Countdown
We've been
togerther for
ค้นหา
Latest topics
Most active topics
[OS] Forgotten [เหลาหย่าง&อู๋เสีย]
+7
renile
oilypicca
TanatOs_018
davey
Mill
kuramajoy
aathewolf
11 posters
หน้า 1 จาก 1
[OS] Forgotten [เหลาหย่าง&อู๋เสีย]
Title : Forgotten
Timeline : Autumn 2006 / หลังเหตุการณ์เล่ม 10 หนึ่งปี
Pairing : Friend zone เหลาหย่างกะอู๋เสีย
Author : aathewolf
Rate : G
SPOIL ALERT เล่ม 10
====================================================
รถชะลอความเร็วลงจนเทียบจอด เมื่อรู้สึกตัวเงยหน้าขึ้นจากกองเอกสาร ผมจึงพบว่าในที่สุดก็กลับมาถึงร้านของตัวเอง
ผมขยับข้อต่อเล็กน้อยอย่างเมื่อยขบ หลังจากเดินทางไปๆมาๆอยู่หลายวัน ผมก็เพิ่งได้กลับจากการตรวจหน้าด่านของอาสาม อันที่จริงเรียกว่าไปตรวจก็ไม่ใคร่ถูก เรียกว่าไปยืนย้ำหัวตะปูว่าข้ายังอยู่เป็นหูเป็นตา พวกเอ็งอย่าคิดว่าทำอะไรลับหลังอาสามข้าแล้วจะไม่มีใครรู้เห็นจะถูกมากกว่า เรื่องไร้สาระอย่างที่ว่ามานี้ถ้าอาสามยังอยู่ เขาคงไม่ต้องทำ ใช้แค่ชื่อส่งใครไปสักคนก็คงพอ น่าเสียดายที่ผมยังไม่มีบารมีแบบนั้น และพานจื่อที่พอจะไว้ใจให้ทำหน้าที่นี้แทนได้ ก็ไม่อยู่เสียแล้ว
ผมก้าวลงจากรถ ใช้เวลาไม่นานก็ข้ามผ่านธรณีประตูหน้าร้าน แต่ยังไม่ทันจะเดินได้เกินสามก้าว หวังเหมิงก็โผล่พุ่งมาจากฉากที่กั้นด้านหลัง พลางทำหน้าแปลกๆ
ใจผมกระตุกวูบ สีหน้าแบบนี้เขามีไม่บ่อย และเป็นแบบเดียวกับที่ผมเคยเห็นเมื่อหนึ่งปีก่อน คราวนั้น…สิ่งที่ผมเจอคือเมินโหยวผิง
ผมกลืนน้ำลายเล็กน้อย ปากถามเขาว่ามีอะไร
“มีคนมาหาเจ้านายแต่เช้า บอกจะมาถามเรื่องของที่ฝากไว้” เขาว่าพลางชี้ไปอีกฟากของฉากกั้น ให้ผมอดไม่ได้ที่จะมองตามไป ที่ตรงนั้นผมเพิ่งให้คนจัดเสียใหม่ไว้เป็นที่นั่งรับรอง เพราะหลังจากต้องดูแลกิจการของอาสาม ก็มีคนหลากหลายเทียวไปเทียวมา ในวงการนี้หน้าตาเป็นสิ่งสำคัญ ยิ่งเฉพาะคนหน้าไม่ให้แบบผม ปัจจัยภายนอกอะไรเสริมได้ก็ต้องเสริมเอา
ผมพยายามทบทวนความทรงจำ นึกว่าตัวเองนัดใครเอาไว้ นึกอย่างไรก็นึกไม่ออก ของหน้าด่านอาชาล่าสุดก็จัดการเรียบร้อยไปตั้งแต่สามวันก่อนแล้ว ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรนี่นา
เสียเวลานึกอยู่ครู่หนึ่งผมก็คิดขึ้นมาได้ว่ายืนตรงนี้ไม่มีทางรู้อะไร พอดีกับที่สบตากับหวังเหมิง เขาพยักหน้าให้แล้วเดินนำผมไปหลังฉากกั้นก่อน แว่วเสียงขึงขังว่า “เถ้าแก่อู๋กลับมาแล้ว คุณมีธุระอะไรจะคุยก็เตรียมตัวเถอะ” ก็ได้แต่ขำ หลังๆมานี้คำพูดคำจาท่าทางเขาเริ่มส่งเสริมราศีผมขึ้นมาได้บ้างแล้ว
ผมเดินตามไปพลางวางมาด ‘เถ้าแก่อู๋’ ตามที่หวังเหมิงได้กรุยทางเอาไว้ก่อน แต่พอเท้าเลยพ้นฉากกั้น ตาที่สบกับคนที่อยู่ด้านหลังไม้ฉลุลายก็ต้องเบิกค้าง ได้แต่จ้องมองอีกฝ่ายที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม
คนตรงหน้าดูซูบลงไปหน่อย แว่นที่สวมก็เปลี่ยนลายกรอบไปจากเดิมดูทันสมัยขึ้น แต่สีหน้าท่าทางดูไม่เข้าร่องเข้ารอยที่ควรปรับปรุงนั่น เคยเป็นอย่างไรก็ยังไม่แปรเปลี่ยน
เขาหันมองมาทางผม หัวเราะแห้งๆ ส่งเสียงทักทายมา “ถ….เถ้าแก่อู๋ ผมเซี่ยจื่อหยาง ป...ไปต่างประเทศไม่ได้กลับมาเสียนาน ไม่รู้คุณยังจำได้ไหม”
ผมพยักหน้าตอบรับ ภาพที่เห็นเหมือนกึ่งจริงกึ่งฝัน น้ำเสียงเลยดูจะเลื่อนลอยกว่าเวลาปรกติ “คนแบบนาย ฉันจะลืมไปได้ยังไง”
แน่นอนว่าจากวันนั้น ผมไม่เคยลืมชื่อจริงของเหลาหย่าง
ผมนั่งลงบนเก้าอี้ หวังเหมิงหายตัวไปที่ด้านหลังร้านแล้ว คงจะไปเตรียมหยิบชามาให้ ที่จริงผมอยากบอกเขาให้อยู่เป็นเพื่อนกันก่อน แต่ทำอย่างนั้นคงดูประหลาดพิกล เลยได้แต่หันไปมองเพื่อนเก่าแก่...หรือควรจะเรียกว่าตัวก๊อบ(ลำดับที่สอง)ของเขาที่นั่งอยู่ตรงหน้า อีกฝ่ายยกชาที่วางข้างตัวขึ้นดื่ม แก้วนั่นไม่มีไอร้อนระเหยแล้ว เหลาหย่างคงมานั่งรออยู่นานพอดู
สารภาพตามตรง ช่วงที่ผ่านมานี้ผมมีเรื่องยุ่งยากหลายอย่าง แทบเรียกได้ว่าเป็นช่วงชีวิตพลิกผัน แค่วางตัวเป็นนายน้อยสามจัดการธุรกิจของอาสามให้เรียบร้อยก็แทบไม่มีเวลาหลับตานอนแล้ว เพราะฉะนั้นให้โกหกตัวเองว่าผมขบคิดเรื่องของเขาก็คงทำไม่ได้ และเพราะปล่อยให้เป็นตะกอนขุ่นๆนอนก้นอยู่นานโดยยังไม่ได้จัดการ พอเจอหน้าเขาเข้าแบบกะทันหันเลยไม่รู้จะวางตัวอย่างไรดี
“หลายปีนี้ไม่ได้ข่าวนายเลย สบายดีไหม” ผมตัดสินใจออกปากถามสารทุกข์สุขดิบขึ้นก่อน ฟังเสียงตัวเองแล้วก็รู้สึกว่ากระอักกระอ่วนไปหน่อย ดูเหมือนหนทางสำเร็จหลักสูตรหน้ากากเหล็กนายน้อยสามสกุลอู๋จะยังห่างไกลนัก ในใจก็พลางคิด ก่อนหน้าที่ผมจะรู้เรื่องนั้นผมคุยอะไรได้เป็นวรรคเป็นเวรกับเหลาหย่างกันนะ ทำไมตอนนี้ถึงนึกไม่ออกสักเรื่องเดียว
“ผ….ผมก็สบายดี เถ้าแก่เองก็ดู..ดูจะเหมือนกัน” เขาเอ่ยพลางหัวเราะ แขนป่ายเปะปะไม่มีความหมาย ท่าทางดูจะเกร็งอยู่เหมือนกัน
“แล้วแม่นายล่ะ สบายดีไหม” หลุดถามออกไปแล้วอยากจะกัดปาก ก็ไม่ใช่เพราะเรื่องแม่ของเขาเหรอที่ทำเอาผมวุ่นวายเกือบตาย จนบัดนี้ซี่โครงที่หักไปตอนนั้นบางทียังปวดแปลบตอนเจออากาศเย็นๆ
“เถ้าแก่รู้จักแม่ผมเสียด้วย” เขาเบิกตาขึ้นนิด ท่าทางแปลกใจก่อนยิ้มส่งให้แห้งๆ “เอาจริงๆเลยคือแม่ผมไม่ค่อยสบาย ตอนนี้อยู่โรงพยาบาล เพราะต่างประเทศจะรักษาอะไรก็ไม่สะดวกผมเลยต้องพากลับมา”
ฟังเขาจนตอนนี้ ผมรู้สึกถึงความประหลาดอย่างหนึ่ง
ผมจ้องหน้าเหลาหย่าง เขามองตอบกลับมา ไม่เสหลบตา แต่ไม่มีความคุ้นเคยอยู่ในนั้น ท่าทางแบบนี้ของเขาเหมือนที่เคยเห็นเขาทำสมัยก่อนตอนคุยต่อรองราคากับลูกค้า ไม่เหมือนตอนอยู่กับวงเพื่อนสนิทหรือผม
“เซี่ยจื่อหยาง หวังเหมิงบอกฉันว่าคุณมีธุระเรื่องของ” ผมขยับตัวเล็กน้อยเปลี่ยนท่าพลางลองโยนหินถามทาง ไม่แน่ใจว่าที่ตนเองคิดจะถูกรึเปล่า
เขาพยักหน้า ท่าทางดูจริงจังขึ้น “ผม ม...มาเรื่องนั้น จ…จำได้ว่าฝากของไว้ที่คุณให้ประเมินราคา”
ผมทำทีเลิกคิ้ว เอ่ยทวนถาม “คุณฝากของให้ฉันประเมินราคา?”
เหลาหย่างพยักหน้าอีกรอบ เขายกมือขึ้น ตอนนี้เองที่ผมเพิ่งเห็นว่าในมือเขามีสมุดบันทึกเล็กๆอยู่เล่มหนึ่ง เขาเปิดมันออกตรงหน้าที่คั่นไว้ “ว….วันที่ xx เดือน xx ปี 2003 ฝากกระดิ่งหกด้านไว้ให้อู๋….เถ้าแก่อู๋เสียตรวจสอบ” เขาอ่านเสร็จก็เงยหน้าขึ้น “ผม...ความจำไม่ดีนิดหน่อย เพราะฉะนั้นเลยจดเรื่องสำคัญต่างๆเอาไว้”
“คุณหมายถึงสร้อยคอกระดิ่งหกด้านสินะ” ผมถามเขาอีกคำหนึ่ง
“สร้อย..” เขาฉายแววงงงันไปนิดหน่อยก่อนจะพยักหน้ามั่นใจ “ช….ใช่แล้วสร้อยกระดิ่งหกด้าน ที่ผมฝากเถ้าแก่เอาไว้”
ฟังคำตอบของเขา ผมก็ได้รู้ว่าตัวเองคิดถูกแล้ว
เหลาหย่างจำไม่ได้
ผมยังจำวันที่เขามาหาผมวันนั้นได้ดี ตอนนั้นผมตกใจแทบตายที่ได้เห็นกระดิ่งหกด้านอีกครั้งที่ประดับติดหูของเขา ตอนนั้นเราคุยกันเป็นเรื่องราวใหญ่โต แถมเป็นต้นเรื่องของทริปเสี่ยงตายของผมกับเขา เรื่องแบบนี้ใช่จะลืมกันได้ง่ายๆ แต่เขาเองนอกเหนือจากสิ่งที่จดเอาไว้แล้ว ดูเหมือนจะไม่มีความทรงจำ
ส่วนอีกเรื่องที่เหมือนเขาจะลืมไป…..ก็คือผม
ผมรู้สึกปั่นป่วนในท้อง ไม่แน่ใจจะเรียกความรู้สึกนี้ว่าอะไรดี
ผมคิดถึงคำพูดที่เขาเขียนไว้ในจดหมายที่ส่งถึงผมเมื่อสามปีก่อน เขาบอกเอาไว้ว่าความจำเขาแย่มาก อีกสองสามปีคงลืมเกือบทุกอย่าง ตอนนั้นผมคิดว่าเขาคงจะหลอกเล่นพูดไปอย่างนั้นเอง จึงไม่ได้ใส่ใจมากนัก ไม่นึกว่าที่เขาเขียนมาจะเป็นจริงตามนั้น
“ถ..เถ้าแก่อู๋” เสียงของเหลาหย่างเรียกให้ผมรู้สึกตัว ท่าทางผมจะนิ่งคิดนานไปเสียแล้ว หันไปอีกทีจึงเห็นเขาขมวดคิ้วมองตรงมาราวกับจะสังเกตท่าที
เห็นแบบนั้นผมก็ได้แต่ทำสีหน้าขึงขังส่งกลับไป “ของของคุณปล่อยไม่ง่าย ฉันต้องเอาไปให้ผู้เชี่ยวชาญช่วยดู ยุคสมัยของมันมีความคลุมเครือทางประวัติศาสตร์ คนในตลาดรู้จักน้อย ฉันให้ทางเขาช่วยถามหาผู้ซื้อให้ แต่ยังไม่ได้คำตอบที่ดีพอ” ผมตอบเขาไปตามข้อมูลเก่าที่ได้มา อันที่จริงถ้าไม่เห็นตัวเหลาหย่างมานั่งอยู่ตรงหน้า ไอ้กระดิ่งหกด้านที่ฝากปู่ฉีไว้นี่ผมคงไม่มีทางนึกถึงมันออกอีกแล้ว จึงไม่ได้ถามข่าวคราวเลยเหมือนกัน
“ถ้าอย่างนั้นถ้าผมจะขอเอาคืนไปก่อน...”
ผมพยักหน้าตอบ “คุณจะเอาไปก็ได้ หรือจะฝากไว้ที่นี่แล้วทิ้งเบอร์ติดต่อไว้ ฉันจะให้มัดจำไว้สองแสน เคาะได้เท่าไหร่จะติดต่อคุณอีกที”
เขาเบิกตากว้างมองผม จากนั้นก็เหมือนจะนิ่งไป คงใช้ความคิดอยู่พอสมควร
ผมไม่พูดอะไร เพียงแต่นั่งรอ ข้อเสนอนี้สำหรับผมแล้วสมเหตุสมผล ผมยังไม่ได้ติดต่อตาเฒ่าฉีเลย ไม่รู้ไอ้กระดิ่งนรกนั่นสรุปแล้วขายได้หรือไม่ได้ ถึงแม้ท่านปู่จะบอกว่าหาผู้ซื้อดีๆสี่ล้านไม่ใช่ปัญหา แต่เอาเข้าจริงคำพูดก็ยังเป็นแค่ลม ของยังไม่ทันออกก็ไม่อาจฟันธงอะไรได้ทั้งนั้น ดีไม่ดีผู้ซื้ออะไรนั่นหาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ ของแค่นั้นลงตลาดปรกติคงได้ไม่ถึงหมื่นหยวน แต่กับเหลาหย่างที่ไม่รู้ข้อมูลพวกนี้ คำพูดผมก็อาจจะคิดได้หลากหลายทางอยู่เหมือนกัน
ใช้เวลาสักชั่วบุหรี่ครึ่งมวนเหลาหย่างก็พูดขึ้น “ต...ตกลง ฝากเรื่องไว้ที่คุณก่อนก็ได้ ผมขอรับสองแสนไว้ก่อนแล้วกัน”
ระหว่างที่พูดกันอยู่นี้หวังเหมิงก็กลับมาพร้อมกับถ้วยและกาน้ำชาแล้ว ผมจึงปล่อยให้เขาเทน้ำชาให้ผมและเติมให้เหลาหย่างขณะที่ขอตัวไปหยิบเงินในตู้เซฟชั้นสอง ที่จริงผมอยากจะให้มัดจำเขามากกว่านี้ ติดที่ไม่ได้มีเงินสดเก็บไว้มากเท่าไหร่ เอาไว้ติดต่อปู่ฉีได้แล้ว ขายได้เท่าไหร่ ผมจะแถมให้เขาเพิ่มอีกเป็นดอกเบี้ยที่ทิ้งไว้เสียนานก็แล้วกัน
ผมใช้เวลาไม่นานก็กลับลงมาจากข้างบน ระหว่างเดินจากขั้นบันไดไปยังที่รับรองแขกแว่วเสียงเหลาหย่างเอ่ยเล่าความสวยงามของประเทศที่เคยไปให้หวังเหมิงฟัง เขาคุยอย่างออกรสด้วยอาการติดอ่างแบบเดิม หวังเหมิงก็ตอบกลับอย่างสนอกสนใจ ไอ้หมอนี่เองจะว่าพัฒนาบ้างแล้วก็ยังมีติดนิสัยเป็นเด็กอยู่ ผมถ่วงขาให้เดินช้าลงฟังพวกเขาพูดคุยกัน ใจนึงพลันรู้สึกแปลกๆ ปรกติคนที่ฟังเขาพล่ามเรื่องจริงบ้างโม้บ้างนั้นเคยเป็นผม ส่วนใหญ่เหมือนผมจะฟังไปด่าไปว่านายพูดอะไรโคตรโม้โคตรไร้สาระ แต่รู้ตัวอีกทีก็หมดเหล้าไปหลายขวด กับแกล้มไปหลายจานแล้วทุกที
เสียงของพวกเขาเงียบไปเมื่อผมปรากฎตัว สีหน้าเพื่อนสมัยเด็กของผมเปลี่ยนจากที่ยิ้มค้างๆอยู่กลับมาจริงจังอีกครั้ง ไอ้หมอนี่ชอบเก๊กขรึมเวลาทำงานเหมือนเคย เขาเคยบอกผมว่าเจรจาธุรกิจต้องทำให้ดูภูมิฐานจึงจะได้กำไรดี ทั้งที่เหลาหย่างไม่เคยมีธุรกิจเป็นของตัวเองกับเขาแท้ๆ
ผมเห็นเขาเงียบรอ จึงได้พูดขึ้น “นี่เงินของคุณ ส่วนเรื่องการติดต่อ ให้คนของฉันจดบันทึกไว้ให้ คุณบอกเบอร์กับที่อยู่ที่ติดต่อได้กับเขาไว้แล้วกัน”
เหลาหย่างรับเงินปึกนั้นที่ถูกส่งไปพลางพยักหน้าลง แล้วยิ้มให้ “ขอบคุณมากเถ้าแก่อู๋”
หวังเหมิงที่ได้ยินคำผมแล้วไม่ต้องรอให้สั่งก็รีบไปหยิบสมุดบันทึกของร้านมาลงบันทึกให้ ผมทำเป็นหมดความสนใจต่อพวกเขาแล้ว เดินไปมองแผ่นจารึกในตู้แล้วหยิบมาทำอะไรกุกกักเหมือนมีธุระ หูยังได้ยินเสียงเหลาหย่างบอกเบอร์โทรศัพท์ได้ไม่ครบตัวก่อนจะเงียบไป ตามด้วยเสียงเปิดหน้ากระดาษและขอเอ่ยแก้อีกรอบ ท่าทางเขาจะจำมันไม่ค่อยได้ดีเท่าไหร่
“ถ้างั้นผมลาแล้ว ไว้จะรอข่าวดีจากเถ้าแก่แล้วกัน”
ผมพยักหน้าให้เป็นเชิงลา หวังเหมิงรู้หน้าที่ดีก็เดินไปส่งเขาออกทางหน้าร้าน ผมสวนทางกับพวกเขากลับไปยั่งเก้าอี้รับรอง ทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตัวเดิม หยิบแก้วชาซึ่งยังไม่ทันได้แตะขึ้นดื่ม
เห็นเขาวันนี้ผมถึงได้ทบทวนความจำอะไรหลายอย่าง เมื่อสามปีก่อนผมโดนเขาหลอกไปทำอะไรมากมาย จะว่าไปก็น่าตลก ก่อนหน้านี้เหลาหย่างอำคนอื่นเก่งมาก แต่อำผมไม่เคยจะได้ คราวที่แล้วเจอกันผมกลับโดนเขาหลอกไปเกินครึ่งทาง สรุปว่าพอเขาไม่ใช่เขาตัวจริงแต่เป็นของก๊อบกลับมีความสามารถในการอำผมได้มากขึ้นซะอย่างนั้น
ผมหัวเราะกับตัวเอง ก่อนจะสะดุดใจฉุกคิดขึ้นได้ ถ้วยชาที่จะกระดกเข้าปากยังถือค้างกลางอากาศ
หรือว่าบางที...คราวนี้เขาก็อาจจะแค่หลอกผม
ผมวางแก้วลงกับโต๊ะข้างตัว ลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้ สาวเท้าเร็วๆจนเกือบเป็นวิ่ง หวังเหมิงเดินกลับเข้ามาพอดีเกือบโดนผมชนล้ม ยังไม่ทันได้ฟังคำอุทานของเขาผมก็รีบก้าวต่อ แปบเดียวก็ถึงหน้าร้าน
ผมก้าวโผล่พรวดพราดออกไป มองเห็นหลังของอีกฝ่ายยังห่างไปไม่ไกล
"เหลาหย่าง!" ผมตะโกนเรียก ตาจับจ้องท่าทางของคนที่เพิ่งเดินออกไปนอกร้าน เขาเดินผ่านแผงขายของที่ร้านถัดจากผมไปเล็กน้อย แต่จากที่คุณยายเจ้าของร้านหันมาทางผมพลางขมวดคิ้วเหมือนกับจะด่าว่ามาตะโกนเสียดังทำไม ผมเชื่อว่าเสียงคงดังพอไปถึงหูเขา
แต่อีกฝ่ายไม่แม้แต่ชะงัก และไม่ได้หันกลับมา
ร่างของเขาเดินห่างออกไปตามถนน สุดท้ายจึงหักเลี้ยวที่หัวมุม ลับหายไปจากสายตา
ผมมองส่งความว่างเปล่านั่นอยู่พักนึง ก่อนจะหันหลังเดินกลับเข้ามาร้าน ไม่นึกว่าจะเจอหวังเหมิงที่กำลังยืนท่าทางล่อกแล่กอยู่
เขาเหมือนจะชั่งใจอยู่แวบหนึ่งก่อนจะเอ่ยถาม "เจ้านายคงไม่ได้จะเก็บของไปไหนอีกแล้วใช่ไหม” ท่าทางกังวลใจของเขาทำให้ผมต้องคิด ดูเหมือนผมจะชอบทำแบบนั้นบ่อยไปแล้วจริงๆ
"ไม่หรอก” ผมส่ายหน้า หวังเหมิงจึงเหมือนจะยิ้มออกมาได้ แล้วถามต่อ “ถ้างั้นเจ้านายจะให้ผมเอากระดิ่งอะไรนั่นไปเข้าตู้เลยไหม”
ผมส่ายหน้าอีกรอบ “ของตอนนี้ไม่ได้อยู่ที่ฉัน แถมของนั่นใส่ตู้ก็ขายไม่ได้หรอก”
“อ้าว” หวังเหมิงเลิกคิ้ว ท่าทางงงงัน “ถ้าอย่างนั้น ที่เจ้านายจ่ายไป”
“ของขวัญให้เพื่อนเก่าน่ะ” ผมตอบ รู้สึกเหนื่อยกว่าเดิมขึ้นมาหลายเท่าตัว “ฉันจะไปพักแล้ว ฝากดูหน้าร้านต่อด้วยล่ะ”
หวังเหมิงพยักหน้าแม้จะดูไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่นักขณะผมเดินผ่านเขาขึ้นบันไดไปยังห้องพักตัวเอง พออยู่คนเดียวผมก็ลากขาไปยังเก้าอี้ข้างหน้าต่าง เอื้อมมือเปิดลิ้นชักที่ตั้งข้างกัน หยิบไฟแช็คออกมาพร้อมบุหรี่ตัวหนึ่งแล้วจุดไฟ
ความคิดผมตอนนี้อันที่จริงไม่ได้ซับซ้อนวุ่นวาย เมื่อเทียบกับงานใช้สมองที่ทำมาหลายวัน เรื่องนี้ออกจะมีข้อสรุปชัดเจน เพียงแต่อาจจะบอกได้ว่าผมไม่ค่อยชอบมันเท่าไหร่เท่านั้นเอง
เวลานี้แล้ว ไม่มีเหลาหย่างกะเหล่าอู๋อีกต่อไป
ควันสีขาวลอยฟุ้ง ผมมองมันที่จางหายไปอย่างรวดเร็วแล้วถอนหายใจ
ว่าจะเลิกบุหรี่แล้ว…..แต่วันนี้ขออีกสักมวนสองมวนแล้วกัน
====================================================
Writer talk : (ยาว โปรดมองข้ามได้)
ฟิคนี้เป็นฟิคหลังจากเหตุการณ์เล่มสิบประมาณ 1 ปี คำนวณดูแล้วก็ประมาณ 3 ปีพอดีจากเหตุการณ์ต้นไม้เทพเจ้า ที่จริงคิดทางไปของเหลาหย่างไว้เยอะมาก มีรูทหลายรูทที่เป็นไปได้ แต่สุดท้ายก็เลือกรูท ’เอาคืน’ อู๋เสียแบบนี้ ถึงแม้เขียนไปแล้วกลับมาอ่านเองจะพบว่าไม่ได้ส่งผลเยอะอะไรมากเท่าไหร่นักก็ตาม (ธ่อววว) มีฉากก่อนหน้านี้ที่คิดเอาไว้ด้วย แต่ตอนคิดมันเป็นภาพ เพราะฉะนั้นถ้าบุญวาสนามีมันคงได้ออกมาเป็นโด….
พูดถึงเหลาหย่างหน่อย เหลาหย่างเป็นตัวละครที่เราติดใจมากคนนึงในบันทึกจอมโจรค่ะ 555 ประเด็นที่ติดใจหมอนี่มีอยู่สองเรื่อง หนึ่งคือประเด็นเรื่องความลำเอียงจนเรือหายของนายน้อย โดยส่วนตัวคิดว่าความสัมพันธ์สองคนนี้คงไม่ใช่ความรักแบบชู้สาว มันเป็นความสนิท ความเชื่อใจแบบคนที่อยู่ด้วยกันมานานตั้งแต่เด็ก (แม้คนนึงจะจำชื่อเพื่อนสนิทอีกคนไม่ได้ แต่จำชื่อไอ้คนความจำเสื่อมที่เพิ่งเจอกันไม่กี่เดือนได้แม่นแล้วก็ตาม) ตอนแรกอยากจะบอกว่าถึงกับสงสัยว่าอู๋เสียไม่ใช่ตัวจริงเพราะไม่เห็นห่วงเหลาหย่างอย่างที่ควรจะเป็นด้วยนะ ก็อู๋เสียดูเป็นคนเอาใจใส่คนอื่นออก กับเพื่อนสนิทที่สุดคนนี้ทำไมไม่ใส่ใจล่ะ! เลยคิดไปได้ถึงนั่น คิดสะระตะไปเยอะมากจนมาพบในทอล์กคนเขียนท้ายเล่มสิบว่าเรื่องหมอนี่ไม่มีอะไรในกอไผ่ เขียนเอาไว้เพิ่มอิทธิฤทธิ์ให้นายน้อยของเรา(และเปิดชื่อฉีอี่ว์)เฉยๆ ข้าพเจ้าก็กรีดร้องตามไป ฟฟฟฟฟ
อีกประเด็นที่ติดใจในตัวหมอนี่คือ “ตัวจริงหรือไม่ใช่ วัดจากอะไร” ประเด็นนี่เป็นหัวข้อที่โดนหลายๆเรื่องทำให้คิดมานานมากแล้ว เหลาหย่าง(ก๊อปจีนแดงเกรดเอหมายเลขหนึ่ง)ที่เหมือนตัวจริงทุกอย่างแม้แต่ความคิด ความทรงจำ จะถือว่าเป็นตัวจริงได้ไหม หรือขึ้นชื่อว่าไม่ใช่คนเดียวกัน ไม่ว่าจะเหมือนอย่างไร ก็เป็นได้แค่ของก๊อบมีตำหนิ เข้าใจว่าสำหรับอู๋เสียแล้วที่ตราหน้าเขาไว้แบบนี้คงเป็นเพราะเหลาหย่างลงมือทำร้ายเขา แต่สำหรับเราที่อ่านแล้วก็แอบเข้าใจเหลาหย่าง(ด้วยความอวย) เรื่องตัวจริงไม่จริงนี่สำหรับตัวเหลาหย่าง(จีนแดง)เองมันก็เป็นปมใหญ่ปมหนักสำหรับเขาอยู่แล้ว คิดในแง่มนุษย์ ถ้ามีคนมาบอกว่าแกเป็นตัวปลอม ย้ำหัวตะปูจากที่เครียดกับเรื่องนั้นอยู่แล้วก็คงระเบิดออกมาได้ แล้วสุดท้ายก็ใช่ว่าเหลาหย่างจะปล่อยนายน้อยตายไปต่อหน้าต่อตาจริงๆ เชื่อว่าคนที่ปฐมพยาบาลนายจนรอดไปนอนแพให้ตำรวจเก็บไปประกอบใหม่ได้น่ะก็คงเป็นหมอนี่แน่ๆ สรุปสุดท้ายแล้วเขาก็ยังเห็นนายเป็นเพื่อนล่ะน่า จดหมายที่ส่งมาท้ายตอนก็แอบตัดพ้อซะคนอ่านใจแป้ว แต่นายน้อยนี่ไม่สนใจอะไรเลย กลัวแม่มันอย่างเดียว บ้าจริงๆ แงงงง
สรุปสุดท้ายแล้วเป็นตัวละครที่ออกมาวาดลวดลายไว้อย่างน่าจดจำในเล่มสอง แล้วถูกกระแสน้ำเหิบหายไปไม่กลับมา คนอ่านหลายคนก็ลืมไปแล้ว จนเกิดกระแส “เหลาหย่างร้องไห้ทำไม” ขึ้นมาคู่กับ “หวังเหมิงเป็นใคร” ด้วยเหตุนี้จึงขอเขียนถึงเอาไว้สักหน่อย ว่าฉันรักพวกนายและไม่ลืมนายหรอกนะ ยังมีแฟนๆมากๆแจวเรือหายทั้งน้ำตา /ชูมือโป้งชี้ก้อย
ก็ขอจบทอล์กยาวหนึ่งหน้ากระดาษไว้เท่านี้ ขอบคุณที่ฟังข้าพเจ้าพล่ามค่ะ / โค้ง
aathewolf- ด้วง
- จำนวนข้อความ : 34
Points : 3659
Join date : 27/10/2014
Re: [OS] Forgotten [เหลาหย่าง&อู๋เสีย]
คือแบบตอนที่เราอ่านเล่มสองถึงจะบอกว่าตัดความสัมพันกันแต่เราว่าเหลาอย่างก็ยังรักอู๋เสียอยู่นะคะ
ว่าแต่นายน้อยแลเป็นที่โปรดปรานของพวกความจำเสื่อม...
ว่าแต่นายน้อยแลเป็นที่โปรดปรานของพวกความจำเสื่อม...
kuramajoy- ด้วงต้นไม้เทพเจ้า
- จำนวนข้อความ : 206
Points : 3918
Join date : 27/10/2014
Re: [OS] Forgotten [เหลาหย่าง&อู๋เสีย]
ทำไมมันใช่ ขำค่ะ 555555kuramajoy พิมพ์ว่า:ว่าแต่นายน้อยแลเป็นที่โปรดปรานของพวกความจำเสื่อม...
เรื่องนี้เศร้าตั้งแต่กลางเรื่องยันตอนจบเลย ฮือ ปวดใจ สงสารทั้งนายน้อยทั้งเหลาหย่าง ไม่น่าลงเอยแบบนี้เลย T T
เรื่องตัวจริงตัวปลอมวัดจากอะไรก็สงสัยเหมือนกันค่ะว่าจริงๆถ้ามีความทรงจำอยู่มันก็คงคล้ายเป็นตัวจริงสินะ..
แต่ในตอนนั้นก็น่าตกใจอยู่ล่ะค่ะจู่ๆก็พบว่าคนที่ร่วมทางข้างๆมาตลอดเป็นร่างก๊อปปี้แล้วศพเพื่อนตัวจริงกองอยู่ตรงหน้า
ถ้าภาคอื่นมีฉากการกลับมาเจอกันของทั้งคู่คงจะดีเน้อ U U
Mill- ด้วงสุสานใต้สมุทรทะเลซีซา
- จำนวนข้อความ : 190
Points : 3825
Join date : 27/10/2014
Re: [OS] Forgotten [เหลาหย่าง&อู๋เสีย]
อ่านแล้วรู้สึกเศร้าปนวังเวงเลยค่ะ เคยเป็นเพื่อนรักกันแท้ๆ มาตอนนี้ได้เจอกันทั้งทีกลับต้องคุยกันอย่างห่างเหิน
ตอนอ่านหนังสือนี่ลุ้นตลอดว่าจะกลับมาในเรื่องมั้ย สุดท้ายก็ไม่ได้กลับมา T T
ขอบคุณคุณเอเอมากที่แต่งฟิคมาให้หายคิดถึงตาแว่นนะค้า
ตอนอ่านหนังสือนี่ลุ้นตลอดว่าจะกลับมาในเรื่องมั้ย สุดท้ายก็ไม่ได้กลับมา T T
ขอบคุณคุณเอเอมากที่แต่งฟิคมาให้หายคิดถึงตาแว่นนะค้า
davey- ด้วงฝึกหัด
- จำนวนข้อความ : 1
Points : 3618
Join date : 27/10/2014
Re: [OS] Forgotten [เหลาหย่าง&อู๋เสีย]
เราว่าเราพูดไปหลายรอบแล้วว่าเราชอบฟิคพี่ //เขินอาย
เอาล่ะ ปกติเราจะแกล้งเหลาหย่าง(และพี่) แต่ความจริงเราชอบเหลาหย่างนะ
แต่ที่ชอบแกล้งเพราะสนุกดีเวลาพี่ดิ้นด้อกแด้ก //แค่กๆ
เหลาหย่างเป็นคนที่เราว่าน่าสงสารมากจริงๆ คนเขียนทำร้ายนายได้เจ็บปวดนัก /เขวี้ยงกระดาษใส่หนานไพ่
อ่านฟิคพี่แล้วนอกจากการเอาคืนแบบเจ็บนิดๆแล้วรู้สึกถึงความเศร้าเจืออยู่
นายน้อยถ้าเจอแบบนี้ก็ต้องเศร้าบ้างล่ะน่า เพื่อนรักมาจำตัวเองไม่ได้แบบนี้ //แต่อาจจะชาจากพี่เมินไปแล้ว //โถนะเหลาหย่าง
เรื่องตัวจริงตัวปลอมเป็นอะไรที่อยากพูดมากเลย T __ T
ตั้งแต่อ่านเล่มสองจบแล้ว พอมองในมุมมองทั้งสองคนแล้วก็รู้สึกเข้าใจทั้งอู๋เสียและเหลาหย่างนะ (แม้เราจะเอนเอียงไปทางเหลาหย่างมากกว่าก็ตาม //เอ้า เฮ)
นายน้อยตอนนั้นยังเด็กน้อยเทียนเจินอยู่เลยค่ะ จะให้มารับได้/ยอมรับตัวตนของเหลาหย่างคนนี้คงทำไม่ได้
แต่เรารู้สึกว่าถ้าเป็นนายน้อยหลังเล่มสิบแล้วจะทำใจได้บ้างก็ไม่รู้ซิ (แต่เหตุการณ์เหลาหย่างก็เป็นเรื่องที่ทำให้นายน้อยเติบโตขึ้นบ้างละนะ //ใช่มั้ยคะหนานไพ่.....)
สำหรับเหลาหย่าง...../ม้วนแขนเสื้อแพรพ
เราเข้าใจนายนะ ถึงนายจะโดนตราหน้าว่าของก๊อป(จีนแดงเกรดเอแยกไม่ออกสมเป็นเมดอินไชน่า)ก็ตาม
แต่สำหรับนาย ตัวนายคือตัวจริงใช่มั้ยล่ะ เป็นเหลาหย่าง ที่มีตัวตน มีชีวิต ยืนอยู่ตรงนี้
ในสถานการณ์ตอนนั้นสุดท้ายถ้าเหลาหย่าง(ตัวจริง)ไม่ก๊อปปนายออกมา สุดท้ายก็จะไม่มีเหลาหย่างอีกแล้วนี่
ในตอนนั้นที่จะต้องมีคนตายซักคน ถ้าตอนนั้นเป็นเหลาหย่าง(ตัวจริง)ที่รอดออกมาแล้วเป็นของก๊อปที่ตาย นั่นก็แปลว่าเหลาหย่างได้ตายไปคนนึงรึเปล่านะ
ก็พวกนายเหมือนกันทุกอย่างนี่น่า เหลาหย่าง(ตัวจริง)ถ้ายืนอยู่ในสถานะแบบนายก็คงจะทำแบบนายใช่มั้ย
อา ฟังดูสับสนแต่นี่เป็นอะไรที่เราคิดมาตลอดตั้งแต่อ่านเล่มสองจบเลยนะ
ขอบคุณฟิคของพี่ที่ทำให้เราได้มาพิจารณาความคิดนี้อีกรอบนะคะ /หมอบ
เราจะรอฟิคอื่นๆของพี่อีกนะคะ XP
ปล.นี่แม่นายยังอยู่เหรอเหลาหย่าง...............
เอาล่ะ ปกติเราจะแกล้งเหลาหย่าง(และพี่) แต่ความจริงเราชอบเหลาหย่างนะ
แต่ที่ชอบแกล้งเพราะสนุกดีเวลาพี่ดิ้นด้อกแด้ก //แค่กๆ
เหลาหย่างเป็นคนที่เราว่าน่าสงสารมากจริงๆ คนเขียนทำร้ายนายได้เจ็บปวดนัก /เขวี้ยงกระดาษใส่หนานไพ่
อ่านฟิคพี่แล้วนอกจากการเอาคืนแบบเจ็บนิดๆแล้วรู้สึกถึงความเศร้าเจืออยู่
นายน้อยถ้าเจอแบบนี้ก็ต้องเศร้าบ้างล่ะน่า เพื่อนรักมาจำตัวเองไม่ได้แบบนี้ //แต่อาจจะชาจากพี่เมินไปแล้ว //โถนะเหลาหย่าง
เรื่องตัวจริงตัวปลอมเป็นอะไรที่อยากพูดมากเลย T __ T
ตั้งแต่อ่านเล่มสองจบแล้ว พอมองในมุมมองทั้งสองคนแล้วก็รู้สึกเข้าใจทั้งอู๋เสียและเหลาหย่างนะ (แม้เราจะเอนเอียงไปทางเหลาหย่างมากกว่าก็ตาม //เอ้า เฮ)
นายน้อยตอนนั้นยังเด็กน้อยเทียนเจินอยู่เลยค่ะ จะให้มารับได้/ยอมรับตัวตนของเหลาหย่างคนนี้คงทำไม่ได้
แต่เรารู้สึกว่าถ้าเป็นนายน้อยหลังเล่มสิบแล้วจะทำใจได้บ้างก็ไม่รู้ซิ (แต่เหตุการณ์เหลาหย่างก็เป็นเรื่องที่ทำให้นายน้อยเติบโตขึ้นบ้างละนะ //ใช่มั้ยคะหนานไพ่.....)
สำหรับเหลาหย่าง...../ม้วนแขนเสื้อแพรพ
เราเข้าใจนายนะ ถึงนายจะโดนตราหน้าว่าของก๊อป(จีนแดงเกรดเอแยกไม่ออกสมเป็นเมดอินไชน่า)ก็ตาม
แต่สำหรับนาย ตัวนายคือตัวจริงใช่มั้ยล่ะ เป็นเหลาหย่าง ที่มีตัวตน มีชีวิต ยืนอยู่ตรงนี้
ในสถานการณ์ตอนนั้นสุดท้ายถ้าเหลาหย่าง(ตัวจริง)ไม่ก๊อปปนายออกมา สุดท้ายก็จะไม่มีเหลาหย่างอีกแล้วนี่
ในตอนนั้นที่จะต้องมีคนตายซักคน ถ้าตอนนั้นเป็นเหลาหย่าง(ตัวจริง)ที่รอดออกมาแล้วเป็นของก๊อปที่ตาย นั่นก็แปลว่าเหลาหย่างได้ตายไปคนนึงรึเปล่านะ
ก็พวกนายเหมือนกันทุกอย่างนี่น่า เหลาหย่าง(ตัวจริง)ถ้ายืนอยู่ในสถานะแบบนายก็คงจะทำแบบนายใช่มั้ย
อา ฟังดูสับสนแต่นี่เป็นอะไรที่เราคิดมาตลอดตั้งแต่อ่านเล่มสองจบเลยนะ
ขอบคุณฟิคของพี่ที่ทำให้เราได้มาพิจารณาความคิดนี้อีกรอบนะคะ /หมอบ
เราจะรอฟิคอื่นๆของพี่อีกนะคะ XP
ปล.นี่แม่นายยังอยู่เหรอเหลาหย่าง...............
TanatOs_018- ด้วงฝึกหัด
- จำนวนข้อความ : 17
Points : 3636
Join date : 27/10/2014
Re: [OS] Forgotten [เหลาหย่าง&อู๋เสีย]
ทำไมอ่านจบแล้วรู้สึกเหมือนเหลาหย่างถูกเอาคืน เดินกลับออกไปด้วยใจชอกช้ำ TAT
เล่มสองนี่ช๊อคที่สุดในบรรดาสิบเล่มเลยค่ะ ได้แต่แอบหวังว่าเหลาหย่างอาจจะโผล่มาในเรื่องอีก สงสารเหลาหย่าง เพื่อนวัยเด็กที่สนิทที่สุดกลับจำตัวเขาไม่ได้ เหลาหย่างไม่ได้อยากเป็นตัวก๊อป เค้าแค่รักแม่อยากอยู่กับแม่ *น้ำตาไหล*
ขอบคุณสำหรับฟิคค่ะ ชอบสำนวนการเขียนจัง อ่านแล้วลื่นไหลดีค่ะ ขอติดตามรออ่านค่ะ// เขินจัง แหะๆ
เล่มสองนี่ช๊อคที่สุดในบรรดาสิบเล่มเลยค่ะ ได้แต่แอบหวังว่าเหลาหย่างอาจจะโผล่มาในเรื่องอีก สงสารเหลาหย่าง เพื่อนวัยเด็กที่สนิทที่สุดกลับจำตัวเขาไม่ได้ เหลาหย่างไม่ได้อยากเป็นตัวก๊อป เค้าแค่รักแม่อยากอยู่กับแม่ *น้ำตาไหล*
ขอบคุณสำหรับฟิคค่ะ ชอบสำนวนการเขียนจัง อ่านแล้วลื่นไหลดีค่ะ ขอติดตามรออ่านค่ะ// เขินจัง แหะๆ
oilypicca- ด้วงตำหนักหลู่หวังเจ็ดดารา
- จำนวนข้อความ : 61
Points : 3680
Join date : 27/10/2014
Age : 32
ที่อยู่ : ใต้เตียงเรือนหอสกุลจาง
Re: [OS] Forgotten [เหลาหย่าง&อู๋เสีย]
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่อ่านซ้ำไม่ได้นะ
มันเจ็บปวดเกินไปหน่อยสำหรับจิตใจสาวน้อย *บีบน้ำตาป้ายคอมเม้นไว้หนึ่งแหมะ*
รูทนี้ทำร้ายจิตใจเรามาก ความรู้สึกโดนลืม (ที่พี่คงจงใจเลือก 55) กับความเป็นคนเดิมที่ไม่ใช่คนเดิม คือ ตอนที่โม้เรื่องให้หวังเหมินฟังแล้วอู๋เสียรู้สึกว่า เออ นี่แหละ เหลาหย่าง แล้วพอหันมาหาเราแล้วมันไม่ใช่นี่แบบ โอ๊ย...เจ็บมาก กับตอนที่เหลาหย่างหยิบสมุดจดออกมา คือมันแบบ... นี่ลืมแล้วสินะ ลืมไปแล้วจริงๆสินะ ฮือ หน้ากระดาษหลายหน้าที่เพิ่มขึ้นม--
อีกส่วนที่ทำร้ายกันมากคือที่แม่ของเหลาหย่างไม่สบายจนต้องพากันกลับมาจีน และมาหานายน้อย คือแบบ นายผจญภัยมากมายเพื่อความสุขที่จะได้อยู่กับแม่ แต่สุดท้ายแม่ก็ยังป่วยอีก ทำไมกัน! เป็นผีแล้วไม่ใช่เหรอคะคุณนายเซี่ย!
ฮือ บอกจริงๆว่าตอนอ่านครั้งแรกในบล็อกพี่ เราเศร้าจนไม่ได้เม้น พอมาอ่านอีกทีที่นี่กลายเป็นว่าทนอ่านให้จบไม่ได้ ภาษาที่ใช้มันเหมือนภาษานายน้อยมากเลย การเคาะเว้นระหว่างประโยคด้วย มันทำให้รู้สึกว่าเหมือนเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงเลย
ประเด็นเรื่องตัวจริง ตัวปลอม เราคิดว่าสำหรับนายน้อย ตอนนั้นเหลาหย่างก็คือเหลาหย่างนั่นแหละ เพื่อนก็คือเพื่อน ถึงแม้ว่าจะลืมชื่อจริงไปซักหน่อย... เอาเข้าจริง เซี่ยจื่อหยางนี่เผลอๆก็ลืมไปด้วยแล้วละมั้---
เอาเป็นว่าชอบมาก แต่ทนอ่านให้จบอีกครั้งไม่ได้จริงๆ... ; ;)b นี่เป็นคำชมนะคะ! ฮือ..
มันเจ็บปวดเกินไปหน่อยสำหรับจิตใจสาวน้อย *บีบน้ำตาป้ายคอมเม้นไว้หนึ่งแหมะ*
รูทนี้ทำร้ายจิตใจเรามาก ความรู้สึกโดนลืม (ที่พี่คงจงใจเลือก 55) กับความเป็นคนเดิมที่ไม่ใช่คนเดิม คือ ตอนที่โม้เรื่องให้หวังเหมินฟังแล้วอู๋เสียรู้สึกว่า เออ นี่แหละ เหลาหย่าง แล้วพอหันมาหาเราแล้วมันไม่ใช่นี่แบบ โอ๊ย...เจ็บมาก กับตอนที่เหลาหย่างหยิบสมุดจดออกมา คือมันแบบ... นี่ลืมแล้วสินะ ลืมไปแล้วจริงๆสินะ ฮือ หน้ากระดาษหลายหน้าที่เพิ่มขึ้นม--
อีกส่วนที่ทำร้ายกันมากคือที่แม่ของเหลาหย่างไม่สบายจนต้องพากันกลับมาจีน และมาหานายน้อย คือแบบ นายผจญภัยมากมายเพื่อความสุขที่จะได้อยู่กับแม่ แต่สุดท้ายแม่ก็ยังป่วยอีก ทำไมกัน! เป็นผีแล้วไม่ใช่เหรอคะคุณนายเซี่ย!
ฮือ บอกจริงๆว่าตอนอ่านครั้งแรกในบล็อกพี่ เราเศร้าจนไม่ได้เม้น พอมาอ่านอีกทีที่นี่กลายเป็นว่าทนอ่านให้จบไม่ได้ ภาษาที่ใช้มันเหมือนภาษานายน้อยมากเลย การเคาะเว้นระหว่างประโยคด้วย มันทำให้รู้สึกว่าเหมือนเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงเลย
ประเด็นเรื่องตัวจริง ตัวปลอม เราคิดว่าสำหรับนายน้อย ตอนนั้นเหลาหย่างก็คือเหลาหย่างนั่นแหละ เพื่อนก็คือเพื่อน ถึงแม้ว่าจะลืมชื่อจริงไปซักหน่อย... เอาเข้าจริง เซี่ยจื่อหยางนี่เผลอๆก็ลืมไปด้วยแล้วละมั้---
เอาเป็นว่าชอบมาก แต่ทนอ่านให้จบอีกครั้งไม่ได้จริงๆ... ; ;)b นี่เป็นคำชมนะคะ! ฮือ..
renile- ด้วงฝึกหัด
- จำนวนข้อความ : 9
Points : 3630
Join date : 27/10/2014
Re: [OS] Forgotten [เหลาหย่าง&อู๋เสีย]
//แวะมากรีดร้องให้เหลาหย่างอีกรอบ โฮรลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลล
หนุ่มแว่นที่หน้าสงสารของด้วงงงงง(?)
หนุ่มแว่นที่หน้าสงสารของด้วงงงงง(?)
Feran.FS- ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ
- จำนวนข้อความ : 457
Points : 4089
Join date : 27/10/2014
Age : 29
ที่อยู่ : ใต้เตียงนอนเซี่ยจื่อหยาง...
Re: [OS] Forgotten [เหลาหย่าง&อู๋เสีย]
ง่ากกกกก ชอบสำนวน ลำดับการเล่า กับเรื่องของพี่หมาค่ะ //ปักธง รออ่านฟิคหน้านะคะ <3<3<3
Skyfly17- ด้วงฝึกหัด
- จำนวนข้อความ : 8
Points : 3620
Join date : 01/11/2014
Re: [OS] Forgotten [เหลาหย่าง&อู๋เสีย]
ชอบภาษาที่ใช้เล่าเรื่องมากเลยค่ะ อ่านแล้วอินตามไปเลย แงงงงงงงงงงง
เหลาหย่าง จริงๆนายไม่ได้ลืมนายน้อยหรอกใช่มั้ย แต่ที่แกล้งทำไปแบบนั้นคือมีเหตุผลใช่มั้ย
บางทีชีวิตของนายอาจจะเหลืออยู่ไม่นาน ไม่อยากให้การตายของนายส่งผลต่อเพื่อนสนิทใช่มั้ย (เพ้อละ)
แต่เรื่องที่เรือหายนี่มันน่าน้อยใจแทนจริงๆนะคะ เพื่อนสนิทกันแท้ๆ เวลากับการมาก่อนหลังไม่ได้เกี่ยวกับการจัดลำดับความสำคัญสำหรับนายน้อยเลย...
เหลาหย่าง จริงๆนายไม่ได้ลืมนายน้อยหรอกใช่มั้ย แต่ที่แกล้งทำไปแบบนั้นคือมีเหตุผลใช่มั้ย
บางทีชีวิตของนายอาจจะเหลืออยู่ไม่นาน ไม่อยากให้การตายของนายส่งผลต่อเพื่อนสนิทใช่มั้ย (เพ้อละ)
แต่เรื่องที่เรือหายนี่มันน่าน้อยใจแทนจริงๆนะคะ เพื่อนสนิทกันแท้ๆ เวลากับการมาก่อนหลังไม่ได้เกี่ยวกับการจัดลำดับความสำคัญสำหรับนายน้อยเลย...
MinMin- ด้วงต้นไม้เทพเจ้า
- จำนวนข้อความ : 222
Points : 3990
Join date : 28/10/2014
Re: [OS] Forgotten [เหลาหย่าง&อู๋เสีย]
เหลาหยางเป็นอีกตัวละครที่ชอบนะคะ//โดนดาเมจหนุ่มแว่น >_<
ตอนอ่านแล้วรู้ว่าตัวจริงตายไปแล้วนี่เศร้าเลยค่ะ แถมตัวก๊อปก็จะความจำเสื่อมอีก T_T
อยากให้เหล่าหยางมีบทมากกว่านี้จริงๆ...
ตอนอ่านแล้วรู้ว่าตัวจริงตายไปแล้วนี่เศร้าเลยค่ะ แถมตัวก๊อปก็จะความจำเสื่อมอีก T_T
อยากให้เหล่าหยางมีบทมากกว่านี้จริงๆ...
janejana- ด้วง
- จำนวนข้อความ : 25
Points : 3642
Join date : 27/10/2014
Age : 35
ที่อยู่ : เกาะอยู่บนหลังนายน้อย
Similar topics
» [OS] 初恋 (เหลาหย่าง >> อู๋เสีย) [เพิ่มตอนแถมกับคอมมิคประกอบค่ะ]
» [OS] ไม่ชิน – เหลาหย่าง x อู๋เสีย
» [OS] แว่นตา [เหลาหย่าง-อู๋เสีย]
» [OS] #dmbjdaily 'Time machine' (หยางเสีย :: อู๋เสีย + เหลาหย่าง)
» [Fic](AU) Chapter of The God’s Bronze Tree - Stage I - (อู๋เสีย, เหลาหย่าง)
» [OS] ไม่ชิน – เหลาหย่าง x อู๋เสีย
» [OS] แว่นตา [เหลาหย่าง-อู๋เสีย]
» [OS] #dmbjdaily 'Time machine' (หยางเสีย :: อู๋เสีย + เหลาหย่าง)
» [Fic](AU) Chapter of The God’s Bronze Tree - Stage I - (อู๋เสีย, เหลาหย่าง)
หน้า 1 จาก 1
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
|
|
Fri 24 Jul 2020, 01:39 by gustoon
» [คู่มือด้วง] Keyword จีนสำหรับการขุด(แฟนดอม)สุสาน
Thu 21 Jun 2018, 00:29 by miskizfullmoon
» มังฮวาและภาคทิเบต
Thu 21 Jun 2018, 00:23 by miskizfullmoon
» [OS] Father is the best (ผิงเสีย)
Thu 03 Aug 2017, 16:12 by schneewittchen
» [Fic] สิ่งเล็กๆที่เชื่อมโลก5 [เมินโหยวผิง+อู่เสีย+เสี่ยอ้วน]+OC
Tue 01 Aug 2017, 12:30 by natsume
» [OS] #dmbjdaily (จูปาจุ๊บ) Bittersweet [ผิงเสีย AU]
Thu 06 Apr 2017, 15:58 by Zeth
» [OS] #dmbjdaily "โทรศัพท์มือถือ" - no Pairing [All]
Tue 04 Apr 2017, 22:27 by Zeth
» [OS] #DMBJDaily (แว่น): ระยะที่มองไม่เห็น [ฮัวเสีย]
Sat 01 Apr 2017, 16:55 by Zeth
» [OS] #DMBJdaily (5.20) ท่านยอดฝีมือ [หวังเหมิง (+เหมิงเสีย)(+ผิงเสีย)]
Thu 30 Mar 2017, 17:24 by Zeth