Countdown
We've been
togerther for
ค้นหา
Latest topics
Most active topics
[Trans] เรื่องราวอันไร้ชื่อ งานเลี้ยงเจ้าแม่หวังหมู่
3 posters
หน้า 1 จาก 1
[Trans] เรื่องราวอันไร้ชื่อ งานเลี้ยงเจ้าแม่หวังหมู่
เรื่องราวอันไร้ชื่อ
งานเลี้ยงเจ้าแม่หวังหมู่ by Nanpaisanshu
ผมรู้จักกับนักเขียนคนนี้ก่อนออกเดินทางไปฉางไป๋ซาน ผมรู้จักคนในวงการหนังสือจำนวนมากในนามกวนเกิน นักเขียนคนนี้ เป็นเพื่อนคนหนึ่งของบรรณาธิการผม ผมตัดสินใจพูดคุยกับเขา เพราะรู้ว่าการเดินทางคราวนี้มีความเสี่ยงสูงเหลือเกิน หากผมต้องตายอยู่ที่ฉางไป๋ซาน เรื่องบางเรื่อง อาจไม่มีคนรับรู้ไปชั่วนิรันดร์
เล่นหนัก เล่นใหญ่กันมาตั้งนาน เสี่ยวเกอความจำเชื่อถือไม่ได้ ถ้าผมม่องไป ตลอดหลายปีมานี้ก็เหนื่อยเปล่า ผลลัพธ์เช่นนี้ ผมพยายามเกลี้ยกล่อมตัวเองอยู่นาน ก็ยังยอมรับไม่ได้ ดังนั้นสุดท้ายผมก็ยังหวังว่า เรื่องบางเรื่องได้รับการสืบทอดต่อไป
ตอนนั้นผมมีธุระต้องทำมากมาย ร้านที่ซีหลิง (ต้นฉบับถอดเสียงผิดว่าซีเหลิ่ง... ขออภัย) ต้องตรวจเช็ค ข้าวของในโกดัง หากไม่ค้าขาย จะกองทิ้งไว้เฉยๆ ไม่ได้ ผมตามตัวเพื่อนที่ปักกิ่งมาช่วยดูแลชั่วคราว แต่มีเรื่องจุกจิกที่จัดการยาก
โกดังเก็บรักษาเครื่องหมิง (สมบัติที่ขุดขึ้นมาจากสุสาน) ไม่เหมือนทั่วๆ ไป ยังไม่นับเงื่อนไขเบื้องต้นเช่นต้องควบคุมอุณหภูมิและความชื้น คุณไม่สามารถนำสมบัติไปตั้งโชว์หราทั่วๆ อย่างโจ๋งครึ่ม ผมเช่าโกดังในชื่อของการเก็บรักษาภาพวาดงานศิลป์ ข้างในนั้นนอกจากต้องมีภาพวาดสีน้ำมันลอกเลียนแบบชนิดต่างๆ สำหรับอำพรางกลบเกลื่อนแล้ว ยังมีนาฬิกาตะวันตกทรงโบราณชนิดต่างๆ จำนวนมาก สิ่งของเหล่านี้นำมากองไว้ในโกดัง เครื่องหมิงที่มีขนาดเล็กหน่อย ก็ใช้สำลีห่อทีละชิ้น ทีละชิ้น ซ่อนไว้ตามช่องลับของนาฬิกา นอกจากนี้ยังมีบรรดาโต๊ะตู้ที่ใช้กลบเกลื่อน ซ่อนไว้ตรงนี้สองสามชิ้น เก็บไว้ตรงโน้นสองสามชิ้น นาฬิกาโบราณเหล่านี้หน้าตาคล้ายๆ กันหมด ผมทำบัญชีขึ้นมาก็ไม่ได้ ต้องอาศัยความจำอย่างเดียว น่าเบื่อที่สุด
ผมชอบสถานที่นี้มาก มักจะขึ้นลานนาฬิกาทุกตัว ที่นี่มีราวสองสามพันตัว ฟังเสียงเข็มวินาทีของพวกมันเดิน เสียงติ๊กตั๊กนับพันนับหมื่น เหมือนกับฝนตก เม็ดฝนตกกระทบกันสาด มีแต่เสียงเต็มพื้นที่ไปหมด แต่ก็เหมือนไม่มีเสียงใดๆ เลย บ่อยครั้ง ที่ผมต้องอาศัยเสียงพวกนี้เพื่อนอนหลับ
ผมเจอนักเขียนคนนี้ที่โกดัง เขาน่าจะได้ยินได้ฟังมาแล้วว่าผมทำอาชีพอะไร จนกระทั่งได้เห็นนาฬิกาฝรั่งพวกนี้ เขาทำหน้าเหมือนไม่กล้าเชื่อ
ผมมองเขา เขาดูอึดอัด ผมรู้ว่าคนที่ส่งเขามาจริงๆ คือบ.ก.ของเขา บ.ก.คนนั้นรู้ว่าผมมีเรื่องเล่ามากมาย
"คุณอยากรู้เรื่องอะไร" ผมนั่งลงถามเขา ผมรู้ว่าตัวเองอยากเล่าอะไร แต่ผมจะเล่าทุกอย่างให้เขาฟังทั้งหมดเลยจริงๆ ไม่ได้
เขามองผม ตื่นเต้นมาก แต่ที่มากกว่าคือความสงสัยใคร่รู้ "ผมได้ยินมาว่าคุณรู้จักคนคนหนึ่ง เขาอาศัยอยู่ที่เนปาลเป็นเวลานานมาก คุณกับเขาผจญเรื่องราวต่างๆ มากมาย คุณอยากหาคนเขียนเรื่องพวกนี้ออกมา"
ผมพยักหน้า เขากล่าว "ผมอยากให้คุณ เลือกผมเป็นคนเขียนเรื่องเรื่องนี้"
http://mp.weixin.qq.com/s?__biz=MzA4NDI1MTEzNA==&mid=2652655069&idx=1&sn=ab1a2b5c410ad65532d415f162a2005e&scene=4#wechat_redirect
Talk:
หนานไพ่ฯ เริ่มเขียนตอนไปคานส์ ไม่รู้จริงจังแค่ไหน แต่ออกมาสามตอนแล้ว ผมแปลเก็บๆ ไว้ก็ไม่รู้จะเอาไปลงไหนดี เอาเป็นว่าลงบอร์ดละกันนะ
งานเลี้ยงเจ้าแม่หวังหมู่ by Nanpaisanshu
ผมรู้จักกับนักเขียนคนนี้ก่อนออกเดินทางไปฉางไป๋ซาน ผมรู้จักคนในวงการหนังสือจำนวนมากในนามกวนเกิน นักเขียนคนนี้ เป็นเพื่อนคนหนึ่งของบรรณาธิการผม ผมตัดสินใจพูดคุยกับเขา เพราะรู้ว่าการเดินทางคราวนี้มีความเสี่ยงสูงเหลือเกิน หากผมต้องตายอยู่ที่ฉางไป๋ซาน เรื่องบางเรื่อง อาจไม่มีคนรับรู้ไปชั่วนิรันดร์
เล่นหนัก เล่นใหญ่กันมาตั้งนาน เสี่ยวเกอความจำเชื่อถือไม่ได้ ถ้าผมม่องไป ตลอดหลายปีมานี้ก็เหนื่อยเปล่า ผลลัพธ์เช่นนี้ ผมพยายามเกลี้ยกล่อมตัวเองอยู่นาน ก็ยังยอมรับไม่ได้ ดังนั้นสุดท้ายผมก็ยังหวังว่า เรื่องบางเรื่องได้รับการสืบทอดต่อไป
ตอนนั้นผมมีธุระต้องทำมากมาย ร้านที่ซีหลิง (ต้นฉบับถอดเสียงผิดว่าซีเหลิ่ง... ขออภัย) ต้องตรวจเช็ค ข้าวของในโกดัง หากไม่ค้าขาย จะกองทิ้งไว้เฉยๆ ไม่ได้ ผมตามตัวเพื่อนที่ปักกิ่งมาช่วยดูแลชั่วคราว แต่มีเรื่องจุกจิกที่จัดการยาก
โกดังเก็บรักษาเครื่องหมิง (สมบัติที่ขุดขึ้นมาจากสุสาน) ไม่เหมือนทั่วๆ ไป ยังไม่นับเงื่อนไขเบื้องต้นเช่นต้องควบคุมอุณหภูมิและความชื้น คุณไม่สามารถนำสมบัติไปตั้งโชว์หราทั่วๆ อย่างโจ๋งครึ่ม ผมเช่าโกดังในชื่อของการเก็บรักษาภาพวาดงานศิลป์ ข้างในนั้นนอกจากต้องมีภาพวาดสีน้ำมันลอกเลียนแบบชนิดต่างๆ สำหรับอำพรางกลบเกลื่อนแล้ว ยังมีนาฬิกาตะวันตกทรงโบราณชนิดต่างๆ จำนวนมาก สิ่งของเหล่านี้นำมากองไว้ในโกดัง เครื่องหมิงที่มีขนาดเล็กหน่อย ก็ใช้สำลีห่อทีละชิ้น ทีละชิ้น ซ่อนไว้ตามช่องลับของนาฬิกา นอกจากนี้ยังมีบรรดาโต๊ะตู้ที่ใช้กลบเกลื่อน ซ่อนไว้ตรงนี้สองสามชิ้น เก็บไว้ตรงโน้นสองสามชิ้น นาฬิกาโบราณเหล่านี้หน้าตาคล้ายๆ กันหมด ผมทำบัญชีขึ้นมาก็ไม่ได้ ต้องอาศัยความจำอย่างเดียว น่าเบื่อที่สุด
ผมชอบสถานที่นี้มาก มักจะขึ้นลานนาฬิกาทุกตัว ที่นี่มีราวสองสามพันตัว ฟังเสียงเข็มวินาทีของพวกมันเดิน เสียงติ๊กตั๊กนับพันนับหมื่น เหมือนกับฝนตก เม็ดฝนตกกระทบกันสาด มีแต่เสียงเต็มพื้นที่ไปหมด แต่ก็เหมือนไม่มีเสียงใดๆ เลย บ่อยครั้ง ที่ผมต้องอาศัยเสียงพวกนี้เพื่อนอนหลับ
ผมเจอนักเขียนคนนี้ที่โกดัง เขาน่าจะได้ยินได้ฟังมาแล้วว่าผมทำอาชีพอะไร จนกระทั่งได้เห็นนาฬิกาฝรั่งพวกนี้ เขาทำหน้าเหมือนไม่กล้าเชื่อ
ผมมองเขา เขาดูอึดอัด ผมรู้ว่าคนที่ส่งเขามาจริงๆ คือบ.ก.ของเขา บ.ก.คนนั้นรู้ว่าผมมีเรื่องเล่ามากมาย
"คุณอยากรู้เรื่องอะไร" ผมนั่งลงถามเขา ผมรู้ว่าตัวเองอยากเล่าอะไร แต่ผมจะเล่าทุกอย่างให้เขาฟังทั้งหมดเลยจริงๆ ไม่ได้
เขามองผม ตื่นเต้นมาก แต่ที่มากกว่าคือความสงสัยใคร่รู้ "ผมได้ยินมาว่าคุณรู้จักคนคนหนึ่ง เขาอาศัยอยู่ที่เนปาลเป็นเวลานานมาก คุณกับเขาผจญเรื่องราวต่างๆ มากมาย คุณอยากหาคนเขียนเรื่องพวกนี้ออกมา"
ผมพยักหน้า เขากล่าว "ผมอยากให้คุณ เลือกผมเป็นคนเขียนเรื่องเรื่องนี้"
http://mp.weixin.qq.com/s?__biz=MzA4NDI1MTEzNA==&mid=2652655069&idx=1&sn=ab1a2b5c410ad65532d415f162a2005e&scene=4#wechat_redirect
Talk:
หนานไพ่ฯ เริ่มเขียนตอนไปคานส์ ไม่รู้จริงจังแค่ไหน แต่ออกมาสามตอนแล้ว ผมแปลเก็บๆ ไว้ก็ไม่รู้จะเอาไปลงไหนดี เอาเป็นว่าลงบอร์ดละกันนะ
แก้ไขล่าสุดโดย anurakbeer เมื่อ Fri 03 Jun 2016, 17:38, ทั้งหมด 1 ครั้ง
anurakbeer- ด้วงสุสานใต้สมุทรทะเลซีซา
- จำนวนข้อความ : 184
Points : 3933
Join date : 27/10/2014
Re: [Trans] เรื่องราวอันไร้ชื่อ งานเลี้ยงเจ้าแม่หวังหมู่
เรื่องราวอันไร้ชื่อ
งานเลี้ยงเจ้าแม่หวังหมู่ 02 /by Nanpaisanshu
ผมมองดูนักเขียนคนนั้น พลันรู้สึกระวังตัว ในสายอาชีพผม การแสดงความสนใจอย่างชัดเจนเป็นเรื่องต้องห้าม ผมไม่ชินกับการที่อีกฝ่ายแสดงเจตจำนงของตนออกมาตรงๆ แบบนี้ จะรู้สึกว่าอีกฝ่ายต้องมีแผนลวง
เขาหยิบสมุดโน้ตออกมา อธิบายต่อไปว่า "คุณกวน ผมรู้สึกว่าผมเป็นคนที่เขียนได้ดีมาก ผมแค่ต้องการโอกาสสักครั้ง ผมจะไม่ทำให้คุณผิดหวัง"
ผมไม่แคร์ว่าเขาเขียนดีหรือไม่ดี ผมแค่ต้องการให้เขาบันทึกเรื่องราวทุกอย่างออกมา ผมมองดูสายตาเขา รู้ว่าวิธีคิดของคนคนนี้เรียบง่ายมาก เขารู้สึกว่าเขาได้โอกาสแล้ว ต้องสำเร็จแน่ๆ ความจริง สิ่งสำคัญที่สุดบนโลกนี้คือแยกให้ออกว่าโอกาสนี่คือโอกาสจริงๆ ใช่หรือไม่
คนที่ไม่ประสบความสำเร็จเป็นเวลานาน คำว่าโอกาสที่เขาพูดนั้น มักจะผิดเช่นกัน ยึดมั่นในความคิดของตนเอง มักสร้างความผิดพลาดและความล้มเหลวมากยิ่งขึ้น บนใบหน้าของนักเขียนคนนี้เขียนเต็มไปด้วยความล้มเหลว แต่เขายังคงไล่กวดสิ่งที่เขาคิดว่าเป็นโอกาส อย่างแน่วแน่ยิ่ง มันออกจะคล้ายกับความดื้อรั้นของผมในยามนั้น
การตอกย้ำอยู่กับความคิดของตนเองอาจไม่ใช่เรื่องเลวร้าย และใช่ว่าจะไม่ประสบความสำเร็จเสมอไป เพียงแต่ความสำเร็จมักมาช้า
เป็นอย่างนี้ก็ดีเหมือนกัน ผู้จดบันทึกที่ดีควรเป็นผู้ที่ไม่ประสบความสำเร็จ เขาจะได้เห็นคุณค่าของเนื้อหาที่เขาจดบันทึก ไม่ใช่แสวงหาแนวความคิดของตนเอง
ผมจุดบุหรี่มวนหนึ่ง บอกให้เขานั่ง จะเล่าอะไรให้เขาฟังดีนะ ในหัวสมองของผม สิ่งสิ่งไหนที่ความทรงจำฝังลึกที่สุด
ผมวิ่งตามร่องรอยอันกระจัดกระจายของเมินโหยวผิง เดินทางแต่เหนือจดใต้ บนภูเขาหิมะของนเปาล ระหว่างทางที่มุ่งหน้าสู่มูทัว เทือกเขาอันยิ่งใหญ่ขาวโพลนจนจดขอบฟ้า มีเพียงริ้วเส้นเป็นใยฝอยสีดำของหินผาเท่านั้น ที่ย้ำเตือนว่าตรงนั้นไม่ใช่ท้องฟ้า แต่มันคือกงกาลามู (ชื่อภูเขา)
เมินโหยวผิงเคยเดินฝ่าภูเขาหิมะลูกนี้เมื่อสี่สิบปีก่อนผมมาถึง ผมกับเขามักจะเข้าใกล้กันมาก เพียงแต่คนหนึ่งอยู่สี่สิบปีก่อน คนหนึ่งอยู่สี่สิบปีหลัง ภายใต้การพาดไพล่ของมิติเวลา สิ่งที่ผมเห็นมักเป็นเงาภาพลวงตา
มีอยู่วันหนึ่ง ณ เหนือระดับน้ำทะเลสี่พันเมตร ออกซิเจนที่เบาบางทำให้จอตาของผมปรากฏภาพพร่าหลอกตา หนึ่งชั่วโมงก่อนอาทิตย์จะอัสดง ท้องฟ้าเป็นสีจัดจ้า อาการบาดเจ็บของจอตาทำให้สีนั้นสวยงามเหลือเกิน ผมรู้ว่ามันไม่ใช่ของจริง แต่ก็มองดูอย่างต้องมนต์
ในยามนั้น ผมป้วนเปี้ยนอยู่ตรงรอยต่อของภูเขาหิมะ มองไปยังภูเขาที่ไกลออกไป ในภาพลวงตา ผมเห็นเมินโหยวผิงยืนอยู่บนหน้าผาเบื้องหน้า หันหน้าเข้าหาแสงสีรุ้งทั่วท้องฟ้า ภาพเช่นนี้ เป็นภาพเดียวกับที่เขาเห็นเมื่อวันแรกที่กลับออกมาจากคังปาลั่ว ก้าวสู่ดินแดนของมนุษย์
ทุกสิ่งที่ผมผจญ ทั้งหมดน่าจะเริ่มต้นตั้งแต่วันนั้น
http://mp.weixin.qq.com/s?__biz=MzA4NDI1MTEzNA==&mid=2652655071&idx=1&sn=90e3853ec4c4c65364387a615c9027dd&scene=4#wechat_redirect
งานเลี้ยงเจ้าแม่หวังหมู่ 02 /by Nanpaisanshu
ผมมองดูนักเขียนคนนั้น พลันรู้สึกระวังตัว ในสายอาชีพผม การแสดงความสนใจอย่างชัดเจนเป็นเรื่องต้องห้าม ผมไม่ชินกับการที่อีกฝ่ายแสดงเจตจำนงของตนออกมาตรงๆ แบบนี้ จะรู้สึกว่าอีกฝ่ายต้องมีแผนลวง
เขาหยิบสมุดโน้ตออกมา อธิบายต่อไปว่า "คุณกวน ผมรู้สึกว่าผมเป็นคนที่เขียนได้ดีมาก ผมแค่ต้องการโอกาสสักครั้ง ผมจะไม่ทำให้คุณผิดหวัง"
ผมไม่แคร์ว่าเขาเขียนดีหรือไม่ดี ผมแค่ต้องการให้เขาบันทึกเรื่องราวทุกอย่างออกมา ผมมองดูสายตาเขา รู้ว่าวิธีคิดของคนคนนี้เรียบง่ายมาก เขารู้สึกว่าเขาได้โอกาสแล้ว ต้องสำเร็จแน่ๆ ความจริง สิ่งสำคัญที่สุดบนโลกนี้คือแยกให้ออกว่าโอกาสนี่คือโอกาสจริงๆ ใช่หรือไม่
คนที่ไม่ประสบความสำเร็จเป็นเวลานาน คำว่าโอกาสที่เขาพูดนั้น มักจะผิดเช่นกัน ยึดมั่นในความคิดของตนเอง มักสร้างความผิดพลาดและความล้มเหลวมากยิ่งขึ้น บนใบหน้าของนักเขียนคนนี้เขียนเต็มไปด้วยความล้มเหลว แต่เขายังคงไล่กวดสิ่งที่เขาคิดว่าเป็นโอกาส อย่างแน่วแน่ยิ่ง มันออกจะคล้ายกับความดื้อรั้นของผมในยามนั้น
การตอกย้ำอยู่กับความคิดของตนเองอาจไม่ใช่เรื่องเลวร้าย และใช่ว่าจะไม่ประสบความสำเร็จเสมอไป เพียงแต่ความสำเร็จมักมาช้า
เป็นอย่างนี้ก็ดีเหมือนกัน ผู้จดบันทึกที่ดีควรเป็นผู้ที่ไม่ประสบความสำเร็จ เขาจะได้เห็นคุณค่าของเนื้อหาที่เขาจดบันทึก ไม่ใช่แสวงหาแนวความคิดของตนเอง
ผมจุดบุหรี่มวนหนึ่ง บอกให้เขานั่ง จะเล่าอะไรให้เขาฟังดีนะ ในหัวสมองของผม สิ่งสิ่งไหนที่ความทรงจำฝังลึกที่สุด
ผมวิ่งตามร่องรอยอันกระจัดกระจายของเมินโหยวผิง เดินทางแต่เหนือจดใต้ บนภูเขาหิมะของนเปาล ระหว่างทางที่มุ่งหน้าสู่มูทัว เทือกเขาอันยิ่งใหญ่ขาวโพลนจนจดขอบฟ้า มีเพียงริ้วเส้นเป็นใยฝอยสีดำของหินผาเท่านั้น ที่ย้ำเตือนว่าตรงนั้นไม่ใช่ท้องฟ้า แต่มันคือกงกาลามู (ชื่อภูเขา)
เมินโหยวผิงเคยเดินฝ่าภูเขาหิมะลูกนี้เมื่อสี่สิบปีก่อนผมมาถึง ผมกับเขามักจะเข้าใกล้กันมาก เพียงแต่คนหนึ่งอยู่สี่สิบปีก่อน คนหนึ่งอยู่สี่สิบปีหลัง ภายใต้การพาดไพล่ของมิติเวลา สิ่งที่ผมเห็นมักเป็นเงาภาพลวงตา
มีอยู่วันหนึ่ง ณ เหนือระดับน้ำทะเลสี่พันเมตร ออกซิเจนที่เบาบางทำให้จอตาของผมปรากฏภาพพร่าหลอกตา หนึ่งชั่วโมงก่อนอาทิตย์จะอัสดง ท้องฟ้าเป็นสีจัดจ้า อาการบาดเจ็บของจอตาทำให้สีนั้นสวยงามเหลือเกิน ผมรู้ว่ามันไม่ใช่ของจริง แต่ก็มองดูอย่างต้องมนต์
ในยามนั้น ผมป้วนเปี้ยนอยู่ตรงรอยต่อของภูเขาหิมะ มองไปยังภูเขาที่ไกลออกไป ในภาพลวงตา ผมเห็นเมินโหยวผิงยืนอยู่บนหน้าผาเบื้องหน้า หันหน้าเข้าหาแสงสีรุ้งทั่วท้องฟ้า ภาพเช่นนี้ เป็นภาพเดียวกับที่เขาเห็นเมื่อวันแรกที่กลับออกมาจากคังปาลั่ว ก้าวสู่ดินแดนของมนุษย์
ทุกสิ่งที่ผมผจญ ทั้งหมดน่าจะเริ่มต้นตั้งแต่วันนั้น
http://mp.weixin.qq.com/s?__biz=MzA4NDI1MTEzNA==&mid=2652655071&idx=1&sn=90e3853ec4c4c65364387a615c9027dd&scene=4#wechat_redirect
anurakbeer- ด้วงสุสานใต้สมุทรทะเลซีซา
- จำนวนข้อความ : 184
Points : 3933
Join date : 27/10/2014
Re: [Trans] เรื่องราวอันไร้ชื่อ งานเลี้ยงเจ้าแม่หวังหมู่
เรื่องราวอันไร้ชื่อ
งานเลี้ยงเจ้าแม่หวังหมู่ 03 /by Nanpaisanshu
หากให้มองทุกสิ่งที่ผมผจญพ้นผ่านมาในอดีตจากมุมมองใหญ่ ช่วงเวลาที่เมินโหยวผิงละจากมูทัวมาช่วงนั้น อาจบังเอิญเป็นช่วงเวลาที่ผมเพิ่งเกิดพอดี ทั้งวงศ์ตระกูลของผมตกอยู่ในวังวนเป็นเวลาหลายชั่วอายุคนแล้ว และเมื่อผมเกิด ก็ถูกกำหนดนิยามอันเรียบเง่ายเอาไว้แล้ว คนทุกคนในชีวิตของผม สิ่งที่คาดหวังในตัวผม เหมือนจะมีเพียงคำว่า เรียบง่าย คำเดียว
ความจริงตั้งแต่เด็ก นิสัยหลายอย่างของผมก็แสดงให้เห็นแล้ว ผมมาวิเคราะห์ในภายหลัง เป็นเพราะวงศ์ตระกูลของผม มันไม่ใช่วงศ์ตระกูลที่เรียบง่ายตั้งแต่แรก หากคนเหล่านี้ต้องการให้ผมเติบโตอยู่ในสิ่งแวดล้อมอันเรียบง่าย ย่อมฝืนต่อธรรมชาติอย่างจนใจแก้ไข ความไม่เป็นธรรมชาติเหล่านั้น ค่อยๆ ทำให้ตัวผมเกิดความสงสัยมากมายต่อสภาพแวดล้อมรอบตัว
ดังนั้นในความทรงจำของผม ผมเฝ้าสังเกตมาตั้งแต่เด็ก มักจะมองเห็นสิ่งที่คนอื่นมองไม่เห็น ผมรู้สึกว่านั่นเป็นเพราะ ผมอยากหาช่องโหว่ให้เจอจากสิ่งต่างๆ รอบตัว
แน่นอนนี่เป็นข้อสรุปที่ผมได้ในภายหลัง อาจเป็นอย่างนั้น หรืออาจเป็นเพียงแค่สรรหาข้ออ้าง
ผมมองดูนักเขียนเบื้องหน้า ผมจะทำให้เขาเข้าใจโลกที่ผมอยู่อย่างไรดี
“คุณรู้ไหมว่า เก้าสกุลคืออะไร” ผมถามเขา
เขาเงยหน้ามองผม แต่แล้วก็พยักหน้า “ผมค้นข้อมูลมาบ้าง เป็นสำนักสำนักหนึ่ง”
ผมมองเขา “เก้าสกุลไม่ใช่สำนักหนึ่ง”
ผมไม่รู้ว่าจะอธิบายองค์กรอย่างเก้าสกุลอย่างไรดี แต่ไม่ต้องสงสัยว่า มันไม่ใช่สำนักหนึ่ง ในหลายๆ ด้านแล้ว เก้าสกุลเป็นกฎกติกาอย่างหนึ่ง
สมัยที่ผมยังเป็นหนุ่มกว่านี้ ผมมองไม่ออกว่าความสัมพันธ์ระหว่างเก้าสกุลนั้นมีความละเอียดอ่อนยังไง ฟังดูแล้วเป็นเพียงลำดับขั้นของอำนาจผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ แต่ความจริงแล้ว ความสมดุลระหว่างเก้าสกุลนั้นน่าทึ่งมาก ในอาณาจักรแดนใต้ที่ไร้กฎเกณฑ์โดยสิ้นเชิง ความสมดุลนี้ช่วยหลีกเลี่ยงการปะทะมากมาย แต่เมื่อผมครุ่นคิดครู่หนึ่ง ก็ไม่อยากอธิบายความเรื่องเก้าสกุลกับเขามากเกินไป เพราะผมเหลือเวลาไม่มากแล้วจริงๆ
“แล้วมันคืออะไร” เขาถามต่อ
ผมทำทียิ้มอย่างลึกลับ พูดกับเขาว่า “มันคือเก้าสำนัก”
เขานิ่งงันไปครู่หนึ่ง มองดูรอยยิ้มของผม แล้วฝืนยิ้มตอบมาทีหนึ่ง “เก้าเหรอ”
ผมพยักหน้า เขาพูดว่า “กลุ่มอิทธิพลเก้ากลุ่มจะเขียนยากมาก ต้องใช้หน้ากระดาษที่ยาวมากถึงจะบอกเล่ากระจ่าง เราพอลดจำนวนลงหน่อยได้ไหม”
ผมส่ายหน้า เขาก็ถามขึ้นอีกว่า “งั้นคุณเริ่มก้าวเข้าสู่วงการนี้อย่างเป็นทางการตั้งแต่เมื่อไหร่”
หลังศีรษะผมกระตุกทีหนึ่ง นี่เป็นสัมผัสที่หกอย่างหนึ่งของผม มันกำลังบอกผมว่ คำถามนี้มีความเสี่ยงมาก
ผมส่ายหน้าอีกครั้ง รู้ตัวว่าความคิดก่อนหน้าของผมมันไร้เดียงสาเกินไป ถ้าผมต้องการให้เขาจดบันทึกข้อมูลทุกอย่างตามที่ตัวผมต้องการ ผมก็ต้องจำต้องเปิดเผยข้อมูลที่อ่อนไหวมากจำนวนมากออกไป ในช่วงเวลาขณะนี้ สำหรับตัวผมแล้วข้อมูลเหล่านี้เป็นภัยถึงชีวิต ผมถอนหายใจเฮือกหนึ่ง ปล่อยวางความนึกคิดในใจนี้ทิ้งไป
“ขอโทษนะ ผมเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ามีธุระที่ยังทำไม่เสร็จ เรานัดเวลาคุยเรื่องพวกนี้กันใหม่ได้ไหม” ผมถามนักเขียนคนนี้
ช่วงชีวิตที่ต้องอยู่ในความเก็บกดเป็นเวลานาน ทำให้ผมรู้สึกตื่นเต้นจนควบคุมตัวเองไม่ได้กับโอกาสที่จะระบายออกมาเช่นนี้ บัดนี้ต้องกดมันกลับลงไปดื้อๆ มันยากเหลือเกิน ผมมาถึงก้าวสุดท้ายแล้ว หากผมไม่บันทึกสิ่งเหล่านี้ออกมา ภายหลังก็จะไม่มีโอกาสอีกแล้ว นี่เป็นโอกาสที่ดีที่สุด อันเป็นเพราะผมไม่มีเรื่องให้ต้องห่วงอีกแล้ว เป็นเพราะผมอาจไม่กลับมาปรากฏตัวบนโลกใบนี้อีกแล้ว
นักเขียนคนนั้นมองผม เนิ่นนาน ไม่มีคำตอบ ผมได้เห็นสายตาเช่นนั้นอีกครั้ง
“คุณก็แค่ต้องเล่านิทานให้ผมฟัง” เขาเงียบงันเนิ่นนน แล้วจึงพูดกับผม “ไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องจริง ผมต้องการแค่ข้ออ้างสักข้อ ให้ผมมีงานส่งบ.ก. ได้ไหม”
“ผมอาจแต่งเรื่องขึ้นมาเฉยๆ นะ” ผมถาม “ไม่เป็นไรหรือ”
“เรื่องราวทุกเรื่องต่างต้องหยิบวัตถุดิบมาจากความจริงทั้งนั้น” เขากล่าว “คุณเล่าเถอะ ผมเชื่อ เรื่องราวของคุณจะต้องไม่เหมือนใคร”
http://mp.weixin.qq.com/s?__biz=MzA4NDI1MTEzNA%3D%3D&mid=2652655082&idx=1&sn=4e675753a898b5a6202ba82c64ea97b2&scene=0#wechat_redirect
งานเลี้ยงเจ้าแม่หวังหมู่ 03 /by Nanpaisanshu
หากให้มองทุกสิ่งที่ผมผจญพ้นผ่านมาในอดีตจากมุมมองใหญ่ ช่วงเวลาที่เมินโหยวผิงละจากมูทัวมาช่วงนั้น อาจบังเอิญเป็นช่วงเวลาที่ผมเพิ่งเกิดพอดี ทั้งวงศ์ตระกูลของผมตกอยู่ในวังวนเป็นเวลาหลายชั่วอายุคนแล้ว และเมื่อผมเกิด ก็ถูกกำหนดนิยามอันเรียบเง่ายเอาไว้แล้ว คนทุกคนในชีวิตของผม สิ่งที่คาดหวังในตัวผม เหมือนจะมีเพียงคำว่า เรียบง่าย คำเดียว
ความจริงตั้งแต่เด็ก นิสัยหลายอย่างของผมก็แสดงให้เห็นแล้ว ผมมาวิเคราะห์ในภายหลัง เป็นเพราะวงศ์ตระกูลของผม มันไม่ใช่วงศ์ตระกูลที่เรียบง่ายตั้งแต่แรก หากคนเหล่านี้ต้องการให้ผมเติบโตอยู่ในสิ่งแวดล้อมอันเรียบง่าย ย่อมฝืนต่อธรรมชาติอย่างจนใจแก้ไข ความไม่เป็นธรรมชาติเหล่านั้น ค่อยๆ ทำให้ตัวผมเกิดความสงสัยมากมายต่อสภาพแวดล้อมรอบตัว
ดังนั้นในความทรงจำของผม ผมเฝ้าสังเกตมาตั้งแต่เด็ก มักจะมองเห็นสิ่งที่คนอื่นมองไม่เห็น ผมรู้สึกว่านั่นเป็นเพราะ ผมอยากหาช่องโหว่ให้เจอจากสิ่งต่างๆ รอบตัว
แน่นอนนี่เป็นข้อสรุปที่ผมได้ในภายหลัง อาจเป็นอย่างนั้น หรืออาจเป็นเพียงแค่สรรหาข้ออ้าง
ผมมองดูนักเขียนเบื้องหน้า ผมจะทำให้เขาเข้าใจโลกที่ผมอยู่อย่างไรดี
“คุณรู้ไหมว่า เก้าสกุลคืออะไร” ผมถามเขา
เขาเงยหน้ามองผม แต่แล้วก็พยักหน้า “ผมค้นข้อมูลมาบ้าง เป็นสำนักสำนักหนึ่ง”
ผมมองเขา “เก้าสกุลไม่ใช่สำนักหนึ่ง”
ผมไม่รู้ว่าจะอธิบายองค์กรอย่างเก้าสกุลอย่างไรดี แต่ไม่ต้องสงสัยว่า มันไม่ใช่สำนักหนึ่ง ในหลายๆ ด้านแล้ว เก้าสกุลเป็นกฎกติกาอย่างหนึ่ง
สมัยที่ผมยังเป็นหนุ่มกว่านี้ ผมมองไม่ออกว่าความสัมพันธ์ระหว่างเก้าสกุลนั้นมีความละเอียดอ่อนยังไง ฟังดูแล้วเป็นเพียงลำดับขั้นของอำนาจผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ แต่ความจริงแล้ว ความสมดุลระหว่างเก้าสกุลนั้นน่าทึ่งมาก ในอาณาจักรแดนใต้ที่ไร้กฎเกณฑ์โดยสิ้นเชิง ความสมดุลนี้ช่วยหลีกเลี่ยงการปะทะมากมาย แต่เมื่อผมครุ่นคิดครู่หนึ่ง ก็ไม่อยากอธิบายความเรื่องเก้าสกุลกับเขามากเกินไป เพราะผมเหลือเวลาไม่มากแล้วจริงๆ
“แล้วมันคืออะไร” เขาถามต่อ
ผมทำทียิ้มอย่างลึกลับ พูดกับเขาว่า “มันคือเก้าสำนัก”
เขานิ่งงันไปครู่หนึ่ง มองดูรอยยิ้มของผม แล้วฝืนยิ้มตอบมาทีหนึ่ง “เก้าเหรอ”
ผมพยักหน้า เขาพูดว่า “กลุ่มอิทธิพลเก้ากลุ่มจะเขียนยากมาก ต้องใช้หน้ากระดาษที่ยาวมากถึงจะบอกเล่ากระจ่าง เราพอลดจำนวนลงหน่อยได้ไหม”
ผมส่ายหน้า เขาก็ถามขึ้นอีกว่า “งั้นคุณเริ่มก้าวเข้าสู่วงการนี้อย่างเป็นทางการตั้งแต่เมื่อไหร่”
หลังศีรษะผมกระตุกทีหนึ่ง นี่เป็นสัมผัสที่หกอย่างหนึ่งของผม มันกำลังบอกผมว่ คำถามนี้มีความเสี่ยงมาก
ผมส่ายหน้าอีกครั้ง รู้ตัวว่าความคิดก่อนหน้าของผมมันไร้เดียงสาเกินไป ถ้าผมต้องการให้เขาจดบันทึกข้อมูลทุกอย่างตามที่ตัวผมต้องการ ผมก็ต้องจำต้องเปิดเผยข้อมูลที่อ่อนไหวมากจำนวนมากออกไป ในช่วงเวลาขณะนี้ สำหรับตัวผมแล้วข้อมูลเหล่านี้เป็นภัยถึงชีวิต ผมถอนหายใจเฮือกหนึ่ง ปล่อยวางความนึกคิดในใจนี้ทิ้งไป
“ขอโทษนะ ผมเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ามีธุระที่ยังทำไม่เสร็จ เรานัดเวลาคุยเรื่องพวกนี้กันใหม่ได้ไหม” ผมถามนักเขียนคนนี้
ช่วงชีวิตที่ต้องอยู่ในความเก็บกดเป็นเวลานาน ทำให้ผมรู้สึกตื่นเต้นจนควบคุมตัวเองไม่ได้กับโอกาสที่จะระบายออกมาเช่นนี้ บัดนี้ต้องกดมันกลับลงไปดื้อๆ มันยากเหลือเกิน ผมมาถึงก้าวสุดท้ายแล้ว หากผมไม่บันทึกสิ่งเหล่านี้ออกมา ภายหลังก็จะไม่มีโอกาสอีกแล้ว นี่เป็นโอกาสที่ดีที่สุด อันเป็นเพราะผมไม่มีเรื่องให้ต้องห่วงอีกแล้ว เป็นเพราะผมอาจไม่กลับมาปรากฏตัวบนโลกใบนี้อีกแล้ว
นักเขียนคนนั้นมองผม เนิ่นนาน ไม่มีคำตอบ ผมได้เห็นสายตาเช่นนั้นอีกครั้ง
“คุณก็แค่ต้องเล่านิทานให้ผมฟัง” เขาเงียบงันเนิ่นนน แล้วจึงพูดกับผม “ไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องจริง ผมต้องการแค่ข้ออ้างสักข้อ ให้ผมมีงานส่งบ.ก. ได้ไหม”
“ผมอาจแต่งเรื่องขึ้นมาเฉยๆ นะ” ผมถาม “ไม่เป็นไรหรือ”
“เรื่องราวทุกเรื่องต่างต้องหยิบวัตถุดิบมาจากความจริงทั้งนั้น” เขากล่าว “คุณเล่าเถอะ ผมเชื่อ เรื่องราวของคุณจะต้องไม่เหมือนใคร”
http://mp.weixin.qq.com/s?__biz=MzA4NDI1MTEzNA%3D%3D&mid=2652655082&idx=1&sn=4e675753a898b5a6202ba82c64ea97b2&scene=0#wechat_redirect
anurakbeer- ด้วงสุสานใต้สมุทรทะเลซีซา
- จำนวนข้อความ : 184
Points : 3933
Join date : 27/10/2014
Re: [Trans] เรื่องราวอันไร้ชื่อ งานเลี้ยงเจ้าแม่หวังหมู่
นายน้อยอู๋เสีย แต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยทิ้งความระแวงสงสัย
อาจเป็นเพราะความช่างสังเกตกว่าใครมาตั้งแต่เล็ก
หรือไม่ก็อาจจะเป็นวิสัยติดมาตั้งแต่สายเลือดก็เป็นได้
ขนาดเวลานอนยังต้องมีเสียงนาฬิการอบกาย
นายน้อยนี่ช่างเป็นคนขี้กังวลไม่เปลี่ยนไป
จะสิบปีแล้วก็ยังไม่เปลี่ยนเลยจริงๆ
อุตส่าห์จะพึ่งพิงนักข่าวคนนี้
ทิ้งเรื่องราวที่ตัวเองอยากเหลือไว้คนรุ่นหลังได้รับรู้
ในยามที่ตัวเองไม่อยู่บนโลกนี้แล้วแท้ๆ
แต่พอสัมผัสได้ว่าตัวเองจะต้องเล่าเรื่องราวที่เกี่ยวพันกับชีวิตตัวเอง
ก็ถอยหลังลงไปซะดื้อๆ
นายน้อยอู๋เสียผู้ถือ"ชะตากรรม"ไว้ไม่ยอมวางคนนี้
จะกล้าเล่า"นิทาน"ให้นักข่าวคนนี้ฟังจนจบหรือไม่กันนะ
รอติดตามค่ะ ^^
อาจเป็นเพราะความช่างสังเกตกว่าใครมาตั้งแต่เล็ก
หรือไม่ก็อาจจะเป็นวิสัยติดมาตั้งแต่สายเลือดก็เป็นได้
ขนาดเวลานอนยังต้องมีเสียงนาฬิการอบกาย
นายน้อยนี่ช่างเป็นคนขี้กังวลไม่เปลี่ยนไป
จะสิบปีแล้วก็ยังไม่เปลี่ยนเลยจริงๆ
อุตส่าห์จะพึ่งพิงนักข่าวคนนี้
ทิ้งเรื่องราวที่ตัวเองอยากเหลือไว้คนรุ่นหลังได้รับรู้
ในยามที่ตัวเองไม่อยู่บนโลกนี้แล้วแท้ๆ
แต่พอสัมผัสได้ว่าตัวเองจะต้องเล่าเรื่องราวที่เกี่ยวพันกับชีวิตตัวเอง
ก็ถอยหลังลงไปซะดื้อๆ
นายน้อยอู๋เสียผู้ถือ"ชะตากรรม"ไว้ไม่ยอมวางคนนี้
จะกล้าเล่า"นิทาน"ให้นักข่าวคนนี้ฟังจนจบหรือไม่กันนะ
รอติดตามค่ะ ^^
arshura09- ด้วงสุสานใต้สมุทรทะเลซีซา
- จำนวนข้อความ : 118
Points : 3143
Join date : 14/01/2016
Re: [Trans] เรื่องราวอันไร้ชื่อ งานเลี้ยงเจ้าแม่หวังหมู่
เล่นหนัก เล่นใหญ่กันมาตั้งนาน เสี่ยวเกอความจำเชื่อถือไม่ได้ ถ้าผมม่องไป ตลอดหลายปีมานี้ก็เหนื่อยเปล่า <<---- สรุปได้ว่าก็ตั้งใจจะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับเสี่ยวเกอจนสุดทางเดินใช่มั้ยอาเสีย อยากจะจารึกเรื่องราวของเสี่ยวเกอกับตัวเองทิ้งไว้ในโลก เพราะตัดใจให้ทุกอย่างละลายหายไปตามช่องเวลาไม่ได้ เป็นความคิดและความรู้สึกที่ลึกซึ้งตรึงใจดีจริงๆ
hnee- ด้วงต้นไม้เทพเจ้า
- จำนวนข้อความ : 203
Points : 3673
Join date : 27/10/2014
Similar topics
» [TRANS] เรื่องเล่าปู่เก้าเซี่ย
» [TRANS] อาจารย์เฮยเสียจื่อ ชีวิตของอู๋เสียบนเกาะร้าง 5
» [TRANS] 04 XX
» [TRANS] อาจารย์เฮยเสียจื่อ ชีวิตของอู๋เสียบนเกาะร้าง 6
» [TRANS] อาจารย์เฮยเสียจื่อ ชีวิตของอู๋เสียบนเกาะร้าง 7
» [TRANS] อาจารย์เฮยเสียจื่อ ชีวิตของอู๋เสียบนเกาะร้าง 5
» [TRANS] 04 XX
» [TRANS] อาจารย์เฮยเสียจื่อ ชีวิตของอู๋เสียบนเกาะร้าง 6
» [TRANS] อาจารย์เฮยเสียจื่อ ชีวิตของอู๋เสียบนเกาะร้าง 7
หน้า 1 จาก 1
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
Fri 24 Jul 2020, 01:39 by gustoon
» [คู่มือด้วง] Keyword จีนสำหรับการขุด(แฟนดอม)สุสาน
Thu 21 Jun 2018, 00:29 by miskizfullmoon
» มังฮวาและภาคทิเบต
Thu 21 Jun 2018, 00:23 by miskizfullmoon
» [OS] Father is the best (ผิงเสีย)
Thu 03 Aug 2017, 16:12 by schneewittchen
» [Fic] สิ่งเล็กๆที่เชื่อมโลก5 [เมินโหยวผิง+อู่เสีย+เสี่ยอ้วน]+OC
Tue 01 Aug 2017, 12:30 by natsume
» [OS] #dmbjdaily (จูปาจุ๊บ) Bittersweet [ผิงเสีย AU]
Thu 06 Apr 2017, 15:58 by Zeth
» [OS] #dmbjdaily "โทรศัพท์มือถือ" - no Pairing [All]
Tue 04 Apr 2017, 22:27 by Zeth
» [OS] #DMBJDaily (แว่น): ระยะที่มองไม่เห็น [ฮัวเสีย]
Sat 01 Apr 2017, 16:55 by Zeth
» [OS] #DMBJdaily (5.20) ท่านยอดฝีมือ [หวังเหมิง (+เหมิงเสีย)(+ผิงเสีย)]
Thu 30 Mar 2017, 17:24 by Zeth