Countdown
We've been
togerther for

ค้นหา
 
 

Display results as :
 


Rechercher Advanced Search


[SF] - Pieces - 02 [ฮัวเสีย?]

4 posters

Go down

ฮัวเสีย - [SF] - Pieces - 02 [ฮัวเสีย?] Empty [SF] - Pieces - 02 [ฮัวเสีย?]

ตั้งหัวข้อ by Mill Mon 01 Dec 2014, 19:36

.
Daomu Biji fanfiction (盗墓笔记)
pairing: 花邪 , 瓶邪

(อ่านตามลำดับตอนนะคะ)









            พักหลังนี้ ผมไม่ค่อยได้เขียนบันทึกเหมือนเมื่อก่อน


            อาจเพราะมีสิ่งที่ต้องทำมากมายในแต่ละวัน กว่าจะเสร็จธุระปะปังทั้งหลายก็เกือบหมดวันแล้ว ชีวิตแต่ละวันดำเนินไปอย่างราบเรื่อย ไม่มีเรื่องน่าตื่นเต้นอะไร จึงไม่มีความจำเป็นต้องจดบันทึก

            ผ่านมาสามปี กับการพยายามประคับประคองและเรียนรู้งาน การบริหารธุรกิจร้านอาสามเริ่มเป็นระบบและดำเนินไปอย่างราบรื่น ส่วนร้านของผมนั้น ก็ได้หวังเหมิงช่วยแบ่งเบาภาระไปได้มาก ตอนนี้ผมสามารถวางใจปล่อยให้เขาดูแลร้านโดยไม่ต้องเข้าไปเองบ่อยๆ ได้แล้ว  หากมีเรื่องที่ยากแก่การตัดสินใจของเขา นานๆ ทีจึงจะมีโทรศัพท์มาครั้งหนึ่ง


            วันนี้ผมกลับจากข้างนอกไวกว่าปกติ เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านั้น ผมได้รับข้อความสั้นๆ จากเสี่ยวฮัว ส่งมาบอกว่าตอนนี้อยู่หังโจว เสร็จธุระแล้วจะแวะมาหาผม

            ผมกับเสี่ยวฮัวยังคงติดต่อและส่งข่าวคราวแก่กันเป็นระยะๆ  ขึ้นอยู่กับธุระและความว่างของแต่ละคน บางครั้งผมก็ไปเยี่ยมเขาบ้าง แต่ส่วนมากเขามักเป็นฝ่ายมาหาผมเสียมากกว่า

            ระยะหลังนี้เขามักเป็นแบบนี้เสมอ บทจะมาก็มา ส่งแค่ข้อความสั้นๆ มาล่วงหน้าไม่กี่ชั่วโมง บางครั้งก็มาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยเลยด้วยซ้ำ หมอนี่บางทีก็ทำตัวเหมือนเมินโหยวผิงในเวลาที่มีเรื่องเร่งด่วน แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ชินกับพฤติกรรมของเขาแล้ว ผมส่งข้อความกลับไปบอกเขาว่าให้ไปเจอกันที่ภัตตาคารโหลวว่ายโหลว ซึ่งเป็นที่ประจำของเราในเวลาแบบนี้


            เสี่ยวฮัวรอผมอยู่แล้วตอนที่ไปถึง เขาเลือกโต๊ะริมหน้าต่างเหมือนเคย บนโต๊ะมีกับข้าววางอยู่สองสามอย่าง ล้วนเป็นเมนูที่ผมสั่งประจำเวลามาทานที่นี่ อาหารทั้งหมดยังไม่ถูกแตะต้อง ไอร้อนลอยกรุ่นเป็นสาย เหมือนว่าจะเพิ่งมาเสิร์ฟได้ไม่นาน พอดิบพอดีกับเวลาที่ผมมาถึง

            “อยากได้อะไรเพิ่มก็สั่งเลยนะ”  เสี่ยวฮัวเงยหน้าขึ้นจากโทรศัพท์มาพูดกับผม หมอนี่ทำตัวราวกับเป็นเจ้าบ้าน ทั้งที่เจ้าบ้านคนนั้นควรเป็นผมแท้ๆ

            “ไอ้ที่ฉันอยากกินนายก็สั่งมาหมดแล้วนี่หว่า”  ผมตอบ


            ผมนั่งลง บริกรสาวเดินเข้ามารินน้ำชาให้ทางด้านซ้าย แล้วเราก็จับตะเกียบ เริ่มต้นมื้ออาหารพร้อมกับบทสนทนาเรื่องสถานการณ์ปัจจุบันของแต่ละฝ่ายอย่างเคย เสี่ยวฮัวฟังพลางคีบข้าวเข้าปากพลาง ท่าทีไม่ใส่ใจ แต่หูของเขาจับประเด็นที่ผมเล่าได้ทุกอย่าง คอยถามนู่นนี่เป็นระยะๆ

            กับข้าวบนโต๊ะหมดไปสองอย่าง เสี่ยวฮัวยกมือเรียกบริกรแล้วสั่งเกี๊ยวน้ำเพิ่มอีกชามปิดท้าย เขาบอกว่าคราวก่อนได้ชิมแล้วเกิดติดใจขึ้นมา จึงสั่งมาเป็นรายการล้างปากแทนของหวาน

            ระหว่างนั้นผมก็จัดการกับข้าวอีกจานที่เหลือจนหมด น้ำชาในถ้วยพร่องไปครึ่งหนึ่งจนมองเห็นตะกอนที่ก้นถ้วย บริกรสาวเดินมาที่โต๊ะก่อนจะค่อยๆ เสิร์ฟเกี๊ยวน้ำอย่างระมัดระวัง


            ตอนนั้นเองที่ผมรู้สึกถึงความผิดปกติ


            เสี่ยวฮัวไวกว่าผมมาก เขาพุ่งตัวเข้ามาในจังหวะที่กระจกหน้าต่างแตกออกพอดี เอาตัวเองบังผมไว้ จึงมีเศษกระจกหลุดมาถึงเพียงไม่กี่ชิ้น เสียงปืนอีกนัดดังขึ้น คราวนี้เป็นถ้วยชามบนโต๊ะที่รับเคราะห์แทน เรารีบมุดเข้าไปใต้โต๊ะ ชามเกี๊ยวที่เพิ่งมาเสิร์ฟร่วงลงพื้นแตกออกเป็นเสี่ยงๆ  เสี่ยวฮัวเหลือบมองด้วยสีหน้าเสียดาย

            เกิดความสับสนอลหม่ายครั้งใหญ่ในร้าน ผู้คนกรีดร้องและวิ่งหลบกันพลุกพล่าน เราซ่อนตัวอยู่ใต้โต๊ะจนเสียงปืนเงียบลงจึงค่อยมุดออกมา จังหวะนั้นเองผมรู้สึกถึงเสียงลมจากเหนือศีรษะ จึงกลิ้งหลบท่อแป๊บที่ฟาดลงมาทันอย่างหวุดหวิด


            พอลุกขึ้นมาก็เห็นเสี่ยวฮัวกำลังซัดไอ้บ้านั่นล้มคว่ำไป เราหันหลังชนกันเพื่อป้องกันไม่ให้มีช่องว่าง ต่อยตีผู้คนที่ถือท่อแป๊บดาหน้ากันเข้ามาพร้อมกับค่อยๆ เคลื่อนที่ไปเพื่อหาทางหนีไปด้วย เสี่ยวฮัวดันหลังผมร่นไปเรื่อยๆ ในขณะที่เขารับมือกับผู้คนด้านหน้า ในตอนที่กำลังจะถึงทางออกด้านหลังนั่นเอง เสี่ยวฮัวก็โดนฟาดเข้าที่ศีรษะ เลือดทะลักออกมาจากบาดแผลไหลลงมาตามหน้าเป็นทางยาว


            “เสี่ยวฮัว!”  ผมตะโกนแล้วรีบเข้าไปพยุงเขาไว้ก่อนจะถีบคนที่พุ่งเข้ามาออกไป รีบวิ่งออกทางหลังร้านพลางหยิบมือถือโทรหาลูกน้อง ข้างนอกฝนกำลังตก ทัศนะในการมองเห็นค่อนข้างต่ำ แถมพื้นยังเปียกและลื่นไปหมด พวกผมจึงอยู่ในสภาพที่ทุลักทุเลไม่น้อย  หลบๆ ซ่อนๆ อย่างลำบากอยู่พักหนึ่ง จึงมีรถมารับ



            หลังจากนั้นพวกเราเข้าไปทำแผลในโรงพยาบาล ผมไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรมาก นอกจากรอยฟกช้ำนิดๆ หน่อยๆ แต่แผลของเสี่ยวฮัวต้องเย็บหลายสิบเข็ม ผมเพิ่งมารู้ทีหลังว่าบาดแผลไม่ได้มีเพียงที่เดียว เขาเสียเลือดมากจนถึงกับหมดสติไป หมอบอกว่าตอนนี้ปลอดภัยแล้ว แต่หากมาถึงช้ากว่านี้อาจตกอยู่ในขีดอันตรายได้

            ผมตัดสินใจนอนเฝ้าเสี่ยวฮัวที่โรงพยาบาล ระหว่างนั้นก็คิดถึงกลุ่มคนที่เข้าโจมตีเราในวันนั้น ท่ามกลางเสียงฝนและเสียงฟ้าร้องจากนอกหน้าต่าง ระยะหลังบางทีผมก็เจอกับพวกคนที่มาลอบทำร้ายอยู่บ้าง สาเหตุอาจเป็นเรื่องของผลประโยชน์ ตั้งแต่ผมเข้ามาบริหารร้านแทนอาสามก็ทำการเปลี่ยนแปลงไปหลายสิ่ง บางอย่างก็พัฒนาไปในทางที่ดี แต่แน่นอนว่ามีบ้างที่ทำให้คนบางกลุ่มไม่พอใจ

            ดูท่าทางฝ่ายนั้นคงเตรียมการมาพักใหญ่แล้ว เพราะปกติผมกับเสี่ยวฮัวจะนั่งตำแหน่งนั้นตลอด ผมโทรศัพท์หาคนของร้านอาสาม รวมไปถึงหัวหลักของหน้าด่านคนที่เหลือ วันต่อมาจึงออกไปประชุมเพื่อหารือวิธีจัดการเสีย แม้จะต้องใช้วิธีที่รุนแรง แต่ผมในตอนนี้ก็รู้ดีว่ามันจำเป็นต้องทำ


            วันต่อมามีโทรศัพท์มาจากโรงพยาบาล แจ้งข่าวว่าเสี่ยวฮัวฟื้นแล้ว ผมจึงรีบรุดไปดู









            ข้อความในสมุดบันทึกสิ้นสุดแค่นั้น




            นิ้วหัวแม่โป้งกับนิ้วชี้แตะมุมกระดาษของหน้าสุดท้ายที่มีรอยยับค้างไว้ ก่อนจะค่อยๆ พลิกปิดลง


            รถลีมูซีนจอดเทียบท่าทางเข้า เขาเปิดประตูก้าวลงจากรถ โชคดีที่บริเวณนี้มีหลังคา พื้นจึงแห้งสนิท ปราศจากแอ่งน้ำขังเจิ่งนองเหมือนเส้นทางที่ผ่านมา ฝนยังไม่หยุดตก แต่ซาลงมากแล้ว ท้องฟ้าสีควันบุหรี่กับฝนปรอยๆ ชวนให้รู้สึกอยากดื่มขึ้นมา แต่นั่นเป็นเพียงความเคยชินซึ่งใช้ในวันนี้ไม่ได้ อย่างน้อยก็ตอนนี้


            เขาก้าวผ่านประตูกระจกอัตโนมัติเข้าไปในอาคาร ปลายเท้าเหยียบย่ำอย่างหนักแน่นมั่นคง พื้นรองเท้าสะท้อนเสียงเบาๆ เมื่อกระทบกับแผ่นปูหินอ่อน  ผ่านผู้คนที่เดินสวนขวักไขว่มากมาย บ้างเตรียมตัวออกเดินทาง บ้างมาส่งญาติสนิทมิตรสหายหรือคนรัก ทุกคนล้วนพูดคุยส่งยิ้มให้แก่กัน


            หูได้ยินเสียงบทสนทนามากมายล่องลอยอยู่ในบรรยากาศรอบตัว แต่ไม่มีประโยคไหนเลยในนั้นที่กล่าวกับเขา ประโยคเดียวที่เขาได้ยิน คือประโยคที่อยู่ในความทรงจำ



            หรือว่า...นายจำได้แล้วสินะ



            เขาบอกอีกฝ่ายว่าไม่ต้องมาส่ง รีบกลับบ้านไปพักผ่อนดีกว่า สภาพอากาศยิ่งแปรปรวนอยู่ ขณะเดียวกันก็ยืนยันว่าจะกลับวันนี้ แม้ทางสนามบินจะแจ้งว่าเครื่องดีเลย์ก็ตาม แล้วจึงรีบปลีกตัวออกมาก่อน


            ดังนั้น ของที่ระลึกที่ได้รับมา จึงเป็นสมุดบันทึกเล่มนี้



            โซฟาในห้องรับรองยุบตัวลงตามน้ำหนักที่กดทับ เขามีเวลาอีกมากมายให้ใช้ก่อนจะถึงเวลาขึ้นเครื่อง ภายในห้องนี้ไม่มีกระจกหน้าต่าง จึงมองไม่เห็นท้องฟ้าภายนอก และยังไม่ได้ยินเสียงฝน ที่มุมห้องวางกระถางต้นไม้ไว้อย่างละต้น ใบของมันเป็นสีเขียวสดชูช่อ บ่งบอกว่าได้รับการดูแลเป็นอย่างดี


            ในมือซ้ายคือสมุดบันทึกที่ถือรวบอยู่กับตั๋วเครื่องบิน เขาวางตั๋วลงบนตัก ก่อนจะหยิบสมุดมาพลิกเร็วๆ อีกรอบ  สมุดปกหนังเล่มเล็กขนาดพอดีฝ่ามือ หน้ากระดาษถูกใช้ไปเพียงหนึ่งส่วนสี่ ไม่มีร่องรอยฉีกขาด นอกจากรอยยับเพียงเล็กน้อยในหน้าหลังสุดของเรื่อง ที่หน้าสุดท้ายมีตัวหนังสือขยุกขยิกเหมือนทดเลขจดอยู่


            ความรู้สึกในใจเขาตอนนี้ บอกไม่ถูกว่าดีใจหรือเสียใจกันแน่ ก่อนหน้านี้เขารู้สึกเหมือนเป็นน้ำในแก้วล้างพู่กัน สีสันทุกอย่างไหลรวมกันจนกลายเป็นของเหลวเทาหม่นข้นคลั่ก ควานคลำอะไรไม่ถูก แต่ในตอนนี้ ของเหลวเหล่านั้น ตกตะกอนเหมือนกับกากชาในถ้วย เมื่อดื่มน้ำใสสะอาดที่ด้านบนจนหมด ก็จะพบกากชาที่นอนก้น นั่นคือความเป็นจริง


            ชาถ้วยที่อู๋เสียมอบให้เขานั้น เป็นชาที่ผ่านการคัดกรองเอากากออกอย่างดี ด้วยวิธีที่พิถีพิถัน อ่อนโยน ละมุนละไม เพื่อให้ได้น้ำชาที่ใสสะอาด คล่องคอ ดื่มแล้วรู้สึกสดชื่น


            นี่เป็นสิ่งหนึ่งที่อู๋เสียไม่เปลี่ยนแปลง และเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้เขาหยุดดื่มชาถ้วยนี้ไม่ได้เสียที


            แต่สิ่งหนึ่งที่อู๋เสียไม่รู้…


            กากชาที่คิดว่าตนคัดกรองออกไปแล้วนั้น แท้จริงไม่ได้หายไปไหน มันกลายเป็นอณูละเอียดเล็กที่ปะปน ล่องลอยอย่างเจือจางในน้ำชา ขณะที่เขาดื่มมันด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม เขารู้ตัวดีอยู่แล้ว ไม่ว่าอีกฝ่ายจะพยายามเพียงใด ชาถ้วยนี้ก็ยังมีตะกอนอยู่ดี


            สิ่งที่อู๋เสียไม่รู้แต่เขารู้



            ข้อความในหน้ากระดาษที่หายไปของสมุดบันทึกเล่มนั้น








tbc.
Mill
Mill
ด้วงสุสานใต้สมุทรทะเลซีซา
ด้วงสุสานใต้สมุทรทะเลซีซา

จำนวนข้อความ : 190
Points : 3701
Join date : 27/10/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

ฮัวเสีย - [SF] - Pieces - 02 [ฮัวเสีย?] Empty Re: [SF] - Pieces - 02 [ฮัวเสีย?]

ตั้งหัวข้อ by karnalone Mon 01 Dec 2014, 20:01

จริงๆ แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่น่ะ  

นายน้อยสามเปลี่ยนไปมากจริงๆ //ซับน้ำตา   แต่นายจะหลอกเสี่ยวฮัวนี่เร็วไปสิบปีนะนายน้อย

คุณชายจำรายละเอียดได้หมดแล้วหรือคะ  

ซับซ้อนซ่อนเงื่อนมาก  รอตอนต่อไปค่า

karnalone
ด้วงสุสานใต้สมุทรทะเลซีซา
ด้วงสุสานใต้สมุทรทะเลซีซา

จำนวนข้อความ : 115
Points : 3620
Join date : 27/10/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

ฮัวเสีย - [SF] - Pieces - 02 [ฮัวเสีย?] Empty Re: [SF] - Pieces - 02 [ฮัวเสีย?]

ตั้งหัวข้อ by Naitear Mon 01 Dec 2014, 20:55

เอื้ออออออห์ ;; x ;;) นึกว่าจะรอดจากปริศนาลึกล้ำซ่อนเงื่อนเสียแล้ว โดนมิลซังลากกลับไปในหลุมอีกแล้วค่ะ แงงงงงงงงง

แต่นายน้อยก็สมกับเป็นนายน้อยจริงๆค่ะ คิดว่าในความทรงจำนั้นต้องมีอะไรที่ทำให้เสี่ยวฮัวเจ็บปวดแน่เลยนายน้อยถึงต้องทำแบบนี้ คัดกรองที่แย่ออกไป เพื่อให้เสี่ยวฮัวสบายใจ ถึงจะต้องหลอกอีกฝ่ายก็ตาม

เอ๊ะ หรือว่าตอนสุดท้ายจะพลิกกลับ กลายเป็นนายน้อยอีวิลซะเอ---- #คุณแม่ตี ;  ;)

แต่คิดว่ายังไงเสี่ยวฮัวก็ดูออกอยู่แล้วล่ะเนอะ แล้วก็เป็นอย่างที่ผ่านๆมา รับคำโกหกนั้นด้วยรอยยิ้ม (ทำไมรู้สึกแอบเจ็บปวด orz) คำถามคือต่อไปเสี่ยวฮัวจะทำยังไง แต่คิดว่าอย่างคุณชายเก้าไม่น่าปล่อยปริศนานี้ไปง่ายๆหรอก ยิ่งเกี่ยวกับตัวเองและอู๋เสียด้วยแล้ว แง

พอมาตอนสองปมที่น่าจะคลายกับไม่คลายอ้ะ ; x ;) ยิ่งขมวดขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็น่าติดตามมากค่ะ บรรยายลึกลับจนเดาไม่ถูกเลย รอติดตามต่อนะคะะะ
Naitear
Naitear
ด้วงต้นไม้เทพเจ้า
ด้วงต้นไม้เทพเจ้า

จำนวนข้อความ : 232
Points : 3779
Join date : 27/10/2014
Age : 27
ที่อยู่ : หลังผ้าม่านในห้องของคุณชายฮัว

ขึ้นไปข้างบน Go down

ฮัวเสีย - [SF] - Pieces - 02 [ฮัวเสีย?] Empty Re: [SF] - Pieces - 02 [ฮัวเสีย?]

ตั้งหัวข้อ by sinnerdarker Mon 01 Dec 2014, 23:09


o]=[ สรุปคือเราก็ยังคงต้องตามติดฟิคเรื่องนี้ต่อไปสินะคะ ฟฟฟฟฟฟฟ

นายน้อยกรองสิ่งที่สำคัญให้แล้ว เทียนเจินจริงๆ แต่ท่าทางจะมีอะไรที่ปิดบังเอาไว้อีก เสี่วฮัวจะตามหามันเจอได้ยังไง วันัน้นที่สุดแล้วเกิดอะไรขึ้นบ้างกันแน่?

มีฟิคยาวในบอร์ดแล้วชื่นใจค่ะ /ซับ
sinnerdarker
sinnerdarker
ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ
ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ

จำนวนข้อความ : 343
Points : 4077
Join date : 27/10/2014
ที่อยู่ : บ้านสกุลหวัง

ขึ้นไปข้างบน Go down

ขึ้นไปข้างบน

- Similar topics

 
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ