Countdown
We've been
togerther for

ค้นหา
 
 

Display results as :
 


Rechercher Advanced Search


[To my secret] Shiaeri

2 posters

Go down

Secret - [To my secret] Shiaeri Empty [To my secret] Shiaeri

ตั้งหัวข้อ by Shiaeri Wed 31 Dec 2014, 13:02

สวัสดีค่ะคุณซีเคร็ท <3 ดาวนะคะ ฝากรีเตวสของเราไว้ด้วย ;3;)/

1. แก๊งสามเหลี่ยมเหล็กกับการไปคว่ำกรวยเอเรบอร์(...)
2. ปู่จางกับปู่เอ้อร์ในยุคไทยโบราณ แบบปู่เอ้อร์เป็นนางรำในวัง---- (ยกตัวอย่างเฉยๆนะคะ ฮาา เอาเป็นนายทาสก็ได้ค่ะ--)
3. อู๋เสียไดเอท
4. ฮัวเสียน่ารักๆ แบบที่คุณชายสมหวัง (ฮาา)
5. พานสาม ตอนที่พี่พานเจอกับอาสามครั้งแรก ///-///

ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ สวัสดีปีใหม่นะคะ!
Shiaeri
Shiaeri
ด้วงสุสานใต้สมุทรทะเลซีซา
ด้วงสุสานใต้สมุทรทะเลซีซา

จำนวนข้อความ : 135
Points : 3667
Join date : 10/11/2014
ที่อยู่ : หน้าประตูสำริด

ขึ้นไปข้างบน Go down

Secret - [To my secret] Shiaeri Empty Re: [To my secret] Shiaeri

ตั้งหัวข้อ by Holinesz Sat 24 Jan 2015, 22:12



สวัสดีค่ะน้องดาว~ คุณซีเคร็ทมาส่งของขวัญแล้วนะ <3

แต่งฟิคให้ตามรีเควสข้อ 3 นะคะ เมื่ออู๋เสียลดน้ำหนัก 55555
มันโนแพร์ริ่งจริงๆ นะคะ เชื่อคุณซีเคร็ทเถอะค่ะ รับผิดทั้งน้ำตา TvT









————— บันทึกลับการลดน้ำหนักของนายน้อยอู๋ —————






เวลาบ่ายแก่ๆ ที่แสงจากดวงอาทิตย์ยังสาดลงมาแรงจัดชวนให้รู้สึกไม่สบายตัว เถ้าแก่อู๋หอบเอาสังขารเปื่อยๆ ของตัวเองกลับบ้านก่อนเวลาเลิกงานไปมากโข (หรือจะเรียกให้ถูกคือแอบหนีออกมาเพราะปวดหัวกับหวังเหมิงที่เอาแต่บ่นร้อนทุกๆ ห้านาทีจนคิดว่าถ้าอยู่นานกว่านี้ลูกจ้างสามร้อยหยวนได้โดนตัดเงินจนเหลือแค่สามหยวนแน่ๆ)

“กลับมาแล้ว~”

เปิดประตูบ้านเข้าไป สิ่งที่ต้อนรับอยู่ไม่ใข่ภาพในฝันที่จะมีคนยืนรออยู่พร้อมถามเสียงหวานว่า ’กลับมาแล้วหรอ จะอาบน้ำ กินข้าว หรือกินฉันก่อนดี~’ อะไรทำนองนั้น แต่เป็นก้อนอะไรบางอย่างสีดำๆ ที่กองอยู่บนโซฟาในห้องรับแขก

เจ้าของบ้านเบ้ปากใส่คนที่นอนตากพัดลมสบายใจเฉิบไม่มีท่าทีทุกข์ร้อนอะไรแบบชาวบ้านเขาเลย ว่าแล้วไอ้ความรู้สึกหมั่นไส้จนอยากแกล้งมันก็พุ่งปรี๊ดขึ้นมา และเร็วกว่าความคิดเมื่อนายน้อยอู๋ก้าวเท้ายาวๆ เข้าไปหาคนที่นอนอยู่ก่อนจะ...

“อึก!”

พุ่งไปโถมตัวใส่คนที่นอนหลับสบายอยู่เต็มๆ แอบหัวเราะหึๆ เพราะได้ยินเสียงอุทานจากคนใบ้จางที่ไม่ค่อยเปิดปากพูดบ่อยนัก

ส่วนคนโดนประทุษร้ายไม่รู้ว่าเพราะช่วงนี้ไม่ได้ไปลงกรวยนานแล้วจนประสาทสัมผัสทื่อไป หรือเป็นเพราะรู้ว่าเป็นอู๋เสียกันแน่ จางฉี่หลิงถึงไม่ระวังตัวจนต้องนอนเจ็บและจุกไปครู่หนึ่ง

“ทำงานเหนื่อยจังเลยน้า~”

“…”

แม้ตอนที่จางฉี่หลิงพลิกตัวกลับมานอนหงาย นายน้อยอู๋ก็ยังคงเกาะหนึบอยู่บนตัวราวกับลูกหมีโคอาล่าเกาะแม่ ไม่ได้สนใจใบหน้าที่เริ่มขึ้นสี(เขียวอมม่วง)ของเขาเลย แถมยังลอยหน้าลอยตาบ่นไปเรื่อย เหมือนกับว่าตัวเองไม่ได้นอนทับอยู่บนตัวมนุษย์หน้านิ่งแต่เป็นโซฟานุ่มๆ งั้นแหละ

“ลูกน้องก็หาแต่เรื่องวุ่นวายมาให้ปวดหัว...”

”…อู๋เสีย"

เรียกชื่อก็แล้ว แต่เจ้าของชื่อแค่ปรายตามองครู่หนึ่ง ก่อนจะหยิบสมุดอะไรบางอย่างในกระเป๋าออกมาแล้วเกลือกกลิ้งบนตัวเขาอย่างสบายใจ

จางฉี่หลิงถึงกับสะดุ้งเฮือก หลับตาแน่นข่มกลั้นความอดทน..........ไม่ให้อาหารกลางวันที่เพิ่งกินไปเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนขย้อนออกมาเพราะโดนน้ำหนักตัว(ไม่เบานัก)ของคนขี้แกล้งทับอยู่

“เดือนนี้บัญชีร้านติดตัวแดงอีกแล้ว~”

อู๋เสียทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ เปิดบัญชีขึ้นมามองผ่านๆ ไม่ทันเห็นสีหน้าเขียวคล้ำของจางฉี่หลิง แล้วจากนั้นก็ทำเป็นไม่สนใจคนที่ตัวเองนอนเกยอยู่อีกเลย จนกระทั่งได้ยินเสียงเรียกไม่หยุด

"…อู๋เสีย"

“คงต้องไปจิ๊กเงินใบบัญชีร้านอาสามอีกแล้ว ถ้าเขามาเห็น ฉันต้องโดนตีตายแหง”

“อู๋เสีย...”

"อะไร ไม่เห็นหรือไรว่าฉันยุ่ง-----" เถ้าแก่อู๋จิ๊ปาก ตั้งใจว่าจะบ่นคนที่ขัดจังหวะเวลาทำงาน(หลอกๆ)ของตัวเอง แต่กลับถูกหยุดเอาไว้ด้วยคำๆ เดียว...

”…หนัก”

"…"

"…"

นายน้อยแห่งสกุลอู๋ถึงกับหุบปากฉับ สมุดบัญชีร้านที่แกล้งเอาออกมาถือเล่นๆ หล่นปุลงบนพื้นพรมโดยที่ไม่มีคนสนใจ นัยน์ตาสองคู่จับจ้องกันอยู่แบบนั้น ก่อนจะเป็นอู๋เสียเองที่ทำลายความเงียบโดยการถอนหายใจ ยกมือขึ้นมาวางทาบบนอกแกร่งของอีกคนก่อนจะดันตัวขึ้นให้ใบหน้าทั้งสองอยู่ในระดับเดียวกันทั้งยังไม่ละสายตา ด้วยระยะห่างที่รู้สึกถึงลมหายใจที่รินรดกันอยู่

ใกล้...ใกล้กันเกินไปแล้ว

"นายว่าฉันอ้วนหรอเสี่ยวเกอ?"

จางฉี่หลิงที่ถูกสายตาคู่นั้นสะกดอยู่ถึงกับหลุดจากภวังค์เมื่อได้ยินคำถามที่ไม่ค่อยจะเข้ากับบรรยายกาศสักเท่าไหร่ แต่ถึงแบบนั้นคิ้วเรียวบนใบหน้านิ่งๆ ของคนที่นอนอยู่ด้านล่างก็ขมวดเข้าหากันเล็กน้อยราวกับกำลังครุ่นคิด

ถึงจะไม่อ้วนขนาดพั่งจื่อ แต่ก็นะ....

"…อืม"

“…”

“…”

นายน้อยอู๋พยักหน้าหงึกหงักกับคำตอบของเขา เป็นครั้งแรกที่จางฉี่หลิงรู้สึกว่าตัวเองอ่านสีหน้าของอีกฝ่ายไม่ออก เหงื่อจึงค่อยๆ ไหลซึมตามขมับ

”…นายบอกว่าฉันควรลดน้ำหนักสินะเสี่ยวเกอ~”

ไม่รู้ว่าคิดไปแบบนั้นได้ยังไง แต่จางฉี่หลิงก็ยังคงพยักหน้าตอบรับอีกครั้ง

"…อืม"

เขามีนิสัยชอบพูดตรงมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ยอมรับก็ได้ว่าถ้าอู๋เสียหนักน้อยกว่านี้สักนิดก็คงจะดี แต่ไม่รู้ทำไมพอฟังคำตอบสั้นๆ ของเขาแล้ว เหมือนจะรู้สึกถึงรังสีทะมึนแผ่ออกมาจากตัวอีกคน

"…"

"…"

"…งั้นหรอ…" นายน้อยอู๋ยกยิ้มหวาน แต่จางฉี่หลิงกลับรู้สึกเสียวสันหลังวาบ อู๋เสียเลื่อนมือจากการวางบนอกแกร่งมาวางทาบลงบนแก้มทั้งสองข้างของคนที่นอนอยู่ ก่อนจะโน้มหน้าลงไป...

โป๊ก!!

"…!? อู๋เสีย?"

โขกเข้าเต็มแรง

เมินโหยวผิงของนายน้อยอู๋สะดุ้งเฮือก คลำหน้าผากที่ถูกประทุษร้ายป้อยๆ ก่อนจะเงยหน้ามองคนที่ผละออกไปส่งสายตาพออกพอใจที่สามารถทำให้เขาเจ็บตัวได้

ไม่ทันได้ยินเสียงพึมพำอะไรบางอย่างจากคนเบื้องบน เห็นเพียงแค่ใบหน้าของอู๋เสียที่หงิกงอเหมือนเด็กๆ

...ก่อนที่นายน้อยสามจะลุกจากตัวจางฉี่หลิง หันหลังไปยังห้องครัว และคุ้ยกินของในตู้เย็นอย่างดุร้าย

ส่วนจางฉี่หลิงนั้นเบิกตาค้าง ทำหน้าราวกับได้เห็นบ๊ะจ่างที่น่าสยดสยองที่สุดในชีวิต กว่าจะตั้งสติได้และพุ่งเข้าไปห้าม ขนมนมเนยในตู้เย็นจากที่เต็มจนล้นก็เหลือไม่ถึงครึ่ง

จากนั้นจึงเกิดการตะลุมบอนขนาดย่อมๆ ในบ้านเล็กของสกุลอู๋ กว่าสงครามจะสงบลง จางฉี่หลิงก็รู้สึกเหนื่อยยิ่งกว่าไปลงกรวยสิบรอบติดกัน

เพิ่งรู้ตัวนี่แหละว่าลาสบอสที่โหดที่สุดนั้นไม่ได้อยู่ในสุสาน แต่เป็นอู๋เสียเวลาหิวนี่เอง




...



เช้าวันธรรมดาที่แสนจะสงบสุขและสดใสถูกทำลายด้วยเสียงเคาะประตูโครมครามก่อนที่มันจะถูกเปิดพรวดเข้ามาโดยไม่สนใจหน้าตาเหวอๆ ของเจ้าของบ้านที่กำลังวิ่งมาเปิดประตูให้เลยสักนิด... ถ้ามันจะทะเล่อทะล่าเข้ามาเองอยู่แล้วจะเคาะทำพ่อง

“เทียนเจิน~ น้องเสี่ยวเกอ~ เป็นไงบ้าง เหงาไหมเสี่ยอ้วนไม่อยู่”

คนถูกเรียกว่าเทียนเจินทำหน้าหงิก ยืนกอดอก กระดิกเท้าพิงกำแพงบ้าน ในใจสรรเสริญไปถึงบรรพบุรุษสกุลหวังก่อนจะทักทายเพื่อนรัก(?)ด้วยประโยคที่สุดแสนจะน่ารักน่าชัง

“เหงาบ้านพ่องสิ”

เสี่ยอ้วนผู้ไม่รู้ตัวว่าทำอะไรผิดถึงกับเงิบไปพักใหญ่ แอบใช้หลังมือปาดเหงื่อและขยี้ตา ไม่รู้ว่าเพราะตาฝาดไปเองหรือเขาจะเห็นเขาปีศาจงอกออกมาจากหัวของเสี่ยวอู๋จริงๆ กันนะ

“น้องเสี่ยวอู๋เป็นอะไร ทำไมดุร้ายแต่เช้าเชียว”

“ใครดุร้ายกันหา?”

คนถูกหาว่าดุร้ายแยกเขี้ยวพร้อมส่งสายตาขุ่นเคืองให้ เพิ่งรู้นี่แหละว่าเสี่ยวอู๋จะความดันต่ำตอนเช้าๆ หรือว่าตื่นแล้วยังไม่ได้กินอะไรก็เลยก้าวร้าว น้องเสี่ยวเกอนี่ใช้ไม่ได้เลย มาอยู่บ้านเขาแล้วยังไม่ยอมหาข้าวหาน้ำให้เมี-----แค่กๆ เจ้าของบ้านกิน

“โมโหหิวหรือไง เอ้านี่ เสี่ยอ้วนซื้อขนมขึ้นชื่อจากปักกิ่งมาฝาก”

วินาทีนั้นเสี่ยอ้วนเห็นเสี่ยวอู๋รับถุงขนมไปแล้วทำหน้าแปลกประหลาดที่สุดในชีวิต เหมือนอดกลั้นอะไรบางอย่าง สุดท้ายก็ร้องว้ากจนเสี่ยอ้วนสะดุ้ง

นายน้อยสามยกมือขยี้หัวจนฟูไม่เป็นทรง จากนั้นก็ก้าวเท้าปึงปังเข้าไปในห้อง โยนถุงขนมใส่เสี่ยวเกอที่นั่งเหมออยู่มุมห้องจนหมอนั่นเงยหน้าขึ้นมามองงงๆ แต่นายน้อยอู๋ไม่สนใจ เบะปากใส่คนมึนแล้วก็สะบัดหน้าหนี เดินขึ้นชั้นสองไปดื้อๆ

กว่าเจ้าของบ้านจะยอมลงจากห้องอีกครั้งท้องฟ้าก็เปลี่ยนเป็นสีส้มแล้ว คุณชายสามแห่งบ้านสกุลอู๋เดินสะโหลสะเหลเข้ามาในห้องครัวด้วยสภาพไม่ต่างจากซอมบี้เลยสักนิด ก่อนจะชะงักเมื่อเผลอสบตากับคนที่เพิ่งเงยหน้าจากการจัดโต๊ะกินข้าวพอดี เสี่ยอ้วนเหมือนจะได้ยินเทียนเจินทำเสียงฮึในลำคอก่อนจะหันหน้าหนีแล้วเดินไปทิ้งตัวลงนั่งกอดอกบนโต๊ะเฉย ส่วนคนโดนเมินแบบไม่ตั้งตัวก็ดูจะไม่รู้สึกอะไรมาก พอเห็นว่าเสี่ยวอู๋ไม่สนใจ เจ้าตัวก็ก้มหน้าก้มตาจัดโต๊ะต่อไป

เนื่องจากวันนี้มีพ่อครัวอย่างเสี่ยอ้วนเข้าครัวเอง กับข้าววันนี้จึงเรียงรายอยู่เต็มโต๊ะ ต่างจากข้าวกล่องจากร้านสะดวกซื้อเหมือนทุกวัน

แต่สิ่งที่ผิดแปลกจากเดิม นอกจากจะเป็นกับข้าวน่ากินทั้งหลายแล้วยังมีคุณชายสามที่กลายร่างเป็นน้องหมาหางลู่หูตก เกาะขอบโต๊ะมองตามตาละห้อย ก็อยากถามอยู่หรอกว่าทำไมเสี่ยวอู๋ถึงไม่ยอมกิน แต่พอเห็นคนทำหน้าตาเหมือนลูกหมาน้อยหยิบตะเกียบขึ้นมาคีบข้าวเข้าปากที เหลือบมองน้องเสี่ยวเกอที ทำแบบนี้ไปสองสามครั้งก็วางตะเกียบลงแล้วก็ลุกขึ้นยืนพร้อมกับเอ่ยสองคำที่ทำเอาเสี่ยอ้วนอ้าปากค้าง

“อิ่มแล้ว...”

ยังไม่ทันได้หายตกตะลึงที่วันนี้นายน้อยอู๋กินข้าวยิ่งกว่าแมวดม เทียนเจินก็เดินออกจากห้องครัวไปแล้ว พอหยุดอยู่หน้าโซฟาก็ล้มตัวลงนอนขดเป็นก้อนกลมๆ จากนั้นก็ไม่สนใจอะไรอีกเลย ไม่รู้ว่าติดสกิลการเมินมาจากเสี่ยวเกอเพราะอยู่ด้วยกันมากไปหรือเปล่า

“น้องเสี่ยวเกอ----“ กะว่าจะหันมาถามคนที่ยังนั่งเงียบอยู่สักหน่อย แต่ภาพที่เห็นก็ไม่ต่างจากภาพของเทียนเจินเมื่อกี๊เลยสักนิด แม้ว่าน้องเสี่ยวเกอจะทำหน้านิ่งกินข้าวได้เป็นปกติ แต่เหมือนว่าจะเห็นภาพซ้อนของลูกหมาขนฟูสีดำที่หางลู่หูตกเพราะถูกเจ้านายทิ้งจนต้องขยี้ตาซ้ำแล้วซ้ำอีก


“...นี่เสี่ยอ้วนพลาดอะไรไปหรือเปล่าวะ?”


ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกันนะ?



...



บรรยากาศมาคุระหว่างทั้งสองคนยังคงดำเนินไปอีกหลายวัน

จากการสังเกตการณ์ของเสี่ยอ้วนผู้ทำตัวเหมือนคนว่างงาน เหมือนน้องเสี่ยวอู๋จะเมินจางฉี่หลิงโดยสมบูรณ์แบบ ส่วนอีกคนน่ะเหรอ ก็ยังคงนิ่งเงียบตีหน้ามึนตามแบบของเขานั่นแหละ แต่ก็สังเกตได้ว่าน้องเสี่ยวเกอจะแอบมองเทียนเจินบ่อยๆ แต่ถึงแบบนั้นก็ยังไม่เข้ามาชวนคุยสักที เสี่ยอ้วนก็เริ่มจะปวดหัวแล้วเหมือนกัน

แต่ที่น่าคิดหนักไปกว่านั้นคือ เทียนเจินที่ดูเหมือนจะโทรมขึ้นทุกวัน(...มั้งนะ?) ข้าวปลาก็ไม่ยอมกิน ต่อให้เอาของกินมาล่อสารพัดก็ไม่สนใจแถมเดินหนีไปดื้อๆ ดูท่าทางระหว่างที่เสี่ยอ้วนไม่อยู่ คงทะเลาะกันหนักน่าดู

“...ทำเป็นผัวเมียตีกันไปได้”

เผลอพึมพำออกไปเมื่อความพยายามที่จะให้เทียนเจินกินข้าวให้ได้ล้มเหลวอีกครั้ง แต่เหมือนอีกฝ่ายจะหูดีไปนิด น้องเสี่ยวอู๋หันขวับมาทันทีที่ได้ยิน แถมยังตวาดแว้ดใส่เสียงดังจนยกมืออุดหูแทบไม่ทัน

"ใครผัวเมียใคร ไอ้อ้วน!"

ใจจริงก็อยากจะทำหน้าเซ็งใส่อยู่หรอก แต่เทียนเจินตอนโมโหมันน่าแกล้งน้อยที่ไหนกันละ เสี่ยอ้วนเลยเอื้อมมือไปวางปุๆ ลงบนเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนนั่น ก่อนจะออกแรงขยี้จนฟูไม่เป็นทรง

“เทียนเจินแพ้ท้องแล้วหงุดหงิดเหรอ? ไปฝากท้องหรือยัง กินยาที่หมอให้มาครบไหม?”

สิ้นประโยคนั้น คนถูกแซวหน้าแดงวาบ ไม่รู้เพราะเขินอายหรือเพราะโมโห รู้สึกเหมือนเห็นควันสีขาวลอยออกมาจากหูฟู่ๆ

“ตายซะเถอะไอ้อ้วนนนนนนนน”

จากนั้นก็เกิดศึกวิ่งไล่เตะตูดกันทั่วบ้าน แต่อ้วนระดับต๊อกต๋อยอย่างเทียนเจินน่ะ วิ่งไม่ทันอ้วนพริ้วอย่างเสี่ยอ้วนหรอกนะ










เช้าวันนี้ก็ยังเหมือนเดิม น้องเสี่ยวเกอยังนั่งเหมอลอยอยู่ข้างหน้าต่างเหมือนเดิม เทียนเจินที่เดินเกาพุงลงมาจากห้องก็แสร้งเดินผ่านไปราวกับไม่เห็นคนที่นั่งทำตาละห้อยมองอยู่เหมือนเดิม

พอล้มตัวลงนั่งได้เจ้าตัวก็คว้าเอาโทรศัพท์บ้านที่วางอยู่มากดจึ๊กๆ ก่อนจะยกขึ้นแนบหู รอสายเพียงไม่นานก็มีคนกดรับ และไม่รอให้อีกฝ่ายเปิดปากทักทาย นายน้อยสามก็พูดสวนไปก่อนทันที

"เสี่ยวฮัว ว่างไหม มาหาหน่อย” ถึงจะเป็นคำถาม แต่คนปลายสายก็คงอยากจะถามกลับอยู่หน่อยๆ นั่นแหละว่าไอ้กระแสเสียงที่สุดแสนจะเอาแต่ใจราวกับบอกว่าห้ามปฏิเสธนี่มันอะไรกัน

[อะไรของนาย จู่ๆ ก็โทรเรียกให้ไปหา]

“แล้วมาหาไม่ได้หรอ..?”

ยอม...ยอมเขาเลย..ใครสั่งใครสอนให้นายน้อยสามทำตัวแบบนี้ ขนาดเสี่ยอ้วนที่(แอบ)ฟังอยู่ยังขนลุกซู่กับน้ำเสียงออดอ้อนนั่น

[…]

เหมือนจะรู้สึกได้ว่าคนปลายสายถอนหายใจเฮือกใหญ่ เกือบจะใจแป้วไปแล้วถ้าไม่ได้ยินเซี่ยอวี่เฉินส่งเสียงหัวเราะในลำคอก่อนจะตอบกลับมาอย่างอารมณ์ดี

[อีกห้าชั่วโมงเจอกัน ฉันกำลังไปสนามบิน]





แล้วคุณชายเก้าก็ทำอย่างที่พูดจริงๆ เมื่อได้ยินเสียงกดกริ่งประตูบ้านพร้อมกับการปรากฏตัวของคุณชายรูปงามภายในเวลาห้าชั่วโมงเป๊ะ
แถมนายน้อยอู๋ก็ดูจะดีใจออกนอกหน้า วิ่งวุ่นต้อนรับเสียดิบดี คนที่โดนเมินอยู่ตรงมุมห้องเลยยิ่งกลายเป็นอากาศธาตุ ลุกขึ้นเดินหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้

“ว่าไง โทรเรียกฉันมีอะไร”

“...ตีแบตกัน"

“…”

ตกลงที่เซี่ยอวี่เฉินบินข้ามน้ำข้ามเมืองหลายพันไมล์มาหานายน้อยสามเพียงเพื่อที่จะตีแบตกันเนี่ยนะ...เชื่อเขาเลย

“ความจริงฉันก็ไม่ได้ว่างขนาดมาเล่นกับนายหรอกนะ นายน้อยสาม...”

“…”

“แต่ไหนๆ ก็มาแล้ว เล่นสักหน่อยคงไม่เป็นไร”

ต่อให้พูดจาเหมือนฝืนใจเล่นแค่ไหน แต่ก็ยังปิดรอยยิ้มของตัวเองไม่อยู่ เหมือนกับตอนที่บอกให้อู๋เสียดูแลตัวเองตอนอากาศหนาว แต่ยังหาเสื้อผ้าอุ่นๆ มาใส่ให้ ดุด่าที่ไปลงกรวยแล้วบาดเจ็บมา แต่ก็ช่วยทำแผลให้นั่นแหละ







“น้องเสี่ยวเกอจะไม่เข้าไปเล่นกับสองคนนั้นเหรอ?”

หลังจากเดินตามหาทั่วบ้านมาค่อนวัน เสี่ยอ้วนก็พบว่าจางฉี่หลิงเข้ามาแอบหลบอยู่ในห้องครัวที่มองผ่านหน้าต่างออกไปจะเห็นสวนหลังบ้านที่มีคนเล่นตีแบตกันอย่างสนุกสนานราวกับอยู่ในโลกแค่สองคน

น้องเสี่ยวเกอลดสกิลการเมินโดยการหันมาปรายตามองเสี่ยอ้วนสักพักแล้วก็หันกลับไปทางหน้าต่างเหมือนเดิม จากนั้นจึงพึมพำเสียงเบาเหมือนกับกำลังพูดกับตัวเองมากกว่า

“อู๋เสียโกรธฉันอยู่...”

“อ้าว ก็รู้ตัวนี่”

“…”

จริงๆ ก็ไม่ได้อยากจะซ้ำเติมหรอกนะ แค่อยากช่วยกดดันให้รีบๆ ไปง้อสักที ถึงจะไม่รู้ว่างอนกันด้วยสาเหตุอะไร แต่เห็นบรรยากาศมาคุในบ้านแบบนี้เสี่ยอ้วนรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะกลายเป็นคุณแม่ยังสาว(?)ที่มองดูลูกสาวตัวเองทะเลาะกับสามีไม่มีผิด แถมลูกสาวตัวดียังลอยหน้าลอยตาไปเล่นกับกิ๊กหน้าตาเฉย ไม่ได้สนใจสามีที่ทำหน้าหงอยรออยู่ในบ้านสักนิด

“แล้วน้องเสี่ยวเกอจะไม่ทำอะไรหน่อยเหรอ?”

“กำลังง้ออยู่..”

“ง้อ?”

ตรงไหนของน้องเสี่ยวเกอกันนะที่เรียกว่าง้อ เสี่ยอ้วนล่ะอยากจะถามจริงๆ หรือจะง้อตอนที่เสี่ยอ้วนไม่เห็นวะ แต่จะซักถามยังไงจางฉี่หลิงก็ไม่ปริปากบอกอะไรอีก

“หึ...”

ว่าเพียงเท่านั้นพร้อมกับเสียงหัวเราะในลำคอ น้องเสี่ยวเกอก็หันหลังเดินไปประตูหน้าบ้าน ทิ้งให้เสี่ยอ้วนยืนมองตามอย่างงงๆ

สรุปแล้วมันยังไงกันแน่วะ เสี่ยอ้วนเรียนมาน้อยนะเว้ย ไม่เข้าใจพวกแผนสูงหรอกนะ






หลังจากที่คุยกันในครั้งนั้น เสี่ยอ้วนก็โดนเรียกตัวกลับไปสะสางงานที่ปักกิ่งเพราะแอบหนีมาหลายวัน กลับมาหังโจวอีกทีก็พบว่าคุณชายฮัวยังคงนอนเล่นอยู่ในบ้านสกุลอู๋อย่างสบายใจเฉิบ ดูเป็นคนว่างงานยิ่งกว่าเสี่ยอ้วนเสียอีก

พอตกบ่ายแก่ๆ นายน้อยสามก็จะเดินเข้ามาออดอ้อนให้คุณชายเก้าออกไปตีแบตกับตัวเองเหมือนเดิม เป็นแบบนี้อยู่ทุกวัน ดูมีความสุขกันแค่สองคนเหลือเกิน

แต่ว่าครั้งนี้เหมือนว่ามีบางอย่างเปลี่ยนไปนิดหน่อย...

พอตีแบตเหนื่อยๆ นายเมินที่ช่วงนี้เป็นฝ่ายโดนเมินหนัก ก็ยังอยู่ที่เดิม ต่างจากเมื่อก่อนที่เอาแต่ยืนมองคนสองคนเล่นกันเงียบๆ อยู่นอกวงตรงที่สักพักก็จะหันหลังเดินออกจากบ้านไป แต่ไม่นานก็กลับเข้ามาพร้อมถือถุงกับข้าวที่ติดป้ายภัตตาคารโหลวว่ายโหลวของโปรดของนายน้อยอู๋มามากมายเต็มสองมือ

และไม่ต้องรอให้เรียก เมื่อจัดโต๊ะเสร็จเป็นจังหวะเดียวกับที่เกมระหว่างนายน้อยสามและคุณชายเก้าจบลง อู๋เสียก็วางไม้แบตและพุ่งเข้าใส่โต๊ะอาหารทันที ได้เห็นปากเจ้าตัวขยับพูดอะไรบางอย่างกับน้องเสี่ยวเกอที่ถือผ้าขนหนูเปียกหมาดๆ มาเช็ดมือให้เสี่ยวอู๋

หลังจากมั่นใจว่ามือนายน้อยสามสะอาดเอี่ยมแล้วจางฉี่หลิงถึงได้ปล่อยให้อีกคนนั่งลงตรงหน้าโต๊ะหินที่มีกับข้าวมากมายเรียงรายอยู่พร้อมกับส่งชามข้าวให้
มองดูนายน้อยของบ้านลงมือตักกับข้าวเข้าปากแล้วทำหน้ามีความสุขสุดๆ โดยมีจางฉี่หลิงที่ยืนทำหน้านิ่ง แต่มือกลับถือผ้าขนหนูคอยเช็ดเหงื่อให้อยู่ไม่ห่าง

เสี่ยอ้วนก็สงสัยอยู่หรอกว่าไปคืนดีกันตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่กี่วันก่อนยังทะเลาะกันจะเป็นจะตาย (ถึงจะมองว่าเสี่ยวอู๋เป็นฝ่ายโกรธคนเดียวเพราะน้องเสี่ยวเกอดูจะไม่สนใจเลยก็เถอะ)

พอเห็นน้องเสี่ยวเกอเอาแต่ป้อนข้าวป้อนน้ำแถมเช็ดหน้าเช็ดคอให้เสี่ยวอู๋ ก็เหมือนจะได้ยินเสียงเหมือนอะไรโดนพังดังมาจากคุณชายเซี่ย พอหันไปมองออกทีก็เห็นซากโทรศัพท์สีชมพูลงไปนอนเป็นซากอยู่บนพื้นอย่างน่าสงสาร

และวันต่อมานอกจากถุงกับข้าวที่เพิ่มขึ้นทุกวันแล้ว ข้างๆ กันยังมีบรรดาของหวานที่ไม่รู้ว่าคุณชายเซี่ยแกไปขนมาตั้งแต่ปักกิ่งยันหังโจวหรือเปล่าวางอยู่ข้างๆ
คราวนี้นอกจากจะมีคนคอยเช็ดหน้าเช็ดเหงื่อให้แล้วยังมีคุณชายเก้าคอยปาดคาบอาหารที่นายน้อยอู๋กินเลอะเทอะให้ด้วย... จะสบายเกินไปแล้วนะเสี่ยวอู๋

“…เสี่ยอ้วนรู้แล้วว่าทำไมเทียนเจินถึงอ้วนเอาๆ"

ถึงจะรู้สึกว่ามีบรรยากาศสุดแสนจะน่ากลัวแผ่ออกมาระหว่างน้องเสี่ยวเกอกับคุณชายเก้า แต่ไอ้ที่ทำอย่างพร้อมเพรียงกันได้อย่างน่ากลัวสุดๆ ราวกับนัดกันมานี่ก็คือการที่ทั้งสองคนคอยผลัดกันป้อนข้าวป้อนขนม เช็ดหน้าเช็ดปากให้เสี่ยวอู๋นี่แหละ

“อู๋เสีย กินดีๆ”

“นายน้อยสาม เปื้อนหมดแล้ว บอกกี่ครั้งแล้วว่าอยู่กับฉันนายต้องดูตัวเองเอง ทำไมกินแค่นี้ยังเลอะได้”

“เงียบน่า ทั้งคู่เลย”

“อู๋เสีย/นายน้อยสาม”

เสี่ยอ้วนมองดูนายน้อยสกุลอู๋ที่มีคนคอยตามใจสารพัดแล้วได้แต่ถอนหายใจ... ช่างเป็นวิถีชีวิตที่น่าอิจฉาและน่าหมั่นไส้ในเวลาเดียวกันจริงๆ รู้งี้เสี่ยอ้วนควรออกไปจีบสาวบ้างดีกว่า จะได้มีคนมาคอยตามใจแบบนี้บ้าง

แต่ว่าก่อนอื่น...


”ฮัลโหล เฮยเสียจื่อ จับเสี่ยวอู๋ไปปล่อยเกาะอีกสักรอบสองรอบเถอะนะ ถือว่าเสี่ยอ้วนขอ”



ขัดความสุขเพื่อน คือหน้าที่ของเสี่ยอ้วนอยู่แล้ว เทียนเจินไม่ต้องตามมาขอบใจหรอกนะ เพราะเสี่ยอ้วนจะปิดโทรศัพท์หนี




FIN








แถม


บันทึกลับการลดความอ้วนของอู๋เสีย

‘จางฉี่หลิง เมินโหยวผิง หมอนั่นแม่งแย่ กล้าหาว่าผมอ้วน! ผมไม่ได้อ้วน แต่หมอนั่นผอมแห้งไปต่างหาก

คิดแล้วเดือดจนอยากกระอักเลือด พอนึกถึงตอนที่นอนบนตัวหมอนั่นแล้วคลำโดนกล้ามท้องแข็งๆ นั่นแล้วมันน่าโมโหชะมัด ผมผิดตรงไหนที่ชีวิตดีจนมีแค่พุงน่ะ!?

ช่วงนี้ผมโกรธมากก็เลยตั้งใจว่าจะไม่คุยกับหมอนั่นสักพัก ที่อดอาหารไม่ใช่เพราะจะลดน้ำหนักตามที่หมอนั่นบอกหรอกนะ! แค่เห็นหน้าเมินโหยวผิงแล้วกินอะไรไม่ลงต่างหาก ไม่ได้คิดถึงตอนที่เขาหาว่าผมอ้วนด้วย!

ตอนที่นายอ้วนหอบของกินเยอะแยะมาจากปักกิ่งผมต้องตัดใจมองมันตาละห้อย เพราะผมไม่มีวันกินอะไรต่อหน้าเมินโหยวผิงอีกแล้ว!

แต่พูดถึงปักกิ่งแล้วก็คิดถึงเสี่ยวฮัวก็เลยโทรตามให้เขามาหา และเขาก็ไม่ทำให้ผิดหวังเพราะอีกห้าชั่วโมงต่อมาเขาก็มาโผล่อยู่หน้าบ้านผม

ผมชวนเขาตีแบตโดยที่ไม่บอกสาเหตุและเขาก็ไม่ชักถามอะไร ไม่รู้ทำไมดูเหมือนเขาจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษด้วย ไม่ทักว่าผมอ้วนขึ้นด้วย ดีกว่านายเมินโหยวผิงตั้งเยอะ

แต่ต้องขอบคุณวิชาของเฮยเสียจื่อที่ลากผมไปฝึกหนักมา ระหว่างตีแบตหางตาผมถึงได้เหลือบไปเห็นเมินโหยวผิงที่แอบมองพวกเราอยู่ตรงประตูหลังบ้าน ไม่ยอมเดินเข้ามา ผมที่ยังโกรธอยู่ก็ไม่ได้สนใจเขามากนัก เพราะเสี่ยวฮัวคอยเรียกดึงความสนใจอยู่เรื่อยๆ ดูเหมือนเขาจะสังเกตเห็นเมินโหยวผิงแล้วเหมือนกัน

แต่สุดท้ายหมอนั่นก็เดินถือถุงอาหารจากโหลวว่ายโหลวเข้ามาเยอะแยะเหมือนทุกวัน แถมยังทำหน้าทำตาจ้องผมเหมือนลูกหมาโดนทิ้ง
ให้ตายสิ ผมใจอ่อนจนได้... ไม่ได้เป็นเพราะเขาหรอกนะ! แต่เป็นเพราะอาหารมันน่ากินต่างหาก

วันต่อมาเสี่ยวฮัวก็ซื้อขนมมาให้เยอะแยะด้วย ผมกำลังจะบอกเขาว่าลดน้ำหนักอยู่ก็บอกไม่ทัน เพราะที่เขาซื้อมาก็มีแต่ของโปรดผมทั้งนั้น

เอาเถอะ ขอหยุดการลดน้ำหนักเอาไว้ชั่วคราวก่อนแล้วกัน ไว้วันหลังค่อยลดต่อคงไม่เป็นไร

อ้อ คืนนี้ไอ้บ้าเฮยเสียจื่อแอบเข้ามาในห้องผมอีกแล้ว หมอนั่นบอกว่าจะมาลักพาตัวผม แต่ยังดีที่เมินโหยวผิงพุ่งเข้ามาห้ามเขาทัน ไม่งั้นผมคงโดนหมอนั่นลากไปทรมานเหมือนตอนนั้นแน่ๆ

ตอนนี้มีเมินโหยวผิงอยู่ ผมไม่ต้องกลัวเขาแล้ว ให้ตายเขาก็จับผมไปปล่อยใส่จระเข้ไม่ได้อีกแล้ว

แต่เฮยเสียจื่อไม่ยอมแพ้สักที แถมยังบอกว่าพรุ่งนี้จะมาอีก ดูเหมือนกำลังสนุกอยู่เลย น่ารำคาญชะมัด พอคิดแล้วก็หงุดหงิดจนหิว ขอไปกินมื้อดึกก่อนแล้วกัน’



——— สิ้นสุดบันทึกในวันที่ XX เดือน XX ปี XXXX ———









หลังจากนั้นบันทึกการลดน้ำหนักของอู๋เสียก็จบลงแค่หน้าแรก เพราะวันต่อมาก็ยังโดนขุนจนลืมสมุดบันทึกแสนโชคร้ายที่ถูกนอนทิ้งให้ฝุ่นเขรอะอย่างเดียวดาย

เพราะสุดท้ายนายน้อยสามก็กลับไปกินอย่างดุร้ายเหมือนเดิม

คราวนี้ก็ได้แต่หวังว่าเวลาเขาขึ้นไปชั่งน้ำหนัก ตาชั่งมันคงจะไม่ปริจนร้าวหรอกนะ







FIN จริงๆ เถอะ



————





แต่งไปแต่งมาแล้วรู้สึกว่านายน้อยนี่แม่มสาวน้อยชะมัด แงย์ ;____; หวังว่าน้องดาวจะชอบนะคะ //กราบ

Holinesz
ด้วงฝึกหัด
ด้วงฝึกหัด

จำนวนข้อความ : 15
Points : 3484
Join date : 28/11/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

ขึ้นไปข้างบน

- Similar topics

 
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ