Countdown
We've been
togerther for
ค้นหา
Latest topics
Most active topics
[OS] 三日靜寂 [ผิงเสีย]
+2
Eli-kun
fay_13
6 posters
หน้า 1 จาก 1
[OS] 三日靜寂 [ผิงเสีย]
[OS] 三日靜寂
Pairing : จางฉี่หลิง x อู๋เสีย
Rating : G
Author Talk : อยากจะบอกว่าไม่มีอะไรเลยนอกจากกาวและกาว และเพลงที่ฟังชวนให้บิ้วอารมณ์จนเข็นออกมาได้นี่แหละค่ะ แนะนำให้ฟังเพลงนี้ไปด้วยอ่านไปด้วยจะได้อรรถรสมากขึ้นค่ะ
https://www.youtube.com/watch?v=40fo6LvR7g4
++++++++++++++++++++++++++++++++++
เสียงปืนลั่นสลับระเบิดที่ถูกใช้งานหลังจากที่สถานที่นี้ไม่มีผู้บุกรุกนานกว่าสิบปี ทั้งหมดก็เพื่อเปิดทางให้แก่ใครคนหนึ่งที่ดั้นด้นมายังสถานที่แห่งนี้ ใบหน้าที่ถึงยังมีความอ่อนเยาว์อยู่หลายส่วนหากแต่กลับกร้านขึ้น ดวงตาที่สดใสในอดีตบัดนี้กลับเป็นผู้ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม มือหยาบกร้านที่จับอาวุธประหัตประหารสิ่งกีดขวางอย่างไร้ความลังเล
แม้ลูกน้องที่ถูกสังหารตายต่อหน้าก็ไม่ทำให้ร่างเพรียวนั้นสะเทือนแต่อย่างใด เพื่อจุดมุ่งหมายของตนแล้ว เพื่อใครคนนึงที่เคยสัญญากันเอาไว้ว่าจะมารับกลับ ตนไม่ลังเลที่จะลงมือกระทำเพื่อให้เป้าหมายสัมฤทธิ์ผล สหายที่ร่วมเป็นร่วมตายมาด้วยกันในอดีตวันนี้เหลือเพียงสอง
ในเมื่ออีกคนเลือกที่จะปกป้องตน สิบปีช่างยาวนาน... กับการเฝ้ารอวันครบกำหนด จวบจนมาถึงยังหน้าประตูสำริดที่ตนเคยพานพบเมื่อสิบปีก่อน ผู้คนข้างกายเหลือเพียงสหายหนึ่งเดียวเหล่าลูกน้องที่ล้มตายรวมถึงกอบโกยสมบัติแล้วหนีไปเพราะถึงอย่างไรเป้าหมายก็แตกต่างมาตั้งแต่เริ่ม
" นายคิดว่าเขาจะยังจำเราได้ไหมนายอ้วน? " ประโยคแรกที่หลุดจากปากจากคนที่นั่งสูบบุหรี่อยู่ข้างๆ หลังกินอาหารแห้งบีบอัดไปเรียบร้อย กองไฟที่ถูกก่อขึ้นเพื่อให้แสงสว่างและความอบอุ่น นัยน์ตาสีน้ำตาลแห้งผากจากประสบการณ์ในช่วงสิบปีที่ผ่านมา
การรับช่วงต่อกิจการของสามที่ลูกน้องพร้อมจะหักหลังได้ทุกเมื่อ จนตนต้องเชือดไก่ให้ลิงดูเป็นตัวอย่างถึงได้ยอมสงบลงบ้าง แต่ถึงอย่างนั้นก็มีลูกน้องจำนวนไม่น้อยที่จงรักภักดีด้วยใจจริง ควันสีขาวที่ถูกพ่นออกจากริมฝีปากคนข้างๆ พร้อมๆ กับฝ่ามือใหญ่ที่แสนจะอบอุ่นที่ลูบหัวเบาๆ ราวพี่ชายที่กำลังเอ็นดูน้องชายตัวน้อยที่ไม่มั่นใจในตนเอง
" แล้วถ้าเสี่ยวเกอจำพวกเราไม่ได้จริงๆ เสี่ยวเสียจะทำยังไงล่ะ? " คำตอบของคำถามคือการถามกลับให้คนที่นั่งอยู่ด้วยกันชะงักน้อยๆ ใช่ว่าจะไม่เคยคิดความเป็นไปได้ข้อนี้... หากแต่เมื่อครุ่นคิดคำตอบแล้วก็มีเพียงคำตอบเดียวสำหรับตน...
" คงขอชกซักเปรี้ยงล่ะมั้ง ดันทิ้งกันได้ตั้งสิบปี แล้วค่อยลากกลับไปด้วยกัน หึ... นั่นสินะ ไม่ว่าจะจำได้หรือไม่คำตอบมันก็มีอยู่ข้อเดียว ก็ฉันมารับหมอนั่นกลับบ้านนี่นา " คำตอบที่เรียกเสียงหัวเราะลั่นพร้อมๆ กับฝ่ามือที่ตบบ่าหนักๆ ราวกับเห็นด้วยกับการกระทำนั้นๆ
" ฮ่าๆๆ นั่นแหละคือคำตอบที่เสี่ยเห็นด้วย เรามาเฝ้ารอเสี่ยวเกอด้วยกันเถอะ!! " เราหัวเราะกันในรอบหลายวันที่ผ่านมา เพราะก่อนหน้านี้มีแต่ความตึงเครียดที่แผ่ซ่านอยู่รอบกายเรา มือเล็กที่กุมลัญจกรผีเอาไว้นับถอยหลังเวลาที่ใครอีกคนจะออกมาจากเบื้องหลังประตูสำริดบานใหญ่
ท่ามกลางสุสานใหญ่ผมกำลังสะลึมสลือจากความอ่อนเพลียหลังจากที่บุกป่าฝ่าดงจนมาถึงที่นี่ ความอุ่นจากกองไฟและถุงนอนที่ถูกใช้ปูเพื่อเอนหลังพลันได้กลิ่นสมุนไพรอันแสนจะเป็นเอกลักษณ์ที่ให้ตายก็ไม่มีทางลืมเลือนไปจากความทรงจำ ฝ่ามือที่แตะแก้มอย่างแผ่วเบา สองนิ้วที่ยาวเป็นพิเศษปลุกสติให้ตื่นขึ้นมา พอหันไปมองคนที่อาสาเป็นยามกะแรกก็กำลังสัปหงกอยู่ หากแต่ภาพใครอีกคนที่ตนเฝ้าคำนึงหามาตลอดสิบปีปรากฏในครรลองสายตา
" เสี่ยว... เกอ... " เสียงที่แทบไม่พ้นลำคอ มือไขว่คว้าอีกฝ่ายแล้วกอดหมับ มือเล็กที่แตะสำรวจไปทั่วด้วยหัวใจที่เต้นระรัว นัยน์ตาคลอคลองหยาดน้ำใสก่อนจะร่วงหล่นอย่างลืมอาย
" ฉันกลับมาแล้ว... ขอบคุณที่ไม่ลืมกัน ขอบคุณที่มารับฉันกลับบ้าน " ประโยคยาวๆ ที่ได้ยินหลังจากสิบปีผ่านพ้น ยิ่งเรียกหยาดหยดให้รินไหล
" เสี่ยวเกอ... เสี่ยวเกอ... จางฉี่หลิงนายจริงๆ ใช่มั้ย? ไม่ใช่ฉันคิดไปเองหรอกนะ " น้ำเสียงสั่นเครือที่เรียกชื่อซ้ำแล้วซ้ำเล่า แตะคนในความคิดที่ไม่เคยจางหายตลอดสิบปีที่ผ่านมา มือหนาเชยคางเล็กขึ้นก่อนจะแนบประทับจุมพิตอย่างอ่อนโยน แผ่วเบาราวแมลงปอบินแตะผิวน้ำ
" ฉันอยู่นี่อู๋เสีย.. ฉันกลับมาอยู่ข้างกายนายแล้ว อย่าร้องไห้.. " ผละริมฝีปากออกเอ่ยกระซิบพลางโอบกอดร่างเล็กที่ไม่ต่างไปจากเมื่อสิบปีก่อนเลยแม้แต่น้อย กระนั้นลึกๆ ก็คาดเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง มือที่เคยเนียนนุ่มกลับหยาบกร้าน มีแผลเป็นประปราย บ่งบอกเรื่องราวในยามที่ตนไม่ได้อยู่ข้างกายรวมถึงความเพียรพยายามที่ร่างเล็กจะต้องฝึกฝนตนเพื่อวันนี้
" ฉันรักนายจางฉี่หลิง... นายห้ามทิ้งฉันไปไหนอีกนะ แม่งงง!! "
" ฉันก็รักนาย... ฉันสัญญาว่าจะอยู่กับนาย " คำสัญญาครั้งแรกที่หลุดออกจากปาก มือกอบกุมกันและกันแนบแน่น รอยยิ้มอ่อน ไร้เดียงสาในอดีตที่หายไปนับตั้งแต่จากกันบัดนี้กลับมาอีกครั้ง
" นี่... พวกนายลืมไปรึเปล่าเนี่ยว่ามีเสี่ยนั่งหัวโด่อยู่ตรงนี้เนี่ย!? " บุคคลผู้ถูกลืมประท้วงเจ้าคู่รักตรงหน้าที่มันสวีทกันแบบไม่เห็นหัวคนที่นั่งอยู่เลยสักนิด อุตส่าห์แกล้งหลับแล้วนะก็ยังไม่เลิกสวีทกันอีก พวกแกเห็นใจคนโสดบ้างสิวะ!!
" เปล่าไม่ได้ลืม แต่นายจะตื่นขึ้นมาขัดคอพวกฉันทำไมเนี่ย? " คำตอบที่ได้รับพาให้คนฟังขยับลุกขึ้นมาขยี้ๆ หัวทุยอย่างไม่ออมแรง เรียกเสียงโวยวายสลับหัวเราะจากคนแกล้งโดยมีใครอีกคนนั่งมองนิ่งๆ ด้วยสายตาอ่อนโยน รอยยิ้มบางๆ ที่มุมปากอย่างมีความสุข
" เราไปกันเถอะ... กลับบ้านของเรากัน " สัมภาระที่ถูกเก็บขึ้น ดับกองไฟทิ้งแล้วเดินจากสถานที่แห่งนี้ไปโดยไม่คิดเหลียวหลัง
.....................................................
........................................
..............................
.........................
.....................
.................
..............
..........
........
.....
....
...
..
.
.
.
.
.
.
.
" คิดอะไรอยู่เหรออู๋เสีย? " ใบหน้าอ่อนเยาว์ที่ไม่เปลี่ยนไปจากเมื่อหลายสิบปีก่อนเลยแต่แต่น้อย ฝ่ามือที่แตะแก้มอย่างอ่อนโยน หากแต่วันนี้คู่สนทนานั้นร่วงโรยไปตามกาลเวลา หากแต่ดวงตาแจ่มใสนั้นก็ไม่เคยแปรเปลี่ยนไปจากกาลก่อนเลยแม้แต่น้อย ยังคงเต็มไปด้วยความรักใคร่ที่เคยมอบให้อย่างไรก็ยังคงเป็นเช่นนั้น
" คิดถึงวันนี้เมื่อหลายสิบปีก่อน วันที่ฉันไปรับนายมาจากประตูสำริด " คำตอบเรียบๆ ที่ชวนให้ระลึกถึงวันนั้น
" ขอบคุณที่รับฉันกลับบ้านนะอู๋เสีย "
" ฉันสิที่ต้องขอบคุณนายที่ยอมกลับมาหาฉัน ขอบคุณที่รักกัน ขอบคุณที่นายไม่เคยผิดสัญญากับฉัน รักนะเสี่ยวเกอ.... ฉันรักนาย ขอบคุณสำหรับทุกอย่างที่นายมีให้ฉัน " หากแต่อีกฝ่ายกลับส่ายหน้าเบาๆ พลางกุมมือที่เหี่ยวย่นตามกาลเวลาที่ผันผ่าน สายลมอ่อนพัดผ่านลูบไล้อย่างอ่อนโยน
" ฉันสิที่ต้องขอบคุณนายที่รักฉัน ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งที่นายทำเพื่อฉัน ฉันรักนายนะอู๋เสีย แสงสว่างหนึ่งเดียวของฉัน " ริมฝีปากแนบหลังมืออย่างแผ่วเบาทว่าเต็มไปด้วยความรักใคร่ และแล้วหลังจากนั้นเพียงไม่กี่เดือนนายน้อยสามก็จากไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ
ท่ามกลางงานแห่งความโศกเศร้ามีเพียงร่างสูงที่ยังคงความนิ่งเฉยเอาไว้ ใบหน้าอ่อนเยาว์นั้นไม่แสดงอารมณ์อะไรออกมา จะมีก็เพียงดวงตาสีดำขลับที่อดีตคนรักนั้นรักใคร่นักหนา ฝ่ามือที่แตะอย่างอ่อนโยน รอยยิ้ม อ้อมแขนที่แสดงความรักใคร่อย่างที่สุด บัดนี้เหลือเพียงความว่างเปล่า ข้างกายตนไม่เหลือใครอีกต่อไป ไร้มือของสหายที่ร่วมเป็นร่วมตายกันมานับครั้งไม่ถ้วน ถึงขั้นยอมเอาชีวิตไปทิ้งเพียงเพื่อตน ไร้อ้อมแขนของคนรักที่ประคับประคอง ปลอบโยนจิตใจที่ด้านชา ไม่รู้จักความรักให้รู้จักคำๆ นั้น
ภายนอกอาจดูว่าเขาไร้หัวใจ หากแต่ภายในเล่าใครจะรู้ว่ามันเจ็บปวด ทรมานเพียงใดกับการเห็นคนสำคัญของตนจากไปอีกคน หลายปีก่อนก็สหายสนิทนายอ้วน ครานั้นคิดว่าทำใจได้แล้วและเตรียมใจที่จะต้องพบการจากลาอีกครั้ง ทั้งที่คิดว่าทำใจยอมรับได้ ทั้งที่รู้ว่าถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็เป็นคนธรรมดา ถึงแม้จะมีเลือดที่พิเศษกว่าคนอื่น แต่ไม่ว่าอย่างไรมนุษย์ทุกคนก็ต้องพบพานกับการเกิดดับด้วยทั้งนั้น
หลังจากงานศพผ่านพ้นไปจางฉี่หลิงก็ยังคงเก็บตัวอยู่ในบ้าน ปลายนิ้วยาวที่ลากลูบไปตามเฟอนิเจอร์ในบ้าน ความทรงจำที่ผุดขึ้นมาอย่างไม่เคยจางหาย เสียงของอู๋เสียที่เรียกชื่อตน ดวงตาที่แสดงความรักใคร่ มือเล็กที่เกาะเกี่ยว วงแขนที่โอบกอดกันและกัน ทุกสิ่งล้วนถูกจารึกในหัวใจ นัยน์ตาสีเข้มสั่นไหวพร้อมๆ กับหยาดน้ำตาที่รินไหลออกมาอย่างเงียบงันภายในบ้านหลังแรกและคงเป็นหลังสุดท้ายที่ตนสามารถเรียกได้อย่างเต็มปากว่ามันคือบ้าน สถานที่เขาสามารถพักใจได้ บ้านที่มีอู๋เสีย…
ร่างสูงเก็บข้าวของที่เป็นสมบัติของตนและของคนรักใส่กระเป๋า ที่คอสวมใส่สร้อยคอที่ร้อยแหวนวงน้อยเอาไว้ แหวนของอู๋เสียที่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจทำใจฝังร่วมลงไป ดวงตาสีนิลทอดมองบ้านหลังน้อยเป็นครั้งสุดท้าย ไม่อาจอยู่ได้จริงๆ ถึงแม้บ้านนี้อู๋เสียจะยกให้ตนก็ตาม แต่ในสถานที่ๆ มีแต่ความทรงจำแห่งความรักอัดแน่นอยู่นั้นสร้างความทุกข์ทรมานให้กับตนเกินบรรยาย จำต้องจากจรเพื่อไม่ให้ตนต้องทรมานไปมากกว่านี้ จดหมายหนึ่งฉบับที่เขียนขึ้นวางไว้กลางบ้าน จ่าหน้าถึงคุณชายเก้าแห่งตระกูลเซี่ย… ญาติสนิทที่เหลือเพียงคนเดียวของคนรัก
" ลาก่อนอู๋เสีย.... รักแรกและรักสุดท้ายของฉัน แสงสว่างหนึ่งเดียวของฉัน รอฉันหน่อยนะ... อีกไม่นานฉันจะตามไปอยู่ด้วย " คำพูดสุดท้ายก่อนที่จะไม่มีใครได้พบพานกับจางฉี่หลิงอีกเลย....
END...
Pairing : จางฉี่หลิง x อู๋เสีย
Rating : G
Author Talk : อยากจะบอกว่าไม่มีอะไรเลยนอกจากกาวและกาว และเพลงที่ฟังชวนให้บิ้วอารมณ์จนเข็นออกมาได้นี่แหละค่ะ แนะนำให้ฟังเพลงนี้ไปด้วยอ่านไปด้วยจะได้อรรถรสมากขึ้นค่ะ
https://www.youtube.com/watch?v=40fo6LvR7g4
++++++++++++++++++++++++++++++++++
เสียงปืนลั่นสลับระเบิดที่ถูกใช้งานหลังจากที่สถานที่นี้ไม่มีผู้บุกรุกนานกว่าสิบปี ทั้งหมดก็เพื่อเปิดทางให้แก่ใครคนหนึ่งที่ดั้นด้นมายังสถานที่แห่งนี้ ใบหน้าที่ถึงยังมีความอ่อนเยาว์อยู่หลายส่วนหากแต่กลับกร้านขึ้น ดวงตาที่สดใสในอดีตบัดนี้กลับเป็นผู้ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม มือหยาบกร้านที่จับอาวุธประหัตประหารสิ่งกีดขวางอย่างไร้ความลังเล
แม้ลูกน้องที่ถูกสังหารตายต่อหน้าก็ไม่ทำให้ร่างเพรียวนั้นสะเทือนแต่อย่างใด เพื่อจุดมุ่งหมายของตนแล้ว เพื่อใครคนนึงที่เคยสัญญากันเอาไว้ว่าจะมารับกลับ ตนไม่ลังเลที่จะลงมือกระทำเพื่อให้เป้าหมายสัมฤทธิ์ผล สหายที่ร่วมเป็นร่วมตายมาด้วยกันในอดีตวันนี้เหลือเพียงสอง
ในเมื่ออีกคนเลือกที่จะปกป้องตน สิบปีช่างยาวนาน... กับการเฝ้ารอวันครบกำหนด จวบจนมาถึงยังหน้าประตูสำริดที่ตนเคยพานพบเมื่อสิบปีก่อน ผู้คนข้างกายเหลือเพียงสหายหนึ่งเดียวเหล่าลูกน้องที่ล้มตายรวมถึงกอบโกยสมบัติแล้วหนีไปเพราะถึงอย่างไรเป้าหมายก็แตกต่างมาตั้งแต่เริ่ม
" นายคิดว่าเขาจะยังจำเราได้ไหมนายอ้วน? " ประโยคแรกที่หลุดจากปากจากคนที่นั่งสูบบุหรี่อยู่ข้างๆ หลังกินอาหารแห้งบีบอัดไปเรียบร้อย กองไฟที่ถูกก่อขึ้นเพื่อให้แสงสว่างและความอบอุ่น นัยน์ตาสีน้ำตาลแห้งผากจากประสบการณ์ในช่วงสิบปีที่ผ่านมา
การรับช่วงต่อกิจการของสามที่ลูกน้องพร้อมจะหักหลังได้ทุกเมื่อ จนตนต้องเชือดไก่ให้ลิงดูเป็นตัวอย่างถึงได้ยอมสงบลงบ้าง แต่ถึงอย่างนั้นก็มีลูกน้องจำนวนไม่น้อยที่จงรักภักดีด้วยใจจริง ควันสีขาวที่ถูกพ่นออกจากริมฝีปากคนข้างๆ พร้อมๆ กับฝ่ามือใหญ่ที่แสนจะอบอุ่นที่ลูบหัวเบาๆ ราวพี่ชายที่กำลังเอ็นดูน้องชายตัวน้อยที่ไม่มั่นใจในตนเอง
" แล้วถ้าเสี่ยวเกอจำพวกเราไม่ได้จริงๆ เสี่ยวเสียจะทำยังไงล่ะ? " คำตอบของคำถามคือการถามกลับให้คนที่นั่งอยู่ด้วยกันชะงักน้อยๆ ใช่ว่าจะไม่เคยคิดความเป็นไปได้ข้อนี้... หากแต่เมื่อครุ่นคิดคำตอบแล้วก็มีเพียงคำตอบเดียวสำหรับตน...
" คงขอชกซักเปรี้ยงล่ะมั้ง ดันทิ้งกันได้ตั้งสิบปี แล้วค่อยลากกลับไปด้วยกัน หึ... นั่นสินะ ไม่ว่าจะจำได้หรือไม่คำตอบมันก็มีอยู่ข้อเดียว ก็ฉันมารับหมอนั่นกลับบ้านนี่นา " คำตอบที่เรียกเสียงหัวเราะลั่นพร้อมๆ กับฝ่ามือที่ตบบ่าหนักๆ ราวกับเห็นด้วยกับการกระทำนั้นๆ
" ฮ่าๆๆ นั่นแหละคือคำตอบที่เสี่ยเห็นด้วย เรามาเฝ้ารอเสี่ยวเกอด้วยกันเถอะ!! " เราหัวเราะกันในรอบหลายวันที่ผ่านมา เพราะก่อนหน้านี้มีแต่ความตึงเครียดที่แผ่ซ่านอยู่รอบกายเรา มือเล็กที่กุมลัญจกรผีเอาไว้นับถอยหลังเวลาที่ใครอีกคนจะออกมาจากเบื้องหลังประตูสำริดบานใหญ่
ท่ามกลางสุสานใหญ่ผมกำลังสะลึมสลือจากความอ่อนเพลียหลังจากที่บุกป่าฝ่าดงจนมาถึงที่นี่ ความอุ่นจากกองไฟและถุงนอนที่ถูกใช้ปูเพื่อเอนหลังพลันได้กลิ่นสมุนไพรอันแสนจะเป็นเอกลักษณ์ที่ให้ตายก็ไม่มีทางลืมเลือนไปจากความทรงจำ ฝ่ามือที่แตะแก้มอย่างแผ่วเบา สองนิ้วที่ยาวเป็นพิเศษปลุกสติให้ตื่นขึ้นมา พอหันไปมองคนที่อาสาเป็นยามกะแรกก็กำลังสัปหงกอยู่ หากแต่ภาพใครอีกคนที่ตนเฝ้าคำนึงหามาตลอดสิบปีปรากฏในครรลองสายตา
" เสี่ยว... เกอ... " เสียงที่แทบไม่พ้นลำคอ มือไขว่คว้าอีกฝ่ายแล้วกอดหมับ มือเล็กที่แตะสำรวจไปทั่วด้วยหัวใจที่เต้นระรัว นัยน์ตาคลอคลองหยาดน้ำใสก่อนจะร่วงหล่นอย่างลืมอาย
" ฉันกลับมาแล้ว... ขอบคุณที่ไม่ลืมกัน ขอบคุณที่มารับฉันกลับบ้าน " ประโยคยาวๆ ที่ได้ยินหลังจากสิบปีผ่านพ้น ยิ่งเรียกหยาดหยดให้รินไหล
" เสี่ยวเกอ... เสี่ยวเกอ... จางฉี่หลิงนายจริงๆ ใช่มั้ย? ไม่ใช่ฉันคิดไปเองหรอกนะ " น้ำเสียงสั่นเครือที่เรียกชื่อซ้ำแล้วซ้ำเล่า แตะคนในความคิดที่ไม่เคยจางหายตลอดสิบปีที่ผ่านมา มือหนาเชยคางเล็กขึ้นก่อนจะแนบประทับจุมพิตอย่างอ่อนโยน แผ่วเบาราวแมลงปอบินแตะผิวน้ำ
" ฉันอยู่นี่อู๋เสีย.. ฉันกลับมาอยู่ข้างกายนายแล้ว อย่าร้องไห้.. " ผละริมฝีปากออกเอ่ยกระซิบพลางโอบกอดร่างเล็กที่ไม่ต่างไปจากเมื่อสิบปีก่อนเลยแม้แต่น้อย กระนั้นลึกๆ ก็คาดเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง มือที่เคยเนียนนุ่มกลับหยาบกร้าน มีแผลเป็นประปราย บ่งบอกเรื่องราวในยามที่ตนไม่ได้อยู่ข้างกายรวมถึงความเพียรพยายามที่ร่างเล็กจะต้องฝึกฝนตนเพื่อวันนี้
" ฉันรักนายจางฉี่หลิง... นายห้ามทิ้งฉันไปไหนอีกนะ แม่งงง!! "
" ฉันก็รักนาย... ฉันสัญญาว่าจะอยู่กับนาย " คำสัญญาครั้งแรกที่หลุดออกจากปาก มือกอบกุมกันและกันแนบแน่น รอยยิ้มอ่อน ไร้เดียงสาในอดีตที่หายไปนับตั้งแต่จากกันบัดนี้กลับมาอีกครั้ง
" นี่... พวกนายลืมไปรึเปล่าเนี่ยว่ามีเสี่ยนั่งหัวโด่อยู่ตรงนี้เนี่ย!? " บุคคลผู้ถูกลืมประท้วงเจ้าคู่รักตรงหน้าที่มันสวีทกันแบบไม่เห็นหัวคนที่นั่งอยู่เลยสักนิด อุตส่าห์แกล้งหลับแล้วนะก็ยังไม่เลิกสวีทกันอีก พวกแกเห็นใจคนโสดบ้างสิวะ!!
" เปล่าไม่ได้ลืม แต่นายจะตื่นขึ้นมาขัดคอพวกฉันทำไมเนี่ย? " คำตอบที่ได้รับพาให้คนฟังขยับลุกขึ้นมาขยี้ๆ หัวทุยอย่างไม่ออมแรง เรียกเสียงโวยวายสลับหัวเราะจากคนแกล้งโดยมีใครอีกคนนั่งมองนิ่งๆ ด้วยสายตาอ่อนโยน รอยยิ้มบางๆ ที่มุมปากอย่างมีความสุข
" เราไปกันเถอะ... กลับบ้านของเรากัน " สัมภาระที่ถูกเก็บขึ้น ดับกองไฟทิ้งแล้วเดินจากสถานที่แห่งนี้ไปโดยไม่คิดเหลียวหลัง
.....................................................
........................................
..............................
.........................
.....................
.................
..............
..........
........
.....
....
...
..
.
.
.
.
.
.
.
" คิดอะไรอยู่เหรออู๋เสีย? " ใบหน้าอ่อนเยาว์ที่ไม่เปลี่ยนไปจากเมื่อหลายสิบปีก่อนเลยแต่แต่น้อย ฝ่ามือที่แตะแก้มอย่างอ่อนโยน หากแต่วันนี้คู่สนทนานั้นร่วงโรยไปตามกาลเวลา หากแต่ดวงตาแจ่มใสนั้นก็ไม่เคยแปรเปลี่ยนไปจากกาลก่อนเลยแม้แต่น้อย ยังคงเต็มไปด้วยความรักใคร่ที่เคยมอบให้อย่างไรก็ยังคงเป็นเช่นนั้น
" คิดถึงวันนี้เมื่อหลายสิบปีก่อน วันที่ฉันไปรับนายมาจากประตูสำริด " คำตอบเรียบๆ ที่ชวนให้ระลึกถึงวันนั้น
" ขอบคุณที่รับฉันกลับบ้านนะอู๋เสีย "
" ฉันสิที่ต้องขอบคุณนายที่ยอมกลับมาหาฉัน ขอบคุณที่รักกัน ขอบคุณที่นายไม่เคยผิดสัญญากับฉัน รักนะเสี่ยวเกอ.... ฉันรักนาย ขอบคุณสำหรับทุกอย่างที่นายมีให้ฉัน " หากแต่อีกฝ่ายกลับส่ายหน้าเบาๆ พลางกุมมือที่เหี่ยวย่นตามกาลเวลาที่ผันผ่าน สายลมอ่อนพัดผ่านลูบไล้อย่างอ่อนโยน
" ฉันสิที่ต้องขอบคุณนายที่รักฉัน ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งที่นายทำเพื่อฉัน ฉันรักนายนะอู๋เสีย แสงสว่างหนึ่งเดียวของฉัน " ริมฝีปากแนบหลังมืออย่างแผ่วเบาทว่าเต็มไปด้วยความรักใคร่ และแล้วหลังจากนั้นเพียงไม่กี่เดือนนายน้อยสามก็จากไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ
ท่ามกลางงานแห่งความโศกเศร้ามีเพียงร่างสูงที่ยังคงความนิ่งเฉยเอาไว้ ใบหน้าอ่อนเยาว์นั้นไม่แสดงอารมณ์อะไรออกมา จะมีก็เพียงดวงตาสีดำขลับที่อดีตคนรักนั้นรักใคร่นักหนา ฝ่ามือที่แตะอย่างอ่อนโยน รอยยิ้ม อ้อมแขนที่แสดงความรักใคร่อย่างที่สุด บัดนี้เหลือเพียงความว่างเปล่า ข้างกายตนไม่เหลือใครอีกต่อไป ไร้มือของสหายที่ร่วมเป็นร่วมตายกันมานับครั้งไม่ถ้วน ถึงขั้นยอมเอาชีวิตไปทิ้งเพียงเพื่อตน ไร้อ้อมแขนของคนรักที่ประคับประคอง ปลอบโยนจิตใจที่ด้านชา ไม่รู้จักความรักให้รู้จักคำๆ นั้น
ภายนอกอาจดูว่าเขาไร้หัวใจ หากแต่ภายในเล่าใครจะรู้ว่ามันเจ็บปวด ทรมานเพียงใดกับการเห็นคนสำคัญของตนจากไปอีกคน หลายปีก่อนก็สหายสนิทนายอ้วน ครานั้นคิดว่าทำใจได้แล้วและเตรียมใจที่จะต้องพบการจากลาอีกครั้ง ทั้งที่คิดว่าทำใจยอมรับได้ ทั้งที่รู้ว่าถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็เป็นคนธรรมดา ถึงแม้จะมีเลือดที่พิเศษกว่าคนอื่น แต่ไม่ว่าอย่างไรมนุษย์ทุกคนก็ต้องพบพานกับการเกิดดับด้วยทั้งนั้น
หลังจากงานศพผ่านพ้นไปจางฉี่หลิงก็ยังคงเก็บตัวอยู่ในบ้าน ปลายนิ้วยาวที่ลากลูบไปตามเฟอนิเจอร์ในบ้าน ความทรงจำที่ผุดขึ้นมาอย่างไม่เคยจางหาย เสียงของอู๋เสียที่เรียกชื่อตน ดวงตาที่แสดงความรักใคร่ มือเล็กที่เกาะเกี่ยว วงแขนที่โอบกอดกันและกัน ทุกสิ่งล้วนถูกจารึกในหัวใจ นัยน์ตาสีเข้มสั่นไหวพร้อมๆ กับหยาดน้ำตาที่รินไหลออกมาอย่างเงียบงันภายในบ้านหลังแรกและคงเป็นหลังสุดท้ายที่ตนสามารถเรียกได้อย่างเต็มปากว่ามันคือบ้าน สถานที่เขาสามารถพักใจได้ บ้านที่มีอู๋เสีย…
ร่างสูงเก็บข้าวของที่เป็นสมบัติของตนและของคนรักใส่กระเป๋า ที่คอสวมใส่สร้อยคอที่ร้อยแหวนวงน้อยเอาไว้ แหวนของอู๋เสียที่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจทำใจฝังร่วมลงไป ดวงตาสีนิลทอดมองบ้านหลังน้อยเป็นครั้งสุดท้าย ไม่อาจอยู่ได้จริงๆ ถึงแม้บ้านนี้อู๋เสียจะยกให้ตนก็ตาม แต่ในสถานที่ๆ มีแต่ความทรงจำแห่งความรักอัดแน่นอยู่นั้นสร้างความทุกข์ทรมานให้กับตนเกินบรรยาย จำต้องจากจรเพื่อไม่ให้ตนต้องทรมานไปมากกว่านี้ จดหมายหนึ่งฉบับที่เขียนขึ้นวางไว้กลางบ้าน จ่าหน้าถึงคุณชายเก้าแห่งตระกูลเซี่ย… ญาติสนิทที่เหลือเพียงคนเดียวของคนรัก
" ลาก่อนอู๋เสีย.... รักแรกและรักสุดท้ายของฉัน แสงสว่างหนึ่งเดียวของฉัน รอฉันหน่อยนะ... อีกไม่นานฉันจะตามไปอยู่ด้วย " คำพูดสุดท้ายก่อนที่จะไม่มีใครได้พบพานกับจางฉี่หลิงอีกเลย....
END...
แก้ไขล่าสุดโดย fay_13 เมื่อ Sun 23 Aug 2015, 17:53, ทั้งหมด 1 ครั้ง
Re: [OS] 三日靜寂 [ผิงเสีย]
ฮือ เศร้า อ่านแล้วน้ำตาไหล
ความรู้สึกแบบเดียวกับที่เคยอ่านตอนจบของการ์ตูนเรื่อง Hana to Akuma เลย ที่พระเอกเป็นปีศาจ นางเอกเป็นคนธรรมดา
สงสารเสี่ยวเกอ สงสารนายน้อย กาลเวลาไม่เคยปราณีใคร อีกคนมีอายุยืนยาว อีกคนไม่ แล้วพออีกคนจากไป ไม่อยากจะนึกถึงสภาพหัวใจของคนที่ยังอยู่เลยค่ะว่าจะเป็นยังไง
แต่ก่อนก็เคยคิดนะว่าถ้าเรามีชีวิตที่เป็นอมตะมันคงเป็นอะไรที่ดีมากๆ แต่ถ้าต้องมาเจอกับสภาพที่ว่า คนรอบตัวของเราค่อยๆจากไปทีละคนๆ ยิ่งเป็นคนที่สำคัญที่สุดในชีวิต จนในที่สุดก็เหลือเราเพียงลำพัง โฮรววววว
สำหรับเสี่ยวเกอ ตอนที่นายน้อยหมดสิ้นอายุขัย คงเหมือนถูกพรากหัวใจไปอ่ะ แล้วถ้าต้องอยู่คนเดียวพร้อมแบกรับความรู้สึกสูญเสียไปขั่วนิรันดร์ เป็นเราคงทนไม่ได้ ฮรือ ทำไมนายน้อยไม่มีชีวิตอมตะอย่างเสี่ยวเกอบ้าง สงสาร
แต่ตอนสุดท้ายเราคิดว่าเสี่ยวเกอคงตามอู๋เสียของเขาไปแล้วล่ะ คิดว่านะ T__T
อ่านฟิคนี้ไปด้วยแล้วนึกถึงภาพแฟนอาร์ตที่ได้เห็นเมื่อเร็วๆนี้แล้วอยากจะร้องไห้ ขอบคุณสำหรับฟิคดีๆค่ะ
ความรู้สึกแบบเดียวกับที่เคยอ่านตอนจบของการ์ตูนเรื่อง Hana to Akuma เลย ที่พระเอกเป็นปีศาจ นางเอกเป็นคนธรรมดา
ถึงแม้จะมีเลือดที่พิเศษกว่าคนอื่น แต่ไม่ว่าอย่างไรมนุษย์ทุกคนก็ต้องพบพานกับการเกิดดับด้วยทั้งนั้น
สงสารเสี่ยวเกอ สงสารนายน้อย กาลเวลาไม่เคยปราณีใคร อีกคนมีอายุยืนยาว อีกคนไม่ แล้วพออีกคนจากไป ไม่อยากจะนึกถึงสภาพหัวใจของคนที่ยังอยู่เลยค่ะว่าจะเป็นยังไง
แต่ก่อนก็เคยคิดนะว่าถ้าเรามีชีวิตที่เป็นอมตะมันคงเป็นอะไรที่ดีมากๆ แต่ถ้าต้องมาเจอกับสภาพที่ว่า คนรอบตัวของเราค่อยๆจากไปทีละคนๆ ยิ่งเป็นคนที่สำคัญที่สุดในชีวิต จนในที่สุดก็เหลือเราเพียงลำพัง โฮรววววว
สำหรับเสี่ยวเกอ ตอนที่นายน้อยหมดสิ้นอายุขัย คงเหมือนถูกพรากหัวใจไปอ่ะ แล้วถ้าต้องอยู่คนเดียวพร้อมแบกรับความรู้สึกสูญเสียไปขั่วนิรันดร์ เป็นเราคงทนไม่ได้ ฮรือ ทำไมนายน้อยไม่มีชีวิตอมตะอย่างเสี่ยวเกอบ้าง สงสาร
แต่ตอนสุดท้ายเราคิดว่าเสี่ยวเกอคงตามอู๋เสียของเขาไปแล้วล่ะ คิดว่านะ T__T
อ่านฟิคนี้ไปด้วยแล้วนึกถึงภาพแฟนอาร์ตที่ได้เห็นเมื่อเร็วๆนี้แล้วอยากจะร้องไห้ ขอบคุณสำหรับฟิคดีๆค่ะ
Eli-kun- ด้วงตำหนักหลู่หวังเจ็ดดารา
- จำนวนข้อความ : 80
Points : 3435
Join date : 04/03/2015
Re: [OS] 三日靜寂 [ผิงเสีย]
มันตื้อไปเลยจริงๆ งื้อเขียนไรไม่ถูกเลย
คือสงสารทั้งคู่ ยิ่งตอนสุดท้ายที่เหลือเสี่ยวเกอคนเดียวยิ่งแบบ TT^TT
คือสงสารทั้งคู่ ยิ่งตอนสุดท้ายที่เหลือเสี่ยวเกอคนเดียวยิ่งแบบ TT^TT
Luckey.B- ด้วงสุสานใต้สมุทรทะเลซีซา
- จำนวนข้อความ : 102
Points : 3305
Join date : 20/07/2015
ที่อยู่ : ใต้ถุนบ้านสกุลจาง ใต้ดินบ้านอาสาม
Re: [OS] 三日靜寂 [ผิงเสีย]
แง้ เศร้าอ่ะค่า
yakusoku- ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ
- จำนวนข้อความ : 369
Points : 3829
Join date : 05/11/2014
ที่อยู่ : โลงในสุสานโบราณ
Re: [OS] 三日靜寂 [ผิงเสีย]
อ๊ากกกกกก น้ำตาท่วมมมมมม
ปวดใจจนพูดไม่ออก
ปวดใจจนพูดไม่ออก
Yuwadee Wana- ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ
- จำนวนข้อความ : 352
Points : 3827
Join date : 27/10/2014
Re: [OS] 三日靜寂 [ผิงเสีย]
โอ้ย รูทเศร้า อุตส่าห์พยายามไม่คิดถึงมัน
มุ่งความคิดทั้งหมดไปตรงจุดที่นายน้อยรับเสี่ยวเกอกลับบ้าน พยายามทำลืมเรื่องราวต่อจากนั้นไปอีกหลายสิบปีแล้วเชียวนะ แง
คำพูดทิ้งท้ายนั่นอัลไล นายจะฆ่าตัวตายตามไปอยู่กับนายน้อยรึจางอากง
ปล.เริ่มต้นช้าไป นายน้อยกว่าจะได้เจอกับเสี่ยวเกอก็ 20 ปลายๆ กว่าจะได้อยู่ได้กันก็ 38 ฮรือ แก่จะแย่แล้วนั่น //ก้มหลบสมุดบัญชี
ปล2.ชะงักตรงคำว่าร่างเล็ก... *เหล่มองนายน้อย* น้ำหนักเก้าสิบกว่าโลนี่อ่ะนะ.... แงงงง555 //อย่าทุบตีผม
มุ่งความคิดทั้งหมดไปตรงจุดที่นายน้อยรับเสี่ยวเกอกลับบ้าน พยายามทำลืมเรื่องราวต่อจากนั้นไปอีกหลายสิบปีแล้วเชียวนะ แง
คำพูดทิ้งท้ายนั่นอัลไล นายจะฆ่าตัวตายตามไปอยู่กับนายน้อยรึจางอากง
ปล.เริ่มต้นช้าไป นายน้อยกว่าจะได้เจอกับเสี่ยวเกอก็ 20 ปลายๆ กว่าจะได้อยู่ได้กันก็ 38 ฮรือ แก่จะแย่แล้วนั่น //ก้มหลบสมุดบัญชี
ปล2.ชะงักตรงคำว่าร่างเล็ก... *เหล่มองนายน้อย* น้ำหนักเก้าสิบกว่าโลนี่อ่ะนะ.... แงงงง555 //อย่าทุบตีผม
Rozenkreuz- ด้วงอาณาจักรเจ้าแม่ซีหวังหมู่
- จำนวนข้อความ : 625
Points : 3847
Join date : 01/07/2015
Age : 31
ที่อยู่ : กองทัพผีเก็บเห็ดแห่งประตูสำริด
Similar topics
» [OS] #dmbjdaily '520' (ผิงเสีย :: เหม่งจาง,ผิงเสีย)
» [FIC] ซีรีสวรรค์องค์ที่ 2 [ผิงเสีย]
» [OS] 'สูท' (ผิงเสีย :: จางฉี่หลิงxอู๋เสีย)
» [FIC] ซีรี่สวรรค์องค์ที่ 1 [ผิงเสีย]
» [OS] สิ่งที่ไม่อาจปล่อยวาง [ผิงเสีย]
» [FIC] ซีรีสวรรค์องค์ที่ 2 [ผิงเสีย]
» [OS] 'สูท' (ผิงเสีย :: จางฉี่หลิงxอู๋เสีย)
» [FIC] ซีรี่สวรรค์องค์ที่ 1 [ผิงเสีย]
» [OS] สิ่งที่ไม่อาจปล่อยวาง [ผิงเสีย]
หน้า 1 จาก 1
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
|
|
Fri 24 Jul 2020, 01:39 by gustoon
» [คู่มือด้วง] Keyword จีนสำหรับการขุด(แฟนดอม)สุสาน
Thu 21 Jun 2018, 00:29 by miskizfullmoon
» มังฮวาและภาคทิเบต
Thu 21 Jun 2018, 00:23 by miskizfullmoon
» [OS] Father is the best (ผิงเสีย)
Thu 03 Aug 2017, 16:12 by schneewittchen
» [Fic] สิ่งเล็กๆที่เชื่อมโลก5 [เมินโหยวผิง+อู่เสีย+เสี่ยอ้วน]+OC
Tue 01 Aug 2017, 12:30 by natsume
» [OS] #dmbjdaily (จูปาจุ๊บ) Bittersweet [ผิงเสีย AU]
Thu 06 Apr 2017, 15:58 by Zeth
» [OS] #dmbjdaily "โทรศัพท์มือถือ" - no Pairing [All]
Tue 04 Apr 2017, 22:27 by Zeth
» [OS] #DMBJDaily (แว่น): ระยะที่มองไม่เห็น [ฮัวเสีย]
Sat 01 Apr 2017, 16:55 by Zeth
» [OS] #DMBJdaily (5.20) ท่านยอดฝีมือ [หวังเหมิง (+เหมิงเสีย)(+ผิงเสีย)]
Thu 30 Mar 2017, 17:24 by Zeth