Countdown
We've been
togerther for
ค้นหา
Latest topics
Most active topics
[OS] จากนี้ชั่วนิรันดร์ [ผิงเสีย]
+11
MinMin
gustoon
Yuwadee Wana
velvetronica
kame_kazuha
karnalone
Snake_Blind
Duke_of_Florence
zerin
Narakas
sinnerdarker
15 posters
หน้า 1 จาก 1
[OS] จากนี้ชั่วนิรันดร์ [ผิงเสีย]
ฟิคนี้เป็นตอนต่อของเซ็ทข้างล่างนะคะ ถ้าไม่สะดวกอ่านแค่ฟิคกิเลน, น้ำตา ก็พอค่ะ
เซ็ทฮันนี่มูนซีรี่ยส์ *สปอยเล่มสิบ* ยังต้องเตือนอยู่ไหม...
[OS] #dmbjdaily (กิเลน) 張麒麟 -จางฉี่หลิง- [ผิงเสีย]
https://dmbjth.thai-forum.net/t585-topic
[Drabble] #dmbjdaily (ผ้าพันแผล) Scar Inside [ผิงเสีย]
https://dmbjth.thai-forum.net/t603-topic
[OS] #dmbjdaily (โทรศัพท์มือถือ) Call my Name [ผิงเสีย]
https://dmbjth.thai-forum.net/t599-topic
[OS] #dmbjdaily (น้ำตา) I will made your tear fade away [ผิงเสีย]
https://dmbjth.thai-forum.net/t659-topic
“อู๋เสีย นั่นอะไร”
เขาเอ่ยทัก ดึงแขนผมไว้ให้หยุดเดิน
“? อะไรหรือ?” ผมหันไปหาเขา กลอกดวงตามองอีกฝ่าย และเห็นว่าแม้จางฉี่หลิงจะดึงเสื้อผมไว้แต่ไม่ได้มองมาที่ผม ดังนั้นจึงหันตามสายตาเขาไป และพบกับโบสถ์ฝรั่งที่ตั้งอยู่ในหลืบของซอกซอย
ผู้คนมากมายมาที่โบสถ์ทั้งที่ไม่ใช่วันอาทิตย์ ผมจึงเดาว่าน่าจะมีอะไร และก็เป็นอย่างที่คิด เจ้าบ่าวเจ้าสาวในชุดสีขาวบริสุทธิ์ต่างเดินออกมาท่ามกลางเสียงหัวเราะสดใส เหล่าแขกเหรื่อพากันโปรยดอกไม้ขึ้นเหนือศีรษะคู่บ่าวสาว อวยพรให้ชีวิตสมรสเป็นไปด้วยดี
“อ๋อ..งานแต่งงานน่ะ” ผมพึมพำตอบเขาไป ความจริงที่จีนก็ไม่ค่อยมีใครแต่งงานแบบฝรั่งเต็มรูปแบบเช่นนี้เท่าไหร่ ส่วนใหญ่จะแต่งเป็นพิธีแบบจีน และชุดเจ้าสาวจึงจะได้สวมในงานเลี้ยง ได้มาเห็นแบบนี้อาจจะรับได้ว่าคุ้มค่ากระมัง
ผมหันไปมองเขา เห็นว่าจางฉี่หลิงขมวดคิ้ว คงกำลังจะทักว่างานแต่งงานที่ตนรู้จักไม่ใช่แบบนี้ ผมจึงเอ่ยดักเขาไป “มันเป็นงานแต่งงานของทางฝรั่งน่ะ พิธีคงไม่ใกล้เคียงกันเท่าไหร่”
“..อา” เขาผงกหัวเบาๆ เหมือนกับเข้าใจ ผมเห็นว่าจางฉี่หลิงสนใจ ก็เลยเล่าอะไรบางอย่างออกไป
“งานแต่งงานของฝรั่งไม่ค่อยเหมือนของทางจีนหรอก ของพวกเราน่ะมีพิธียุ่งยากเยอะ แต่ของทางคริสต์ส่วนใหญ่จะแต่งกันที่โบสถ์ แล้วก็กล่าวคำสาบานกับบาทหลวง ว่าจะดูแลกันทั้งยามทุกข์ยามยาก ยามปกติและยามป่วยไข้ อยู่คู่กันจนกว่าจะสิ้นลมหายใจ.. กล่าวสาบานโดยที่มีผู้คนมากมายเป็นสักขีพยาน ฟังดูโรแมนติกดีใช่ไหมล่ะ?” ผมเล่าแล้วหันไปยิ้มแยกเขี้ยวใส่เขา แต่ปรากฏว่าคนข้างตัวกลับไม่ได้สนใจ กลับเข้าสู่โหมดเหม่อลอยทั้งที่เดินอยู่ไปเรียบร้อยแล้ว ทำเอาผมรู้สึกเสียเซลฟ์นิดหน่อยที่พล่ามอะไรคนเดียวเสียยืดยาว
แต่ปรากฏว่าหลังจากวันนั้น จางฉี่หลิงก็มีพฤติกรรมแปลกๆ
พฤติกรรมแปลกๆ เริ่มจากการที่เขามาขอใช้คอมพิวเตอร์ของผม ตอนแรกก็ยังหวั่นๆ ว่าจะยอมให้เขาใช้ดีไหม คอมพิวเตอร์ไม่ได้พังแล้วซื้อใหม่ได้ง่ายๆ เหมือนโทรศัพท์มือถือ แถมข้อมูลสำคัญในนั้นก็มีอยู่มาก แต่ปรากฏว่าพอสอนเขาไป ก็ดูจะเรียนรู้ไวพอสมควร สรุปคือก็ยังดีกว่านั่งเหม่อไปวันๆ เหมือนเมื่อก่อน
อย่างต่อมาคือจู่ๆ เขาก็ออกไปคว่ำกรวยโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย ทำเอาผมงงเต๊กว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะคำว่าจู่ๆ นี่คือ ตื่นเช้ามาก็เห็นเขาแพ๊คของขึ้นหลัง สวมฮู้ดตัวเก่งสมัยเมื่อสิบปีก่อนเดินออกจากบ้านไปแล้ว ยังดีที่เจ้าตัวยังใจดีบอกผมว่าอีกซักสองสัปดาห์จะกลับ ไม่งั้นผมต้ององค์ลงหัวเสียไปตลอดช่วงเวลาที่จางฉี่หลิงไม่อยู่บ้านแน่ๆ
และแน่นอน..ผมจะไปทำอะไรได้....ก็ได้แต่รอเขาเท่านั้น
ในช่วงเวลาแห่งการรอคอย วันแรกๆ ก็ยังไม่รู้สึกอะไร ใช้ชีวิตต่อไปตามปกติ ตื่นเช้าไปเปิดร้าน นั่งว่างไปจนเย็น จากนั้นก็กลับมาบ้าน กินข้าวแล้วก็นอน
แต่พอสามสี่วันผ่านไป ผมก็เริ่มรู้สึกว่าชีวิตขาดอะไรไป
ตัวอย่างเช่น..หากเขาไม่โทรถามว่าผมอยู่ที่ไหน ผมก็จะโทรหาเขา ถามว่าวันนี้อยากกินอะไร ในบ้านมีของอะไรบ้าง คุยเรื่องสัพเพเหระสั้นๆแล้ววางสายไป จากนั้นพอถึงบ้าน ก็อาจจะเห็นเขานั่งเหม่ออยี่ริมหน้าต่าง และหันมามองผมยามได้ยินเสียงฝีเท้า บอกว่า ‘กลับมาแล้วหรือ’
จากนั้น…เราก็จะช่วยกันทำอาหาร ความจริงจางฉี่หลิงมีฝีมือไม่น้อย ตราบเท่าที่ไม่ใช่การเอาตัวรอดที่ล้ำสมัยไปนักเขาก็อัจฉริยะไปเสียหมด บางทียังทำอร่อยกว่าผมด้วยซ้ำ มีครั้งหนึ่งที่ผมบ่นว่าอยากกินอาหารโบราณที่คนไม่ทำกันแล้ว ก็ปรากฏว่าหมอนี่ดันรู้ชื่อวัตถุดิบและเคยทำมาก่อน คืนนั้นผมเลยได้ชิมอาหารที่ว่าดั่งใจ
พอกินข้าวเสร็จ ช่วยกันล้างจานชาม เราก็เข้านอนกัน บ้านผมไม่ได้แคบอะไร ความจริงก็มีห้องแยกอีกห้องสำหรับเขา แต่ส่วนใหญ่เรามักจะนอนด้วยกัน… ทุกอย่างเริ่มจากผมเอง
ผมมักจะสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึก ใจหล่นวูบเมื่อข้างกายไม่มีเขาอยู่ข้างๆ จากนั้นก็วิ่งไปที่ห้องของจางฉี่หลิง พรูลมหายใจยามที่เห็นว่าคนที่ผมลากตัวกลับมาจากหลังประตูสำริดยังมีชีวิตอยู่
แน่นอนว่าเขาย่อมตื่นขึ้นมา ถามผมว่าเป็นอะไร
ผมไม่ยอมตอบ แต่ปีนขึ้นเตียงเขา ซุกตัวเข้าไปในผ้าห่มขอนอนด้วย และเจ้าตัวก็ไม่ได้ว่าอะไร โอบกอดผมเข้าไปแล้วหลับตาลงตามเดิม
ตั้งแต่นั้นมาเราก็นอนด้วยกันมาตลอด
ผมผ่านชีวิตประจำวันเหล่านั้นมาจนเคยชิน แต่ก็คิดว่าตนคงไม่ได้เสพติดอะไร วันแรกที่เขาไม่อยู่ก็ยังไม่รู้สึกอะไรมากมาย แต่ยิ่งผ่านไปถึงสัปดาห์..ผมยิ่งเกิดความรู้สึกคล้ายอาการลงแดง
ทุกอย่างดูผิดที่ผิดทางไปหมด บ้านที่กว้างขึ้น สายตาที่ชอบเผลอมองไปที่เก้าอี้ข้างหน้าต่าง โทรศัพท์มือถือที่ยกขึ้นมาดูบ่อยผิดปกติ อาหารที่ทำเกินกว่าที่ตัวเองจะกินหมด
เตียงที่เย็นชืดและกว้างจนนอนไม่หลับ
พอได้ลองสัมผัสความอิ่มเอมของการได้มีใครอีกคนอยู่ในบ้านซักครั้ง ก็ไม่อาจกลับไปอยู่คนเดีวได้อีกต่อไป
ช่วงหนึ่งสัปดาห์หลังจากนั้นผมเฉามาก แทบไม่มีกะจิตกะใจทำอะไร ทำเอาผมต้องถามตัวเองว่าอู๋เสีย เถ้าแก่อู๋ผู้เก่งกาจขึ้นมาในช่วงสิบปี นายอยู่คนเดียวมาได้ตอนเขาจากไปสิบปีก่อน แล้วไหงตอนนี้มาเหงาจะเป็นจะตายกับเวลาแค่ไม่ถึงเดือน…
ก็แค่ไม่ถึงเดือน…ทำไมนายถึงจะเฉาตายแบบนี้
ผมเฉาเป็นบ้าถึงขั้นโทรไปคุยกับนายอ้วน ฟากนั้นพอได้ยินเสียงผมก็ไม่รู้จะหัวเราะใส่หรือสมเพชเวทนาดี
‘นายแม่งทำตัวยังกับสาวน้อย อ้อ ต้องเป็นสาวใหญ่ที่เพิ่งแต่งงานหลังจากเกือบขึ้นคานสิเนาะ’
‘นายอ้วนหุบปาก! ฉันไม่ใช่สาวน้อยแล้วก็ไม่ใช่สาวใหญ่’
‘พฤติกรรมแสดงออกขนาดนี้ก็อย่าปากแข็งเลย นายก็ทนรอเหอะ เดี๋ยวเสี่ยวเกอก็กลับมาแล้ว รับรองคุ้มค่าการรอคอย’
พอได้ยินแบบนั้น ผมก็นิ่งไป หรี่ตาลง ถามเขากลับเสียงเย็น
‘….นายรู้เห็นอะไรใช่ไหม’
‘ค่าโทรจะหมด วางละเทียนเจิน!’
…คนโทรน่ะมันทางนี้โว้ย!!
ผมแทบจะตะโกนใส่โทรศัพท์ แต่ก็ทำได้แค่กลอกตามองเพดาน ล้มตัวลงกับเตียงของตน
เฝ้ารอวันที่เขาจะกลับมา
ผ่านไปสองสัปดาห์แล้ว จางฉี่หลิงยังคงไม่กลับมา แต่ความจริงก็เลทไปแค่วันเดียว
ผมคาดหวังไว้ว่าอาจจะตื่นมาเจอเขานอนข้างๆ เหนื่อยอ่อนจากการเดินทาง หรือกำลังจะออกไปร้าน ก็พบเขายืนตัวเหม็นหึ่งหน้าประตู แต่ปรากฏว่าจินตนาการใดใดล้วนปลาศนาการกายไป เพราะจนย่ำเย็นแล้ว จางฉี่หลิงก็ยังไม่กลับมา ทำให้ผมเริ่มเป็นกังวลว่าเขาจะเป็นอะไรไปหรือเปล่า ก็ถึงหมอนั่นจะเป็นนักขุดสุสานมือฉมัง แต่..แฮ่ม!! ก็อายุมากพอสมควรแล้ว จะมือตกบ้างเป็นเรื่องธรรมดา
แต่ความกังวลนั้นก็หายไป เมื่อมาถึงบ้าน และพบรองเท้าปีนเขาเกรอะดินวางนิ่งอยู่ที่หน้าประตูบ้าน
เห็นเช่นนั้น ผมรีบวางของลงกับพื้น วิ่งเข้าไปในบ้านด้วยหัวใจเต้นรัว แต่ปรากฏว่าพอยวิ่งเข้าไป ก็เห็นแค่สัมภาระของเขาที่วางอยู่บนโต๊ะกับข้าว
ผมหอบหายใจเบา ดวงตากลอกมองไปรอบข้าง พยายามหาร่างของเขา
อาจจะอาบน้ำอยู่ก็ได้ หรืออาจจะไปนอน หรืออาจจะไปหาผมที่ร้าน ความเป็นไปได้มากมายที่ผมจะหาเขาเจอ
ผมรีบโทรหาหวังเหมิง ถามว่าเถ้าแก่จางได้ไปที่ร้านหรือเปล่า ในขณะที่เริ่มสำรวจบ้านตัวเอง ค้นห้องทุกห้อง ยอมแม้กระทั่งถีบบานประตุห้องน้ำเลิกม่านออก (ถ้าเจอเขาเปลือยอาบน้ำอยู่ผมจะกรี๊ดไหม หรือจางฉี่หลิงจะกรี๊ดเอง..เลิกคิดดีกว่า) แต่กลับไม่พบอะไร
เขาไม่อยู่ที่ไหนในบ้านหลังนี้เลย…
ผมเริ่มรู้สึกเหนื่อย ความเหงาที่ไม่ได้พบเขามาสองสัปดาห์เริ่มดำเนินมาถึงขีดสุด และในวินาทีที่ความหวังซึ่งลอยสูงขึ้นตกกระทบกับพื้น…ไม่มีความรู้สึกใดจะแย่เท่า
น้ำตาคล้ายจะรื้นขึ้นมา แต่ผมฝืนกันมันกลับไป ไม่คิดจะร้องไห้เพราะเรื่องแค่นี้
ผมยืบหอบอยู่หน้ากองของที่เขาวางไว้ ความเศร้าและความเสียใจกลายเป็นความโกรธ จางฉี่หลิงแม่ง…กลับมาถึงแล้วอย่างน้อยก็โทรบอกบ้างสิวะ!!
โครม!
ผมเตะข้าวของของเขาเต็มแรง แต่สุดท้ายก็ต้องร้องโอ๊ยแล้วลงไปกุมเท้าแทน..เอาเท้าเปล่าไปถีบได้ยังไง โง่ฉิบหายมากเทียนเจินอู๋เสีย
ผมลงไปนั่งนวดเท้าตัวเอง สบถพึมพำด่าคนข้าวของที่ตนเผลอไปเตะ แต่เด่าไปซักพักไฟความโกรธก็เบาลง กลายเป็ฯความเหนื่อยล้าเดียวดาย
บ้านหลังนี้เงียบเกินไป
ไม่สิ เงียบแบบนี้อยู่แล้ว
แต่ก่อนหน้านี้..ก็ยังมีกลิ่นอายของคนอีกคนนอกจากผม
ผมเหม่อลอยเล็กน้อย ก่อนจะกอดเข่า ซุกหัวของตนลงที่ระหว่างเข่า กลายเป็นก้อนกลม
..เมื่อไหร่จะกลับมากันนะ
“...จางฉี่หลิง ฉันคิดถึงนาย”
กึก..
เสียงฝีเท้าทำให้ผมลุกพรวดขึ้น หันขวับไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว
และพบกับร่างที่คุ้นเคย
“..ฉี่หลิง!!”
ผมอุทานเสียงดัง มองอีกฝ่ายที่ห่างไปไม่ถึงคืบ ยืนนิ่งในชุดสะอาดสะอ้านที่บ่งบอกว่าผ่านการอาบน้ำอาบท่าไล่กลิ่นดินกลิ่นศพในสุสานไปเรียบร้อยแล้ว
แต่ที่น่าสงสัยคือหมอนี่เข้ามาด้านหลังผมยังไงโดยที่ผมไม่รู้ตัว!?
…สงสัยไปได้นิดหน่อยก็นึกได้ หมอนี่ฝีเท้าเบาอย่างกับอะไรดี น้ำหน้าอย่างผมต่อให้โดนเชือดคอก็อาจจะตายตั้งแต่ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ
“…ร้องไห้ทำไม” จางฉี่หลิงพึมพำแผ่วเบา ยกมือขึ้นเกลี่ยน้ำตาที่รื้นขึ้นมาของผม ดวงตาเป็นกังวล..เขายังคงไวกับน้ำตาของผมเช่นเคย
ผมเบิกตาเล็กน้อย ก่อนจะหรี่ลง สะบัดมือเขาออก
“นายนี่จริงๆ เลย! กลับมาแล้วก็หัดบอกกันบ้างสิ! นายรู้ไหมว่าฉัน……” ขึ้นเสียงไปได้ไม่เท่าไหร่ ผมก็อ่อนเสียงลง องใบหน้าที่ไม่ได้เห็นมานานสองสัปดาห์
แล้วสุดท้ายก็เผลอกอดหมับเอาไว้ ซุกหน้าลงบนไหล่ของเขา
รู้สึกถึงกลิ่นที่คุ้นเคย อ้อมกอดที่คุ้นเคย …จางฉี่หลิงยืนอยู่ตรงหน้าผมแล้ว ยืนอยู่ตรงหน้าจริงๆ
ผมรู้สึกว่าน้ำตาซึมออกมา คราวนี้เพราะซุกหน้ากับเสื้อของอีกฝ่ายอยู่เลยเนียนถูหน้ากันมันเสีย พึมพำไปว่าคิดถึงเขามากๆ
คิดถึงมากจริงๆ คิดถึงเหมือนภรรยาเพิ่งแต่งงานที่สามีต้องไปทำงานไกล
ผมไม่นึกว่าผมจะติดเขาได้ขนาดนี้ ผู้ชายคนนี้ทำอะไรให้ผมหลงได้ขนาดนี้
ผมกำลังซาบซึ้ง ปล่อยน้ำตาให้ไหลซึมออกมาแล้วกอดเขาไว้แน่น แต่ปรากฏว่าไปๆ มาๆ ก็ชักรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่หัว เลยรีบผลักเขาออกแล้วยกมือจับกบาลตัวเอง
แล้วก็คล้ายรู้สึกถึงผ้าลื่นๆ
“…นายเอาอะไรใส่หัวฉัน!!” ผมร้องถามเขา ความดีใจกับน้ำตาที่ไหลเพราะความคิดถึงหายวับไปกับตา จับผิวผ้าที่พองสู้น้ำหนักที่อยู่บนศีรษะของตน ลากไล้ลงมาตามความยาว พอลากลงมาจนถึงปลายก็เลยลองหยิบขึ้นมาดู ก็เป็นผ้าสีขาวโปร่งบางเนื้อดี
..ไม่ใช่มั้ง?
ผมกะพริบตาปริบๆ มีสิ่งที่แล่นวาบเข้ามาในความคิดแต่ก็ปัดมันออกไป ผมเงยมองหน้าจางฉี่หลิง ส่งสายตางุนงงใส่อย่างต้องการคำตอบ
“แต่งงาน เท่ากับสัญญาว่าจะอยู่ด้วยตลอดไป” จางฉี่หลิงบอก จัดผ้าสีขาวโปร่งบางบนศีรษะของผมและกล่าวต่อ “นายเคยขอให้ฉันเป็นกิเลนของนายตลอดไป…ฉันอยากให้สิ่งที่เป็นรูปธรรมกับนาย”
ผมอ้าปากค้างทันทีที่ได้ยิน แต่ไม่ทันจะรวบรวมสติค้านเขา อีกฝ่ายก็บอกด้วยสีหน้าราบเรียบตามแบบฉบับจางฉี่หลิง “ฉันคิดจะซื้อชุดเจ้าสาว..แต่ไม่มีชุดที่ซื้อได้ทันที เลยซื้อมาแค่ผ้าคลุมหน้า”
“…ขืนนายซื้อชุดมาฉันจะถีบนายติดฝาบ้านเลย!!” ผมรีบร้องใส่เขา ในใจนึกคิดว่าอีกฝ่ายเอาเงินจากไหนไปซื้อของแบบนี้ในเมื่อผมไม่ได้ให้เงินเขาไว้มากนัก แล้วก็นึกได้ว่าจางฉี่หลิงเพิ่งไปคว่ำกรวยมา จะเอาของที่ได้มาไปขายเอาเงินก็ไม่แปลก “……อย่าบอกนะว่านายไปคว่ำกรวย เพราะจะหาเงินซื้อชุดแต่งงาน”
พอเขาผงกหัวเท่านั้นล่ะ ผมก็เขินจนชาไปทั้งตัวทันที ไม่รู้จะด่าอะไรดี ตกลงแล้วที่เขาไปคว่ำกรวยครั้งแรกในรอบสิบปีจนผมเหงาเฉาตายมาเป็นครึ่งเดือนก็เพราะไอ้ผ้าคลุมเจ้าสาวนี่เรอะ!!
ผมอ้าปากพะงาบๆ นึกอยากจะถอดผ้าคลุมเจ้าสาวที่อีกฝ่ายใส่ให้เหลือเกิน แต่พอคิดถึงเหตุผลที่จางฉี่หลิงมอบสิ่งนี้ให้ ผมก็เกิดอการถอดมันไม่ลง เลยได้แต่คลายมือที่จะกระชากมันออกแล้วปล่อยไว้ตามเดิม
เอาเถอะ ไม่มีใครเห็นนอกจากจางฉี่หลิงอยู่ดี ผมยังไม่เห็นสภาพตัวเองตอนนี้ด้วยซ้ำ แต่พอเห็นรอยยิ้มที่ยกขึ้นนิดๆ อย่างพอใจของอีกฝ่าย ก็คิดว่าสภาพของตัวเองคงไม่แย่เท่าไหร่
จางฉี่หลิงดูจะถูกใจผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวของผมมาก เขาเอาแต่จัดมันอยู่นั่น พอผมยอมให้เจ้าตัวเล่นจนเริ่มทนอายไม่ไหว ก็เลยว่าขึ้น
“…แล้วไงต่อ?”
“?”
“มีผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวทั้งที ก็ต้องมีพิธีแต่งงาน ใช่ไหมล่ะ?” ผมบอกเขา ยิ้มนิดๆ คาดว่ารอยยิ้มคงไม่ได้ดูดีเท่าไหร่ ในเมื่อตอนนี้ผมรุ้สึกว่าเลือดสูบฉีดจนหน้าแดงใจสั่นไปหมด
“..จางฉี่หลิง จากนี้ไป ทั้งยามสุขยามยาก ยามปกติและป่วยไข้ นายจะประคับประคอง อยู่กับฉันจนกว่าจะสิ้นลมหายใจไหม?”
“แม้ยามสิ้นลมหายใจ ก็จะอยู่เคียงข้าง” จางฉี่หลิงตอบกลับผม ยกมือผมขึ้นมาบีบเล็กน้อยราวกับให้คำสัญญา จดจ้องผมด้วยสายตาแน่วแน่
นั่นเป็นสิ่งที่ดีงามมากกว่าคำสาบานใดใด
ความจริง…เราแทบไม่ต้องกล่าวคำสัตย์สาบานแก่กัน ในเมื่อผมรู้ดีว่าเราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป นับแต่วันที่ผมมอบนามให้เขา และเขากล่าวว่าจะยินดีเป็นกิเลนของผมตลอดไป ผมรู้..จางฉี่หลิงเป็นผู้ชายที่รับผิดชอบ สิ่งใดที่เขาถือไว้เป็นหน้าที่ของตน จะต้องสำเร็จลุล่วงด้วยกำลังทั้งหมดของเขา
แต่กระนั้นการที่ได้ทำแบบนี้ ..ก็เหมือนได้ทำให้แน่ใจอีกครั้ง ว่าวินาทีนี้ตราบจนกว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะตายไป เราจะได้อยู่ด้วยกัน ไม่พรากจากกันอีกต่อไป
ผมรู้ดี เราย่อมไม่อาจตายพร้อมกัน ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องจากไปก่อน แต่หากเป็นเช่นนั้น ก็ขออย่าให้เวลาที่ต้องอยู่เดียวดายยาวนั้นมากไปนัก ทั้งสำหรับผมและจางฉี่หลิง สำหรับเรา
ไม่รู้ว่าผมจะไปก่อนหรือเขาจะไปก่อน…ผมอายุเท่านี้ แก่ตามที่มนุษย์คนหนึ่งจะแก่ แต่ช่วงชีวิตของจางฉี่หลิงช่างยืนยาว ผมไม่ต้องการปล่อยเขาให้เดียวดาย ไม่อยากทำร้ายเขาด้วยการปล่อยให้อยู่ในโลกที่อ้างว้างโดยไม่มีผม
เพราะผมรู้ดี..ว่ามันโหดร้ายเพียงใด
แต่อย่างไรเสียนั่นเป็นเรื่องราวอีกไกลแสนไกล และบัดนี้ จะขอรับรู้เพียงความสุขของการอยู่เคียงข้างกัน
ระหว่างที่กำลังครุ่นคิด ตกลงในห้วงภวังค์ของตน จางฉี่หลิงก็ฉวยโอกาสฉกจูบริมฝีปากผมเบาๆ รวดเร็ว
ผมนิ่งอ้าปากค้าง ช๊อคไปรอบที่สองของวัน รู้สึกถึงหัวใจที่เต้นรัวและใบหน้าที่ร้อนฉ่าจนเหมือนไอจะขึ้น “นาย..ทำอะ…”
“จูบสาบาน”
จางฉี่หลิงกล่าวยิ้มๆ นี่อย่าบอกนะว่าที่ยืมคอมพิวเตอร์วันนั้นก็เพราะจะหาข้อมูลด้วย!! พระเจ้าบอกที! หลังประตูนั่นมันคอร์สฝึกหัดเจ้าบ่าวหรือคาสโนว่าใช่ไหม!! ทำไมผู้ชายที่ชาเป็นก้อนหินเมื่อสิบปีก่อนถึงเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้!!
ผมโวยวายลั่นในใจ แต่ข้างนอกก็ยังอ้าปากค้างใส่เขา ใช้เวลานานกว่าสติจะร่วงกลับเข้าที่เข้าทาง ผมเลยทวงสิ่งที่สำคัญที่สุดในพิธีแต่งงาน
“แหวนล่ะ?”
“…..”
“ต้องแลกหลังพิธีสาบานไง?”
“…..”
“…ไม่มี?”
“….”
จางฉี่หลิงผงกหัวเบาๆ
พอเห็นเขานิ่งใส่แบบนั้น จากที่เขินแทบตาย ผมเลยระเบิดหัวเราะทันที
“ฮ่าๆๆๆ!!” ผมหัวเราะลั่นบ้าน หมดสิ้นซึ่งบรรยากาศความโรแมนติก ลงไปนั่งกุมท้องทุบพื้นอย่างอดรนทนไม่ไหว “นายรู้ไหม! ของที่เป็นรูปธรรมยิ่งกว่าชุดแต่งงานคือแหวนนะ!”
“…….”
ผมหัวเราะลั่นเป็นคนบ้า จางฉี่หลิงก็ยืนนิ่งเป็นคนบ้าใบ้ ผมว่าเขาคงเสียเซลฟ์ไปไม่มากก็น้อยล่ะ..เห็นแล้วก็อดสงสารไม่ได้
ผมลุกขึ้นยืน ปาดน้ำตาออก อ้าแขนกอดเขา ตบหลังเหมือนจะปลอบใจ “เอาน่า ถ้าอย่างนั้นเราจะไปซื้อแหวนพรุ่งนี้ยังทันเลย จะได้เลือกแหวนคู่แบบที่เหมาะกับเราด้วย ไม่ดีหรือ?
…อีกอย่างสิ่งที่เป็นรูปธรรมที่สุด ฉันได้มันมาตั้งนานแล้ว”
“อะไร?” เขาดันผมออกเล็กน้อย มองด้วยสีหน้าสงสัยใคร่รู้
ผมยิ้มขึ้นบางๆ ชี้นิ้วดันที่แผ่นอกของเขา “ตัวนายยังไงล่ะ”
เขาเบิกตามองผมเล็กน้อย
“แค่ตัวนายอยู่ตรงนี้ ก็เป็นหลักฐานที่มีรูปธรรมแล้วว่าเราจะอยู่ข้างกันตลอดไป ฉันไม่ต้องการผ้าคลุมหน้าเจ้าสาว ชุดแต่งงาน แหวน หรือ พิธีบ้าบออะไร …ขอแค่นายยืนอยู่ตรงนี้ ที่นี่ เคียงข้างกันก็พอ
มันเป็นเพียงสิ่งเดียวที่ฉันต้องการจากนาย”
พูดจบ ก็นิ่งไป มองใบหน้าเขาเนิ่นนาน
จางฉี่หลิงไม่ได้ตอบอะไรผม เพียงยืนนิ่งเช่นนั้นครู่ใหญ่ ก่อนจะตวัดผมไปกอดไว้แน่น กอดรัดไว้จนแทบหายไม่ออก
แต่ผมคิดว่า..เข้าใจ…เข้าใจว่าตอนนี้เขารู้สึกยังไง ดังนั้นจึงกอดเขากลับไป แน่นเท่าที่แน่นได้
รับรู้ช่วงเวลานี้เอาไว้
.
.
.
วันถัดมา เราไปที่ร้านขายเครื่องประดับ ซื้อแหวนมาคู่หนึ่ง ราคาแพงหูฉี่ แต่ราคาไม่ถึงครึ่งของเงินที่จางฉี่หลิงได้มาจากการขายของที่ได้จากการคว่ำกรวย
มันเป็นแหวนหยก ลวดลายสลักไว้เล็กน้อย ขนาดพอดีกับนิ้วนางของผมและจางฉี่หลิงอย่างน่าใจหาย
ผมสวมแหวนให้จางฉี่หลิง และเขาก็สวมแหวนให้ผม จากนี้ไปนับจากลัญจกรผี และหัวใจของพวกเรา จะมีสิ่งนี้ที่เป็นของคู่กัน
พอทำอะไรเป็นรูปธรรมเช่นนี้ ก็รู้สึกว่าความรู้สึกในใจเริ่มชัดเจนเป็นรูปร่างขึ้น รู้สึกเขินอายประหลาด กระนั้น..ความอิ่มเอิบก็มากมายกว่านัก
ผมมองใบหน้าของเขา และเขาก็มองกลับมา บนใบหน้านั้นปรากฏรอยยิ้มบางๆ ที่ช่วงนี้เห็นได้บ่อยจนชินตา
สายลมอ่อนเบาพัดไหว จากนั้น เราก็จุมพิตกัน
ยืนยันคำสัตย์สาบานในหัวใจอีกครา
สาบานว่าฟิคนี้ เริ่มต้นเพราะอยากเห็นนายนอยสวมผ้าคลุมหน้าเจ้าสาว (...)
เซ็ทฮันนี่มูนซีรี่ยส์ *สปอยเล่มสิบ* ยังต้องเตือนอยู่ไหม...
[OS] #dmbjdaily (กิเลน) 張麒麟 -จางฉี่หลิง- [ผิงเสีย]
https://dmbjth.thai-forum.net/t585-topic
[Drabble] #dmbjdaily (ผ้าพันแผล) Scar Inside [ผิงเสีย]
https://dmbjth.thai-forum.net/t603-topic
[OS] #dmbjdaily (โทรศัพท์มือถือ) Call my Name [ผิงเสีย]
https://dmbjth.thai-forum.net/t599-topic
[OS] #dmbjdaily (น้ำตา) I will made your tear fade away [ผิงเสีย]
https://dmbjth.thai-forum.net/t659-topic
++++++++++++++++++++++
“อู๋เสีย นั่นอะไร”
เขาเอ่ยทัก ดึงแขนผมไว้ให้หยุดเดิน
“? อะไรหรือ?” ผมหันไปหาเขา กลอกดวงตามองอีกฝ่าย และเห็นว่าแม้จางฉี่หลิงจะดึงเสื้อผมไว้แต่ไม่ได้มองมาที่ผม ดังนั้นจึงหันตามสายตาเขาไป และพบกับโบสถ์ฝรั่งที่ตั้งอยู่ในหลืบของซอกซอย
ผู้คนมากมายมาที่โบสถ์ทั้งที่ไม่ใช่วันอาทิตย์ ผมจึงเดาว่าน่าจะมีอะไร และก็เป็นอย่างที่คิด เจ้าบ่าวเจ้าสาวในชุดสีขาวบริสุทธิ์ต่างเดินออกมาท่ามกลางเสียงหัวเราะสดใส เหล่าแขกเหรื่อพากันโปรยดอกไม้ขึ้นเหนือศีรษะคู่บ่าวสาว อวยพรให้ชีวิตสมรสเป็นไปด้วยดี
“อ๋อ..งานแต่งงานน่ะ” ผมพึมพำตอบเขาไป ความจริงที่จีนก็ไม่ค่อยมีใครแต่งงานแบบฝรั่งเต็มรูปแบบเช่นนี้เท่าไหร่ ส่วนใหญ่จะแต่งเป็นพิธีแบบจีน และชุดเจ้าสาวจึงจะได้สวมในงานเลี้ยง ได้มาเห็นแบบนี้อาจจะรับได้ว่าคุ้มค่ากระมัง
ผมหันไปมองเขา เห็นว่าจางฉี่หลิงขมวดคิ้ว คงกำลังจะทักว่างานแต่งงานที่ตนรู้จักไม่ใช่แบบนี้ ผมจึงเอ่ยดักเขาไป “มันเป็นงานแต่งงานของทางฝรั่งน่ะ พิธีคงไม่ใกล้เคียงกันเท่าไหร่”
“..อา” เขาผงกหัวเบาๆ เหมือนกับเข้าใจ ผมเห็นว่าจางฉี่หลิงสนใจ ก็เลยเล่าอะไรบางอย่างออกไป
“งานแต่งงานของฝรั่งไม่ค่อยเหมือนของทางจีนหรอก ของพวกเราน่ะมีพิธียุ่งยากเยอะ แต่ของทางคริสต์ส่วนใหญ่จะแต่งกันที่โบสถ์ แล้วก็กล่าวคำสาบานกับบาทหลวง ว่าจะดูแลกันทั้งยามทุกข์ยามยาก ยามปกติและยามป่วยไข้ อยู่คู่กันจนกว่าจะสิ้นลมหายใจ.. กล่าวสาบานโดยที่มีผู้คนมากมายเป็นสักขีพยาน ฟังดูโรแมนติกดีใช่ไหมล่ะ?” ผมเล่าแล้วหันไปยิ้มแยกเขี้ยวใส่เขา แต่ปรากฏว่าคนข้างตัวกลับไม่ได้สนใจ กลับเข้าสู่โหมดเหม่อลอยทั้งที่เดินอยู่ไปเรียบร้อยแล้ว ทำเอาผมรู้สึกเสียเซลฟ์นิดหน่อยที่พล่ามอะไรคนเดียวเสียยืดยาว
แต่ปรากฏว่าหลังจากวันนั้น จางฉี่หลิงก็มีพฤติกรรมแปลกๆ
+++++++++++++
พฤติกรรมแปลกๆ เริ่มจากการที่เขามาขอใช้คอมพิวเตอร์ของผม ตอนแรกก็ยังหวั่นๆ ว่าจะยอมให้เขาใช้ดีไหม คอมพิวเตอร์ไม่ได้พังแล้วซื้อใหม่ได้ง่ายๆ เหมือนโทรศัพท์มือถือ แถมข้อมูลสำคัญในนั้นก็มีอยู่มาก แต่ปรากฏว่าพอสอนเขาไป ก็ดูจะเรียนรู้ไวพอสมควร สรุปคือก็ยังดีกว่านั่งเหม่อไปวันๆ เหมือนเมื่อก่อน
อย่างต่อมาคือจู่ๆ เขาก็ออกไปคว่ำกรวยโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย ทำเอาผมงงเต๊กว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะคำว่าจู่ๆ นี่คือ ตื่นเช้ามาก็เห็นเขาแพ๊คของขึ้นหลัง สวมฮู้ดตัวเก่งสมัยเมื่อสิบปีก่อนเดินออกจากบ้านไปแล้ว ยังดีที่เจ้าตัวยังใจดีบอกผมว่าอีกซักสองสัปดาห์จะกลับ ไม่งั้นผมต้ององค์ลงหัวเสียไปตลอดช่วงเวลาที่จางฉี่หลิงไม่อยู่บ้านแน่ๆ
และแน่นอน..ผมจะไปทำอะไรได้....ก็ได้แต่รอเขาเท่านั้น
ในช่วงเวลาแห่งการรอคอย วันแรกๆ ก็ยังไม่รู้สึกอะไร ใช้ชีวิตต่อไปตามปกติ ตื่นเช้าไปเปิดร้าน นั่งว่างไปจนเย็น จากนั้นก็กลับมาบ้าน กินข้าวแล้วก็นอน
แต่พอสามสี่วันผ่านไป ผมก็เริ่มรู้สึกว่าชีวิตขาดอะไรไป
ตัวอย่างเช่น..หากเขาไม่โทรถามว่าผมอยู่ที่ไหน ผมก็จะโทรหาเขา ถามว่าวันนี้อยากกินอะไร ในบ้านมีของอะไรบ้าง คุยเรื่องสัพเพเหระสั้นๆแล้ววางสายไป จากนั้นพอถึงบ้าน ก็อาจจะเห็นเขานั่งเหม่ออยี่ริมหน้าต่าง และหันมามองผมยามได้ยินเสียงฝีเท้า บอกว่า ‘กลับมาแล้วหรือ’
จากนั้น…เราก็จะช่วยกันทำอาหาร ความจริงจางฉี่หลิงมีฝีมือไม่น้อย ตราบเท่าที่ไม่ใช่การเอาตัวรอดที่ล้ำสมัยไปนักเขาก็อัจฉริยะไปเสียหมด บางทียังทำอร่อยกว่าผมด้วยซ้ำ มีครั้งหนึ่งที่ผมบ่นว่าอยากกินอาหารโบราณที่คนไม่ทำกันแล้ว ก็ปรากฏว่าหมอนี่ดันรู้ชื่อวัตถุดิบและเคยทำมาก่อน คืนนั้นผมเลยได้ชิมอาหารที่ว่าดั่งใจ
พอกินข้าวเสร็จ ช่วยกันล้างจานชาม เราก็เข้านอนกัน บ้านผมไม่ได้แคบอะไร ความจริงก็มีห้องแยกอีกห้องสำหรับเขา แต่ส่วนใหญ่เรามักจะนอนด้วยกัน… ทุกอย่างเริ่มจากผมเอง
ผมมักจะสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึก ใจหล่นวูบเมื่อข้างกายไม่มีเขาอยู่ข้างๆ จากนั้นก็วิ่งไปที่ห้องของจางฉี่หลิง พรูลมหายใจยามที่เห็นว่าคนที่ผมลากตัวกลับมาจากหลังประตูสำริดยังมีชีวิตอยู่
แน่นอนว่าเขาย่อมตื่นขึ้นมา ถามผมว่าเป็นอะไร
ผมไม่ยอมตอบ แต่ปีนขึ้นเตียงเขา ซุกตัวเข้าไปในผ้าห่มขอนอนด้วย และเจ้าตัวก็ไม่ได้ว่าอะไร โอบกอดผมเข้าไปแล้วหลับตาลงตามเดิม
ตั้งแต่นั้นมาเราก็นอนด้วยกันมาตลอด
ผมผ่านชีวิตประจำวันเหล่านั้นมาจนเคยชิน แต่ก็คิดว่าตนคงไม่ได้เสพติดอะไร วันแรกที่เขาไม่อยู่ก็ยังไม่รู้สึกอะไรมากมาย แต่ยิ่งผ่านไปถึงสัปดาห์..ผมยิ่งเกิดความรู้สึกคล้ายอาการลงแดง
ทุกอย่างดูผิดที่ผิดทางไปหมด บ้านที่กว้างขึ้น สายตาที่ชอบเผลอมองไปที่เก้าอี้ข้างหน้าต่าง โทรศัพท์มือถือที่ยกขึ้นมาดูบ่อยผิดปกติ อาหารที่ทำเกินกว่าที่ตัวเองจะกินหมด
เตียงที่เย็นชืดและกว้างจนนอนไม่หลับ
พอได้ลองสัมผัสความอิ่มเอมของการได้มีใครอีกคนอยู่ในบ้านซักครั้ง ก็ไม่อาจกลับไปอยู่คนเดีวได้อีกต่อไป
ช่วงหนึ่งสัปดาห์หลังจากนั้นผมเฉามาก แทบไม่มีกะจิตกะใจทำอะไร ทำเอาผมต้องถามตัวเองว่าอู๋เสีย เถ้าแก่อู๋ผู้เก่งกาจขึ้นมาในช่วงสิบปี นายอยู่คนเดียวมาได้ตอนเขาจากไปสิบปีก่อน แล้วไหงตอนนี้มาเหงาจะเป็นจะตายกับเวลาแค่ไม่ถึงเดือน…
ก็แค่ไม่ถึงเดือน…ทำไมนายถึงจะเฉาตายแบบนี้
ผมเฉาเป็นบ้าถึงขั้นโทรไปคุยกับนายอ้วน ฟากนั้นพอได้ยินเสียงผมก็ไม่รู้จะหัวเราะใส่หรือสมเพชเวทนาดี
‘นายแม่งทำตัวยังกับสาวน้อย อ้อ ต้องเป็นสาวใหญ่ที่เพิ่งแต่งงานหลังจากเกือบขึ้นคานสิเนาะ’
‘นายอ้วนหุบปาก! ฉันไม่ใช่สาวน้อยแล้วก็ไม่ใช่สาวใหญ่’
‘พฤติกรรมแสดงออกขนาดนี้ก็อย่าปากแข็งเลย นายก็ทนรอเหอะ เดี๋ยวเสี่ยวเกอก็กลับมาแล้ว รับรองคุ้มค่าการรอคอย’
พอได้ยินแบบนั้น ผมก็นิ่งไป หรี่ตาลง ถามเขากลับเสียงเย็น
‘….นายรู้เห็นอะไรใช่ไหม’
‘ค่าโทรจะหมด วางละเทียนเจิน!’
…คนโทรน่ะมันทางนี้โว้ย!!
ผมแทบจะตะโกนใส่โทรศัพท์ แต่ก็ทำได้แค่กลอกตามองเพดาน ล้มตัวลงกับเตียงของตน
เฝ้ารอวันที่เขาจะกลับมา
++++++++++++++++++++
ผ่านไปสองสัปดาห์แล้ว จางฉี่หลิงยังคงไม่กลับมา แต่ความจริงก็เลทไปแค่วันเดียว
ผมคาดหวังไว้ว่าอาจจะตื่นมาเจอเขานอนข้างๆ เหนื่อยอ่อนจากการเดินทาง หรือกำลังจะออกไปร้าน ก็พบเขายืนตัวเหม็นหึ่งหน้าประตู แต่ปรากฏว่าจินตนาการใดใดล้วนปลาศนาการกายไป เพราะจนย่ำเย็นแล้ว จางฉี่หลิงก็ยังไม่กลับมา ทำให้ผมเริ่มเป็นกังวลว่าเขาจะเป็นอะไรไปหรือเปล่า ก็ถึงหมอนั่นจะเป็นนักขุดสุสานมือฉมัง แต่..แฮ่ม!! ก็อายุมากพอสมควรแล้ว จะมือตกบ้างเป็นเรื่องธรรมดา
แต่ความกังวลนั้นก็หายไป เมื่อมาถึงบ้าน และพบรองเท้าปีนเขาเกรอะดินวางนิ่งอยู่ที่หน้าประตูบ้าน
เห็นเช่นนั้น ผมรีบวางของลงกับพื้น วิ่งเข้าไปในบ้านด้วยหัวใจเต้นรัว แต่ปรากฏว่าพอยวิ่งเข้าไป ก็เห็นแค่สัมภาระของเขาที่วางอยู่บนโต๊ะกับข้าว
ผมหอบหายใจเบา ดวงตากลอกมองไปรอบข้าง พยายามหาร่างของเขา
อาจจะอาบน้ำอยู่ก็ได้ หรืออาจจะไปนอน หรืออาจจะไปหาผมที่ร้าน ความเป็นไปได้มากมายที่ผมจะหาเขาเจอ
ผมรีบโทรหาหวังเหมิง ถามว่าเถ้าแก่จางได้ไปที่ร้านหรือเปล่า ในขณะที่เริ่มสำรวจบ้านตัวเอง ค้นห้องทุกห้อง ยอมแม้กระทั่งถีบบานประตุห้องน้ำเลิกม่านออก (ถ้าเจอเขาเปลือยอาบน้ำอยู่ผมจะกรี๊ดไหม หรือจางฉี่หลิงจะกรี๊ดเอง..เลิกคิดดีกว่า) แต่กลับไม่พบอะไร
เขาไม่อยู่ที่ไหนในบ้านหลังนี้เลย…
ผมเริ่มรู้สึกเหนื่อย ความเหงาที่ไม่ได้พบเขามาสองสัปดาห์เริ่มดำเนินมาถึงขีดสุด และในวินาทีที่ความหวังซึ่งลอยสูงขึ้นตกกระทบกับพื้น…ไม่มีความรู้สึกใดจะแย่เท่า
น้ำตาคล้ายจะรื้นขึ้นมา แต่ผมฝืนกันมันกลับไป ไม่คิดจะร้องไห้เพราะเรื่องแค่นี้
ผมยืบหอบอยู่หน้ากองของที่เขาวางไว้ ความเศร้าและความเสียใจกลายเป็นความโกรธ จางฉี่หลิงแม่ง…กลับมาถึงแล้วอย่างน้อยก็โทรบอกบ้างสิวะ!!
โครม!
ผมเตะข้าวของของเขาเต็มแรง แต่สุดท้ายก็ต้องร้องโอ๊ยแล้วลงไปกุมเท้าแทน..เอาเท้าเปล่าไปถีบได้ยังไง โง่ฉิบหายมากเทียนเจินอู๋เสีย
ผมลงไปนั่งนวดเท้าตัวเอง สบถพึมพำด่าคนข้าวของที่ตนเผลอไปเตะ แต่เด่าไปซักพักไฟความโกรธก็เบาลง กลายเป็ฯความเหนื่อยล้าเดียวดาย
บ้านหลังนี้เงียบเกินไป
ไม่สิ เงียบแบบนี้อยู่แล้ว
แต่ก่อนหน้านี้..ก็ยังมีกลิ่นอายของคนอีกคนนอกจากผม
ผมเหม่อลอยเล็กน้อย ก่อนจะกอดเข่า ซุกหัวของตนลงที่ระหว่างเข่า กลายเป็นก้อนกลม
..เมื่อไหร่จะกลับมากันนะ
“...จางฉี่หลิง ฉันคิดถึงนาย”
กึก..
เสียงฝีเท้าทำให้ผมลุกพรวดขึ้น หันขวับไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว
และพบกับร่างที่คุ้นเคย
“..ฉี่หลิง!!”
ผมอุทานเสียงดัง มองอีกฝ่ายที่ห่างไปไม่ถึงคืบ ยืนนิ่งในชุดสะอาดสะอ้านที่บ่งบอกว่าผ่านการอาบน้ำอาบท่าไล่กลิ่นดินกลิ่นศพในสุสานไปเรียบร้อยแล้ว
แต่ที่น่าสงสัยคือหมอนี่เข้ามาด้านหลังผมยังไงโดยที่ผมไม่รู้ตัว!?
…สงสัยไปได้นิดหน่อยก็นึกได้ หมอนี่ฝีเท้าเบาอย่างกับอะไรดี น้ำหน้าอย่างผมต่อให้โดนเชือดคอก็อาจจะตายตั้งแต่ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ
“…ร้องไห้ทำไม” จางฉี่หลิงพึมพำแผ่วเบา ยกมือขึ้นเกลี่ยน้ำตาที่รื้นขึ้นมาของผม ดวงตาเป็นกังวล..เขายังคงไวกับน้ำตาของผมเช่นเคย
ผมเบิกตาเล็กน้อย ก่อนจะหรี่ลง สะบัดมือเขาออก
“นายนี่จริงๆ เลย! กลับมาแล้วก็หัดบอกกันบ้างสิ! นายรู้ไหมว่าฉัน……” ขึ้นเสียงไปได้ไม่เท่าไหร่ ผมก็อ่อนเสียงลง องใบหน้าที่ไม่ได้เห็นมานานสองสัปดาห์
แล้วสุดท้ายก็เผลอกอดหมับเอาไว้ ซุกหน้าลงบนไหล่ของเขา
รู้สึกถึงกลิ่นที่คุ้นเคย อ้อมกอดที่คุ้นเคย …จางฉี่หลิงยืนอยู่ตรงหน้าผมแล้ว ยืนอยู่ตรงหน้าจริงๆ
ผมรู้สึกว่าน้ำตาซึมออกมา คราวนี้เพราะซุกหน้ากับเสื้อของอีกฝ่ายอยู่เลยเนียนถูหน้ากันมันเสีย พึมพำไปว่าคิดถึงเขามากๆ
คิดถึงมากจริงๆ คิดถึงเหมือนภรรยาเพิ่งแต่งงานที่สามีต้องไปทำงานไกล
ผมไม่นึกว่าผมจะติดเขาได้ขนาดนี้ ผู้ชายคนนี้ทำอะไรให้ผมหลงได้ขนาดนี้
ผมกำลังซาบซึ้ง ปล่อยน้ำตาให้ไหลซึมออกมาแล้วกอดเขาไว้แน่น แต่ปรากฏว่าไปๆ มาๆ ก็ชักรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่หัว เลยรีบผลักเขาออกแล้วยกมือจับกบาลตัวเอง
แล้วก็คล้ายรู้สึกถึงผ้าลื่นๆ
“…นายเอาอะไรใส่หัวฉัน!!” ผมร้องถามเขา ความดีใจกับน้ำตาที่ไหลเพราะความคิดถึงหายวับไปกับตา จับผิวผ้าที่พองสู้น้ำหนักที่อยู่บนศีรษะของตน ลากไล้ลงมาตามความยาว พอลากลงมาจนถึงปลายก็เลยลองหยิบขึ้นมาดู ก็เป็นผ้าสีขาวโปร่งบางเนื้อดี
..ไม่ใช่มั้ง?
ผมกะพริบตาปริบๆ มีสิ่งที่แล่นวาบเข้ามาในความคิดแต่ก็ปัดมันออกไป ผมเงยมองหน้าจางฉี่หลิง ส่งสายตางุนงงใส่อย่างต้องการคำตอบ
“แต่งงาน เท่ากับสัญญาว่าจะอยู่ด้วยตลอดไป” จางฉี่หลิงบอก จัดผ้าสีขาวโปร่งบางบนศีรษะของผมและกล่าวต่อ “นายเคยขอให้ฉันเป็นกิเลนของนายตลอดไป…ฉันอยากให้สิ่งที่เป็นรูปธรรมกับนาย”
ผมอ้าปากค้างทันทีที่ได้ยิน แต่ไม่ทันจะรวบรวมสติค้านเขา อีกฝ่ายก็บอกด้วยสีหน้าราบเรียบตามแบบฉบับจางฉี่หลิง “ฉันคิดจะซื้อชุดเจ้าสาว..แต่ไม่มีชุดที่ซื้อได้ทันที เลยซื้อมาแค่ผ้าคลุมหน้า”
“…ขืนนายซื้อชุดมาฉันจะถีบนายติดฝาบ้านเลย!!” ผมรีบร้องใส่เขา ในใจนึกคิดว่าอีกฝ่ายเอาเงินจากไหนไปซื้อของแบบนี้ในเมื่อผมไม่ได้ให้เงินเขาไว้มากนัก แล้วก็นึกได้ว่าจางฉี่หลิงเพิ่งไปคว่ำกรวยมา จะเอาของที่ได้มาไปขายเอาเงินก็ไม่แปลก “……อย่าบอกนะว่านายไปคว่ำกรวย เพราะจะหาเงินซื้อชุดแต่งงาน”
พอเขาผงกหัวเท่านั้นล่ะ ผมก็เขินจนชาไปทั้งตัวทันที ไม่รู้จะด่าอะไรดี ตกลงแล้วที่เขาไปคว่ำกรวยครั้งแรกในรอบสิบปีจนผมเหงาเฉาตายมาเป็นครึ่งเดือนก็เพราะไอ้ผ้าคลุมเจ้าสาวนี่เรอะ!!
ผมอ้าปากพะงาบๆ นึกอยากจะถอดผ้าคลุมเจ้าสาวที่อีกฝ่ายใส่ให้เหลือเกิน แต่พอคิดถึงเหตุผลที่จางฉี่หลิงมอบสิ่งนี้ให้ ผมก็เกิดอการถอดมันไม่ลง เลยได้แต่คลายมือที่จะกระชากมันออกแล้วปล่อยไว้ตามเดิม
เอาเถอะ ไม่มีใครเห็นนอกจากจางฉี่หลิงอยู่ดี ผมยังไม่เห็นสภาพตัวเองตอนนี้ด้วยซ้ำ แต่พอเห็นรอยยิ้มที่ยกขึ้นนิดๆ อย่างพอใจของอีกฝ่าย ก็คิดว่าสภาพของตัวเองคงไม่แย่เท่าไหร่
จางฉี่หลิงดูจะถูกใจผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวของผมมาก เขาเอาแต่จัดมันอยู่นั่น พอผมยอมให้เจ้าตัวเล่นจนเริ่มทนอายไม่ไหว ก็เลยว่าขึ้น
“…แล้วไงต่อ?”
“?”
“มีผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวทั้งที ก็ต้องมีพิธีแต่งงาน ใช่ไหมล่ะ?” ผมบอกเขา ยิ้มนิดๆ คาดว่ารอยยิ้มคงไม่ได้ดูดีเท่าไหร่ ในเมื่อตอนนี้ผมรุ้สึกว่าเลือดสูบฉีดจนหน้าแดงใจสั่นไปหมด
“..จางฉี่หลิง จากนี้ไป ทั้งยามสุขยามยาก ยามปกติและป่วยไข้ นายจะประคับประคอง อยู่กับฉันจนกว่าจะสิ้นลมหายใจไหม?”
“แม้ยามสิ้นลมหายใจ ก็จะอยู่เคียงข้าง” จางฉี่หลิงตอบกลับผม ยกมือผมขึ้นมาบีบเล็กน้อยราวกับให้คำสัญญา จดจ้องผมด้วยสายตาแน่วแน่
นั่นเป็นสิ่งที่ดีงามมากกว่าคำสาบานใดใด
ความจริง…เราแทบไม่ต้องกล่าวคำสัตย์สาบานแก่กัน ในเมื่อผมรู้ดีว่าเราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป นับแต่วันที่ผมมอบนามให้เขา และเขากล่าวว่าจะยินดีเป็นกิเลนของผมตลอดไป ผมรู้..จางฉี่หลิงเป็นผู้ชายที่รับผิดชอบ สิ่งใดที่เขาถือไว้เป็นหน้าที่ของตน จะต้องสำเร็จลุล่วงด้วยกำลังทั้งหมดของเขา
แต่กระนั้นการที่ได้ทำแบบนี้ ..ก็เหมือนได้ทำให้แน่ใจอีกครั้ง ว่าวินาทีนี้ตราบจนกว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะตายไป เราจะได้อยู่ด้วยกัน ไม่พรากจากกันอีกต่อไป
ผมรู้ดี เราย่อมไม่อาจตายพร้อมกัน ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องจากไปก่อน แต่หากเป็นเช่นนั้น ก็ขออย่าให้เวลาที่ต้องอยู่เดียวดายยาวนั้นมากไปนัก ทั้งสำหรับผมและจางฉี่หลิง สำหรับเรา
ไม่รู้ว่าผมจะไปก่อนหรือเขาจะไปก่อน…ผมอายุเท่านี้ แก่ตามที่มนุษย์คนหนึ่งจะแก่ แต่ช่วงชีวิตของจางฉี่หลิงช่างยืนยาว ผมไม่ต้องการปล่อยเขาให้เดียวดาย ไม่อยากทำร้ายเขาด้วยการปล่อยให้อยู่ในโลกที่อ้างว้างโดยไม่มีผม
เพราะผมรู้ดี..ว่ามันโหดร้ายเพียงใด
แต่อย่างไรเสียนั่นเป็นเรื่องราวอีกไกลแสนไกล และบัดนี้ จะขอรับรู้เพียงความสุขของการอยู่เคียงข้างกัน
ระหว่างที่กำลังครุ่นคิด ตกลงในห้วงภวังค์ของตน จางฉี่หลิงก็ฉวยโอกาสฉกจูบริมฝีปากผมเบาๆ รวดเร็ว
ผมนิ่งอ้าปากค้าง ช๊อคไปรอบที่สองของวัน รู้สึกถึงหัวใจที่เต้นรัวและใบหน้าที่ร้อนฉ่าจนเหมือนไอจะขึ้น “นาย..ทำอะ…”
“จูบสาบาน”
จางฉี่หลิงกล่าวยิ้มๆ นี่อย่าบอกนะว่าที่ยืมคอมพิวเตอร์วันนั้นก็เพราะจะหาข้อมูลด้วย!! พระเจ้าบอกที! หลังประตูนั่นมันคอร์สฝึกหัดเจ้าบ่าวหรือคาสโนว่าใช่ไหม!! ทำไมผู้ชายที่ชาเป็นก้อนหินเมื่อสิบปีก่อนถึงเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้!!
ผมโวยวายลั่นในใจ แต่ข้างนอกก็ยังอ้าปากค้างใส่เขา ใช้เวลานานกว่าสติจะร่วงกลับเข้าที่เข้าทาง ผมเลยทวงสิ่งที่สำคัญที่สุดในพิธีแต่งงาน
“แหวนล่ะ?”
“…..”
“ต้องแลกหลังพิธีสาบานไง?”
“…..”
“…ไม่มี?”
“….”
จางฉี่หลิงผงกหัวเบาๆ
พอเห็นเขานิ่งใส่แบบนั้น จากที่เขินแทบตาย ผมเลยระเบิดหัวเราะทันที
“ฮ่าๆๆๆ!!” ผมหัวเราะลั่นบ้าน หมดสิ้นซึ่งบรรยากาศความโรแมนติก ลงไปนั่งกุมท้องทุบพื้นอย่างอดรนทนไม่ไหว “นายรู้ไหม! ของที่เป็นรูปธรรมยิ่งกว่าชุดแต่งงานคือแหวนนะ!”
“…….”
ผมหัวเราะลั่นเป็นคนบ้า จางฉี่หลิงก็ยืนนิ่งเป็นคนบ้าใบ้ ผมว่าเขาคงเสียเซลฟ์ไปไม่มากก็น้อยล่ะ..เห็นแล้วก็อดสงสารไม่ได้
ผมลุกขึ้นยืน ปาดน้ำตาออก อ้าแขนกอดเขา ตบหลังเหมือนจะปลอบใจ “เอาน่า ถ้าอย่างนั้นเราจะไปซื้อแหวนพรุ่งนี้ยังทันเลย จะได้เลือกแหวนคู่แบบที่เหมาะกับเราด้วย ไม่ดีหรือ?
…อีกอย่างสิ่งที่เป็นรูปธรรมที่สุด ฉันได้มันมาตั้งนานแล้ว”
“อะไร?” เขาดันผมออกเล็กน้อย มองด้วยสีหน้าสงสัยใคร่รู้
ผมยิ้มขึ้นบางๆ ชี้นิ้วดันที่แผ่นอกของเขา “ตัวนายยังไงล่ะ”
เขาเบิกตามองผมเล็กน้อย
“แค่ตัวนายอยู่ตรงนี้ ก็เป็นหลักฐานที่มีรูปธรรมแล้วว่าเราจะอยู่ข้างกันตลอดไป ฉันไม่ต้องการผ้าคลุมหน้าเจ้าสาว ชุดแต่งงาน แหวน หรือ พิธีบ้าบออะไร …ขอแค่นายยืนอยู่ตรงนี้ ที่นี่ เคียงข้างกันก็พอ
มันเป็นเพียงสิ่งเดียวที่ฉันต้องการจากนาย”
พูดจบ ก็นิ่งไป มองใบหน้าเขาเนิ่นนาน
จางฉี่หลิงไม่ได้ตอบอะไรผม เพียงยืนนิ่งเช่นนั้นครู่ใหญ่ ก่อนจะตวัดผมไปกอดไว้แน่น กอดรัดไว้จนแทบหายไม่ออก
แต่ผมคิดว่า..เข้าใจ…เข้าใจว่าตอนนี้เขารู้สึกยังไง ดังนั้นจึงกอดเขากลับไป แน่นเท่าที่แน่นได้
รับรู้ช่วงเวลานี้เอาไว้
.
.
.
วันถัดมา เราไปที่ร้านขายเครื่องประดับ ซื้อแหวนมาคู่หนึ่ง ราคาแพงหูฉี่ แต่ราคาไม่ถึงครึ่งของเงินที่จางฉี่หลิงได้มาจากการขายของที่ได้จากการคว่ำกรวย
มันเป็นแหวนหยก ลวดลายสลักไว้เล็กน้อย ขนาดพอดีกับนิ้วนางของผมและจางฉี่หลิงอย่างน่าใจหาย
ผมสวมแหวนให้จางฉี่หลิง และเขาก็สวมแหวนให้ผม จากนี้ไปนับจากลัญจกรผี และหัวใจของพวกเรา จะมีสิ่งนี้ที่เป็นของคู่กัน
พอทำอะไรเป็นรูปธรรมเช่นนี้ ก็รู้สึกว่าความรู้สึกในใจเริ่มชัดเจนเป็นรูปร่างขึ้น รู้สึกเขินอายประหลาด กระนั้น..ความอิ่มเอิบก็มากมายกว่านัก
ผมมองใบหน้าของเขา และเขาก็มองกลับมา บนใบหน้านั้นปรากฏรอยยิ้มบางๆ ที่ช่วงนี้เห็นได้บ่อยจนชินตา
สายลมอ่อนเบาพัดไหว จากนั้น เราก็จุมพิตกัน
ยืนยันคำสัตย์สาบานในหัวใจอีกครา
END
สาบานว่าฟิคนี้ เริ่มต้นเพราะอยากเห็นนายนอยสวมผ้าคลุมหน้าเจ้าสาว (...)
sinnerdarker- ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ
- จำนวนข้อความ : 343
Points : 4065
Join date : 27/10/2014
ที่อยู่ : บ้านสกุลหวัง
Re: [OS] จากนี้ชั่วนิรันดร์ [ผิงเสีย]
หวานนน น่ารักกก อบอุ่นนน แฮปปี้เอ็นดิ้งงง
ฮรือออ คนอ่านปริ่มไปด้วยเลย
ขอบคุณคุณซินสำหรับฟิคดีๆและฟีลอันหายากนี้ค่ะ
ฮรือออ คนอ่านปริ่มไปด้วยเลย
ขอบคุณคุณซินสำหรับฟิคดีๆและฟีลอันหายากนี้ค่ะ
Narakas- ด้วงต้นไม้เทพเจ้า
- จำนวนข้อความ : 263
Points : 3852
Join date : 27/10/2014
ที่อยู่ : ทิเบต
Re: [OS] จากนี้ชั่วนิรันดร์ [ผิงเสีย]
อบอุ่นหัวจัยยยยย หวานเว่อร์ แง สุดท้ายจางอากงก็ยังเปนจางอากง ไปคว่ำกรวยหาเงินมาซื้อผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวนี่อะไร โมเอะเกินไปแล้วว สามีนายน่ารักเกินไปแล้วอู๋เสียย ;//7//;
zerin- ด้วงสุสานใต้สมุทรทะเลซีซา
- จำนวนข้อความ : 188
Points : 3678
Join date : 05/11/2014
ที่อยู่ : เกาะอยู่หลังประตูสำริด
Re: [OS] จากนี้ชั่วนิรันดร์ [ผิงเสีย]
อื้อหือ โรแมนติกจังเลยค่า
มีไอเท็มคู่ตั้งแต่ลัญจกรผี แหวนคู่ หัวใจคู่กัน สุดท้ายก็ต้องมีลูกนะ กิ่งสำริดช่วยได้ 555
ตอนที่อู๋เสียเหงาเวลาเสี่ยวเกอไม่อยู่ข้างกายแล้วแอบสงสารแฮะ แต่ก็รู้นะเวลาเสี่ยวเกอออกไปข้างนอก เดี๋ยวต้องมีอะไรเซอร์ไพรส์อู๋เสียตอนกลับมาแน่
รายละเอียดเล็กๆอย่างตอนที่อู๋เสียตื่นขึ้นมาแล้ว panic ไม่เห็นเสี่ยวเกอ เลยรีบวิ่งไปอีกห้อง พุ่งเข้าไปหาเสี่ยวเกอ จากนั้นเสี่ยวเกอกอดปลอบ แล้วก็เลยต้องนอนห้องเดียวกันตลอดมันน่ารักมากเลยค่ะ อู๋เสียดูเหมือนแฮมสเตอร์ตัวเล็กๆ(ตัวไม่เล็ก) น่าปกป้องจัง
เสี่ยวเกอในฟิคนี้แบบว่านายหล่อมากเลยอ่ะพี่ชาย อยากจะหาอะไรมาเป็นเครื่องยืนยันความรักที่ตัวเองมีให้อู๋เสีย ถึงจะมีหลุดบ้างอะไรบ้าง แต่ก็มองเห็นความตั้งใจของเขานะ ดูรักมั่นจริงจังดี ผู้ชายแบบนี้น่ารัก เอาใจไปเลย แต่ตอนฉกจูบนี่ร้ายนะพ่อคุณ 555
แหวนหยกดูเข้ากับคู่นี้ดีนะคะ สองคนนี้เหมาะกับอะไรหยกๆ เกราะหยก ลัญจกรหยก ถ้ำหินหยก ปิ่นหยกไรงี้
สุดท้ายแล้วสิ่งของพวกนั้นมันก็แค่ของนอกกาย สิ่งสำคัญที่สุดก็คือในเมื่อสัญญาว่าจะเป็นกิเลนของอู๋เสียตลอดไปแล้ว ก็ขอให้นายอย่าจากอู่เสียไปไหนอีก อยู่ด้วยกัน คอยประคับประคองกันนะ ใครจะไปก่อนใครไม่รู้ แต่กว่าจะถึงตอนนั้นก็ขอให้ซึมซับช่วงเวลาดีๆที่จะมีด้วยกันไว้ให้เต็มที่ ขอให้ทั้งคู่มีความสุขกับชีวิตคู่นะจ๊ะ อินจัด
ไม่รู้จะบอกอะไรดีนอกจากชอบซีรีส์ฮันนีมูนนี้มาก คือมันเป็นอะไรที่เลอค่า อ่านแบบหวานๆมดขึ้นแล้วชื่นหัวใจ
ปล. เราก็อยากเห็นอู๋เสียในผ้าคลุมเจ้าสาวบ้าง เสี่ยวเกอส่งรูปมาให้ดูบ้างจิ
มีไอเท็มคู่ตั้งแต่ลัญจกรผี แหวนคู่ หัวใจคู่กัน สุดท้ายก็ต้องมีลูกนะ กิ่งสำริดช่วยได้ 555
ตอนที่อู๋เสียเหงาเวลาเสี่ยวเกอไม่อยู่ข้างกายแล้วแอบสงสารแฮะ แต่ก็รู้นะเวลาเสี่ยวเกอออกไปข้างนอก เดี๋ยวต้องมีอะไรเซอร์ไพรส์อู๋เสียตอนกลับมาแน่
รายละเอียดเล็กๆอย่างตอนที่อู๋เสียตื่นขึ้นมาแล้ว panic ไม่เห็นเสี่ยวเกอ เลยรีบวิ่งไปอีกห้อง พุ่งเข้าไปหาเสี่ยวเกอ จากนั้นเสี่ยวเกอกอดปลอบ แล้วก็เลยต้องนอนห้องเดียวกันตลอดมันน่ารักมากเลยค่ะ อู๋เสียดูเหมือนแฮมสเตอร์ตัวเล็กๆ
เสี่ยวเกอในฟิคนี้แบบว่านายหล่อมากเลยอ่ะพี่ชาย อยากจะหาอะไรมาเป็นเครื่องยืนยันความรักที่ตัวเองมีให้อู๋เสีย ถึงจะมีหลุดบ้างอะไรบ้าง แต่ก็มองเห็นความตั้งใจของเขานะ ดูรักมั่นจริงจังดี ผู้ชายแบบนี้น่ารัก เอาใจไปเลย แต่ตอนฉกจูบนี่ร้ายนะพ่อคุณ 555
แหวนหยกดูเข้ากับคู่นี้ดีนะคะ สองคนนี้เหมาะกับอะไรหยกๆ เกราะหยก ลัญจกรหยก ถ้ำหินหยก ปิ่นหยกไรงี้
สุดท้ายแล้วสิ่งของพวกนั้นมันก็แค่ของนอกกาย สิ่งสำคัญที่สุดก็คือในเมื่อสัญญาว่าจะเป็นกิเลนของอู๋เสียตลอดไปแล้ว ก็ขอให้นายอย่าจากอู่เสียไปไหนอีก อยู่ด้วยกัน คอยประคับประคองกันนะ ใครจะไปก่อนใครไม่รู้ แต่กว่าจะถึงตอนนั้นก็ขอให้ซึมซับช่วงเวลาดีๆที่จะมีด้วยกันไว้ให้เต็มที่ ขอให้ทั้งคู่มีความสุขกับชีวิตคู่นะจ๊ะ อินจัด
ไม่รู้จะบอกอะไรดีนอกจากชอบซีรีส์ฮันนีมูนนี้มาก คือมันเป็นอะไรที่เลอค่า อ่านแบบหวานๆมดขึ้นแล้วชื่นหัวใจ
ปล. เราก็อยากเห็นอู๋เสียในผ้าคลุมเจ้าสาวบ้าง เสี่ยวเกอส่งรูปมาให้ดูบ้างจิ
Duke_of_Florence- ด้วงสุสานใต้สมุทรทะเลซีซา
- จำนวนข้อความ : 113
Points : 3590
Join date : 31/10/2014
Re: [OS] จากนี้ชั่วนิรันดร์ [ผิงเสีย]
โอ๊ย นี่มัน มัน มัน //ระเบิดตัวเอง//
โครตของโครตของโครตของความฝันสูงสุดของผู้หญิงทั่วโลก
มีสามีพึ่งพาได้ แถมรักเดียวใจเดียว ทำให้ทุกอย่าง แถมโรแมนติก(ถึงจะเอ๋อๆไปหน่อย) โอ๊ยยยยยยยยยยยยยยย
//ตายอีกรอบ//
ฮือ ฮือ ฮือออออออออออออออออออออออออ อู๋เสียยยยยยยยยยยยยยยยย นายน้อยโชคดีที่สุดในโลก โฮกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
ดูแลนายน้อยดีๆนะฉี่หลิงงงงงงงงงงงงงง อยุ่ด้วยกันไปนานๆนะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะ
//ตายอย่างสงบ//
โครตของโครตของโครตของความฝันสูงสุดของผู้หญิงทั่วโลก
มีสามีพึ่งพาได้ แถมรักเดียวใจเดียว ทำให้ทุกอย่าง แถมโรแมนติก(ถึงจะเอ๋อๆไปหน่อย) โอ๊ยยยยยยยยยยยยยยย
//ตายอีกรอบ//
ฮือ ฮือ ฮือออออออออออออออออออออออออ อู๋เสียยยยยยยยยยยยยยยยย นายน้อยโชคดีที่สุดในโลก โฮกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
ดูแลนายน้อยดีๆนะฉี่หลิงงงงงงงงงงงงงง อยุ่ด้วยกันไปนานๆนะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะ
//ตายอย่างสงบ//
Snake_Blind- ด้วง
- จำนวนข้อความ : 41
Points : 3505
Join date : 06/12/2014
Age : 33
Re: [OS] จากนี้ชั่วนิรันดร์ [ผิงเสีย]
อยากจะจิกหมอนให้ขาดเหลือเกิน มันน่ารักมากกกกก มากกกกกกกกกกกก เถ้าแก่จางคะ หลังประตูนั่นมันมีอะไรกันแน่คะ หรือจะเป็นคอร์สเจ้าบ่าวอย่างที่นายน้อยว่าจริงๆ
คือน่ารักมาก อ่านไปเขินไป หวานเกินไปน้าาาาาาา โอ้ย แง่มมมม หวานไร้คำบรรยาย ตอนเสี่ยวเกอเอาผ้าคลุมเจ้าสาวคลุมให้นายน้อยนี่ขำนะ แต่คำพูดหลังจากนั้นทำให้เราอยากจะแทรกหน้าจอไปกรี๊ดต่อหน้าทั้งคู่เหลือเกิน เถ้าแก่จางน่ารักมากค่า
ว่าแต่อย่าลืมไปบอกผู้ใหญ่เจ้าสาวด้วยนะเสี่ยวเกอ เดี๋ยวฝั่งนู้นเค้าจะยกพลบุกบ้าน เอ๊ะ หรือจริงๆ แล้วเค้าไปสู่ขอกันไว้ตั้งแต่เสี่ยวเกอออกจากประตูแล้วกันนะ แต่ก็ช่างมันเหอะ แค่พวกนายได้อยู่ด้วยกันก็พอแล้ว
ีช่วงชีวิตของเสี่ยวเกอยาวกว่านายน้อยมาก คิดว่าอู๋เสียคงต้องพอจะหาทางรับมือสิ่งนี้ไว้แล้วแน่ แต่เอาเถอะนั่นมันเรื่องในอนาคต มีความสุขกับปัจจุบันที่พวกนายไขว่คว้ามาก่อนเถอะนะ ลำบากกันมามากพอแล้ว
คือน่ารักมาก อ่านไปเขินไป หวานเกินไปน้าาาาาาา โอ้ย แง่มมมม หวานไร้คำบรรยาย ตอนเสี่ยวเกอเอาผ้าคลุมเจ้าสาวคลุมให้นายน้อยนี่ขำนะ แต่คำพูดหลังจากนั้นทำให้เราอยากจะแทรกหน้าจอไปกรี๊ดต่อหน้าทั้งคู่เหลือเกิน เถ้าแก่จางน่ารักมากค่า
ว่าแต่อย่าลืมไปบอกผู้ใหญ่เจ้าสาวด้วยนะเสี่ยวเกอ เดี๋ยวฝั่งนู้นเค้าจะยกพลบุกบ้าน เอ๊ะ หรือจริงๆ แล้วเค้าไปสู่ขอกันไว้ตั้งแต่เสี่ยวเกอออกจากประตูแล้วกันนะ แต่ก็ช่างมันเหอะ แค่พวกนายได้อยู่ด้วยกันก็พอแล้ว
ีช่วงชีวิตของเสี่ยวเกอยาวกว่านายน้อยมาก คิดว่าอู๋เสียคงต้องพอจะหาทางรับมือสิ่งนี้ไว้แล้วแน่ แต่เอาเถอะนั่นมันเรื่องในอนาคต มีความสุขกับปัจจุบันที่พวกนายไขว่คว้ามาก่อนเถอะนะ ลำบากกันมามากพอแล้ว
karnalone- ด้วงสุสานใต้สมุทรทะเลซีซา
- จำนวนข้อความ : 115
Points : 3608
Join date : 27/10/2014
Re: [OS] จากนี้ชั่วนิรันดร์ [ผิงเสีย]
ในที่สุด ท่านจางก็สนใจโลกกับเชาแล้ววว
แต่ แต่ ผ้าคลุมเจ้าสาวมันใช่รึจางเกอเกอ ถถถถ ต้องแหวนสิแหวน นี่มานึกถึงผ้าคลุมได้ไง แต่นึกถึงนายน้อยสูง180หนัก80ใส่ผ้าคลุมเจ้าสาวแล้ว ฟฟฟฟฟ /จงมโนนายน้อยร่างบางต่อไปปป
แต่ แต่ ผ้าคลุมเจ้าสาวมันใช่รึจางเกอเกอ ถถถถ ต้องแหวนสิแหวน นี่มานึกถึงผ้าคลุมได้ไง แต่นึกถึงนายน้อยสูง180หนัก80ใส่ผ้าคลุมเจ้าสาวแล้ว ฟฟฟฟฟ /จงมโนนายน้อยร่างบางต่อไปปป
kame_kazuha- ด้วงต้นไม้เทพเจ้า
- จำนวนข้อความ : 274
Points : 3756
Join date : 27/10/2014
ที่อยู่ : สุสานสักที่
Re: [OS] จากนี้ชั่วนิรันดร์ [ผิงเสีย]
//กรีดร้องใส่ซิน
มันโฮกมากกกกกกกกกกก โอ้ยชอบบบบบ ชอบทุกอย่าง ทั้งพลอต จังหวะ การเล่าเรื่อง สำนวน แงงงงงงงงงงงงงงงง
ตอนที่เสี่ยวเกอไม่อยู่คือนายน้อยเหงามาก โหวงมาก โอยยย ชอบอ่ะ สื่อตรงนี้ได้ดีมาก อะไรที่เคยกอดเอาไว้พอมันหายไปก็เสียสูญ แงงงงง ชอบบบบบ
ตอนที่นายน้อยเห็นรองเท้าแต่หาเสี่ยวเกอไม่เจอคือจี๊ดมาก อารมณ์แบบลูกโป่งที่ฟองตัวจนสุดแล้วโดยปล่อยลมปลิวหายไปเลย แงงง
แล้วก็ชอบตอนที่จะไม่ร้องๆ สุดท้ายก็อดน้ำตารื้นไม่ได้อยู่ดี ยิ่งตอนนายน้อยซับน้ำตากับเสื้อเสี่ยวเกอนี่แบบ หงิงงงง เสี่ยวเกอคงสับสนมากที่เห็นนายน้อยร้องไห้ แต่ก็แบบ...ฉันจะแต่งงานกับนาย ฟฟฟฟฟฟ
ตอนกล่าวคำสาบานนี่คือเขินตาย ///////////// โง้ยมาก น่ารักมาก ฮืออออออออออ
โฮกฮากกกกกก ซินนนน เรื่องนี้แบบค่อดดีงามอ่ะ โอยยยยยย บ้าจริง ผิงเสียแบบนี้คือดีงามมมมมม //ดิ้นพลาดๆ ขอกอดหน่อย แงงงง
ป.ล. ว่าแต่เสี่ยอ้วนนี่อะไร นายรู้ก่อนทำไมไม่บอกเสี่ยวเกอเรื่องแหวน 5555555 นี่นายจงใจแกล้งสินะะะะ
มันโฮกมากกกกกกกกกกก โอ้ยชอบบบบบ ชอบทุกอย่าง ทั้งพลอต จังหวะ การเล่าเรื่อง สำนวน แงงงงงงงงงงงงงงงง
ตอนที่เสี่ยวเกอไม่อยู่คือนายน้อยเหงามาก โหวงมาก โอยยย ชอบอ่ะ สื่อตรงนี้ได้ดีมาก อะไรที่เคยกอดเอาไว้พอมันหายไปก็เสียสูญ แงงงงง ชอบบบบบ
ตอนที่นายน้อยเห็นรองเท้าแต่หาเสี่ยวเกอไม่เจอคือจี๊ดมาก อารมณ์แบบลูกโป่งที่ฟองตัวจนสุดแล้วโดยปล่อยลมปลิวหายไปเลย แงงง
แล้วก็ชอบตอนที่จะไม่ร้องๆ สุดท้ายก็อดน้ำตารื้นไม่ได้อยู่ดี ยิ่งตอนนายน้อยซับน้ำตากับเสื้อเสี่ยวเกอนี่แบบ หงิงงงง เสี่ยวเกอคงสับสนมากที่เห็นนายน้อยร้องไห้ แต่ก็แบบ...ฉันจะแต่งงานกับนาย ฟฟฟฟฟฟ
ตอนกล่าวคำสาบานนี่คือเขินตาย ///////////// โง้ยมาก น่ารักมาก ฮืออออออออออ
โฮกฮากกกกกก ซินนนน เรื่องนี้แบบค่อดดีงามอ่ะ โอยยยยยย บ้าจริง ผิงเสียแบบนี้คือดีงามมมมมม //ดิ้นพลาดๆ ขอกอดหน่อย แงงงง
ป.ล. ว่าแต่เสี่ยอ้วนนี่อะไร นายรู้ก่อนทำไมไม่บอกเสี่ยวเกอเรื่องแหวน 5555555 นี่นายจงใจแกล้งสินะะะะ
velvetronica- ด้วงสุสานใต้สมุทรทะเลซีซา
- จำนวนข้อความ : 100
Points : 3659
Join date : 08/11/2014
Re: [OS] จากนี้ชั่วนิรันดร์ [ผิงเสีย]
ฮือออออออออออ
ร้องไห้ด้วยความฟินค่ะ
ประหนึ่งลูกสาวแต่งงานออกเรือนไป
ฟินมาก ฟินสุด ๆ ไปเลย นี่แหละที่ฉันต้องการ
อ้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาา ตายตาหลับแล้ว
ฟิคนี้ดีงาม ดีงามทั้งเซ็ตเลยค่ะน้องซิน
ชอบประโยคนี้อ่ะ
ผมรีบโทรหาหวังเหมิง ถามว่าเถ้าแก่จางได้ไปที่ร้านหรือเปล่า ในขณะที่เริ่มสำรวจบ้านตัวเอง ค้นห้องทุกห้อง ยอมแม้กระทั่งถีบบานประตุห้องน้ำเลิกม่านออก (ถ้าเจอเขาเปลือยอาบน้ำอยู่ผมจะกรี๊ดไหม หรือจางฉี่หลิงจะกรี๊ดเอง..เลิกคิดดีกว่า)
คือมันใช่นายน้อยเลยอ่ะ ปกติก็ว่าน้องซินเขียนดีอยู่แล้ว ไม่ค่อยหลุดคาแรกเตอร์ด้วย แต่ประโยคในวงเล็บยิ่งยืนยันว่า นี่คือ นายน้อยจริง ๆ เข้าไปอีก แบบว่า มันมีแต่นายน้อยเท่านั้นที่เวลาหน้าสิ่วหน้าขวานจะคิดอะไรเพี้ยน ๆ พรรค์นี้ได้ ฮาาาาาาาาา
ร้องไห้ด้วยความฟินค่ะ
ประหนึ่งลูกสาวแต่งงานออกเรือนไป
ฟินมาก ฟินสุด ๆ ไปเลย นี่แหละที่ฉันต้องการ
อ้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาา ตายตาหลับแล้ว
ฟิคนี้ดีงาม ดีงามทั้งเซ็ตเลยค่ะน้องซิน
ชอบประโยคนี้อ่ะ
ผมรีบโทรหาหวังเหมิง ถามว่าเถ้าแก่จางได้ไปที่ร้านหรือเปล่า ในขณะที่เริ่มสำรวจบ้านตัวเอง ค้นห้องทุกห้อง ยอมแม้กระทั่งถีบบานประตุห้องน้ำเลิกม่านออก (ถ้าเจอเขาเปลือยอาบน้ำอยู่ผมจะกรี๊ดไหม หรือจางฉี่หลิงจะกรี๊ดเอง..เลิกคิดดีกว่า)
คือมันใช่นายน้อยเลยอ่ะ ปกติก็ว่าน้องซินเขียนดีอยู่แล้ว ไม่ค่อยหลุดคาแรกเตอร์ด้วย แต่ประโยคในวงเล็บยิ่งยืนยันว่า นี่คือ นายน้อยจริง ๆ เข้าไปอีก แบบว่า มันมีแต่นายน้อยเท่านั้นที่เวลาหน้าสิ่วหน้าขวานจะคิดอะไรเพี้ยน ๆ พรรค์นี้ได้ ฮาาาาาาาาา
Yuwadee Wana- ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ
- จำนวนข้อความ : 352
Points : 3839
Join date : 27/10/2014
Re: [OS] จากนี้ชั่วนิรันดร์ [ผิงเสีย]
จางฉี่หลิงนี่ศึกษามาดีไปคุยกับนายอ้วนมาด้วยใช่มั้ยนี่
ไปขุดกรวยก้เอาเงินมาขออู๋เสียแต่งงง
แต่ละประโยคอ่านแล้วเขิลลลลล
คู่นี้โรแมนติกดีจุงงง
ไปขุดกรวยก้เอาเงินมาขออู๋เสียแต่งงง
แต่ละประโยคอ่านแล้วเขิลลลลล
คู่นี้โรแมนติกดีจุงงง
gustoon- ด้วงสุสานใต้สมุทรทะเลซีซา
- จำนวนข้อความ : 104
Points : 3569
Join date : 22/11/2014
ที่อยู่ : ใต้เตียงนายน้อยอู๋
Re: [OS] จากนี้ชั่วนิรันดร์ [ผิงเสีย]
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด หวานเกินไปแล้ว อ่านแล้วน้ำตาลในเลือดจะพุ่งขึ้นตาม โฮกกกกกกกกกกกก เสี่ยวเกอไปเข้าคอร์สเจ้าบ่าวมาจริงๆใช่มั้ย มีเสี่ยอ้วนเป็นคนเทรนให้ใช่มั้ย นายสารภาพมานะ!!!
หนีไปคว่ำกรวยหาเงินเนี่ย มีค่าของหมั้นด้วยหรือเปล่าคะ ไปสู่ขอกับทางบ้านสกุลอู๋หรือยัง 55+
นายน้อยก็สาวน้อยมากกกกกก รอคอยการกลับมาของสามี(?) ความเคยชินเวลาที่บ้านมีใครอีกคนอยู่ แล้วคนนั้นก็หายไป มันเหงาจริงๆ สื่อออกมาผ่านนายน้อยชัดเจนมากค่ะ เป็นไงคะ นายน้อย เจ้าบ่าวกลับมาพร้อมเซอร์ไพรซ์แต่งงานแบบสายฟ้าแลบ...คืนนั้นแต่งเสร็จเข้าหอต่อหรือเปล่านะ...
ควาสัมพันธ์ของพวกนายต่อให้ไม่มีพิธี ไม่มีแหวน แค่พวกนายอยู่ด้วยกันก็พอแล้วจริงๆนะ
เสี่ยวเกอ...นายอย่าทิ้งนายน้อยไปอีกนะ
หนีไปคว่ำกรวยหาเงินเนี่ย มีค่าของหมั้นด้วยหรือเปล่าคะ ไปสู่ขอกับทางบ้านสกุลอู๋หรือยัง 55+
นายน้อยก็สาวน้อยมากกกกกก รอคอยการกลับมาของสามี(?) ความเคยชินเวลาที่บ้านมีใครอีกคนอยู่ แล้วคนนั้นก็หายไป มันเหงาจริงๆ สื่อออกมาผ่านนายน้อยชัดเจนมากค่ะ เป็นไงคะ นายน้อย เจ้าบ่าวกลับมาพร้อมเซอร์ไพรซ์แต่งงานแบบสายฟ้าแลบ...คืนนั้นแต่งเสร็จเข้าหอต่อหรือเปล่านะ...
ควาสัมพันธ์ของพวกนายต่อให้ไม่มีพิธี ไม่มีแหวน แค่พวกนายอยู่ด้วยกันก็พอแล้วจริงๆนะ
เสี่ยวเกอ...นายอย่าทิ้งนายน้อยไปอีกนะ
MinMin- ด้วงต้นไม้เทพเจ้า
- จำนวนข้อความ : 222
Points : 3854
Join date : 28/10/2014
Nepenthes- ด้วง
- จำนวนข้อความ : 42
Points : 3457
Join date : 01/01/2015
Re: [OS] จากนี้ชั่วนิรันดร์ [ผิงเสีย]
//กลิ้งตกเตียง...
อ่านๆอยู่แทบกลิ้งตกเตียงตอนนายน้อยพูดถึงผ้าคลุมหน้าเจ้าสาว...
//ขำค้าง...
โรแมนซ์มากค่ะ มากจนอยากวาดFAให้เลย = ="
รอก่อนนะ รอข้อมือหายก่อน 555
อ่านๆอยู่แทบกลิ้งตกเตียงตอนนายน้อยพูดถึงผ้าคลุมหน้าเจ้าสาว...
//ขำค้าง...
โรแมนซ์มากค่ะ มากจนอยากวาดFAให้เลย = ="
รอก่อนนะ รอข้อมือหายก่อน 555
natsume- ด้วงตำหนักหลู่หวังเจ็ดดารา
- จำนวนข้อความ : 97
Points : 3531
Join date : 08/01/2015
ที่อยู่ : บนหลังกิเลน
Re: [OS] จากนี้ชั่วนิรันดร์ [ผิงเสีย]
อุ่นนน อุ่นจนร้อนแล่วววววววว
เขิลลลลลล
หวานจนด้วงเป็นเบาหวานตายกันหมดแล้ว อ้อววววววววว
เขิลลลลลล
หวานจนด้วงเป็นเบาหวานตายกันหมดแล้ว อ้อววววววววว
Rozenkreuz- ด้วงอาณาจักรเจ้าแม่ซีหวังหมู่
- จำนวนข้อความ : 625
Points : 3859
Join date : 01/07/2015
Age : 31
ที่อยู่ : กองทัพผีเก็บเห็ดแห่งประตูสำริด
Re: [OS] จากนี้ชั่วนิรันดร์ [ผิงเสีย]
นายอ้วนอย่าว่านายน้อยอย่างนั้นสิ แค่เกือบเป็นม่ายขันหมากเอง แค่กๆ
Zeth- ด้วงตำหนักหลู่หวังเจ็ดดารา
- จำนวนข้อความ : 74
Points : 2696
Join date : 04/03/2017
Age : 26
ที่อยู่ : ใต้เตียงชาวบ้าน
Similar topics
» [OS] #dmbjdaily '520' (ผิงเสีย :: เหม่งจาง,ผิงเสีย)
» [OS-AU] วิธีสยบเด็กฉบับเฮยเสียจื่อ #ผิงเสีย + เฮย
» [OS] งานวิจัยว่าด้วยการศึกษาพฤติกรรมของจางฉี่หลิง (ผิงเสีย)
» [OS] โรค - ผิงเสีย
» [Fic] 001 [ผิงเสีย]
» [OS-AU] วิธีสยบเด็กฉบับเฮยเสียจื่อ #ผิงเสีย + เฮย
» [OS] งานวิจัยว่าด้วยการศึกษาพฤติกรรมของจางฉี่หลิง (ผิงเสีย)
» [OS] โรค - ผิงเสีย
» [Fic] 001 [ผิงเสีย]
หน้า 1 จาก 1
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
|
|
Fri 24 Jul 2020, 01:39 by gustoon
» [คู่มือด้วง] Keyword จีนสำหรับการขุด(แฟนดอม)สุสาน
Thu 21 Jun 2018, 00:29 by miskizfullmoon
» มังฮวาและภาคทิเบต
Thu 21 Jun 2018, 00:23 by miskizfullmoon
» [OS] Father is the best (ผิงเสีย)
Thu 03 Aug 2017, 16:12 by schneewittchen
» [Fic] สิ่งเล็กๆที่เชื่อมโลก5 [เมินโหยวผิง+อู่เสีย+เสี่ยอ้วน]+OC
Tue 01 Aug 2017, 12:30 by natsume
» [OS] #dmbjdaily (จูปาจุ๊บ) Bittersweet [ผิงเสีย AU]
Thu 06 Apr 2017, 15:58 by Zeth
» [OS] #dmbjdaily "โทรศัพท์มือถือ" - no Pairing [All]
Tue 04 Apr 2017, 22:27 by Zeth
» [OS] #DMBJDaily (แว่น): ระยะที่มองไม่เห็น [ฮัวเสีย]
Sat 01 Apr 2017, 16:55 by Zeth
» [OS] #DMBJdaily (5.20) ท่านยอดฝีมือ [หวังเหมิง (+เหมิงเสีย)(+ผิงเสีย)]
Thu 30 Mar 2017, 17:24 by Zeth