Countdown
We've been
togerther for
ค้นหา
Latest topics
Most active topics
[OS] ของดูต่างหน้า (ผิงเสีย)
+4
schneewittchen
Cathareen
Malangporyim
Fenrir
8 posters
หน้า 1 จาก 1
[OS] ของดูต่างหน้า (ผิงเสีย)
:: Previous กาวs ::
[OS] โลก (ผิงเสีย) : https://dmbjth.thai-forum.net/t125-topic
[OS] เรียนรู้ (ผิงเสีย) : https://dmbjth.thai-forum.net/t1259-topic
[OS] สิ่งที่ทิ้งไว้ (ผิงเสีย) : https://dmbjth.thai-forum.net/t1275-topic
[OS] ไม่มีครั้งที่สอง (ผิงเสีย) : https://dmbjth.thai-forum.net/t1308-topic
-------------------------------------------------------------------------
[OS] ของดูต่างหน้า (ผิงเสีย)
By Fenrir
เสี่ยวเกอจากไปแล้ว
ความจริงตอกย้ำในสมองหลายร้อยหลายพันครั้งจนชาหนึบด้วยความว่างเปล่าจวบจนแบกร่างจากฉางไป๋ซานกลับมายังร้านที่หังโจว ท่ามกลางสายตาสับสนระคนเป็นห่วงของลูกจ้างหกร้อยหยวนที่ถูกทิ้งให้อยู่เฝ้าร้านมานานร่วมอาทิตย์ อู๋เสียทิ้งสัมภาระลงบนพื้น เอนกายพิงบานประตูห้องที่ปิดสนิท ไม่หลงเหลือความรู้สึกอื่นใดนอกจากหมดเรี่ยวแรงกับความพยายามที่ไร้ผลเมื่ออยู่ต่อหน้าคนๆหนึ่งที่ห่างออกไปไกลแสนไกล
...อีกสิบปีข้างหน้าหากนายยังจำได้...
“สิบปี? หากฉันยังจำได้? พูดออกมาได้!”
ตึง!
กำปั่นหลุ่นๆกระแทกเข้ากับพื้นไม้จนแผ่นกระดานสั่นสะท้าน ใบหน้าเครียดขึงด้วงแรงอารมณ์ไม่ยี่หระต่อความชาที่อาบตั้งแต่ข้อนิ้วทุกข้อไล่ขึ้นมาก่อนแปรเปลี่ยนเป็นความเจ็บปวดแสนสาหัสที่แล่นปราดสู่สมอง เหงื่อเม็ดโตผุดพรายบนหน้าผาก
“คิดจะไปก็ไป คิดจะมาก็มา นายแม่งเห็นฉันเป็นอะไรวะเสี่ยวเกอ!”
ตึง! ตึง! ตึง! ตึง!
ชายหนุ่มเกร็งหมัดเปื้อนเลือด ทุบจุดเดิมซ้ำๆราวกับบนกระดานแผ่นนั้นคือใบหน้าของคนใบ้จาง
“ใครมันจะไปลืมเรื่องแบบนี้ได้ลง! ฉันไม่ใช่นายที่เข้าไปในอุกกาบาตนั่นแล้วออกมาเอ๋อจำอะไรไม่ได้นะเฟ้ย!”
ตึง! ตึง! ตึง! ตึง!
“จูบกับศพ โดนผีแม่ย่าเกาะ เส้นผมพัน วิ่งหนีด้วง ตีกับบ๊ะจ๊าง โดนงูกัด ยิงคนด้วยกันเอง แต่ละเรื่องนี่อยากลืมให้ตายมันก็ลืมไม่ได้!”
ตึง! ตึง! ตึง!
“ยิ่งเป็นเรื่องของนาย”
ตึง!
“...แค่คิดว่าอยากจะลืม ฉันยังไม่เคยเลย”
หยาดเหงื่อล้อมกรอบใบหน้าแดงก่ำด้วยความรู้สึกหลากหลายไหลผ่านแก้มจรดปลายคาง ร่วงหล่นหยดลงเจือจางร่องรอยสีแดงสดส่งกลิ่นคาวเคลือบโลหะอบอวลในอากาศ
“หากนายยังจำได้ หากนายยังจำได้...ฉันต่างหากควรเป็นคนพูดคำนั้น ฉันที่ถูกนายทิ้งไว้ข้างหลังต่างหากที่มีสิทธิ์พูด”
สายฝนหลงฤดูโปรยปรายจากดวงตา แด่ลักขจรผีที่วางอย่างเงียบงันข้างตัวยามฟื้นจากนิทรา กับสัญญาสิบปีที่แสนเลื่อนลอย
คาดเดาไม่ได้ จับไว้ไม่อยู่ เหมือนเมฆหมอก เหมือนภาพลวงตา เอื้อมมือไปก็คว้าได้เพียงเศษซากความผิดหวัง
“ถ้าสิบปีผ่านไป ถึงตอนนั้น...”
...สิ่งที่เชื่อมโยงฉันกับโลกใบนี้ไว้ เท่าที่เจอก็มีแต่นาย...
“นายจะยังจำด้ายบางๆที่เชื่อมนายไว้กับโลกใบนี้ได้อยู่หรือเปล่า”
-
เมื่อลืมตาตื่น ความคิดที่กระเจิดกระเจิงก็ดูจะเข้าร่องเข้ารอยมากขึ้นเล็กน้อย
นายน้อยสกุลอู๋กระพริบตา คราบน้ำตาแห้งๆที่ติดอยู่ยากจะมองอะไรได้ชัด แต่เมื่อยกมือขึ้นมาจะขยี้ตาก็ต้องร้อง พอเพ่งดูดีๆก็ต้องสยองกับสภาพมือที่ถลอกปอกเปิกยับเยิน บวกกับเลือดและแผลเปิดที่เริ่มแห้งไปแล้วบางส่วน เมื่อขยับมือแผลที่มีเยื่อเกล็ดเลือดบางปากๆปกคลุมก็ปริออกทำให้เลือดไหลซึมอีกครั้ง ทั้งแสบทั้งฝืดเหมือนฟันเฟืองสนิมเกาะ แต่ความคิดที่จะเรียกให้ลูกน้องจอมอู้ตัวดีขึ้นมาช่วยทำแผลให้ก็เป็นอันปัดทิ้งไปเพราะท้องฟ้านอกหน้าต่างได้กลายเป็นสีดำไปแล้ว ป่านนี้เจ้าตัวคงปิดร้านแล้วเที่ยวออกไปไหนต่อไหนตามใจเหมือนเคย
“ทำตัวเองแท้ๆ” พึมพัมด้วยเสียงที่พอจะหลงเหลือในลำคอที่แห้งผาก เดินผ่านกระจกแล้วรู้สึกอนาถกับสภาพตัวเองไม่น้อย ตั้งแต่กลับมาถึงบ้านก็ยังไม่ได้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ชุดที่ใส่อยู่ก็ไม่พ้นชุดเดิมกับที่ขึ้นเขาลงเขาจากฉางไป๋ซานนั่น กลิ่นเหงื่อบวกกับกลิ่นเลือดอ่อนๆทำให้รู้สึกคลื่นเหียนวิงเวียนแปลกๆ
ทำแผลแล้วผ่านน้ำสักหน่อยท่าจะดี...
สองขาพาอู๋เสียมาอยู่ตรงหน้าลิ้นชักข้างเตียง เปิดชั้นบนสุดแล้วคุ้ยๆหากล่องปฐมพยาบาล คิ้วเริ่มขมวดเป็นปมเมื่อเปิดลิ้นชักทุกชั้นแล้วก็ยังไม่พบสิ่งที่ต้องการ
ครั้งสุดท้ายที่ใช้นี่เขาเอาไปเก็บไว้ไหนกัน? ชายหนุ่มเดินรอบห้อง สอดส่ายสายตาพลางยื่นมือซ้ายที่ใช้การได้ปกติเปิดลิ้นชักและฝาตู้ในห้องตัวเองไปทั่วจนมาถึงตู้เสื้อผ้า
เขาชะงักเมื่อพบสิ่งๆหนึ่งวางอยู่ด้านในสุดของลิ้นชักชั้นล่าง มือซ้ายสั่นระริกขณะเอื้อมไปคว้ามันขึ้นมาในระดับสายตา
วินาทีนั้นในวันเดียวกันนั่นเอง ท่ามกลางความเงียบงันยามค่ำคืนในห้องเล็กๆกลางหังโจว อู๋เสียร้องไห้เป็นครั้งที่สอง จนไม่เหลืออะไรในดวงตาอีก
-
ลมหนาวพัดผ่าน ใบไม้เปลี่ยนสีลู่ไหว มองผ่านหน้าต่างชั้นสองออกไปเห็นทะเลสาบซีหู ดวงอาทิตย์คล้อยต่ำขนานกับทิวเขาทอแสงสุดท้าย เคลือบผืนน้ำให้เป็นสีสว่างอร่ามดังทองคำเปลว
ทิวทัศน์อันงดงาม ไร้ความวุ่นวายใดๆ ทว่าบรรยากาศการดื่มชาชมวิวกลับชวนอึดอัดกระอักกระอวนอย่างประหลาด
“อู๋เสีย ฉันว่านายเลิกทำแบบนี้ดีกว่า”
ถ้วยชาลายครามสีอ่อนถูกวางลงบนโต๊ะกลมหินอ่อน ผู้ถูกพาดพิงเบือนหน้าจากธรรมชาติภายนอกมาสบตากับคนสองคนที่นั่งร่วมโต๊ะ หนึ่งคือเพื่อนสมัยเด็กที่ให้ความช่วยเหลือมามากมายทั้งที่ปากบอกปฏิเสธ และอีกหนึ่งคือสหายที่ร่วมเป็นร่วมตายกันหลายครั้งหลายหนตั้งแต่ลงสุสานครั้งแรก
เป็นเวลาเนิ่นนานมาแล้วที่เทียนเจินอู๋เสียคนนั้นเผชิญกับอันตรายด้วยความไร้เดียงสาและไล่ตามหาความจริงอย่างดื้อรั้นไร้จุดจบ สุดท้ายความโง่งมนั้นก็เปลี่ยนชีวิตเขา ฆ่าแววตาที่ไร้เดียงสานั้นทิ้งแล้วกลับกลายเป็นแววตาอ่านยากมากเล่ห์เหลี่ยมของเถ้าแก่อู๋ผู้ทรงอิทธิพลมาแทนที่
“เรื่องนี้ฉันเห็นด้วยกับคุณชายนะ ต่อให้นายจะเจ็บปวดขนาดไหนก็ไม่ต้องทำถึงขนาดนี้ก็ได้” คนร่างท้วมอุดมสมบูรณ์เกาหัวด้วยสีหน้าท่าทางลำบากใจไม่น้อย “เสี่ยว่ามันออกจะมากเกินไปหน่อยนา”
ดวงตาที่ครั้งหนึ่งเคยใสกระจ่างเหมือนผิวน้ำมองผ่านไหล่ของเซี่ยอวี้ฮัวไป
“นายไม่ใช่ฉัน นายไม่เข้าใจหรอก...”
ร่องรอยกากบาทสีแดงเข้มเกลื่อนบนปฏิทินแขวนเคียงข้างกรอบรูปบนหิ้งติดผนังอีกฝากหนึ่งของห้อง
“นี่เป็นของแทนตัวชิ้นเดียวที่มีในบ้านหลังนี้ ใครจะรู้ ถ้าฉันไม่ทำแบบนี้ บางทีคนที่เสียสติไปตั้งแต่ตอนนั้นอาจจะเป็นฉันก็ได้”
ตาจ้องตากันเหมือนทำสงครามอยู่นานร่วมนาที ในที่สุดคุณชายเซี่ยก็ถอนหายใจ ชักสีหน้าเหมือนเหนื่อยหน่ายกับการต้องพูดเรื่องเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่า “เอาทีนายสบายใจเถอะอู๋เสีย ฉันจะไม่ยุ่งกับเรื่องนี้อีก”
ตัวนางชื่อลือลั่นในวงการอุปรากรลุกขึ้น บอดี้การ์ดสองคนที่ยืนเฝ้าหน้าประตูอยู่ห่างๆเพื่อความเป็นส่วนตัวของผู้เป็นนายขยับเข้ามาใกล้อย่างรู้งาน “ไว้ฉันจะมาหานายใหม่แล้วเราค่อยคุยกันว่าจะเอายังไงต่อ เฉพาะเรื่องไปฉางไป๋ซานน่ะนะ”
ทิ้งท้ายให้คนที่นั่งอยู่หรี่ตาลง พยักหน้าให้ ก่อนละสายตากลับมายังจุดๆเดิมก่อนหน้าที่มองผ่านเสี่ยวฮัวไป เขายังจำได้ถึงสายตาที่หนึ่งในลูกน้องของเสี่ยวฮัวใช้มองเขาสลับกับสิ่งที่อยู่ในกรอบตรงนั้นเมื่อเดือนหลายเดือนก่อนได้ วันนี้แววตานั้นก็ยังหลงเหลืออยู่บ้างแม้จะผิวเผิน
...จะคิดอะไรก็คิดไป เก่งกล้ามาจากไหนก็ไม่มีทางห้ามความคิดคนได้อยู่แล้ว มุ่งมั่นไปที่เป้าหมายต่างหากคือสิ่งสำคัญที่สุด...
สายลมอ่อนจากภายนอกพัดสะบัดขอบกระดาษโบกเป็นจังหวะราวตุ่มนาฬิกาโบราณขยับบอกเวลา
“เทียนเจินหนอเทียนเจิน นายนี่มันบ้า” เพื่อนหนึ่งเดียวที่เหลือร่วมโต๊ะมองตามแล้วโคลงหัว “บ้ามหาเทพแท้ๆ”
-
“ออกเดินทางได้ ฤดูร้อนนี้ พวกเราไปที่ที่เย็นสบายกว่าที่นี่กัน”
สิ้นเสียงที่เอ่ยผ่านวิทยุสื่อสารและเสียงแตรรถกระหึ่มดังกลองรบลั่นยามออกศึก ขบวนรถเริ่มเคลื่อนตัวไปข้างหน้าตามบัญชา
ดวงตะวันแผดแสงเจิดจ้ากลางฟ้าไร้เมฆ กลางหุบเขาร้างไร้ชุมชนและผู้คน อุณหภูมิที่เริ่มสูงขึ้นทำให้คนอ่อนเพลียได้ง่าย เถ้าแก่สามแห่งบ้านสกุลอู๋นั่งอยู่เบาะหลังในรถจิ๊ป มองรอบตัวพลางคิดหลายสิ่งอย่างไปเรื่อยกระทั่งเปลือกตาเริ่มหนักอึ้ง
สุดท้ายทนอยู่ได้อีกไม่กี่ชั่วโมงให้หลังก็ฟุบหลับไปด้วยความเหนื่อยล้าสะสมที่ต้องกำกับงานเองอย่างเข้มงวดติดต่อกันภายในไม่กี่อาทิตย์ที่ผ่านมา...
ครั้นค่ำ อู๋เสียขยับตัว สิ่งแรกที่รู้สึกผ่านประสาทการรับรู้ทั้งห้าภายหลังได้สติเล็กน้อยคือความสั่นสะเทือนที่หายไป คาดว่านี่คงเป็นเวลาที่ขบวนรถแวะพักกลางทางตามที่วางแผนกันไว้ เปลวไฟวูบไหวหลายจุดที่พอมองเห็นได้กระจัดกระจายตามจุดต่างๆ คละกับเสียงพูดคุยที่พอเล็ดลอดมาให้ได้ยินไม่บ่งบอกถึงปัญหาขัดข้องใดๆซึ่งนับว่าเป็นเรื่องดี ถ้าไม่ใช่เพราะว่ามีเสียงบางอย่างที่ลอยเข้าหูมาด้วย
“.............แบบ........เอาจริง...”
เถ้าแก่สามขมวดคิ้วเข้าหากัน รู้สึกคุ้นเคยกับเสียงกระซิบกระซาบนี่อย่างประหลาด
เขาแยกแยะเสียงพูดคุยปกติจากที่ไกลๆกับเสียงที่จงใจพูดเบาเป็นพิเศษเวลาพูดเรื่องอะไรก็ตามที่เป็นความลับได้ การมีความลับหรือมีอะไรที่เกิดขึ้นลับหลังเถ้าแก่อู๋ไม่ใช่เรื่องที่ควรละเลยนักเพราะแผนที่วางมาอาจเสียหายได้ไม่มากก็น้อย ผู้บัญชาการขบวนเดินทางจึงขยับตัวเข้าไปใกล้หน้าต่างรถแล้วเงี่ยหูฟังให้ชัด ต้นตอของเสียงมาจากแถวด้านหลังรถจิ๊ปนี่เอง
“เทียนเจินแม่งพกมาด้วย เชื่อเลย”
มีคนๆเดียวเท่านั้นที่เรียกเขาว่าเทียนเจินอู๋เสีย
นายอ้วน?
“ตกลงตามนี้นะคุณชาย”
ต่อจากนั้นก็ไม่มีบทสนทนาอะไรเพิ่มเติมอีก มีแต่เสียงฝีเท้าย่ำลงบนยอดหญ้าและดินทรายห่างออกไปเรื่อยๆ
หมอนั่นคุยอะไรกับเสี่ยวฮัว? เขาได้แต่หวังว่าจะไม่มีเรื่องยุ่งๆเกิดขึ้นอย่างน้อยก่อนการผจญภัยเสี่ยงชีวิตที่แท้จริงจะเริ่มต้นขึ้น
สิบปีแล้ว…
อู๋เสียถอนหายใจยาว ล้วงบุหรี่ออกมาจากกระเป๋าเสื้อแล้วจุดไฟ ควันอ่อนๆส่งกลิ่นตลบอันเป็นเอกลักษณ์เกาะแน่นตามเนื้อตัวและเสื้อผ้าของผู้สูบราวกับเงาตามตัว
ได้เวลาที่นายจะต้อง ‘กลับบ้าน’ เสียที...
เอนกายลงพิงกระเป๋าใบหนึ่งที่เดิมวางคั้นไว้ตรงกลางเบาะระหว่างตัวเองกับสหายร่างอ้วน ริมฝีปากยักยิ้มเบาบาง นอกจากบุหรี่แล้วก็มีสิ่งๆนี้นี่แหละที่ช่วยให้ใจของเขาสงบนิ่ง เสมือนทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นเพียงฝันร้ายชั่วข้ามคืน
ปากคาบบุหรี่ไว้ขณะที่สองมือรูดซิปจนสุด แง้มกระเป๋าออกกว้าง มีลักขจรผีไว้ใช้เปิดประตูอยู่ในนั้น รวมถึง-
อู๋เสียนิ่งงัน ดวงตาเบิกกว้าง
สองมือล้วงปัดป่ายภายในกระเป๋า คว้าได้เพียงความว่างเปล่า
แล้วเสียงผสุรวาทราวฟ้าผ่าของเถ้าแก่สามแห่งบ้านสกุลอู๋ก็ลั่นไปทั่วทั้งหุบเขา เชือดเฉือนทุกสรรพเสียงของผู้ร่วมขบวนให้พร้อมใจกันเงียบกริบเฉียบพลัน
“นายอ้วน กางเกงในลูกเจี๊ยบของเสี่ยวเกอแม่งหายไปไหนวะ!”
---------------------------------------
:: Talk ::
เราไม่รู้ เราเมา--- //โดนปาข้าวของใส่
ช่วงนี้ท่องทวิตเท่าไหร่ก็ยังกาวไม่ค่อยออกเลยต้องมาผสมกาวเอง ความจริงจะตัดจบให้มันสมบูรณ์ตั้งแต่ตอนนายน้อยพร่ำพรรณาตอนต้นแล้วนะ แต่ด้วยความทีไอเดียแรกกับใจความสำคัญที่อยากใส่มากๆชนิดว่า 'กุเอามันออกจากหัวไม่ได้ ช่วยด้วยยย!!!' มันอยู่ที่ประโยคสุดท้ายของเรื่องก็เลยเขียนต่อแบบAwkwardหน่อยๆ 'w'
เชิญคอมเม้-------แง!!! อย่าปาขวดใส่เรา!!!! //หลบ
[OS] โลก (ผิงเสีย) : https://dmbjth.thai-forum.net/t125-topic
[OS] เรียนรู้ (ผิงเสีย) : https://dmbjth.thai-forum.net/t1259-topic
[OS] สิ่งที่ทิ้งไว้ (ผิงเสีย) : https://dmbjth.thai-forum.net/t1275-topic
[OS] ไม่มีครั้งที่สอง (ผิงเสีย) : https://dmbjth.thai-forum.net/t1308-topic
-------------------------------------------------------------------------
[OS] ของดูต่างหน้า (ผิงเสีย)
By Fenrir
เสี่ยวเกอจากไปแล้ว
ความจริงตอกย้ำในสมองหลายร้อยหลายพันครั้งจนชาหนึบด้วยความว่างเปล่าจวบจนแบกร่างจากฉางไป๋ซานกลับมายังร้านที่หังโจว ท่ามกลางสายตาสับสนระคนเป็นห่วงของลูกจ้างหกร้อยหยวนที่ถูกทิ้งให้อยู่เฝ้าร้านมานานร่วมอาทิตย์ อู๋เสียทิ้งสัมภาระลงบนพื้น เอนกายพิงบานประตูห้องที่ปิดสนิท ไม่หลงเหลือความรู้สึกอื่นใดนอกจากหมดเรี่ยวแรงกับความพยายามที่ไร้ผลเมื่ออยู่ต่อหน้าคนๆหนึ่งที่ห่างออกไปไกลแสนไกล
...อีกสิบปีข้างหน้าหากนายยังจำได้...
“สิบปี? หากฉันยังจำได้? พูดออกมาได้!”
ตึง!
กำปั่นหลุ่นๆกระแทกเข้ากับพื้นไม้จนแผ่นกระดานสั่นสะท้าน ใบหน้าเครียดขึงด้วงแรงอารมณ์ไม่ยี่หระต่อความชาที่อาบตั้งแต่ข้อนิ้วทุกข้อไล่ขึ้นมาก่อนแปรเปลี่ยนเป็นความเจ็บปวดแสนสาหัสที่แล่นปราดสู่สมอง เหงื่อเม็ดโตผุดพรายบนหน้าผาก
“คิดจะไปก็ไป คิดจะมาก็มา นายแม่งเห็นฉันเป็นอะไรวะเสี่ยวเกอ!”
ตึง! ตึง! ตึง! ตึง!
ชายหนุ่มเกร็งหมัดเปื้อนเลือด ทุบจุดเดิมซ้ำๆราวกับบนกระดานแผ่นนั้นคือใบหน้าของคนใบ้จาง
“ใครมันจะไปลืมเรื่องแบบนี้ได้ลง! ฉันไม่ใช่นายที่เข้าไปในอุกกาบาตนั่นแล้วออกมาเอ๋อจำอะไรไม่ได้นะเฟ้ย!”
ตึง! ตึง! ตึง! ตึง!
“จูบกับศพ โดนผีแม่ย่าเกาะ เส้นผมพัน วิ่งหนีด้วง ตีกับบ๊ะจ๊าง โดนงูกัด ยิงคนด้วยกันเอง แต่ละเรื่องนี่อยากลืมให้ตายมันก็ลืมไม่ได้!”
ตึง! ตึง! ตึง!
“ยิ่งเป็นเรื่องของนาย”
ตึง!
“...แค่คิดว่าอยากจะลืม ฉันยังไม่เคยเลย”
หยาดเหงื่อล้อมกรอบใบหน้าแดงก่ำด้วยความรู้สึกหลากหลายไหลผ่านแก้มจรดปลายคาง ร่วงหล่นหยดลงเจือจางร่องรอยสีแดงสดส่งกลิ่นคาวเคลือบโลหะอบอวลในอากาศ
“หากนายยังจำได้ หากนายยังจำได้...ฉันต่างหากควรเป็นคนพูดคำนั้น ฉันที่ถูกนายทิ้งไว้ข้างหลังต่างหากที่มีสิทธิ์พูด”
สายฝนหลงฤดูโปรยปรายจากดวงตา แด่ลักขจรผีที่วางอย่างเงียบงันข้างตัวยามฟื้นจากนิทรา กับสัญญาสิบปีที่แสนเลื่อนลอย
คาดเดาไม่ได้ จับไว้ไม่อยู่ เหมือนเมฆหมอก เหมือนภาพลวงตา เอื้อมมือไปก็คว้าได้เพียงเศษซากความผิดหวัง
“ถ้าสิบปีผ่านไป ถึงตอนนั้น...”
...สิ่งที่เชื่อมโยงฉันกับโลกใบนี้ไว้ เท่าที่เจอก็มีแต่นาย...
“นายจะยังจำด้ายบางๆที่เชื่อมนายไว้กับโลกใบนี้ได้อยู่หรือเปล่า”
-
เมื่อลืมตาตื่น ความคิดที่กระเจิดกระเจิงก็ดูจะเข้าร่องเข้ารอยมากขึ้นเล็กน้อย
นายน้อยสกุลอู๋กระพริบตา คราบน้ำตาแห้งๆที่ติดอยู่ยากจะมองอะไรได้ชัด แต่เมื่อยกมือขึ้นมาจะขยี้ตาก็ต้องร้อง พอเพ่งดูดีๆก็ต้องสยองกับสภาพมือที่ถลอกปอกเปิกยับเยิน บวกกับเลือดและแผลเปิดที่เริ่มแห้งไปแล้วบางส่วน เมื่อขยับมือแผลที่มีเยื่อเกล็ดเลือดบางปากๆปกคลุมก็ปริออกทำให้เลือดไหลซึมอีกครั้ง ทั้งแสบทั้งฝืดเหมือนฟันเฟืองสนิมเกาะ แต่ความคิดที่จะเรียกให้ลูกน้องจอมอู้ตัวดีขึ้นมาช่วยทำแผลให้ก็เป็นอันปัดทิ้งไปเพราะท้องฟ้านอกหน้าต่างได้กลายเป็นสีดำไปแล้ว ป่านนี้เจ้าตัวคงปิดร้านแล้วเที่ยวออกไปไหนต่อไหนตามใจเหมือนเคย
“ทำตัวเองแท้ๆ” พึมพัมด้วยเสียงที่พอจะหลงเหลือในลำคอที่แห้งผาก เดินผ่านกระจกแล้วรู้สึกอนาถกับสภาพตัวเองไม่น้อย ตั้งแต่กลับมาถึงบ้านก็ยังไม่ได้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ชุดที่ใส่อยู่ก็ไม่พ้นชุดเดิมกับที่ขึ้นเขาลงเขาจากฉางไป๋ซานนั่น กลิ่นเหงื่อบวกกับกลิ่นเลือดอ่อนๆทำให้รู้สึกคลื่นเหียนวิงเวียนแปลกๆ
ทำแผลแล้วผ่านน้ำสักหน่อยท่าจะดี...
สองขาพาอู๋เสียมาอยู่ตรงหน้าลิ้นชักข้างเตียง เปิดชั้นบนสุดแล้วคุ้ยๆหากล่องปฐมพยาบาล คิ้วเริ่มขมวดเป็นปมเมื่อเปิดลิ้นชักทุกชั้นแล้วก็ยังไม่พบสิ่งที่ต้องการ
ครั้งสุดท้ายที่ใช้นี่เขาเอาไปเก็บไว้ไหนกัน? ชายหนุ่มเดินรอบห้อง สอดส่ายสายตาพลางยื่นมือซ้ายที่ใช้การได้ปกติเปิดลิ้นชักและฝาตู้ในห้องตัวเองไปทั่วจนมาถึงตู้เสื้อผ้า
เขาชะงักเมื่อพบสิ่งๆหนึ่งวางอยู่ด้านในสุดของลิ้นชักชั้นล่าง มือซ้ายสั่นระริกขณะเอื้อมไปคว้ามันขึ้นมาในระดับสายตา
วินาทีนั้นในวันเดียวกันนั่นเอง ท่ามกลางความเงียบงันยามค่ำคืนในห้องเล็กๆกลางหังโจว อู๋เสียร้องไห้เป็นครั้งที่สอง จนไม่เหลืออะไรในดวงตาอีก
-
ลมหนาวพัดผ่าน ใบไม้เปลี่ยนสีลู่ไหว มองผ่านหน้าต่างชั้นสองออกไปเห็นทะเลสาบซีหู ดวงอาทิตย์คล้อยต่ำขนานกับทิวเขาทอแสงสุดท้าย เคลือบผืนน้ำให้เป็นสีสว่างอร่ามดังทองคำเปลว
ทิวทัศน์อันงดงาม ไร้ความวุ่นวายใดๆ ทว่าบรรยากาศการดื่มชาชมวิวกลับชวนอึดอัดกระอักกระอวนอย่างประหลาด
“อู๋เสีย ฉันว่านายเลิกทำแบบนี้ดีกว่า”
ถ้วยชาลายครามสีอ่อนถูกวางลงบนโต๊ะกลมหินอ่อน ผู้ถูกพาดพิงเบือนหน้าจากธรรมชาติภายนอกมาสบตากับคนสองคนที่นั่งร่วมโต๊ะ หนึ่งคือเพื่อนสมัยเด็กที่ให้ความช่วยเหลือมามากมายทั้งที่ปากบอกปฏิเสธ และอีกหนึ่งคือสหายที่ร่วมเป็นร่วมตายกันหลายครั้งหลายหนตั้งแต่ลงสุสานครั้งแรก
เป็นเวลาเนิ่นนานมาแล้วที่เทียนเจินอู๋เสียคนนั้นเผชิญกับอันตรายด้วยความไร้เดียงสาและไล่ตามหาความจริงอย่างดื้อรั้นไร้จุดจบ สุดท้ายความโง่งมนั้นก็เปลี่ยนชีวิตเขา ฆ่าแววตาที่ไร้เดียงสานั้นทิ้งแล้วกลับกลายเป็นแววตาอ่านยากมากเล่ห์เหลี่ยมของเถ้าแก่อู๋ผู้ทรงอิทธิพลมาแทนที่
“เรื่องนี้ฉันเห็นด้วยกับคุณชายนะ ต่อให้นายจะเจ็บปวดขนาดไหนก็ไม่ต้องทำถึงขนาดนี้ก็ได้” คนร่างท้วมอุดมสมบูรณ์เกาหัวด้วยสีหน้าท่าทางลำบากใจไม่น้อย “เสี่ยว่ามันออกจะมากเกินไปหน่อยนา”
ดวงตาที่ครั้งหนึ่งเคยใสกระจ่างเหมือนผิวน้ำมองผ่านไหล่ของเซี่ยอวี้ฮัวไป
“นายไม่ใช่ฉัน นายไม่เข้าใจหรอก...”
ร่องรอยกากบาทสีแดงเข้มเกลื่อนบนปฏิทินแขวนเคียงข้างกรอบรูปบนหิ้งติดผนังอีกฝากหนึ่งของห้อง
“นี่เป็นของแทนตัวชิ้นเดียวที่มีในบ้านหลังนี้ ใครจะรู้ ถ้าฉันไม่ทำแบบนี้ บางทีคนที่เสียสติไปตั้งแต่ตอนนั้นอาจจะเป็นฉันก็ได้”
ตาจ้องตากันเหมือนทำสงครามอยู่นานร่วมนาที ในที่สุดคุณชายเซี่ยก็ถอนหายใจ ชักสีหน้าเหมือนเหนื่อยหน่ายกับการต้องพูดเรื่องเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่า “เอาทีนายสบายใจเถอะอู๋เสีย ฉันจะไม่ยุ่งกับเรื่องนี้อีก”
ตัวนางชื่อลือลั่นในวงการอุปรากรลุกขึ้น บอดี้การ์ดสองคนที่ยืนเฝ้าหน้าประตูอยู่ห่างๆเพื่อความเป็นส่วนตัวของผู้เป็นนายขยับเข้ามาใกล้อย่างรู้งาน “ไว้ฉันจะมาหานายใหม่แล้วเราค่อยคุยกันว่าจะเอายังไงต่อ เฉพาะเรื่องไปฉางไป๋ซานน่ะนะ”
ทิ้งท้ายให้คนที่นั่งอยู่หรี่ตาลง พยักหน้าให้ ก่อนละสายตากลับมายังจุดๆเดิมก่อนหน้าที่มองผ่านเสี่ยวฮัวไป เขายังจำได้ถึงสายตาที่หนึ่งในลูกน้องของเสี่ยวฮัวใช้มองเขาสลับกับสิ่งที่อยู่ในกรอบตรงนั้นเมื่อเดือนหลายเดือนก่อนได้ วันนี้แววตานั้นก็ยังหลงเหลืออยู่บ้างแม้จะผิวเผิน
...จะคิดอะไรก็คิดไป เก่งกล้ามาจากไหนก็ไม่มีทางห้ามความคิดคนได้อยู่แล้ว มุ่งมั่นไปที่เป้าหมายต่างหากคือสิ่งสำคัญที่สุด...
สายลมอ่อนจากภายนอกพัดสะบัดขอบกระดาษโบกเป็นจังหวะราวตุ่มนาฬิกาโบราณขยับบอกเวลา
“เทียนเจินหนอเทียนเจิน นายนี่มันบ้า” เพื่อนหนึ่งเดียวที่เหลือร่วมโต๊ะมองตามแล้วโคลงหัว “บ้ามหาเทพแท้ๆ”
-
“ออกเดินทางได้ ฤดูร้อนนี้ พวกเราไปที่ที่เย็นสบายกว่าที่นี่กัน”
สิ้นเสียงที่เอ่ยผ่านวิทยุสื่อสารและเสียงแตรรถกระหึ่มดังกลองรบลั่นยามออกศึก ขบวนรถเริ่มเคลื่อนตัวไปข้างหน้าตามบัญชา
ดวงตะวันแผดแสงเจิดจ้ากลางฟ้าไร้เมฆ กลางหุบเขาร้างไร้ชุมชนและผู้คน อุณหภูมิที่เริ่มสูงขึ้นทำให้คนอ่อนเพลียได้ง่าย เถ้าแก่สามแห่งบ้านสกุลอู๋นั่งอยู่เบาะหลังในรถจิ๊ป มองรอบตัวพลางคิดหลายสิ่งอย่างไปเรื่อยกระทั่งเปลือกตาเริ่มหนักอึ้ง
สุดท้ายทนอยู่ได้อีกไม่กี่ชั่วโมงให้หลังก็ฟุบหลับไปด้วยความเหนื่อยล้าสะสมที่ต้องกำกับงานเองอย่างเข้มงวดติดต่อกันภายในไม่กี่อาทิตย์ที่ผ่านมา...
ครั้นค่ำ อู๋เสียขยับตัว สิ่งแรกที่รู้สึกผ่านประสาทการรับรู้ทั้งห้าภายหลังได้สติเล็กน้อยคือความสั่นสะเทือนที่หายไป คาดว่านี่คงเป็นเวลาที่ขบวนรถแวะพักกลางทางตามที่วางแผนกันไว้ เปลวไฟวูบไหวหลายจุดที่พอมองเห็นได้กระจัดกระจายตามจุดต่างๆ คละกับเสียงพูดคุยที่พอเล็ดลอดมาให้ได้ยินไม่บ่งบอกถึงปัญหาขัดข้องใดๆซึ่งนับว่าเป็นเรื่องดี ถ้าไม่ใช่เพราะว่ามีเสียงบางอย่างที่ลอยเข้าหูมาด้วย
“.............แบบ........เอาจริง...”
เถ้าแก่สามขมวดคิ้วเข้าหากัน รู้สึกคุ้นเคยกับเสียงกระซิบกระซาบนี่อย่างประหลาด
เขาแยกแยะเสียงพูดคุยปกติจากที่ไกลๆกับเสียงที่จงใจพูดเบาเป็นพิเศษเวลาพูดเรื่องอะไรก็ตามที่เป็นความลับได้ การมีความลับหรือมีอะไรที่เกิดขึ้นลับหลังเถ้าแก่อู๋ไม่ใช่เรื่องที่ควรละเลยนักเพราะแผนที่วางมาอาจเสียหายได้ไม่มากก็น้อย ผู้บัญชาการขบวนเดินทางจึงขยับตัวเข้าไปใกล้หน้าต่างรถแล้วเงี่ยหูฟังให้ชัด ต้นตอของเสียงมาจากแถวด้านหลังรถจิ๊ปนี่เอง
“เทียนเจินแม่งพกมาด้วย เชื่อเลย”
มีคนๆเดียวเท่านั้นที่เรียกเขาว่าเทียนเจินอู๋เสีย
นายอ้วน?
“ตกลงตามนี้นะคุณชาย”
ต่อจากนั้นก็ไม่มีบทสนทนาอะไรเพิ่มเติมอีก มีแต่เสียงฝีเท้าย่ำลงบนยอดหญ้าและดินทรายห่างออกไปเรื่อยๆ
หมอนั่นคุยอะไรกับเสี่ยวฮัว? เขาได้แต่หวังว่าจะไม่มีเรื่องยุ่งๆเกิดขึ้นอย่างน้อยก่อนการผจญภัยเสี่ยงชีวิตที่แท้จริงจะเริ่มต้นขึ้น
สิบปีแล้ว…
อู๋เสียถอนหายใจยาว ล้วงบุหรี่ออกมาจากกระเป๋าเสื้อแล้วจุดไฟ ควันอ่อนๆส่งกลิ่นตลบอันเป็นเอกลักษณ์เกาะแน่นตามเนื้อตัวและเสื้อผ้าของผู้สูบราวกับเงาตามตัว
ได้เวลาที่นายจะต้อง ‘กลับบ้าน’ เสียที...
เอนกายลงพิงกระเป๋าใบหนึ่งที่เดิมวางคั้นไว้ตรงกลางเบาะระหว่างตัวเองกับสหายร่างอ้วน ริมฝีปากยักยิ้มเบาบาง นอกจากบุหรี่แล้วก็มีสิ่งๆนี้นี่แหละที่ช่วยให้ใจของเขาสงบนิ่ง เสมือนทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นเพียงฝันร้ายชั่วข้ามคืน
ปากคาบบุหรี่ไว้ขณะที่สองมือรูดซิปจนสุด แง้มกระเป๋าออกกว้าง มีลักขจรผีไว้ใช้เปิดประตูอยู่ในนั้น รวมถึง-
อู๋เสียนิ่งงัน ดวงตาเบิกกว้าง
สองมือล้วงปัดป่ายภายในกระเป๋า คว้าได้เพียงความว่างเปล่า
แล้วเสียงผสุรวาทราวฟ้าผ่าของเถ้าแก่สามแห่งบ้านสกุลอู๋ก็ลั่นไปทั่วทั้งหุบเขา เชือดเฉือนทุกสรรพเสียงของผู้ร่วมขบวนให้พร้อมใจกันเงียบกริบเฉียบพลัน
“นายอ้วน กางเกงในลูกเจี๊ยบของเสี่ยวเกอแม่งหายไปไหนวะ!”
---------------------------------------
:: Talk ::
เราไม่รู้ เราเมา--- //โดนปาข้าวของใส่
ช่วงนี้ท่องทวิตเท่าไหร่ก็ยังกาวไม่ค่อยออกเลยต้องมาผสมกาวเอง ความจริงจะตัดจบให้มันสมบูรณ์ตั้งแต่ตอนนายน้อยพร่ำพรรณาตอนต้นแล้วนะ แต่ด้วยความทีไอเดียแรกกับใจความสำคัญที่อยากใส่มากๆชนิดว่า 'กุเอามันออกจากหัวไม่ได้ ช่วยด้วยยย!!!' มันอยู่ที่ประโยคสุดท้ายของเรื่องก็เลยเขียนต่อแบบAwkwardหน่อยๆ 'w'
เชิญคอมเม้-------แง!!! อย่าปาขวดใส่เรา!!!! //หลบ
Re: [OS] ของดูต่างหน้า (ผิงเสีย)
“...แค่คิดว่าอยากจะลืม ฉันยังไม่เคยเลย”
แงงง TT 7 TT นายน้อยยยยย ฮือออ
จะว่ายังไงดี ก็เดาได้อยู่แล้วแหละว่าสิ่งเชื่อมโยง (?) ของเสี่ยวเกอมันมีไม่กี่ชิ้น ไอเทมเทพชิ้นนั้นต้องอยู่ในลิสต์นี้แหงๆ แต่ช่วงดราม่าก็ดึงพลังได้สุดจริงๆ ดราม่าขิง เพราะฉะนั้นพออ่านไล่ลงไปนี่ยิ้มเลยค่ะ 55555
Malangporyim- ด้วงต้นไม้เทพเจ้า
- จำนวนข้อความ : 290
Points : 3780
Join date : 27/10/2014
ที่อยู่ : ทุ่งด้วงโฮโม
Re: [OS] ของดูต่างหน้า (ผิงเสีย)
ฉันไม่ใช่นายที่เข้าไปในอุกกาบาตนั่นแล้วออกมาเอ๋อจำอะไรไม่ได้นะเฟ้ย!
โอ้ย ใช่มากค่ะ ฟกี้ฟสรไีก้สหก่าฟ้สาไ่ก
จริงจังมากจนถึงบรรทัดสุดท้าย...555555 /ปรบมือรัว
โอ้ย ใช่มากค่ะ ฟกี้ฟสรไีก้สหก่าฟ้สาไ่ก
จริงจังมากจนถึงบรรทัดสุดท้าย...555555 /ปรบมือรัว
Cathareen- ด้วงสุสานใต้สมุทรทะเลซีซา
- จำนวนข้อความ : 149
Points : 3595
Join date : 24/12/2014
Re: [OS] ของดูต่างหน้า (ผิงเสีย)
แบบ...มาม่ามาตั้งแต่บรรทัดแรก พอเลื่อนลงมาจนสุด....เงิบสิคะ
นายน้อยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!!!!
นายน้อยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!!!!
Re: [OS] ของดูต่างหน้า (ผิงเสีย)
เอาคืนมา...เอาความจริงจัง กดดันและดราม่าจนน้ำตาคลอคืนมานะ!//งอแงใส่กางเกงในลาลูกเจี๊ยบ
หักมุม หักมุมมากค่ะ เราก็ลุ้นเเทบเเย่ว่ามันคืออะไร....
หักมุม หักมุมมากค่ะ เราก็ลุ้นเเทบเเย่ว่ามันคืออะไร....
mama moosap- ด้วงตำหนักหลู่หวังเจ็ดดารา
- จำนวนข้อความ : 64
Points : 3419
Join date : 29/03/2015
Re: [OS] ของดูต่างหน้า (ผิงเสีย)
กางเกงในลูกเจ๊๊ยบ แล้วเวลาที่คิดถึงเจ้าของได้หยิบออกมาสูดดมให้หายคิดถึงบ้างหรือเปล่าคะ เถ้าแก่สาม 555+
คอมเมนต์ได้โม่ยมาก ขอโทษค่ะ
คอมเมนต์ได้โม่ยมาก ขอโทษค่ะ
Eli-kun- ด้วงตำหนักหลู่หวังเจ็ดดารา
- จำนวนข้อความ : 80
Points : 3436
Join date : 04/03/2015
Re: [OS] ของดูต่างหน้า (ผิงเสีย)
เอื้อออออะ
คือประโยคสุดท้ายนี่แดรกจุดไปห้าวิ (นานมาก กริบจริงๆไม่ได้พูดเล่น)
จากนั้นเสียงผรุสวาทก็ดังลั่นตัดผ่านความเงียบยามตีสี่
ไอ้เสี่ยวเสียยยยยยยยย เอ็งจะบ้าเร้อออออ เอามาทำอาไร๊!! ยื่นให้เสี่ยวเกอใส่ตอนเดินออกจากประตู?!!!
คือประโยคสุดท้ายนี่แดรกจุดไปห้าวิ (นานมาก กริบจริงๆไม่ได้พูดเล่น)
จากนั้นเสียงผรุสวาทก็ดังลั่นตัดผ่านความเงียบยามตีสี่
ไอ้เสี่ยวเสียยยยยยยยย เอ็งจะบ้าเร้อออออ เอามาทำอาไร๊!! ยื่นให้เสี่ยวเกอใส่ตอนเดินออกจากประตู?!!!
Rozenkreuz- ด้วงอาณาจักรเจ้าแม่ซีหวังหมู่
- จำนวนข้อความ : 625
Points : 3848
Join date : 01/07/2015
Age : 31
ที่อยู่ : กองทัพผีเก็บเห็ดแห่งประตูสำริด
Re: [OS] ของดูต่างหน้า (ผิงเสีย)
เดี๋ยวๆๆๆๆๆ! ดราม่ามาตลอดตั้งแต่ต้นจนจะจบ พอประโยคสุดท้ายของนายน้อยเท่านั้นแหละ
อัลไลลลลลลล อะไรรรรรรรของนายน้อย หัวเราะลั่น ดราม่าปลิวกระจาย โอ๊ยยยยยยย
ที่แท้ก็ กกน. ของปู่จาง โธ่ นายน้อย เก็บไว้เป็นสิบปี ไม่โรคจิตก็บ้าค่ะ 555
อัลไลลลลลลล อะไรรรรรรรของนายน้อย หัวเราะลั่น ดราม่าปลิวกระจาย โอ๊ยยยยยยย
ที่แท้ก็ กกน. ของปู่จาง โธ่ นายน้อย เก็บไว้เป็นสิบปี ไม่โรคจิตก็บ้าค่ะ 555
poypoy- ด้วงสุสานใต้สมุทรทะเลซีซา
- จำนวนข้อความ : 105
Points : 3575
Join date : 27/10/2014
ที่อยู่ : บ้านตระกูลอู๋ ใต้เตียงนายน้อยสาม
Similar topics
» [Drabble] #dmbjdaily (บุหรี่) ของดูต่างหน้า [เมินโหยวผิง /Implied ผิงเสีย] *สปอยเล่มสิบ*
» [OS] #dmbjdaily '520' (ผิงเสีย :: เหม่งจาง,ผิงเสีย)
» [OS] จากนี้ชั่วนิรันดร์ [ผิงเสีย]
» [OS] ความเหมือนในความต่าง[ผิงเสีย]
» [OS] All alone with you [ผิงเสีย]
» [OS] #dmbjdaily '520' (ผิงเสีย :: เหม่งจาง,ผิงเสีย)
» [OS] จากนี้ชั่วนิรันดร์ [ผิงเสีย]
» [OS] ความเหมือนในความต่าง[ผิงเสีย]
» [OS] All alone with you [ผิงเสีย]
หน้า 1 จาก 1
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
|
|
Fri 24 Jul 2020, 01:39 by gustoon
» [คู่มือด้วง] Keyword จีนสำหรับการขุด(แฟนดอม)สุสาน
Thu 21 Jun 2018, 00:29 by miskizfullmoon
» มังฮวาและภาคทิเบต
Thu 21 Jun 2018, 00:23 by miskizfullmoon
» [OS] Father is the best (ผิงเสีย)
Thu 03 Aug 2017, 16:12 by schneewittchen
» [Fic] สิ่งเล็กๆที่เชื่อมโลก5 [เมินโหยวผิง+อู่เสีย+เสี่ยอ้วน]+OC
Tue 01 Aug 2017, 12:30 by natsume
» [OS] #dmbjdaily (จูปาจุ๊บ) Bittersweet [ผิงเสีย AU]
Thu 06 Apr 2017, 15:58 by Zeth
» [OS] #dmbjdaily "โทรศัพท์มือถือ" - no Pairing [All]
Tue 04 Apr 2017, 22:27 by Zeth
» [OS] #DMBJDaily (แว่น): ระยะที่มองไม่เห็น [ฮัวเสีย]
Sat 01 Apr 2017, 16:55 by Zeth
» [OS] #DMBJdaily (5.20) ท่านยอดฝีมือ [หวังเหมิง (+เหมิงเสีย)(+ผิงเสีย)]
Thu 30 Mar 2017, 17:24 by Zeth