Countdown
We've been
togerther for

ค้นหา
 
 

Display results as :
 


Rechercher Advanced Search


[Fic] Past to Future ในความทรงจำ (ว่านวัง) part3

Go down

[Fic] Past to Future ในความทรงจำ (ว่านวัง) part3 Empty [Fic] Past to Future ในความทรงจำ (ว่านวัง) part3

ตั้งหัวข้อ by schneewittchen Tue 28 Apr 2015, 09:18



ตั้งแต่ตอนนั้น เฟิงเหลียนของผมก็หายตัวไปได้ปีหนึ่งแล้ว

อาสามอาละวาดอย่างหนักถึงขนาดที่พี่พานยังเอาไม่อยู่ แทบจะต้อนลูกน้องขึ้นไปถล่มฉางไป๋ซานหาตัวอาเหลียนด้วยซ้ำถ้าทำได้ เดือดร้อนอารองต้องถ่อมาจากร้านเพื่อมาต่อยหน้าให้หายบ้า แล้วหลังจากนั้นทั้งสองก็ลากเข้าไปคุยอะไรบางอย่างในห้องก่อนอาสามจะกลับออกมาในสภาพเลื่อนลอยเหมือนคนไร้สติ ไม่ต่างกับตอนก่อนหน้าที่อาเหลียนจะโผล่อยู่หน้าประตูบ้านสกุลอู๋เมื่อสิบกว่าปีก่อนเลยแม้แต่น้อย

หลังจากนั้น อาสามพาผมลงกรวยเป็นครั้งแรก พวกเราไปเจอสุสานโลงเจ็ดดาราของหลู่ซังหวังเข้า แทนที่จะได้พบลัญจกรผีกลับพบเพียงมัจฉาคิ้วงูเท่านั้น แล้วไอ้นี่เองที่เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทุกอย่าง

นายช่างที่ชื่อ วังฉางไห่

มัจฉาคิ้วงู กระดิ่งสำริด ต้นไม้เทพเจ้า นำทางพวกเรามายังสุสานเรือจม ที่นี่ผมได้พบกับปริศนาชิ้นใหม่ที่ถูกวางลงไป นั่นก็คือ ตำหนักทิพย์พิมานเมฆ สุสานของนายช่างเจ้าปัญหาคนนั้น

และพวกผม...กำลังหนีตายจากบรรดาผู้เฝ้าสุสานของคิงว่านหนูอยู่

ฝาโลงของกษัตริย์ว่านหนูกำลังค่อยๆถูกบางสิ่งข้างในนั้นดันให้เปิดออก ก่อนที่จะถูกดันให้ร่วงลงไปข้างๆ แล้วร่างสูงใหญ่ของบุรุษผู้หนึ่งก็ค่อยๆลุกขึ้นมานั่ง บนตัวของเขาสวมชุดเกราะหรูหราของชาวหนี่ว์เจิน แต่สิ่งที่ทำให้ผมช็อคก็คือ ด้านหลังของเขามีแขนสิบสองข้าง บิดไปมายั้วเยี้ยอย่างกับแขนตะขาบ

คิงว่านหนู!?

พวกผมตั้งปืนเล็งไปทั่วศพสิบสองแขน แต่มันกลับไม่สนใจเลยซักนิด ไม่สนใจแม้กระทั่งความวุ่นวายจากนกหน้าคนที่บินว่อนอยู่รอบๆและคนของอาหนิงที่สาดกระสุนยิงใส่อย่างเอาเป็นเอาตาย เขากระโดดลงจากโลง มุ่งหน้าตรงไปยังประตูสำริดที่กำลังเปิดอ้าออกทีละน้อย

ตายห่าละ เห็นวังฉางไห่บอกว่าถ้าบานประตูถูกเปิดผิดเวลาจะเกิดไฟบาปแห่งนรกพุ่งผ่านทวารใต้พิภพ แผดเผาทุกสิ่งให้เป็นเถ้าถ่าน คิดดังนั้นผมจึงชักปืนออกมาสาดกระสุนใส่เจ้าผีดิบมือเกินทันที แต่ยิงเท่าไหร่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะหันมาสนใจ (ตอนนั้นผมไม่คิดเลยว่าถ้ามันสนใจจะแย่กว่าอีก) เลยตะโกนเรียกนายอ้วน “ระเบิด!”

นี่ล่ะท่าไม้ตายของโจรตักทราย ระเบิดแม่มเลย!!!!!!

นายอ้วนก็ยังเป็นหน่วยกล้าตายที่ดีของทีมเราเสมอ เขาหยิบไดนาไมท์ที่คาดไว้ตรงเอวมา กระโดดขึ้นเกาะหลังนายกวนอิมพันมือ ยัดระเบิดแท่งเล็กๆนั่นใส่ปากบ๊ะจ่างแขนเกินทันที

“อย่านะ!!!!!!”

ไม่รู้ว่าใครตะโกนขึ้นมา แต่นิ้วผมดันลั่นกระสุนไปแล้ว และกระสุนนัดนี้ก็ดันแม่นกว่าเวลาที่ต้องการจริงๆเสียด้วย ไอ้ระเบิดแท่งน่ารักๆอันนั้นตู้มทันที หัวและสิ่งที่อยู่เหนือบ่าระเบิดกระจุยหายไปในความมืด แรงระเบิดทำให้พวกเราล้มลงกระแทกพื้น สะเก็ดไฟและไอร้อนแผ่ซ่าน การระเบิดเมื่อครู่ทำให้พวกนกยักษ์เริ่มบ้าคลั่ง

“หนีเร็ว! กระสุนพลุใกล้จะดับแล้ว” นายอ้วนร้องบอก มือฉุดแขนผมวิ่งออกไปจากตรงนั้นทันที

หนีจากบ๊ะจ่างแขนเกินก็มาเจอนกรุมกินโต๊ะ แถมยังไม่ใช่การรุมธรรมดา เป็นการรุมที่มีลิงไร้ริมฝีปากฝูงย่อมๆมาร่วมเป็นผู้มีเกียรติในงานให้ด้วยอีกต่างหาก ขณะที่พวกผมกำลังถูกแทะอยู่นั้นเอง จู่ๆนกก็มีพฤติกรรมแปลกไป ลิงเหล่านั้นปีนกลับเข้าปากนก แล้วนกก็บินเตลิดหายไปในความมืด คล้ายกับได้รับคำสั่งหรือรู้สึกถึงศัตรูที่เลวร้ายยิ่งกว่า

เป็นการรอดตายที่ไม่ชวนให้ดีใจเท่าไหร่

ทันใดนั้นเองนายอ้วนก็สะกิดผมและชี้ไปทางประตูสัมฤทธิ์ เห็นว่าหนังมนุษย์ที่ปิดผนึกประตูได้หลุดหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้

เวร...

จะหนีก็ไม่รู้จะหนีไปไหน ไม่รู้อะไรเลยซักอย่าง ถ้าเกิดหนีแล้วจะโดนไอ้ที่อยู่ข้างในซึ่งไม่รู้ว่าเป็นอะไรล่าเอาหรือเปล่า หรือถ้าอยู่ตรงนี้แล้วจะโดนไอ้ตัวข้างในงาบหรือเปล่า ตอนนี้หัวสมองผมหมุนติ้วไปหมดแล้ว

คิดไปคิดมา วังฉางไห่เองก็เคยเข้าไปข้างในแถมยังกลับออกมาได้ แสดงว่าไม่น่าจะมีปัญหา พอดีกับที่นายอ้วนชวนเข้าไปดู เราคิดตรงกันจริงๆ

บานประตูเปิดออกจนกระทั่งเป็นช่องว่างมากพอให้คนหลายคนเข้าไปได้ ผมเกิดความสงสัยขึ้นอีกว่าบานประตูหนักขนาดนี้ใครจะเป็นคนเปิดมัน สำริดแท่งหนาสูงเท่าตึกสิบชั้น ต่อให้มีคนพันคนก็ยากจะเลื่อนให้เปิดได้ นายอ้วนสาดไฟฉายส่องเข้าไปข้างใน ทว่าก็เห็นเพียงความมืดมิดที่ไร้ที่สิ้นสุด

ทันใดนั้นเอง รอบตัวพวกเราก็ถูกล้อมรอบไปด้วยหมอกสีฟ้า มองดูแล้วคล้ายกับทะเลเมฆ จู่ๆนายอ้วนก็เอามือปิดปากผมและลากเข้าไปข้างๆ

ผมกำลังจะแงะมือเขาออกและหันไปด่า ทว่าก่อนจะได้ทำอย่างนั้นสิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าก็ลบความคิดนั้นทิ้งไปทั้งหมด
สายตาของผมจับจ้องเพียงใครบางคนที่แปลกประหลาดที่สุดในกองทัพผีดิบ

นายเรือพ่วงน่าเบื่อเมินโหยวผิง

ทำไมหมอนั่นถึงใส่ชุดเกราะแบบพวกทหาร อีกทั้งยังมุ่งหน้าเข้าไปยังด้านหลังบานประตูสำริด ก่อนจะผ่านเข้าไป เขาหันมาและระบายรอยยิ้มจางพร้อมขยับปากเป็นคำพูดที่ผมจะไม่มีวันลืม

‘โชคดี’

โชคดี...โชคดีพ่อง!

คอยดูนะ...ถ้ากลับออกมาได้เมื่อไหร่พ่อจะชกหน้าหล่อๆให้เละเลย!!!







ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นอยู่ในสายตาของใครบางคนทั้งหมด

อู๋เฟิงเหลียนค่อยๆขยับออกจากที่ซ่อนซึ่งเป็นซอกหินเล็กๆแอบอยู่ในเงามืดด้านหลังก้อนหินใหญ่ ในช่วงเวลาหนึ่งปีที่ผ่านมา การอยู่ในความมืดเกือบตลอดเวลาทำให้สายตาของเธอดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ เพียงแค่แสงไฟริบหรี่จากประกายไฟปลายกระบอกปืนก็พอคาดเดาได้แล้วใครเคลื่อนไหวอย่างไร

ร่างบางสาวเท้าเข้าไปหาร่างที่นอนคว่ำอยู่กับพื้นเบื้องหน้าประตูสำริดอย่างรวดเร็ว สองมือพลิกร่างที่หัวและไหล่บางส่วนหายไปกับแรงระเบิด นึกอยากตบหัวคนเรียงตัวขึ้นตงิดๆ เธอสอดมือเข้าไปหยิบบางอย่างออกมาจากใต้แขนเสื้อ ประกายแสงสีทองที่สะท้อนกับแสงไฟริบหรี่ของแท่งไฟเย็นส่องให้เห็นวัตถุทรงเรียวยาวคล้ายกิ่งไม้ ทว่าทั้งกิ่งนั้นกลับเคลือบเอาไว้ด้วยสีทองหม่น

กิ่งสำริดนั่นเอง

“ให้ตาย...แค่ออกไปข้างนอกอาทิตย์เดียว กลับมาท่านก็กลายเป็นบ๊ะจ่างบะช่อแล้วหรือ” เสียงหวานพึมพำพลางถอนหายใจให้กับตัวเอง มือบางอีกข้างที่ว่างหยิบมีดเล่มหนึ่งออกมาและค่อยๆกดปลายคมลงบนฝ่ามือ และปล่อยให้เลือดที่ไหลออกมานั้นอาบชโลมกิ่งสำริด...ก่อนหยดลงบนหน้าอกของใครคนนั้น

อย่าเพิ่งไปสิ...ท่านยังไม่ได้จ่ายหนี้ข้าอีกบานเลยนะ

อย่าทิ้งข้า...ฝ่าบาท




ข้าอยากสร้างสุสานให้เจ้า

แว่วเสียงทุ้มนุ่มราบเรียบกล่าวขึ้น เสียงช่างแผ่วเบาราวกับลอยมาจากที่อันไกลแสนไกล

พระองค์แช่งข้าหรือ ข้ายังไม่ตายเร็วๆนี้ดอก อีกเสียงหนึ่งโต้กลับ ในถ้อยคำแฝงเอาไว้ด้วยความหงุดหงิดเล็กๆ

ก็เจ้าสร้างสุสานให้ข้าแล้ว ข้าอยากสร้างที่ที่จะให้เจ้ากลับมาอีกครั้ง...จนกว่าข้าอีกคนจะออกมาจากประตูนั่น

เฮ้อ...จนกว่าจะถึงตอนนั้นข้าก็ตายไปแล้วฝ่าบาท มนุษย์ธรรมดาอย่างข้า...อย่างมากสุดก็ไม่เคยเกินร้อยปี ข้าอยู่ไม่ถึงตอนนั้นหรอก

ถ้าอย่างนั้น...






แสงสว่างเจิดจ้าแสบตาระเบิดขึ้นตรงหน้า คำพูดที่แสนเลือนรางในความฝันพลันเลือนหาย อู๋เฟิงเหลียนรู้สึกถึงมือหนาที่แสนอบอุ่นของใครบางคนกำลังกุมมือเธอเอาไว้ เปลือกตาที่แสนหนักอึ้งขยับและเปิดขึ้น ภาพเบื้องหน้าจึงชัดเจนอีกครั้ง

“ลุงรอง...” เสียงเปล่งออกมาจากลำคอช่างแหบพร่าและอ่อนระโหยเสียจนใครบางคนรู้สึกร้าวในใจ

คนคนนั้น...ชายวัยกลางคนอายุเข้าเลขห้าที่สวมแว่นตาและเสื้อผ้าสีขาวทั้งชุดคือลุงรองเอ้อร์ไป๋ เถ้าแก่รองของสกุลอู๋นั่นเอง

เขารั้งเธอเข้าไปกอด “ไม่เป็นไร ปลอดภัยแล้ว...เสี่ยวเหลียน”

เพียงแค่คำพูดสั้นๆแต่เต็มไปด้วยความรักและห่วงใย เฟิงเหลียนซบหน้าลงกับบ่าของลุงและร้องไห้ออกมา ระบายทุกอารมณ์ที่อดกลั้นเอาไว้ตั้งแต่เมื่อหนึ่งปีก่อนออกมาอย่างไม่คิดจะเก็บเอาไว้อีกต่อไป

กลับมาแล้ว...เสี่ยวเหลียนกลับมาแล้ว


schneewittchen
schneewittchen
ด้วงสุสานใต้สมุทรทะเลซีซา
ด้วงสุสานใต้สมุทรทะเลซีซา

จำนวนข้อความ : 110
Points : 3452
Join date : 18/04/2015
Age : 27
ที่อยู่ : รังตะขาบของคิงว่านหนู

http://my.dek-d.com/sayurahime/

ขึ้นไปข้างบน Go down

ขึ้นไปข้างบน


 
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ