Countdown
We've been
togerther for

ค้นหา
 
 

Display results as :
 


Rechercher Advanced Search


[OS] สิ่งที่ทิ้งไว้ (ผิงเสีย)

2 posters

Go down

[OS] สิ่งที่ทิ้งไว้ (ผิงเสีย) Empty [OS] สิ่งที่ทิ้งไว้ (ผิงเสีย)

ตั้งหัวข้อ by Fenrir Sun 19 Apr 2015, 22:42



:: Previous กาวs ::



[OS] โลก (ผิงเสีย) : https://dmbjth.thai-forum.net/t125-topic

[OS] เรียนรู้ (ผิงเสีย) : https://dmbjth.thai-forum.net/t1259-topic




--------------------------------------------------------------







[OS] สิ่งที่ทิ้งไว้ (ผิงเสีย)






By Fenrir

















...แคร่ง...


แว่วเสียงโลหะกระทบบางเบายามขยับแขน

เปลือกตาค่อยๆเลิกขึ้น เบื้องหน้าคือความมืดมิด

ริมฝีปากแห้งแตก ลำคอแสบสากเหมือนผุยผง กระทั่งปลายลิ้นก็แทบไม่อาจกวาดหาน้ำลายมาหล่อเลี้ยง

อึดอัด ทรมาน

ราวกับอยู่กลางทะเลทราย ทั้งที่อยู่ในหังโจว...







จางฉี่หลิงบอกว่าเขาคือคนที่ต้องไปอยู่หลังประตูนั่นตามคำสัญญาของเก้าสกุล

คาดไม่ถึงในคำตอบ ทว่าสิ้นคำ...รู้สึกเพียงโลกเบื้องหน้าวูบดับลงราวสับสวิชต์ไฟ เพื่อตื่นขึ้นมาอีกครั้งแล้วพบกับความว่างเปล่า

จากไปเพราะสัญญาที่ไม่มีใครรักษา

จากไปเพื่อแลกกับชีวิตสิบปีของคนหนึ่งคน

นอกจากลัญขจรผีและคำสัญญาแสนเลื่อนลอย จางฉี่หลิงได้ทิ้งสิ่งๆหนึ่งไว้ให้นายน้อยสกุลอู๋

ความคำนึงต่อคนที่หายไปหลังประตูสำริด...ที่กดทับก้อนเนื้อในอกมาตลอดนับตั้งแต่กลับมาจากฉางไป๋ซาน

ไม่เพียงประตูสำริดปิดตายที่กั้นคนทั้งคู่ไว้ 'สิบปี'เป็นดั่งประกาศิตจากฟ้าที่ไม่มีวันบิดพริ้ว ว่าไม่ว่าจะอย่างไร เขาต้องไป

ไปทำหน้าที่

หน้าที่ของอู๋เสีย



เทียนเจินอู๋เสียที่ได้แต่ก่นด่าและสาปแช่งความไม่ได้เรื่องของตน ทิ้งร่างลงบนเก้าอี้โยกใต้ชายคาร้านอาสามกลางหังโจวด้วยดวงตาหม่นลอยเหมือนคนเป็นไข้ สองขาไร้เรี่ยวแรง ปวกเปียกเหมือนกล้าไม้ไร้เสาค้ำจุน ยามต้องลมแรงก็แทบล้มหักพินาศ

เขามีความมั่นใจในระดับหนึ่งว่าเรื่องราวความโกลาหลเปื้อนคาวเลือดและกลิ่นชื้นสาบสางของสุสานที่ประสบมาในปีสองปีนับแต่อาสามพาลงกรวยครั้งแรก มันได้ขัดเกลาจิตของตนให้แกร่งในระดับที่พอจะรับมือเหตุการณ์ไม่คาดฝันไหว

เขาคิดผิดและคิดถูกในเวลาเดียวกัน

เพราะความมั่นใจที่มีเอาไว้ใช้กับภูตผีปีศาจและกับดักในสุสาน

ไม่ใช่มีไว้รับมือกับ'การจากลา'



หังโจวคือถิ่นอันคุ้นเคย มีผู้คนมากมายหลายร้อยพันชีวิต พวกเขาหายใจและใช้ชีวิต ที่แห่งนี้ไม่ใช่สุสาน เป็นดินแดนแห่งคนเป็น ไม่มีอะไรต้องกลัว แต่อู๋เสียกลับพบว่าความหน่วง ความโหวงกลวงที่สัมผัสได้จากอกซ้าย น่าหวาดหวั่นกว่าวานรสมุทรหรือผีแม่ย่าที่กระโจนเข้าใส่เสียอีก เขานอนไม่หลับมาหลายคืน บ้างเผลอไผลหลับไปก่อนสะดุ้งตื่นมากลางดึก ลงเอยด้วยขอบตาที่หมองคล้ำและก้อนเนื้อใต้ซี่โครงเต้นรัวเร็วราวจังหวะกลองงิ้วประกอบอุปรากรของเซี่ยอวี้เฉินจวบจนไก่ขันยามรุ่งเช้า

ในที่สุดเมื่อถึงจุดหนึ่งที่เกินรับไหว ทายาทเพียงหนึ่งเดียวแห่งสกุลอู๋สั่งลูกน้องหกร้อยหยวนให้ปิดร้านแม้ดวงตะวันยังลอยค้างเด่นกลางฟ้า พลันย่างเท้าก้าวเข้าไปในห้องหนึ่งบนชั้นสองด้วยใจเหม่อลอย เดิมทีเป็นห้องเก็บพวกสินค้าเก่าๆที่อาสามเคยใช้เมื่อนานมาแล้ว มันเป็นห้องอับที่ไม่มีใครเปิดใช้ มีหลอดไฟที่เปิดไม่ติดหนึ่งดวง อีกทั้งไร้หน้าต่าง มีเพียงประตูหนึ่งบานเป็นทางเข้าออก แค่เปิดเบาๆฝุ่นก็ฟุ้งกระจาย ราวม่านหมอกมีพิษจางๆในสุสาน...

นายน้อยสามเพียงแค่ต้องการอยู่ตามลำพัง ไม่อยากให้ใครพบและไม่อยากจะพบใคร ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าใด แต่ความหนักหน่วงที่บีบรัดอยู่ภายในพลันผ่อนคลายและสงบลง ครั้นลุกขึ้นแล้วเดินออกไปจากห้องก็เป็นเวลาเกือบสองทุ่ม

ชายหนุ่มไม่เข้าใจในคราแรกว่าเหตุใดการพาตัวเองมาอยู่ในห้องแคบๆมืดๆถึงส่งผลบวกต่อจิตใจอย่างประหลาด คืนนั้นเขาเข้านอนได้เป็นปกติครั้งแรกในรอบหลายอาทิตย์ ครั้งที่สอง...สาม....สี่จึงตามมา และสิ่งนี้ก็กลายเป็นกิจวัตรลากยาวมาจนผ่านไปร่วมครึ่งทศวรรษ



เวลาที่หมุนเวียนเปลี่ยนผ่านมาหลายฤดูกาลมีอำนาจเพียงพอให้คนและโลกเปลี่ยน นายน้อยสามไม่ใช่ข้อยกเว้น บัณฑิตหนุ่มผู้ถูกวางไว้ในพื้นที่ขาวสะอาดเช่นเดียวกับบิดาถูกดึงเข้าสู่สงคราม แรกเริ่มคือความเข็ดหลาบและหวาดกลัว แต่จะเพราะฟ้าดินลิขิตหรือความดื้นรั้นที่แทรกซึมทุกอณูก็แล้วแต่ ผลลัพธ์คือเทียนเจินอู๋เสียคนนั้นกลับกลายเป็นเถ้าแก่อู๋ ไม่ใช่ด้วยบารมีใต้ร่มเงาของอาสามที่เขาเคยยืนเกาะชายเสื้อเบื้องหลังมาโดยตลอด แต่ด้วยสองมือที่หยาบกร้าน เนื้อตัวที่มอมแมมพร่อยบาดแผลมากมายเกินนับ และหัวใจที่ความด้านชาค่อยๆกัดกิน


...เหมือนก้อนหิน... บอกตัวเอง ราวกับทวนซ้ำๆ ย้ำไม่ให้ลืม ...เหมือนนาย...



ทั้งที่ควรจะไม่เจ็บปวด



ทั้งที่ควรจะทำใจยอมรับและรอคอยต่อไปอย่างใจเย็น




เวลาที่ชายหนุ่มใช้ในห้องเล็กที่ถูกดัดแปลงให้เป็นห้องมืดโดยสมบูรณ์กลับยาวนานขึ้นพอๆกับจำนวนมวนบุหรี่ที่สูบวันต่อวัน และทวีขึ้นเท่าตัวเมื่อก้าวขึ้นสู่ฐานะเถ้าแก่อู๋ เหมือนว่ากิจวัตรดังกล่าวไม่อาจสนองความต้องการใดๆได้อีก เนื้อตัวและหัวยังคงหนักอึ้งเหมือนหุ่นชักถูกตัดเชือก

เขาเคยคิด เป็นไปได้ไหมว่าที่เขากำลังทำอยู่ คือการพยายามแบกรับหน้าที่ของคนๆหนึ่งซึ่งที่เขาควรน้อมรับมันและไม่ควรจะมีใครไปทำแทน?

พอถึงตรงนี้อู๋เสียถึงกับส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ รู้ดีว่าทั้งหมดที่ทำไปก็ได้แค่'แสร้ง'แบกรับ เขาไม่มีทางล่วงรู้หรอกว่าโลกเบื้องหลังบานประตูลี้ลับนั่นจะนำพาผู้เยี่ยมเยียนไปสู่สิ่งใด คนที่รู้ก็ไม่อยู่ให้ถาม ต่อให้ถามก็อาจป่วยการเหมือนถามทางกับพระพุทธรูปหิน

ไม่รู้อยู่เป็นหรืออยู่ตาย

ไม่ว่าจะนั่งในความมืดมิดที่ไร้สุ้มเสียงนานเพียงใด นานกระทั่งสรรพเสียงบนโลกที่ได้ยินมีเพียงเสียงยามกลืนน้ำลายหรือหายใจเข้าออก อู๋เสียไม่มั่นใจเลยว่าสถานการณ์จำลองจากภาพจินตนาการโลกเบื้องหลังประตูที่ใครคนหนึ่งออกตัวเสียสละแทนเขาจะใกล้เคียงกับความเป็นจริงที่อีกฝ่ายเผชิญ



ในวันหนึ่งที่นั่งดื่มชา ทอดมองปฏิทินที่มีแต่รอยขีดฆ่าหนาสีแดงเข้ม ตนจึงยอมรับในที่สุดว่าตนไม่อาจกลายเป็นเครื่องจักรหัวใจหินที่เคลื่อนไปตามเป้าหมายเพียงอย่างเดียว ความคำนึงหานั้นมิได้หายไป แค่เป็นคมหอกที่ฝังคาหัวใจอยู่นมนานจนกลืนเข้ากันเป็นเนื้อเดียว และก้อนเนื้อที่เต้นในอกนี่ก็ไม่ได้กลายเป็นหิน มันจึงทิ้งตะกอนและลิ่มเลือดแห้งกรังจากบาดแผลไว้ให้ดูต่างหน้า ช้ำเลือดช้ำหนองเพียงสะกิดก็รวดร้าว หนำซ้ำลึกลงไปล้วนกลวงโบ๋เหมือนภาชนะก้นรั่ว ถมไปเท่าไหร่ไม่มีวันเต็ม



อย่างไรก็ตาม กิจวัตรที่แสนไร้ประโยชน์ต่อร่างกายและจิตใจก็ยังดำเนินต่อไป ตรวนทำจากสแตนเลสคือสิ่งที่เพิ่มเข้ามาในห้องทีหลังเมื่อระลึกถึงความจริงข้อนี้ ถ้าลำพังการนั่งในห้องไม่เพียงพอให้เขารู้สึกว่าได้อะไร ตรวนนี้จะล่ามไว้ไม่ให้เขาลุกจากไปไหน เขาจะต้องอยู่ในห้องนั้นก็เพราะเขาต้องอยู่ แค่นั้นเอง


นายอ้วนเคยบอกให้หยุด ทั้งด่าทั้งโวยวายใส่เขาเสียยกใหญ่ว่าที่กำลังทำอยู่มันคือการฆ่าตัวตายชัดๆ เสี่ยวเกอคงไม่ได้ไปนั่งเล่นหลังประตูสำริดสิบปีเพื่อให้เขามาทำอะไรแบบนี้



"ฉันไม่ได้ตามหมอนั่นไปถึงฉางไป๋ซานเพื่อให้เขาเข้าไปอยู่หลังประตูนั่นเหมือนกัน"


เถ้าแก่อู๋ขยับปากในที่สุด


"ถ้าเขาเข้าไปในนั้นเพราะเป็นหน้าที่ของตัวเอง เป็นหน้าที่ของสกุลจางที่ต้องเข้าไปเฝ้าไอ้ประตูนรกนั่นทุกๆสิบปี ฉันคงทำอะไรความคิดของเสี่ยวเกอไม่ได้ แต่นี่ คนที่ควรจะอยู่ที่นั่นต้องเป็นฉันไม่ใช่เสี่ยวเกอ แล้วนายจะให้ฉันรู้สึกยังไงกับไอ้ใบ้คนหนึ่งที่วันๆแม่งคิดแต่เรื่องภารกิจ จู่ๆวันนึงดันมาเปลี่ยนเป้าหมาย เข้า ไป เพื่อ ฉัน"


กลิ่นไหม้ของเส้นยาสูบราคาแพงในมือตลบอบอวล เศษเถ้าถ่านร่วงหล่นบนตักราวใบไม้ปลิดขั้วในฤดูใบไม้ผลิ


"เขามีทางเลือก ฉันเองก็อยู่ตรงนั้น หมอนั่นจะชี้หน้าบอกว่าเฮ้ นายนั่นแหละต้องเข้าไปตามสัญญาเก้าสกุล แล้วลากฉันไปทิ้งไว้หลังประตูนั่นก็ได้"


ดวงตาที่เคยใสกระจ่างยกขึ้นสบอีกฝ่าย


"แต่หมอนั่นไม่ทำ"



นายอ้วนหวังได้แต่จนคำพูด ถอนหายใจดังเฮือก พึมพัมอะไรสักอย่างที่เจ้าของบ้านไม่ได้ใส่ใจจะฟังในเมื่อมีเอกสารมากมายต้องจัดการเบื้องหน้า หากเจ้าตัวก็หมั่นมาเยี่ยมบ้างเป็นครั้งคราว ไม่ลืมทำตัวเป็นแม่ไก่คอยจับตาดูอยู่ห่างๆ บ่นๆจนหน้ายุ่งทุกครั้งเมื่อเห็นรอยแดงเป็นปื้นบริเวณข้อมือทั้งสองข้าง ร้อนจนอู๋เสียต้องหาเสื้อคลุมแขนยาวมาใส่เพื่อปกปิด เพื่อนสมัยเด็กอย่างเจ้าบ้านสกุลเซี่ยก็รับรู้และไม่ได้ชอบใจนัก แต่รู้ว่าต่อให้พูดอย่างไรคนๆนี้ก็ไม่ฟัง

"ถ้าอาเฮียทำแล้วสบายใจฉันก็ไม่ว่า แค่อย่าให้เปิดห้องอีกทีแล้วเจอเป็นศพก็พอ"

คนฟังกลอกตา "พวกนายนี่ เห็นฉันเป็นพวกชอบทำร้ายตัวเองหรือไง ฉันไม่เป็นอะไร"

"นายทำอะไรชอบเข้าเนื้อทุกที หรือไม่ใช่?"

โดนย้อนถามอย่างที่เขารู้ดีแก่ใจว่าแก้ตัวไม่ขึ้น




เพราะคมหอกนี่ หากจะเอาออกได้ มีเพียงหนทางเดียว





และเมื่อเอาออกไป คมของมันก็ยังคงทิ้งบาดแผลไว้ไม่รู้ลืม










'ต่อให้ข้างนอกผ่านไปกี่ร้อยกี่พันปี ต่อให้โลกนี้แม่งไม่เหลือใคร ต่อให้ทั้งฉัน นายอ้วน เสี่ยวฮัว ซิ่วซิ่ว ลงโลงกันไปหมดแล้ว นายก็คงจะทำตัวอมพะนำ เป็นนายเรือพ่วงน่าเบื่ออยู่เหมือนเดิม' เขาโคลงหัว '...รึเปล่านะ?'



ตึก...



'อยู่ในนั้นนายสบายดีไหม? ยังจำที่นายพูดไว้ได้รึเปล่า?'



กึก.. กึก.. กึก..



'หากเราพบกันอีกครั้ง'



ก๊อก ก๊อก



'นายจะเป็นหรือตาย'





แกร๊ก....



"ได้เวลาแล้วครับเถ้าแก่"


แสงขาวจ้าจากไฟนีออนบนทางเดินสาดผ่านบานประตูทึบที่ค่อยๆแง้มก่อนเปิดกว้าง คนกลุ่มเล็กๆก้าวเข้ามายังร่างที่ยังนั่งสงบนิ่ง ท่ามกลางความมืดที่เจือจางด้วยแสงไฟจนสลัว คนหนึ่งปลดตรวนเหล็กที่ข้อมือออก ที่เหลือส่งเสื้อคลุมและขวดน้ำให้ผู้เป็นนายรับไปดื่มดับกระหาย

"คุณชายเซี่ยล่ะ?"

"รออยู่ข้างล่างแล้วครับ ทุกอย่างเรียบร้อยตามที่เถ้าแก่สั่งไว้"

อู๋เสียพยักหน้า รับเสื้อคลุมตัวเก่งมาสวม แขนเสื้อยาวๆทาบทับปกปิดรอยแดงเจือกลิ่นโลหะอ่อนๆสนิท

"อีกไม่นาน อีกแค่ครึ่งหนึ่งเท่านั้น"

พึมพัมด้วยริมฝีปากแห้งแตก รสคาวซึมอบอวลทั่วลำคอ




"ความทรมานนี่ ฉันจะให้นายเป็นคนหยุดมันจางฉี่หลิง"










--------------------------------------------------




::Talk::




Super Glue ผสมเหงื่อก็กลายมาเป็นแบบนี้แหละค่ะเธอว์....

ฟิคนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากฟิคของคุณpokepokeruค่ะ ฟิคที่นายน้อยถูกจับขังในห้องแล้วเพ้อหาสามีว่าคงยกขบวนขันหมากไปหาที่ฉางไป๋ซานไม่ได้แล้วนั่นแหละ! อ่านเสร็จนี่พลังกาวอัดเต็มสูบ มโนอีกรูทนึงว่าถ้ากลายเป็นว่านายน้อยเป็นคนจับตัวเองขังไว้ในห้องจะเป็นยังไงและทำไปเพราะอะไร วนๆอยู่ในทวิตก็ได้กาวอย่างละกระปุกสองกระปุกมาเทรวมในถังจนระเบิดบรึ้มมมมมมมมมมมมมมมม!!!!!!

เป็นซุปเปอร์กาวยี่ห้ออู๋เสียคนM
ฟืดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด


ถ้าฟิค'เรียนรู้'คือความในใจของเสี่ยวเกอที่คิดจะตอบแทนอู๋เสีย นี่คงเป็นภาคกลับของฝ่ายอู๋เสียบ้างค่ะ แต่อารมณ์มันกลับคนละเรื่องเลย เราว่ามันไม่ง่ายเลยนะคะที่คนๆนึงที่เฉยชากับทุกสิ่งในโลกมาตลอดกลับมีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น ซึ่งเราเองก็ไม่รู้ว่าความเปลี่ยนแปลงนี้มันน่ายินดีหรือเศร้าหรือกันแน่ ถ้าวันหนึ่งสิ่งที่ไร้หัวใจกลับกลายว่ามีขึ้นมา และเราก็ต้องเสียมันไปในท้ายที่สุด

...คิดซะว่าเรื่องนี้คือบท Prequel ของฟิค'เรียนรู้'แล้วกันค่ะ จะได้ไม่รู้สึกฟัคอัพมาก (เอ๊ะ หรือเรารู้สึกเศร้ากับเรื่องนี้คนเดียว??)

อันนี้ใช้เวลาเขียนนานกว่า2ฟิคที่แล้วมากเพราะเขียนกันข้ามคืนเลย เริ่มตอนดึกๆเมื่อวานซึ่งกำลังง่วงๆได้ที่ พอกลับมาเปิดอ่านตอนเช้าก็ได้แต่ร้อง วอท ดา ฟัค ดิท ไอ จัส ไรท์!!! ต้องกลับมารีความคิดที่มึนๆกลับมาอย่างหนักหน่วง = ="

อยากคอมเม้นต์อยากด่าว่าอินี้กาวอัลลัยอ่านไม่รู้เรื่องก็เชิญตามสบายค่ะ เราจะถือพลองไปตักตีหัวท่านที่หน้าปากซอย---
Fenrir
Fenrir
ด้วงสุสานใต้สมุทรทะเลซีซา
ด้วงสุสานใต้สมุทรทะเลซีซา

จำนวนข้อความ : 117
Points : 3614
Join date : 27/10/2014
Age : 32
ที่อยู่ : ไหสักใบในบ้านสกุลอู๋

http://fenrirsglue.blogspot.com/

ขึ้นไปข้างบน Go down

[OS] สิ่งที่ทิ้งไว้ (ผิงเสีย) Empty Re: [OS] สิ่งที่ทิ้งไว้ (ผิงเสีย)

ตั้งหัวข้อ by Malangporyim Tue 21 Apr 2015, 13:07

นายน้อยคนมาโซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซ

ตอนอ่านของคุณโปเกะก็ชอบ มาอ่านเวอร์ชั่นกาวต่อก็ชอบค่ะ ชอบไปคนละแบบ
นายน้อยแบบนี้เท่ขรึมมากเลยค่ะ ฮือ ดีใจ มีฟิคจริงจังมีสติมาช่วยถ่วงดุลกาวแล้ว \(; 7 Wink/

นานๆ จะได้อ่านฟิคจริงจังที รู้สึกเหมือนโดนตรบเรียกสติเลยค่ะ แฮ่กๆๆๆ (?)

อู๋เสียเอ็มมาก แต่ถึงทำแบบนี้ก็ไม่ช่วยอะไรได้หรอกนะ ...อ๊ะ แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่เข้าใจค่ะ แบบว่าถ้าทำแล้วใจสงบลงก็คงเป็นทางเลือกนึงของเขาละมั้ง (คิดแบบนี้นะคะ)

เรื่องนี้สิ่งที่ชอบที่สุดคือเสี่ยวฮัวค่ะ เท่มากๆ


"ถ้าอาเฮียทำแล้วสบายใจฉันก็ไม่ว่า แค่อย่าให้เปิดห้องอีกทีแล้วเจอเป็นศพก็พอ"

คนฟังกลอกตา "พวกนายนี่ เห็นฉันเป็นพวกชอบทำร้ายตัวเองหรือไง ฉันไม่เป็นอะไร"

"นายทำอะไรชอบเข้าเนื้อทุกที หรือไม่ใช่?"

ตอนนี้เสี่ยวฮัวเท่มากๆ แบบมากๆ! ปกติเราไม่ได้เมนเสี่ยวฮัวค่ะ แต่มาอ่านแล้วยกใจให้เลย นายมันสุดยอดจริงๆ ปากแบบกึ่งห่วงกึ่งไม่ห่วง แต่ก็รู้สึกได้ถึงความห่วงใยแบบแมนๆ พี่น้องคุยกันอะไรงี้อะค่ะ แงงงงง น่ารักกกก

/กลิ้งไปมาอวยดอกไม้น้อย

เป็นฟิคที่ดีค่ะ คุณเฟนเรีย หนึ่งในทรัพยากรบุคคลท่ามกลางถังกาวที่ยังคงมีสติอยู่ 5555555 รออ่านฟิคต่อไปนะคะ >////<
Malangporyim
Malangporyim
ด้วงต้นไม้เทพเจ้า
ด้วงต้นไม้เทพเจ้า

จำนวนข้อความ : 290
Points : 3780
Join date : 27/10/2014
ที่อยู่ : ทุ่งด้วงโฮโม

ขึ้นไปข้างบน Go down

ขึ้นไปข้างบน

- Similar topics

 
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ