Countdown
We've been
togerther for
ค้นหา
Latest topics
Most active topics
[Fic]หลอนรักอาจารย์ฟิสิกส์(ว่านวัง)(ฮัวเฮย)
3 posters
หน้า 1 จาก 1
[Fic]หลอนรักอาจารย์ฟิสิกส์(ว่านวัง)(ฮัวเฮย)
ซีรีย์ โรงเรียนซันซุ่งติ่ง: หลอนรักอาจารย์ฟิสิกส์ (ว่านวัง)
เรื่องในซีรีย์ทั้งหมด
ซีรีย์ โรงเรียนซันซุ่งติ่ง: ร้อนรักอาจารย์ห้องพยาบาล (ฮัวเฮย)
ซีรีย์ โรงเรียนซันซุ่งติ่ง: หลอนรักอาจารย์ฟิสิกส์ (ว่านวัง)
ซีรีย์ โรงเรียนซันซุ่งติ่ง: ร้ายรักอาจารย์เคมี (อารองอาสาม)
ซีรีย์ โรงเรียนซันซุ่งติ่ง: วุ่นรักอาจารย์คณิตศาสตร์ (ผิงเสีย)
โรงเรียนซันซุ่งติ่งคือโรงเรียนชายล้วนแบบกินอยู่ โรงเรียนที่ใช้ชื่อสุนัขของท่านผู้ก่อตั้งเป็นชื่อโรงเรียนคงไม่มีใครอยากมาเรียนนัก ทว่า โรงเรียนกินนอนแห่งนี้ผู้อำนวยการมีเส้นสายกับความสัมพัฯะในตลาดมืดและวงการนักการเมืองอย่างตระกูลเซี่ยและตระกูลจาง อีกทั้งยังเคยเป็น 1 ใน 9 ตระกูลที่เคยรุ่งเรือง คนที่จบจากโรงเรียนนี้ล้วนแต่ได้ดีทั้งนั้นจึงมีนักเรียนหลายคนพยายามจะเข้ามาเรียนที่นี่
ทั้งที่โรงเรียนมีชื่อเสียงคัดเฟ้นออกจะดีแต่ทำไมไอ้พวกเด็กเวรพวกนี้ถึงไม่มีสมองเข้าใจถึงความงดงามของวิทยาศาสตร์เอาเสียเลย
ผมวังฉางไห่ อาจารย์สอนฟิสิกส์ของโรงเรียนแห่งนี้ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมนักเรียนไม่ยอมเข้าใจผม
ใช่ พวกเขาเอาแต่ทำหน้ามึนงง แถมเอือมระอาในยามที่ผมกำลังพล่ามถึงการทดลองอันแสนวิเศษ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างเครื่องบินที่แสนน่ามหัศจรรย์ พวกนายดูกลไกนั้นสิมันช่างงดงามเสียนี่กะไร หรือจะเป็นการค้นพบปรมนานูที่แสนยิ่งใหญ่ การประดิษฐ์สิ่งต่างๆในยามที่ผมพล่ามพวกเด็กนักเรียนพากันถอยไม่มีคนยอมฟังผมสักคน
นี่มันอะไรกัน ฮึ่ม พวกนายไม่นรู้หรือไงว่าโลกใบนี้นะสิ่งมที่งดงามคือสิ่งประดิษฐ์ และกลไกอันซับซ้อน
ไม่มีใครเข้าใจผมแม้แต่แฟนผม พอผมชมเธอไปว่า เธอช่างงดงามเหมือนตัวไขลานในฟันเฟืองของหัวใจ เป็นดั่งแบตเตอรี่ที่คอยชาสต์ประจุให้ตัวของผมเคลื่อนที่ไปด้วยแรงเหวี่ยงด้วยรัก
เพียงแค่ชมแค่นี้แต่เธอกลับเบือนหน้าหนี นี่มันอะไรกัน ทำไมไม่เข้าใจนั่นคือคำหวานฉ่ำที่สุดของผมแล้วนะ
สุดท้ายเราก็เลิกกัน
ผมไม่สนผู้หญิงที่ไม่เข้าใจอารมณ์สุนทรีย์ของผมหรอก
เสียงกริ่งดังบ่งบอกเวลาเลิกเรียนของนักเรียน ผมมองพวกเด็กที่พากันเก็บของด้วยสีหน้าเริงร่าพากันชวนไปคาราโอเกะ ไอ้เกะนั่นมันดีกว่าสมดุลมวลโมเม้นตั้มได้ยังไงกัน ผมรู้สึกหงุดหงิดใจเหลือเกินแต่ก็ได้แต่โบกมือลานักเรียนพวกเขายังเด็กไม่เข้าใจการสร้างสรรคสิ่งประดิษฐ์แสนวิเศษ
"อาจารย์ฉางไห่ยังไม่กลับหรือ" เสียงนุ่มดังขึ้นครั้นหันไปก็พบเข้ากันใบหน้าละอ่อนกว่าวัยของอาจารย์อู๋เสีย ผู้ที่ได้ชื่อว่าเจ้าหญิงของโรงเรียนชายล้วน ผมไม่รู้ว่ามันน่าดีใจไหมไอ้ตำแหน่งเจ้าหญิงเนี่ย แต่ประธานนักเรียนที่อยู่ตำแหน่งราชินีแห่งโรงเรียนยังยืดคอเชิดหน้าใช้งานข้าทาสอย่างดุร้ายได้ผมก็คิดว่าตำแหน่งนี้คงไม่เป็นไรมั้ง
"อาจารย์สอนพิเศษอีกแล้วหรือครับ" ผมเหลือบตามองคนด้านหลังเจ้าเด็กตระกูลจางที่แผ่รังสีเสียจนคนไม่กล้าเข้าใจเจ้าหญิงแห่งโรงเรียน
ไม่รู้มันเป็นนักเรียนหรือบอดี้การด์ส่วนตัวกันแน่
เอาเถอะ แฮปปี้ก็ก็อย่าไปคิดเรื่องชาวบ้านเลย
"พอดีที่บ้านเสี่ยวเกอมีปัญหาเลยต้องช่วยเขาทบทวนหน่อยนะครับ" อาจารย์สอนคณิตลูบผมตัวเองทำท่าทีเขินอายทำเอาผมคิดว่า พวกเขาไปติวหนังสือกันหรือไปติวรัก...
"ขอให้โชคดี" ผมโบกมือลาอาจารย์คณิตแสนน่ารักก่อนที่จะเดินวนไปทางห้องเคมีเนื่องจากตอนสร้างโรงเรียนผอ.ได้จัดให้ปมวดวิชาเดียวกันอยู่ร่วมกัน ดังนั้นห้องทดลองเคมี ห้องชีวะและห้องฟิสิกส์จึงต่อกันเ แบ่งกันด้วยประตูคั่น จะเดินไปยังห้องฟิสิกส์ที่ผมประกอบเครื่องมือค้างไว้ต้องเดินผ่านห้องเคมี ผมได้ยินคนพูดคุยกันถ้าจำไม่ผิด คนแรกคือเสียงของคุณชายรองแห่งตระกูลอู๋ อาจารย์เคมี อีกคนคืออาจารย์สอนประวัติศาสตร์ คุณชายสาม แห่งตระกูลอู๋
พี่น้องพวกนี้มาทะเลาะอะไรในห้องเคมี
"ยะ...อย่าพี่" ขาของผมชะงักเมื่อได้ยินเสียงหวานคราง...
เดี๋ยวนะ ได้ข่าวว่าพวกมึงคือพี่น้องกันหรือความจำฉันสับสน
"อื้อ..มะ.."
ชิบหาย....ขาของผมค้างอยู่ท้ากำลังก้าวผ่านห้องเคมี สู้สิเว้ยวังฉางไห่ แค่ก้าวผ่านตรงนี้ไปสิบก้าวนายจะได้ไปขลุกอยู่ในห้องทำงานแสนรัก นึดถึงโมเดลกัมดั้มที่นายต่อเอาไว้สิ ว่าจะติดตั้งโล่ห์เพิ่มไม่ใช่หรือไง ไหนจะนาฬิกาปลุกส่งเสียงกรีดร้องที่ประดิษฐ์ค้างไว้อีก แค่ไปใส่เฟือนก็ใช้งานแกล้งคนได้แล้ว
"อ๊า..พี่รอง" เสียงหวานฉ่ำร่ำร้องขึ้นพร้อมกับเสียงเสียดสีกันของเสื้อผ้า และเสียงของโต๊ะไม้ที่ดังสนั่น
นี่พวกมึงเล่นท่าโหดไปไหมถึงกับโต๊ะสะเทือน ...นั่นทรัพย์สินโรงเรียนนะเฟ่ยไม่ใช่เตียงสปริง
ขาของผมชะงักในก้าวที่ 5 อีก 5 ก้าว ทันใดนั้นเสียงโต๊ะดังเอี้๊ยดอ๊าดก็ดังลั่นเนื่องจากช่วงเลิกเรียนตึกห้องทดลองมักไม่มีใครมานอกจากผมดังนั้นมันจึงเปล่าเปลี่ยว...
อีกห้าก้าวเองวังฉางไห่ อีกห้า
"อ๊า.."เสียงกรีดร้องดังขึ้นมาอีกระลอกพร้อมกับเสียงของโต๊ะที่สั่นราวกับจะหักกลาง
โอเคพวก...กูยอมแพ้...ยอมแพ้แล้ว...พวกมึงทำกันต่อไปเหอะ กูจะไม่ผ่านตรงนี้แล้ว!
ผมเปลี่นเส้นทางขาก้าวเร็วราวกับจวดสมองคิดแค่ว่าไปไหนก็ได้ขอให้พ้นจากโลกแดนม่วงตรงนี้เสียที
เมื่อก่อนตอนที่มาที่นี่ครั้งแรกผมยังไม่ประสีประสาเรื่องนี้แต่ตั้งแต่เห็นอดีตผอ.กับนายพลตระกูลจางสองชายชราที่มานั่งกระหนุงหระหนิงให้นักเรียนเสียสายตาหลังสวยโรงเรียน ผมก็เกิดอาการว่าโรงเรียนนี้หากอยู่นานแม่งต้องได้เป็นเกย์แน่นอน
ทว่าเนื่องจากผมไม่สามารถหาโรงเรียนที่จะมีอุปกรณ์ทดลองได้ครบครันเท่าที่นี่สมแล้วที่มีผู้สนับสนุนใหญ่อย่างผู้นำตระกูลเซื่อที่ตอนนี้ชราภาพ แถมยังมาแวะเยี่ยมอดีตผอ. อยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน นี่มันรักสามเศร้าของพวกแก่ชัดๆ
ผมละดีใจจริงๆที่ลูกชายคนโต ผอ. ปัจจุบันยังไม่เป็นเกย์แถมมีลูกชายด้วย ...ครั้นนึกถึงอาจารย์อู๋เสียที่ได้ชื่อว่าเจ้าหญิงแห่งโรงเรียนและจางฉี่หลิงเด็กที่เขาดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษผมก็คิดว่าตระกูลอู๋นี่มันต้องมีคำสาปแน่นอน
คำสาปสีม่วงแถมยังทำให้คนรอบข้างติดสถานะคำสาปแก้ไม่ได้อีกต่างหาก
เนื่องจากเดินมาแบบไม่คิดทำให้ผมเผลออ้อมตึกมาซะไกลรู้ตัวอีกทีก็ม่ยังตึก A เสียแล้ว ผมหันไปมองทางระเบียงห้องฟิสิกส์ของผมอยู่ทางตึก C
ด้วยอารมณ์ตกใจคนเราสามารถเดินมาได้ไกลปานนี้เชียวนี่สินะวิทยาศาสตร์ หลังสารอะดรีนารีย์ อืมแม้สิ่งที่ผมประสบมาจะไม่ใช่ไฟไหม้แต่มันก็เพียงพอทำให้อยากหนี
"อ้าวนึกว่าใครอาจารย์วังนี่เอง" เสียงทุ้มดังขึ้นจากด้านหลังเรียกให้ผมหันไปมองประทะเข้ากับใบหน้าหล่อเหลาประดับด้วยแว่นกันแดดทรงโต เรือนร่างสูงโปร่งอยู่ในเสื้อกราว หูข้างหนึ่งของเขาเสียบหูฟังเอาไว้เสมอไม่เคยถอดออกสักครั้ง เฮยเสียจื่ออาจารย์ห้องพยาบาลบุรุษที่ดูผิดที่ผิดทางเสียเหลือเกิน ดูแล้วช่างห่างไกลคำว่าห้องพยาบาล
แต่ช่วยไม่ได้บางทีสำหรับห้องพยาบาลของโรงเรียนชายล้วนอาจต้องการอะไรที่ดูเถื่อนๆแบบเขา
อาจารย์ห้องพยาลบาลคนก่อนเป็นชายหนุ่มสุภาพอ่อนโยนราวกับเทวดาสีขาวเข้ากับชุดอาจารย์ห้องพยาบาล เป็นที่นิยมชมชอบของนักเรียนทุกๆวันห้องพยาบาบจะถูกอัดแน่นไปด้วยนักเรียนที่คอยมาจีบครูหนุ่ม ไม่เป้นอันเรียนอันสอนกันเลย
ทว่าเพราะว่าอาจารย์คนนั้นดูอ่อนแอบอบบางเลยถูกนักเรียนทำมิดีมิร้ายสุดท้ายก็ลาออกไป ...ถึงแม้จะได้ข่าวว่าออกไปอยู่กินกับนักเรียนคนที่ว่าก็ตาม เดี๋ยวนะนายโดนข่มขืนแล้วติดใจหรอไงวะ
โรงเรียนของเรามีประวติเปลี่ยนครูห้องพยาบาลเป็นว่าเล่นเพราะสภาพห้องปิด และเตียงพร้อมสรรพแลจะเป็นใจในหลายๆอย่างสุดท้ายอาจารย์ห้องพยาบาลของโรงเรียนเลยว่างมาตลอดจนกระทั่งได้เฮยเสียจื่อเข้ามาทำลายความฝัยของนักเรียนทั้งหมด เพราะส่วนมากอาจารย์ห้องพยาบาลจะเป็นคนใจดี อบอุ่น สุภาพและดูบอบบาง
เฮยเสียจื่อนั้นแทบจะตรงข้ามหมด ถึงแม้เขาจะพูดสุภาพแต่เป็นอารมณ์เหมือนเพลย์บอยเจ้าเล่ห์ชอบหยอกล้อล้อเล่นกับนักเรียน ทำให้นักเรียนค่อนข้างนิยมแต่หากคิดจะเข้าหาก็จะถูกเขาตอกกลับไปอย่างเจ็บปวดบ่งบอกให้รู้ว่าเขาเป็นยอดฝีมือคนหนึ่ง คนแบบนี้หากจะคิดทำมิดีมิร้ายคงต้องใช้ทั้งสมองและเป็นยอดฝีมือที่ทัดเทียมกัน
เอาเถอะอาจารย์ห้องพยาบาลคราวนี้คงไม่ถูกข่มขืนจนต้องลาออกอีกรอบกระมั้ง
ดูจากหน้าตารูปร่างของเขาท่าทางจะเป็นฝั่งรุกเสียมากกว่า เมื่อก่อนผมก็ไม่เคยรู้จักไอ้คำว่า รุก รับอะไรนี่หรอกจวบจนมาที่โรงเรียนแห่งนี้ถึงได้เข้าใจคำว่า เคะ เมะ ...จะมีก็แต่อาจารย์อู๋เสียแสนอินโนเซ้นต์ที่จนบัดนี้ยังไม่รู้ว่านักเรียนมองตัวเองว่าเป็นเคะน้อยแสนน่ากิน
"มาทำอะไรแถวนี้ครับ ท่านหญิงแห่งการประดิษฐ์" เฮยเสียจื่อคาบบุหรี่เหยีดยยิ้มหรี่ตามองผมท่าทีขี้เล่นของเขาทำให้ทุกคนคิดว่าเขากวนอารมณ์อยู่เสมอ
"อย่าเอาฉายาบ้าๆที่นักเรียนเรียกมาเรียกฉัน!" ผมคำรามใส่หนุ่มหล่อตรงหน้าเขาหัวเราะพลางตบบ่าราวกับจะปลอบใจ
นักเรียนดรงเรียนนี้เรียนเก่งอยู่หรอกแต่เพราะเป็นโรงเรียนชายล้วนกินนอนเลยทำให้เกิดความอัดอั้นจนตั้งอันดับคนงามของโรงเรียนขึ้นมา
แน่นอนว่าราชินีผู้งามล้ำคือประธานนักเรียนผู้ครอบครองใบหน้าสวยหวาน เจ้าหญิงแสนน่ารักคืออู๋เสีย และรองลงมาคือเหล่าท่านหญิง ผมได้ฉายาท่านหญิงนักประดิษฐ์ ช่างเป็นฉายาที่พาให้อยากทุบกระโหลกตายผู้ชายที่ไหนมีใครดีใจที่ได้ฉายาแบบนี้มั่ง...เอ้อไม่สิน่าจะมีอยู่คนหนึ่ง ราชินีโรงเรียนที่เชิดหน้าชี้นิ้วสั่งคนอื่น
"ฮ่าๆ เอาน่าๆ น่ารักดีออกท่านหญิงงง" เฮยเสียจื่อหยอกล้อผมเขาทิ้งน้ำหนักตัวลงไหล่พาให้ผมเบ้หน้าก่อนที่จะกระซิบ "ขอโทษนะท่านหญิงผมขอยืมไหล่กลับห้องหน่อยสิ พอดีช่วงนี้หกล้มเอาก้นกระแทกพื้นเลยเจ็บสะโพกไปหลายวัน ฮ่าๆ"
"นายเองก็ระวังตัวหน่อยสิพ่อราชา "ผมคว้าแขนเขาพยุงไปยังห้องพยาบาลที่อยู่ไม่ไกล
แน่นอนว่าสำหรับนักเรียนแล้วหากมีจัดลำดับความงามย่อมต้องมีลำดับความหล่อ เฮยเสียจื่อได้เป็นราชา ความจริงจางฉี่หลิงหล่อกว่าแต่เนื่องจากเขาหล่อปนสวยจึงถูกแบ่งครึ่งให้เป็นทั้งเจ้าหญิงเจ้าชาย ตำแหน่งราชาเลยตกเป็นของอาจารย์ห้องพยาบาลผู้มีซิดแพ็กสะท้านใจ
"แปลกจังวันนี้นายแต่งตัวเรียบร้อย" ผมเหลือบมองกระดุมเสื้อเชิ๊ตสีดำที่วันนี้ติดไปจนถึงคอตามปกติเขาจะเปิดกระดุมถึงเม็ดที่ห้า โชว์แผ่นอกแน่นตึงกับกล้ามท้องสุดเซ็กซี่
"ผมเกิดแพ้ของบางอย่างเข้า เป็นภูมิแพ้มีรอยแดงๆเต็มตัวไปหมดลำบากแย่เลยทั้งเป็นรอยทั้งคัน" เฮยเสียจื่อแลบลิ้นดูยียวนเพราะเขานิสัยแบบนี้เลยมีนักเรียนอยากจะดักพวกตีอยู่ตลอด แต่โชคดีที่เขาเก่งมากจึงไม่มีใครทำสำเร็จซะที
ผมพยุงเขามาถึงห้องพยาบาลเปิดประตูมองห้องที่อบอวลไปด้วยกลิ่นของแอลกอออลืและยา ผมชอบกลิ่นของเครื่องยนต์มากกว่าจะมาสูดพวกนี้อีก
"ให้ช่วยทาแผลไหม" ผมละมือจากเขาเมื่ออาจารย์ห้องพยาบาลนั่งบนเก้าอี้ด้วยสีหน้าเจ็บปวดท่าทางแผลของเขาคงจะเจ็บ
"โอ๊ยไม่ต้องหรอกผมหกล้มก้นช้ำบวมน่าอายจะตาย ฮ่าๆ"เขาขยับตัวก่อนที่จะเอื้อมไปหยิบกาน้ำชาที่อยู่บนโต๊ะพร้อมกับผงสีสันสดใสจำนวนมาก ผมมองเฮยเสียจื่อที่ตักโน่นนี่นั่นแล้วเขาก็เงยหน้าขึ้นมาถาม "อาจารย์ชอบแบบหวาน จืด หรือเปวี้ยวนิดๆละ"
"หวานอมเปวี้ยวก็ดีนะ" พอผมตอบเขาก็หัวเราะหยิบผงสีส้มสลับกับสีออกแดงใส่เข้าไปก่อนที่จะรินชาให้ผมหนึ่งถ้วย ผมรับถ้วยขึ้นมาจิบรสชาติหอมหวานอมเปรี้ยวของพีชผสมกับสตอเบอรี่อบอวนอยู่ในปากพาให้รู้สึกสดชื่น
"เป็นไงอร่อยใช่ไหมละ" อาจารย์ห้องพยาบาลเหยียดยิ้ม
"สุดยอดเลยไม่นึกว่านายจะทำอะไรแบบนี้เป็นด้วย"
"ฮ่าๆ ความจริงฉันถนัดทำอาหารนะ ถ้าไม่เพราะที่นี่ขาดอาจารย์ห้องพยาบาลคงไปเป็นครูสอนทำอาหารแล้ว" เฮยเสียจื่อขยิบตาท่าทางน่าหมั่นไส้จนผมอดแซวไม่ได้
"แหมก็ดีแล้วนายเองก็มีความรู้การพยาบาลไม่ใช่หรือไงอีกอย่างอาจารย์ห้องพยาบาลที่นี่มักมีประวัติถูกนักเรียนข่มขืนจนต้องลาออกถ้าเป็นนายคงไม่มีสิ้นคิดมาข่มขืนหรอกมั้ง ฮ่าๆ" ผมหัวเราะพลางตบบ่าของเขาเฮยเสียจื่อที่กำลังจิบชาสำลักไอขโลกจนผมต้องลูบหลัง
ผมคิดว่าเขาหล่อมากกว่าจะสวยไม่ใช่เคะในสปเกของนักเรียนแน่นอน
"ทำไมรู้สึกว่าตำแหน่งนี้มันอาถรรพ์ชะมัด" เขาถอนหายใจพลางเปลี่ยนท่านั่งพิงเก้าอี้
"เอาน่าเดี๋ยวนายก้ชินเอง"ผมจิบน้ำชาแสนอร่อยเริ่มคิดว่างวดหน้าน่าจะหาขนม "ไว้วันหลังฉันเอาขนมมากินกับชา นายชอบอะไร"
"ฉันไม่ชอบของหวาน เอาเป็นขนมแป้งละกัน" เฮยเสียจื่อหยิบเอาซองบุหรี่ใต้โต๊ะออกมา ที่โรงเรียนนี้มีกฎห้ามอาจารย์สูบบุหรี่ในห้องให้ไปสูบที่จัดเอาไว้เพื่อเป็นเยี่ยวอย่างแก่นักเรียนแต่ในเวลาหกโมงครึ่งคงไม่มีใครมากระมั้ง
"นายอยู่ทำอะไรถึงตอนนี้" ผมมีงานประดิษฐ์ค้างในห้องทดลองจึงอยู่ดึกเสมอแต่อาจารย์ห้องพยาบาลที่อยู่เย็นขนาดนี้ผมยังไม่เคยเจอ
"อู๋เสียยังไม่กลับ" เขาคาบบุหรี่เอาไว้ในปากหยิบไฟแช็กจากกระเป๋ากางเกงขึ้นมาจุดบุหรี่ สูดหายใจเอาควันก่อนที่จะพ่นมันออกมาท่าทางเหมือนเหนื่อยใจ
"อ้อข่าวลือที่ว่านายชอบอาจารย์อู๋เสียเป็นเรื่องจริงสินะ"
ตั้งแต่เขาเข้ามาก็เริ่มจีบปากจีบคอแวะเวียนไปหาอาจารย์คณิตศาสร์จนมีข่าวลือไปทั่วโรงเรียนว่าอาจารย์ห้องพยาบาลหลงรักเจ้าหญิงแห่งโรงเรียน
ราชาจีบเจ้าหญิงทว่าเจ้าหญิงกลับโง่เกินกว่าจะเข้าใจ คนทั้งโรงเรียนต่างรอลุ้นว่าเมื่อไรแกะน้อยผู้แสนใสซื่อจะดดนหมาป่าสีดำกิน ทว่าจนแล้วจนรอดถึงบัดนี้เฮยเสียจื่อก็ไม่ได้ล่วงเกินอาจารย์คณิตศาสตร์มากเกินไปกว่าโอบไหล่และจับมือทำให้เด็กในโรงเรียนพากันชื่นชมคนที่ดูเหมือนจะมือไวแต่กลับเป็นสุภาพบุรุษกับคนที่ตนเองรัก ผมนึกถึงเรื่องในห้องเคมีแล้วก็อดจะถามเขาไม่ได้
"นายไม่คิดอยากมีอะไรกับอู๋เสียหรือ"
"ฮะๆ" เฮยเสียจื่อเหลือบมองผมพลางหัวเราะ "หน้าที่ของผมคือเฝ้ามองและปกป้องเจ้าหญิงแสนสวยสิครับ"
ผมเกิดความรู้สึกที่ดีกับเขาขึ้นมาทันที คนเราสมัยนี้ดูแต่หน้าไม่รู้ใจ เขายอมอดทนกับคนที่รักถึงเพียงนี้ พวกเราคุยกันเรื่องสัพเพเหระอาจารย์เฮยเสียจื่อมีความรู้เรื่องประวัติศาสตร์โบราณราวกับอาจารย์สอนประวัติศาสตร์ถึงเรื่องที่เขารู้ส่วนมากจะเป็นพวกกับดักกลไกและของมีค่าในสุสาน ผมกับเขาคุยถึงเรื่องสุสานฮ่องเต้ว่าจะต้องมีกลไกแบบนั้นเขาก็บอกว่าผมช่างจิตนาการ
"สวัสดีครับ" เสียงหวานดังขึ้นพร้อมกับเรือนร่างสวยงามของปรานนักเรียนจะเดินเข้าห้องเมื่อเห็นราชินีของโรงเรียนเฮยเสียจื่อสะดุ้งโหยงก่อนจะยิ้มแห้ง
"โอ้ยังไม่กลับอีกหรือ" ผมเอ่ยทักคนงามประจำโรงเรียนเขาคลี่ยิ้มให้อย่างอ่อนโยน ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็งดงามดูบอบบางสมแล้วที่เป็นราชินี
"พอดีมีนัดกับอาจารย์เฮยเสียจื่อนะครับ ใช่ไหมครับอาจารย์" นัยน์ตาคู่สวยของเซี่ยอวี้ฮัวหรี่ลงก่อนที่มือจะล้วงเอาเอ็มพีสามออกมา "ผมจะช่วยอาจารย์ห้องพยาบาลทายาด้วยนะครับ เพราะท่าทางแผลมันค่อนข้างจะ'ลึก' จนทาเองไม่ได้"
"หึหึ ขอบคุณท่านประธานนะที่ช่วยเก็บของที่ตกให้อาจารย์" เฮยเสียจื่อยิ้มแห้งท่าทางเหมือนไม่อยากเข้าใกล้คนสวย เขายื่นมือออกมาพาให้เซี่ยอวี้ฮัวต้องเดินเข้าไปวางเอ็มพีสามสีดำ
"นี่มันก็ดึกแล้วนะนายไม่กลับหอหรือ" ผมเหลือบมองไปยังนาฬิกาเรือนใหญ่ที่ติดอยู่บนฝาหนังบ่งบอกเวลา 19.30 ปกติเวลานี้เป็นเวลาอยู่ในหอของนักเรียน
"เดี๋ยวอาจารย์เฮยเสียจื่อจะไปส่งผมเองครับ" ประธานคนสวยเหยีดยยิ้มรอยยิ้มพาให้อาจารย์ห้องพยาบาลเหงื่อตก
"อ้อ" ผมหยักหน้าก่อนจะหันไปแซวเขา "อย่าลวนลามนักเรียน หรือทำเรื่องผิดศีลธรรมละ”
“เหอ เหอ เหอ ผมว่า อาจารย์วังช่วยไปส่งแทนผมได้ไหม” มือเรียวของเขาเกาะชายเสื้อผมแต่ประธานนักเรียนกลับเดินมาแกะมันออก
“โถ แค่ไปส่งผมกลับบ้านคงไม่ลำบากใช่ไหมครับ อาจารย์เฮย” ใบหน้าสวยงามของประธานนักเรียนยอดนิยมกระซิบข้างหูของอาจารย์พาให้เขาหรี่ตาลงปิดปากออดอ้อนผมอีกต่อไป
“อาจารย์วังกลับไปก่อนได้เลย ผมมีธุระ” อาจารย์เฮยเสียจื่อโบกมือไล่ผมพาใฟ้ผมอดแซวไม่ได้
“พอเจอคนสวยละลืมเพื่อนเลยนะ “ ผมเดินไปถึงประตูอดหันไปทิ้งท้ายไม่ได้ “แล้วไว้มากินชาด้วยกันอีกนะ”
“จะดีมากถ้าเคาะประตูก่อนมานะอาจารย์วัง” คำพูดส่งท้ายพาให้ผมเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจ ทำไมต้องเคาะประตูละ ..ผมเก็บงำความประหลาดใจเดินกลับไปห้องฟิสิกส์ในยามนี้เป็นเวลาที่ไร้ผู้คน ยังดีที่อาคารตึกเรียนยังคงเปิดไฟตามทางเดินทำให้ไม่มืดจนเกินไป โชคดีที่ผอ โรงเรียนนี้ไม่งดน้ำไฟให้ประหยัดไฟต้องปิดไหตึกถ้าไม่มีใครอยู่ไม่งั้นผมคงต้องพกไฟฉายบ่อย
ผมเดินผ่านห้องเคมีด้วยใจหวาดหวั่นไม่วายเอาตัวไปแนบกับประตูแต่มันไร้สรรพเสียงพาให้โล่งอกเดินยิ้มเริงร่ากระโดไปหนึ่งจังหวะ
“ล้า ล้า กลับไปหาที่รักดีกว่า กันพลาจ๋า วังมาหาแล้วจ๊ะ” ผมเดินไปถึงห้องแห่งความลับของตนเองพุ่งเข้าไปปิดประตูล็อกอย่างไม่รอช้า
ลาก่อนโลกสีม่วง วังขออออกห่างนะจ๊ะ จุ๊บุ๊ ...วันนี้ถึงโชคร้ายที่ได้ฟังดราม่าซีดี Yaoi ในห้องเคมีระยะประชิดแต่โชคดีที่ได้เพื่อนเพิ่มขึ้นมา อาจารย์ถึงจะเป็นพวกพุ่มไม้สีม่วงแต่เขาก็ยังไม่ได้ทำสัปดนกับอาจารย์อู๋เสียหวังว่าผมคงไม่เห็นฉากอย่างว่าทิ่มแทงตาตอนไปหาเขานะ
มั่ม้งทนมาได้ตั้งหลายเดือนไม่ได้จับกดลูกแกะตัวน้อยเขาน่าจะมีความสุนทรีย์ถนอมคนรักทำที่อื่นมากกว่า
“หือ” ผมเดินเข้ามาคุ้ยยังเศษกองงานที่ทำค้างคาพลันโสตประสาทกลับรู้สึกเหมือนมีใครอยู่ ผมเหลียวหลังไปมองพบเข้ากับข้าวของระเกะระกะกับบานประตูที่ปิดแน่นไม่พบพานใครสักคน เขาว่ากันว่ายามดึกจะทำให้ประสาทรับรู้ของมนุษย์มโนเพ้อพกไปเองท่าจะจริง
"เอา”ะที่รักจ๋าอยู่ไหน เหลือแค่ติดปีก” ผมคว้าเอาลังที่สุมในห้องแต่เดิมมันเป็นห้องโสตมาก่อนต่อมาถูกปรบปรุงให้เป็นห้องวิทยาศาสตร์ดังนั้นจึงยังมีของที่ไม่ใช่ของผมรวมอยู่ด้วย ผมรื้อลังตามหากัมดั้มวิงค์คิดว่าจะเอามันไปขึ้นขี่กัยบมอเตอร์ไซด์ประดิษสอดแนมคงจะเท่ไม่หยอก
“มาหาปะป๋ามะ แล้วเดี๋ยวเราแอบไปถ่ายวิวหลางคืนกัน แหมเสียดายที่ไม่ใช่โรงเรียนสหไม่งั้นได้แอบถ่ายกระโปรงสาวๆแล้ว” ผมเบ้ปากเมื่อนึกขึ้นได้ว่าหากอยากเห็นขาอ่อนละก็ไปที่หอพักชายที่ติดกับโรงเรียนก็ใช้ได้เหมือนกัน โรงเรียนนี้เป้นโรงเรียนกินนอนดังนั้นจึงทำให้นักเรียกบางคนใส่ขาสั้นเดินว่อนอย่างไม่เกรงกลัวหมาป่าในหอพัก ...
ว่าไปแล้วถ้าเป็นปรานเซี่ยคนนั้นต้องมีขาอ่อนที่สวยมากแน่ๆ อ๊ะจะว่าไปรูปร่างของอาจารย์เฮยก็ไม่เลวเหมือนกันแม้จะเอวสอบสะโพกผายนี่ถ้าลองใส่ขาสั้นก็คงไม่เลวสักเท่าไรนัก
แต่โชคดีที่ผมไม่ใช่พวกอย่างว่าดังนั้นเรื่องจะเอาไปส่องขาตัวผู้นะลาขาด ...แล้วจะเอาไปทำอะไรดีน๊า ผมคิดไปรื้อกล่องลังไปจนสุดท้ายหมดความอดทนเขวี้ยงลังที่สุมกันอยู่จนหมดนรื้อไปจนถึงมุมห้องสีซีด
“หือ สีแดงอะไรเนี่ย” ตรงมุมห้องที่ถูกลังวางซ้อนทับกันปรากฏรอยสีแดงจางพร้อมกับกระดาษขาด.. “ไร้สาระที่สุดมันเกะกะรู้ไหม”
ผมเอื้อมมือไปหยิบกระดาษนั้นออกพริบตาที่ดึงออกได้ยินเสียงกรีดร้องเสียจนอุดหู กน้าต่างที่ปิดสนิทของชั้นสี่เปิดออกอย่างแรงด้วยแรงลมผมลืมตาโพลง..ลม ลมงั้นหรือมันมาได้อย่างไรตอนนี้มันยามค่ำคืนแถมไม่ใช่หน้าหนาวเสียด้วย
“บ้าเอ้ย” ผมฝ่ากระแสลมที่พัดเข้าตีหน้ารวบผ้าม่านที่สะบัดอย่างบ้าคลั่งเอื้อมมือไปปิดหน้าต่างก่อนที่จะได้ยินเสียงแซ่กๆ ...เสียงคล้ายกับแมลงกำลังไต่ หลังของผมเสียววาบรู้สึกหนาวเหน็บทั้งที่เหงื่อออกชุ่มหลัง
แก๊ก...แก๊ก เสียงปริศนาดังขึ้นอย่างต่อเนื่องก่อนที่จะรู้สึกเหมือนมีตัวอะไรไต่ขาครั้นหันลงไปกลับพบตะขาบขนาดเท่ามือแต่รองเท้าหนัง ตัวของผมแข็งทื่อหากสะบัดละก็มันจะกัดเอาได้ ผมก้มหน้าลงได้ยินเสียง แก๊กๆดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง หนึ่งตัว สองตัว สามตัว ...ตะขาบขนาดเท่ามือค่อยเลื้อยเข้ามารุมล้อมผม
ให้ตายผมไม่เคยรู้เลยว่าห้องของตัวเองมีรูให้ตะขาบเข้ามาทำลังผมตัดสินใจสะบัดตะขาบที่เกาะรองเท้าหนังแต่ครั้นหันหลังก็พานพบว่าพื้นโดยรอบถูกตะขาบจับจองเสียจนไม่เหลือพื้นที่
ถ้าจะวิ่งไปจะต้องเหยียบพวกมัน...
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น” ผมกรีดร้องได้ยินเสียงแก๊กๆ ดังขึ้นอีกครั้งเงาสีดำทาบทับลงมาตัวตนของผมทั้งที่ยังไม่มีผู้ใดยืนอยู่ ไม่มครยืนอยู่ข้างหน้าแต่มีเงา ? ขาของผมพลันอ่อนแรงก้มหน้ามองพื้นเจ้าพวกตะขาบก็ปืนขึ้นมาบนขาของเขาพาให้ตัวสั่นสะท้าน
“นานแล้วที่ไม่ได้ออกมา” เสียงทุ้มดังขึ้นพาให้ผมเงยหน้าขึ้นพานพบสิ่งแรกที่เห็นคือใบหน้างดงามหมดจดของชายหนุ่มที่จัดได้ว่ารูปงาม นัยน์ตาเรียวสวยดูสิเน่หา เรือนผมแหวกกลางเหยีดยยาวดำขลับเป็นประกายเรือนร่างสมส่วนสมดั่งบุรุษเพศอยู่ในชุดจีนโบราณ เส้นผมสวยพลิ้วไหวระพื้นดูนุ่มสลวยราวกับชักชวนให้จับมัน ทว่าสิ่งที่ตราตรึงที่สุดในร่างกายของเขาคือมือ...แขนผ่องใสนั้นไม่ได้มีสองข้างดั่งเช่นคนทั่วทว่ามันกลับมีสิบข้างราวกับตะขาบ
ผมมองภาพเบื้องหน้าด้วยอารมณ์ที่บอกไม่ถูกว่าจะชื่นชมกับความงดงามตรงหน้าดีหรือจะหวาดกลัวในความผิดปกตินี้ดี ทว่าความงดงามได้ตราตรึงตัวตนของผมไปจนหมดริมฝีปากเอื้อยเอ่ยยังคำที่ไม่รู้จัก
“คิงว่านหนู?” ผมตะครุบปากของตัวเอง...เมื่อกี้ชื่อใคร ชื่อของขัง้นหรือแล้วทำไมถึงได้รู้กันเล่า ทำไมครั้นที่ได้เห้นยังร่างที่อยู่เบื้องหน้าหยาดหยดของน้ำตาถึงได้หลั่งไหลออกมากัน..
“วังฉางไห่ไม่ได้พบกันตั้งนาน “ชายเบื้องหน้าขยับรอยยิ้มสวยงามราวกับรูปสลักตราตรึงผมเอาไว้ด้วยตาคู่นั้นมือของเขายื่อนออกมาก่อนที่สัมผัสเย็นเฉียบจะทาบทับเข้ามารู้ตนอีกคราก็ตกอยู่ในอ้อมกอดของผู้ชายไม่รู้จัก กลิ่นกำยานหอมหวานอัดแน่นอยู่ในห้องพาให้ผมเกือบมึนงง
“นายเป็นอะไรกัน” ตัวของผมอ่อนเปลี้ยในอ้อมกอดเขาได้แต่มองยังเส้นผมเงางามที่พลิ้วไหวไปตามชุดจีนโบราณมันดูหรูหราเกินกว่าจะเป็นสามัญชน
“เอ ตอนนี้คงเป้นสิ่งที่พวกเจ้าเรียกว่าเจ้าที่ไง” มือเรียวปล่อยผมอออกจากอ้อมกอดแขนทั้งสิบพากันลูบไปตามส่วนต่างๆของร่างกาย
“เจ้าที่...หือเจ้าที่ ?” เขาเป็นใครกันทำไมหัวใจของผมถึงได้ร่ำร้องเรียกหาราวกับโหยหาเขามาตลอดเวลาช้านาน
“ใช่ เจ้าที่เป็นวิญญาณ” สิ้นคำของเขาตาก้ผมก็แทบถลนออกมาจากเบ้าตา วิญญาณอะไรนะ วิญญาณ...ไอ้สิ่งที่ไร้สสสารนั่นอะนะ!
“ไปให้พ้น” ผมพลักเขาออกจากร่างกายไม่สนเจ้าตะขาบที่วิ่งกันวุ่น “ไปทำตัวให้เป้นวิทยาศาสตร์ก่อนค่อยกลับมาเว้ย!”
ผมเหยียบย่ำตะขาบตรงหน้าไอ้สิ่งที่ไม่เป็นวิทยาศาสตร์รับไม่ได้ ผีเผอมีที่ไหนนี่ต้องเป็นรายการแหกตา โอ๊ยวังละเครียดนอกจากเจอพวกดงไพรสีม่วงยังต้องมาเจออะไรงี่เง่าอีก อ๊ากกกกก ทนไม่ไหวแล้วว้อย
ผมวิ่งหนีออกจากห้องฟิกสิสก์กลับไปยังหอพักอาจารย์ที่ไม่ไกลจากนี้ทอดทิ้งคนผู้หนึ่งให้ยืนงงอย่างเดียวดายก่อนที่จะลงไปนั่งมุมผนัง
ใบหน้ารูปงามของกษริย์ผู้ยิ่งใหญ่อาบไปด้วยน้ำตา นิ้วจิ้มลงกับพื้นห้องฟิสิสก์มองดูประตูห้องที่ถูกเปิดทิ้งเอาไว้
“ข้าทำอะไรผิดอ๊ะ...”
TBC ตอนสอง
******************************************************
แถมท้าย
เสียงหอบหายใจคละเคล้าไปกับเสียงเปียกชื้นตามมาด้วยแรงสั่นสะเทือนเสียจนโต๊ะเกือบพัง แม้ว่าประตูห้องพยาบาลจะถูกล็อกเอาไว้แล้วแต่คนที่ถูกจับให้นอนอยู่บนโต๊ะทำงานของตนเองไม่วายหันไปมองมันเป็นระยะ
“ถ้าเป็นห่วงขนาดนั้นจะทำรอบเดียวแล้วไปต่อกันที่ห้องของฉันไหมละ อาจารย์” เสียงทุ้มนุ่มนวลของปรานเอ่ยหยอกเย้าคนที่หอบหายใจครางแผ่วใต้ร่างของเขานัยน์ตาคู่งามรื้อไปด้วยอารมณ์ที่ถูกปลุกเร้าจนลุกโชน
“อ๊ะ..อย่า” เฮยเสียจื่อรู้สึกว่าตนเองสองจิตสองใจ ทางหนึ่งมันเกือบจะไปถึงฝั่งฝันแล้ว อีกทางก็อยากให้เลิกทำบ้าแบบนี้เสียที ไอ้คนหน้าสวยมันสมควรเป็นเคะที่ถูกกดไม่ใช่หรือไง
“อื้อ..” เผลอกรีดร้องระเส่าในยามที่หัวนมถูกหยอกล้อไปกับแรงกระแทกเสียจนเต็มไปด้วยน้ำชุ่มฉ่ำ “เซี่ยอวี้..ฮัว..อ๊ะ..จบมันที่นี่”
ครูหนุ่มร่ำร้องเสียงดังในยามที่ความร้อนกำลังแผดเผาร่างกายของตนอย่างเชื่องช้า
อีกอย่างการไปห้องมันนี่คงไม่จบแค่รอบเดียวแน่...
“จุ๊ๆไม่อดทนเอาเลยนะ ไหนว่าจะช่วยไงละ”คำหยอกเย้าแม้ในยามที่เร่งจังหวะเสียจนอีกฝ่ายแข้งขาอ่อนร้องครางไม่เป็นภาษา “ตกลงไปที่ห้องนะ เรายังไม่ได้ทายาเลยอาจารย์เฮยเสียจื่อ”
ชิบหาย!
เฮยเสียจื่อได้แต่กรีดร้องในใจอย่างโหดหวนภาวนาให้พรุ่งนี้มีเรี่ยวแรงพอไปเฝ้าก้นอาจารย์อู๋ที่แสนน่ารักได้
เรื่องในซีรีย์ทั้งหมด
ซีรีย์ โรงเรียนซันซุ่งติ่ง: ร้อนรักอาจารย์ห้องพยาบาล (ฮัวเฮย)
ซีรีย์ โรงเรียนซันซุ่งติ่ง: หลอนรักอาจารย์ฟิสิกส์ (ว่านวัง)
ซีรีย์ โรงเรียนซันซุ่งติ่ง: ร้ายรักอาจารย์เคมี (อารองอาสาม)
ซีรีย์ โรงเรียนซันซุ่งติ่ง: วุ่นรักอาจารย์คณิตศาสตร์ (ผิงเสีย)
โรงเรียนซันซุ่งติ่งคือโรงเรียนชายล้วนแบบกินอยู่ โรงเรียนที่ใช้ชื่อสุนัขของท่านผู้ก่อตั้งเป็นชื่อโรงเรียนคงไม่มีใครอยากมาเรียนนัก ทว่า โรงเรียนกินนอนแห่งนี้ผู้อำนวยการมีเส้นสายกับความสัมพัฯะในตลาดมืดและวงการนักการเมืองอย่างตระกูลเซี่ยและตระกูลจาง อีกทั้งยังเคยเป็น 1 ใน 9 ตระกูลที่เคยรุ่งเรือง คนที่จบจากโรงเรียนนี้ล้วนแต่ได้ดีทั้งนั้นจึงมีนักเรียนหลายคนพยายามจะเข้ามาเรียนที่นี่
ทั้งที่โรงเรียนมีชื่อเสียงคัดเฟ้นออกจะดีแต่ทำไมไอ้พวกเด็กเวรพวกนี้ถึงไม่มีสมองเข้าใจถึงความงดงามของวิทยาศาสตร์เอาเสียเลย
ผมวังฉางไห่ อาจารย์สอนฟิสิกส์ของโรงเรียนแห่งนี้ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมนักเรียนไม่ยอมเข้าใจผม
ใช่ พวกเขาเอาแต่ทำหน้ามึนงง แถมเอือมระอาในยามที่ผมกำลังพล่ามถึงการทดลองอันแสนวิเศษ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างเครื่องบินที่แสนน่ามหัศจรรย์ พวกนายดูกลไกนั้นสิมันช่างงดงามเสียนี่กะไร หรือจะเป็นการค้นพบปรมนานูที่แสนยิ่งใหญ่ การประดิษฐ์สิ่งต่างๆในยามที่ผมพล่ามพวกเด็กนักเรียนพากันถอยไม่มีคนยอมฟังผมสักคน
นี่มันอะไรกัน ฮึ่ม พวกนายไม่นรู้หรือไงว่าโลกใบนี้นะสิ่งมที่งดงามคือสิ่งประดิษฐ์ และกลไกอันซับซ้อน
ไม่มีใครเข้าใจผมแม้แต่แฟนผม พอผมชมเธอไปว่า เธอช่างงดงามเหมือนตัวไขลานในฟันเฟืองของหัวใจ เป็นดั่งแบตเตอรี่ที่คอยชาสต์ประจุให้ตัวของผมเคลื่อนที่ไปด้วยแรงเหวี่ยงด้วยรัก
เพียงแค่ชมแค่นี้แต่เธอกลับเบือนหน้าหนี นี่มันอะไรกัน ทำไมไม่เข้าใจนั่นคือคำหวานฉ่ำที่สุดของผมแล้วนะ
สุดท้ายเราก็เลิกกัน
ผมไม่สนผู้หญิงที่ไม่เข้าใจอารมณ์สุนทรีย์ของผมหรอก
เสียงกริ่งดังบ่งบอกเวลาเลิกเรียนของนักเรียน ผมมองพวกเด็กที่พากันเก็บของด้วยสีหน้าเริงร่าพากันชวนไปคาราโอเกะ ไอ้เกะนั่นมันดีกว่าสมดุลมวลโมเม้นตั้มได้ยังไงกัน ผมรู้สึกหงุดหงิดใจเหลือเกินแต่ก็ได้แต่โบกมือลานักเรียนพวกเขายังเด็กไม่เข้าใจการสร้างสรรคสิ่งประดิษฐ์แสนวิเศษ
"อาจารย์ฉางไห่ยังไม่กลับหรือ" เสียงนุ่มดังขึ้นครั้นหันไปก็พบเข้ากันใบหน้าละอ่อนกว่าวัยของอาจารย์อู๋เสีย ผู้ที่ได้ชื่อว่าเจ้าหญิงของโรงเรียนชายล้วน ผมไม่รู้ว่ามันน่าดีใจไหมไอ้ตำแหน่งเจ้าหญิงเนี่ย แต่ประธานนักเรียนที่อยู่ตำแหน่งราชินีแห่งโรงเรียนยังยืดคอเชิดหน้าใช้งานข้าทาสอย่างดุร้ายได้ผมก็คิดว่าตำแหน่งนี้คงไม่เป็นไรมั้ง
"อาจารย์สอนพิเศษอีกแล้วหรือครับ" ผมเหลือบตามองคนด้านหลังเจ้าเด็กตระกูลจางที่แผ่รังสีเสียจนคนไม่กล้าเข้าใจเจ้าหญิงแห่งโรงเรียน
ไม่รู้มันเป็นนักเรียนหรือบอดี้การด์ส่วนตัวกันแน่
เอาเถอะ แฮปปี้ก็ก็อย่าไปคิดเรื่องชาวบ้านเลย
"พอดีที่บ้านเสี่ยวเกอมีปัญหาเลยต้องช่วยเขาทบทวนหน่อยนะครับ" อาจารย์สอนคณิตลูบผมตัวเองทำท่าทีเขินอายทำเอาผมคิดว่า พวกเขาไปติวหนังสือกันหรือไปติวรัก...
"ขอให้โชคดี" ผมโบกมือลาอาจารย์คณิตแสนน่ารักก่อนที่จะเดินวนไปทางห้องเคมีเนื่องจากตอนสร้างโรงเรียนผอ.ได้จัดให้ปมวดวิชาเดียวกันอยู่ร่วมกัน ดังนั้นห้องทดลองเคมี ห้องชีวะและห้องฟิสิกส์จึงต่อกันเ แบ่งกันด้วยประตูคั่น จะเดินไปยังห้องฟิสิกส์ที่ผมประกอบเครื่องมือค้างไว้ต้องเดินผ่านห้องเคมี ผมได้ยินคนพูดคุยกันถ้าจำไม่ผิด คนแรกคือเสียงของคุณชายรองแห่งตระกูลอู๋ อาจารย์เคมี อีกคนคืออาจารย์สอนประวัติศาสตร์ คุณชายสาม แห่งตระกูลอู๋
พี่น้องพวกนี้มาทะเลาะอะไรในห้องเคมี
"ยะ...อย่าพี่" ขาของผมชะงักเมื่อได้ยินเสียงหวานคราง...
เดี๋ยวนะ ได้ข่าวว่าพวกมึงคือพี่น้องกันหรือความจำฉันสับสน
"อื้อ..มะ.."
ชิบหาย....ขาของผมค้างอยู่ท้ากำลังก้าวผ่านห้องเคมี สู้สิเว้ยวังฉางไห่ แค่ก้าวผ่านตรงนี้ไปสิบก้าวนายจะได้ไปขลุกอยู่ในห้องทำงานแสนรัก นึดถึงโมเดลกัมดั้มที่นายต่อเอาไว้สิ ว่าจะติดตั้งโล่ห์เพิ่มไม่ใช่หรือไง ไหนจะนาฬิกาปลุกส่งเสียงกรีดร้องที่ประดิษฐ์ค้างไว้อีก แค่ไปใส่เฟือนก็ใช้งานแกล้งคนได้แล้ว
"อ๊า..พี่รอง" เสียงหวานฉ่ำร่ำร้องขึ้นพร้อมกับเสียงเสียดสีกันของเสื้อผ้า และเสียงของโต๊ะไม้ที่ดังสนั่น
นี่พวกมึงเล่นท่าโหดไปไหมถึงกับโต๊ะสะเทือน ...นั่นทรัพย์สินโรงเรียนนะเฟ่ยไม่ใช่เตียงสปริง
ขาของผมชะงักในก้าวที่ 5 อีก 5 ก้าว ทันใดนั้นเสียงโต๊ะดังเอี้๊ยดอ๊าดก็ดังลั่นเนื่องจากช่วงเลิกเรียนตึกห้องทดลองมักไม่มีใครมานอกจากผมดังนั้นมันจึงเปล่าเปลี่ยว...
อีกห้าก้าวเองวังฉางไห่ อีกห้า
"อ๊า.."เสียงกรีดร้องดังขึ้นมาอีกระลอกพร้อมกับเสียงของโต๊ะที่สั่นราวกับจะหักกลาง
โอเคพวก...กูยอมแพ้...ยอมแพ้แล้ว...พวกมึงทำกันต่อไปเหอะ กูจะไม่ผ่านตรงนี้แล้ว!
ผมเปลี่นเส้นทางขาก้าวเร็วราวกับจวดสมองคิดแค่ว่าไปไหนก็ได้ขอให้พ้นจากโลกแดนม่วงตรงนี้เสียที
เมื่อก่อนตอนที่มาที่นี่ครั้งแรกผมยังไม่ประสีประสาเรื่องนี้แต่ตั้งแต่เห็นอดีตผอ.กับนายพลตระกูลจางสองชายชราที่มานั่งกระหนุงหระหนิงให้นักเรียนเสียสายตาหลังสวยโรงเรียน ผมก็เกิดอาการว่าโรงเรียนนี้หากอยู่นานแม่งต้องได้เป็นเกย์แน่นอน
ทว่าเนื่องจากผมไม่สามารถหาโรงเรียนที่จะมีอุปกรณ์ทดลองได้ครบครันเท่าที่นี่สมแล้วที่มีผู้สนับสนุนใหญ่อย่างผู้นำตระกูลเซื่อที่ตอนนี้ชราภาพ แถมยังมาแวะเยี่ยมอดีตผอ. อยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน นี่มันรักสามเศร้าของพวกแก่ชัดๆ
ผมละดีใจจริงๆที่ลูกชายคนโต ผอ. ปัจจุบันยังไม่เป็นเกย์แถมมีลูกชายด้วย ...ครั้นนึกถึงอาจารย์อู๋เสียที่ได้ชื่อว่าเจ้าหญิงแห่งโรงเรียนและจางฉี่หลิงเด็กที่เขาดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษผมก็คิดว่าตระกูลอู๋นี่มันต้องมีคำสาปแน่นอน
คำสาปสีม่วงแถมยังทำให้คนรอบข้างติดสถานะคำสาปแก้ไม่ได้อีกต่างหาก
เนื่องจากเดินมาแบบไม่คิดทำให้ผมเผลออ้อมตึกมาซะไกลรู้ตัวอีกทีก็ม่ยังตึก A เสียแล้ว ผมหันไปมองทางระเบียงห้องฟิสิกส์ของผมอยู่ทางตึก C
ด้วยอารมณ์ตกใจคนเราสามารถเดินมาได้ไกลปานนี้เชียวนี่สินะวิทยาศาสตร์ หลังสารอะดรีนารีย์ อืมแม้สิ่งที่ผมประสบมาจะไม่ใช่ไฟไหม้แต่มันก็เพียงพอทำให้อยากหนี
"อ้าวนึกว่าใครอาจารย์วังนี่เอง" เสียงทุ้มดังขึ้นจากด้านหลังเรียกให้ผมหันไปมองประทะเข้ากับใบหน้าหล่อเหลาประดับด้วยแว่นกันแดดทรงโต เรือนร่างสูงโปร่งอยู่ในเสื้อกราว หูข้างหนึ่งของเขาเสียบหูฟังเอาไว้เสมอไม่เคยถอดออกสักครั้ง เฮยเสียจื่ออาจารย์ห้องพยาบาลบุรุษที่ดูผิดที่ผิดทางเสียเหลือเกิน ดูแล้วช่างห่างไกลคำว่าห้องพยาบาล
แต่ช่วยไม่ได้บางทีสำหรับห้องพยาบาลของโรงเรียนชายล้วนอาจต้องการอะไรที่ดูเถื่อนๆแบบเขา
อาจารย์ห้องพยาลบาลคนก่อนเป็นชายหนุ่มสุภาพอ่อนโยนราวกับเทวดาสีขาวเข้ากับชุดอาจารย์ห้องพยาบาล เป็นที่นิยมชมชอบของนักเรียนทุกๆวันห้องพยาบาบจะถูกอัดแน่นไปด้วยนักเรียนที่คอยมาจีบครูหนุ่ม ไม่เป้นอันเรียนอันสอนกันเลย
ทว่าเพราะว่าอาจารย์คนนั้นดูอ่อนแอบอบบางเลยถูกนักเรียนทำมิดีมิร้ายสุดท้ายก็ลาออกไป ...ถึงแม้จะได้ข่าวว่าออกไปอยู่กินกับนักเรียนคนที่ว่าก็ตาม เดี๋ยวนะนายโดนข่มขืนแล้วติดใจหรอไงวะ
โรงเรียนของเรามีประวติเปลี่ยนครูห้องพยาบาลเป็นว่าเล่นเพราะสภาพห้องปิด และเตียงพร้อมสรรพแลจะเป็นใจในหลายๆอย่างสุดท้ายอาจารย์ห้องพยาบาลของโรงเรียนเลยว่างมาตลอดจนกระทั่งได้เฮยเสียจื่อเข้ามาทำลายความฝัยของนักเรียนทั้งหมด เพราะส่วนมากอาจารย์ห้องพยาบาลจะเป็นคนใจดี อบอุ่น สุภาพและดูบอบบาง
เฮยเสียจื่อนั้นแทบจะตรงข้ามหมด ถึงแม้เขาจะพูดสุภาพแต่เป็นอารมณ์เหมือนเพลย์บอยเจ้าเล่ห์ชอบหยอกล้อล้อเล่นกับนักเรียน ทำให้นักเรียนค่อนข้างนิยมแต่หากคิดจะเข้าหาก็จะถูกเขาตอกกลับไปอย่างเจ็บปวดบ่งบอกให้รู้ว่าเขาเป็นยอดฝีมือคนหนึ่ง คนแบบนี้หากจะคิดทำมิดีมิร้ายคงต้องใช้ทั้งสมองและเป็นยอดฝีมือที่ทัดเทียมกัน
เอาเถอะอาจารย์ห้องพยาบาลคราวนี้คงไม่ถูกข่มขืนจนต้องลาออกอีกรอบกระมั้ง
ดูจากหน้าตารูปร่างของเขาท่าทางจะเป็นฝั่งรุกเสียมากกว่า เมื่อก่อนผมก็ไม่เคยรู้จักไอ้คำว่า รุก รับอะไรนี่หรอกจวบจนมาที่โรงเรียนแห่งนี้ถึงได้เข้าใจคำว่า เคะ เมะ ...จะมีก็แต่อาจารย์อู๋เสียแสนอินโนเซ้นต์ที่จนบัดนี้ยังไม่รู้ว่านักเรียนมองตัวเองว่าเป็นเคะน้อยแสนน่ากิน
"มาทำอะไรแถวนี้ครับ ท่านหญิงแห่งการประดิษฐ์" เฮยเสียจื่อคาบบุหรี่เหยีดยยิ้มหรี่ตามองผมท่าทีขี้เล่นของเขาทำให้ทุกคนคิดว่าเขากวนอารมณ์อยู่เสมอ
"อย่าเอาฉายาบ้าๆที่นักเรียนเรียกมาเรียกฉัน!" ผมคำรามใส่หนุ่มหล่อตรงหน้าเขาหัวเราะพลางตบบ่าราวกับจะปลอบใจ
นักเรียนดรงเรียนนี้เรียนเก่งอยู่หรอกแต่เพราะเป็นโรงเรียนชายล้วนกินนอนเลยทำให้เกิดความอัดอั้นจนตั้งอันดับคนงามของโรงเรียนขึ้นมา
แน่นอนว่าราชินีผู้งามล้ำคือประธานนักเรียนผู้ครอบครองใบหน้าสวยหวาน เจ้าหญิงแสนน่ารักคืออู๋เสีย และรองลงมาคือเหล่าท่านหญิง ผมได้ฉายาท่านหญิงนักประดิษฐ์ ช่างเป็นฉายาที่พาให้อยากทุบกระโหลกตายผู้ชายที่ไหนมีใครดีใจที่ได้ฉายาแบบนี้มั่ง...เอ้อไม่สิน่าจะมีอยู่คนหนึ่ง ราชินีโรงเรียนที่เชิดหน้าชี้นิ้วสั่งคนอื่น
"ฮ่าๆ เอาน่าๆ น่ารักดีออกท่านหญิงงง" เฮยเสียจื่อหยอกล้อผมเขาทิ้งน้ำหนักตัวลงไหล่พาให้ผมเบ้หน้าก่อนที่จะกระซิบ "ขอโทษนะท่านหญิงผมขอยืมไหล่กลับห้องหน่อยสิ พอดีช่วงนี้หกล้มเอาก้นกระแทกพื้นเลยเจ็บสะโพกไปหลายวัน ฮ่าๆ"
"นายเองก็ระวังตัวหน่อยสิพ่อราชา "ผมคว้าแขนเขาพยุงไปยังห้องพยาบาลที่อยู่ไม่ไกล
แน่นอนว่าสำหรับนักเรียนแล้วหากมีจัดลำดับความงามย่อมต้องมีลำดับความหล่อ เฮยเสียจื่อได้เป็นราชา ความจริงจางฉี่หลิงหล่อกว่าแต่เนื่องจากเขาหล่อปนสวยจึงถูกแบ่งครึ่งให้เป็นทั้งเจ้าหญิงเจ้าชาย ตำแหน่งราชาเลยตกเป็นของอาจารย์ห้องพยาบาลผู้มีซิดแพ็กสะท้านใจ
"แปลกจังวันนี้นายแต่งตัวเรียบร้อย" ผมเหลือบมองกระดุมเสื้อเชิ๊ตสีดำที่วันนี้ติดไปจนถึงคอตามปกติเขาจะเปิดกระดุมถึงเม็ดที่ห้า โชว์แผ่นอกแน่นตึงกับกล้ามท้องสุดเซ็กซี่
"ผมเกิดแพ้ของบางอย่างเข้า เป็นภูมิแพ้มีรอยแดงๆเต็มตัวไปหมดลำบากแย่เลยทั้งเป็นรอยทั้งคัน" เฮยเสียจื่อแลบลิ้นดูยียวนเพราะเขานิสัยแบบนี้เลยมีนักเรียนอยากจะดักพวกตีอยู่ตลอด แต่โชคดีที่เขาเก่งมากจึงไม่มีใครทำสำเร็จซะที
ผมพยุงเขามาถึงห้องพยาบาลเปิดประตูมองห้องที่อบอวลไปด้วยกลิ่นของแอลกอออลืและยา ผมชอบกลิ่นของเครื่องยนต์มากกว่าจะมาสูดพวกนี้อีก
"ให้ช่วยทาแผลไหม" ผมละมือจากเขาเมื่ออาจารย์ห้องพยาบาลนั่งบนเก้าอี้ด้วยสีหน้าเจ็บปวดท่าทางแผลของเขาคงจะเจ็บ
"โอ๊ยไม่ต้องหรอกผมหกล้มก้นช้ำบวมน่าอายจะตาย ฮ่าๆ"เขาขยับตัวก่อนที่จะเอื้อมไปหยิบกาน้ำชาที่อยู่บนโต๊ะพร้อมกับผงสีสันสดใสจำนวนมาก ผมมองเฮยเสียจื่อที่ตักโน่นนี่นั่นแล้วเขาก็เงยหน้าขึ้นมาถาม "อาจารย์ชอบแบบหวาน จืด หรือเปวี้ยวนิดๆละ"
"หวานอมเปวี้ยวก็ดีนะ" พอผมตอบเขาก็หัวเราะหยิบผงสีส้มสลับกับสีออกแดงใส่เข้าไปก่อนที่จะรินชาให้ผมหนึ่งถ้วย ผมรับถ้วยขึ้นมาจิบรสชาติหอมหวานอมเปรี้ยวของพีชผสมกับสตอเบอรี่อบอวนอยู่ในปากพาให้รู้สึกสดชื่น
"เป็นไงอร่อยใช่ไหมละ" อาจารย์ห้องพยาบาลเหยียดยิ้ม
"สุดยอดเลยไม่นึกว่านายจะทำอะไรแบบนี้เป็นด้วย"
"ฮ่าๆ ความจริงฉันถนัดทำอาหารนะ ถ้าไม่เพราะที่นี่ขาดอาจารย์ห้องพยาบาลคงไปเป็นครูสอนทำอาหารแล้ว" เฮยเสียจื่อขยิบตาท่าทางน่าหมั่นไส้จนผมอดแซวไม่ได้
"แหมก็ดีแล้วนายเองก็มีความรู้การพยาบาลไม่ใช่หรือไงอีกอย่างอาจารย์ห้องพยาบาลที่นี่มักมีประวัติถูกนักเรียนข่มขืนจนต้องลาออกถ้าเป็นนายคงไม่มีสิ้นคิดมาข่มขืนหรอกมั้ง ฮ่าๆ" ผมหัวเราะพลางตบบ่าของเขาเฮยเสียจื่อที่กำลังจิบชาสำลักไอขโลกจนผมต้องลูบหลัง
ผมคิดว่าเขาหล่อมากกว่าจะสวยไม่ใช่เคะในสปเกของนักเรียนแน่นอน
"ทำไมรู้สึกว่าตำแหน่งนี้มันอาถรรพ์ชะมัด" เขาถอนหายใจพลางเปลี่ยนท่านั่งพิงเก้าอี้
"เอาน่าเดี๋ยวนายก้ชินเอง"ผมจิบน้ำชาแสนอร่อยเริ่มคิดว่างวดหน้าน่าจะหาขนม "ไว้วันหลังฉันเอาขนมมากินกับชา นายชอบอะไร"
"ฉันไม่ชอบของหวาน เอาเป็นขนมแป้งละกัน" เฮยเสียจื่อหยิบเอาซองบุหรี่ใต้โต๊ะออกมา ที่โรงเรียนนี้มีกฎห้ามอาจารย์สูบบุหรี่ในห้องให้ไปสูบที่จัดเอาไว้เพื่อเป็นเยี่ยวอย่างแก่นักเรียนแต่ในเวลาหกโมงครึ่งคงไม่มีใครมากระมั้ง
"นายอยู่ทำอะไรถึงตอนนี้" ผมมีงานประดิษฐ์ค้างในห้องทดลองจึงอยู่ดึกเสมอแต่อาจารย์ห้องพยาบาลที่อยู่เย็นขนาดนี้ผมยังไม่เคยเจอ
"อู๋เสียยังไม่กลับ" เขาคาบบุหรี่เอาไว้ในปากหยิบไฟแช็กจากกระเป๋ากางเกงขึ้นมาจุดบุหรี่ สูดหายใจเอาควันก่อนที่จะพ่นมันออกมาท่าทางเหมือนเหนื่อยใจ
"อ้อข่าวลือที่ว่านายชอบอาจารย์อู๋เสียเป็นเรื่องจริงสินะ"
ตั้งแต่เขาเข้ามาก็เริ่มจีบปากจีบคอแวะเวียนไปหาอาจารย์คณิตศาสร์จนมีข่าวลือไปทั่วโรงเรียนว่าอาจารย์ห้องพยาบาลหลงรักเจ้าหญิงแห่งโรงเรียน
ราชาจีบเจ้าหญิงทว่าเจ้าหญิงกลับโง่เกินกว่าจะเข้าใจ คนทั้งโรงเรียนต่างรอลุ้นว่าเมื่อไรแกะน้อยผู้แสนใสซื่อจะดดนหมาป่าสีดำกิน ทว่าจนแล้วจนรอดถึงบัดนี้เฮยเสียจื่อก็ไม่ได้ล่วงเกินอาจารย์คณิตศาสตร์มากเกินไปกว่าโอบไหล่และจับมือทำให้เด็กในโรงเรียนพากันชื่นชมคนที่ดูเหมือนจะมือไวแต่กลับเป็นสุภาพบุรุษกับคนที่ตนเองรัก ผมนึกถึงเรื่องในห้องเคมีแล้วก็อดจะถามเขาไม่ได้
"นายไม่คิดอยากมีอะไรกับอู๋เสียหรือ"
"ฮะๆ" เฮยเสียจื่อเหลือบมองผมพลางหัวเราะ "หน้าที่ของผมคือเฝ้ามองและปกป้องเจ้าหญิงแสนสวยสิครับ"
ผมเกิดความรู้สึกที่ดีกับเขาขึ้นมาทันที คนเราสมัยนี้ดูแต่หน้าไม่รู้ใจ เขายอมอดทนกับคนที่รักถึงเพียงนี้ พวกเราคุยกันเรื่องสัพเพเหระอาจารย์เฮยเสียจื่อมีความรู้เรื่องประวัติศาสตร์โบราณราวกับอาจารย์สอนประวัติศาสตร์ถึงเรื่องที่เขารู้ส่วนมากจะเป็นพวกกับดักกลไกและของมีค่าในสุสาน ผมกับเขาคุยถึงเรื่องสุสานฮ่องเต้ว่าจะต้องมีกลไกแบบนั้นเขาก็บอกว่าผมช่างจิตนาการ
"สวัสดีครับ" เสียงหวานดังขึ้นพร้อมกับเรือนร่างสวยงามของปรานนักเรียนจะเดินเข้าห้องเมื่อเห็นราชินีของโรงเรียนเฮยเสียจื่อสะดุ้งโหยงก่อนจะยิ้มแห้ง
"โอ้ยังไม่กลับอีกหรือ" ผมเอ่ยทักคนงามประจำโรงเรียนเขาคลี่ยิ้มให้อย่างอ่อนโยน ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็งดงามดูบอบบางสมแล้วที่เป็นราชินี
"พอดีมีนัดกับอาจารย์เฮยเสียจื่อนะครับ ใช่ไหมครับอาจารย์" นัยน์ตาคู่สวยของเซี่ยอวี้ฮัวหรี่ลงก่อนที่มือจะล้วงเอาเอ็มพีสามออกมา "ผมจะช่วยอาจารย์ห้องพยาบาลทายาด้วยนะครับ เพราะท่าทางแผลมันค่อนข้างจะ'ลึก' จนทาเองไม่ได้"
"หึหึ ขอบคุณท่านประธานนะที่ช่วยเก็บของที่ตกให้อาจารย์" เฮยเสียจื่อยิ้มแห้งท่าทางเหมือนไม่อยากเข้าใกล้คนสวย เขายื่นมือออกมาพาให้เซี่ยอวี้ฮัวต้องเดินเข้าไปวางเอ็มพีสามสีดำ
"นี่มันก็ดึกแล้วนะนายไม่กลับหอหรือ" ผมเหลือบมองไปยังนาฬิกาเรือนใหญ่ที่ติดอยู่บนฝาหนังบ่งบอกเวลา 19.30 ปกติเวลานี้เป็นเวลาอยู่ในหอของนักเรียน
"เดี๋ยวอาจารย์เฮยเสียจื่อจะไปส่งผมเองครับ" ประธานคนสวยเหยีดยยิ้มรอยยิ้มพาให้อาจารย์ห้องพยาบาลเหงื่อตก
"อ้อ" ผมหยักหน้าก่อนจะหันไปแซวเขา "อย่าลวนลามนักเรียน หรือทำเรื่องผิดศีลธรรมละ”
“เหอ เหอ เหอ ผมว่า อาจารย์วังช่วยไปส่งแทนผมได้ไหม” มือเรียวของเขาเกาะชายเสื้อผมแต่ประธานนักเรียนกลับเดินมาแกะมันออก
“โถ แค่ไปส่งผมกลับบ้านคงไม่ลำบากใช่ไหมครับ อาจารย์เฮย” ใบหน้าสวยงามของประธานนักเรียนยอดนิยมกระซิบข้างหูของอาจารย์พาให้เขาหรี่ตาลงปิดปากออดอ้อนผมอีกต่อไป
“อาจารย์วังกลับไปก่อนได้เลย ผมมีธุระ” อาจารย์เฮยเสียจื่อโบกมือไล่ผมพาใฟ้ผมอดแซวไม่ได้
“พอเจอคนสวยละลืมเพื่อนเลยนะ “ ผมเดินไปถึงประตูอดหันไปทิ้งท้ายไม่ได้ “แล้วไว้มากินชาด้วยกันอีกนะ”
“จะดีมากถ้าเคาะประตูก่อนมานะอาจารย์วัง” คำพูดส่งท้ายพาให้ผมเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจ ทำไมต้องเคาะประตูละ ..ผมเก็บงำความประหลาดใจเดินกลับไปห้องฟิสิกส์ในยามนี้เป็นเวลาที่ไร้ผู้คน ยังดีที่อาคารตึกเรียนยังคงเปิดไฟตามทางเดินทำให้ไม่มืดจนเกินไป โชคดีที่ผอ โรงเรียนนี้ไม่งดน้ำไฟให้ประหยัดไฟต้องปิดไหตึกถ้าไม่มีใครอยู่ไม่งั้นผมคงต้องพกไฟฉายบ่อย
ผมเดินผ่านห้องเคมีด้วยใจหวาดหวั่นไม่วายเอาตัวไปแนบกับประตูแต่มันไร้สรรพเสียงพาให้โล่งอกเดินยิ้มเริงร่ากระโดไปหนึ่งจังหวะ
“ล้า ล้า กลับไปหาที่รักดีกว่า กันพลาจ๋า วังมาหาแล้วจ๊ะ” ผมเดินไปถึงห้องแห่งความลับของตนเองพุ่งเข้าไปปิดประตูล็อกอย่างไม่รอช้า
ลาก่อนโลกสีม่วง วังขออออกห่างนะจ๊ะ จุ๊บุ๊ ...วันนี้ถึงโชคร้ายที่ได้ฟังดราม่าซีดี Yaoi ในห้องเคมีระยะประชิดแต่โชคดีที่ได้เพื่อนเพิ่มขึ้นมา อาจารย์ถึงจะเป็นพวกพุ่มไม้สีม่วงแต่เขาก็ยังไม่ได้ทำสัปดนกับอาจารย์อู๋เสียหวังว่าผมคงไม่เห็นฉากอย่างว่าทิ่มแทงตาตอนไปหาเขานะ
มั่ม้งทนมาได้ตั้งหลายเดือนไม่ได้จับกดลูกแกะตัวน้อยเขาน่าจะมีความสุนทรีย์ถนอมคนรักทำที่อื่นมากกว่า
“หือ” ผมเดินเข้ามาคุ้ยยังเศษกองงานที่ทำค้างคาพลันโสตประสาทกลับรู้สึกเหมือนมีใครอยู่ ผมเหลียวหลังไปมองพบเข้ากับข้าวของระเกะระกะกับบานประตูที่ปิดแน่นไม่พบพานใครสักคน เขาว่ากันว่ายามดึกจะทำให้ประสาทรับรู้ของมนุษย์มโนเพ้อพกไปเองท่าจะจริง
"เอา”ะที่รักจ๋าอยู่ไหน เหลือแค่ติดปีก” ผมคว้าเอาลังที่สุมในห้องแต่เดิมมันเป็นห้องโสตมาก่อนต่อมาถูกปรบปรุงให้เป็นห้องวิทยาศาสตร์ดังนั้นจึงยังมีของที่ไม่ใช่ของผมรวมอยู่ด้วย ผมรื้อลังตามหากัมดั้มวิงค์คิดว่าจะเอามันไปขึ้นขี่กัยบมอเตอร์ไซด์ประดิษสอดแนมคงจะเท่ไม่หยอก
“มาหาปะป๋ามะ แล้วเดี๋ยวเราแอบไปถ่ายวิวหลางคืนกัน แหมเสียดายที่ไม่ใช่โรงเรียนสหไม่งั้นได้แอบถ่ายกระโปรงสาวๆแล้ว” ผมเบ้ปากเมื่อนึกขึ้นได้ว่าหากอยากเห็นขาอ่อนละก็ไปที่หอพักชายที่ติดกับโรงเรียนก็ใช้ได้เหมือนกัน โรงเรียนนี้เป้นโรงเรียนกินนอนดังนั้นจึงทำให้นักเรียกบางคนใส่ขาสั้นเดินว่อนอย่างไม่เกรงกลัวหมาป่าในหอพัก ...
ว่าไปแล้วถ้าเป็นปรานเซี่ยคนนั้นต้องมีขาอ่อนที่สวยมากแน่ๆ อ๊ะจะว่าไปรูปร่างของอาจารย์เฮยก็ไม่เลวเหมือนกันแม้จะเอวสอบสะโพกผายนี่ถ้าลองใส่ขาสั้นก็คงไม่เลวสักเท่าไรนัก
แต่โชคดีที่ผมไม่ใช่พวกอย่างว่าดังนั้นเรื่องจะเอาไปส่องขาตัวผู้นะลาขาด ...แล้วจะเอาไปทำอะไรดีน๊า ผมคิดไปรื้อกล่องลังไปจนสุดท้ายหมดความอดทนเขวี้ยงลังที่สุมกันอยู่จนหมดนรื้อไปจนถึงมุมห้องสีซีด
“หือ สีแดงอะไรเนี่ย” ตรงมุมห้องที่ถูกลังวางซ้อนทับกันปรากฏรอยสีแดงจางพร้อมกับกระดาษขาด.. “ไร้สาระที่สุดมันเกะกะรู้ไหม”
ผมเอื้อมมือไปหยิบกระดาษนั้นออกพริบตาที่ดึงออกได้ยินเสียงกรีดร้องเสียจนอุดหู กน้าต่างที่ปิดสนิทของชั้นสี่เปิดออกอย่างแรงด้วยแรงลมผมลืมตาโพลง..ลม ลมงั้นหรือมันมาได้อย่างไรตอนนี้มันยามค่ำคืนแถมไม่ใช่หน้าหนาวเสียด้วย
“บ้าเอ้ย” ผมฝ่ากระแสลมที่พัดเข้าตีหน้ารวบผ้าม่านที่สะบัดอย่างบ้าคลั่งเอื้อมมือไปปิดหน้าต่างก่อนที่จะได้ยินเสียงแซ่กๆ ...เสียงคล้ายกับแมลงกำลังไต่ หลังของผมเสียววาบรู้สึกหนาวเหน็บทั้งที่เหงื่อออกชุ่มหลัง
แก๊ก...แก๊ก เสียงปริศนาดังขึ้นอย่างต่อเนื่องก่อนที่จะรู้สึกเหมือนมีตัวอะไรไต่ขาครั้นหันลงไปกลับพบตะขาบขนาดเท่ามือแต่รองเท้าหนัง ตัวของผมแข็งทื่อหากสะบัดละก็มันจะกัดเอาได้ ผมก้มหน้าลงได้ยินเสียง แก๊กๆดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง หนึ่งตัว สองตัว สามตัว ...ตะขาบขนาดเท่ามือค่อยเลื้อยเข้ามารุมล้อมผม
ให้ตายผมไม่เคยรู้เลยว่าห้องของตัวเองมีรูให้ตะขาบเข้ามาทำลังผมตัดสินใจสะบัดตะขาบที่เกาะรองเท้าหนังแต่ครั้นหันหลังก็พานพบว่าพื้นโดยรอบถูกตะขาบจับจองเสียจนไม่เหลือพื้นที่
ถ้าจะวิ่งไปจะต้องเหยียบพวกมัน...
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น” ผมกรีดร้องได้ยินเสียงแก๊กๆ ดังขึ้นอีกครั้งเงาสีดำทาบทับลงมาตัวตนของผมทั้งที่ยังไม่มีผู้ใดยืนอยู่ ไม่มครยืนอยู่ข้างหน้าแต่มีเงา ? ขาของผมพลันอ่อนแรงก้มหน้ามองพื้นเจ้าพวกตะขาบก็ปืนขึ้นมาบนขาของเขาพาให้ตัวสั่นสะท้าน
“นานแล้วที่ไม่ได้ออกมา” เสียงทุ้มดังขึ้นพาให้ผมเงยหน้าขึ้นพานพบสิ่งแรกที่เห็นคือใบหน้างดงามหมดจดของชายหนุ่มที่จัดได้ว่ารูปงาม นัยน์ตาเรียวสวยดูสิเน่หา เรือนผมแหวกกลางเหยีดยยาวดำขลับเป็นประกายเรือนร่างสมส่วนสมดั่งบุรุษเพศอยู่ในชุดจีนโบราณ เส้นผมสวยพลิ้วไหวระพื้นดูนุ่มสลวยราวกับชักชวนให้จับมัน ทว่าสิ่งที่ตราตรึงที่สุดในร่างกายของเขาคือมือ...แขนผ่องใสนั้นไม่ได้มีสองข้างดั่งเช่นคนทั่วทว่ามันกลับมีสิบข้างราวกับตะขาบ
ผมมองภาพเบื้องหน้าด้วยอารมณ์ที่บอกไม่ถูกว่าจะชื่นชมกับความงดงามตรงหน้าดีหรือจะหวาดกลัวในความผิดปกตินี้ดี ทว่าความงดงามได้ตราตรึงตัวตนของผมไปจนหมดริมฝีปากเอื้อยเอ่ยยังคำที่ไม่รู้จัก
“คิงว่านหนู?” ผมตะครุบปากของตัวเอง...เมื่อกี้ชื่อใคร ชื่อของขัง้นหรือแล้วทำไมถึงได้รู้กันเล่า ทำไมครั้นที่ได้เห้นยังร่างที่อยู่เบื้องหน้าหยาดหยดของน้ำตาถึงได้หลั่งไหลออกมากัน..
“วังฉางไห่ไม่ได้พบกันตั้งนาน “ชายเบื้องหน้าขยับรอยยิ้มสวยงามราวกับรูปสลักตราตรึงผมเอาไว้ด้วยตาคู่นั้นมือของเขายื่อนออกมาก่อนที่สัมผัสเย็นเฉียบจะทาบทับเข้ามารู้ตนอีกคราก็ตกอยู่ในอ้อมกอดของผู้ชายไม่รู้จัก กลิ่นกำยานหอมหวานอัดแน่นอยู่ในห้องพาให้ผมเกือบมึนงง
“นายเป็นอะไรกัน” ตัวของผมอ่อนเปลี้ยในอ้อมกอดเขาได้แต่มองยังเส้นผมเงางามที่พลิ้วไหวไปตามชุดจีนโบราณมันดูหรูหราเกินกว่าจะเป็นสามัญชน
“เอ ตอนนี้คงเป้นสิ่งที่พวกเจ้าเรียกว่าเจ้าที่ไง” มือเรียวปล่อยผมอออกจากอ้อมกอดแขนทั้งสิบพากันลูบไปตามส่วนต่างๆของร่างกาย
“เจ้าที่...หือเจ้าที่ ?” เขาเป็นใครกันทำไมหัวใจของผมถึงได้ร่ำร้องเรียกหาราวกับโหยหาเขามาตลอดเวลาช้านาน
“ใช่ เจ้าที่เป็นวิญญาณ” สิ้นคำของเขาตาก้ผมก็แทบถลนออกมาจากเบ้าตา วิญญาณอะไรนะ วิญญาณ...ไอ้สิ่งที่ไร้สสสารนั่นอะนะ!
“ไปให้พ้น” ผมพลักเขาออกจากร่างกายไม่สนเจ้าตะขาบที่วิ่งกันวุ่น “ไปทำตัวให้เป้นวิทยาศาสตร์ก่อนค่อยกลับมาเว้ย!”
ผมเหยียบย่ำตะขาบตรงหน้าไอ้สิ่งที่ไม่เป็นวิทยาศาสตร์รับไม่ได้ ผีเผอมีที่ไหนนี่ต้องเป็นรายการแหกตา โอ๊ยวังละเครียดนอกจากเจอพวกดงไพรสีม่วงยังต้องมาเจออะไรงี่เง่าอีก อ๊ากกกกก ทนไม่ไหวแล้วว้อย
ผมวิ่งหนีออกจากห้องฟิกสิสก์กลับไปยังหอพักอาจารย์ที่ไม่ไกลจากนี้ทอดทิ้งคนผู้หนึ่งให้ยืนงงอย่างเดียวดายก่อนที่จะลงไปนั่งมุมผนัง
ใบหน้ารูปงามของกษริย์ผู้ยิ่งใหญ่อาบไปด้วยน้ำตา นิ้วจิ้มลงกับพื้นห้องฟิสิสก์มองดูประตูห้องที่ถูกเปิดทิ้งเอาไว้
“ข้าทำอะไรผิดอ๊ะ...”
TBC ตอนสอง
******************************************************
แถมท้าย
เสียงหอบหายใจคละเคล้าไปกับเสียงเปียกชื้นตามมาด้วยแรงสั่นสะเทือนเสียจนโต๊ะเกือบพัง แม้ว่าประตูห้องพยาบาลจะถูกล็อกเอาไว้แล้วแต่คนที่ถูกจับให้นอนอยู่บนโต๊ะทำงานของตนเองไม่วายหันไปมองมันเป็นระยะ
“ถ้าเป็นห่วงขนาดนั้นจะทำรอบเดียวแล้วไปต่อกันที่ห้องของฉันไหมละ อาจารย์” เสียงทุ้มนุ่มนวลของปรานเอ่ยหยอกเย้าคนที่หอบหายใจครางแผ่วใต้ร่างของเขานัยน์ตาคู่งามรื้อไปด้วยอารมณ์ที่ถูกปลุกเร้าจนลุกโชน
“อ๊ะ..อย่า” เฮยเสียจื่อรู้สึกว่าตนเองสองจิตสองใจ ทางหนึ่งมันเกือบจะไปถึงฝั่งฝันแล้ว อีกทางก็อยากให้เลิกทำบ้าแบบนี้เสียที ไอ้คนหน้าสวยมันสมควรเป็นเคะที่ถูกกดไม่ใช่หรือไง
“อื้อ..” เผลอกรีดร้องระเส่าในยามที่หัวนมถูกหยอกล้อไปกับแรงกระแทกเสียจนเต็มไปด้วยน้ำชุ่มฉ่ำ “เซี่ยอวี้..ฮัว..อ๊ะ..จบมันที่นี่”
ครูหนุ่มร่ำร้องเสียงดังในยามที่ความร้อนกำลังแผดเผาร่างกายของตนอย่างเชื่องช้า
อีกอย่างการไปห้องมันนี่คงไม่จบแค่รอบเดียวแน่...
“จุ๊ๆไม่อดทนเอาเลยนะ ไหนว่าจะช่วยไงละ”คำหยอกเย้าแม้ในยามที่เร่งจังหวะเสียจนอีกฝ่ายแข้งขาอ่อนร้องครางไม่เป็นภาษา “ตกลงไปที่ห้องนะ เรายังไม่ได้ทายาเลยอาจารย์เฮยเสียจื่อ”
ชิบหาย!
เฮยเสียจื่อได้แต่กรีดร้องในใจอย่างโหดหวนภาวนาให้พรุ่งนี้มีเรี่ยวแรงพอไปเฝ้าก้นอาจารย์อู๋ที่แสนน่ารักได้
kuramajoy- ด้วงต้นไม้เทพเจ้า
- จำนวนข้อความ : 206
Points : 3776
Join date : 27/10/2014
Re: [Fic]หลอนรักอาจารย์ฟิสิกส์(ว่านวัง)(ฮัวเฮย)
ฮาตรงเน้!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
"ได้ข่าวว่าพวกมึงเป็นพี่น้องกันหรือความจำฉันสับสน"
กร๊ากเลยค่ะ 55555555555555555555+
มาแจมแพร์ริ่ง ว่านวัง ด้วยคน
"ได้ข่าวว่าพวกมึงเป็นพี่น้องกันหรือความจำฉันสับสน"
กร๊ากเลยค่ะ 55555555555555555555+
มาแจมแพร์ริ่ง ว่านวัง ด้วยคน
Re: [Fic]หลอนรักอาจารย์ฟิสิกส์(ว่านวัง)(ฮัวเฮย)
รู้สึกว่าคู่ล่างจะฮอตล้ำเกินคู่บนไป(ไม่)หน่อย
สงสารคิงว่าน...โดนไล่ให้ไปเป็นวิทยาศาสตร์ ทำไมวังฉางถึงใจร้ายกับคิงนัก...
PS.เรารออาจารย์เคมีกับอาจารย์คณิตอยู่นะคะ หงุงง
สงสารคิงว่าน...โดนไล่ให้ไปเป็นวิทยาศาสตร์ ทำไมวังฉางถึงใจร้ายกับคิงนัก...
PS.เรารออาจารย์เคมีกับอาจารย์คณิตอยู่นะคะ หงุงง
The_Dark_Lady- ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ
- จำนวนข้อความ : 301
Points : 3639
Join date : 21/06/2015
Age : 29
ที่อยู่ : On the Land, Below the sky
Similar topics
» [Drabble] #dmbjdaily 52 days left : Kabe-don (壁ドン) [ว่านวัง,15,เอ้อร์เหลียน,พานสาม] *เพิ่ม* [เฮยฮัว/ฮัวเฮย, ผิงเสีย]
» [SF] Ghoul [ว่านวัง]
» [OS]นายช่างที่รัก [ว่านวัง NC-18]
» [OS] #dmbjdaily (คิง) “ราตรีไร้รัก” [ว่านวัง]
» [Fic] Past to Future ในความทรงจำ (ว่านวัง)
» [SF] Ghoul [ว่านวัง]
» [OS]นายช่างที่รัก [ว่านวัง NC-18]
» [OS] #dmbjdaily (คิง) “ราตรีไร้รัก” [ว่านวัง]
» [Fic] Past to Future ในความทรงจำ (ว่านวัง)
หน้า 1 จาก 1
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
|
|
Fri 24 Jul 2020, 01:39 by gustoon
» [คู่มือด้วง] Keyword จีนสำหรับการขุด(แฟนดอม)สุสาน
Thu 21 Jun 2018, 00:29 by miskizfullmoon
» มังฮวาและภาคทิเบต
Thu 21 Jun 2018, 00:23 by miskizfullmoon
» [OS] Father is the best (ผิงเสีย)
Thu 03 Aug 2017, 16:12 by schneewittchen
» [Fic] สิ่งเล็กๆที่เชื่อมโลก5 [เมินโหยวผิง+อู่เสีย+เสี่ยอ้วน]+OC
Tue 01 Aug 2017, 12:30 by natsume
» [OS] #dmbjdaily (จูปาจุ๊บ) Bittersweet [ผิงเสีย AU]
Thu 06 Apr 2017, 15:58 by Zeth
» [OS] #dmbjdaily "โทรศัพท์มือถือ" - no Pairing [All]
Tue 04 Apr 2017, 22:27 by Zeth
» [OS] #DMBJDaily (แว่น): ระยะที่มองไม่เห็น [ฮัวเสีย]
Sat 01 Apr 2017, 16:55 by Zeth
» [OS] #DMBJdaily (5.20) ท่านยอดฝีมือ [หวังเหมิง (+เหมิงเสีย)(+ผิงเสีย)]
Thu 30 Mar 2017, 17:24 by Zeth