Countdown
We've been
togerther for

ค้นหา
 
 

Display results as :
 


Rechercher Advanced Search


[OS] Peace in Our Time [ผิงเสีย]

3 posters

Go down

[OS] Peace in Our Time [ผิงเสีย] Empty [OS] Peace in Our Time [ผิงเสีย]

ตั้งหัวข้อ by pipitan Mon 23 Feb 2015, 06:58

::สปอยล์เล่ม 6::



หลังผ่านเรื่องราวต่างๆมามากมาย และพวกเราบางคนก็กลับมาจากวังเจ้าแม่ซีหวังหมู่ได้อย่างปลอดภัย ผมกลับมาใช้ชีวิตปกติอยู่ที่หังโจวอีกครั้งหนึ่ง จะบอกว่าชีวิตของผมกลับมาสงบสุขอีกครั้งก็ยังไม่ใช่ สิ่งที่สูญเสียไปจากการคว่ำกรวยเมื่อไม่นานมานี้ยังคงคอยรบกวนชีวิตผมอยู่เนืองๆ

หนึ่งในนั้นก็คือเรื่อง นายเมินโหยวผิง ที่เพิ่งออกจากโรงพยาบาลมาไม่นาน    

ตอนนี้ผมทิ้งเขาที่ความจำเสื่อมไว้ในความดูแลของนายอ้วนที่tปักกิ่งไปก่อน แต่ด้วยความที่เป็นนายอ้วน แม้เขาจะรับเมินโหยวผิงไปอยู่ด้วยได้แค่สองอาทิตย์ หมอนั่นก็มักจะโทรมาบ่นอิดออดกับผมเสมอว่าตัวเขายังโสด ถึงจะเป็นเสี่ยวเกอคนนั้น แต่เสี่ยอ้วนยังโสด จะให้คอยดูแลลูกชายโตเป็นควายแบบนี้ตลอด สาวๆที่ไหนจะกล้าให้เสี่ยอ้วนเกี้ยวพาราสีได้ล่ะ

และวันนี้ผมก็ต้องจับตั๋วแวะมาปักกิ่งอีกครั้ง ด้วยนายอ้วนโทรมาบอกว่ามีธุระสำคัญมากเกี่ยวกับนายเมินโหยวผิงตั้งแต่เช้า ผมพยายามถามเรื่องราวทางโทรศัพท์แล้ว แต่นายอ้วนก็เอาแต่บอกปัดว่าธุระนี่นายต้องมาช่วยจัดการด้วยตัวเอง แล้วก็ตัดสายไปเฉยๆ เอาเถอะผมก็ชักชินที่คนรอบตัวชอบปิดบังอะไรๆกับผมแล้วล่ะนะ หรือเป็นเรื่องที่นายเมินโหยวผิงเคยบอกว่าอยากจะออกเดินทาง ผมคิดได้ดังนั้นก็ไม่รอช้าจัดการเรื่องตั๋วเครื่องบิน เก็บสัมภาระเล็กน้อย พร้อมสั่งหวังเหมิงให้คอยดูแลร้านระหว่างที่ผมไม่อยู่ ระยะหลังมานี้ผมทิ้งร้านของตัวเองไว้บ่อยมากจนคนแถวบ้านเขาลือกันแล้วว่า เถ้าแก่อู๋เสียชอบผุบๆโผล่ๆเหลือเกิน คงกะเลื่อนขั้นลูกจ้างคนเดียวคนนั้นเป็นผู้จัดการร้าน ยกร้านให้ดูแลแทนแล้วล่ะมั้ง



เมื่อถึงปักกิ่ง ผมเรียกรถแท็กซี่จากหน้าโรงแรม ที่ผมจัดการเช็คอินที่พักคืนนี้ พร้อมเก็บสัมภาระเรียบร้อยแล้ว ไปยังจุดนัดพบที่นายอ้วนส่งข้อความมาบอก ผมเองก็ไม่ค่อยจะคุ้นที่ทางในปักกิ่งนัก จึงปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคนขับพานำไป จนถึงที่หมาย สถานที่ตรงหน้าที่ผมก้าวลงมากลับเหนือความหมายไปสักหน่อย ผมถามย้ำกับคนขับตามที่อยู่นั้นอีกครั้ง เขาก็ได้แต่ตอบกลับมาว่าเป็นที่นี่ถูกต้องแล้ว ก่อนจะขับจากไปทิ้งผมให้ยืนงงอยู่ครู่ใหญ่

ถ้าไม่ใช่ผมเหลือบไปเห็นร่างสูงโปร่งคุ้นตาคนหนึ่งพอดี ผมก็กำลังจะควักมือถือออกมาโทรกลับหานายอ้วนแล้ว เจ้าตัวก็คงเห็นผมแล้วเช่นกันจึงเดินตรงดิ่งมาทางนี้

“สวัสดีเสี่ยวเกอ เป็นไงสบายดีไหม” ไร้เสียงตอบกลับจากนายคนนี้เช่นเคย เพียงแต่ผมเห็นเขาพยักหน้าลงเล็กน้อย โอเค ยังแสดงท่าทางตอบกลับได้บ้างล่ะนะ

“แล้วนายอ้วนหวังล่ะ” นายเมินโหยวผิงยังคงรักษาความเงียบไว้เช่นเดิม แต่คราวนี้เขาส่งกระดาษที่พับอยู่ใบหนึ่ง กับกระดาษอีกสองใบที่รุปร่างเหมือนกันให้กับผม ผมเลือกเปิดดูกระดาษที่พับอยู่ขึ้นมาก่อน กวาดสายตาไปบนนั้นรอบนึง จนเข้าใจเนื้อความทั้งหมด ก็พลันรู้สึกอยากไปตามหาแล้วตบหัวนายอ้วนสักครั้งขึ้นมา ไม่สิสักหลายๆครั้งเลยก็ดี

เพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้นผมควรจะบอกก่อนว่าผมอยู่ที่ไหนกันแน่

คือตอนนี้น่ะ ผมอยู่หน้าสถานที่แห่งหนึ่งซึ่งเป็นที่นิยมของครอบครัวลูกเด็กเล็กแดง หรือวัยรุ่นมารวมตัวสังสรรค์รื่นเริง เที่ยวเล่นหาความสุขกัน น่าจะพอเดากันได้แล้วสินะ ป้ายอันโดดเด่นของสถานที่ตรงหน้าผมอ่านได้ว่า “สวนสนุกฮวนเล่อกู่” นายอ้วนมันนัดผมมาเจอที่สวนสนุก!

ข้อความในกระดาษที่ผมอ่านไปเมื่อครู่ก็มาจากนายอ้วนหวัง เขาเขียนมาว่า เสี่ยวเกอพักนี้ดูไม่อยากอยู่ติดบ้านเขาแล้ว แต่จะรีบปล่อยเขาไปตามทางที่เขาอยากไปก็คงเร็วเกินไป จึงอยากให้ผมช่วยพาเสี่ยวเกอไปผ่อนคลายข้างนอกบ้าง แล้วเขาก็ ปล.มาว่าวันนี้ที่สวนสนุกจัดกิจกรรมพิเศษเซอร์ไววัลตามรอยหาสมบัติฮ่องเต้อะไรสักอย่างพอดี เขาได้ตั๋วมาจากลูกค้าที่ร้าน แต่ปลีกตัวมาเองไม่ได้ วันนี้ก็หมดเขตกิจกรรมแล้วด้วย เลยหลอก..เอ้ย ขอร้องให้ผมมาเป็นเพื่อนเสี่ยวเกอแทน เขาคิดว่าไหนๆพวกเราก็ลงกรวยเสี่ยงอันตรายมากตลอด ลองเปลี่ยนมาทำอะไรปลอดภัยแต่คล้ายๆกันดูแทนดีไหม เขาถามเสี่ยวเกอแล้วแต่หมอนั่นไม่ได้ปฏิเสธอะไร เพราะงั้นหน้าที่ดูแลเสี่ยวเกอคราวนี้ก็เป็นของผมบ้างนะ ผมมองข้อความทั้งหมดอีกรอบ แล้วหันไปมองกระดาษอีกสองใบซึ่วก็คือตั๋วที่นายอ้วนว่านั่นล่ะ

อะไรกันนี่มันมัดมือชกชัดๆ นายอ้วนปล่อยให้ผมคิดมากว่าเกิดอะไรขึ้นกับเมินโหยวผิง แล้วมาจบด้วยอะไรไร้สาระแบบนี้เนี่ยนะ ไม่ใช่ว่าผมอยากไปเสี่ยงตายตามเมินโหยวผิงอะไรอีก แต่นี่มันก็นะ..!

“อู๋เสีย” เมินโหยวผิงเรียกชื่อผมขึ้นมาเป็นคำแรกตั้งแต่เจอหน้ากันเมื่อครู่ เขาไม่รอคำตอบรับจากผมแต่กลับหยิบตัวใบนึงจากมือผมที่เขาส่งให้มาพร้อมจดหมายจากนายอ้วนขึ้นมา พร้อมพยักเพิดไปยังประตูทางเข้า คือนี่เขากำลังส่งสัญญานชวนผมเข้าไปข้างในอย่างนั้นเหรอ นี่นายเมินโหยวผิงที่นอกจากตอนลงกรวยวันๆเอาแต่นั่งเหม่อคนนั้นอยากมาเที่ยวที่นี่ตามคำชวนของนายอ้วนจริงๆหรือนี่

เอาวะ ถ้าหมอนี่อยากเล่นจริงๆ เรื่องแค่นี้ทำไมผมจะช่วยไม่ได้ ถึงผมเองก็ไม่แน่ใจว่าตัวเองเคยมาสวนสนุกบ้างหรือเปล่า ก็ดูบ้านผมสิเป็นแบบนั้นคงไม่คิดพาเด็กเที่ยวสวนสนุกแบบคนทั่วไปหรอก พอโตมาเพื่อนที่ผมคบก็ดันไม่ใช่ประเภทที่จะชวนกันมาเที่ยวที่แบบนี้ด้วย สาวๆให้ชวนมาก็ไม่มี นี่ทำไมยิ่งย้อนความทรงจำดู ชีวิตผมดูรันทดอย่างนี้นะ แค่สวนสนุกยังไม่เคยมา แต่นายคนข้างๆผมก็ไม่น่ามีประสบการณ์กับที่แบบนี้เหมือนกัน ไม่สิ ผมนึกภาพไม่ออกเลยล่ะ ถ้างั้นนี่ก็คงเป็นครั้งแรกของพวกผมทั้งคู่เลยน่ะสิ ครั้งแรกก็มาเที่ยวสวนสนุกกับผู้ชายสองต่อสอง เอ่อ มันไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นสักเท่าไหร่เลย

ดูเหมือนผมจะคิดเรื่อยเปื่อยมากไปหน่อย เมินโหยวผิงจึงคว้าข้อมือของผมแล้วลากให้ผมเดินตามไปดื้อๆ ไม่รู้สองนิ้วยาวนั้นคีบตั๋วอีกใบของผมไปส่งให้พนักงานสาวเฝ้าประตูตั้งแต่เมื่อไหร่ เธอคนนั้นยื่นแผ่นพับมาให้เราทั้งคู่พร้อมบอกรายละเอียดของกิจกรรมที่ทางสวนสนุกกำลังจัดอยู่ คร่าวๆก็คือกิจกรรมเซอร์ไววัลอะไรนั่นที่จริงคือการทัวร์เครื่องเล่นต่างๆให้ครบ และปั๊มสัญลักษณ์ผ่านด่านในแต่ละเครื่องเล่นลงบนแผ่นพับก่อนจะนำมาแลกรางวัลกับเจ้าหน้าที่ก่อนกลับ    

ผมเห็นรายชื่อมากมายในนั้นก็แทบตาลาย ตอนนี้เป็นเวลาประมาณบ่ายโมงครึ่ง ยังไงก็คงเล่นได้ไม่ครบทั้งหมด กะว่าเลือกไปที่เมินโหยวผิงสนใจละกัน แต่ก่อนอื่นผมยังไม่ได้กินข้าวเที่ยงเลย เพราะต้องรีบมาที่นี่อย่างไม่ทันตั้งตัว ผมถามร่างสูงว่าไปหาอะไรกินกันก่อนดีไหม อีกฝ่ายเพียงแต่พยักหน้าเช่นเคย ส่วนผมก็วิเคราะห์แผนที่ตั้งสถานที่ต่างๆจากแผ่นพับที่ได้มา มีศูนย์อาหารอยู่ไม่ไกลจากตรงนี้มาก พอผมจะออกนำไปก็พบว่าเมินโหยวผิงยังคงจับข้อมือผมอยู่ จะให้เดินไปทั้งๆแบบนี้ก็รู้สึกไม่ถนัดเท่าไหร่ด้วย เหมือนผมโดนเขาลากไป เอ๊ะแต่ถ้าผมนำก็ต้องเป็นผมลากสิ

“นี่เสี่ยวเกอปล่อยมือจากแขนฉันก่อนก็ได้ ฉันเดินไม่ถนัดน่ะ” มือข้างนั้นหลุดจากข้อมือของผมทันควันแล้วเปลี่ยนไปคว้าฝ่ามือผมมากุมไว้แทน เฮ้ย ผมไม่ได้หมายความว่าแบบนี้นะ พอจะอ้าปากพูดต่อ นายเมินโหยวผิงกลับกล่าวสวนมาก่อน “ที่นี่คนเยอะ เดี๋ยวนายจะหลง”

ผมไม่รู้ตอนนี้ผมทำหน้าอย่างไร แต่รู้สึกถึงความร้อนแผ่ซ่านทั่วใบหน้า ไอ้บ้านี่ คิดว่าผมเป็นเด็กหลงทางที่ต้องมีผู้ใหญ่คอยดูแลตลอดหรือไง อยากจะด่าบรรพบุรุษเขากลับสักสองสามคน แต่พอสงบใจได้ก็คิดว่าวันนี้มาเอนเตอร์เทนนายเมินโหยวผิง ผมยอมตามใจบ้างก็ได้ เพราะถ้าปล่อยคนความจำเลอะเลือนหลงไปจริงๆก็กลัวจะเป็นเรื่องขึ้นมา

ในที่สุดผมก็ยอมพาพวกเราทั้งคู่เดินไปตามทางที่คิดว่าลัดที่สุดโดยยังจับมือกันอยู่ แต่จนแล้วจนรอดผ่านไปครึ่งชั่วโมงผมก็ไม่เห็นเป้าหมายของผมสักทีทั้งๆที่น่าจะเจอได้ตั้งแต่เมื่อสิบนาทีก่อนแล้ว พลันท้องเจ้ากรรมของผมก็ดันร้องขึ้นมาซ้ำเติมซะได้ น่าอับอายจริงๆอู๋เสีย อายุปูนนี้ยังมาท้องร้องเพราะหลงทางหาร้านข้าวไม่เจอเหรอเนี่ย

“นี่อู๋เสีย”

“ขอโทษนะเสี่ยวเกอ เหมือนฉันจะพาหลงนิดหน่อยน่ะ” ผมเห็นเสี่ยวเกอหันมาเรียกเลยคิดว่าหมอนี่อาจจะรำคาญผมหรือเปล่าที่ทำให้เขาเสียเวลา แต่เมินโหยวผิงก็เพียงทำหน้านิ่งตามปกติแล้วขยับปากอีกครั้ง

“นายถือแผนที่กลับหัวน่ะ”

“........” คราวนี้ผมได้ฝากความคิดถึงบรรพบุรุษเขาไปในใจหลายคนเลยครับ

ดูจากสีหน้านายเหมินโยวผิง เอ่อ ผมก็มองสีหน้าเขาตอนนี้ไม่ออกหรอก แต่ผมมีความรู้สึกว่านายนี่ต้องรู้ว่าผมถือแผนที่กลับข้างแต่แรกแล้วอมพะนำไม่ยอมบอกผมเป็นแน่ ผมยังไม่ทันจะถามเขาเพื่อความแน่ใจ เขาก็บอกผมต่อว่าให้รอตรงนี้สักครู่ แล้วก็ปล่อยมือจากผมพร้อมเดินดุ่มๆย้อนกลับไปตามทางที่พวกเราเดินผ่านมา

ผ่านไปไม่ถึงห้านาที ร่างนั้นกลับมาอีกครั้งพร้อมห่อของบางอย่างในมือที่เพิ่มขึ้นมา เขายื่นสิ่งนั้นให้ผม ผมรับไว้แล้วก็เห็นว่าเป็นเจียนปิง (เครปจีน) สองชิ้น นี่เขาไปซื้อมาให้ผมหรือนี่ ว่าแต่ทำไมตอนที่เดินผ่านมาผมถึงไม่เห็นร้านขายเจ้านี่เลยล่ะ นี่นายไปหามาจากไหนเนี่ย  

“นี่นายซื้อให้ฉัน” เขาตอบรับด้วยการพยักหน้าเล็กๆเช่นเคย ผมหยิบเจียนปิงออกจากถุงมาหนึ่งชิ้น จากนั้นจึงส่งอีกชิ้นที่เหลือคืนให้เขา แต่คราวนี้เขากลับส่ายหน้า

“ของนายทั้งคู่” เขาว่ามาแบบนั้น แต่ด้วยความเกรงใจ ไม่แน่ใจว่าเขายังไม่ได้กินอะไรมาแบบผมหรือเปล่า ถึงผมเองตอนนี้คงหิวขนาดคงยัดลงกระเพาะได้ทั้งสองชิ้นหรือมากกว่านั้นก็เถอะ

เมินโหยวผิงมองขนมในมือที่ผมยัดเยียดคืนให้จนได้ เหมือนครุ่นคิดอยู่คู่หนึ่งก่อนจะก้มลงกัดเจียนปิงในมือผมไปเสี้ยวหนึ่ง “อืม อร่อยดี” แล้วเขาก็หันไปจัดการกับชิ้นที่อยู่ในมือตัวเองต่ออย่างเงียบๆ

“........” แม่ง นายเมินโหยวผิงนี่พอความจำเสื่อมแล้วทำอะไรแปลกๆไม่สมเป็นตัวเองเลย นายจะมาแย่งของฉันทำไมล่ะเนี่ย!! ผมบ่นอุบอิบก่อนจะลองชิมอาหารในมือบ้างก็พบว่า “อร่อย” อย่างที่ว่าจริงๆ ด้วยอารามหิวไม่นานทั้งชิ้นก็หายวับไปในพริบตา อา เวลาหิวๆนี่ได้กินอะไรก็ราวกับขึ้นสวรรค์ พอนึกถึงช่วงเวลาที่พวกเราลงกรวยด้วยกัน ผมทนอดอยากขนาดนั้นได้ยังไงกัน แต่ในเมื่อสถานการณ์มันบังคับ เวลาคับขันแบบนั้นแค่เอาชีวิตให้รอดได้ก็ลำบากแทบตาย คิดแล้วผมต้องหาเวลาชวนทุกคนไปเลี้ยงให้เต็มคราบกันสักครั้งก็คงจะดี  

ฝ่ายเมินโหยวผิงที่กินเสร็จไปก่อนแล้ว ตอนนี้กำลังขะมักเขม้นอ่านแผนที่สวนสนุกแทนผม ครับ คราวนี้ผมขอยกหน้าที่นำทางให้เขาทำแทน ขอบอกก่อนว่าผมไม่ได้โง่เกินจะนำทางได้หรอกนะ แค่เมื่อครู่คงเบลอเพราะความหิวก็เท่านั้นเอง

“ว่าไง นายอยากไปที่ไหนเป็นพิเศษไหม วันนี้ฉันมาเป็นเพื่อนนาย ให้สิทธิ์นายเลือกก่อนเลย” เขาเองก็คงคิดไว้บ้างแล้วจึงเพียวจับมือผมอีกครั้ง แล้วพาเดินไป ซึ่งผมเองก็ยอมตามไปแต่โดยดี

รอบข้างมีเสียงหัวเราะคิกคัก เกือบทุกคนที่พวกเราเดินผ่านต่างแย้มยิ้มเฮฮา ให้รู้สึกว่ามีบรรยากาศแสนสุขแผ่ไปทั่วสถานที่ สมกับเป็นที่ๆผู้คนมาแสวงหาความสุขในยามว่าง ถึงจะเลยวัยเด็กมาแล้ว ได้มาที่แบบนี้บ้างนานๆครั้งก็คงไม่เลวเหมือนกันนะ ผมคิดแบบนั้น ก่อนจะหยุดความคิดแทบไม่ทันเมื่อเห็นเครื่องเล่นที่เมินโหยวผิงพาผมมา เสียงหัวเราะเฮฮาที่ผมได้ยินเมื่อครู่ ทำไมตอนนี้กลับถูกแทนที่ด้วยเสียงกรีดร้องได้ก็ไม่รู้!

เครื่องเล่นตรงหน้าเรียกว่า สุ่ยจิงเสินอี้ (水晶神翼) หรือคริสตัลวิง เป็นรถไฟเหาะไม้ที่แล่นผ่านเขาหินและโบราณสถานจำลอง ให้ความรู้สึกคล้ายได้นั่งรถไฟตะลุยดินแดนที่สาบสูญ ถ้าไม่ใช่เพราะเสียงรถเลื่อนผ่านรางอย่างรวดเร็วผสานไปกับเสียงกรีดร้องของผู้คนที่อยู่บนนั้น ผมก็คงคิดว่าเป็นเครื่องเล่นที่น่าเล่นดี แต่แม้ผมจะผ่านเหตุการณ์อันตรายมาหลายอย่าง พอคิดว่าต้องไปนั่งอยู่บนนั้นด้วยความสมัครใจของตัวเอง ผมก็ป๊อดขึ้นมาซะได้ ขณะที่กำลังจะหันไปชวนเมินโหยวผิงที่ต่อแถวอยู่ด้วยกันให้เปลี่ยนไปเล่นอย่างอื่นแทน หลังจากมองสภาพคนอื่นๆในรอบก่อนหน้าไปหลายรอบ เสียงพนักงานกล่าวแจ้งว่าถึงคิวของพวกเราแล้วก็ดังขึ้น บ้าเอ้ย ผมมองแถวข้าวๆที่ยาวเหยียดแล้วนึกขึ้นได้ว่าพวกเรากำลังต่อคิวลัดสำหรับคนที่ถือตั๋วร่วมกิจกรรมอยู่นี่เอง ขาเจ้ากรรมของผมก็ดันสั่นตั้งแต่ยังไม่เข้าไปนั่งซะอีก

เหมือนอีกฝ่ายจะรู้ว่าผมกำลังประหม่า ร่างโปร่งข้างๆจึงบีบมือที่กุมผมอยู่แน่นเหมือนอยากบอกว่า มีเขาอยู่ไม่ต้องเป็นห่วงอะไร แต่ก็จริงอยู่ จากประสบการณ์ที่ผ่านมาของผม การมีเขาอยู่ข้างๆช่วยให้ผมปลอดภัยมาได้หลายต่อหลายครั้ง ผมที่เผลอโล่งอกขึ้นมา รู้ตัวอีกทีก็นั่งคู่กับเขาอยู่บนเครื่องเล่นแล้ว ก่อนที่ช่วงเวลาต่อมาจะถูกเติมเต็มด้วยเสียงกรีดร้องของผม พร้อมกับรถไฟที่เคลื่อนตัวออกไป

ไม่กี่นาทีหลังจากนั้น ผมที่ขาได้สัมผัสพื้นดินอีกครั้งกำลังยืนกุมปากอยากจะขย้อนของในกระเพาะที่กินไปก่อนหน้าออกมา วินาทีที่อยู่บนรถไฟผมแทบจำอะไรไม่ได้เลยนอกจากเสียงกรีดร้องของตน ยังไม่ทันสงบสติใจสักเท่าไหร่ ก็รู้สึกถึงความเย็นแล่นขึ้นมาจากข้างใบหน้า พบว่าเป็นเมินโหยวผิงที่แวะไปประทับตรากิจกรรมกลับมาพร้อมขวดน้ำเปล่ายื่นมาแตะที่แก้มของผม ผมรับขวดนั้นมาซดสองสามอึกพอให้รู้สึกดีขึ้นบ้าง  

“นี่นายไม่ตื่นเต้น หวาดเสียวบ้างหรือไง” ถึงผมจะรู้ว่าอย่างเขาคงไม่รู้สึกอะไรกับเครื่องเล่นแบบนี้หรอก แต่ก็อดถามไปไม่ได้ นอกจากสัมผัสที่มือของผมตอนนั้นบนรถไฟแล้ว คนข้างๆผมก็เอาแต่เงียบไม่ส่งสัญญานใดๆเลยแม้แต่นิด จนผมคิดว่าถ้าไม่ใช่นายนี่ เอาแต่เงียบแบบนั้นคงเพราะกำลังช็อคต้องรีบหามส่งโรงพยาบาลแทบไม่ทัน

เขาเพียงส่ายหน้าแล้วพาผมไปเป้าหมายถัดไป ดูเหมือนคราวนี้เขาคงเห็นใจผมบ้าง เครื่องเล่นต่อมาจึงเป็นเพียงรถไฟสำหรับเด็กแล่นช้าๆชมวิว ว่าแต่ทำไมถึงเป็นรถไฟอีกแล้วล่ะ ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่านายนี่ชอบรถไฟขนาดนี้ ตอนที่เคยขึ้นรถไฟเพื่อจะไปตำหนักทิพย์พิมานเมฆคราวก่อน เขาก็เอาแต่หลับบนนั้น หรือนายเหมินโหยวผิงอาจจะแค่สุ่มเลือกเครื่องเล่นเอาก็ไม่รู้

บนรถไฟคราวนี้ผมได้โอกาสนั่งสบายๆ ชี้ชวนเขามองบรรยากาศรอบตัว แม้ผมจะเป็นฝ่ายพูดอยู่คนเดียวเช่นเคย แต่พอเห็นเขามองตามที่ผมบอกบ้างไม่ได้เอาแต่เมินเหมือนปกติก็รู้สึกดึใจขึ้นมา ไม่เลวแฮะ ถึงตอนแรกผมจะเขินๆที่ในขบวนเต็มไปด้วยเด็กๆกับผู้ปกครองที่ตามมาคอยดูแล ไม่ได้เป็นคู่ชายหนุ่มสองคนนั่งเคียงข้างกันแบบพวกเขาก็เถอะ  

หลังจากนั้นเมินโหยวผิงก็พาผมไปเล่นนู่นนี่ได้อีกแค่สองสามอย่าง เนื่องจากปริมาณคนทำให้ถึงจะมีตั๋วพิเศษแต่ก็ต้องใช้เวลาเข้าแถวอยู่พอสมควร เขาแม่งพาผมเข้าบ้านผีสิงด้วยอีกต่างหาก ในนั้นมีตัวอะไรไม่รู้ทำผมนึกถึงผีแม่ย่าอยู่ๆก็ปล่อยผมยาวสยายมาแตะคอผมจากด้านหลัง ผมนี่วิ่งจ้ำหาทางออกแทบไม่ทัน แต่ก็โดนนายเมินโหยวผิงฉุดมือไว้ไม่ยอมวิ่งตามอยู่นั่น ถึงรู้ว่าไม่ใช่ของจริงแต่สมองผมก็ลบภาพสยองขวัญที่เคยเจอมาออกไปไม่ได้นี่ครับ

จนยามเย็นพวกเราก็พากันเดินดูการแสดง และพาเหรดตัวการ์ตูนต่างๆ เห็นว่าที่นี่กว้างขวางกว่า 56 เฮกเตอร์ แบ่งโซนต่างๆไว้ถึงหกโซน ผมกับเขาเพิ่งเดินเที่ยวกันได้เพียงสองโซนเท่านั้น ไม่รู้ว่าวันนี้ผมหัวเราะไปมากมายแค่ไหน ตอนที่ได้เห็นสิ่งสนุกสนานแปลกตาต่างๆ เมินโหยวผิงเองก็คงรู้สึกเหมือนกัน เพราะบางครั้งผมแอบเห็นตอนเขาหันมามองทางผมแล้วอมยิ้ม ที่จริงผมอยากจะเห็นเขายิ้มหรือหัวเราะออกมาให้เต็มที่บ้าง แต่แค่นี้ผมก็นับว่าประสบความสำเร็จพอควรแล้ว ความหวังของผมที่อยากให้เขาเลิกเงียบเฉยมาแสดงสีหน้ายิ้มแย้ม หรือโกรธเคืองได้แบบคนั่วไปคงต้องรอต่อไปอีกสักหน่อย ผมหวังว่าวันนั้นคงมาถึงตอนที่ผมยังคอยแอบมองเขาจากข้างกายได้

เวลาแห่งความสงบสุขของพวกเราช่างผ่านไปเร็วเหลือเกิน ผมกับเขาจะยังอยู่เล่นต่ออีกสักพักก็ได้ แต่เพราะเห็นว่าจุดรับแลกรางวัลจากกิจกรรมที่จัดขึ้นนั้นจะปิดตอนหกโมงเย็น ไหนๆแล้วผมก็อยากรู้ว่าของรางวัลนั่นคืออะไร เลยชวนเขาเตรียมตัวกลับกัน กะว่าเดี๋ยวผมจะไปลากคอนายอ้วนมาเลี้ยงข้าวเย็นผม โทษฐานที่หลอกผมมาตั้งแต่แรก

แต่ก็ว่าเถอะ ผมไม่เห็นว่าจะเป็นกิจกรรมตามรอยสมบัติฮ่องเต้ตรงไหนเลย ที่ทำก็เพียงแต่เล่นเครื่องเล่นตามปกติแล้วปั๊มตราประทับหลังเล่นเสร็จเท่านั้นเอง
พวกเราเดินมาเรื่อยๆจนถึงซุ้มแลกรางวัลใกล้ทางออก พนักงานรับแผ่นพับที่เราใช้ปั๊มตราใบนั้นไป ก่อนจะบอกให้พวกผมไปถ่ายรูปที่ระลึกตรงบริเวณที่จัดไว้แล้วรอสักครู่ ไม่นานพนักงานสาวคนเดิมก็กลับมาพร้อมกล่องสองใบให้ผมใบหนึ่งและเมินโหยวผิงอีกใบหนึ่ง ผมอยากแอบบอกว่าพนักงานสาวที่นี่แต่ละคนสาวๆสวยๆทั้งนั้นเลย จนผมคิดเสียดายแทนนายอ้วนว่า วันนี้นายอดอาหารตามากมายแล้วล่ะ บางทีผมคงกลับมาที่นี่อีกเพื่อพวกเธอก็ได้  
 
“เสี่ยวเกอมาแลกกันดูดีกว่า” ผมว่า แล้วคว้ากล่องในมือหมอนั่นมาเปิดออก ก่อนจะหัวเราะขึ้นมาเพราะในนั้นเป็นตุ๊กตาที่แต่งกายเหมือนฮ่องเต้ตัวเล็กๆ แต่ตรงใบหน้านั้นเป็นรูปหน้านายเมินโหยวผิวที่คงได้มาตอนถ่ายรุปเมื่อครู่ พอเห็นใบหน้านิ่งเฉยแต่หล่อเหลาของเขากลายมาเป็นตุ๊กตาน่ารักแบบนี้ก็คิดว่าน่าตลกดี ผมเอาแต่หัวเราะจนลืมไปว่ายังมีกล่องของผมที่เขาเป็นคนเปิดอยู่อีกใบ

ผมเห็นเขาถือตุ๊กตาอีกตัวอยู่ในมือ แต่นอกจากใบหน้าที่เป็นรูปผมแทนเขาแล้ว สิ่งที่แตกต่างจากตุ๊กตาฮ่องเต้ของเขาก็คือตุ๊กตาของผมทำไมใส่ชุดกระโปรงงดงามเป็นฮูหยินฮ่องเต้แบบนั้น! ผมหยุดหัวเราะแทบไม่ทันได้แต่ทำปากพะงาบๆ เหมือนขาดอากาศหายใจ อีกมือก็พยายามจะคว้าตุ๊กตานั้นคืนมาจากเขา แต่เขากลับเบี่ยงตัวหลบอย่างง่ายดาย แล้วผมก็ได้ยินเขาพูดประโยคที่ยาวที่สุดของวันนี้

“นายขอแลกกับฉันแล้ว นายเก็บตัวนั้นไป ส่วนฉันจะเก็บตัวนี้ไว้เอง”

“ฉันแค่ขอแลกกับนายดูเฉยๆ นายไม่อยากได้ตุ๊กตารูปนายกลับไปหรือไง ตัวนั้นมีหน้าฉันแบบนั้นก็ขอฉันเอากลับไปดูแลเองเถอะ” แต่เขาก็ไม่สนใจผมเก็บตุ๊กตาฮูหยินนั่นใส่กล่องแล้วรูดซิปเก็บใส่เป้ที่เขาสะพายติดตัวมาตลอดทั้งวัน นายฮ่องเต้จางเอ้ยยยย นายจะมาเผด็จการแบบนี้ไม่ได้นะ ถ้าเขาเอาไปให้ใครต่อใครดูผมคงได้อับอายกันพอดี

ขณะที่ผมกำลังคิดหาวิธีลอบขโมยสมบัติฮ่องเต้จางท่านนั้นกลับคืนมา โทรศัพท์ผมก็ดังขึ้นพร้อมแสดงชื่อนายอ้วนหวังบนจอ  

“นายอ้วน”

“เป็นไงเทียนเจิน เที่ยวสวนสนุกกับน้องเสี่ยวเกอสนุกไหม” เสียงนายอ้วนดังอย่างร่าเริงมาจากปลายสาย ทำให้ผมที่กำลังหงุดหงิดเผลอระบายอารมณ์ใส่เขาแทน

“สนุกบ้าบออะไรกันเล่า นายแม่งหลอกฉัน เจอหน้าแล้วมีเรื่องให้สะสางเยอะแน่” ผมด่าทอนายอ้วนไปมากมายจนแทบจำไม่ได้ แถมบุกไปลากคอเขาที่ร้านให้เขาเลี้ยงอาหารมื้อหรูดั่งที่หวังไว้ แล้วรีบหนีกลับโรงแรมก่อนจะตีตั๋วรอบเช้ามืดกลับหังโจว แม้นายอ้วนจะชวนอยู่ต่ออีกสักวันสองวัน ส่วนนายเมินโหยวผิงน่ะเหรอหลังกลับจากสวนสนุกก็มาทำเมินหน้ามึนใส่ผมเหมือนเดิม ผมไม่น่าถ่อมาเพื่อเขาเลย พอขึ้นเครื่องบินได้ผมก็ผลอยหลับไปอีกรอบ อาจเพราะยังเหนื่อยสะสมจากเมื่อวานอยู่ รู้ตัวอีกทีก็ตื่นขึ้นตอนล้อเครื่องบินแตะพื้นสนามบินหังโจว ไม่รู้ทำไม แต่รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมาก เหมือนจะฝันเห็นอะไรดีๆระหว่างนั้น

สายๆผมเข้าร้าน สอบถามหวังเหมิงว่าเมื่อวานเป็นอย่างไรบ้าง ก่อนจะกลับไปนั่งเฝ้าโต๊ะทำงานเช่นปกติ สายตาเหลือบไปเห็นตุ๊กตาตัวนั้นบนโต๊ะที่เผลอหยิบติดมือเข้าร้านมาด้วย บางทีวันธรรมดาแบบเมื่อวานที่ผมได้หงุดหงิดและหัวเราะไปกับเรื่องไร้สาระอาจไม่ได้แย่นักก็ได้


ผมคิด พลางส่งยิ้มให้กับมัน  























แถม



ผมคิดว่าผมไม่ชอบตุ๊กตา แต่ตุ๊กตาฮูหยินในมือน่าดูขึ้นมาด้วยใบหน้าอันยิ้มแย้มของเขา ถ้ามีมันอยู่อาจช่วยให้ผมไม่ลืมเรื่องราวในวันนี้ก็ได้ จึงเอ่ยปากบอกเขาคนนั้นว่าจะเก็บมันไว้ ผมมองมันอีกครั้งก่อนจะจับวางลงในกระเป๋าเป้ เมื่อผมออกเดินทางไป ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น อย่างน้อยผมคงยังจดจำเขาได้ ให้มันเป็นหนึ่งในความเชื่อมโยงของผมกับเขาบนโลกใบนี้


-----------------------------------------





สวัสดีค่ะ มาอัพฟิคเรื่องที่สองจนได้ ขอบคุณทุกคนที่อ่านแดรปเบิ่ลวันเกิดท่านประมุขเมื่อวันก่อนกันด้วยนะคะ
เมื่อวานซืนตั้งใจจะลองเขียนเดย์ลี่ดูบ้าง แต่ไปไงมาไงเรื่องนี้ผุดมาได้ก็ไม่รู้ เลยเข็นออกมาจนจบอย่างมินๆเมาๆ
เราไม่ได้อ่านทวนสักเท่าไหร่ตรงไหนพิมพืผิด พิมพ์ตกหรือมึนๆก็ขออภัยด้วยค่ะ

เราไม่ได้ไปสวนสนุกเป็นสิบปี ในเรื่องก็รีเซิร์ชแล้วมโนๆเอาทั้งนั้นค่ะ สวนสนุกที่กล่าวถึงคือ Happy Valley หรือ ฮวนเล่อกู่ (欢乐谷) ที่ปักกิ่งค่ะ
ซึ่งเราก็ไม่เคยไปหรอก 555555 ตอนแรกก็อยากจะเขียนถึงเครื่องเล่นนู้นนี้แต่หาข้อมูลลำบาก เราก็เลยมั่วๆเอาค่ะ แต่ก็ลองหารูปประกอบดูได้นะคะ
เราแค่อยากเห็นนายน้อยกับเสี่ยวเกอไปเที่ยวเล่นกันบ้าง ถึงแต่ละคนจะอายุเกินวัยอันควรไปแล้ว 55555555  
ว่าจะให้นายน้อยเป็นพี่เลี้ยงเด็ก(หรือเลี้ยงคนแก่) แต่ไปๆมาๆเหมือนโดนอีกฝ่ายดูแลซะเอง จะลองแต่งให้มันเฮฮาแต่ก็ไม่รั่วเท่าไหร่ซะนี่ เราไม่สามารถจริงๆ


ตรงช่วงแถมเป็นมุมมองจางฉี่หลิงค่ะ เผื่อใครเมาตามเรา ยังไงก็อ่านให้สนุกนะคะ


แก้ไขล่าสุดโดย pipitan เมื่อ Mon 23 Feb 2015, 22:56, ทั้งหมด 1 ครั้ง

pipitan
ด้วงฝึกหัด
ด้วงฝึกหัด

จำนวนข้อความ : 12
Points : 3377
Join date : 20/02/2015

ขึ้นไปข้างบน Go down

[OS] Peace in Our Time [ผิงเสีย] Empty Re: [OS] Peace in Our Time [ผิงเสีย]

ตั้งหัวข้อ by yakusoku Mon 23 Feb 2015, 12:11

อ่านแล้วเขินมากเลยคะ เหมือน 2 คนนี้ไปเดทกันเลย
yakusoku
yakusoku
ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ
ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ

จำนวนข้อความ : 369
Points : 3830
Join date : 05/11/2014
ที่อยู่ : โลงในสุสานโบราณ

ขึ้นไปข้างบน Go down

[OS] Peace in Our Time [ผิงเสีย] Empty Re: [OS] Peace in Our Time [ผิงเสีย]

ตั้งหัวข้อ by fufasleepy Tue 24 Feb 2015, 21:06

^^ น่ารักมากเลยเจ้าค่า นายอ้วนจงใจวางแผนให้ลงเอยแบบนี้ตั้งแต่แรกรึเปล่าเนี่ย
fufasleepy
fufasleepy
ด้วง
ด้วง

จำนวนข้อความ : 36
Points : 3473
Join date : 09/12/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

ขึ้นไปข้างบน

- Similar topics

 
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ