงปลายปี 2007 เขามีประสบการณ์ท่องเที่ยวทะเลทรายครั้งหนึ่ง ตอนนั้นเขาปะปนอยู่ในศูนย์สำรวจทางโบราณคดีของพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติและการสำรวจระยะไกล (Remote Sensing) โดยภาพถ่ายทางอากาศ (Aerial Photograph) ในกิจกรรมสำรวจทางโบราณคดีกันที่อาลาซ่านเหมิ่ง (Alxa Leauge) ครั้งหนึ่ง ขอบเขตคือทะเลทรายปาตันจี๋หลิน มันเป็นการเดินทางที่น่าสนใจเป็นพิเศษ ทะเลทรายแม้ไม่มีมนุษย์ แต่เป็นสวรรค์ของตากล้อง บรรยากาศอันเป็นสิ่งสรรค์สร้างของธรรมชาตินั้น ทำให้ไม่ว่าจะมุ่งทิศทางไหน ก็มีกลิ่นรสอันเป็นพิเศษ ตอนนั้นผู้รับผิดชอบศูนย์พูดขึ้นมาคำหนึ่งว่า “ทะเลทรายทำให้เด็กชายกลายเป็นชายหนุ่ม ทำให้ผู้หญิงกลายเป็นเด็กหญิง” อู๋เสียบอกว่า เขารู้สึกว่าคำพูดนี้ประโยคยอดเยี่ยมมาก
ตอนนั้นเขาร่วมเดินทางตลอดทั้งทริป ไปกลับในทะเลทรายร่วมหนึ่งพันกว่ากิโล เวลาส่วนใหญ่ เขาก้าวย่ำย่างเหยียบด้วยสองเท้าของตัวเองทั้งสิ้น ทั้งไปและกลับ ผ่านโบราณสถานของเมืองโบราณสี่ห้าแห่ง ถ่ายรูปทั้งสิ้นสองพันกว่าใบ ตลอดช่วงเวลาสองเดือน ข้างหูไม่มีเสียงเอะอะมะเทิ่ง ความรู้สึกนั้น เหมือนเขาถูกพลิกกลับด้านมาชะล้างใหม่ทั่วทั้งตัว สะอาดสะอ้านไปทุกรูขุมขน
แน่นอน ความรู้สึกนี้หายไปทันทีเมื่อกลับเข้าเมือง ร่างกายที่ใช้เวลากว่าสองเดือนจึงชำระล้างเสร็จสิ้น ถูกแปดเปื้อนกลับเหมือนเดิมด้วยระยะเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง จำต้องยอมรับ เมืองใหญ่นั้นดุร้าย
การพูดคุยถึงประสบการณ์ครั้งนั้นเป็นที่ชอบใจของอู๋เสีย เขาจึงบอกเล่ามากมายไม่หยุด การประชุมต่อเวลาออกไปจนกระทั่งหนึ่งทุ่มกว่า ทุกคนจึงแยกย้าย ขณะนี้ เรื่องที่อู๋เสียไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น
ตอนนั้นมีการตกลงกันว่าจะติดรถใครกลับบ้าง : ผู้ประกอบการสำนักพิมพ์มีบีเอ็มดับบลิวซีรี่ส์เจ็ด เขาสามารถพานักเขียนสาวกไปส่งโรงแรมได้ ตาแก่สองคนกับนักข่าวเตรียมไปต่อกันที่บาร์ ส่วนอู๋เสียประชุมมาทั้งวันค่อนข้างเพลีย จะเดินเลียบแม่น้ำเจียงหนานกลับบ้าน ให้ลมเย็นๆ ช่วยดับไฟร้อนบนใบหน้า
ฤดูหนาว กลางวันสั้น ฟ้ามืดเร็ว ดังนั้นริมแม่น้ำเจียงหนานจึงนับว่าเงียบสงบ เขาเดินอย่างสงบไปไม่กี่ก้าว พลันได้ยินเสียงคนเรียกจากด้านหลัง
“อาจารย์กวน”
หันกลับไปมอง ปรากฏว่าเป็นหลานถิง
“ว่ายังไง บอสของคุณรถเสียหรือ” อู๋เสียถามกลับอย่างแปลกใจเจือหยอกเอิน
เธอยิ้มรับลมอย่างเหนื่อยหน่าย พูดด้วยน้ำเสียงเคอะเขิน “เปล่า ฉันไม่อยากนั่งรถ ขอเดินไปกับคุณสักช่วงหนึ่งได้ไหม”
หลานถิงค่อนข้างสูง เกือบจะสูงเท่าเขา สวมชุดยาวยืนอยู่ใต้ไฟถนนแลดูบอบบาง น่าถนอม อู๋เสียมองไปข้างหลัง บีเอ็มดับบลิวของนายจ้างขับออกไปแล้ว
ถ้าเป็นช่วงวัยใสสมัยเรียนมหา’ลัย อู๋เสียอาจนึกว่าตนเองมีโชค แต่เมื่อผ่านประสบการณ์มามาก ก็รู้ว่าฉากในนิยายทำนองนี้เชื่อถือไม่ได้ สิ่งที่พอจะอนุมานได้ก็คือ เธอไม่อยากนั่งรถจริงๆ ขณะเดียวกัน คนในที่ประชุมทั้งหมด ตัวเขาดูไร้พิษภัยมากที่สุด จึงมาขอเดินไปด้วยกัน
แต่เรื่องราวที่เกิดขึ้นต่อมา พิสูจน์ว่า จินตนาการของอู๋เสีย จืดชืดเกินไปจริงๆ
“เมื่อกี๊คุณเล่าว่า คุณใช้เวลาอยู่ในทะเลทรายนานมาก?” หลานถิงเป็นฝ่ายถามขึ้น อู๋เสียพยักหน้า “ก็ค่อนข้างนาน ประมาณสองสามเดือน แล้วก็บริสุทธิ์กว่า เพราะเราเลือกเส้นทางปลอดมนุษย์ ไม่ใช่เส้นทางนักท่องเที่ยว จึงรู้สึกคุ้มค่า”
เธอลังเลเล็กน้อย พูดว่า “ปาตันจี๋หลินที่คุณพูดถึง ก็คือสถานที่ที่ฉันไปหาข้อมูล ฉันอยู่ที่นั่นสามอาทิตย์ ตอนที่คุณพูดขึ้นมา จึงรู้สึกคิดถึงมัน เพียงแต่ ไกด์ของพวกเราเล่าว่า ที่นั่นนับเป็นแค่ทะเลทรายขนาดเล็ก”
อู๋เสียแอบขำ นึกถึงความแตกตื่นโกลาหล ภายหลังทีมงานทีมหนึ่งในคณะพวกเขาพลัดหลง พื้นที่สี่หมื่นเจ็ดพันตารางกิโลเมตร ทะเลทรายอันดับสามของประเทศจีน หากเทียบกับทะเลทรายยิ่งใหญ่อย่างทากลามากัน อาจจะเล็กน้อยมาก แต่สำหรับตัวบุคคล มันกว้างใหญ่เกินพอแล้ว
เธอถามต่อไปว่า “พวกคุณอยู่ที่ปาตันจี๋หลิน ได้ไปถึงสถานที่แห่งหนึ่งที่ชื่อกู่ถงจิงหรือเปล่า”
อู๋เสียแปลกใจเล็กน้อย ไม่นึกว่าเธอจะถามถึงชื่อของสถานที่แห่งนี้
ขณะอยู่ที่ปาตันจี๋หลิน เขาได้ยินผู้คนกล่าวถึงสถานที่นั้นบ่อยๆ มันเป็นสถานที่ที่คนในพื้นที่ร่ำลือกันถึงความลี้ลับพิศวง ตั้งอยู่ในเขตปลอดมนุษย์ของปาตันจี๋หลิน คำอธิบายเพียงหนึ่งเดียวของคนในพื้นที่ก็คือ จงอย่าไปจะดีที่สุด สถานที่นั้นไม่เหมือนกับที่อื่นๆ แต่เหตุใดจึงมีคำกล่าวเช่นนี้ ไม่มีใครรู้
ความลึกลับของมัน ไม่ใช่เกิดจากการจงใจกุเรื่อง แต่น่าจะเป็นธรรมเนียมที่สืบทอดมาแต่ยุคโบราณ สำหรับคณะสำรวจทางโบราณคดีทั่วไปแล้ว ธรรมเนียมเช่นนี้สมควรแก่การเคารพ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้ไปยังกู่ถงจิง ไหนๆ สิ่งที่ค้นพบในการสำรวจคราวนั้น มากเกินพอสำหรับใช้เป็นหัวข้อการสำรวจครั้งหนึ่งแล้ว
อู๋เสียส่ายหน้า ยิ้มอย่างลำบากใจ “เสียดายมาก ในแผนของพวกเราคราวนั้นไม่มีสถานที่นั้นรวมอยู่ด้วย ถึงแม้ว่าพวกเราจะมีคนที่อยากไปเห็น แต่ไกด์ของเราไม่อยากพาไป ไม่รู้เป็นเพราะสาเหตุอะไร”
“ไกด์ของพวกคุณปฏิเสธข้อเรียกร้องของพวกคุณงั้นหรือคะ”
“ใช่ครับ คุณก็รู้ เส้นทางของพวกเราเป็นเขตปลอดมนุษย์ ไกด์ของเราไม่เหมือนกับไกด์ท่องเที่ยวทั่วไป แต่เป็นหัวหน้าสโมสรผจญภัยในท้องถิ่น ระหว่างการเดินทาง พวกเขามีอำนาจสูงสุด เขาบอกว่าสถานที่นี้ไปไม่ได้ พวกเราก็ไม่มีสิทธิ์โต้แย้ง”
หลานถิงสูดลมหายใจเข้าทีหนึ่ง มองอู๋เสีย แล้วพูดเสียงเบา “พวกคุณโชคดีจัง ที่ได้ไกด์ดี”
เขามองเธออย่างประหลาดใจ ได้ยินความหมายนอกคำพูด “หรือว่า พวกคุณได้ไปถึงที่นั่นกัน?”
เธอพยักหน้า เว้นช่วงไปครู่หนึ่ง เธอหยุดฝีก้าวแล้วมองอู๋เสีย “อาจารย์กวน ฉันได้ยินเพื่อนๆ หลายคนกล่าวถึงคุณ บอกว่าคุณเป็นคนหนักแน่น พึ่งพาได้ และมีความรู้เรื่องสูงการถ่ายภาพ ฉันมีเรื่องเรื่องหนึ่งอยากหาคนถาม แต่ก็ไม่อยากให้คนอื่นๆ รู้ เรื่องเรื่องนี้สำคัญกับฉันมาก ฉันจะไว้ใจคุณได้ไหมคะ”
อู๋เสียรู้สึกงุนงง พยักหน้าแข็งๆ “เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ”
เธอลังเลครู่หนึ่ง จึงกล่าว “ฉันเจอเรื่องราวประหลาด ที่กู่ถงจิง”
anurakbeer- ด้วงสุสานใต้สมุทรทะเลซีซา
- จำนวนข้อความ : 184
Points : 3939
Join date : 27/10/2014
Re: #ซาไห่ Part 1 Chapter 09 เรื่องราวของอู๋เสีย (1)
แหมมมมม เห็นผู้หญิงสวยหน่อยไม่ได้นะ นายน้อยยยยยยยยยยยย
จงรีบปล่อยคนในประตูออกมา นี่คนข้างนอกชอบชมคนอื่นไปเรื่อยแล้วนะ!!!
จงรีบปล่อยคนในประตูออกมา นี่คนข้างนอกชอบชมคนอื่นไปเรื่อยแล้วนะ!!!
annminki- ด้วง
- จำนวนข้อความ : 46
Points : 3488
Join date : 30/11/2014
Age : 31
Re: #ซาไห่ Part 1 Chapter 09 เรื่องราวของอู๋เสีย (1)
นายน้อยกลายเป็นอาจารย์กวนไปซะแล้ว
yakusoku- ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ
- จำนวนข้อความ : 369
Points : 3835
Join date : 05/11/2014
ที่อยู่ : โลงในสุสานโบราณ
Re: #ซาไห่ Part 1 Chapter 09 เรื่องราวของอู๋เสีย (1)
แหมนึกว่านายน้อยจะเล่าถึงนิยายเก้าเล่มที่ผ่านมาส่ะอีก ดีจังรุ้สึกตื่นเต้นขึ้นเรื่อยๆๆ
Mayao- ด้วง
- จำนวนข้อความ : 26
Points : 3323
Join date : 23/04/2015
Re: #ซาไห่ Part 1 Chapter 09 เรื่องราวของอู๋เสีย (1)
หมอนี่.... 55555 ไม่ไหวเลย
แง
ผู้หญิงวิ่งตามมาขอเดินด้วยยามวิกาล ทำไมเย็นชางี้ล่ะคะ 555555 แหม ไม่รู้จะเรียกประสบการณ์สูงหรือเทียนเจินดี 55555555555
แง
ผู้หญิงวิ่งตามมาขอเดินด้วยยามวิกาล ทำไมเย็นชางี้ล่ะคะ 555555 แหม ไม่รู้จะเรียกประสบการณ์สูงหรือเทียนเจินดี 55555555555
Malangporyim- ด้วงต้นไม้เทพเจ้า
- จำนวนข้อความ : 290
Points : 3785
Join date : 27/10/2014
ที่อยู่ : ทุ่งด้วงโฮโม
Re: #ซาไห่ Part 1 Chapter 09 เรื่องราวของอู๋เสีย (1)
พอเรื่องกลับมาเป็นฝั่งนายน้อยแล้วรู้สึกว่า อีตานี่มโนตลอดเวลา 55555555555555555555
เจอสาวสวยหน่อยก็จ้องเชียวนะ แหม่!!!
เจอสาวสวยหน่อยก็จ้องเชียวนะ แหม่!!!
scuroluce- ด้วง
- จำนวนข้อความ : 38
Points : 3513
Join date : 27/10/2014
Re: #ซาไห่ Part 1 Chapter 09 เรื่องราวของอู๋เสีย (1)
ตกลงนายจะปลอมเป็นนักเขียนหรือช่างภาพน่ะฮึ เย็นชากับสาวซะจริง
casey- ด้วงตำหนักหลู่หวังเจ็ดดารา
- จำนวนข้อความ : 86
Points : 3591
Join date : 27/10/2014
Re: #ซาไห่ Part 1 Chapter 09 เรื่องราวของอู๋เสีย (1)
'เป็นคนหนักแน่น พึ่งพาได้' ............ อาาาาา
เวลาเปลี่ยน อะไรก็เปลี่ยนสินะ / นั่งเหม่อไปไกล
*โดนจารย์กวนตบคว่ำ
เวลาเปลี่ยน อะไรก็เปลี่ยนสินะ / นั่งเหม่อไปไกล
*โดนจารย์กวนตบคว่ำ
DarkAki- ด้วงตำหนักหลู่หวังเจ็ดดารา
- จำนวนข้อความ : 93
Points : 3476
Join date : 27/01/2015
Re: #ซาไห่ Part 1 Chapter 09 เรื่องราวของอู๋เสีย (1)
เรื่องกำลังผู้มาที่บทนำ ชักตื่นเต้นขึ้นมาจริงๆซะแล้ว เจ้ากู่ถงจิงมีอะไรซ่อนอยู่กันแน่ งานนี้ชักจะไม่ธรรมดาขึ้นทุกที(ว่าแต่เรื่องเต้ามู่นี้มีอะไรที่ธรรมดาอยู่ด้วยงั้นหรือ?) อาเสียในคราบของอาจารย์กวนให้ความรู้สึกอดอมยิ้มน้อยๆให้ไม่ได้ ไหนจะเบื่อ ไหนจะเหนื่อยเพลีย ไหนจะเอื่อยชากับสาวสวย และไอ้คำล่ำลือว่าหนักแน่นพึ่งพาได้นั่นน่ะ ก็จริงอ่านะที่อาเสียไว้ใจได้แน่ๆ อิอิๆๆ ^^
hnee- ด้วงต้นไม้เทพเจ้า
- จำนวนข้อความ : 203
Points : 3679
Join date : 27/10/2014
Re: #ซาไห่ Part 1 Chapter 09 เรื่องราวของอู๋เสีย (1)
ขอบคุณสำหรับคำแปลค่ะ
นายน้อยอู๋เสียของเรา ในสายตาสาว กลายเป็น "หนักแน่น พึ่งพาได้" ไปซะแล้ว
แล้ว 10 เล่มที่ผ่านมานั้น ในสายตาหนุ่ม คือ "บอบบาง น่าทะนุถนอม" สินะ อิอิ
นายน้อยอู๋เสียของเรา ในสายตาสาว กลายเป็น "หนักแน่น พึ่งพาได้" ไปซะแล้ว
แล้ว 10 เล่มที่ผ่านมานั้น ในสายตาหนุ่ม คือ "บอบบาง น่าทะนุถนอม" สินะ อิอิ
Yuwadee Wana- ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ
- จำนวนข้อความ : 352
Points : 3833
Join date : 27/10/2014
Re: #ซาไห่ Part 1 Chapter 09 เรื่องราวของอู๋เสีย (1)
ขอบคุณมากค่ะสำหรับคำแปล
..นายน้อยโหมดอาจารย์ หืมมมม*ยิ้มกริ่ม*
..นายน้อยโหมดอาจารย์ หืมมมม*ยิ้มกริ่ม*
muiko- ด้วงฝึกหัด
- จำนวนข้อความ : 10
Points : 3391
Join date : 29/01/2015
Re: #ซาไห่ Part 1 Chapter 09 เรื่องราวของอู๋เสีย (1)
แหมมม เดี๋ยวนี้รู้จักปลอมตัว
ชักจะเก่งแล้วนะ นายน้อย
ขอบคุณค่ะ
ชักจะเก่งแล้วนะ นายน้อย
ขอบคุณค่ะ
sagacity191- ด้วงตำหนักหลู่หวังเจ็ดดารา
- จำนวนข้อความ : 53
Points : 3518
Join date : 06/11/2014
Re: #ซาไห่ Part 1 Chapter 09 เรื่องราวของอู๋เสีย (1)
เวลาผ่านไปแต่ความเทียนเจินยังเหมือนเดิม
nightsza- ด้วงตำหนักหลู่หวังเจ็ดดารา
- จำนวนข้อความ : 51
Points : 3285
Join date : 28/06/2015
Re: #ซาไห่ Part 1 Chapter 09 เรื่องราวของอู๋เสีย (1)
ทำไมนายน้อยมาเป็นกวนเกินได้ละเนี่ย แหมเห็นสาวน้อยไม่ได้เชียว แต่ก็ดีละที่ไม่ชอบนาง 555
prince501- ด้วงตำหนักหลู่หวังเจ็ดดารา
- จำนวนข้อความ : 64
Points : 3270
Join date : 23/07/2015
Re: #ซาไห่ Part 1 Chapter 09 เรื่องราวของอู๋เสีย (1)
ตบตี
นายน้อยห้ามนอกใจเสี่ยวเกอนะ ฮึ่มมมม
นายน้อยห้ามนอกใจเสี่ยวเกอนะ ฮึ่มมมม
Rozenkreuz- ด้วงอาณาจักรเจ้าแม่ซีหวังหมู่
- จำนวนข้อความ : 625
Points : 3853
Join date : 01/07/2015
Age : 31
ที่อยู่ : กองทัพผีเก็บเห็ดแห่งประตูสำริด
Re: #ซาไห่ Part 1 Chapter 09 เรื่องราวของอู๋เสีย (1)
มายั่วนายน้อยสินะ นายน้อยไม่สนหรอนายน้อยไม่สนหรอกเพราะมีสามีเเล้ว//โดนตบ
meanato- ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ
- จำนวนข้อความ : 487
Points : 3966
Join date : 27/10/2014
Age : 26
ที่อยู่ : หลังประตูสัมฤทธิ์
Re: #ซาไห่ Part 1 Chapter 09 เรื่องราวของอู๋เสีย (1)
อุตส่าห์ปลอมชื่อเสียงเพื่อเข้าไปสืบเรื่องราว
แถมยังศึกษาการถ่ายภาพเป็นอย่างดีขนาดนี้
ทะเลทรายนั้นท่าจะมีของดีอย่างว่า
แถมตอนนี้ยังได้มารู้จักสาวสวยนักเขียนที่มีเรื่องราวน่าสนใจเสียอีกด้วย
งานนี้นายน้อยดูท่าจะได้ลาภลอยมากกว่าการได้รู้จักคนสวยเสียแล้วสินะ
ว่าแต่กู่ถงจิ่งมีอะไร เราต้องตามไปดู
แถมยังศึกษาการถ่ายภาพเป็นอย่างดีขนาดนี้
ทะเลทรายนั้นท่าจะมีของดีอย่างว่า
แถมตอนนี้ยังได้มารู้จักสาวสวยนักเขียนที่มีเรื่องราวน่าสนใจเสียอีกด้วย
งานนี้นายน้อยดูท่าจะได้ลาภลอยมากกว่าการได้รู้จักคนสวยเสียแล้วสินะ
ว่าแต่กู่ถงจิ่งมีอะไร เราต้องตามไปดู
arshura09- ด้วงสุสานใต้สมุทรทะเลซีซา
- จำนวนข้อความ : 118
Points : 3149
Join date : 14/01/2016
Similar topics
» #ซาไห่ Part 1 Chapter 20 สิ่งที่แตะต้องไม่ได้
» #ซาไห่ Part 1 Chapter 07 ความลับบนแผ่นหลัง
» #ซาไห่ Part 1 Chapter 21 ความทรงจำของหลีชู่
» #ซาไห่ Part 1 Chapter 22 สองสมมติฐานกับสามความเป็นไปได้
» #ซาไห่ Part 1 Chapter 10 เรื่องราวของอู๋เสีย (2)
» #ซาไห่ Part 1 Chapter 07 ความลับบนแผ่นหลัง
» #ซาไห่ Part 1 Chapter 21 ความทรงจำของหลีชู่
» #ซาไห่ Part 1 Chapter 22 สองสมมติฐานกับสามความเป็นไปได้
» #ซาไห่ Part 1 Chapter 10 เรื่องราวของอู๋เสีย (2)
หน้า 1 จาก 1
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
|
|
Fri 24 Jul 2020, 01:39 by gustoon
» [คู่มือด้วง] Keyword จีนสำหรับการขุด(แฟนดอม)สุสาน
Thu 21 Jun 2018, 00:29 by miskizfullmoon
» มังฮวาและภาคทิเบต
Thu 21 Jun 2018, 00:23 by miskizfullmoon
» [OS] Father is the best (ผิงเสีย)
Thu 03 Aug 2017, 16:12 by schneewittchen
» [Fic] สิ่งเล็กๆที่เชื่อมโลก5 [เมินโหยวผิง+อู่เสีย+เสี่ยอ้วน]+OC
Tue 01 Aug 2017, 12:30 by natsume
» [OS] #dmbjdaily (จูปาจุ๊บ) Bittersweet [ผิงเสีย AU]
Thu 06 Apr 2017, 15:58 by Zeth
» [OS] #dmbjdaily "โทรศัพท์มือถือ" - no Pairing [All]
Tue 04 Apr 2017, 22:27 by Zeth
» [OS] #DMBJDaily (แว่น): ระยะที่มองไม่เห็น [ฮัวเสีย]
Sat 01 Apr 2017, 16:55 by Zeth
» [OS] #DMBJdaily (5.20) ท่านยอดฝีมือ [หวังเหมิง (+เหมิงเสีย)(+ผิงเสีย)]
Thu 30 Mar 2017, 17:24 by Zeth