Countdown
We've been
togerther for
ค้นหา
Latest topics
Most active topics
[OS] เทียน กุญแจ โซ่ [ฮัวเฮย]
5 posters
หน้า 1 จาก 1
[OS] เทียน กุญแจ โซ่ [ฮัวเฮย]
Title: เทียน กุญแก โซ่
Pairing: เซี่ยอวี่ฮัว x เฮยเสียจื่อ
Rate: ??
หมายเหตุ ชื่อเรื่องโคตรหลอกลวงค่ะ จงอย่าเชื่อในสิ่งที่ตาเห็น 555
วันนี้เป็นวันสำคัญของผม
ทั้งที่คิดว่าจะได้อยู่กับคุณชายฮัวสุดที่รัก ออกไปเดินช็อปปิ้งกะหนุงกะหนิงด้วยกันซักที่ สลับกันป้อนมื้อเที่ยงให้กันแล้วตามด้วยไอศกรีม แกล้งกินเลอะแก้มแล้วให้เช็ดออกด้วยลิ้นร้อน พอตกเย็นก็อาจจะไปนั่งรถเล่นดูพระอาทิตย์ตกด้วยกัน บรรยากาศสุดโรแมนติก จูบดูดดื่มในรถเปิดประทุนท่ามกลางแสงสีส้มระบายเต็มท้องฟ้า ก่อนจะจบลงด้วยค่ำคืนสุดแสนเร่าร้อนบนเตียงในโรงแรมระดับห้าดาว หรืออาจจะในห้องของคุณชายที่คฤหาสน์
ทั้งที่คิดวางแผนไว้ซะดิบดี ทั้งที่อุตส่าห์บอกปัดไม่รับงานลงกรวยตลอดทั้งอาทิตย์หลังจากนี้ เพื่อที่ผมและคุณชายฮัวจะได้ฉลองกันสองคนตามประสาคนรักทุกค่ำคืนแท้ๆ แต่นี่อะไร คุณชายกลับไม่อยู่บ้านซะงั้นอ่ะ!
วันนี้ผมอุตส่าห์แต่งตัวหล่อเป็นพิเศษ ฉีดพรมน้ำหอมมาอย่างดี
ฟ้ายังไม่ทันสาง ไก่ยังไม่ทันโก่งคอ ผมก็รีบบึ่งมาหาคุณชายฮัว หลบหลีกเหล่าบอดี้การ์ดและคนรับใช้อย่างชำนาญ ตรงรี่ไปที่ห้องนอนของคุณชาย ทั้งที่กะเอาไว้แล้วว่าคงได้กอดอีกฝ่ายรับอรุณ แต่เมื่อผมโถมตัวลงไปกลับพบเพียงความนุ่มของกองหมอนหอมๆ เท่านั้น
แล้วที่รักของผมไปไหน??
ราวกับคอยท่าอยู่แล้ว คนสนิทของคุณชายที่ยืนรออยู่หน้าห้องก็ก้าวเข้ามาให้คำตอบกับผม คำตอบที่ทำให้ผมต้องกลับบ้านมานั่งคอตกทำหน้านอยด์อยู่แบบนี้
“วันนี้คุณชายออกไปหานายน้อยสามครับ ฝากมาบอกว่าถ้าคุณมาไม่ต้องรอ เพราะอาจจะค้างคืนครับ”
ทำไมทำกับผมอย่างนี้ล่ะครับ...
ผมเดินกลับบ้านตัวเองอย่างหงอยๆ ในเมื่อคุณชายไปหังโจว งั้นวันนี้คงไม่ได้อยู่ด้วยกันแล้วล่ะ ก็นายน้อยสามน่ะเป็นคนสำคัญของคุณชายนี่นา ในเมื่อมีโอกาสจะได้เจอกันทั้งที คงไม่มีทางที่คุณชายจะยอมกลับง่ายๆ หรอก
นึกแล้วก็อยากจะร้องไห้ เฮยเสียจื่อเอ๋ย ตัวสำรองอย่างนายคาดหวังอะไรอยู่งั้นเหรอ แค่ทุกวันนี้คนงามยอมลดตัวลงมาเกลือกกลั้วด้วยก็ถือว่าเป็นบุญเท่าไหร่แล้ว
ทั้งที่คิดว่า ถ้าเอาตัวเข้าไปใกล้ชิด ซักวันดอกไม้งดงามดอกนั้นจะยอมโน้มกิ่งลงมาให้เชยชม ทั้งที่เคยนึกฝันไว้ว่า ถึงจะไม่ได้มีความสำคัญเท่ารักแรกคนนั้น แต่ขอเพียงพื้นที่เล็กๆ ในหัวใจคุณชายให้ได้มีเขาอยู่ก็พอแล้วแท้ๆ แต่คงจะขอมากไปสินะ
ผมคงจะสำคัญตัวผิดไปมากเลยทีเดียว ขนาดวันนี้เป็นวันที่มีความหมายกับผมมากแท้ๆ คุณชายก็ยังลืมได้ลงคอ หรือไม่เคยคิดจะจดจำกันแน่นะ ทั้งที่ผมคิดว่าจะได้ฉลองกับคุณเหมือนปีที่แล้ว แต่เฮยเสียจื่อคนนี้คงไม่เคยอยู่ในความทรงจำของคุณเลยสินะครับ
อา…
ฝนดันมาตกซะได้
แต่ทำไมกันนะ ทั้งที่น้ำฝนก็เย็นมากแท้ๆ แต่หยาดน้ำบนใบหน้าของผมมันอุ่นซะจนชวนให้น้ำตาไหล
ฮะๆ พูดบ้าๆ น่า
คนกลับกลอกอย่างผมไม่มีทางที่จะร้องไห้กับเรื่องไร้สาระแบบนี้อยู่แล้ว
คนที่ใช้ชีวิตอยู่ในวงการคว่ำกรวยมานาน เห็นโลกเบื้องหลังมามากอย่างผม จะมานึกน้อยใจอะไรกับอีแค่คู่นอนชั่วคราวทิ้งกันไปอยู่กับรักแรกในวันเกิดตัวเองแบบนี้
ความสัมพันธ์ของผมกับคุณชาย แต่เดิมก็มีเพียงผมฝ่ายเดียวอยู่แล้วที่เอาตัวเข้าไปพัวพัน รบเร้าหยอกเย้าจนอีกฝ่ายยอมเล่นด้วย ถึงพักหลังๆ ดูเหมือนคุณชายจะปฏิบัติตัวกับผมอ่อนโยนขึ้น แต่ก็คงจะเป็นแค่การเล่นสนุกอย่างหนึ่งของคุณชายสกุลเซี่ยเพื่อฆ่าเวลาเท่านั้นสินะ
ก็ในเมื่อคุณน่ะ ไม่เคยเรียกชื่อผมด้วยความเต็มใจเลยซักครั้งนี่นา
ทุกครั้งที่ปากบางของคุณเอ่ยเรียก ก็คือยามที่ผมทำเรื่องให้คุณรำคาญจนทนไม่ไหว หรือแม้แต่ในยามที่ร่วมรักกัน คุณจะรู้ตัวมั้ยนะ ว่าไม่เคยเอ่ยชื่อของผมออกมาเลย จะมีก็แต่ผมฝ่ายเดียวที่ร่ำร้องเรียกนามของคุณซ้ำๆ
หรือผมควรจะพอซักทีนะ?
ความรักที่เหนื่อยขนาดนี้ ผมควรจะจบมันลงได้แล้ว
หึ.. ก็ได้แค่คิดเท่านั้นแหละ ในเมื่อสุดท้ายแล้ว ผมก็ไม่เคยถอนหัวใจออกจากคุณได้จริงๆ เลย นายน้อยสามเองก็คงจะรู้สึกแบบเดียวกันนี้สินะ ยามที่มองตามแผ่นหลังของแมวดำผู้ไม่เคยหยุดนิ่งอยู่ที่ใด ได้แต่เฝ้ามอง ไม่สามารถฉุดรั้งไว้ได้ ถึงจะอยู่ด้วยกันแต่ซักวันอีกฝ่ายก็พร้อมจะไป
และเมื่อถึงตอนนั้น คุณก็คงจะก้าวเข้าไป แล้วปล่อยผมผมไว้ให้เดียวดาย
ใช่มั้ยล่ะครับคุณชาย?
ท่ามกลางความฝันอันเลือนราง ผมได้ยินเสียงเรียกชื่อของตัวเอง เสียงทุ้มนุ่มแสนคุ้นหู เสียงที่ผมต้องการให้เอ่ยเรียกผมมาตลอด กำลังเรียกผมอยู่
“.....จื่อ”
.
.
.
.
.
.
.
“.....เสียจื่อ”
.
.
.
.
.
.
.
“เฮยเสียจื่อ! ถ้านายยังไม่รีบไสหัวมาเปิดประตูให้ฉันละก็ อย่าหวังเลยว่าชาตินี้จะได้เหยียบธรณีบ้านสกุลเซี่ยอีก!!!”
เฮือกก!!
ชิบหาย นั่นมันเสียงคุณชายจริงๆ นี่หว่า
ผมผุดลุกออกจากเตียงทันที รีบร้อนจนเกือบสะดุดกองผ้าห่มหน้าทิ่ม ประคองแว่นกันแดดบนหน้าให้เข้าที่ พอออกจากห้องนอนได้ก็พุ่งลงไปชั้นล่างมาหยุดยืนหอบอยู่ที่หน้าประตู แว่วเสียงฝนตกข้างนอก ผมชะงักมือที่กำลังจะยื่นไปจับลูกบิด จะเป็นไปได้เหรอ ที่คุณชายเก้าจะมายืนตากฝนรออยู่หน้าบ้าน บางทีผมอาจจะนอนหลับฝันไป ตอนนี้คงกำลังละเมออยู่
ปังๆ
“เฮยเสียจื่อ!!”
ไม่ใช่ฝันแล้ว! กระแทกแรงขนาดนี้คุณชายคงไม่คิดจะพังเข้ามาหรอกนะครับ และเพื่อรักษาสวัสดิภาพของประตูบ้านเอาไว้ ผมจึงตัดสินใจหมุนลูกบิดเปิดออกไปในที่สุด
ภาพที่เห็นทำเอาผมนิ่งค้าง คนงามในสภาพเปียกฝน เสื้อเชิ้ตสีชมพูตัวเก่งชุ่มน้ำแนบไปกับร่างกายสมส่วนท่อนบนจนแทบมองเห็นสัดส่วน ผมสีน้ำตาลอ่อนเปียกลู่ไปตามแก้มขาว บางส่วนตกระปิดไฝเสน่ห์ตรงใต้ตา กางเกงแสลคยาวอุ้มน้ำจนหนักดูถ่วงสะโพกมนอย่างหมิ่นเหม่ รวมกับนัยตาที่ตวัดมามองอย่างไม่พอใจพาให้ผมกลืนน้ำลายอย่างฝืดคอ
คุณชายสภาพลูกหมาตกน้ำแบบนี้น่ากินชะมัด!
“กว่าจะมาเปิดได้ นึกว่าตายไปแล้วซะอีก”
ผมหลีกทางให้คุณชายเก้าเข้ามาในบ้าน มือเรียวเสยผมที่เปียกลู่ออกจากใบหน้า ท่าทางเซ็กซี่ซะจนแทบทำผมลืมความโกรธเคืองก่อนหน้านี้ แล้วเปลี่ยนใจฉุดคุณชายขึ้นเตียงมันซะเลย แต่ไม่ได้เดี๋ยวอารมณ์ที่อุตส่าห์บิ้วมาก่อนหน้านี้ก็หมดความหมายกันพอดี แบบนั้นก็เข้าอีหรอบเดิม ผมไม่ได้อยากเป็นน้อยตลอดไปหรอกนะ
“ผมไม่คิดว่าคุณชายจะมา คนสนิทของคุณบอกว่าคุณไปหังโจว”
“อืม อู๋เสียไม่สบายน่ะ แต่ตอนนี้มีคนเฝ้าไข้แล้ว ฉันก็เลยกลับ” หมายความว่า ถ้าไม่มีคนเฝ้า คุณชายก็จะไม่กลับมาสินะครับ อา... รู้สึกหน่วงในใจอีกแล้ว
“แล้วนี่คุณชายอุตส่าห์ตากฝนมาหา มีอะไรให้ผมรับใช้เหรอครับ”
ส่งยิ้มหวานให้ หวังกลบเกลื่อนคราบน้ำตาภายในจิตใจ
“นาย…”
คุณชายอ้าปากเหมือนจะพูดอะไร แต่สุดท้ายก็เงียบไป ดวงตาคู่งามจ้องมองผมอย่างเงียบงัน ส่วนผมเองก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาเช่นกัน เพียงแค่ส่งยิ้มบางๆ ไปให้รอดูปฏิกิริยาของอีกฝ่ายเท่านั้น
เนิ่นนานที่เราสองคนมองกันเงียบๆ สุดท้ายก็เป็นฝ่ายคุณชายที่เคลื่อนไหวก่อน เขาหันหลังเดินกลับไปยังหน้าประตู ครั้นเมื่อเห็นว่าผมยืนนิ่งอยู่ที่เดิมก็หันกลับมามอง ใช้สายตาจิกเป็นเชิงสั่งให้ผมเดินตามออกไป
ที่ข้างนอกฝนยังคงโปรยลงมาไม่ขาดสาย ไม่ไกลจากตัวบ้านเท่าไหร่มีรถสีดำคันหนึ่งจอดอยู่ คุณชายเดินนำไปถึงตัวรถ มือบางเปิดประตูหลังแล้วขึ้นไปนั่งก่อนจะหันมาจิกตามองเชิงบังคับให้ผมตามเข้าไป เมื่อประตูปิดลงรถก็เคลื่อนตัวออกไปทันที
บรรยากาศภายในรถเงียบกริบ มีผู้โดยสารคือผมและคนงามที่นั่งไขว้ห้างมองตรงไปข้างหน้าไม่สนใจผมที่หิ้วมาด้วยซักนิด กับลุงคนขับที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดีอีกหนึ่งคน รถคันงามแล่นอยู่บนถนนมุ่งตรงเข้าสู่ตัวเมือง ก่อนจะหยุดลงตรงหน้าห้างใหญ่แห่งหนึ่ง คุณชายไม่พูดไม่จาฉุดผมลงจากรถ ก้าวเดินดุ่มๆ นำเข้าไปยังร้านเสื้อผ้าร้านแบรนด์หรู สั่งอะไรสองสามคำกับพนักงาน แล้วผมก็โดนสาวสวยสองคนลากไปที่ห้องลองเสื้อด้านในทันที
ผมถูกจับเป็นตุ๊กตาลองเสื้ออยู่เกือบครึ่งชั่วโมง กว่าจะได้ชุดที่สองสาวพอใจก็เล่นเอาเหงื่อตก ทั้งที่สุดท้ายแล้วชุดที่ได้มาก็แค่ชุดธรรมดาๆ ที่ประกอบด้วยเชิ้ตสีขาวแขนยาว เสื้อกั๊กรัดรูปสีดำ และเนกไทด์หนึ่งเส้นเท่านั้น เมื่อผมออกมาจากห้องลองก็พบกับคุณชายที่รออยู่ก่อนแล้ว เขาอยู่ในชุดสูทเช่นปกติ ต่างออกไปแค่สีที่ใส่ไม่ใช่สีดำ แต่เป็นสีขาวที่คอปกเดินลายสีทองเรียบหรู ขับให้ผิวขาวเนียนของคุณชายยิ่งเด่น ดูน่าลูบไล้สุดๆ
คุณชายมองสำรวจผมขึ้นลงอย่างพอใจ ยื่นบัตรเครดิตให้กับพนักงานที่รอรับอยู่ เมื่อจัดการค่าชุดเรียบร้อยก็ก้าวนำผมออกจากร้านกลับไปขึ้นรถที่สตาร์ทรออยู่
“คุณชายจะให้ผมไปเป็นคนคุ้มกันให้เหรอครับ?”
“ถึงแล้วก็รู้เอง”
ดูท่าคงจะไม่ได้คำตอบอะไรจากคุณชายอีก ผมจึงตัดสินใจปิดปาก นั่งมองภาพตึกรามที่ผ่านไปนอกหน้าต่าง ฝนหยุดตกไปแล้ว ดวงตาภายใต้แว่นกันแดดของผมมองทิวทัศน์ที่เริ่มคุ้นเคย ผมพอจะเดาออกแล้วว่าเรากำลังจะไปที่ไหนกัน
ภัตตาคารที่เราสองคนกำลังนั่งอยู่นี้เป็นร้านโปรดของคุณชายที่ผมเคยได้มาทานด้วยครั้งหนึ่งเมื่อนานมาแล้ว โต๊ะที่เราเลือกอยู่ติดกับกระจกใส มองเห็นวิวยามค่ำคืนของกรุงปักกิ่งได้เป็นอย่างดี ที่นี่เป็นภัตตาคารลอยฟ้าที่อยู่บนชั้นสูงสุดของโรงแรมชื่อดังกลางใจเมือง เรื่องราคาไม่ต้องพูดถึง ถ้าไม่ใช่ระดับคุณชายเก้าคงได้แต่แหงนหน้ามองมาจากข้างล่างเท่านั้น
ผมเลื่อนเก้าอี้ให้คุณชายนั่ง แล้วย้ายตัวเองมายืนเงียบๆ รอคู่ค้าของคุณชายในคืนนี้อยู่ข้างหลัง อืม คงจะเป็นคนสำคัญขนาดที่คุณชายต้องมารอก่อน
“ทำอะไรของนาย” คุณชายฮัวเอี้ยวตัวมามองผมที่ยืนอยู่ คิ้วสวยเลิกมองอย่างแปลกใจ
“ก็ทำหน้าที่บอดี้การ์ดที่ดีให้คุณชายไงครับ”
“เจ้าโง่ ที่ของนายน่ะมันตรงนี้” นิ้วเรียวชี้ไปยังเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม ผมรู้สึกได้ถึงความร้อนเห่อบนใบหน้า นี่คุณชายพาผมมาทานข้าวอย่างนั้นเหรอ
หลังจากที่ย้ายตัวเองมานั่งเรียบร้อยแล้ว คุณชายก็เรียกพนักงานมาสั่งอาหารและสั่งในส่วนของผมให้ด้วย เมื่อบริกรจากไป ผมก็ถือโอกาสถามทันที
“เห~ คุณชายพาผมมาดินเนอร์เหรอครับ” แย้มรอยยิ้มกวนแบบที่ชอบทำประจำไปให้
“เหลวไหล วันนี้วันสำคัญของนายไม่ใช่รึไง”
ผมชะงักไปทันทีที่ได้ยิน รอยยิ้มบนหน้าเลือนหาย แทนที่ด้วยอารามตกใจปกดีใจที่แสดงออกมา
“คุณชาย.. นี่คุณจำได้เหรอครับ?!”
แทนคำตอบ มือเรียวสวยนั่นก็ยื่นมาตบผมแทบคว่ำ เจ็บจนน้ำตาแทบเล็ด คุณชายตัวเล็กบอบบาง แต่แรงไม่ได้น้อยตามรูปร่างไปเลย ตรงข้ามออกจะมือหนักซะด้วยซ้ำ
“แสดงว่าคิดอะไรโง่ๆ อยู่อีกแล้วสินะ”
“ก็คุณชาย!...”
ยังไม่ทันที่ผมจะได้พูดจบ คุณชายก็ทำมือให้ผมหุบปาก อาหารที่สั่งมาเสิร์ฟแล้ว ไม่เปิดโอกาสให้ผมได้ซักต่อคนงามของผมก็ตัดเสต็กเนื้อคำโต ทิ่มพรวดเข้ามาจนเกือบสำลัก บังคับให้ผมเริ่มกินกลายๆ
มื้อนี้ผ่านไปด้วยความเงียบ หลังจากที่คุยกับผมไปสองสามประโยคคนตรงหน้าก็เอากินลูกเดียว เมื่อจัดการกับอาหารบนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว คุณชายก็ยกมือเรียกบริกรมา แต่ยังไม่ทันที่จะก้าวมาถึงโต๊ะ ไฟทั้งชั้นพลันดับวูบลง
ผมที่ปกติตาแพ้แสงอยู่แล้ว เมื่อมาอยู่ในความมืดแบบนี้ประสาททุกส่วนตื่นตัวเต็มที่ พร้อมรับสถานการณ์ที่คาดไม่ถึง หูสดับฟังความเคลื่อนไหวรอบกายเพื่อจับผิดสังเกต ก่อนจะสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นที่กุมอยู่รอบมือ แล้วทั้วทั้งห้องก็พลันสว่างขึ้นด้วยแสงเทียน
ทีละจุด... ที่ละจุด
แสงสีส้มอ่อนค่อยๆ ถูกจุดขึ้นไล่ไปรอบๆ ร้านแห่งนี้ที่ผมเพิ่งมาสังเกตเห็นว่า ทั้งร้านมีแค่ผมกับคุณชายเท่านั้นที่เป็นลูกค้าในค่ำคืนนี้ ดวงแล้วดวงเล่า จนเทียนเล่มสุดท้ายสว่างขึ้นด้วยมือของคนตรงหน้าผม รอยยิ้มอ่อนโยนถูกส่งมาให้ แล้วริมฝีปากงดงามนั้นก็เอื้อนเอ่ยทำนองเพลงที่คนทั้งโลกร้องอวยพรในวันสำคัญแบบนี้ออกมา
ผมกระชับมือที่กอบกุมอยู่แน่นขึ้น เมื่อเสียงหวานไพเราะขับร้องทำนองเพลงแฮปปี้เบิร์ดเดย์จนใกล้จบ รู้สึกกระบอกตาร้อนผ่าว ความน้อยใจก่อนหน้านี้มลายหายไปสิ้น เพียงแค่คนๆ นี้เห็นความสำคัญของผมขนาดนี้ ผมก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว
เมื่อเพลงจบลง บริกรคนเดิมก็ยกจานเค้กช็อกโกแลตชิ้นโตเข้ามา บนหน้าประดับด้วยเนื้อครีบสีขาวที่วาดเป็นกลับกุหลาบสวยงาม ตรงกลางมีเทียนปักอยู่เพียงแค่เล่มเดียว รู้สึกขอบคุณคุณชายอยู่ลึกๆ ที่ไม่คิลมู้ดผมด้วยเทียนเท่าจำนวนอายุของผม
“อธิษฐานก่อนเป่าด้วยนะ เฮยเสียจื่อ” ผมพยักหน้ารับคำ หลับตาลงเอ่ยความปรารถนาในใจ
เมื่ออธิษฐานจบผมก็เป่าเทียนเพียงเล่มเดียวนั้นดับ คุณชายแย้มรอยยิ้มกว้างอย่างนานๆ ทีจะได้เห็น มือขาวใช้ช้อนตักเนื้อครีมรูปกุหลาบบนหน้าเค้กมาจ่อตรงหน้าผม
“เอ้า อ้าปากสิ”
นอกจากจะยิ้มหวานแล้ว แม้แต่เสียงก็ยังหวานหยด ผมอ้าปากรับครีบบนช้อนอย่างไม่ลังเล ฝืนเคี้ยวขนมหวานที่เกลียดแสนเกลียดอย่างช้าๆ รสสัมผัสที่ได้รับถึงแม้จะพาให้ประสาทรับรู้รสของผมชา แต่พอมองสีหน้าของคนที่นั่งตรงข้ามแล้วกลับรู้สึกอร่อยอย่างบอกไม่ถูก
เมื่อเนื้อครีมในปากละลายจนเกือบหมดผมพลันชะงัก รู้สึกได้ถึงความผิดปกติบางอย่างจึงใช้มือล้วงหยิบเจ้าสิ่งนั่นออกมา ก่อนจะจ้องมองด้วยความงงงัน
ของที่อยู่ในมือผมขณะนี้คือกุญแจดอกเล็กๆ ดอกหนึ่ง มันมีขนาดที่เล็กมาจนถ้าไม่ลองลูบดูก็ไม่รู้เลยว่าบนตัวเนื้อโลหะสลักลวดลายบางอย่างเอาไว้ ถ้าผมเดาไม่ผิดน่าจะเป็นตราประจำตระกูลเซี่ย
“คุณชาย นี่มันอะไรกันครับ”
ผมเงยหน้าถามคนที่น่าจะให้คำตอบผมได้มากที่สุด ดวงหน้าหวานคลี่ยิ้มงดงามจับใจ ดีดนิ้วเบาๆ หนึ่งครั้งเรียกให้บริกรนำกล่องบางอย่างมาให้ แล้วยื่นมันให้แก่ผม
ท่ามกลางแสงสลัว สายตาของผมมองเห็นเป็นพิเศษ กล่องที่รับมานั้นเป็นกล่องไม้สลักลายดอกโบตั๋น เป็นกล่องดึงเปิดจากข้างบนแบบไม่มีตัวล็อก ตรงมุมฝามีตราประจำตระกูลเซี่ยเช่นเดียวกับตัวลูกกุญแจในมือผม
เงยหน้าขึ้นสบตาคุณชายอีกครั้ง อีกฝ่ายพยักหน้าให้ ผมจึงตัดสินใจเปิดมันออก ของที่อยู่ข้างในนับว่าทำผมอึ้งไปไม่น้อย ไม่เคยคิดเลยว่าชีวิตนี้จะได้รับของแบบนี้จากคนที่ผมแอบรัก ความรู้สึกในอกมันบิดมวนเป็นเกลียว ตีตื้นขึ้นมาจนใบหน้าร้อนชา
เห็นผมนิ่งเงียบไปนานคนงามจึงเอ่ยปากกระตุ้นอย่างตื่นเต้น
“คำตอบของนายล่ะ ว่ายังไง?”
ผมไม่ตอบคำ แต่กลับยื่นส่งลูกกุญแจไปให้แทนคำตอบ คุณชายยิ้มอย่างยินดี ลุกขึ้นจากที่นั่งมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าผม
“นายเข้าใจสิ่งที่ฉันจะบอกใช่มั้ย?”
“ครับ..” ผมตอบไปอย่างเหม่อลอย
“จะไม่เสียใจทีหลังแน่นะ?” ถามย้ำด้วยสีหน้าจริงจัง
“ผมแน่ใจครับ...”
“งั้นก็ดี”
ผมมองมือเรียวเอื้อมหยิบของสิ่งนั้นออกมาจากกล่อง เสียงกระทบกันดังกรุ๊งกริ๊งเบาๆ ตามการขยับไหว มือบางใช้ลูกกุญแจที่ผมยื่นให้ไขตัวล็อกออกจากกัน
“จะขอถามอีกครั้ง นายพร้อมที่จะฝากทุกสิ่งไว้กับฉันใช่มั้ย”
ตวัลสายโซ่ลงรอบลำคอแกร่ง เกี่ยวโยงแม่กุญแจรูปลักษณ์พิเศษซึ่งสั่งทำเฉพาะเข้ากับข้ออีกด้าน
“ทั้งชีวิตนี้ ทั้งตัวและหัวใจ ผมยอมมอบให้คุณชายจนหมดสิ้นครับ”
เสียงล็อกแม่กุญแจดังขึ้นเบาๆ รู้สึกถึงน้ำหนักที่เพิ่มเข้ามาตรงคอ กุญแจดอกเล็ก สิ่งที่ใช้ปลดพันธนาการเพียงสิ่งเดียวถูกยกขึ้นประทับริมฝีปากอิ่มสวย ดวงตาเปี่ยมล้นทอดมองมายังผม พาให้หัวใจกระหน่ำเต้นแรง
“ตอนนี้ เราเป็นแฟนกันแล้วนะเฮยเสียจื่อ ต่อจากนี้ไป นายจะเป็นของฉันแค่คนเดียว”
“จำไว้ แค่เพียงคนเดียว”
ความฝันที่ไม่คิดว่าจะเป็นจริง
.
.
.
.
แถมท้าย
นายแว่น: คุณชายครับ
เสี่ยวฮัว: หืม?
นายแว่น: ทำไมถึงต้องเป็นสร้อยโซ่แบบมีแม่กุญแจด้วยล่ะครับ?
เสี่ยวฮัว: อ้อ นั่นน่ะเหรอ…
นายแว่น: ว่ายังไงครับ //ลุ้นๆ
เสี่ยวฮัว: ก็แค่คิดว่ามันเหมาะกับเอ็มอย่างนายดีน่ะ
นายแว่น: งะ งั้นเหรอครับ //หูตกหางลู่
เสี่ยวฮัว: ล้อเล่นน่า ก็แค่อยากจะล่ามไว้ไม่ให้เตลิดหนีไปจากฉันอีกเท่านั้นแหละ ยิ่งสเน่ห์แรงเหลือเกิน // ท้ายประโยคพึมพำเบาๆ
นายแว่น: เมื่อกี้คุณชายพูดว่ายังไงนะครับ ผมไม่ได้ยิน //โดดเกาะคลอเคลีย ดวงตาหลังแว่นเป็นประกาย
เสี่ยวฮัว: บอกว่า กลัวนายจะเตลิดไปกัดใครเข้าแล้วฉันต้องเสียค่าฉีดยาให้เขา
นายแว่น: แต่ผมว่ามันไม่ใช่แบบนี้นี่ครับ //ออดอ้อน
เสี่ยวฮัว: ….
นายแว่น: พูดอีกทีสิครับ นะครับ น้า~
เสี่ยวฮัว: เส้นเลือดเริ่มปูด มือถือไม้พลอง
นายแว่น: >w<~ //ยังเกาะแกะอาเซาะไม่เลิก
เสี่ยวฮัว: เงื้อไม้พลองขึ้นสุดแขน…. พลั๊กก!!!
อาเมน….
Pairing: เซี่ยอวี่ฮัว x เฮยเสียจื่อ
Rate: ??
หมายเหตุ ชื่อเรื่องโคตรหลอกลวงค่ะ จงอย่าเชื่อในสิ่งที่ตาเห็น 555
วันนี้เป็นวันสำคัญของผม
ทั้งที่คิดว่าจะได้อยู่กับคุณชายฮัวสุดที่รัก ออกไปเดินช็อปปิ้งกะหนุงกะหนิงด้วยกันซักที่ สลับกันป้อนมื้อเที่ยงให้กันแล้วตามด้วยไอศกรีม แกล้งกินเลอะแก้มแล้วให้เช็ดออกด้วยลิ้นร้อน พอตกเย็นก็อาจจะไปนั่งรถเล่นดูพระอาทิตย์ตกด้วยกัน บรรยากาศสุดโรแมนติก จูบดูดดื่มในรถเปิดประทุนท่ามกลางแสงสีส้มระบายเต็มท้องฟ้า ก่อนจะจบลงด้วยค่ำคืนสุดแสนเร่าร้อนบนเตียงในโรงแรมระดับห้าดาว หรืออาจจะในห้องของคุณชายที่คฤหาสน์
ทั้งที่คิดวางแผนไว้ซะดิบดี ทั้งที่อุตส่าห์บอกปัดไม่รับงานลงกรวยตลอดทั้งอาทิตย์หลังจากนี้ เพื่อที่ผมและคุณชายฮัวจะได้ฉลองกันสองคนตามประสาคนรักทุกค่ำคืนแท้ๆ แต่นี่อะไร คุณชายกลับไม่อยู่บ้านซะงั้นอ่ะ!
วันนี้ผมอุตส่าห์แต่งตัวหล่อเป็นพิเศษ ฉีดพรมน้ำหอมมาอย่างดี
ฟ้ายังไม่ทันสาง ไก่ยังไม่ทันโก่งคอ ผมก็รีบบึ่งมาหาคุณชายฮัว หลบหลีกเหล่าบอดี้การ์ดและคนรับใช้อย่างชำนาญ ตรงรี่ไปที่ห้องนอนของคุณชาย ทั้งที่กะเอาไว้แล้วว่าคงได้กอดอีกฝ่ายรับอรุณ แต่เมื่อผมโถมตัวลงไปกลับพบเพียงความนุ่มของกองหมอนหอมๆ เท่านั้น
แล้วที่รักของผมไปไหน??
ราวกับคอยท่าอยู่แล้ว คนสนิทของคุณชายที่ยืนรออยู่หน้าห้องก็ก้าวเข้ามาให้คำตอบกับผม คำตอบที่ทำให้ผมต้องกลับบ้านมานั่งคอตกทำหน้านอยด์อยู่แบบนี้
“วันนี้คุณชายออกไปหานายน้อยสามครับ ฝากมาบอกว่าถ้าคุณมาไม่ต้องรอ เพราะอาจจะค้างคืนครับ”
ทำไมทำกับผมอย่างนี้ล่ะครับ...
♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥
ผมเดินกลับบ้านตัวเองอย่างหงอยๆ ในเมื่อคุณชายไปหังโจว งั้นวันนี้คงไม่ได้อยู่ด้วยกันแล้วล่ะ ก็นายน้อยสามน่ะเป็นคนสำคัญของคุณชายนี่นา ในเมื่อมีโอกาสจะได้เจอกันทั้งที คงไม่มีทางที่คุณชายจะยอมกลับง่ายๆ หรอก
นึกแล้วก็อยากจะร้องไห้ เฮยเสียจื่อเอ๋ย ตัวสำรองอย่างนายคาดหวังอะไรอยู่งั้นเหรอ แค่ทุกวันนี้คนงามยอมลดตัวลงมาเกลือกกลั้วด้วยก็ถือว่าเป็นบุญเท่าไหร่แล้ว
ทั้งที่คิดว่า ถ้าเอาตัวเข้าไปใกล้ชิด ซักวันดอกไม้งดงามดอกนั้นจะยอมโน้มกิ่งลงมาให้เชยชม ทั้งที่เคยนึกฝันไว้ว่า ถึงจะไม่ได้มีความสำคัญเท่ารักแรกคนนั้น แต่ขอเพียงพื้นที่เล็กๆ ในหัวใจคุณชายให้ได้มีเขาอยู่ก็พอแล้วแท้ๆ แต่คงจะขอมากไปสินะ
ผมคงจะสำคัญตัวผิดไปมากเลยทีเดียว ขนาดวันนี้เป็นวันที่มีความหมายกับผมมากแท้ๆ คุณชายก็ยังลืมได้ลงคอ หรือไม่เคยคิดจะจดจำกันแน่นะ ทั้งที่ผมคิดว่าจะได้ฉลองกับคุณเหมือนปีที่แล้ว แต่เฮยเสียจื่อคนนี้คงไม่เคยอยู่ในความทรงจำของคุณเลยสินะครับ
อา…
ฝนดันมาตกซะได้
แต่ทำไมกันนะ ทั้งที่น้ำฝนก็เย็นมากแท้ๆ แต่หยาดน้ำบนใบหน้าของผมมันอุ่นซะจนชวนให้น้ำตาไหล
ฮะๆ พูดบ้าๆ น่า
คนกลับกลอกอย่างผมไม่มีทางที่จะร้องไห้กับเรื่องไร้สาระแบบนี้อยู่แล้ว
คนที่ใช้ชีวิตอยู่ในวงการคว่ำกรวยมานาน เห็นโลกเบื้องหลังมามากอย่างผม จะมานึกน้อยใจอะไรกับอีแค่คู่นอนชั่วคราวทิ้งกันไปอยู่กับรักแรกในวันเกิดตัวเองแบบนี้
ความสัมพันธ์ของผมกับคุณชาย แต่เดิมก็มีเพียงผมฝ่ายเดียวอยู่แล้วที่เอาตัวเข้าไปพัวพัน รบเร้าหยอกเย้าจนอีกฝ่ายยอมเล่นด้วย ถึงพักหลังๆ ดูเหมือนคุณชายจะปฏิบัติตัวกับผมอ่อนโยนขึ้น แต่ก็คงจะเป็นแค่การเล่นสนุกอย่างหนึ่งของคุณชายสกุลเซี่ยเพื่อฆ่าเวลาเท่านั้นสินะ
ก็ในเมื่อคุณน่ะ ไม่เคยเรียกชื่อผมด้วยความเต็มใจเลยซักครั้งนี่นา
ทุกครั้งที่ปากบางของคุณเอ่ยเรียก ก็คือยามที่ผมทำเรื่องให้คุณรำคาญจนทนไม่ไหว หรือแม้แต่ในยามที่ร่วมรักกัน คุณจะรู้ตัวมั้ยนะ ว่าไม่เคยเอ่ยชื่อของผมออกมาเลย จะมีก็แต่ผมฝ่ายเดียวที่ร่ำร้องเรียกนามของคุณซ้ำๆ
หรือผมควรจะพอซักทีนะ?
ความรักที่เหนื่อยขนาดนี้ ผมควรจะจบมันลงได้แล้ว
หึ.. ก็ได้แค่คิดเท่านั้นแหละ ในเมื่อสุดท้ายแล้ว ผมก็ไม่เคยถอนหัวใจออกจากคุณได้จริงๆ เลย นายน้อยสามเองก็คงจะรู้สึกแบบเดียวกันนี้สินะ ยามที่มองตามแผ่นหลังของแมวดำผู้ไม่เคยหยุดนิ่งอยู่ที่ใด ได้แต่เฝ้ามอง ไม่สามารถฉุดรั้งไว้ได้ ถึงจะอยู่ด้วยกันแต่ซักวันอีกฝ่ายก็พร้อมจะไป
และเมื่อถึงตอนนั้น คุณก็คงจะก้าวเข้าไป แล้วปล่อยผมผมไว้ให้เดียวดาย
ใช่มั้ยล่ะครับคุณชาย?
♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥
ท่ามกลางความฝันอันเลือนราง ผมได้ยินเสียงเรียกชื่อของตัวเอง เสียงทุ้มนุ่มแสนคุ้นหู เสียงที่ผมต้องการให้เอ่ยเรียกผมมาตลอด กำลังเรียกผมอยู่
“.....จื่อ”
.
.
.
.
.
.
.
“.....เสียจื่อ”
.
.
.
.
.
.
.
“เฮยเสียจื่อ! ถ้านายยังไม่รีบไสหัวมาเปิดประตูให้ฉันละก็ อย่าหวังเลยว่าชาตินี้จะได้เหยียบธรณีบ้านสกุลเซี่ยอีก!!!”
เฮือกก!!
ชิบหาย นั่นมันเสียงคุณชายจริงๆ นี่หว่า
ผมผุดลุกออกจากเตียงทันที รีบร้อนจนเกือบสะดุดกองผ้าห่มหน้าทิ่ม ประคองแว่นกันแดดบนหน้าให้เข้าที่ พอออกจากห้องนอนได้ก็พุ่งลงไปชั้นล่างมาหยุดยืนหอบอยู่ที่หน้าประตู แว่วเสียงฝนตกข้างนอก ผมชะงักมือที่กำลังจะยื่นไปจับลูกบิด จะเป็นไปได้เหรอ ที่คุณชายเก้าจะมายืนตากฝนรออยู่หน้าบ้าน บางทีผมอาจจะนอนหลับฝันไป ตอนนี้คงกำลังละเมออยู่
ปังๆ
“เฮยเสียจื่อ!!”
ไม่ใช่ฝันแล้ว! กระแทกแรงขนาดนี้คุณชายคงไม่คิดจะพังเข้ามาหรอกนะครับ และเพื่อรักษาสวัสดิภาพของประตูบ้านเอาไว้ ผมจึงตัดสินใจหมุนลูกบิดเปิดออกไปในที่สุด
ภาพที่เห็นทำเอาผมนิ่งค้าง คนงามในสภาพเปียกฝน เสื้อเชิ้ตสีชมพูตัวเก่งชุ่มน้ำแนบไปกับร่างกายสมส่วนท่อนบนจนแทบมองเห็นสัดส่วน ผมสีน้ำตาลอ่อนเปียกลู่ไปตามแก้มขาว บางส่วนตกระปิดไฝเสน่ห์ตรงใต้ตา กางเกงแสลคยาวอุ้มน้ำจนหนักดูถ่วงสะโพกมนอย่างหมิ่นเหม่ รวมกับนัยตาที่ตวัดมามองอย่างไม่พอใจพาให้ผมกลืนน้ำลายอย่างฝืดคอ
คุณชายสภาพลูกหมาตกน้ำแบบนี้น่ากินชะมัด!
“กว่าจะมาเปิดได้ นึกว่าตายไปแล้วซะอีก”
ผมหลีกทางให้คุณชายเก้าเข้ามาในบ้าน มือเรียวเสยผมที่เปียกลู่ออกจากใบหน้า ท่าทางเซ็กซี่ซะจนแทบทำผมลืมความโกรธเคืองก่อนหน้านี้ แล้วเปลี่ยนใจฉุดคุณชายขึ้นเตียงมันซะเลย แต่ไม่ได้เดี๋ยวอารมณ์ที่อุตส่าห์บิ้วมาก่อนหน้านี้ก็หมดความหมายกันพอดี แบบนั้นก็เข้าอีหรอบเดิม ผมไม่ได้อยากเป็นน้อยตลอดไปหรอกนะ
“ผมไม่คิดว่าคุณชายจะมา คนสนิทของคุณบอกว่าคุณไปหังโจว”
“อืม อู๋เสียไม่สบายน่ะ แต่ตอนนี้มีคนเฝ้าไข้แล้ว ฉันก็เลยกลับ” หมายความว่า ถ้าไม่มีคนเฝ้า คุณชายก็จะไม่กลับมาสินะครับ อา... รู้สึกหน่วงในใจอีกแล้ว
“แล้วนี่คุณชายอุตส่าห์ตากฝนมาหา มีอะไรให้ผมรับใช้เหรอครับ”
ส่งยิ้มหวานให้ หวังกลบเกลื่อนคราบน้ำตาภายในจิตใจ
“นาย…”
คุณชายอ้าปากเหมือนจะพูดอะไร แต่สุดท้ายก็เงียบไป ดวงตาคู่งามจ้องมองผมอย่างเงียบงัน ส่วนผมเองก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาเช่นกัน เพียงแค่ส่งยิ้มบางๆ ไปให้รอดูปฏิกิริยาของอีกฝ่ายเท่านั้น
เนิ่นนานที่เราสองคนมองกันเงียบๆ สุดท้ายก็เป็นฝ่ายคุณชายที่เคลื่อนไหวก่อน เขาหันหลังเดินกลับไปยังหน้าประตู ครั้นเมื่อเห็นว่าผมยืนนิ่งอยู่ที่เดิมก็หันกลับมามอง ใช้สายตาจิกเป็นเชิงสั่งให้ผมเดินตามออกไป
ที่ข้างนอกฝนยังคงโปรยลงมาไม่ขาดสาย ไม่ไกลจากตัวบ้านเท่าไหร่มีรถสีดำคันหนึ่งจอดอยู่ คุณชายเดินนำไปถึงตัวรถ มือบางเปิดประตูหลังแล้วขึ้นไปนั่งก่อนจะหันมาจิกตามองเชิงบังคับให้ผมตามเข้าไป เมื่อประตูปิดลงรถก็เคลื่อนตัวออกไปทันที
บรรยากาศภายในรถเงียบกริบ มีผู้โดยสารคือผมและคนงามที่นั่งไขว้ห้างมองตรงไปข้างหน้าไม่สนใจผมที่หิ้วมาด้วยซักนิด กับลุงคนขับที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดีอีกหนึ่งคน รถคันงามแล่นอยู่บนถนนมุ่งตรงเข้าสู่ตัวเมือง ก่อนจะหยุดลงตรงหน้าห้างใหญ่แห่งหนึ่ง คุณชายไม่พูดไม่จาฉุดผมลงจากรถ ก้าวเดินดุ่มๆ นำเข้าไปยังร้านเสื้อผ้าร้านแบรนด์หรู สั่งอะไรสองสามคำกับพนักงาน แล้วผมก็โดนสาวสวยสองคนลากไปที่ห้องลองเสื้อด้านในทันที
ผมถูกจับเป็นตุ๊กตาลองเสื้ออยู่เกือบครึ่งชั่วโมง กว่าจะได้ชุดที่สองสาวพอใจก็เล่นเอาเหงื่อตก ทั้งที่สุดท้ายแล้วชุดที่ได้มาก็แค่ชุดธรรมดาๆ ที่ประกอบด้วยเชิ้ตสีขาวแขนยาว เสื้อกั๊กรัดรูปสีดำ และเนกไทด์หนึ่งเส้นเท่านั้น เมื่อผมออกมาจากห้องลองก็พบกับคุณชายที่รออยู่ก่อนแล้ว เขาอยู่ในชุดสูทเช่นปกติ ต่างออกไปแค่สีที่ใส่ไม่ใช่สีดำ แต่เป็นสีขาวที่คอปกเดินลายสีทองเรียบหรู ขับให้ผิวขาวเนียนของคุณชายยิ่งเด่น ดูน่าลูบไล้สุดๆ
คุณชายมองสำรวจผมขึ้นลงอย่างพอใจ ยื่นบัตรเครดิตให้กับพนักงานที่รอรับอยู่ เมื่อจัดการค่าชุดเรียบร้อยก็ก้าวนำผมออกจากร้านกลับไปขึ้นรถที่สตาร์ทรออยู่
“คุณชายจะให้ผมไปเป็นคนคุ้มกันให้เหรอครับ?”
“ถึงแล้วก็รู้เอง”
ดูท่าคงจะไม่ได้คำตอบอะไรจากคุณชายอีก ผมจึงตัดสินใจปิดปาก นั่งมองภาพตึกรามที่ผ่านไปนอกหน้าต่าง ฝนหยุดตกไปแล้ว ดวงตาภายใต้แว่นกันแดดของผมมองทิวทัศน์ที่เริ่มคุ้นเคย ผมพอจะเดาออกแล้วว่าเรากำลังจะไปที่ไหนกัน
♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥
ภัตตาคารที่เราสองคนกำลังนั่งอยู่นี้เป็นร้านโปรดของคุณชายที่ผมเคยได้มาทานด้วยครั้งหนึ่งเมื่อนานมาแล้ว โต๊ะที่เราเลือกอยู่ติดกับกระจกใส มองเห็นวิวยามค่ำคืนของกรุงปักกิ่งได้เป็นอย่างดี ที่นี่เป็นภัตตาคารลอยฟ้าที่อยู่บนชั้นสูงสุดของโรงแรมชื่อดังกลางใจเมือง เรื่องราคาไม่ต้องพูดถึง ถ้าไม่ใช่ระดับคุณชายเก้าคงได้แต่แหงนหน้ามองมาจากข้างล่างเท่านั้น
ผมเลื่อนเก้าอี้ให้คุณชายนั่ง แล้วย้ายตัวเองมายืนเงียบๆ รอคู่ค้าของคุณชายในคืนนี้อยู่ข้างหลัง อืม คงจะเป็นคนสำคัญขนาดที่คุณชายต้องมารอก่อน
“ทำอะไรของนาย” คุณชายฮัวเอี้ยวตัวมามองผมที่ยืนอยู่ คิ้วสวยเลิกมองอย่างแปลกใจ
“ก็ทำหน้าที่บอดี้การ์ดที่ดีให้คุณชายไงครับ”
“เจ้าโง่ ที่ของนายน่ะมันตรงนี้” นิ้วเรียวชี้ไปยังเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม ผมรู้สึกได้ถึงความร้อนเห่อบนใบหน้า นี่คุณชายพาผมมาทานข้าวอย่างนั้นเหรอ
หลังจากที่ย้ายตัวเองมานั่งเรียบร้อยแล้ว คุณชายก็เรียกพนักงานมาสั่งอาหารและสั่งในส่วนของผมให้ด้วย เมื่อบริกรจากไป ผมก็ถือโอกาสถามทันที
“เห~ คุณชายพาผมมาดินเนอร์เหรอครับ” แย้มรอยยิ้มกวนแบบที่ชอบทำประจำไปให้
“เหลวไหล วันนี้วันสำคัญของนายไม่ใช่รึไง”
ผมชะงักไปทันทีที่ได้ยิน รอยยิ้มบนหน้าเลือนหาย แทนที่ด้วยอารามตกใจปกดีใจที่แสดงออกมา
“คุณชาย.. นี่คุณจำได้เหรอครับ?!”
แทนคำตอบ มือเรียวสวยนั่นก็ยื่นมาตบผมแทบคว่ำ เจ็บจนน้ำตาแทบเล็ด คุณชายตัวเล็กบอบบาง แต่แรงไม่ได้น้อยตามรูปร่างไปเลย ตรงข้ามออกจะมือหนักซะด้วยซ้ำ
“แสดงว่าคิดอะไรโง่ๆ อยู่อีกแล้วสินะ”
“ก็คุณชาย!...”
ยังไม่ทันที่ผมจะได้พูดจบ คุณชายก็ทำมือให้ผมหุบปาก อาหารที่สั่งมาเสิร์ฟแล้ว ไม่เปิดโอกาสให้ผมได้ซักต่อคนงามของผมก็ตัดเสต็กเนื้อคำโต ทิ่มพรวดเข้ามาจนเกือบสำลัก บังคับให้ผมเริ่มกินกลายๆ
มื้อนี้ผ่านไปด้วยความเงียบ หลังจากที่คุยกับผมไปสองสามประโยคคนตรงหน้าก็เอากินลูกเดียว เมื่อจัดการกับอาหารบนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว คุณชายก็ยกมือเรียกบริกรมา แต่ยังไม่ทันที่จะก้าวมาถึงโต๊ะ ไฟทั้งชั้นพลันดับวูบลง
ผมที่ปกติตาแพ้แสงอยู่แล้ว เมื่อมาอยู่ในความมืดแบบนี้ประสาททุกส่วนตื่นตัวเต็มที่ พร้อมรับสถานการณ์ที่คาดไม่ถึง หูสดับฟังความเคลื่อนไหวรอบกายเพื่อจับผิดสังเกต ก่อนจะสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นที่กุมอยู่รอบมือ แล้วทั้วทั้งห้องก็พลันสว่างขึ้นด้วยแสงเทียน
ทีละจุด... ที่ละจุด
แสงสีส้มอ่อนค่อยๆ ถูกจุดขึ้นไล่ไปรอบๆ ร้านแห่งนี้ที่ผมเพิ่งมาสังเกตเห็นว่า ทั้งร้านมีแค่ผมกับคุณชายเท่านั้นที่เป็นลูกค้าในค่ำคืนนี้ ดวงแล้วดวงเล่า จนเทียนเล่มสุดท้ายสว่างขึ้นด้วยมือของคนตรงหน้าผม รอยยิ้มอ่อนโยนถูกส่งมาให้ แล้วริมฝีปากงดงามนั้นก็เอื้อนเอ่ยทำนองเพลงที่คนทั้งโลกร้องอวยพรในวันสำคัญแบบนี้ออกมา
ผมกระชับมือที่กอบกุมอยู่แน่นขึ้น เมื่อเสียงหวานไพเราะขับร้องทำนองเพลงแฮปปี้เบิร์ดเดย์จนใกล้จบ รู้สึกกระบอกตาร้อนผ่าว ความน้อยใจก่อนหน้านี้มลายหายไปสิ้น เพียงแค่คนๆ นี้เห็นความสำคัญของผมขนาดนี้ ผมก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว
เมื่อเพลงจบลง บริกรคนเดิมก็ยกจานเค้กช็อกโกแลตชิ้นโตเข้ามา บนหน้าประดับด้วยเนื้อครีบสีขาวที่วาดเป็นกลับกุหลาบสวยงาม ตรงกลางมีเทียนปักอยู่เพียงแค่เล่มเดียว รู้สึกขอบคุณคุณชายอยู่ลึกๆ ที่ไม่คิลมู้ดผมด้วยเทียนเท่าจำนวนอายุของผม
“อธิษฐานก่อนเป่าด้วยนะ เฮยเสียจื่อ” ผมพยักหน้ารับคำ หลับตาลงเอ่ยความปรารถนาในใจ
จะผิดไหมนะ ถ้าผมขอให้ได้อยู่กับคุณชายตลอดไป
เมื่ออธิษฐานจบผมก็เป่าเทียนเพียงเล่มเดียวนั้นดับ คุณชายแย้มรอยยิ้มกว้างอย่างนานๆ ทีจะได้เห็น มือขาวใช้ช้อนตักเนื้อครีมรูปกุหลาบบนหน้าเค้กมาจ่อตรงหน้าผม
“เอ้า อ้าปากสิ”
นอกจากจะยิ้มหวานแล้ว แม้แต่เสียงก็ยังหวานหยด ผมอ้าปากรับครีบบนช้อนอย่างไม่ลังเล ฝืนเคี้ยวขนมหวานที่เกลียดแสนเกลียดอย่างช้าๆ รสสัมผัสที่ได้รับถึงแม้จะพาให้ประสาทรับรู้รสของผมชา แต่พอมองสีหน้าของคนที่นั่งตรงข้ามแล้วกลับรู้สึกอร่อยอย่างบอกไม่ถูก
เมื่อเนื้อครีมในปากละลายจนเกือบหมดผมพลันชะงัก รู้สึกได้ถึงความผิดปกติบางอย่างจึงใช้มือล้วงหยิบเจ้าสิ่งนั่นออกมา ก่อนจะจ้องมองด้วยความงงงัน
ของที่อยู่ในมือผมขณะนี้คือกุญแจดอกเล็กๆ ดอกหนึ่ง มันมีขนาดที่เล็กมาจนถ้าไม่ลองลูบดูก็ไม่รู้เลยว่าบนตัวเนื้อโลหะสลักลวดลายบางอย่างเอาไว้ ถ้าผมเดาไม่ผิดน่าจะเป็นตราประจำตระกูลเซี่ย
“คุณชาย นี่มันอะไรกันครับ”
ผมเงยหน้าถามคนที่น่าจะให้คำตอบผมได้มากที่สุด ดวงหน้าหวานคลี่ยิ้มงดงามจับใจ ดีดนิ้วเบาๆ หนึ่งครั้งเรียกให้บริกรนำกล่องบางอย่างมาให้ แล้วยื่นมันให้แก่ผม
ท่ามกลางแสงสลัว สายตาของผมมองเห็นเป็นพิเศษ กล่องที่รับมานั้นเป็นกล่องไม้สลักลายดอกโบตั๋น เป็นกล่องดึงเปิดจากข้างบนแบบไม่มีตัวล็อก ตรงมุมฝามีตราประจำตระกูลเซี่ยเช่นเดียวกับตัวลูกกุญแจในมือผม
เงยหน้าขึ้นสบตาคุณชายอีกครั้ง อีกฝ่ายพยักหน้าให้ ผมจึงตัดสินใจเปิดมันออก ของที่อยู่ข้างในนับว่าทำผมอึ้งไปไม่น้อย ไม่เคยคิดเลยว่าชีวิตนี้จะได้รับของแบบนี้จากคนที่ผมแอบรัก ความรู้สึกในอกมันบิดมวนเป็นเกลียว ตีตื้นขึ้นมาจนใบหน้าร้อนชา
เห็นผมนิ่งเงียบไปนานคนงามจึงเอ่ยปากกระตุ้นอย่างตื่นเต้น
“คำตอบของนายล่ะ ว่ายังไง?”
ผมไม่ตอบคำ แต่กลับยื่นส่งลูกกุญแจไปให้แทนคำตอบ คุณชายยิ้มอย่างยินดี ลุกขึ้นจากที่นั่งมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าผม
“นายเข้าใจสิ่งที่ฉันจะบอกใช่มั้ย?”
“ครับ..” ผมตอบไปอย่างเหม่อลอย
“จะไม่เสียใจทีหลังแน่นะ?” ถามย้ำด้วยสีหน้าจริงจัง
“ผมแน่ใจครับ...”
“งั้นก็ดี”
ผมมองมือเรียวเอื้อมหยิบของสิ่งนั้นออกมาจากกล่อง เสียงกระทบกันดังกรุ๊งกริ๊งเบาๆ ตามการขยับไหว มือบางใช้ลูกกุญแจที่ผมยื่นให้ไขตัวล็อกออกจากกัน
“จะขอถามอีกครั้ง นายพร้อมที่จะฝากทุกสิ่งไว้กับฉันใช่มั้ย”
ตวัลสายโซ่ลงรอบลำคอแกร่ง เกี่ยวโยงแม่กุญแจรูปลักษณ์พิเศษซึ่งสั่งทำเฉพาะเข้ากับข้ออีกด้าน
“ทั้งชีวิตนี้ ทั้งตัวและหัวใจ ผมยอมมอบให้คุณชายจนหมดสิ้นครับ”
เสียงล็อกแม่กุญแจดังขึ้นเบาๆ รู้สึกถึงน้ำหนักที่เพิ่มเข้ามาตรงคอ กุญแจดอกเล็ก สิ่งที่ใช้ปลดพันธนาการเพียงสิ่งเดียวถูกยกขึ้นประทับริมฝีปากอิ่มสวย ดวงตาเปี่ยมล้นทอดมองมายังผม พาให้หัวใจกระหน่ำเต้นแรง
“ตอนนี้ เราเป็นแฟนกันแล้วนะเฮยเสียจื่อ ต่อจากนี้ไป นายจะเป็นของฉันแค่คนเดียว”
“จำไว้ แค่เพียงคนเดียว”
ความฝันที่ไม่คิดว่าจะเป็นจริง
.
.
.
.
แถมท้าย
นายแว่น: คุณชายครับ
เสี่ยวฮัว: หืม?
นายแว่น: ทำไมถึงต้องเป็นสร้อยโซ่แบบมีแม่กุญแจด้วยล่ะครับ?
เสี่ยวฮัว: อ้อ นั่นน่ะเหรอ…
นายแว่น: ว่ายังไงครับ //ลุ้นๆ
เสี่ยวฮัว: ก็แค่คิดว่ามันเหมาะกับเอ็มอย่างนายดีน่ะ
นายแว่น: งะ งั้นเหรอครับ //หูตกหางลู่
เสี่ยวฮัว: ล้อเล่นน่า ก็แค่อยากจะล่ามไว้ไม่ให้เตลิดหนีไปจากฉันอีกเท่านั้นแหละ ยิ่งสเน่ห์แรงเหลือเกิน // ท้ายประโยคพึมพำเบาๆ
นายแว่น: เมื่อกี้คุณชายพูดว่ายังไงนะครับ ผมไม่ได้ยิน //โดดเกาะคลอเคลีย ดวงตาหลังแว่นเป็นประกาย
เสี่ยวฮัว: บอกว่า กลัวนายจะเตลิดไปกัดใครเข้าแล้วฉันต้องเสียค่าฉีดยาให้เขา
นายแว่น: แต่ผมว่ามันไม่ใช่แบบนี้นี่ครับ //ออดอ้อน
เสี่ยวฮัว: ….
นายแว่น: พูดอีกทีสิครับ นะครับ น้า~
เสี่ยวฮัว: เส้นเลือดเริ่มปูด มือถือไม้พลอง
นายแว่น: >w<~ //ยังเกาะแกะอาเซาะไม่เลิก
เสี่ยวฮัว: เงื้อไม้พลองขึ้นสุดแขน…. พลั๊กก!!!
อาเมน….
SilverCloud- ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ
- จำนวนข้อความ : 433
Points : 3952
Join date : 27/10/2014
ที่อยู่ : ตู้เสื้อผ้าของอารอง
Re: [OS] เทียน กุญแจ โซ่ [ฮัวเฮย]
ใช่!!!!!!! อิเเว่นมันเป็น M อิแว่นนะ มันเป็น M ค๊า!!!!!!!!!!!!
คราวหลังไม่ต้องซื้อสร้อยซื้อโซ่ เอาปลอกคอหนังวัวพร้อมสายจูงให้มันก็พอคะคุณชาย!!!
แว่นนี้รู้สึกจะขยันลงกรวยจริงๆนะ จีนพรุนแผ่นดินเเล้วมั้งนั้น
พอๆกับเสี่ยวเก้อที่ขยันลง (แค่กๆ)
มีน้อยใจด้วยอะ อุอิ คุณชายเขาเเค่กลับไปเยี่ยมเพื่อนเอง งอนไปได้
คราวหลังไม่ต้องซื้อสร้อยซื้อโซ่ เอาปลอกคอหนังวัวพร้อมสายจูงให้มันก็พอคะคุณชาย!!!
แว่นนี้รู้สึกจะขยันลงกรวยจริงๆนะ จีนพรุนแผ่นดินเเล้วมั้งนั้น
พอๆกับเสี่ยวเก้อที่ขยันลง (แค่กๆ)
มีน้อยใจด้วยอะ อุอิ คุณชายเขาเเค่กลับไปเยี่ยมเพื่อนเอง งอนไปได้
faliona01- ด้วงต้นไม้เทพเจ้า
- จำนวนข้อความ : 261
Points : 3759
Join date : 02/11/2014
ที่อยู่ : เตียงหยกเย็นในถ้ำสุสานโบราณ
Re: [OS] เทียน กุญแจ โซ่ [ฮัวเฮย]
อยากจะขำ ใช่คะมันเอ็ม เพราะงั้นถีบมันเยอะๆ SM มันเยอะๆ
kuramajoy- ด้วงต้นไม้เทพเจ้า
- จำนวนข้อความ : 206
Points : 3783
Join date : 27/10/2014
Re: [OS] เทียน กุญแจ โซ่ [ฮัวเฮย]
หวานน่ารักกก คุณชายคะลงทุนแพงไปทำไมคะ ปลอกคอพร้อมสายจูงไปเล้ย!! / โดนยิงตาย
Re: [OS] เทียน กุญแจ โซ่ [ฮัวเฮย]
แค่ประโยคแรกก็แสดงถึงความมโนของแว่นได้
คุณช้ายยยยยยยยยยยยย ทำไมไม่เอาปลอกคอแทนค่ะ แค่ก!
ผิด ผิด ผิด
แหวนอะคุณชาย แหวนไง
เอาโซ่แบบนี้เดี๋ยวชาวบ้านเข้าใจผิดว่าคุณชายซาดิสม์นา
คุณช้ายยยยยยยยยยยยย ทำไมไม่เอาปลอกคอแทนค่ะ แค่ก!
ผิด ผิด ผิด
แหวนอะคุณชาย แหวนไง
เอาโซ่แบบนี้เดี๋ยวชาวบ้านเข้าใจผิดว่าคุณชายซาดิสม์นา
YuHua- ด้วงฝึกหัด
- จำนวนข้อความ : 14
Points : 3456
Join date : 06/12/2014
Re: [OS] เทียน กุญแจ โซ่ [ฮัวเฮย]
ทำไมทุกคนถึงดูอยากจะให้คุณชายซื้อปลอกคอพร้อมสายจูงให้แว่นกันจังเลยคะ แว่นสั่นใหญ่แล้วเห็นมั้ย ถถถถ คุณชายจะขอเป็นแฟนทั้งทีก็ต้องเอาให้หรูหน่อยค่ะ แถมโซ่ทนทานกว่าหนัง เวลาทำอะไรๆจะได้ไม่ขาดง่ายๆ แถมใช้สอยได้เยอะด้วยนะคะ ฟฟฟฟ
SilverCloud- ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ
- จำนวนข้อความ : 433
Points : 3952
Join date : 27/10/2014
ที่อยู่ : ตู้เสื้อผ้าของอารอง
Similar topics
» [OS] #dmbjdaily (เทียน) You're my sky [คิงว่านหนูแอนด์วังฉางไห่]
» [OS] #dmbjdaily "เทียน"
» [Drabble] #dmbjdaily (เทียน) บันทึกของเสี่ยวฮัว
» [OS] #dmbjdaily (เทียน) เทียนไขกับเทียนเจิน [ผิงเสีย]
» [OS] #dmbjdaily (เทียน) เส้นด้ายที่หลอมรวม [ผิงเสีย] -สปอยเล่มสิบ-
» [OS] #dmbjdaily "เทียน"
» [Drabble] #dmbjdaily (เทียน) บันทึกของเสี่ยวฮัว
» [OS] #dmbjdaily (เทียน) เทียนไขกับเทียนเจิน [ผิงเสีย]
» [OS] #dmbjdaily (เทียน) เส้นด้ายที่หลอมรวม [ผิงเสีย] -สปอยเล่มสิบ-
หน้า 1 จาก 1
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
|
|
Fri 24 Jul 2020, 01:39 by gustoon
» [คู่มือด้วง] Keyword จีนสำหรับการขุด(แฟนดอม)สุสาน
Thu 21 Jun 2018, 00:29 by miskizfullmoon
» มังฮวาและภาคทิเบต
Thu 21 Jun 2018, 00:23 by miskizfullmoon
» [OS] Father is the best (ผิงเสีย)
Thu 03 Aug 2017, 16:12 by schneewittchen
» [Fic] สิ่งเล็กๆที่เชื่อมโลก5 [เมินโหยวผิง+อู่เสีย+เสี่ยอ้วน]+OC
Tue 01 Aug 2017, 12:30 by natsume
» [OS] #dmbjdaily (จูปาจุ๊บ) Bittersweet [ผิงเสีย AU]
Thu 06 Apr 2017, 15:58 by Zeth
» [OS] #dmbjdaily "โทรศัพท์มือถือ" - no Pairing [All]
Tue 04 Apr 2017, 22:27 by Zeth
» [OS] #DMBJDaily (แว่น): ระยะที่มองไม่เห็น [ฮัวเสีย]
Sat 01 Apr 2017, 16:55 by Zeth
» [OS] #DMBJdaily (5.20) ท่านยอดฝีมือ [หวังเหมิง (+เหมิงเสีย)(+ผิงเสีย)]
Thu 30 Mar 2017, 17:24 by Zeth