Countdown
We've been
togerther for

ค้นหา
 
 

Display results as :
 


Rechercher Advanced Search


[OS] Game or Kylin?

3 posters

Go down

[OS] Game or Kylin? Empty [OS] Game or Kylin?

ตั้งหัวข้อ by ennewiis Tue 29 Mar 2016, 23:32

❥GAMEORKYLIN



Title : Game or Kylin?
Fandom : 盜墓筆記, Daomu Biji, บันทึกจอมโจรแห่งสุสาน
Pairing : เมินโหยวผิง x อู๋เสีย
Rate : PG


คำเตือน : แฟนฟิคชั่นเรื่องนี้มีเนื้อหาชายรักชายและอาจมีการสปอยเนื้อหาในบางช่วง กรุณาใช้วิจารณญาณในการเสพ


-1-


อู๋เสี่ยกำลังติดเกม

จางฉี่หลิงมองภาพอู๋เสี่ยนอนคว่ำหน้า ทำหน้านิ่วคิ้วขมวด สายตาก็เอาแต่จดจ่ออยู่กับหน้าจอโทรศัพท์มือถือในมือแบบนี้มาหลายวันแล้ว ขนาดเมื่อวานซืนนายอ้วนเอาเขามาทิ้งไว้ที่ร้านอีกฝ่ายยังไม่สนใจ จนนายอ้วนต้องถามว่าคนตัวบางกำลังทำอะไรอยู่ เจ้าตัวพอได้ยินคำถามก็พึมพำภาษาประหลาดออกมาเบาๆ ถามย้ำไปมาอยู่หลายครั้งก็ไม่ได้คำตอบ จึงเลือกจะเดินเข้าไปมองจากด้านหลังด้วยตัวเองจึงได้รู้สาเหตุ

“เทียนเจินติดเกมวุ้ย”

เขาไม่รู้ว่าเกมคืออะไร ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไมมันเข้าไปอยู่ในเครื่องมือสื่อสารเครื่องเล็กจิ๋วแบบนั้นได้ นายอ้วนคงรู้ถึงความสับสนของเขาจึงได้ไขข้อข้องใจให้

“นี่แหน่ะน้องเสี่ยวเกอ ที่อยู่ในมือเทียนเจินคือโทรศัพท์มือถือนะ”

เรื่องนั้นไม่ต้องบอกก็รู้ คิดแต่เขาไม่พูดออกไป

“ส่วนที่อยู่ในมือถืออีกที่เขาเรียกว่าเกม เป็นของที่ช่วยทำให้สมองผ่อนคลาย คลายเครียดประมาณนั้น มีหลายประเภท มีทั้งเกมตัวต่อ เกมงู เกมแอคชั่นต่อสู้ เกมยิง เกมผจญภัย เยอะแยะเต็มไปหมด ที่เทียนเจินเล่นคงจัดอยู่ในหมวดผจญภัยล่ะมั้ง?”

ข้อมูลที่ได้รู้มากำลังประมวลผลอยู่ในหัวสมอง ชายหนุ่มพยักหน้ารับรู้ว่าเข้าใจแล้วปลีกตัวไปนั่งบนเก้าอี้ที่ประจำที่นั่งทุกครั้งเวลาที่มาร้านนี้ สายตามองเหม่อไปทั่วเหมือนที่เคย พร้อมๆ กับความคิดที่ล่องลอยไปไม่มีจุดหมายว่าหยุดอยู่ที่ไหน ปกติเขาจะฆ่าเวลาด้วยวิธีนี้ตลอดโดยไม่มีอะไรมารบกวน หากวันนี้ระหว่างนั่งเหม่อเขากลับสัมผัสได้ถึงความรู้สึกแปลกๆ เหมือนมีบางอย่างลอยวนอยู่ในท้อง อวอวลไปด้วยความรู้สึกไม่สบายใจ

มันคือลางสังหรณ์ที่ไม่ดี

เป็นเช่นนั้นอยู่ชั่วครู่แล้วมันก็หายไป เขาทำได้แต่หวังให้ลางสังหรณ์นั้นเป็นสิ่งที่วิตกกังวลไปเอง


-2-


พอตกเย็นเขาก็ได้รู้ว่าลางสังหรณ์นั้นถูกต้อง

ปกติพอถึงเวลาประมาณห้าโมงเย็นที่ร้านขายของเก่านี้ก็ไม่มีคนแวะเข้ามาแล้ว (ความจริงต้องเรียกว่าทั้งวัน) พอเข็มสั้นชี้เลขห้า เข็มยาวชี้เลขสิบสองปุ๊บ คนเฝ้าหน้าร้านที่เขาจำได้ว่าชื่อหวังเหมิงจะเดินมาเกาะขอบประตูมองเจ้านายของตนที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ในออฟฟิศ ก่อนจะโดนด่าตามด้วยไล่ให้กลับบ้านแล้วทุกคนก็จะช่วยกันปิดร้าน เป็นอันเสร็จสิ้นภารกิจประจำวัน

ทว่าวันนี้ แม้เข็มนาฬิกาจะลากยาวไปจนเกือบห้าโมงครึ่งแล้ว หรือแม้หวังเหมิงเดินเข้ามาเกาะขอบประตูรอบแล้วรอบเล่าเถ้าแก่ประจำร้านกลับไม่ใคร่จะให้ความสนใจเท่าใดนัก ยังก้มหน้าก้มตา ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดจิ้มโทรศัพท์ในมือไม่หยุด จนกระทั่งหน้าจอมันดับแสงลงนั่นแหละเขาถึงได้ยินเสียงสบถ และอู๋เสียก็เงินหน้าขึ้นมามองเขาในที่สุด

“มาเกาะขอบประตูทำบ้าอะไรของแกหวังเหมิง ไปเฝ้าร้านสิ”

อู๋เสียขมวดคิ้วขณะมองลูกจ้างของตนที่ทำหน้าบิดเบี้ยวอย่างน่าเกลียดเมื่อได้ฟังคำพูดของเจ้านาย

“โธ่… ตอนนี้มันห้าโมงจะครึ่งแล้วครับเจ้านาย คุณมัวแต่เล่นเกมจนลืมวันลืมคืนไปแล้ว ขนาดคุณคนนี้มานั่งรอตั้งนานคุณยังไม่คิดจะสนใจเขาเลย”

รู้สึกถึงสายตาของหวังเหมิงที่พยักเพยิกหน้ามาทางเขาซึ่งกำลังเหม่อมองตู้โชว์แจกันลายครามอยู่แต่ก็ไม่คิดจะพูดอะไร ได้ยินเสียงถอนหายใจแหมือนเหนื่อยเต็มที่จากเจ้าของร้านด้วย ไม่ต้องมองก็รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังทำหน้าเหม็นเบื่อเต็มที่ และตั้งใจจะพูดอะไรใจร้ายใส่ลูกจ้างคนเดียวในร้านแน่ๆ

“หวังเหมิง… เป็นลูกจ้างต้องทำตามใจนายจ้าง นายเคยได้ยินประโยคนี้มั้ย?”

“แต่นี่มันเลิกงานแล้วนะเจ้านาย ไม่งั้นก็ต้องเพิ่มค่าแรงให้ผมสักนิดนึง”

“รีบกลับไปเลยไป”

ได้ยินเสียงโอดครวญกับเสียงบ่นเบาๆ ว่า ขี้เหนียว จากคนที่ผละออกไปเก็บของกลับบ้าน และแน่ใจว่าคนที่โดนพูดถึงก็ได้ยินเหมือนกันถึงได้ถลึงตามองไล่หลังราวกับพลังสายตาสามารถทำให้ร่างของหวังเหมิงสลายเป็นผุยผงได้

เก้าอี้เอนเลื่อนออกแล้ว พร้อมกับเสียงจัดของบนโต๊ะ ไม่นานเกินห้านาทีร่างโปร่งก็เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของเขาแล้ว แสดงว่าถึงเวลาที่เขาต้องเลิกเหม่อเหมือนกัน จึงเงยหน้ามองตามร่างเจ้าของเงาที่ทอดลงมาปิดบังแสงจากนอกหน้าต่าง

“เสี่ยวเกอ หิวหรือยัง?”

อู๋เสียถามเขาหลังมองนาฬิกาแล้วเห็นว่าเข้าสู่เวลาอาหารเย็นแล้ว เขาส่ายหน้า ไม่ได้รู้สึกหิวมากมายเท่าไหร่นัก ปกติก็เอาแต่ลงกรวย ลุยสุสาน ไม่ค่อยได้กินอะไรเต็มอิ่มมากนัก มีแต่ตอนที่ได้อยู่กับนายอ้วนไม่ก็คนตรงหน้านี่แหละถึงได้กินอาหารดีๆ และตอนนี้เขาไม่ได้ต้องการอะไรจำพวกนั้น

“เอาเถอะ ฉันก็คิดแล้วแหละว่านายต้องตอบแบบนี้ งั้นเราซื้ออะไรง่ายๆ ไปกินที่โรงแรมกัน ฉันจะไปชาร์จแบตด้วย เครื่องดับไปแบบนี้ไม่รู้ว่าเกมต้องเริ่มใหม่หรือเปล่า”

เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม ในเมื่อเจ้าถิ่นกล่าวแบบนี้ก็ได้แต่ต้องยอมรับ เขาทั้งคู่ออกจากร้านหลังจากนั้นไม่กี่นาที หาซื้อกับข้าวกับปลาทั้งหลายแหล่สำหรับอาหารเย็นวันนี้แล้วนั่งรถกลับโรงแรม ทั้งที่จริงเดินไปก็ใช้เวลาไม่ไกลจากตลาดใจกลางเมืองเท่าใดนัก แต่ดูท่าวันนี้อู๋เสียต้องการความเร็วจากรถมากกว่าการเดินเรื่อยไปตามถนนจึงตัดสินใจจ้างรถทันทีที่ซื้อของเสร็จ


-3-


“นายจัดการไปก่อนเลย”

พอก้าวเท้าเข้าห้องมาปุ๊บก็ทิ้งทุกอย่างให้เขาจัดการแล้วเดินตัวปลิวไปหาปลั๊กไฟในส่วนของห้องนอน เห็นว่าวันนี้จะค้างที่นี่ด้วยเพราะไม่อยากกลับบ้าน เขาจึงคิดว่าอีกฝ่ายไปจัดการกับข้าวของที่เอามาทิ้งไว้ก่อนแล้ว

แต่เทกับข้าวก็แล้ว จัดการส่วนของตัวเองก็แล้ว ยังไม่มีวี่แววว่าเพื่อนร่วมห้องจะออกมาร่วมโต๊ะด้วย นั่งคิดอยู่ครู่หนึ่งเขาจึงตัดสินใจเดินเข้าไปตามแทน

“อู๋เสีย กินข้าว”

พอเปิดประตูเข้าไปก็เจอภาพเถ้าแก่อู๋กำลังนั่งจิ้มโทรศัพท์ด้วยสีหน้าท่าทางแบบที่เห็นในร้านไม่มีผิด เรียกว่ารายละเอียดคงเดิม เปลี่ยนแค่สถานที่ที่กระทำก็ว่าได้

“นายกินไปก่อนเลย”

อู๋เสียตอบเขาทั้งที่ตัวเองไม่เงยหน้ามามองด้วยซ้ำ ไม่รู้ทำไมท่าทีที่เห็นถึงชวนให้หงุดหงิดใจเล็กน้อย

“ฉันกินแล้ว เหลือส่วนของนาย”

“งั้นวางไว้ก่อน ฉันไม่ว่าง”



เมื่อมองแล้วว่ายังไงคนติดเกมก็ไม่ละสายตาจากจอในมือได้ง่ายๆ ร่างสูงที่ยืนมอง ใช้สายตากดดันอยู่สักพักจึงเป็นฝ่ายยอมแพ้ เดินกลับมานั่งที่โซฟามองเหม่อไปนอกหน้าต่างเหมือนที่ชอบทำอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ความคิดกลับตีวนในหัว เพราะท่าทางและการกระทำที่แปลกไปมากกว่าเดิมของอู๋เสีย

เทียนเจินติดเกม

คำพูดของนายอ้วนที่ได้ยินในร้านผุดขึ้นมาในหัว ไม่เคยมีคนรอบตัวที่เป็นแบบนี้เลย อาจเพราะคนที่เขาเคยคลุกคลีอยู่ด้วยไม่มีใครมีอาการเช่นนี้ วันๆ เอะอะก็หาสุสานใหม่เพื่อคว่ำกรวย บางครั้งก็อยู่ใต้ดินกันหลายวันหลายคืน ออกเดินทางกันตลอด ไม่มีเวลามาจดจ่ออยู่หน้าจอโทรศัพท์เลยสักคน

และวันนี้จางฉี่หลิงก็รู้จักคำว่าติดเกมเป็นครั้งแรก


-4-


คืนนั้น นายอ้วนกลับมาเห็นกับข้าวที่วางคาไว้จนเย็นชืดบนโต๊ะจึงนึกว่าเป็นส่วนของเขาที่ยังไม่ได้จัดการ แต่พอบอกไปว่าเป็นส่วนของนายน้อยสามที่เอาแต่เล่นมือถือ นายอ้วนก็รีบจัดการเปิดประตูห้องแล้วลากคนที่เอาแต่ก้มหน้ามองจอออกมา ทั้งยังยึดโทรศัพท์มือถือของอีกฝ่ายไปด้วย ไม่ลืมกำชับหนักๆ อีกว่า

“ถ้านายไม่กินข้าวก็ไม่ต้องเล่น! อายุตั้งเท่าไหร่แล้วมัวแต่ติดเกมไร้สาระนี่อยู่ได้ ถ้าอาสามของนายมาเห็นต้องด่าจนหัวโกร๋นแน่!”

“นายอ้วน! นายเป็นแม่ฉันหรือไงถึงได้มาจ้ำจี้จ้ำไชขนาดนี้ เอามือถือฉันมา”

อู๋เสียเอื้อมมือคว้าโทรศัพท์ของตนอย่างรวดเร็ว แต่ไม่เร็วพอเพราะนายอ้วนหย่อยมันลงกระเป๋ากางเกงไปแล้ว

“ไม่! ถ้านายจัดการไม่หมดมือถือนายโดนนิ้วพิฆาตของน้องเสี่ยวเกอบี้เละแน่ หรือจะลอง?”

และฝ่ายที่โดนขู่ก็ต้องยอมจัดการข้าวมื้อนั้น ซึ่งแน่ล่ะว่าไม่ใช่เพราะกลัวโดนด่า แต่เพราะอยากได้มือถือคืนมากกว่า สุดท้ายเรื่องก็จบลงที่อู๋เสียกินข้าวไวปานจรวดก่อนถลากลับห้องนอนเมื่อได้โทรศัพท์ของตนคืน


-5-

“นี่น้องเสี่ยวเกอ เทียนเจินตื่นหรือยังน่ะ”

เช้าวันต่อมานายอ้วนก็เอ่ยถามในสภาพสลึมสะลือ เขาชี้ไปที่โซฟาใจกลางห้องพักเผยให้เห็นภาพคนที่เอาแต่นั่งจิ้มโทรศัพท์มือถือ เห็นแบบนั้นเจ้าของร่างอ้วนๆ ก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่

“นี่มันติดหนักมากเกินไปแล้วนะ ข้าวปลาแทบไม่กิน นอนก็ดึกแถมยังตื่นเสียเช้าเพื่อมาเล่นเกม ไม่รู้เกมมันสนุกอะไรหนักหนา”

นั่นสิ เขาก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน ปกติอู๋เสียเป็นคนนอนไวตื่นสาย แถมยังหลับกลางวันได้ด้วย มีแรงขับเคลื่อนเหมือนเด็กทารก แต่เมื่อคืนตอนเขาผล็อยหลับยังได้ยินเสียงเกมของอีกฝ่ายอยู่เลย ตอนเช้าก็ใช้เสียงเกมนั่นแหละเป็นนาฬิกาปลุก

“หรือเกมนั้นมันจะมีอาถรรพ์ ดึงดูดให้เล่นเพื่อเอาพลังวิญญาณ มันต้องเป็นเกมผีสิงแน่ๆ”

จางฉี่หลิงเหลือบมองใบหน้าขาวซีดของนายอ้วน ไม่รู้ว่าไปได้ความคิดประหลาดๆ มาจากที่ไหน

“มันอาจจะกลบกลิ่นอายก็ได้! ไอ้หยา ฉันไม่เคยรู้ว่ามาก่อนว่าเกมชื่อดังจะร้ายกาจขนาดนี้ ไม่ได้การๆ เราต้องจัดการเรื่องนี้นะน้องเสี่ยวเกอ ไม่งั้นเทียนเจินต้องโดนดูดพลังหมดตัว เหี่ยวแห้งตายคาจอมือถือ เราจะโดนบ้านใหญ่เล่นงานเอาหน่า ฉันไม่อยากมีเรื่องกับพวกอาสามของหมอนี่เท่าไหร่ ถึงจะไม่เคยเจอหน้าจังๆ ก็เถอะ”

“ฉันไม่เคยเจอผีแบบนี้ ไม่รู้เรื่องหรอก”

เขาปัดปฏิเสธ ไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าภูติผีจะทำเรื่องเช่นนี้ได้ และเขาไม่รู้สึกอะไรเลย ดังนั้นนายอ้วนต้องมั่วแน่ๆ

“แล้วน้องเสี่ยวเกอจะปล่อยให้เทียนเจินติดเกมอยู่อย่างนี้ไม่ได้นา นี่เล่นไม่สนใจอะไรเลยทั้งข้าวปลาอาหาร ก้าวร้าวเหมือนเด็กเพิ่งแตกหนุ่ม ที่สำคัญตั้งแต่มานี่เทียนเจินไม่สนใจน้องเสี่ยวเกอเหมือนแต่ก่อนเลยนะ จะบอกว่าเป็นอย่างนี้ก็ดีเหรอ?”

คำพูดของนายอ้วนทำให้เขาฉุกคิด จะว่าไปตั้งแต่เมื่อวานเขาก็ได้คุยกับอู๋เสียนับคำได้จริงๆ จำได้ว่านอกจากเรื่องข้าวก็ไม่ได้คุยเรื่องอื่นกันเลย

แม้เขาจะชอบอยู่เงียบๆ ไม่ค่อยเอ่ยอะไรอยู่แล้ว แต่อีกคนกลับไม่ใช่ ฝ่ายนั้นหากหาเรื่องอะไรมาคุยได้ก็จะพูดไม่หยุด ลากเรื่องนั้นมารวมกับเรื่องนี้ ผสมปนเปไปเรื่อยจนเหมือนเพลงกล่อมเด็ก บางครั้งฟังๆ อยู่เขาก็เผลอหลับไปเลยก็มี แต่เมื่อวานกลับไม่มีเหตุการณ์เช่นนั้น จะว่าแปลกมันก็แปลกอยู่นั่นแหละ อยู่ด้วยกันแต่ก็เหมือนไม่ได้อยู่ด้วยกัน

“ทำหน้าแบบนี้แสดงว่าน้องเสี่ยวเกอเห็นด้วยสินะ งั้นเข้าไปจัดการเลย! ใช่สองนิ้วบี้มันซะ แล้วดทียนเจินจะได้กลับมาเป็นปกติ มานัวเนียกับน้องเสี่ยวเกอเหมือนเดิมไง”

ไม่รู้ทำไมพอฟังประโยคนั้นเขาก็เห็นดีเห็นงามกับนายอ้วนที่จะทำลายมือถือเครื่องนั้นทิ้ง


-6-


“…..มีอะไรเสี่ยวเกอ นายนั่งมองฉันทำไม”

คนติดเกมเอียงหน้ามาถามเขาทั้งที่กำลังนอนคว่ำเอามือจิ้มหน้าจอโทรศัพท์อยู่บนเตียง ท่าทางเขาจะเหม่อมองอีกฝ่ายขณะคิดถึงเรื่องที่คุยกับนายอ้วนจนลืมว่านี่ไม่ใช่เวลาคิดอะไรพวกนั้น

อู๋เสียมีสีหน้าสับสนเมื่อเห็นเขาไม่ตอบคำถาม แต่มือก็ยังจิ้มหน้าจอไม่อยู่ เจ้าตัวกำลังจิ้มกรงขังหมีหรือตัวอะไรสักอย่างที่มีขนฟูๆ เพียงสองถึงสามทีแล้วหมีก็หายไป เขาไม่เข้าใจเลยว่าการนั่งจิ้มจอโทรศัพท์มันสนุกยังไง

“เสี่ยวเกอ?”

เรียกชื่อปลุกสติอีกรอบเมื่อไม่ได้รับคำตอบ เจ้าของชื่อส่ายหน้าเพื่อตอบคำถามและไล่นิสัยเหม่อลอยของตัวเอง ก่อนจะชี้นิ้วไปที่อุปกรณ์สื่อสารบนเตียง

“…สนุกตรงไหน?”

เขาถามด้วยโทนเสียงเรียบเฉยเช่นปกติ ใจหนึ่งก็สนใจจริงๆ แต่อีกใตหนึ่งก็ถามเพราะไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรในสถานการณ์เช่นนี้ดี อู๋เสียทำตาโต มองเขาด้วยสายตาประเมินครู่หนึ่ง เผยรอยยิ้มกว้าง ก่อนจะเขยิบตัวให้เหลือที่พอสำหรับอีกหนึ่งคนแล้วกวักมือเรียกเขา ท่าทางเหมือนเรียกเด็กประถมแถวบ้าน

และจางฉี่หลิงก็ยอมแปลงร่างเป็นเด็กประถม ขาเรียวพาร่างสูงบอบบางแต่ความจริงที่ซ่อนไว่ใต้เสื้อคือกล้ามเนื้อสวยงามได้รู้ไปนั่งหมิ่นเหม่ตรงขอบเตียง จนโดนดึงชายเสื้อให้เขยิบนั่นแหละเขาถึงได้ทำตามคำเรียกร้อง พาทั้งตัวไปนั่งขัดสมาธิบนเตียงนอนข้างๆ คนติดเกมด้วย

“นี่เป็นเกมทำฟาร์ม”

“ทำฟาร์ม… ไม่ใช่แนวผจญภัย”

เพราะจำได้ว่านายอ้วนเป็นคนพูดอธิบาย และบอกว่าอีกฝ่ายกำลังเล่นเกมผจญภัย แต่วันนี้กลับมาทำฟาร์ม เป็นเรื่องที่ชวนฉงนสำหรับคนแบบเขา

“อือ เมื่อวานเล่นเกมผจญภัย แต่วันนี้เล่นเกมทำฟาร์มไง ฉันไม่นั่งเล่นเกมเดิมซ้ำๆ หรอกนะ น่าเบื่อจะตายชัก”

“งั้นก็ไม่สนุก?”

“สนุกสิ! พอๆ เดี๋ยวคุยไปคุยมาก็วนไปเรื่องเดิมอีก นายเป็นเจ้าหนูจำไมหรือไงฮะวันนี้? มา เดี๋ยวฉันจะสอนนายเล่น กดตีงนี้เพื่อซื้อไก่ เอาไก่มาลงในฟาร์มให้มันออกไข่จะได้เอาไปขาย ส่วนวัวตรงนี้ให้เอานมไปทำชีส ส่งขายเหมือนกัน เห็นมั้ยตรงนี้… เนี่ย พอกดรูปรถมันก็จะเอาของที่เรารวบรวมไปส่ง ได้เงินมานายก็สะสมไม่ก็เอาไปอัพเกรดซะ แล้วก็จะมีหมี…@_#I($*#&*_”

“……….”

เขารู้สึกสับสน สำหรับคนที่มีชีวิตเพราะตามหาสิ่งที่ถูกฝังอยู่ใต้ดินมาโดยตลอด การลงกรวยสำรวจสุสานยังเข้าใจง่ายมากกว่าการทำฟาร์มบนหน้าจอแบบนี้

“อะ นายลองเล่นดู ทำตามที่คำสั่งมันบอกนายก็ผ่านแล้ว… เบาๆ ด้วย ห้ามจิ้มจนกระจกจอฉันแหลก”

เมื่อถูกคะยั้นคะยอให้รับเครื่องมือสื่อสารสีดำมาไว้ในมือ ทีแรกก็ตั้งใจจะทำหน้าจอแตกนั่นแหละ แต่โดนพูดจาดักคอไว้เสียก่อนเหมือนรู้ทันเขาเลยต้องออกแรงให้เบาที่สุดแล้วลากปลายนิ้วเลื่อนไปบนจอสัมผัสตามที่เจ้าของเครื่องพูดบอกอยู่ข้างๆ ไม่นานนักก็ปรากฏภาษาอังกฤษง่ายๆ บนหน้าจอ แสดงว่าเขาได้ทำภารกิจถึงเกณฑ์ที่ตั้งไว้แล้ว

“เก่งนี่ ฉันซื้อโทรศัพท์ให้นายเล่นเกมดีไหม?”

“ไม่เอา”

อู๋เสียหัวเราะเพราะชายหนุ่มตอบกลับทันทีโดนไม่ต้องคิด เคยมีเหตุการณ์ที่โดนยัดเยียดโทรศัพท์มือถือรุ่นถูกกว่านี้ให้เหมือนกัน แต่แค่วันแรกเขาก็เอามันไปทิ้งไว้ไหนก็ไม่รู้จนคนออกเงินได้แต่ถอนหายใจในความสะเพร่าของเขา

“ความจริงเกมนี้ก็สนุกนะ แต่ฉันชอบอีกเกมนึงมากกว่า แต่เล่นมาตั้งนานแล้วไม่ผ่านด่านสักทีฉันเลยถอดใจ”

“เกมอะไร?”

“อั้นแหนะ สนใจแล้วล่ะสิ ติดขึ้นมาฉันไม่รู้ด้วยนะ”

พูดไปนิ้วก็ปิดหน้าจอเกมที่เปิดคาไว้แล้วเลื่อนๆ อยู่สักพักก่อนจะเปิดหนาจอใหม่ขึ้นมา เปลี่ยนจากเกมที่มีสีสันสดใสเป็นเกมที่มีบรรยากาศชวนขนลุก รูปภาพพื้นหลังดูอึมครึมเหมือนเวลาลงไปอยู่ในสุสาน

“นายอาจจะไม่เชื่อก็ได้ แต่นี่เป็นเกมที่ตรงกับชีวิตพวกเราเหมือนเลียนแบบกันมาเลยนะ ทั้งสถานที่ในเกม ทั้งปริศนา มีพวกสัตว์ประหลาดที่เราเจอด้วยนะ ตอนเล่นครั้งแรกฉันยังนึกว่าคนในกลุ่มเราเป็นคนเขียนโปรแกรมเกมนี้ขึ้นมาด้วยซ้ำ แต่พอนึกได้ว่าในกลุ่มที่ลงกรวยแต่ละครั้งไม่มีใครน่าจะมีความรู้ด้านนี้เลยคิดว่ามันเป็นเพียงแค่ความบังเอิญ นี่ไง นายดูชื่อสิ”

คนข้างกายยื่นหน้าโทรศัพท์มาให้ดู สิ่งที่ฉายให้เห็นเป็นรูปคล้ายๆ กับเมืองที่ไม่คุ้นตา มีรายละเอียดตัวละคร เงินที่มีอยู่ และปุ่มคำสั่งเยอะแยะมากมายอยู่บนนั้น พออู๋เสียเลื่อนนิ้วจิ้มไปอีกไม่กี่ครั้งก็มีหน้าใหม่ขึ้นมา เป็นรูปภาพช่องๆ มีตัวหนังสือมากมายอยู่บนนั้น เมื่ออ่านเสร็จคิ้วคมก็มวดมุ่น เพราะแต่ละสถานที่ที่โชว์อยู่บนนั้นเป็นสถานที่ในความทรงจำอย่างที่อู๋เสียว่าไว้จริงๆ

“หมายความว่าในนี่มีข้อมูลของสุสาน…”

“ใช่ มีแต่ไม่ละเอียดเท่ากับที่เราเจอหรอกนะ แล้วนายดูหน้านี้สิ”

ลากนิ้วอีกไม่กี่ครั้งภาพที่ปรากฏยังคงมีมีรูปที่แบ่งเป็นช่องเช่นเคย แต่ต่างกันตรงที่รูปกลางช่องเปลี่ยนไป เป็นรูปสิ่งที่ไม่สามารถอธิบายได้ แต่รูปร่างและหน้าตาเพียงเสี้ยวเดียวที่เห็นนั้นยังตรึงอยู่ในความทรงจำ และทำให้เขาตระหนักได้ว่ารูปที่กำลังดูคือพวกสัตว์ประหลาดที่เจอมาตอนที่พวกเขาลงไปคว่ำกรวยด้วยกัน

“ยังมีอีกนะ ประหลาดที่สุดจนทำให้ฉันกลัวเลย ฉันว่านายเห็นยังตกใจ”

ครั้งนี้อู๋เสียเลือกไปยังคำสั่งต่อสู้ รอสักพักก็มีหน้าที่มีรูปร่างคนเยอะแยะมากมายไปหมดแล้วยื่นมาตรงหน้าเขา

“……….”

ประหลาดมาก ประหลาดเหมือนที่อีกคนว่าไว้จริงๆ เพราะภาพการ์ตูนที่ปรากฏอยู่มองดูก็รู้ว่าลอกเลียนแบบรูปร่างหน้าตาของคนข้างๆ เขาไปแน่นอน ไม่เพียงแค่อู๋เสีย ยังมีนายอ้วน ผู้หญิงที่ชื่ออาหนิง คนที่ชื่อพานจื่อ และอีกหลายคนที่เขาทั้งเคยเจอและไม่เคยเจอ ที่น่าทึ่งที่สุดคือมีคนรูปร่างหน้าตาคล้ายเขาอยู่ในนั้นด้วย

“ตกใจใช่ไหมล่ะ ฉันเห็นตอนแรกก็เงียบไปเหมือนนายนั่นแหละ ไม่รู้ว่าใครเป็นคนผลิตเกมนี้ออกมากันแน่ รายละเอียด รูปร่างหน้าตาตัวละคร ทุกอย่างมันเหมือนพวกเรามากเกินไป แถมยังมีพื้นที่ปิดซึ่งเป็นสถานที่ที่เราตั้งใจจะไปด้วย ฉันเลยอยากรู้ ลองเล่นจนไปเล่นมากลายเป็นติดหนึบ มันสนุกกว่าที่คิดนะถึงจะเหมือนเห็นตัวเองเวอร์ชั่นเกมลงไปต่อสู้กับพวกตัวประหลาดก็เถอะ”

“นี่คือสิ่งที่นายเล่นอยู่ตลอด?”

“ใช่ ที่ฉันเล่นทั้งวันทั้งคืนจนนายกับนายอ้วนเรียกฉันว่าคนติดเกมก็เพราะเจ้านี่นั่นแหละ ฉันคิดว่าเล่นไปเราอาจจะได้ข้อมูลบางอย่างเพิ่มเติมก็ได้”

พอฟังสิ่งที่อีกฝ่ายพูดในสิ่งที่คิดก็รู้ดีต้องปรับเปลี่ยนแผน หากว่าเกมนี้มีความสำคัญมากพอที่จะช่วยไขปริศนาต่างๆ ได้เขาก็ไม่จำเป็นต้องห้ามให้อู๋เสียเลิกเล่นเกม แต่ต้องปล่อยให้ขุดข้อมูลให้ลึกมากที่สุดเท่าที่จะทำได้แทนทีจะหักโทรศัพท์เครื่องนั้นทิ้ง อาจจะต้องบอกนายอ้วนเรื่องนี้ด้วยจะได้ไม่เข้าใจกันผิด…

“มีการ์ดรูปใหม่แล้ว! เอ๋… เฮ้ย…”

จู่ๆ เสียงแสดงความดีใจก็เปลี่ยนไป คิ้วเข้มของคนที่กำลังมองจอขมวดเข้าหากัน เขาจับได้ถึงความรู้สึกสับสน งุนงง และติดจะหวาดกลัวอยู่ในทีผ่านการกระทำเล็กๆ น้อยๆ เช่นนั้นได้

“มี…..”

ยังไม่ทันถามหน้าจอโทรศัพท์ก็เกือบจะทิ่มหน้าเขาแล้ว ร่างสูงขยับให้มีระยะห่างเล็กน้อยก่อนจะมองต้นเหตุที่ทำให้อู๋เสียเกดอาการประหลาดนั้น แล้วก็เป็นเขาเองที่ตกใจ ถึงจะไม่แสดงออกทางสีหน้าแต่ในใจเขาก็ตกใจมากจริงๆ

สิ่งที่เรียกว่าการ์ดบนหน้าจอนั้นมีรูปของคนที่หน้าตาคล้ายเขา ที่สำคัญกว่าคือบนร่างกายของชายคนนั้น มีลายสักกิเลนสีเข้มพาดยาวตั้งแต่บนไหล่ลงมา ด้านล่างมีลูกไฟใต้เท้าเหมือนกิเลนกำลังเหยียบไฟ แม้จะเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อยแต่เขาก็จำได้ว่ามันเป็นลายที่คล้ายกันกับบนตัวของเขา

“…..สุดยอด ฉันต้องรู้ให้ได้ว่าใครเป็นคนทำเกมนี้ ข้อมูลมาจากไหน นี่อาจจะไขปริศนาเรื่องของนายได้ด้วยนะ”

แม้จะยังสับสนแต่ก็รู้ว่าอีกคนพูดถูก หากรู้แม้กระทั่งเรื่องลายสักกิเลน คนที่ทำสิ่งนี้ขึ้นมาต้องรู้ถึงอดีตของเขาแน่ๆ และอาจจะได้คำตอบเรื่องปริศนาทั้งหลายแหล่ที่ตามหาอยู่ด้วย

“จะว่าไป ฉันไม่เคยเห็นกิเลนของนายแบบนานๆ สักครั้งเลย นี่มันของล้ำค่าชัดๆ ต้องทำตัวให้ร้อนนานขนาดไหนถึงจะวาดรูปนี้เสร็จเนี่ย”

อู๋เสียพึมพำพลางลากไล้ปลายนิ้วของตัวเองเข้ากับหน้าจอ ลูบลายสักของเขาที่อยู่ในรูป บนตัวของผู้ชายที่ราวกับเป็นฝาแฝดด้วยสีหน้าท่าทางเหมือนเด็กได้ขนม สายตาเต็มไปด้วยความดีอกดีใจและติดจะเป็นความหลงใหล

ฉับพลันความรู้สึกแปลกประหลาดเหมือนที่เขารู้สึกตอนอยู่ที่ร้านและตอนคุยกับกับนายอ้วนก็ประดังมาอีกครั้ง รู้สึกไม่พอใจที่เห็นคนตรงหน้าเอาแต่จ้องมองหน้าจอโทรศัพท์… มองรอยสักเลียนแบบด้วยสายตาอิ่มเอมเหมือนได้ทำเรื่องยิ่งใหญ่สักเรื่องเสร็จสมบูรณ์ไปแล้ว คิ้วเรียวย่นเข้าหากันเล็กน้อยก่อนติดสินใจใช้มือของตัวเองคว้าเครื่องมือสื่อสารมากดปิดแล้วโยนไปด้านหลัง

“ทำอะไรของนายเนี่ย!? ฉันยังดูรูปอยู่นะ”

เจ้าของมือถือที่โดนโยนทิ้งโวยวาย ยันตัวในท่าคลานเคลื่อนผ่านตัวเขาไปด้านหลังเพื่อเอาของของตัวเองคืนแต่โดนมือใหญ่รั้งขาเอาไว้จนถ้าไถลลงไปกับผ้าปูเตียงแทน

“…..เสี่ยวเกอ ทำบ้าอะไรของนายหา!?”

อีกครั้งที่อู๋เสียพยายามคลานไปด้านหลังเขาเพื่อคว้าสิ่งที่ต้องการ คราวนี้เขาจึงล็อคเข้าที่เอว เหวี่ยงตัวคนในอ้อมแขนรั้งกลับมาไว้ที่เดิม เพราะโดนทำเรื่องที่ไม่เข้าใจถึงสองครั้งเจ้าตัวจึงดูเหมือนจะโกรธมาก หน้าตาบิดเบี้ยวแถมยังแดงเพราะเลือดไหลสูบฉีดเร็วกว่าปกติอีกด้วย

“เฮ้ย! ตั้งใจจะทำอะ…”

“ฉันก็มีกิเลน”

ไม่รอให้พูดจบก็สวนคำที่ตนคิดไว้ในใจกลับไปทันที คนที่ตั้งท่าจะโวยวายชะงักค้างไปกลางประโยค เห็นความสับสนปรากฏบนใบหน้าอีกครั้งเขาจึงก้าวเพิ่มเติม

“ถ้านายอยากดูกิเลนก็มาดูบนตัวฉัน ทำไมต้องดูในรูป?”

“…..เอ้า ก็ ก็ในรูปมันชัดกว่า แถมกว่ากิเลนนายจะขึ้นทั้งตัวต้องใช้เวลาตั้งนาน ฉันขี้เกียจประคบร้อนให้”

เจอคำตอบแบบนี้เข้าไปจางฉี่หลิงรู้สึกราวกับมีอะไรในหัวลั่นดังเปรี๊ยะ ตั้งแต่ไม่สนใจเขาทั้งที่เขาไปหาที่ร้าน เอาแต่หมกตัวอยู่ในห้องไม่ยอมกินข้าวกินปลาเล่นแต่เกม นอนดึกจนทำให้เขาพลอยต้องรอนอนดึกตาม แถมต้องตื่นเช้าเพราะเสียงจิ้มเกม แล้วตอนนี้ยังมาสนใจกิเลนปลอมของตัวละครในเกมนั่นอีก

“ได้ งั้นฉันจะทำให้เร็วๆ”

“ห๊ะ จะทำอะไรเร็วๆ”

ทีแบบนี้ทำเป็นลืมคำพูดที่ตัวเองลั่นวาจาออกมา ไม่รู้ว่าเขาร่วมทีมกับคนเอ๋อแบบนี้มาได้เช่นไรเสียตั้งเนิ่นนาน มือเรียวที่มีความแปลกอยู่ที่ความยาวของนิ้วลากซิบเสื้อคลุมที่ตนใส่ประจำออก พอเห็นแบบนั้นอู๋เสียก็เริ่มหน้าซีด คาดว่าจะรู้ชะตากรรมของตัวเองแล้ว



“ทำให้กิเลนของฉันขึ้นเร็วๆ ไง”


NEVER END

■  ■  ■  ■  ■  ■  ■  ■  ■  ■



Talk: สวัสดีมิตรรักแฟนฟิค(?)หลังห่างหายไปนานค่ะ วันนี้ก็ได้เวลาดีๆ ที่จะเอาฟิคที่ร่วมโปรเจคฟิคเฟ่งานเต้ามู่มาให้อ่านกันแล้ว (บอกเลยว่าลืมไปแล้วนะเนี่ยจนเจอทวิตคุณ นรค. เลยรีบแจ้นมาลงบ้าง)

ขอบคุณสต๊าฟทุกท่านที่ชวนมาร่วมโปรเจค, ขอบคุณนักอ่านที่เลือกฟิคเรื่องนี้ลงไปเป็นหนึ่งในเล่ม และขอบคุณทุกๆ กำลังใจมา ณ โอกาสนี้อีกครั้งด้วยค่ะ

งานปีนี้ก็ขอฝากด้วยอีกครั้งนะคะ
ennewiis
ennewiis
ด้วงตำหนักหลู่หวังเจ็ดดารา
ด้วงตำหนักหลู่หวังเจ็ดดารา

จำนวนข้อความ : 62
Points : 3584
Join date : 26/10/2014
Age : 32
ที่อยู่ : หลุมหลืบในใจของนายน้อย

http://imannew.wordpress.com

ขึ้นไปข้างบน Go down

[OS] Game or Kylin? Empty Re: [OS] Game or Kylin?

ตั้งหัวข้อ by yakusoku Fri 15 Apr 2016, 17:31

โธ่...นายน้อย เอาแต่ติดเกมจนไม่สนใจอะไร โดนเสี่ยวเกอลงโทษด้วยกิเลนกระทืบโลงซะแล้ว
เอวนายน้อยจะโอเคมั้ยหนอ ยังไงก็ขอบคุณผู้แต่งมากๆจ้า
yakusoku
yakusoku
ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ
ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ

จำนวนข้อความ : 369
Points : 3829
Join date : 05/11/2014
ที่อยู่ : โลงในสุสานโบราณ

ขึ้นไปข้างบน Go down

[OS] Game or Kylin? Empty Re: [OS] Game or Kylin?

ตั้งหัวข้อ by Zeth Tue 21 Mar 2017, 20:18

ประโยคนั่น! ด้วงตายเรียบค่ะ!
Zeth
Zeth
ด้วงตำหนักหลู่หวังเจ็ดดารา
ด้วงตำหนักหลู่หวังเจ็ดดารา

จำนวนข้อความ : 74
Points : 2684
Join date : 04/03/2017
Age : 26
ที่อยู่ : ใต้เตียงชาวบ้าน

ขึ้นไปข้างบน Go down

ขึ้นไปข้างบน

- Similar topics

 
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ