Countdown
We've been
togerther for
ค้นหา
Latest topics
Most active topics
[OS] #dmbjdaily (โรงพยาบาล) "สถานที่ที่น่ากลัวที่สุด" [พานสาม]
2 posters
หน้า 1 จาก 1
[OS] #dmbjdaily (โรงพยาบาล) "สถานที่ที่น่ากลัวที่สุด" [พานสาม]
Title: สถานที่ที่น่ากลัวที่สุด
Paring: พานจื่อXอู๋ซันเสิ่ง
Genre: มุ้งมิ้ง(?)
Rate: G
“แผลลึกขนาดนี้… อย่างน้อยไปโรงพยาบาลให้หมอช่วยเย็บแผลซักหน่อยเถอะพี่สาม”
“ไม่จำเป็น”
อู๋ซันเสิ่งปฎิเสธเสียงเรียบ ใบหน้าที่เปื้อนฝุ่นสกปรกไม่แสดงสีหน้าใดใดขณะหยิบผ้าเช็ดหน้าจากกระเป๋าเสื้อมาเช็ดรอยเลือดบนแขนซ้าย ทว่าพยายามเช็ดเท่าไหร่ก็ยังไม่หมด ของเหลวสีแดงยังคงพรั่งพรูออกมาจากปากแผลที่ไม่สมาน คนมองได้แต่นึกเจ็บแทนอยู่ในใจเพราะรอยแผลเหวอะหวะไม่ได้เกิดจากของมีคมธรรมดา แต่ปากแผลที่ไม่เรียบนั้นเกิดจากการตัดของใบเลือยที่ขรุขระ
แม้เจ้าตัวจะบอกว่าไม่เป็นไรแต่ถ้าปล่อยเอาไว้แบบนี้บาดแผลจะมีโอกาสติดเชื้อได้ง่ายมากและอาจจะลุกลามจนกลายเป็นเรื่องใหญ่ พานจื่อมองพี่สามอย่างไม่เข้าใจ อีกฝ่ายไม่ใช่ว่าจะไม่รู้จักวิธีดูแลรักษาบาดแผล แต่ทำไมถึงปฎิเสธที่จะต้องไปโรงพยาบาล พวกเขาปฐมพยาบาลหรือเย็บแผลเล็กๆกันเป็น แต่แผลรุนแรงเช่นนี้ก็ไม่อยากจะเสี่ยงรักษาเอง
“แต่เลือดยังไม่หยุดไหลเลยนะพี่...”
“ช่างมันสิ”
“ช่างมันได้ยังไง?! พี่สามบาดเจ็บขนาดนี้นะ!”
“อาการบาดเจ็บของฉันไม่ได้สำคัญเท่าการที่ไอ้ขี้ขลาดลิ่วมันยังไม่ได้รับโทษที่สาสม!”
อู๋ซันเสิ่งกำหมัดแน่นแล้วทุบโต๊ะดังเปรี้ยง อารมณ์โทสะที่กรุ่นๆอยู่ระเบิดขึ้นมาอีกครั้งเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันนี้ เป็นมัน หนึ่งในอดีตหน้าด่านของเขาที่คอยส่งข่าวเป็นสายให้กับคู่แข่งทางการค้ารายใหญ่ของอู๋ซันเสิ่ง เขากำลังให้ลูกน้องตามล่ามันอยู่แต่ไม่ทันคิดว่ามันจะโง่ขนาดเสี่ยงเข้ามาลอบทำร้ายเขาเองขณะเดินทางกลับจากการลงกรวย
ด้วยมอบหมายให้พานจื่อและลูกน้องที่สนิทไปจัดการธุระอย่างอื่นให้อยู่ คนรอบกายเขามีแต่พวกระดับล่างที่ไม่ได้เรื่อง และถ้าไม่ใช่เพราะความเหนื่อยล้าจากการคว่ำกรวยเขาก็คงไม่เสียท่าให้มันแบบนี้หรอก แถมมันยังหนีไปได้อีก
กลับมาพูดถึงคนที่จ้องเขาแบบกดดันอยู่ตรงหน้า เมื่อพานจื่อได้รับการติดต่อจากลูกน้องที่อยู่ในเหตุการณ์ก็หุนหันพลันแล่นกลับมาที่บ้านพักของพี่สามทันที กลับมาถึงก็มาเจอเจ้าตัวปล่อยให้เลือดไหลนองพื้นไม่ยอมไปรักษาที่โรงพยาบาล คาดคั้นเท่าไหร่ก็โดนปฏิเสธกลับแบบตัดรำคาญ
“แต่ถ้าพี่ปล่อยเอาไว้อย่างนี้ต้องเสียเลือดจนช็อกแน่ๆ อย่างน้อยก็ห้ามเลือดก่อน”
อู๋ซันเสิ่งจะโวยวายปฏิเสธอีกรอบแต่คราวนี้เจ้าหมาบ้ามันไม่ยอมฟังแถมยังถือวิสาสะคว้าแขนเขาเอาผ้าก็อชจากกล่องปฐมพยาบาลประจำบ้านมาพันแน่นๆอีก
คนเจ็บได้แต่ขมวดคิ้วมองลูกน้องห้ามเลือดให้ ที่วางท่าเหมือนไม่เป็นอะไร จริงๆแล้วเขาเจ็บจะตายไม่อาจแสดงความอ่อนแอหรือความเจ็บปวดออกมาเพราะศักดิ์ศรีของเขาที่ค้ำคอไว้
ไม่ใช่ไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงกับบาดแผลร้ายแรงเช่นนี้ อู๋ซันเสิ่งควรจะต้องไปโรงพยาบาลเพื่อให้หมอทำความสะอาดแล้วเย็บแผลให้เรียบร้อยก่อนจะติดเชื้อ แต่จะให้เขาพูดความจริงออกไปหรือยังไงว่าที่ดื้อรั้นไม่มีเหตุผลไม่ยอมไปหาหมออยู่แบบนี้ สาเหตุก็คือ
...เขาเกลียดโรงพยาบาล…
เขารู้ว่ามันเป็นอะไรที่งี่เง่าปัญญาอ่อนที่สุดสำหรับชายวัยฉกรรจ์ตัวโตแบบเขา แต่มันก็มีที่มาจากเรื่องฝังใจในวัยเด็ก ครั้งหนึ่ง เขาเคยไปเยี่ยมญาติที่โรงพยาบาลแล้ววิ่งซนสำรวจไปทั่ว กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็หลงทางซะแล้ว เดินๆไปพยายามหาทางกลับแต่สุดท้ายก็หลงไปโผล่อยู่ที่ห้องดับจิต…
ในวัยเด็กมันเป็นประสบการณ์ที่สยองขวัญมาก
ห้องทึบสีทึมเงียบสนิท มีเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศดังเบาๆ อุณภูมิที่เย็นเยียบ กลิ่นน้ำยารักษาสภาพที่ทำให้คลื่นเหียนและเรือนร่างนับสิบคลุมทับด้วยผ้าสีขาวเรียงรายสองข้างทาง ความหวาดกลัวในตอนนั้นฝังรากลึกลงในความทรงจำของเด็กชายอู๋ซันเสิ่ง…
แม้ปัจจุบันด้วยอาชีพนักคว่ำกรวยอย่างเขา การเจอบ๊ะจ่างหรือซากศพสารพัดรูปแบบจะกลายเป็นเรื่องปกติในชีวิตประจำวันไปแล้วและความหวาดกลัวต่อคนตายก็ไม่มี ทว่าไม่รู้ทำไมทุกครั้งเมื่อจะต้องไปโรงพยาบาล ความรู้สึกขนลุกชิงชังก็ยังคงเสียดแทงเขาอยู่เสมอ มันกลายเป็นจุดด่างพร้อยในชีวิตของลูกผู้ชายอกสามศอกนามอู๋ซันเสิ่งในที่สุด
ด้วยเหตุนี้เขาถึงพยายามทะนุถนอมร่างกายตัวเองไม่ให้บาดเจ็บหรือป่วยหนัก อีกทั้งยังเคยไปเข้าอบรมการแพทย์เบื้องต้นเพื่อที่จะเรียนรู้วิธีการรักษาตัวเอง พยายามหนีให้ห่างจากสถานที่ที่เรียกว่าโรงพยาบาลให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้
“พี่สาม? เป็นอะไรหรือเปล่า เจ็บหรือ?”
เสียงที่เจือความเป็นห่วงเรียกเขาจากภวังค์
“ฉัน.. ไม่เป็นไร” กลายเป็นว่าเสียงที่ตอบกลับนั้นสั่นน้อยๆเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ตอนเด็ก เขาตกใจเสียงตัวเองจนเผลอเบนสายตาหลบอีกฝ่ายที่จ้องมาราวกับจะอ่านความคิด
“ถึงเลือดหยุดแล้วเราก็ต้องรีบไปโรงพยาบาลอยู่ดี”
“ก็บอกว่าไม่เป็นไรไง!”
ฉิบหาย เผลอตวาดออกไปแบบนั้นมันออกอาการต่อต้านมากเกินไป หันไปเจอสายตาของพานจื่อที่จ้องมาอย่างสงสัยก็ยิ่งพยายามจะกลบเกลื่อน กลายเป็นว่าเขาเผยพิรุธมากขึ้นไปอีก
ในขณะเดียวกันพานจื่อสังเกตุตั้งแต่แรกแล้วว่าเมื่อตนพูดถึงโรงพยาบาลในคราวแรก พี่สามของเขาดูเหมือนอึ้งไปนิดๆ ยิ่งอีกฝ่ายแสดงทำท่าทีรำคาญมากเข้าเขาก็เริ่มจับทางได้ว่าอีกฝ่ายต้องมีปัญหาอะไรแน่ๆ
“...หรือว่าพี่จะกลัวโรงพยาบาล?”
“...”
“...” เป็นฝ่ายถามที่อึ้งไป เขานึกว่าจะโดนด่ากลับข้อหาถามอะไรงี่เง่า คาดไม่ถึงว่าท่าทีของพี่สามจะกลายเป็นตรงข้าม ไม่ได้ปฏิเสธแถมยังหลบตาอีก
คนตรงหน้ากลัวโรงพยาบาลจริงๆหรือนี่ พานจื่อคิดในใจแบบไม่อยากจะเชื่อ
“ปล่อยแขนฉันได้แล้ว”
อู๋ซันเสิ่งกระชากแขนตัวเองกลับจากการเกาะกุมของอีกฝ่าย รีบหมุนตัวจะเดินหนีหลังการเสียหน้าครั้งใหญ่สุดในชีวิต
“ฮุ….”
“...” ถ้าได้ยินไม่ผิดไอ้ลูกน้องตัวดีกำลังกลั้นหัวเราะ มันอยากตายจริงๆใช่ไหม!
“แกคงไม่อยากจะเห็นวันพรุ่งนี้แล้วสินะ...” หันกลับมาจ้องเขม็ง เขาพยายามปั้นหน้านิ่งวางฟอร์มเอาใบหน้าจริงจังเข้าขู่ แต่ความลับที่เปิดเผยครั้งนี้คือความผิดพลาดครั้งยิ่งใหญ่ สถานะที่น่าเกรงขามของเขาสั่นคลอนลงแล้วใช่ไหม?
“พี่... หึหึ กลัวโรงพยาบาล…. หึหึ ฮ่า ฮ่าๆๆๆๆๆๆ”
พานจื่ิอทนความขบขันไม่ไหวระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
....จบสิ้นกันแล้วอู๋ซันเสิ่ง….
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
Talk:
สวัสดีคะ ชามข้าวเอง (U v U) //โค้ง
ห่างหายจากเดลี่ไปนาน มากกกกกกกกกกกกกกกก เนอะ55
หลังๆคนส่งเดลี่น้อยจัง แถมมีแต่เรือหลักด้วย ไม่มีให้เสพหนูก็ต้องผลิตเอง ฮาาาา
ด้วยคิดถึงเฮียพานกับอาสามมากๆเลยคลอดฟิคนี้ออกมาในช่วงที่ยุ่งสุดขีดของชีวิตสวัสดีมายไฟนอล…
ว่าแต่เนื่อเรื่องมันเกี่ยวกับหัวข้อโรงพยาบาลปะหว่า…
มาย้อนอ่านพานสามแต่ละเรื่องของตัวเองนี่มีแต่แกล้งอาสามทั้งนั้น เป็นคาร์ที่เหมาะกับการรังแกมาก คิดเหมือนกันหรือเปล่า?
ถ้าว่างก็อยากดอดมาลงฟิคจังน้า
เริ่มพูดไม่รู้เรื่องขึ้นทุกที พื้นที่ทอล์คก็เยอะไปแล้ว แต่ละบรรทัดไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกันเลย _( / L)_
เอาเป็นว่าขอบคุณที่อ่านแล้วกันนะคะ55
อีก 173 วันเจอกัน
Paring: พานจื่อXอู๋ซันเสิ่ง
Genre: มุ้งมิ้ง(?)
Rate: G
“แผลลึกขนาดนี้… อย่างน้อยไปโรงพยาบาลให้หมอช่วยเย็บแผลซักหน่อยเถอะพี่สาม”
“ไม่จำเป็น”
อู๋ซันเสิ่งปฎิเสธเสียงเรียบ ใบหน้าที่เปื้อนฝุ่นสกปรกไม่แสดงสีหน้าใดใดขณะหยิบผ้าเช็ดหน้าจากกระเป๋าเสื้อมาเช็ดรอยเลือดบนแขนซ้าย ทว่าพยายามเช็ดเท่าไหร่ก็ยังไม่หมด ของเหลวสีแดงยังคงพรั่งพรูออกมาจากปากแผลที่ไม่สมาน คนมองได้แต่นึกเจ็บแทนอยู่ในใจเพราะรอยแผลเหวอะหวะไม่ได้เกิดจากของมีคมธรรมดา แต่ปากแผลที่ไม่เรียบนั้นเกิดจากการตัดของใบเลือยที่ขรุขระ
แม้เจ้าตัวจะบอกว่าไม่เป็นไรแต่ถ้าปล่อยเอาไว้แบบนี้บาดแผลจะมีโอกาสติดเชื้อได้ง่ายมากและอาจจะลุกลามจนกลายเป็นเรื่องใหญ่ พานจื่อมองพี่สามอย่างไม่เข้าใจ อีกฝ่ายไม่ใช่ว่าจะไม่รู้จักวิธีดูแลรักษาบาดแผล แต่ทำไมถึงปฎิเสธที่จะต้องไปโรงพยาบาล พวกเขาปฐมพยาบาลหรือเย็บแผลเล็กๆกันเป็น แต่แผลรุนแรงเช่นนี้ก็ไม่อยากจะเสี่ยงรักษาเอง
“แต่เลือดยังไม่หยุดไหลเลยนะพี่...”
“ช่างมันสิ”
“ช่างมันได้ยังไง?! พี่สามบาดเจ็บขนาดนี้นะ!”
“อาการบาดเจ็บของฉันไม่ได้สำคัญเท่าการที่ไอ้ขี้ขลาดลิ่วมันยังไม่ได้รับโทษที่สาสม!”
อู๋ซันเสิ่งกำหมัดแน่นแล้วทุบโต๊ะดังเปรี้ยง อารมณ์โทสะที่กรุ่นๆอยู่ระเบิดขึ้นมาอีกครั้งเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันนี้ เป็นมัน หนึ่งในอดีตหน้าด่านของเขาที่คอยส่งข่าวเป็นสายให้กับคู่แข่งทางการค้ารายใหญ่ของอู๋ซันเสิ่ง เขากำลังให้ลูกน้องตามล่ามันอยู่แต่ไม่ทันคิดว่ามันจะโง่ขนาดเสี่ยงเข้ามาลอบทำร้ายเขาเองขณะเดินทางกลับจากการลงกรวย
ด้วยมอบหมายให้พานจื่อและลูกน้องที่สนิทไปจัดการธุระอย่างอื่นให้อยู่ คนรอบกายเขามีแต่พวกระดับล่างที่ไม่ได้เรื่อง และถ้าไม่ใช่เพราะความเหนื่อยล้าจากการคว่ำกรวยเขาก็คงไม่เสียท่าให้มันแบบนี้หรอก แถมมันยังหนีไปได้อีก
กลับมาพูดถึงคนที่จ้องเขาแบบกดดันอยู่ตรงหน้า เมื่อพานจื่อได้รับการติดต่อจากลูกน้องที่อยู่ในเหตุการณ์ก็หุนหันพลันแล่นกลับมาที่บ้านพักของพี่สามทันที กลับมาถึงก็มาเจอเจ้าตัวปล่อยให้เลือดไหลนองพื้นไม่ยอมไปรักษาที่โรงพยาบาล คาดคั้นเท่าไหร่ก็โดนปฏิเสธกลับแบบตัดรำคาญ
“แต่ถ้าพี่ปล่อยเอาไว้อย่างนี้ต้องเสียเลือดจนช็อกแน่ๆ อย่างน้อยก็ห้ามเลือดก่อน”
อู๋ซันเสิ่งจะโวยวายปฏิเสธอีกรอบแต่คราวนี้เจ้าหมาบ้ามันไม่ยอมฟังแถมยังถือวิสาสะคว้าแขนเขาเอาผ้าก็อชจากกล่องปฐมพยาบาลประจำบ้านมาพันแน่นๆอีก
คนเจ็บได้แต่ขมวดคิ้วมองลูกน้องห้ามเลือดให้ ที่วางท่าเหมือนไม่เป็นอะไร จริงๆแล้วเขาเจ็บจะตายไม่อาจแสดงความอ่อนแอหรือความเจ็บปวดออกมาเพราะศักดิ์ศรีของเขาที่ค้ำคอไว้
ไม่ใช่ไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงกับบาดแผลร้ายแรงเช่นนี้ อู๋ซันเสิ่งควรจะต้องไปโรงพยาบาลเพื่อให้หมอทำความสะอาดแล้วเย็บแผลให้เรียบร้อยก่อนจะติดเชื้อ แต่จะให้เขาพูดความจริงออกไปหรือยังไงว่าที่ดื้อรั้นไม่มีเหตุผลไม่ยอมไปหาหมออยู่แบบนี้ สาเหตุก็คือ
...เขาเกลียดโรงพยาบาล…
เขารู้ว่ามันเป็นอะไรที่งี่เง่าปัญญาอ่อนที่สุดสำหรับชายวัยฉกรรจ์ตัวโตแบบเขา แต่มันก็มีที่มาจากเรื่องฝังใจในวัยเด็ก ครั้งหนึ่ง เขาเคยไปเยี่ยมญาติที่โรงพยาบาลแล้ววิ่งซนสำรวจไปทั่ว กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็หลงทางซะแล้ว เดินๆไปพยายามหาทางกลับแต่สุดท้ายก็หลงไปโผล่อยู่ที่ห้องดับจิต…
ในวัยเด็กมันเป็นประสบการณ์ที่สยองขวัญมาก
ห้องทึบสีทึมเงียบสนิท มีเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศดังเบาๆ อุณภูมิที่เย็นเยียบ กลิ่นน้ำยารักษาสภาพที่ทำให้คลื่นเหียนและเรือนร่างนับสิบคลุมทับด้วยผ้าสีขาวเรียงรายสองข้างทาง ความหวาดกลัวในตอนนั้นฝังรากลึกลงในความทรงจำของเด็กชายอู๋ซันเสิ่ง…
แม้ปัจจุบันด้วยอาชีพนักคว่ำกรวยอย่างเขา การเจอบ๊ะจ่างหรือซากศพสารพัดรูปแบบจะกลายเป็นเรื่องปกติในชีวิตประจำวันไปแล้วและความหวาดกลัวต่อคนตายก็ไม่มี ทว่าไม่รู้ทำไมทุกครั้งเมื่อจะต้องไปโรงพยาบาล ความรู้สึกขนลุกชิงชังก็ยังคงเสียดแทงเขาอยู่เสมอ มันกลายเป็นจุดด่างพร้อยในชีวิตของลูกผู้ชายอกสามศอกนามอู๋ซันเสิ่งในที่สุด
ด้วยเหตุนี้เขาถึงพยายามทะนุถนอมร่างกายตัวเองไม่ให้บาดเจ็บหรือป่วยหนัก อีกทั้งยังเคยไปเข้าอบรมการแพทย์เบื้องต้นเพื่อที่จะเรียนรู้วิธีการรักษาตัวเอง พยายามหนีให้ห่างจากสถานที่ที่เรียกว่าโรงพยาบาลให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้
“พี่สาม? เป็นอะไรหรือเปล่า เจ็บหรือ?”
เสียงที่เจือความเป็นห่วงเรียกเขาจากภวังค์
“ฉัน.. ไม่เป็นไร” กลายเป็นว่าเสียงที่ตอบกลับนั้นสั่นน้อยๆเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ตอนเด็ก เขาตกใจเสียงตัวเองจนเผลอเบนสายตาหลบอีกฝ่ายที่จ้องมาราวกับจะอ่านความคิด
“ถึงเลือดหยุดแล้วเราก็ต้องรีบไปโรงพยาบาลอยู่ดี”
“ก็บอกว่าไม่เป็นไรไง!”
ฉิบหาย เผลอตวาดออกไปแบบนั้นมันออกอาการต่อต้านมากเกินไป หันไปเจอสายตาของพานจื่อที่จ้องมาอย่างสงสัยก็ยิ่งพยายามจะกลบเกลื่อน กลายเป็นว่าเขาเผยพิรุธมากขึ้นไปอีก
ในขณะเดียวกันพานจื่อสังเกตุตั้งแต่แรกแล้วว่าเมื่อตนพูดถึงโรงพยาบาลในคราวแรก พี่สามของเขาดูเหมือนอึ้งไปนิดๆ ยิ่งอีกฝ่ายแสดงทำท่าทีรำคาญมากเข้าเขาก็เริ่มจับทางได้ว่าอีกฝ่ายต้องมีปัญหาอะไรแน่ๆ
“...หรือว่าพี่จะกลัวโรงพยาบาล?”
“...”
“...” เป็นฝ่ายถามที่อึ้งไป เขานึกว่าจะโดนด่ากลับข้อหาถามอะไรงี่เง่า คาดไม่ถึงว่าท่าทีของพี่สามจะกลายเป็นตรงข้าม ไม่ได้ปฏิเสธแถมยังหลบตาอีก
คนตรงหน้ากลัวโรงพยาบาลจริงๆหรือนี่ พานจื่อคิดในใจแบบไม่อยากจะเชื่อ
“ปล่อยแขนฉันได้แล้ว”
อู๋ซันเสิ่งกระชากแขนตัวเองกลับจากการเกาะกุมของอีกฝ่าย รีบหมุนตัวจะเดินหนีหลังการเสียหน้าครั้งใหญ่สุดในชีวิต
“ฮุ….”
“...” ถ้าได้ยินไม่ผิดไอ้ลูกน้องตัวดีกำลังกลั้นหัวเราะ มันอยากตายจริงๆใช่ไหม!
“แกคงไม่อยากจะเห็นวันพรุ่งนี้แล้วสินะ...” หันกลับมาจ้องเขม็ง เขาพยายามปั้นหน้านิ่งวางฟอร์มเอาใบหน้าจริงจังเข้าขู่ แต่ความลับที่เปิดเผยครั้งนี้คือความผิดพลาดครั้งยิ่งใหญ่ สถานะที่น่าเกรงขามของเขาสั่นคลอนลงแล้วใช่ไหม?
“พี่... หึหึ กลัวโรงพยาบาล…. หึหึ ฮ่า ฮ่าๆๆๆๆๆๆ”
พานจื่ิอทนความขบขันไม่ไหวระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
....จบสิ้นกันแล้วอู๋ซันเสิ่ง….
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
Talk:
สวัสดีคะ ชามข้าวเอง (U v U) //โค้ง
ห่างหายจากเดลี่ไปนาน มากกกกกกกกกกกกกกกก เนอะ55
หลังๆคนส่งเดลี่น้อยจัง แถมมีแต่เรือหลักด้วย ไม่มีให้เสพหนูก็ต้องผลิตเอง ฮาาาา
ด้วยคิดถึงเฮียพานกับอาสามมากๆเลยคลอดฟิคนี้ออกมาในช่วงที่ยุ่งสุดขีดของชีวิต
ว่าแต่เนื่อเรื่องมันเกี่ยวกับหัวข้อโรงพยาบาลปะหว่า…
มาย้อนอ่านพานสามแต่ละเรื่องของตัวเองนี่มีแต่แกล้งอาสามทั้งนั้น เป็นคาร์ที่เหมาะกับการรังแกมาก คิดเหมือนกันหรือเปล่า?
ถ้าว่างก็อยากดอดมาลงฟิคจังน้า
เริ่มพูดไม่รู้เรื่องขึ้นทุกที พื้นที่ทอล์คก็เยอะไปแล้ว แต่ละบรรทัดไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกันเลย _( / L)_
เอาเป็นว่าขอบคุณที่อ่านแล้วกันนะคะ55
อีก 173 วันเจอกัน
แก้ไขล่าสุดโดย Charmkao เมื่อ Thu 26 Feb 2015, 07:40, ทั้งหมด 1 ครั้ง
Charmkao- ด้วงฝึกหัด
- จำนวนข้อความ : 21
Points : 3478
Join date : 03/12/2014
ที่อยู่ : บ้านสกุลอู๋
Re: [OS] #dmbjdaily (โรงพยาบาล) "สถานที่ที่น่ากลัวที่สุด" [พานสาม]
อร๊ายยยยยยยยย อาสามมมมมม
อากลัว รพ. เหรอคะ
งั้นเดี๋ยวหนูพาอาเข้าดีมั๊ยคะ // โดนปืนตบ
คนตระกูลนี้น่าแกล้งทั้งตรพกูลจริงๆ ><
อากลัว รพ. เหรอคะ
งั้นเดี๋ยวหนูพาอาเข้าดีมั๊ยคะ // โดนปืนตบ
คนตระกูลนี้น่าแกล้งทั้งตรพกูลจริงๆ ><
DarkAki- ด้วงตำหนักหลู่หวังเจ็ดดารา
- จำนวนข้อความ : 93
Points : 3477
Join date : 27/01/2015
Similar topics
» [OS] #dmbjdaily (โรงพยาบาล) please stay with me [ฮัวเสีย]
» [Drabble] #DMBJdaily (Twintail) : For you [พานสาม]
» [OS] #dmbjdaily (หมา) “ฮาจิ” (พานสาม)
» [OS] #dmbjdaily (อร่อย) ยังไงก็อร่อย [พานสาม]
» [SF] “ชื่อของคนที่ตายไปแล้ว” #dmbjdaily 还有108天 [พานสาม,เอ้อร์เหลียน]
» [Drabble] #DMBJdaily (Twintail) : For you [พานสาม]
» [OS] #dmbjdaily (หมา) “ฮาจิ” (พานสาม)
» [OS] #dmbjdaily (อร่อย) ยังไงก็อร่อย [พานสาม]
» [SF] “ชื่อของคนที่ตายไปแล้ว” #dmbjdaily 还有108天 [พานสาม,เอ้อร์เหลียน]
หน้า 1 จาก 1
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
|
|
Fri 24 Jul 2020, 01:39 by gustoon
» [คู่มือด้วง] Keyword จีนสำหรับการขุด(แฟนดอม)สุสาน
Thu 21 Jun 2018, 00:29 by miskizfullmoon
» มังฮวาและภาคทิเบต
Thu 21 Jun 2018, 00:23 by miskizfullmoon
» [OS] Father is the best (ผิงเสีย)
Thu 03 Aug 2017, 16:12 by schneewittchen
» [Fic] สิ่งเล็กๆที่เชื่อมโลก5 [เมินโหยวผิง+อู่เสีย+เสี่ยอ้วน]+OC
Tue 01 Aug 2017, 12:30 by natsume
» [OS] #dmbjdaily (จูปาจุ๊บ) Bittersweet [ผิงเสีย AU]
Thu 06 Apr 2017, 15:58 by Zeth
» [OS] #dmbjdaily "โทรศัพท์มือถือ" - no Pairing [All]
Tue 04 Apr 2017, 22:27 by Zeth
» [OS] #DMBJDaily (แว่น): ระยะที่มองไม่เห็น [ฮัวเสีย]
Sat 01 Apr 2017, 16:55 by Zeth
» [OS] #DMBJdaily (5.20) ท่านยอดฝีมือ [หวังเหมิง (+เหมิงเสีย)(+ผิงเสีย)]
Thu 30 Mar 2017, 17:24 by Zeth