Countdown
We've been
togerther for
ค้นหา
Latest topics
Most active topics
[OS] "โหยหา" (เฮย*เสีย) (เกือบNC....)
3 posters
หน้า 1 จาก 1
[OS] "โหยหา" (เฮย*เสีย) (เกือบNC....)
[DMBJ One-Short Fiction] “โหยหา” (เฮย*เสีย)
By : จิ้งจอกแดงสกุลเฮย…
_____________
ในบางครั้งผมก็คิดว่าตัวเองเป็นเหมือนนกตัวหนึ่ง
ทว่า…ไม่ว่าผมจะอยากบินให้สูงขึ้นแค่ไหนก็ไม่อาจบินได้อย่างใจ
สักวันหนึ่งผมอาจขึ้นไปถึงยอดไม้นั่นได้ แต่อาจไม่รอดพ้นต้องเป็นเหยื่อของนายพราน
ผมโบยบินขึ้นสู่ฟ้าไป…จากนี้ไปผมคงจะไร้ซึ่งที่พึ่งพิง
เขาเกลียดแสงสว่าง…
ดวงตาที่เกือบจะมืดบอดคู่นี้ไม่อาจต้านทานแสงใดๆได้ เขาจึงเกลียดแสงสว่าง นอกจากจะไม่ช่วยอะไรแล้วซ้ำยังมาทำร้ายกันอีก
เขาเกลียดแสงสว่าง ตลอดเวลาที่ผ่านมาจึงหลบซ่อนอยู่ในความมืดมิดแสนเย็นเยียบเสมอมา
แต่…ไม่รู้เหมือนกันว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่เขาเผลอตกหลุมรักแสงสว่างดวงน้อยดวงหนึ่งเข้า
แสงสว่างที่ชื่อ “อู๋เสีย”
เมืองหังโจวก้าวเข้าสู่ฤดูร้อนเต็มตัวแล้ว อากาศร้อนอบอ้าวจนแทบบ้า พระอาทิตย์ฉายแสงอยู่บนฟ้านานมากขึ้นกว่าเดิมเยอะ ดังเช่นเย็นนี้ แม้นาฬิกาเรือนเก่าแก่ใกล้พังในร้านของนายน้อยสามอู๋เสียจะบอกว่าเวลาย่างเข้าสู่ช่วงห้าโมงเย็นแล้ว แต่แสงสีส้มสดก็ยังคงส่องสว่างอาบพื้นโลกจากขอบฟ้าทิศตะวันตก อุณหภูมิพุ่งขึ้นกว่าตอนกลางวันเสียอีก
อู๋เสียที่จัดการไล่ลูกจ้างค่าแรงหกร้อยหยวนเพียงคนเดียวในร้านให้กลับไปแล้วตอนนี้นอนหมดสภาพอยู่บนโต๊ะหินอ่อนตัวใหญ่ซึ่งเมื่อประกอบกับพัดลมที่ยกมาเปิดจ่อแล้ว นับว่าช่วยคลายความร้อนไปได้เยอะพอสมควร กางเกงยีนส์หนาหนักก็ถูกถอดทิ้งเหลือเพียงชั้นในแบบขาสั้น
“ร้อนโคตรพ่อโคตรแม่โคตรเหง้าเหล่าตระกูล จะร้อนไปไหนกันวะ ชักอยากจัดทริปไปปีนฉางไป๋ซานขึ้นมาชอบกล” เขาพึมพำอยู่คนเดียวพลางเปิดเสื้อยืดสีขาวตัวบางที่สุดเท่าที่จะคุ้ยหาได้ให้ลมเป่าเข้าไปข้างใน พยายามใช้ลมกำจัดความเหนียวเหนอะหนะอันเกิดจากเหงื่อให้หมดไป
“แทนที่จะเสียเงินไปฉางไป๋ซาน ทำไมนายน้อยไม่หาแอร์มาติดร้านไปซะเลยล่ะ~” เสียงยียวนอ้อนฝ่าพระบาทดังขึ้นจากทางหน้าประตูเล่นเอาเขาตกใจจนเกือบกลิ้งตกจากโต๊ะ ยังดีที่ชีวิตนี้ผ่านเรื่องชวนช็อคหัวใจเกือบวายมาเยอะเลยตั้งสติทัน อู๋เสียผงกหัวขึ้นหันขวับไปทางที่เสียงลอยมา สายตาปะทะกับร่างสูงโปร่งจนน่าอิจฉาในชุดสีดำล้วนตัวเก่งกำลังยืนยิ้มแฉ่งน่าหมั่นไส้อยู่
“เฮยเสียจื่อ! นายบุกเข้ามาทางไหนไม่ทราบ รู้สึกว่าฉันล็อคประตูร้านไปแล้วนะ!!”
“คราวหน้าคราวหลังเวลาหยิบกุญแจสำรองมาใช้ นายน้อยต้องหันซ้ายหันขวามองให้ดีนะว่ามีคนแอบดูอยู่มั้ย” เจ้าของชื่อพูดไปหัวเราะไปพลางโชว์กุญแจสำรองของร้านเขาที่อยู่ในมือให้ดู อู๋เสียถึงกับตะลึงอ้าปากค้าง ในหัวมีคำด่าไปถึงโคตรเหง้าบรรพบุรุษของเฮยเสียจื่อหมุนวนสะท้อนไปมา
แม่งเอ้ย!!!! จากวันนี้ไปเขาจะเปลี่ยนที่ซ่อนกุญแจสำรอง!!! นายแว่นดำนี่มันที่จริงแล้วเป็นสตอร์คกอร์ใช่ไหม!!! ตอบ!!
“แล้วท่านอนนั่น…กำลังนอนยั่วฉันอยู่เหรอ” งุนงงอยู่ครู่หนึ่งก่อนคนที่ได้สมญานามว่าเทียนเจินและเทียนเจินสมชื่อจริงๆจะรู้ตัวว่าเขายังค้างอยู่ในท่าเปิดเสื้อผึ่งลม!! ใบหน้าขาวนวลเปลี่ยนเป็นแดง เขารีบกระวีกระวาดจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่เข้าทางแล้วผุดลุกขึ้นนั่ง
“ไอ้ลามก!!” ด่าให้หนึ่งดอก แต่ดูเหมือนเฮยเสียจื่อจะไม่สะทกสะท้าน ร่างสูงเดินมานั่งที่เก้าอี้ตรงหน้าโดยไม่รอคำเชื้อเชิญ ตอนนี้เองที่อู๋เสียสังเกตเห็นว่าเรือนผมสีดำที่ยาวจนปรกต้นคอแล้วของอีกฝ่ายเปียกลู่จนแนบติดไปกับผิวคอและหน้า เม็ดเหงื่อผุดพรายเต็มทุกส่วนที่ไม่โดนเสื้อผ้าปกปิด ท่าทางจะร้อนจัดเอาการ
แน่ล่ะ! นอกจากจะแต่งดำทั้งตัวแล้วยังสะเออะใส่เสื้อแจ็คเก็ตหนังทับอีก!! ใส่ถุงมือหนังอีก!! หมอนี่แม่งไม่บ้าก็โคตรบ้า!!!!
“ถอด!” อู๋เสียชี้นิ้วพร้อมทั้งเอ่ยประกาศิตสั่งคนตรงหน้าอย่างไม่คิดเกรงกลัว แต่กลับนำพาความงงสุดจะงงมาให้เฮยเสียจื่อแทน ชายหนุ่มเอียงคอเล็กน้อยแสดงท่าทางบ่งบอกถึงความไม่เข้าใจ
“ถอดให้หมด! เสื้อนอก! ถุงมือ! บู้ทหนัง! นายอยากโอเวอร์ฮีทตายนักใช่มั้ย ห๊ะ!?!” เมื่อได้รับคำขยายความ รอยยิ้มบางๆที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าคมหล่อชวนให้ละลายใต้แว่นกันแดดฉายชัดขึ้นกลายเป็นรอยยิ้มกว้าง เฮยเสียจื่อลงมือถอดทุกอย่างที่นายน้อยสามของเขาบอกอย่างว่าง่าย ในที่สุดทั้งตัวก็เหลือแค่เสื้อกล้ามคอเว้าลึกสีดำกับกางเกงยีนส์สีเข้ม
ทางด้านอู๋เสีย เมื่อหันกลับมาหลังจากคุ้ยหาของในกล่องจิปาถะแถวนั้นๆก็ถึงกับกลืนน้ำลายลงคอดังเอื๊อก แม่ง! นายแว่นดำนี่โคตรหุ่นดี! กล้ามแขนได้รูปสวย ไม่นับแผงอกกว้างๆนั่นอีก ผิวก็ขาว! นี่มันจงใจใส่เสื้อกล้ามเว้าหนักขนาดนี้เพื่อโชว์ใช่มั้ย!!
“เอ้าๆ น้ำลายหกแล้วนายน้อย ลวนลามกันทางสายตาอย่างนี้ฉันอายนะ” เฮยเสียจื่อออกปากแซวพลางทำท่าสะดิ้งเหมือนพวกผู้หญิงเวลาเจอคนโรคจิต
ฝ่าเท้าขาวไม่แพ้กันของอู๋เสียลอยวืดเฉียดหน้าคนกวนประสาทไป แม้จะแยกเขี้ยวขู่ส่งรังสีอาฆาตเต็มที่แต่ร่างเล็กผอมบางกว่าก็เขยิบตัวมานั่งห้อยขาอยู่ริมโต๊ะทั้งยังสั่งให้อีกฝ่ายหันหลังให้ตน
แม้ไม่เข้าใจว่าจะเอาอะไรอีก แต่ฝ่ายโดนสั่งก็ทำตามคำสั่งโดยไม่โต้แย่งใดๆ
“นายแม่ง ถ้าไม่ไปตัดผมก็หัดหาอะไรรวบๆมั่ง เห็นแล้วร้อนแทน ถามจริง ออกจากบ้านมาในสภาพนี้ตอนนี้ อยากเป็นลมแดดนักใช่มั้ย” ปากก็บ่นไปมือก็พยายามรวบผมตรงต้นคอของเขาด้วยหนังยางที่คุ้ยหามาได้ไปด้วย
เสียงทุ้มหัวเราะในลำคอ มือหนาลูบไล้ต้นขาขาวที่โผล่พ้นจากกางเกงบ็อกเซอร์ อู๋เสียสะดุ้งตัวแทบลอย ความพยายามรวบผมสีปีกกาซึ่งเกือบสำเร็จล่มลงในบัดดล
“นายแม่ง! อยู่เฉย! ดูสิ เมื่อกี้เกือบรวบได้แล้ว ต้องเริ่มใหม่อีก” ฟาดแขนล่ำๆนั่นไปหนึ่งป้าบแรงๆจากนั้นจึงจัดการสางผมที่เริ่มยาวนั่นให้เข้าทรงเข้าที่ พยายามจับพวกมันรวบอีกครั้ง
“โลกนี้คงมีนายน้อยคนเดียวที่ห่วงฉันถึงขนาดนี้” เสียงราบเรียบจนไม่น่าเชื่อว่าจะมาจากปากของเฮยเสียจื่อทำให้มือของเขาชะงัก ดวงตากลมกระพริบปริบๆ อู๋เสียเลือกที่จะจัดการภารกิจของตัวเองให้เสร็จก่อนจะพูดย้อน
“พูดอย่างกับนายอยู่คนเดียวบนโลก” ประโยคนั้นเรียกยิ้มทุกข์ระทมให้ปรากฏขึ้นแทนรอยยิ้มที่ชวนให้เอาไม้หน้าสามฟาดหัวซึ่งสามารถเห็นเป็นประจำ แต่เพราะเฮยเสียจื่อนั่งหันหลังให้อยู่อู๋เสียจึงมองไม่เห็น
มือหยาบยกขึ้นลูบต้นคอของตัวเองที่ไม่มีผมตกลงมาปิดแล้ว มันเต็มไปด้วยรอยแผลจางๆมากมาย ศีรษะที่ปกคลุมด้วนเรือนผมนุ่มสีน้ำหมึกเอนลงพิงขาอู๋เสีย เสียงสดใสแต่เจือด้วยความเปลี่ยวเหงาตอบกลับ
“ก็ใครกันจะรักอีกาอย่างผมลง”
คำพูดนั้นทำให้หัวใจของอู๋เสียกระตุก ความรู้สึกคล้ายจมดิ่งลงในห้วงน้ำหนักอึ้งไปกับคู่สนทนา โดยไม่รู้ตัว มือบางก็เผลอลูบศีรษะของเฮยเสียจื่อเบาๆคล้ายอยากจะปลอบแต่ไม่รู้จะทำอย่างไร
“ทุกครั้งที่ราตรีอันเงียบงันมาเยือน ผมมิอาจข่มตานอนหลับ
ผมสงสัยว่าอาจมีเพียงผมผู้เดียวที่มีวันพรุ่งนี้ไม่ดีกว่าเดิม
อนาคตจะเป็นเช่นไร ใครกันจะล่วงรู้” เสียงทุ้มต่ำพลั้งเผลอฮัมเพลงออกมาเบาๆ มือข้างหนึ่งดึงเอามือที่ลูบศีรษะตนมาแนบไว้กับใบหน้า ดวงตาสีประหลาดใต้แว่นปิดลงซึมซับความอบอุ่นจากฝ่ามืออีกฝ่าย
หากเป็นยามปกติ อู๋เสียคงอาละวาดร้านแทบแตก เอาของใกล้มือไล่ปาใส่อีกฝ่ายพร้อมบอกว่าตนเองโดนลวนลาม แต่ครั้งนี้…ครั้งนี้เขารู้สึกว่าหากเผลอเพียงแค่สะบัดมือหนีจากการเกาะกุม เฮยเสียจื่ออาจแตกร้าวจนไม่กลับมาเป็นเฮยเสียจื่อคนที่เขารู้จักอีกเลย
“มองโลกในแง่ร้ายชะมัด” เฮยเสียจื่อลืมตาขึ้นช้าๆ ผินหน้าไปมองเจ้าของคำพูด สายตาปะทะเข้ากับใบหน้าน่ารักที่ทำหน้าบูดเป็นเด็กๆอยู่
“เอาแต่บอกว่าวันพรุ่งไม่มีวันดีกว่าวันนี้ แต่ก็ดันบอกว่าอนาคตจะเป็นอย่างไรก็ไม่รู้ นี่มันย้อนแย้งกันเองนี่หว่า” เขาดึงมือของตัวเองออกจากอุ้งมือของอีกฝ่ายอย่างเชื่องช้าแล้ว…..แล้วหยิกแก้มทั้งสองข้างของคนที่เปรียบตัวเองเป็นอีกาอย่างแรงสุดๆ
“เอ็บ (เจ็บ)”
“สมน้ำหน้า ถ้านายยังไม่เปลี่ยนทัศนคติซะคราวหน้าฉันจะกัดให้” อู๋เสียขู่ฟ่อใส่แล้วจึงปล่อยมือ วางมาดเหมือนพญาราชสีห์ แต่ในสายตาของเฮยเสียจื่อกลับดูไม่ต่างอะไรจากแมวน้อยที่กำลังพองขนขู่ รอยยิ้มกว้างชวนให้ถีบกลับมาแสดงอยู่บนใบหน้าคมอีกครั้ง มือหนายกฝ่าเท้าเนียนขาวขึ้นก่อนแนบริมฝีปากลงประทับจูบบนหลังเท้าเบาๆ
“กล้างับเหรอนายน้อย กล้าเข้าใกล้อีกาโชกเลือดอย่างผมเหรอ” ร่างโปร่งถามพร้อมรอยยิ้มเปี่ยมความทุกข์ที่ยังไม่ยอมหายไปซักที สะกิดความรู้สึกหงุดหงิดอย่างไม่ทราบสาเหตุที่ฝังอยู่ลึกๆในตัวอู๋เสีย หงุดหงิดจนลืมอายที่เท้าเพิ่งโดนประทับจูบไปเมื่อครู่
เป็นความรู้สึกหงุดหงิดผสมความปวดร้าว
“คำก็อีกา! สองคำก็อีกา! นายเป็นญาติฝ่ายไหนกับมันรึไงเฮยเสียจื่อ!!” อู๋เสียตวาดลั่นร้าน ใบหน้าแดงก่ำแต่ไม่ใช่เพราะความอาย ครั้งนี้มันคือฤทธิ์ไฟโทสะล้วนๆ เขาพุ่งเข้ากอดรัดอีกฝ่ายอย่างเต็มแรงจนเสียหลักตกลงกระแทกพื้นอย่างแรงกันทั้งคู่
ความจริงคือนายเฮยเสียจื่อที่รับแรงกระแทกไปเต็มๆ ส่วนเขาปลอดภัยดีไร้รอยขีดข่วนไร้ความเจ็บปวด
“อูย เจ็บ” เสียงทุ้มต่ำครางแผ่วเบาด้วยความเจ็บบวกจุก เพราะส่วนสูงที่น้อยกว่าอู๋เสียจึงซบลงที่อกของร่างข้างใต้พอดี ลมหายใจร้อนเป่ารดตรงใบหูทำให้รู้จั๊กจี้สุดๆ คนที่เผลอประทุษร้ายโดยตั้งใจเพียงเสี้ยวหนึ่งจึงมุดหน้าหนีเข้าหาแผ่นอกกำยำเป็นการใหญ่
“นายผิดเองที่เอาหลังลง”
ตอนแรกเฮยเสียจื่อคิดจะบอกให้อู๋เสียลุกออกจากตัว แต่เมื่อโดนกอดรัดแน่น ความคิดนั้นกลับมลายหายสิ้นไปทันที วงแขนอบอุ่นโอบรอบร่างเล็กกว่าไว้หลวมๆ ใบหน้าหล่อเหลาฝังลงกับเรือนผมสีน้ำตาลนุ่มนิ่ม สูดกลิ่นหอมจางๆเหมือนแป้งเด็กราวกับโหยหามานาน
ใช่ โหยหา เขาโหยหาความอบอุ่นนี่ โหยหาสัมผัสด้วยความรักนี่ โหยหาอ้อมกอดของอู๋เสียของเขา
“ไหนบอกร้อน รัดซะแน่นเชียว” แต่ด้วยนิสัยประจำตัว ถึงจะมัวเมาความรู้สุกเป็นสุขนี่จนไม่อยากรับรู้อะไร อย่างไรก็ขอกวนประสาทอีกสักหน่อย
ใบหน้าน่ารักเงยขึ้นอย่างรวดเร็วจนเกือบกระแทกคางเขาให้แล้ว ยังดีที่การอยู่ท่ามกลางอันตรายมาหลายสิบปีทำให้ประสาทโต้ตอบค่อนข้างไวจึงหลบได้ทัน ไม่งั้นคงไม่ใช่แค่จุกเหมือนเมื่อครู่แต่ได้ลงไปนอนเห็นดาวเห็นเดือนจริงๆแน่
“นายดันสะเออะถามฉันเองนี่ว่ากล้าเข้าใกล้นายไหม นี่ไง! ใกล้พอหรือยังล่ะ”
ดวงหน้าน่ารักยังคงงอง้ำด้วยอารมณ์ที่เสียสุดๆ น้ำเสียงเจือความน้อยใจเหมือนกำลังตัดพ้อ
นายแว่นดำ นายเฮยเสียจื่อ ชื่อแซ่จริงๆก็ไม่ยอมบอก แล้วยังทำตัวเหมือนโลกนี้มีแค่ตัวเอง เหมือนว่าไม่มีใครเคยเข้าใจ เหมือนทุกคนพากันหันหลังหนีไอ้หมอนี่ไปหมดแล้ว
….ทั้งๆที่เขาก็ยังอยู่ตรงนี้ แต่มันเสือกทำเมินมองไม่เห็น!!! ถึงต่อให้มองไม่เห็นจริงๆมันก็น่าน้อยใจจนน่าฆ่าทิ้ง!!!
ไม่รู้ว่าสัมผัสได้ถึงรังสีความน้อยใจหรืออู๋เสียดันเหม่อลอยจนพูดทุกอย่างที่คิดออกมา แต่คนโดนงอนก็รับรู้เป็นที่เรียบร้อยแล้วว่าที่ทำให้อีกฝ่ายกำลังไม่พอใจ ทำให้น้อยเนื้อต่ำใจ ไม่ใช่ใครหน้าไหนแต่เป็นตน
“นี่ อู๋เสีย”
“ไม่ต้องมาเรียก” ถึงหัวใจจะเผลอเต้นรัวผิดจังหวะเมื่อชื่อของตัวเองออกมาจากปากของเฮยเสียจื่อ ซึ่งน้อยครั้งนักที่หมอนี่จะยอมเรียกเขาแบบนี้ ปกติเอะอะอะไรก็เรียกนายน้อยสาม นายน้อยสาม
แสดงว่านี่กำลังง้อสินะ
แต่นั่นแหละ ทำเขาน้อยใจแล้วใช่ว่าจะมาง้อกันได้ง่ายๆ ให้ตายวันนี้ก็ไม่ยกโทษให้หรอก วันนี้เขาจะกลายร่างเป็นอนาคอนด้ารัดอีกฝ่ายให้ร้อนตายไปเลย
ก็ตั้งใจไว้แบบนั้นนะ…แต่ไอ้ประโยคถัดมานี่สิ เล่นซะเขายกโทษทุกข้อหาให้ อารมณ์น้อยใจหนีหายเข้าหลืบไปไปหมดเลยก็ไม่รู้ แค่ประโยคออดอ้อนประโยคเดียว
“วันนี้ กอดฉันไว้ตลอดได้ไหม…ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม”
“อื้อ” สิ้นสุดคำรับปากอย่างรวดเร็วปานจรวด เฮยเสียจื่อก็รั้งคอร่างที่ทับตัวเองอยู่ลงมา ริมฝีปากบางทาบทับคลอเคลียจนคนโดนรุกจูบเผลอเผยอปากเปิดโอกาสให้ลิ้นร้อนสอดเข้ามาแล้วยังตวัดรัดลิ้นนุ่มอย่างชำนาญพาให้หลงใหลเคลิบเคลิ้ม ในขณะที่มือหนาข้างหนึ่งก็รัดเอวคอดไว้แน่นไม่ให้ร่างบางหนีไปไหนได้ มืออีกข้างปัดป่ายสะเปะสะปะสอดเข้าใต้เสื้อตัวบางลูบไล้ผิวขาวไปทั่ว
ส่วนอู๋เสียนั้นหรือ จะทำอะไรได้ล่ะนอกจากส่งเสียงครางหวานอื้ออึงซึ่งก็กลืนหายเข้าไปในลำคอของคนรุกเร้า สองแขนยังคงตวัดกอดรัดร่างสูงไว้แน่นไม่ยอมปล่อยตามสัญญา
“อู๋เสีย” จะเรียกทำไมอีกวะ!! อารมณ์กำลังขึ้น!!
“แฮ่ก อะไร อีก ลืม ถุงยาง หรือไง”
เสียงทุ้มต่ำหัวเราะแผ่ว มือยกขึ้นบีบสันจมูกของคนที่น่ารักที่สุดในสายตาของเขาด้วยความเอ็นดู ริมฝีปากนาบลงที่ใบหูแดงก่ำเบาๆอย่างอ่อนโยนแล้วถามอีก
“รู่ใช่ไหม ว่าฉัน…ไม่ใช่คนดีอะไรขนาดนั้น….ตัวฉันมันมีแต่กลิ่นคาวเลือดอบอวล…….
นายยังมีสิทธิ์เปลี่ยนใจนะ นายยังมีสิทธิ์ไปจากฉัน”
“ไม่ไป” ใบหน้าหวานตอบทันควันแล้วซุกเข้าหาไหล่กว้างพร้อมขบกัดเบาๆอย่างหมั่นเขี้ยวเรียกเสียงครางแหบต่ำในลำคอคนช่างถามวันนี้ “กลิ่วคาวเลือดบ้าอะไรฉันไม่ได้กลิ่นทั้งนั้น!! จะบอกอะไรให้!! ต่อให้นายเอายาฆ่าแมลงมาฉีดไล่ฉัน ฉันก็ไม่ไป ถึงขนาดนี้แล้วยังจะถามอะไรให้มากเรื่องอีกวะ!?!! งื้อ…”
ขึ้นเสียงด่าไปได้ยังไม่สาสมแก่ความต้องการ คำด่าก็กลายเป็นเสียงครางรัญจวนวาบหวิวไปซะฉิบเมื่อเฮยเสียจื่อเลิกทนฟังแล้วไซร้เข้าที่ลำคอขาวอย่างหื่นกระหาย ดูดเม้มรุนแรงทิ้งรอยรักสีกุหลาบไว้เต็มไปหมด มือร้อนบดขยี้เคล้นคลึงยอดอกเต่งสองข้างสลับกันเหมือนจะแกล้ง เรียกเสียงครางให้ดังขึ้นอีก ร่างบางดิ้นพล่าน แทบคลั่งกับสัมผัสที่อีกฝ่ายมอบให้
“อณุญาตให้จิก ให้ข่วนได้เต็มที่ แต่ห้ามปล่อย ห้ามเลิกกอด ไม่งั้น~” เสียงทุ้มพร่ากระซิบกับอกขาวที่ชวนให้ทำรอยประดับยามเมื่อไล้ริมฝีปากลงมาถึง มือเลิกหยอกล้อกับตุ่มไตที่แข็งชันหันมาลูบไล้ท่อนแขนเรียวที่ยังคงกอดเขาแน่น
“อะไร” สติของอู๋เสียมันเตลิดไปหมดแล้ว ในหัวกลายเป็นสีขาวโพลนเหมือนมีหมอกหนาปกคลุมบดบังทุกสิ่ง พูดออกมาได้เป็นคำก็นับว่าเก่งสุดยอด
“ไม่งั้นจะโดนลงโทษแบบนี้”
“อ๊า อะ ฮะ เฮย เสีย อ๊าง” ลิ้นของคนขี้แกล้งตวัดโลมจุดเสียวสะท้านอย่างยอดอกสลับกับขบกัดเบาๆจนชุ่มด้วยน้ำลาย มือหนาล้วงเข้าไปในกางเกงบ็อกเซอร์ กำรอบแท่งเนื้อที่แข็งขืนเพราะแรงอารมณ์ก่อนรูดรั้งเร็วๆ เมื่ออู๋เสียใกล้จะปลดปล่อยก็รั้งจังหวะให้ช้าลงยืดความทรมานออกไปอีก ร่างบางดิ้นเร่าๆครวญครางอ้อนวอนให้เขาช่วยจัดการเร็วๆซักที เล็บก็จิกแน่นลงบนผิวจนเลือดแทบซิบบ่งบอกว่าจะไม่ไหวแล้ว
ยิ่งทรมานอ้อมกอดที่ได้รับก็ยิ่งแน่นซ้ำยังได้ลอยข่วนที่แผ่นหลังจนลายพร้อยไปหมด แต่ถ้าถามว่าเฮยเสียจื่อสนใจหรือไม่ ก็ตอบได้เลยว่าไม่ เพราะนอกจากจะสุขสุดยอดกับการได้ปลุกอารมณ์วาบหวามของอู๋เสียแล้ว
ที่สุขยิ่งกว่าคือเขาได้อ้อมกอดแน่นจนหายใจแทบไม่ออกจากคนที่เขาตกหลุมรักหมดทั้งหัวใจ
ผมเคยสงสัย ความสุขนั้นเป็นเพียงคำในที่มีแค่ในนิยายหรือไม่ ไยผมจึงไม่เคยได้พบพาน
ผมอาจจะไม่ใช่อีกา อาจเป็นแค่นกน้อยอ่อนแอตัวหนึ่ง ที่อยากจะบิน บินไป แต่อย่างไรก็ไม่อาจบินได้สูง
ผมเฝ้าเสาะแสวงหาเพียงอ้อมกอดอันแสนอบอุ่นมาปลอบประโลม
ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคำขอนี้…มันมากเกินไปไหม
“อู๋เสีย กอดฉันไว้ กอดไว้แบบนี้ จะได้ไหม”
คำขอนี้ไม่รู้เหมือนกันว่ามันมากเกินไปสำหรับนายไหม
[FIN] (28.10.2014)
(ทอล์คเล็กน้อย : ฟิคเต้ามู่กลายเป็นฟิคเพลงวันละเรื่องไปแล้วค่ะ 555555555555. พล็อตเรื่องนี้ก็ได้มาจากเพลง(อีกแล้ว) โดยเพลงนี้ชื่อ我是一只小小鸟 (I’m a Little Bird) จริงๆการเขียนเรื่องเฮียเฮยไม่ให้แกออกมารั่วเกินไปหรือหื่นเกินไปสำหรับเรามันโคตรยาก Orz เพราะพี่แกมีบทแค่ 10 บรรทัดจากนิยาย 10 เล่ม นิสัยใจคอโดยส่วนมากเราเลยต้องมโนขึ้นมาเอง ซึ่งสำหรับเราแล้วไอ้มนุษย์พวกที่ยิ้มกวนประสาทตลอดเวลามักเป็นพวกมีปมในอดีต มีบาดแผลในใจ สำหรับเฮียเฮยเราเลยยัดปมเรื่องความโดดเดี่ยวให้แกไป เพราะแกน่าจะมีอดีตที่ไม่ขาวสะอาดซักเท่าไหร่ สุดท้ายแกออกมาเป็นเฮียเฮยเวอร์ชั่นที่ทุกท่านอ่านผ่านไปนั่นแหละค่ะ เฮียอู๋เสีย…ก็เห็นเฮียอู๋เสียก็ชอบคนมีปมในเรื่องนักนี่ *เหล่คนหน้าตายที่ตอนนี้ยังคงไร้ฟิคของตัวเอง* ตอนนี้เลยจัดให้แกหวานกับเฮียเฮยไปเลย)
By : จิ้งจอกแดงสกุลเฮย…
_____________
ในบางครั้งผมก็คิดว่าตัวเองเป็นเหมือนนกตัวหนึ่ง
ทว่า…ไม่ว่าผมจะอยากบินให้สูงขึ้นแค่ไหนก็ไม่อาจบินได้อย่างใจ
สักวันหนึ่งผมอาจขึ้นไปถึงยอดไม้นั่นได้ แต่อาจไม่รอดพ้นต้องเป็นเหยื่อของนายพราน
ผมโบยบินขึ้นสู่ฟ้าไป…จากนี้ไปผมคงจะไร้ซึ่งที่พึ่งพิง
เขาเกลียดแสงสว่าง…
ดวงตาที่เกือบจะมืดบอดคู่นี้ไม่อาจต้านทานแสงใดๆได้ เขาจึงเกลียดแสงสว่าง นอกจากจะไม่ช่วยอะไรแล้วซ้ำยังมาทำร้ายกันอีก
เขาเกลียดแสงสว่าง ตลอดเวลาที่ผ่านมาจึงหลบซ่อนอยู่ในความมืดมิดแสนเย็นเยียบเสมอมา
แต่…ไม่รู้เหมือนกันว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่เขาเผลอตกหลุมรักแสงสว่างดวงน้อยดวงหนึ่งเข้า
แสงสว่างที่ชื่อ “อู๋เสีย”
เมืองหังโจวก้าวเข้าสู่ฤดูร้อนเต็มตัวแล้ว อากาศร้อนอบอ้าวจนแทบบ้า พระอาทิตย์ฉายแสงอยู่บนฟ้านานมากขึ้นกว่าเดิมเยอะ ดังเช่นเย็นนี้ แม้นาฬิกาเรือนเก่าแก่ใกล้พังในร้านของนายน้อยสามอู๋เสียจะบอกว่าเวลาย่างเข้าสู่ช่วงห้าโมงเย็นแล้ว แต่แสงสีส้มสดก็ยังคงส่องสว่างอาบพื้นโลกจากขอบฟ้าทิศตะวันตก อุณหภูมิพุ่งขึ้นกว่าตอนกลางวันเสียอีก
อู๋เสียที่จัดการไล่ลูกจ้างค่าแรงหกร้อยหยวนเพียงคนเดียวในร้านให้กลับไปแล้วตอนนี้นอนหมดสภาพอยู่บนโต๊ะหินอ่อนตัวใหญ่ซึ่งเมื่อประกอบกับพัดลมที่ยกมาเปิดจ่อแล้ว นับว่าช่วยคลายความร้อนไปได้เยอะพอสมควร กางเกงยีนส์หนาหนักก็ถูกถอดทิ้งเหลือเพียงชั้นในแบบขาสั้น
“ร้อนโคตรพ่อโคตรแม่โคตรเหง้าเหล่าตระกูล จะร้อนไปไหนกันวะ ชักอยากจัดทริปไปปีนฉางไป๋ซานขึ้นมาชอบกล” เขาพึมพำอยู่คนเดียวพลางเปิดเสื้อยืดสีขาวตัวบางที่สุดเท่าที่จะคุ้ยหาได้ให้ลมเป่าเข้าไปข้างใน พยายามใช้ลมกำจัดความเหนียวเหนอะหนะอันเกิดจากเหงื่อให้หมดไป
“แทนที่จะเสียเงินไปฉางไป๋ซาน ทำไมนายน้อยไม่หาแอร์มาติดร้านไปซะเลยล่ะ~” เสียงยียวนอ้อนฝ่าพระบาทดังขึ้นจากทางหน้าประตูเล่นเอาเขาตกใจจนเกือบกลิ้งตกจากโต๊ะ ยังดีที่ชีวิตนี้ผ่านเรื่องชวนช็อคหัวใจเกือบวายมาเยอะเลยตั้งสติทัน อู๋เสียผงกหัวขึ้นหันขวับไปทางที่เสียงลอยมา สายตาปะทะกับร่างสูงโปร่งจนน่าอิจฉาในชุดสีดำล้วนตัวเก่งกำลังยืนยิ้มแฉ่งน่าหมั่นไส้อยู่
“เฮยเสียจื่อ! นายบุกเข้ามาทางไหนไม่ทราบ รู้สึกว่าฉันล็อคประตูร้านไปแล้วนะ!!”
“คราวหน้าคราวหลังเวลาหยิบกุญแจสำรองมาใช้ นายน้อยต้องหันซ้ายหันขวามองให้ดีนะว่ามีคนแอบดูอยู่มั้ย” เจ้าของชื่อพูดไปหัวเราะไปพลางโชว์กุญแจสำรองของร้านเขาที่อยู่ในมือให้ดู อู๋เสียถึงกับตะลึงอ้าปากค้าง ในหัวมีคำด่าไปถึงโคตรเหง้าบรรพบุรุษของเฮยเสียจื่อหมุนวนสะท้อนไปมา
แม่งเอ้ย!!!! จากวันนี้ไปเขาจะเปลี่ยนที่ซ่อนกุญแจสำรอง!!! นายแว่นดำนี่มันที่จริงแล้วเป็นสตอร์คกอร์ใช่ไหม!!! ตอบ!!
“แล้วท่านอนนั่น…กำลังนอนยั่วฉันอยู่เหรอ” งุนงงอยู่ครู่หนึ่งก่อนคนที่ได้สมญานามว่าเทียนเจินและเทียนเจินสมชื่อจริงๆจะรู้ตัวว่าเขายังค้างอยู่ในท่าเปิดเสื้อผึ่งลม!! ใบหน้าขาวนวลเปลี่ยนเป็นแดง เขารีบกระวีกระวาดจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่เข้าทางแล้วผุดลุกขึ้นนั่ง
“ไอ้ลามก!!” ด่าให้หนึ่งดอก แต่ดูเหมือนเฮยเสียจื่อจะไม่สะทกสะท้าน ร่างสูงเดินมานั่งที่เก้าอี้ตรงหน้าโดยไม่รอคำเชื้อเชิญ ตอนนี้เองที่อู๋เสียสังเกตเห็นว่าเรือนผมสีดำที่ยาวจนปรกต้นคอแล้วของอีกฝ่ายเปียกลู่จนแนบติดไปกับผิวคอและหน้า เม็ดเหงื่อผุดพรายเต็มทุกส่วนที่ไม่โดนเสื้อผ้าปกปิด ท่าทางจะร้อนจัดเอาการ
แน่ล่ะ! นอกจากจะแต่งดำทั้งตัวแล้วยังสะเออะใส่เสื้อแจ็คเก็ตหนังทับอีก!! ใส่ถุงมือหนังอีก!! หมอนี่แม่งไม่บ้าก็โคตรบ้า!!!!
“ถอด!” อู๋เสียชี้นิ้วพร้อมทั้งเอ่ยประกาศิตสั่งคนตรงหน้าอย่างไม่คิดเกรงกลัว แต่กลับนำพาความงงสุดจะงงมาให้เฮยเสียจื่อแทน ชายหนุ่มเอียงคอเล็กน้อยแสดงท่าทางบ่งบอกถึงความไม่เข้าใจ
“ถอดให้หมด! เสื้อนอก! ถุงมือ! บู้ทหนัง! นายอยากโอเวอร์ฮีทตายนักใช่มั้ย ห๊ะ!?!” เมื่อได้รับคำขยายความ รอยยิ้มบางๆที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าคมหล่อชวนให้ละลายใต้แว่นกันแดดฉายชัดขึ้นกลายเป็นรอยยิ้มกว้าง เฮยเสียจื่อลงมือถอดทุกอย่างที่นายน้อยสามของเขาบอกอย่างว่าง่าย ในที่สุดทั้งตัวก็เหลือแค่เสื้อกล้ามคอเว้าลึกสีดำกับกางเกงยีนส์สีเข้ม
ทางด้านอู๋เสีย เมื่อหันกลับมาหลังจากคุ้ยหาของในกล่องจิปาถะแถวนั้นๆก็ถึงกับกลืนน้ำลายลงคอดังเอื๊อก แม่ง! นายแว่นดำนี่โคตรหุ่นดี! กล้ามแขนได้รูปสวย ไม่นับแผงอกกว้างๆนั่นอีก ผิวก็ขาว! นี่มันจงใจใส่เสื้อกล้ามเว้าหนักขนาดนี้เพื่อโชว์ใช่มั้ย!!
“เอ้าๆ น้ำลายหกแล้วนายน้อย ลวนลามกันทางสายตาอย่างนี้ฉันอายนะ” เฮยเสียจื่อออกปากแซวพลางทำท่าสะดิ้งเหมือนพวกผู้หญิงเวลาเจอคนโรคจิต
ฝ่าเท้าขาวไม่แพ้กันของอู๋เสียลอยวืดเฉียดหน้าคนกวนประสาทไป แม้จะแยกเขี้ยวขู่ส่งรังสีอาฆาตเต็มที่แต่ร่างเล็กผอมบางกว่าก็เขยิบตัวมานั่งห้อยขาอยู่ริมโต๊ะทั้งยังสั่งให้อีกฝ่ายหันหลังให้ตน
แม้ไม่เข้าใจว่าจะเอาอะไรอีก แต่ฝ่ายโดนสั่งก็ทำตามคำสั่งโดยไม่โต้แย่งใดๆ
“นายแม่ง ถ้าไม่ไปตัดผมก็หัดหาอะไรรวบๆมั่ง เห็นแล้วร้อนแทน ถามจริง ออกจากบ้านมาในสภาพนี้ตอนนี้ อยากเป็นลมแดดนักใช่มั้ย” ปากก็บ่นไปมือก็พยายามรวบผมตรงต้นคอของเขาด้วยหนังยางที่คุ้ยหามาได้ไปด้วย
เสียงทุ้มหัวเราะในลำคอ มือหนาลูบไล้ต้นขาขาวที่โผล่พ้นจากกางเกงบ็อกเซอร์ อู๋เสียสะดุ้งตัวแทบลอย ความพยายามรวบผมสีปีกกาซึ่งเกือบสำเร็จล่มลงในบัดดล
“นายแม่ง! อยู่เฉย! ดูสิ เมื่อกี้เกือบรวบได้แล้ว ต้องเริ่มใหม่อีก” ฟาดแขนล่ำๆนั่นไปหนึ่งป้าบแรงๆจากนั้นจึงจัดการสางผมที่เริ่มยาวนั่นให้เข้าทรงเข้าที่ พยายามจับพวกมันรวบอีกครั้ง
“โลกนี้คงมีนายน้อยคนเดียวที่ห่วงฉันถึงขนาดนี้” เสียงราบเรียบจนไม่น่าเชื่อว่าจะมาจากปากของเฮยเสียจื่อทำให้มือของเขาชะงัก ดวงตากลมกระพริบปริบๆ อู๋เสียเลือกที่จะจัดการภารกิจของตัวเองให้เสร็จก่อนจะพูดย้อน
“พูดอย่างกับนายอยู่คนเดียวบนโลก” ประโยคนั้นเรียกยิ้มทุกข์ระทมให้ปรากฏขึ้นแทนรอยยิ้มที่ชวนให้เอาไม้หน้าสามฟาดหัวซึ่งสามารถเห็นเป็นประจำ แต่เพราะเฮยเสียจื่อนั่งหันหลังให้อยู่อู๋เสียจึงมองไม่เห็น
มือหยาบยกขึ้นลูบต้นคอของตัวเองที่ไม่มีผมตกลงมาปิดแล้ว มันเต็มไปด้วยรอยแผลจางๆมากมาย ศีรษะที่ปกคลุมด้วนเรือนผมนุ่มสีน้ำหมึกเอนลงพิงขาอู๋เสีย เสียงสดใสแต่เจือด้วยความเปลี่ยวเหงาตอบกลับ
“ก็ใครกันจะรักอีกาอย่างผมลง”
คำพูดนั้นทำให้หัวใจของอู๋เสียกระตุก ความรู้สึกคล้ายจมดิ่งลงในห้วงน้ำหนักอึ้งไปกับคู่สนทนา โดยไม่รู้ตัว มือบางก็เผลอลูบศีรษะของเฮยเสียจื่อเบาๆคล้ายอยากจะปลอบแต่ไม่รู้จะทำอย่างไร
“ทุกครั้งที่ราตรีอันเงียบงันมาเยือน ผมมิอาจข่มตานอนหลับ
ผมสงสัยว่าอาจมีเพียงผมผู้เดียวที่มีวันพรุ่งนี้ไม่ดีกว่าเดิม
อนาคตจะเป็นเช่นไร ใครกันจะล่วงรู้” เสียงทุ้มต่ำพลั้งเผลอฮัมเพลงออกมาเบาๆ มือข้างหนึ่งดึงเอามือที่ลูบศีรษะตนมาแนบไว้กับใบหน้า ดวงตาสีประหลาดใต้แว่นปิดลงซึมซับความอบอุ่นจากฝ่ามืออีกฝ่าย
หากเป็นยามปกติ อู๋เสียคงอาละวาดร้านแทบแตก เอาของใกล้มือไล่ปาใส่อีกฝ่ายพร้อมบอกว่าตนเองโดนลวนลาม แต่ครั้งนี้…ครั้งนี้เขารู้สึกว่าหากเผลอเพียงแค่สะบัดมือหนีจากการเกาะกุม เฮยเสียจื่ออาจแตกร้าวจนไม่กลับมาเป็นเฮยเสียจื่อคนที่เขารู้จักอีกเลย
“มองโลกในแง่ร้ายชะมัด” เฮยเสียจื่อลืมตาขึ้นช้าๆ ผินหน้าไปมองเจ้าของคำพูด สายตาปะทะเข้ากับใบหน้าน่ารักที่ทำหน้าบูดเป็นเด็กๆอยู่
“เอาแต่บอกว่าวันพรุ่งไม่มีวันดีกว่าวันนี้ แต่ก็ดันบอกว่าอนาคตจะเป็นอย่างไรก็ไม่รู้ นี่มันย้อนแย้งกันเองนี่หว่า” เขาดึงมือของตัวเองออกจากอุ้งมือของอีกฝ่ายอย่างเชื่องช้าแล้ว…..แล้วหยิกแก้มทั้งสองข้างของคนที่เปรียบตัวเองเป็นอีกาอย่างแรงสุดๆ
“เอ็บ (เจ็บ)”
“สมน้ำหน้า ถ้านายยังไม่เปลี่ยนทัศนคติซะคราวหน้าฉันจะกัดให้” อู๋เสียขู่ฟ่อใส่แล้วจึงปล่อยมือ วางมาดเหมือนพญาราชสีห์ แต่ในสายตาของเฮยเสียจื่อกลับดูไม่ต่างอะไรจากแมวน้อยที่กำลังพองขนขู่ รอยยิ้มกว้างชวนให้ถีบกลับมาแสดงอยู่บนใบหน้าคมอีกครั้ง มือหนายกฝ่าเท้าเนียนขาวขึ้นก่อนแนบริมฝีปากลงประทับจูบบนหลังเท้าเบาๆ
“กล้างับเหรอนายน้อย กล้าเข้าใกล้อีกาโชกเลือดอย่างผมเหรอ” ร่างโปร่งถามพร้อมรอยยิ้มเปี่ยมความทุกข์ที่ยังไม่ยอมหายไปซักที สะกิดความรู้สึกหงุดหงิดอย่างไม่ทราบสาเหตุที่ฝังอยู่ลึกๆในตัวอู๋เสีย หงุดหงิดจนลืมอายที่เท้าเพิ่งโดนประทับจูบไปเมื่อครู่
เป็นความรู้สึกหงุดหงิดผสมความปวดร้าว
“คำก็อีกา! สองคำก็อีกา! นายเป็นญาติฝ่ายไหนกับมันรึไงเฮยเสียจื่อ!!” อู๋เสียตวาดลั่นร้าน ใบหน้าแดงก่ำแต่ไม่ใช่เพราะความอาย ครั้งนี้มันคือฤทธิ์ไฟโทสะล้วนๆ เขาพุ่งเข้ากอดรัดอีกฝ่ายอย่างเต็มแรงจนเสียหลักตกลงกระแทกพื้นอย่างแรงกันทั้งคู่
ความจริงคือนายเฮยเสียจื่อที่รับแรงกระแทกไปเต็มๆ ส่วนเขาปลอดภัยดีไร้รอยขีดข่วนไร้ความเจ็บปวด
“อูย เจ็บ” เสียงทุ้มต่ำครางแผ่วเบาด้วยความเจ็บบวกจุก เพราะส่วนสูงที่น้อยกว่าอู๋เสียจึงซบลงที่อกของร่างข้างใต้พอดี ลมหายใจร้อนเป่ารดตรงใบหูทำให้รู้จั๊กจี้สุดๆ คนที่เผลอประทุษร้ายโดยตั้งใจเพียงเสี้ยวหนึ่งจึงมุดหน้าหนีเข้าหาแผ่นอกกำยำเป็นการใหญ่
“นายผิดเองที่เอาหลังลง”
ตอนแรกเฮยเสียจื่อคิดจะบอกให้อู๋เสียลุกออกจากตัว แต่เมื่อโดนกอดรัดแน่น ความคิดนั้นกลับมลายหายสิ้นไปทันที วงแขนอบอุ่นโอบรอบร่างเล็กกว่าไว้หลวมๆ ใบหน้าหล่อเหลาฝังลงกับเรือนผมสีน้ำตาลนุ่มนิ่ม สูดกลิ่นหอมจางๆเหมือนแป้งเด็กราวกับโหยหามานาน
ใช่ โหยหา เขาโหยหาความอบอุ่นนี่ โหยหาสัมผัสด้วยความรักนี่ โหยหาอ้อมกอดของอู๋เสียของเขา
“ไหนบอกร้อน รัดซะแน่นเชียว” แต่ด้วยนิสัยประจำตัว ถึงจะมัวเมาความรู้สุกเป็นสุขนี่จนไม่อยากรับรู้อะไร อย่างไรก็ขอกวนประสาทอีกสักหน่อย
ใบหน้าน่ารักเงยขึ้นอย่างรวดเร็วจนเกือบกระแทกคางเขาให้แล้ว ยังดีที่การอยู่ท่ามกลางอันตรายมาหลายสิบปีทำให้ประสาทโต้ตอบค่อนข้างไวจึงหลบได้ทัน ไม่งั้นคงไม่ใช่แค่จุกเหมือนเมื่อครู่แต่ได้ลงไปนอนเห็นดาวเห็นเดือนจริงๆแน่
“นายดันสะเออะถามฉันเองนี่ว่ากล้าเข้าใกล้นายไหม นี่ไง! ใกล้พอหรือยังล่ะ”
ดวงหน้าน่ารักยังคงงอง้ำด้วยอารมณ์ที่เสียสุดๆ น้ำเสียงเจือความน้อยใจเหมือนกำลังตัดพ้อ
นายแว่นดำ นายเฮยเสียจื่อ ชื่อแซ่จริงๆก็ไม่ยอมบอก แล้วยังทำตัวเหมือนโลกนี้มีแค่ตัวเอง เหมือนว่าไม่มีใครเคยเข้าใจ เหมือนทุกคนพากันหันหลังหนีไอ้หมอนี่ไปหมดแล้ว
….ทั้งๆที่เขาก็ยังอยู่ตรงนี้ แต่มันเสือกทำเมินมองไม่เห็น!!! ถึงต่อให้มองไม่เห็นจริงๆมันก็น่าน้อยใจจนน่าฆ่าทิ้ง!!!
ไม่รู้ว่าสัมผัสได้ถึงรังสีความน้อยใจหรืออู๋เสียดันเหม่อลอยจนพูดทุกอย่างที่คิดออกมา แต่คนโดนงอนก็รับรู้เป็นที่เรียบร้อยแล้วว่าที่ทำให้อีกฝ่ายกำลังไม่พอใจ ทำให้น้อยเนื้อต่ำใจ ไม่ใช่ใครหน้าไหนแต่เป็นตน
“นี่ อู๋เสีย”
“ไม่ต้องมาเรียก” ถึงหัวใจจะเผลอเต้นรัวผิดจังหวะเมื่อชื่อของตัวเองออกมาจากปากของเฮยเสียจื่อ ซึ่งน้อยครั้งนักที่หมอนี่จะยอมเรียกเขาแบบนี้ ปกติเอะอะอะไรก็เรียกนายน้อยสาม นายน้อยสาม
แสดงว่านี่กำลังง้อสินะ
แต่นั่นแหละ ทำเขาน้อยใจแล้วใช่ว่าจะมาง้อกันได้ง่ายๆ ให้ตายวันนี้ก็ไม่ยกโทษให้หรอก วันนี้เขาจะกลายร่างเป็นอนาคอนด้ารัดอีกฝ่ายให้ร้อนตายไปเลย
ก็ตั้งใจไว้แบบนั้นนะ…แต่ไอ้ประโยคถัดมานี่สิ เล่นซะเขายกโทษทุกข้อหาให้ อารมณ์น้อยใจหนีหายเข้าหลืบไปไปหมดเลยก็ไม่รู้ แค่ประโยคออดอ้อนประโยคเดียว
“วันนี้ กอดฉันไว้ตลอดได้ไหม…ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม”
“อื้อ” สิ้นสุดคำรับปากอย่างรวดเร็วปานจรวด เฮยเสียจื่อก็รั้งคอร่างที่ทับตัวเองอยู่ลงมา ริมฝีปากบางทาบทับคลอเคลียจนคนโดนรุกจูบเผลอเผยอปากเปิดโอกาสให้ลิ้นร้อนสอดเข้ามาแล้วยังตวัดรัดลิ้นนุ่มอย่างชำนาญพาให้หลงใหลเคลิบเคลิ้ม ในขณะที่มือหนาข้างหนึ่งก็รัดเอวคอดไว้แน่นไม่ให้ร่างบางหนีไปไหนได้ มืออีกข้างปัดป่ายสะเปะสะปะสอดเข้าใต้เสื้อตัวบางลูบไล้ผิวขาวไปทั่ว
ส่วนอู๋เสียนั้นหรือ จะทำอะไรได้ล่ะนอกจากส่งเสียงครางหวานอื้ออึงซึ่งก็กลืนหายเข้าไปในลำคอของคนรุกเร้า สองแขนยังคงตวัดกอดรัดร่างสูงไว้แน่นไม่ยอมปล่อยตามสัญญา
“อู๋เสีย” จะเรียกทำไมอีกวะ!! อารมณ์กำลังขึ้น!!
“แฮ่ก อะไร อีก ลืม ถุงยาง หรือไง”
เสียงทุ้มต่ำหัวเราะแผ่ว มือยกขึ้นบีบสันจมูกของคนที่น่ารักที่สุดในสายตาของเขาด้วยความเอ็นดู ริมฝีปากนาบลงที่ใบหูแดงก่ำเบาๆอย่างอ่อนโยนแล้วถามอีก
“รู่ใช่ไหม ว่าฉัน…ไม่ใช่คนดีอะไรขนาดนั้น….ตัวฉันมันมีแต่กลิ่นคาวเลือดอบอวล…….
นายยังมีสิทธิ์เปลี่ยนใจนะ นายยังมีสิทธิ์ไปจากฉัน”
“ไม่ไป” ใบหน้าหวานตอบทันควันแล้วซุกเข้าหาไหล่กว้างพร้อมขบกัดเบาๆอย่างหมั่นเขี้ยวเรียกเสียงครางแหบต่ำในลำคอคนช่างถามวันนี้ “กลิ่วคาวเลือดบ้าอะไรฉันไม่ได้กลิ่นทั้งนั้น!! จะบอกอะไรให้!! ต่อให้นายเอายาฆ่าแมลงมาฉีดไล่ฉัน ฉันก็ไม่ไป ถึงขนาดนี้แล้วยังจะถามอะไรให้มากเรื่องอีกวะ!?!! งื้อ…”
ขึ้นเสียงด่าไปได้ยังไม่สาสมแก่ความต้องการ คำด่าก็กลายเป็นเสียงครางรัญจวนวาบหวิวไปซะฉิบเมื่อเฮยเสียจื่อเลิกทนฟังแล้วไซร้เข้าที่ลำคอขาวอย่างหื่นกระหาย ดูดเม้มรุนแรงทิ้งรอยรักสีกุหลาบไว้เต็มไปหมด มือร้อนบดขยี้เคล้นคลึงยอดอกเต่งสองข้างสลับกันเหมือนจะแกล้ง เรียกเสียงครางให้ดังขึ้นอีก ร่างบางดิ้นพล่าน แทบคลั่งกับสัมผัสที่อีกฝ่ายมอบให้
“อณุญาตให้จิก ให้ข่วนได้เต็มที่ แต่ห้ามปล่อย ห้ามเลิกกอด ไม่งั้น~” เสียงทุ้มพร่ากระซิบกับอกขาวที่ชวนให้ทำรอยประดับยามเมื่อไล้ริมฝีปากลงมาถึง มือเลิกหยอกล้อกับตุ่มไตที่แข็งชันหันมาลูบไล้ท่อนแขนเรียวที่ยังคงกอดเขาแน่น
“อะไร” สติของอู๋เสียมันเตลิดไปหมดแล้ว ในหัวกลายเป็นสีขาวโพลนเหมือนมีหมอกหนาปกคลุมบดบังทุกสิ่ง พูดออกมาได้เป็นคำก็นับว่าเก่งสุดยอด
“ไม่งั้นจะโดนลงโทษแบบนี้”
“อ๊า อะ ฮะ เฮย เสีย อ๊าง” ลิ้นของคนขี้แกล้งตวัดโลมจุดเสียวสะท้านอย่างยอดอกสลับกับขบกัดเบาๆจนชุ่มด้วยน้ำลาย มือหนาล้วงเข้าไปในกางเกงบ็อกเซอร์ กำรอบแท่งเนื้อที่แข็งขืนเพราะแรงอารมณ์ก่อนรูดรั้งเร็วๆ เมื่ออู๋เสียใกล้จะปลดปล่อยก็รั้งจังหวะให้ช้าลงยืดความทรมานออกไปอีก ร่างบางดิ้นเร่าๆครวญครางอ้อนวอนให้เขาช่วยจัดการเร็วๆซักที เล็บก็จิกแน่นลงบนผิวจนเลือดแทบซิบบ่งบอกว่าจะไม่ไหวแล้ว
ยิ่งทรมานอ้อมกอดที่ได้รับก็ยิ่งแน่นซ้ำยังได้ลอยข่วนที่แผ่นหลังจนลายพร้อยไปหมด แต่ถ้าถามว่าเฮยเสียจื่อสนใจหรือไม่ ก็ตอบได้เลยว่าไม่ เพราะนอกจากจะสุขสุดยอดกับการได้ปลุกอารมณ์วาบหวามของอู๋เสียแล้ว
ที่สุขยิ่งกว่าคือเขาได้อ้อมกอดแน่นจนหายใจแทบไม่ออกจากคนที่เขาตกหลุมรักหมดทั้งหัวใจ
ผมเคยสงสัย ความสุขนั้นเป็นเพียงคำในที่มีแค่ในนิยายหรือไม่ ไยผมจึงไม่เคยได้พบพาน
ผมอาจจะไม่ใช่อีกา อาจเป็นแค่นกน้อยอ่อนแอตัวหนึ่ง ที่อยากจะบิน บินไป แต่อย่างไรก็ไม่อาจบินได้สูง
ผมเฝ้าเสาะแสวงหาเพียงอ้อมกอดอันแสนอบอุ่นมาปลอบประโลม
ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคำขอนี้…มันมากเกินไปไหม
“อู๋เสีย กอดฉันไว้ กอดไว้แบบนี้ จะได้ไหม”
คำขอนี้ไม่รู้เหมือนกันว่ามันมากเกินไปสำหรับนายไหม
[FIN] (28.10.2014)
(ทอล์คเล็กน้อย : ฟิคเต้ามู่กลายเป็นฟิคเพลงวันละเรื่องไปแล้วค่ะ 555555555555. พล็อตเรื่องนี้ก็ได้มาจากเพลง(อีกแล้ว) โดยเพลงนี้ชื่อ我是一只小小鸟 (I’m a Little Bird) จริงๆการเขียนเรื่องเฮียเฮยไม่ให้แกออกมารั่วเกินไปหรือหื่นเกินไปสำหรับเรามันโคตรยาก Orz เพราะพี่แกมีบทแค่ 10 บรรทัดจากนิยาย 10 เล่ม นิสัยใจคอโดยส่วนมากเราเลยต้องมโนขึ้นมาเอง ซึ่งสำหรับเราแล้วไอ้มนุษย์พวกที่ยิ้มกวนประสาทตลอดเวลามักเป็นพวกมีปมในอดีต มีบาดแผลในใจ สำหรับเฮียเฮยเราเลยยัดปมเรื่องความโดดเดี่ยวให้แกไป เพราะแกน่าจะมีอดีตที่ไม่ขาวสะอาดซักเท่าไหร่ สุดท้ายแกออกมาเป็นเฮียเฮยเวอร์ชั่นที่ทุกท่านอ่านผ่านไปนั่นแหละค่ะ เฮียอู๋เสีย…ก็เห็นเฮียอู๋เสียก็ชอบคนมีปมในเรื่องนักนี่ *เหล่คนหน้าตายที่ตอนนี้ยังคงไร้ฟิคของตัวเอง* ตอนนี้เลยจัดให้แกหวานกับเฮียเฮยไปเลย)
Re: [OS] "โหยหา" (เฮย*เสีย) (เกือบNC....)
เห็นแว่นก็ปรี่เข้ามาราวกับจิ้งจอกโหยเลยคะ
พอเห็นชื่อคนแต่งแล้วชะงัก
บร๊ะ แม่เจ้าเรามันเผ่าเดียวกัน
มาเม้มฟิค นายแว่นดูน่ารักน่าสงสาร น่าแกล้งขนาดนี้ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมนายน้อบใจอ่อนใจดีด้วยตลอด
คือมันเป็นอะไรที่น่าเศร้านะคะ
คนที่โหยหาความรักในที่สุดก็มาเจอกับที่พักทางใจ
ส่วนเรท ทำไมไม่เรทกว่านี้ อาาาา เราต้องการอีก
นายแว่นรูปร่างน่าเจี้ยะจริงๆนั่นละ (เดี๋ยวแกไม่สนนายน้อยเลยหรอ)
พอเห็นชื่อคนแต่งแล้วชะงัก
บร๊ะ แม่เจ้าเรามันเผ่าเดียวกัน
มาเม้มฟิค นายแว่นดูน่ารักน่าสงสาร น่าแกล้งขนาดนี้ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมนายน้อบใจอ่อนใจดีด้วยตลอด
คือมันเป็นอะไรที่น่าเศร้านะคะ
คนที่โหยหาความรักในที่สุดก็มาเจอกับที่พักทางใจ
ส่วนเรท ทำไมไม่เรทกว่านี้ อาาาา เราต้องการอีก
นายแว่นรูปร่างน่าเจี้ยะจริงๆนั่นละ (เดี๋ยวแกไม่สนนายน้อยเลยหรอ)
kuramajoy- ด้วงต้นไม้เทพเจ้า
- จำนวนข้อความ : 206
Points : 3781
Join date : 27/10/2014
Re: [OS] "โหยหา" (เฮย*เสีย) (เกือบNC....)
เขิลนายแว่นค่ะ -////- แอบขี้อ้อน ทำตัวน่าสงสารอย่างงี้นายน้อยดิฉันก็ตกหลุมสิคะ!! แผล่บบ
gaaraclub- ด้วงตำหนักหลู่หวังเจ็ดดารา
- จำนวนข้อความ : 81
Points : 3561
Join date : 27/10/2014
ที่อยู่ : แขนเสื้อปู่อู๋
Similar topics
» [OS] "คืนข้ามปี" (เฮย*เสีย) (NC-15)
» [OS] โทรศัพท์มือถือ [ฮัว>เสีย]
» [OS] “ลิ้นแมว” (ฮัว*เสีย)
» [Fic] บัลลังก์ทอง 1 (All เสีย )
» [SF] ขอให้โลกนี้ไม่มีจางฉี่หลิง [ ผิง | เสีย | ฮัว ] NC18+
» [OS] โทรศัพท์มือถือ [ฮัว>เสีย]
» [OS] “ลิ้นแมว” (ฮัว*เสีย)
» [Fic] บัลลังก์ทอง 1 (All เสีย )
» [SF] ขอให้โลกนี้ไม่มีจางฉี่หลิง [ ผิง | เสีย | ฮัว ] NC18+
หน้า 1 จาก 1
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
|
|
Fri 24 Jul 2020, 01:39 by gustoon
» [คู่มือด้วง] Keyword จีนสำหรับการขุด(แฟนดอม)สุสาน
Thu 21 Jun 2018, 00:29 by miskizfullmoon
» มังฮวาและภาคทิเบต
Thu 21 Jun 2018, 00:23 by miskizfullmoon
» [OS] Father is the best (ผิงเสีย)
Thu 03 Aug 2017, 16:12 by schneewittchen
» [Fic] สิ่งเล็กๆที่เชื่อมโลก5 [เมินโหยวผิง+อู่เสีย+เสี่ยอ้วน]+OC
Tue 01 Aug 2017, 12:30 by natsume
» [OS] #dmbjdaily (จูปาจุ๊บ) Bittersweet [ผิงเสีย AU]
Thu 06 Apr 2017, 15:58 by Zeth
» [OS] #dmbjdaily "โทรศัพท์มือถือ" - no Pairing [All]
Tue 04 Apr 2017, 22:27 by Zeth
» [OS] #DMBJDaily (แว่น): ระยะที่มองไม่เห็น [ฮัวเสีย]
Sat 01 Apr 2017, 16:55 by Zeth
» [OS] #DMBJdaily (5.20) ท่านยอดฝีมือ [หวังเหมิง (+เหมิงเสีย)(+ผิงเสีย)]
Thu 30 Mar 2017, 17:24 by Zeth