Countdown
We've been
togerther for
ค้นหา
Latest topics
Most active topics
[OS] #DMBJDaily (สอง) : นายน้อย
+3
anurakbeer
sinnerdarker
Koume
7 posters
หน้า 1 จาก 1
[OS] #DMBJDaily (สอง) : นายน้อย
[OS] #DMBJDaily (สอง) : นายน้อย
Main Character: อู๋เสีย
คำเตือน : มีการพาดพิงถึงนิสัยและภูมิหลังตัวละครจาก the Tibetan code (1)
(แค่อ้างอิงค่ะ ใครไม่เคยอ่านเรื่องนี้ก็ไม่มีปัญหานะคะ แอออ)
------------
เช้าวันหนึ่ง อู๋เสียกำลังนั่งอ่านนิยายที่เพื่อนสมัยเรียนแนะนำมาด้วยความหงุดหงิด
ส่วนตัวเขาเองมีนิสัยชอบอ่านมาแต่ไหนแต่ไร คงเพราะการปลูกฝังตั้งแต่เด็กจากทางบ้าน นอกจากจะมีนิสัยชอบจดบันทึกเรื่องราวแล้วยังเสพติดการอ่านหนังสือเกือบทุกประเภทอีกด้วย ลองคิดถึงความรู้สึกเคว้งคว้าง เวลาต้องนั่งอยู่เฉยๆ โดยที่ในมือไม่มีหนังสือสักเล่ม วินาทีนั้นจะค้นพบว่าโลกใบนี้ช่างน่าเบื่อเอามากๆ
เพียงแต่หลังจากวุ่นวายเรื่องลงสุสานในช่วงที่ผ่านมา เขาไม่มีโอกาสหาเวลาพักอ่านหนังสืออย่างที่ชอบทำเท่าไรนัก กว่าจะเจียดหาเวลาพักได้ช่างยากเย็น เลยตั้งใจว่าจะหาหนังสือดีๆสักเรื่องอ่านให้หายฟุ้งซ่าน พอลองถามไป เพื่อนสมัยเรียนที่ติดต่อกันทางอินเตอร์เน็ตก็ส่งหน้าปกนิยายเรื่องหนึ่งมาให้ดู ซ้ำยังกำชับนักหนาว่าต้องไปหาเรื่องนี้มาอ่านให้ได้นะ
แต่แค่เล่มแรกก็ชวนให้นายน้อยอู๋อารมณ์เสียซะแล้ว
นิยายเรื่องนี้พูดถึงการผจญภัยแถวธิเบต จุดประสงค์หลักตอนแรกเพื่อตามล่าหาสุนัขสายพันธุ์ธิเบตัน มัสทิฟฟ์ที่เป็นตำนาน ในเนื้อเรื่องเรียกมันว่ากิเลนม่วง(ถึงตรงนี้อู๋เสียหันไปมองพ่อกิเลนดำที่นั่งเหม่ออยู่ข้างหน้าต่างแล้วก็..โอเค ช่างมันเถอะ) แม้ว่าประเด็นช่วงแรกจะน่าสนใจดี นิยายเกี่ยวกับการผจญภัยไขปริศนาดีๆย่อมน่าสนใจไม่น้อย แต่ตอนนี้อู๋เสียดันติดอยู่ที่ตรงจุดหนึ่งนี่สิ…
พระเอกของเรื่องนี้คือประธานบริษัทยักษ์ใหญ่ ผู้ชายวัยสี่สิบกว่า เขาตัวสูงใหญ่ สีหน้าดุดัน ทว่าเหนือสิ่งอื่นใด
...จัวมู่เฉียงปา ก็เป็นนายน้อยของตระกูล
ยิ่งอ่านยิ่งรู้สึกหงุดหงิด หมอนี่เป็นนายน้อยเหมือนกันกับเขาแท้ๆ ทำไมบริบทในเรื่องมันถึงได้แตกต่างกันขนาดนี้ หา ?
เมื่อลองเปรียบเทียบตัวเองกับเฉียงปาลาตัวเอกของเรื่อง เขาก็ค้นพบความแตกต่างในหลายๆจุดอย่างไม่น่าให้อภัย เฉียงปาลารูปร่างสูงใหญ่ ข้อนี้อู๋เสียยังพอหยวนๆให้ได้ พวกเขาน่าจะห่างกันประมาณหก-เจ็ดเซนติเมตร ถือว่าไม่มากเกินไป แต่ที่น่าหมั่นไส้คืออีกฝ่ายมีฝีมือการต่อสู้เก่งกาจ ทั้งยังมีสัญชาตญาณสูง ผิดกับตัวอู๋เสียที่ลงสุสานครั้งแรกก็แสดงความน่าอับอายออกมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า แถมฝีมือยิงปืนก็หายไปเกือบหมด แม่งโครตไม่ยุติธรรม
พวกเขาทั้งสองคนมีทั้งความเหมือนและแตกต่างกัน ต่างก็เป็นนายน้อยของตระกูล เป็นลูกโทนคนเดียวของบ้าน และมีเรื่องที่ต้องไปผจญภัยหาความลับต่างๆโดยไม่ได้คาดฝัน
อู๋เสียพลิกหน้ากระดาษอ่านต่อไป เริ่มมีการพูดถึงสาวงามนามว่าถังหมิ่น เด็กสาว(...รุ่นลูก)ที่เป็นคนรักของพระเอก ทั้งสองรักใคร่หวานซึ้งกันจนชวนเลี่ยน พ่องสิ ทำไมเขาไม่เห็นมีบ้าง อย่าพูดถึงเรื่องดอกไม้งามให้ชุ่มชื่นหัวใจเลย จะหันซ้ายแลขวาก็เห็นแต่ผู้ชายวัยฉกรรจ์หุ่นล่ำสันถึกเถื่อน หน้าตาหาดูดีไม่ได้สักนิด อู๋เสียเจ็บปวดใจ ทำไมโลกไม่ยุติธรรมแบบนี้
เขายังนั่งอ่านต่อเรื่อยๆ จนกระทั่งนายอ้วนเดินเข้ามาทักก็ยังไม่หยุดวางหนังสือ อู๋เสียปล่อยให้เขาพล่ามเองคนเดียวไป แบ่งสมาธิมาตอบรับประโยคชวนคุยแค่อืออาเป็นระยะ ท่าทีเคร่งเครียดเวลาอ่านทำให้นายอ้วนต้องเลิกคิ้วมองด้วยความงุนงง
“เทียนเจิน นายอ่านหนังสือเตรียมสอบหรือไง”
อู๋เสียสถบด่าพ่อนายอ้วนไปหนึ่งที ถึงกระนั้นยังก้มหน้าก้มตาอ่านอยู่ นายอ้วนเพียงแค่ยักไหล่ใส่คำสรรเสริญบรรพบุรุษ เกาพุงอวบอ้วนแกรกๆ “ก็เห็นนายน้อยอู๋ทำหน้าเครียดๆ อินกับนิยายมากไปหรือเปล่า”
อู๋เสียที่ตั้งใจจะเมินเฉยกับประโยคนายอ้วน พอได้ยินคำว่า ‘นายน้อย’ แล้วชะงักไปนิดหนึ่ง เขาเอียงคอครุ่นคิด สุดท้ายตัดสินใจวางหนังสือนิยายลงแล้วเงยหน้าขึ้นมาถามนายอ้วนด้วยสีหน้าจริงจังอย่างยิ่ง
“นายคิดว่าฉันไปเรียนมวยปล้ำดีหรือเปล่า”
“หา?” นายอ้วนดูตกใจปนงุนงง ไม่รู้ว่าจู่ๆนายน้อยหนอนหนังสือผู้อ่อนเปลี้ยทักษะด้านกายภาพเกิดนึกคึกอะไรจะมาฝึกมวยปล้ำ “ไม่ไหวมั้งเทียนเจิน นายอ่อนปวกเปียกขนาดนี้ เอาแค่ชกมวยยังไม่น่ารอดเลย”
อู๋เสียฟังแล้วฉุนกึก สีหน้าพลันบึ้งตึง ตบโต๊ะเสียงดังลั่น
“คนอย่างนายน้อยสกุลอู๋ เป็นหนึ่งไม่มีสอง ฉันไม่ยอมแพ้ไอ้นายน้อยจัวมู่นั่นหรอกโว้ย!”
“หา! แล้วนายน้อยจัวมู่นั่นเป็นใคร!?”
ท่ามกลางเสียงเอะอะโวยวายของอู๋เสียและอ้วนหวัง จางฉี่หลิงที่นั่งเงียบตั้งแต่เช้าก็ลุกขึ้นเดินมาเปิดอ่านหนังสือที่อู๋เสียอ่านเมื่อสักครู่ สองนิ้วยาวไล่เปิดอย่างรวดเร็ว เขากวาดสายตาอ่านด้วยความใจเย็นอย่างยิ่ง เพียงครึ่งเล่มก็วางลงแล้วมองไปทางนายน้อยสาม...เมื่อนึกถึงความสามารถของจัวมู่เฉียงปากับอู๋เสียแล้วต้องส่ายหน้าให้เป็นคำตอบ
.
.
จบเถอะ...
อีกนิด(....)
.
.
อู๋เสียกลับบ้านด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ เขาถูกขัดขวางจากเพื่อนทั้งสองคน เมื่อเห็นอาทั้งสองอยู่ที่โต๊ะทานข้าวเลยเดินเข้าไปหา
“อารอง อาสาม บ้านเราเลี้ยงธิเบตันได้ไหม?”
อู๋ซันเสิ่งที่กำลังอ้าปากค้าง ในมือถือช้อนโจ๊กอยู่ถึงกับติดสถานะงุนงง นั่งนิ่งมองหน้าหลานเป็นเวลาสามวินาทีแล้วยัดช้อนนั้นเข้าปากทานต่อ ปล่อยให้พี่รองเป็นคนตอบคำถาม อู๋เอ้อร์ไป๋วางแก้วชาลง ขมวดคิ้วถามหลานชายด้วยความสงสัยยิ่ง
“ทำไม?”
“...เพราะผมเป็นนายน้อยน่ะสิ!” นายน้อยคนดังกล่าวสีหน้าบูดเบี้ยว หมุนตัวเดินกระแทกส้นเท้าขึ้นห้องตัวเองไป ทิ้งความสงสัยให้กับอาตนเองแต่เพียงเท่านั้น
อู๋ซันเสิ่งเกาหัวแกรกๆ “ไอ้หลานชายมันเป็นอะไรวะ” เอ้อร์ไป๋เพียงยักไหล่ บ่งบอกว่าตนก็ไม่รู้คำตอบ
“แล้วถ้าเกิดมันไปหามาเลี้ยงจริงๆล่ะ”
“...ก็คงได้ฉายาเหมือนคุณพ่อมั้ง ไหนๆก็ฝึกหมาเหมือนกัน” เอ้อร์ไป๋มีสีหน้าครุ่นคิด
“ฉายาอะไรล่ะ อู๋ทิเบตัน?”
สองพี่น้องมองหน้ากันตาปริบๆ ในใจบอกไม่ได้ว่าควรห้ามปรามหรือควรทำอะไรดี
-------------------
/อะไรกันเนี้ย.... มีใครในนี้อ่านรหัสลับ หลังคาโลกมั้ยคะ แง5555
เราเพิ่งอ่านเล่มแรกค่ะ แต่แบบ... บทพระเอกเรื่องนี้เขาดูสมกับเป็นพระเอกมากๆเลยอดไม่ได้ที่จะแซะนายน้อย
อ่านก็ไปว้ากไป อ้าก เฉียงปาลานี่อิมเมจธิเบตันขนฟูฟ่องจริงๆ ในขณะที่นายน้อยฉันเหมือนปอมปอมเห่าบ๊อกแบ๊ก แง #....
ส่วนหัวข้อสอง...ก็นี่ไง นายน้อยสองคน แค่มาจากคนละเรื่อง! *สีข้างเลือดพุ่ง* เอาน่า ไหนๆก็คนแปลคนเดียวกันนะ(...)
เอาเป็นว่ากราบสวัสดีแต่เพียงเท่านี้ เลิฟข่ะQ v O
Main Character: อู๋เสีย
คำเตือน : มีการพาดพิงถึงนิสัยและภูมิหลังตัวละครจาก the Tibetan code (1)
(แค่อ้างอิงค่ะ ใครไม่เคยอ่านเรื่องนี้ก็ไม่มีปัญหานะคะ แอออ)
------------
เช้าวันหนึ่ง อู๋เสียกำลังนั่งอ่านนิยายที่เพื่อนสมัยเรียนแนะนำมาด้วยความหงุดหงิด
ส่วนตัวเขาเองมีนิสัยชอบอ่านมาแต่ไหนแต่ไร คงเพราะการปลูกฝังตั้งแต่เด็กจากทางบ้าน นอกจากจะมีนิสัยชอบจดบันทึกเรื่องราวแล้วยังเสพติดการอ่านหนังสือเกือบทุกประเภทอีกด้วย ลองคิดถึงความรู้สึกเคว้งคว้าง เวลาต้องนั่งอยู่เฉยๆ โดยที่ในมือไม่มีหนังสือสักเล่ม วินาทีนั้นจะค้นพบว่าโลกใบนี้ช่างน่าเบื่อเอามากๆ
เพียงแต่หลังจากวุ่นวายเรื่องลงสุสานในช่วงที่ผ่านมา เขาไม่มีโอกาสหาเวลาพักอ่านหนังสืออย่างที่ชอบทำเท่าไรนัก กว่าจะเจียดหาเวลาพักได้ช่างยากเย็น เลยตั้งใจว่าจะหาหนังสือดีๆสักเรื่องอ่านให้หายฟุ้งซ่าน พอลองถามไป เพื่อนสมัยเรียนที่ติดต่อกันทางอินเตอร์เน็ตก็ส่งหน้าปกนิยายเรื่องหนึ่งมาให้ดู ซ้ำยังกำชับนักหนาว่าต้องไปหาเรื่องนี้มาอ่านให้ได้นะ
แต่แค่เล่มแรกก็ชวนให้นายน้อยอู๋อารมณ์เสียซะแล้ว
นิยายเรื่องนี้พูดถึงการผจญภัยแถวธิเบต จุดประสงค์หลักตอนแรกเพื่อตามล่าหาสุนัขสายพันธุ์ธิเบตัน มัสทิฟฟ์ที่เป็นตำนาน ในเนื้อเรื่องเรียกมันว่ากิเลนม่วง(ถึงตรงนี้อู๋เสียหันไปมองพ่อกิเลนดำที่นั่งเหม่ออยู่ข้างหน้าต่างแล้วก็..โอเค ช่างมันเถอะ) แม้ว่าประเด็นช่วงแรกจะน่าสนใจดี นิยายเกี่ยวกับการผจญภัยไขปริศนาดีๆย่อมน่าสนใจไม่น้อย แต่ตอนนี้อู๋เสียดันติดอยู่ที่ตรงจุดหนึ่งนี่สิ…
พระเอกของเรื่องนี้คือประธานบริษัทยักษ์ใหญ่ ผู้ชายวัยสี่สิบกว่า เขาตัวสูงใหญ่ สีหน้าดุดัน ทว่าเหนือสิ่งอื่นใด
...จัวมู่เฉียงปา ก็เป็นนายน้อยของตระกูล
ยิ่งอ่านยิ่งรู้สึกหงุดหงิด หมอนี่เป็นนายน้อยเหมือนกันกับเขาแท้ๆ ทำไมบริบทในเรื่องมันถึงได้แตกต่างกันขนาดนี้ หา ?
เมื่อลองเปรียบเทียบตัวเองกับเฉียงปาลาตัวเอกของเรื่อง เขาก็ค้นพบความแตกต่างในหลายๆจุดอย่างไม่น่าให้อภัย เฉียงปาลารูปร่างสูงใหญ่ ข้อนี้อู๋เสียยังพอหยวนๆให้ได้ พวกเขาน่าจะห่างกันประมาณหก-เจ็ดเซนติเมตร ถือว่าไม่มากเกินไป แต่ที่น่าหมั่นไส้คืออีกฝ่ายมีฝีมือการต่อสู้เก่งกาจ ทั้งยังมีสัญชาตญาณสูง ผิดกับตัวอู๋เสียที่ลงสุสานครั้งแรกก็แสดงความน่าอับอายออกมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า แถมฝีมือยิงปืนก็หายไปเกือบหมด แม่งโครตไม่ยุติธรรม
พวกเขาทั้งสองคนมีทั้งความเหมือนและแตกต่างกัน ต่างก็เป็นนายน้อยของตระกูล เป็นลูกโทนคนเดียวของบ้าน และมีเรื่องที่ต้องไปผจญภัยหาความลับต่างๆโดยไม่ได้คาดฝัน
อู๋เสียพลิกหน้ากระดาษอ่านต่อไป เริ่มมีการพูดถึงสาวงามนามว่าถังหมิ่น เด็กสาว(...รุ่นลูก)ที่เป็นคนรักของพระเอก ทั้งสองรักใคร่หวานซึ้งกันจนชวนเลี่ยน พ่องสิ ทำไมเขาไม่เห็นมีบ้าง อย่าพูดถึงเรื่องดอกไม้งามให้ชุ่มชื่นหัวใจเลย จะหันซ้ายแลขวาก็เห็นแต่ผู้ชายวัยฉกรรจ์หุ่นล่ำสันถึกเถื่อน หน้าตาหาดูดีไม่ได้สักนิด อู๋เสียเจ็บปวดใจ ทำไมโลกไม่ยุติธรรมแบบนี้
เขายังนั่งอ่านต่อเรื่อยๆ จนกระทั่งนายอ้วนเดินเข้ามาทักก็ยังไม่หยุดวางหนังสือ อู๋เสียปล่อยให้เขาพล่ามเองคนเดียวไป แบ่งสมาธิมาตอบรับประโยคชวนคุยแค่อืออาเป็นระยะ ท่าทีเคร่งเครียดเวลาอ่านทำให้นายอ้วนต้องเลิกคิ้วมองด้วยความงุนงง
“เทียนเจิน นายอ่านหนังสือเตรียมสอบหรือไง”
อู๋เสียสถบด่าพ่อนายอ้วนไปหนึ่งที ถึงกระนั้นยังก้มหน้าก้มตาอ่านอยู่ นายอ้วนเพียงแค่ยักไหล่ใส่คำสรรเสริญบรรพบุรุษ เกาพุงอวบอ้วนแกรกๆ “ก็เห็นนายน้อยอู๋ทำหน้าเครียดๆ อินกับนิยายมากไปหรือเปล่า”
อู๋เสียที่ตั้งใจจะเมินเฉยกับประโยคนายอ้วน พอได้ยินคำว่า ‘นายน้อย’ แล้วชะงักไปนิดหนึ่ง เขาเอียงคอครุ่นคิด สุดท้ายตัดสินใจวางหนังสือนิยายลงแล้วเงยหน้าขึ้นมาถามนายอ้วนด้วยสีหน้าจริงจังอย่างยิ่ง
“นายคิดว่าฉันไปเรียนมวยปล้ำดีหรือเปล่า”
“หา?” นายอ้วนดูตกใจปนงุนงง ไม่รู้ว่าจู่ๆนายน้อยหนอนหนังสือผู้อ่อนเปลี้ยทักษะด้านกายภาพเกิดนึกคึกอะไรจะมาฝึกมวยปล้ำ “ไม่ไหวมั้งเทียนเจิน นายอ่อนปวกเปียกขนาดนี้ เอาแค่ชกมวยยังไม่น่ารอดเลย”
อู๋เสียฟังแล้วฉุนกึก สีหน้าพลันบึ้งตึง ตบโต๊ะเสียงดังลั่น
“คนอย่างนายน้อยสกุลอู๋ เป็นหนึ่งไม่มีสอง ฉันไม่ยอมแพ้ไอ้นายน้อยจัวมู่นั่นหรอกโว้ย!”
“หา! แล้วนายน้อยจัวมู่นั่นเป็นใคร!?”
ท่ามกลางเสียงเอะอะโวยวายของอู๋เสียและอ้วนหวัง จางฉี่หลิงที่นั่งเงียบตั้งแต่เช้าก็ลุกขึ้นเดินมาเปิดอ่านหนังสือที่อู๋เสียอ่านเมื่อสักครู่ สองนิ้วยาวไล่เปิดอย่างรวดเร็ว เขากวาดสายตาอ่านด้วยความใจเย็นอย่างยิ่ง เพียงครึ่งเล่มก็วางลงแล้วมองไปทางนายน้อยสาม...เมื่อนึกถึงความสามารถของจัวมู่เฉียงปากับอู๋เสียแล้วต้องส่ายหน้าให้เป็นคำตอบ
.
.
จบเถอะ...
อีกนิด(....)
.
.
อู๋เสียกลับบ้านด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ เขาถูกขัดขวางจากเพื่อนทั้งสองคน เมื่อเห็นอาทั้งสองอยู่ที่โต๊ะทานข้าวเลยเดินเข้าไปหา
“อารอง อาสาม บ้านเราเลี้ยงธิเบตันได้ไหม?”
อู๋ซันเสิ่งที่กำลังอ้าปากค้าง ในมือถือช้อนโจ๊กอยู่ถึงกับติดสถานะงุนงง นั่งนิ่งมองหน้าหลานเป็นเวลาสามวินาทีแล้วยัดช้อนนั้นเข้าปากทานต่อ ปล่อยให้พี่รองเป็นคนตอบคำถาม อู๋เอ้อร์ไป๋วางแก้วชาลง ขมวดคิ้วถามหลานชายด้วยความสงสัยยิ่ง
“ทำไม?”
“...เพราะผมเป็นนายน้อยน่ะสิ!” นายน้อยคนดังกล่าวสีหน้าบูดเบี้ยว หมุนตัวเดินกระแทกส้นเท้าขึ้นห้องตัวเองไป ทิ้งความสงสัยให้กับอาตนเองแต่เพียงเท่านั้น
อู๋ซันเสิ่งเกาหัวแกรกๆ “ไอ้หลานชายมันเป็นอะไรวะ” เอ้อร์ไป๋เพียงยักไหล่ บ่งบอกว่าตนก็ไม่รู้คำตอบ
“แล้วถ้าเกิดมันไปหามาเลี้ยงจริงๆล่ะ”
“...ก็คงได้ฉายาเหมือนคุณพ่อมั้ง ไหนๆก็ฝึกหมาเหมือนกัน” เอ้อร์ไป๋มีสีหน้าครุ่นคิด
“ฉายาอะไรล่ะ อู๋ทิเบตัน?”
สองพี่น้องมองหน้ากันตาปริบๆ ในใจบอกไม่ได้ว่าควรห้ามปรามหรือควรทำอะไรดี
-------------------
/อะไรกันเนี้ย.... มีใครในนี้อ่านรหัสลับ หลังคาโลกมั้ยคะ แง5555
เราเพิ่งอ่านเล่มแรกค่ะ แต่แบบ... บทพระเอกเรื่องนี้เขาดูสมกับเป็นพระเอกมากๆเลย
อ่านก็ไปว้ากไป อ้าก เฉียงปาลานี่อิมเมจธิเบตันขนฟูฟ่องจริงๆ ในขณะที่นายน้อยฉันเหมือนปอมปอมเห่าบ๊อกแบ๊ก แง #....
ส่วนหัวข้อสอง...ก็นี่ไง นายน้อยสองคน แค่มาจากคนละเรื่อง! *สีข้างเลือดพุ่ง* เอาน่า ไหนๆก็คนแปลคนเดียวกันนะ(...)
เอาเป็นว่ากราบสวัสดีแต่เพียงเท่านี้ เลิฟข่ะQ v O
Koume- ด้วงตำหนักหลู่หวังเจ็ดดารา
- จำนวนข้อความ : 77
Points : 3758
Join date : 27/10/2014
ที่อยู่ : สุสานวิกผมสกุลจาง
Re: [OS] #DMBJDaily (สอง) : นายน้อย
โอ๊ยย น่ารักมากค่ะแงงงงงง อ่านแล้วอยากไปอ่านหลังคาโลกบ้างเลย นายน้อยคะใจเย็นน นายน้อยน่ารักน่าเอ็นดุออกนะคะ ถถถถ จะไปเปรียบเทียบกับคนอื่นทำไม
อึ่มม รองานหนังืสอปีหน้าจะไปสอยค่ะ
โถ นายน้อย นางเอก(?) นายที่หน้าอ่อนรุ่นลูกก็เสี่ยวเกอไง!!
อึ่มม รองานหนังืสอปีหน้าจะไปสอยค่ะ
โถ นายน้อย นางเอก(?) นายที่หน้าอ่อนรุ่นลูกก็เสี่ยวเกอไง!!
sinnerdarker- ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ
- จำนวนข้อความ : 343
Points : 4201
Join date : 27/10/2014
ที่อยู่ : บ้านสกุลหวัง
Re: [OS] #DMBJDaily (สอง) : นายน้อย
วันนี้นั่งตรวจงานรหัสลับฯ นึกถึงเรื่องนายน้อยเฉียงปาลาอยู่เหมือนกันเลยครับ ^^
anurakbeer- ด้วงสุสานใต้สมุทรทะเลซีซา
- จำนวนข้อความ : 184
Points : 4081
Join date : 27/10/2014
Re: [OS] #DMBJDaily (สอง) : นายน้อย
นายน้อยเอ้ยยย น่ารักมากก 5555 ทำใจซะเถอะนะ//ตบบ่า(?)
zerin- ด้วงสุสานใต้สมุทรทะเลซีซา
- จำนวนข้อความ : 188
Points : 3814
Join date : 05/11/2014
ที่อยู่ : เกาะอยู่หลังประตูสำริด
Re: [OS] #DMBJDaily (สอง) : นายน้อย
นายน้อยขาถึงข้างกายนายน้อยจะไม่สาวงามแต่ก็มีหนุ่มรูปงามตั้งสองคนแถมเหล่าที่พร้อมยอมทำให้ทุกอย่างอีกนะคะ แล้วเรื่องที่จะไปเรียนมวยปล้ำน่ะเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วล่ะค่ะ นายน้อยบอบบางรอคนมาปกป้องแบบนี้ก็ดีอยู่แล้วนะคะ
SilverCloud- ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ
- จำนวนข้อความ : 433
Points : 4087
Join date : 27/10/2014
ที่อยู่ : ตู้เสื้อผ้าของอารอง
Re: [OS] #DMBJDaily (สอง) : นายน้อย
เราเคยอ่านแล้ว แต่คุณชายจัวมู่มีแต่สาวๆเต็มไปหมด คนที่พอจิ้นได้ไม่ตายก็หนีไปมีเมีย
เฮ้อ~ด้วงเซ็ง นายน้อยเป็นแบบนี้ดีแล้วล่ะ
เฮ้อ~ด้วงเซ็ง นายน้อยเป็นแบบนี้ดีแล้วล่ะ
meanato- ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ
- จำนวนข้อความ : 487
Points : 4108
Join date : 27/10/2014
Age : 26
ที่อยู่ : หลังประตูสัมฤทธิ์
Re: [OS] #DMBJDaily (สอง) : นายน้อย
5555555นายน้อยน่ารัก
sine501- ด้วงฝึกหัด
- จำนวนข้อความ : 10
Points : 3621
Join date : 02/11/2014
Similar topics
» [OS] #dmbjdaily (Pan zi) Wish
» [OS] #DMBJdaily (ฝัน): หวน
» [OS] #dmbjdaily "เทียน"
» [OS] #dmbjdaily (จาง) ร้านขายยาในหมอกฝัน [ผิงเสีย]
» [OS] #dmbjdaily 'Mistletoe' (15 :: จางฉี่ซานxอู๋เหลาโก่ว)
» [OS] #DMBJdaily (ฝัน): หวน
» [OS] #dmbjdaily "เทียน"
» [OS] #dmbjdaily (จาง) ร้านขายยาในหมอกฝัน [ผิงเสีย]
» [OS] #dmbjdaily 'Mistletoe' (15 :: จางฉี่ซานxอู๋เหลาโก่ว)
หน้า 1 จาก 1
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
|
|
Fri 24 Jul 2020, 01:39 by gustoon
» [คู่มือด้วง] Keyword จีนสำหรับการขุด(แฟนดอม)สุสาน
Thu 21 Jun 2018, 00:29 by miskizfullmoon
» มังฮวาและภาคทิเบต
Thu 21 Jun 2018, 00:23 by miskizfullmoon
» [OS] Father is the best (ผิงเสีย)
Thu 03 Aug 2017, 16:12 by schneewittchen
» [Fic] สิ่งเล็กๆที่เชื่อมโลก5 [เมินโหยวผิง+อู่เสีย+เสี่ยอ้วน]+OC
Tue 01 Aug 2017, 12:30 by natsume
» [OS] #dmbjdaily (จูปาจุ๊บ) Bittersweet [ผิงเสีย AU]
Thu 06 Apr 2017, 15:58 by Zeth
» [OS] #dmbjdaily "โทรศัพท์มือถือ" - no Pairing [All]
Tue 04 Apr 2017, 22:27 by Zeth
» [OS] #DMBJDaily (แว่น): ระยะที่มองไม่เห็น [ฮัวเสีย]
Sat 01 Apr 2017, 16:55 by Zeth
» [OS] #DMBJdaily (5.20) ท่านยอดฝีมือ [หวังเหมิง (+เหมิงเสีย)(+ผิงเสีย)]
Thu 30 Mar 2017, 17:24 by Zeth