Countdown
We've been
togerther for
ค้นหา
Latest topics
Most active topics
[OS] ปีหน้า [อู๋เสีย]
+2
faliona01
Amnesia
6 posters
หน้า 1 จาก 1
[OS] ปีหน้า [อู๋เสีย]
Title : ปีหน้า
Pairing : จริงๆแม็คก็คิดนะว่ามันผิงเสียหรือเสียผิง หรืออาจจะฮัวเสีย เฮยเสีย แต่นายอ้วนก็แย่งซีนนะ /เอ๊ะ
Rate : PG
Note : ได้ไอเดียจากตอนพิเศษของคุณหนานไพ่ที่คุณ @HOLINESZ แปลค่ะ /ขอบคุณที่แปลนะคะ
+++++++++++++++++++++++++++
“ปีหน้าก็ถึงเวลาแล้วใช่ไหม?”
ผมมานั่งนึกถึงคำถามที่แม่ถามเมื่อตอนกลางวัน ก็รู้สึกว่าเวลาสิบปีช่างผ่านไปอย่างรวดเร็วเหลือเกิน แม้จะบางครั้ง ที่บางเหตุการณ์ทำให้รู้สึกว่าเวลาราวกับจะเดินช้าจนแทบทนไม่ได้ แต่เมื่อหันกลับไปมองอีกครั้งมันก็ผ่านมาแล้วจริงๆ
สิบปีมานี้ มีอะไรหลายอย่างเปลี่ยนแปลงไปมากมาย ผมเองก็รู้ตัวว่าตัวเองเปลี่ยนไปไม่น้อย แต่ก็ไม่แน่ใจว่าความเปลี่ยนแปลงนี้เป็นไปในทางที่ดีขึ้นหรือเลวงลงอย่างไร เพราะแม้จะไม่เคยมีใครมาพูดใส่หน้าว่า ‘เฮ้ย แกเป็นแบบนี้แล้วไม่ดีเลย’ แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่มีใครมาบอกผมว่าตัวผมตอนนี้ดีกว่าเก่า
ผมเงยหน้าขึ้นพักสายตาจากกองกระดาษมากมายบนโต๊ะ ข้อมูลต่างๆที่ผมรวมรวมมาได้ในสิบปีนี้มากองรวมกันอยู่ตรงหน้าแล้ว แผนการบางอย่างที่ผมไม่เคยเอ่ยปากบอกใครค่อยๆเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น จนเกือบสมบูรณ์ ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดก็เหลือแค่รอเวลาเท่านั้น
เหม่อมองมือของตัวเองที่วางทับอยู่บนกระดาษ ครั้งหนึ่งมือของผมเคยนุ่มนิ่มเหมือนพวกคุณชายที่ทั้งชีวิตมีแต่เรียนและทำงานเอกสาร แต่ตอนนี้มันเต็มไปด้วยรอยแผลเป็น ทั้งฝ่ามือและหลังมือ ข้อนิ้วมือชัดเจน ฝ่ามือด้านแบบคนทำงานหนัก แบบที่ผมไม่เคยคิดว่าวันหนึ่งมือของผมมันจะกลายเป็นแบบนี้
แผลเป็นเป็นเรื่องปกติของคนคว่ำกรวย นอกจากมือแล้วทั่วตัวของผมก็มีรอยแผลจางๆกระจายอยู่ประปราย และผมไม่เดือดร้อนกับมันนัก
พับทบแขนเสื้อขึ้น ผมใส่เสื้อแขนยาวตลอดเวลาแม่กระทั่งในหน้าร้อนจนหลายคนทัก เมื่อไม่มีอะไรปิดไว้ ท้องแขนข้างหนึ่งปรากฏรอยแผลเป็นมากมาย รอยกรีดขวางในแนวตัดเส้นเลือด มากจนแทบจะนับไม่ได้ มันเก่ากว่าแผลที่มือ เก่ากว่าแผลเป็นเกือบทุกๆที่บนร่างกาย และมันไม่ได้เกิดขึ้นจากการลงดิน
ในช่วงหนึ่งปีหลังจากที่เขาจากไป เป็นช่วงที่มืดมนที่สุด สติของผมเหมือนหลุดลอยไป ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว หวังเหมิงบอกว่าเหมือนผีเข้าผีออก บางครั้งเหมือนปกติดี แต่บางทีก็เก็บตัวอยู่ในห้องเป็นวันๆ
จริงอย่างที่เขาว่า ช่วงนั้นผมรู้สึกเหมือนอะไรบางอย่างได้หายไป มันเคว้งคว้างไม่มีหลักยึด บางวันก็รู้สึกไม่อยากเจอหน้าใครสักคน ร้านก็ไม่เข้าไป รู้สึกอึดอัดแต่ก็ไม่พูดไม่คุยกับใคร
จนในที่สุด คืนหนึ่งที่ผมนั่งเหม่ออยู่ในห้องคนเดียว สายตาก็เหลือบไปเห็นคัตเตอร์ตัดกระดาษคู่ใจที่ใช้ประจำสมัยเรียนเสียบอยู่ในที่ใส่ปากกา ผมหยิบมันขึ้นมาดูอย่างพิจารณา ตัวด้ามยังดีแต่ใบมีดข้างในขึ้นสนิมหมดแล้ว พอลองรื้อดูในลิ้นชักก็เจอใบมีดที่ยังไม่ได้แกะออกใช้
ผมเปลี่ยนใบมีด ลองเลื่อนใบมีดขึ้นลงดู ด้านคมของมันสะท้อนแสงจากหลอดไฟในห้อง ผมนั่งมอง
แล้วสิ่งต่อมาที่ผมจำได้ก็คือสีแดง
มันไหลไปทั่วท้องแขน หยดลงบนโต๊ะและขากางเกง ผมหยิบทิชชู่มาเช็ดทั้งแขนและโต๊ะ สุดท้ายกระดาษทิชชู่เปื้อนเลือดกองใหญ่ก็วางอยู่บนโต๊ะ ผมมองรอยกรีดเรียบๆหลายรอยที่เลือดยังซึมอยู่ ไม่รู้สึกเจ็บแม้แต่น้อย
หลังจากนั้นผมก็เริ่มใส่เสื้อแขนยาวบ่อยขึ้น จนกระทั้งกลายเป็นใส่ตลอดเวลาเมื่อรอยแผลเพิ่มขึ้นจนเต็มพื้นที่ท้องแขน
ไม่มีใครสงสัย ไม่มีใครสนใจ จนกระทั่งผมไปเยื่ยมเสี่ยวฮัวเพราะเรื่องธุระแล้วบังเอิญเจอเฮยเสียจื่อที่นั่นด้วย ไม่รู้ว่าเพราะสังเกตว่าผมชอบใช้มือข้างเดียวในการหยิบจับนู้นนี่ หรืออาจจะเพราะผมไม่ค่อยขยับแขนอีกข้างก็ได้
หมอนั่นคว้าแขนซ้ายผมไว้ จับแรงจนผมเกือบร้องแล้วก็ดึงแขนเสื้อผมขึ้นโดยไม่ขออนุญาต
หลังจากนั้นเสี่ยวฮัวก็จัดการตามติดทุกการกระทำของผม ไม่รู้เขาทำยังไง แต่นับตั้งแต่นั้นมาไม่วาผมจะทำอะไรอยู่ที่ไหนเสี่ยวฮัวก็จะรู้เสมอ
ตอนนั้นผมรู้สึกแย่มาก รู้สึกว่าไม่เป็นอิสระ แม้ว่าเสี่ยวฮัวจะเพียงแค่ดูอยู่ห่างๆ ไม่ได้เข้ามายุ่งกับชีวิตผมมากมาย ช่วงนั้นผมรู้สึกว่าทุกๆคนที่ผมเดินสวนเป็นคนของเสี่ยวฮัวหมด แทบไม่กล้าจะทำอะไร ผมไม่กล้ากรีดตัวเองอีกแม้แต่ครั้งเดียวเพราะกลัวว่าเรื่องจะไปถึงที่บ้าน กลัวทั้งพ่อแม่และอารอง
แต่ก็ต้องขอบคุณเสี่ยวฮัวที่ทำแบบนั้น ไม่อย่างนั้นผมคนไม่ได้มานั่งอยู่ตรงนี้ในตอนนี้
ผมยกมือขึ้นแตะลำคอตัวเอง สัมผัสได้ถึงรอยแผลยาวเกือบสองนิ้วที่ลำคอค่อนมาด้านขวา
วันนั้นเป็นขีดสุดแห่งความอึดอัดและรู้สึกแย่ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ผมตวาดใส่หวังเหมิงทั้งๆที่เขาไม่ได้ทำอะไรผิด ยกเลิกนัดที่จะไปดูที่ร้านของอาสาม ไม่รับโทรศัพท์จากที่บ้าน ออกจากร้านมาตั้งแต่บ่าย แต่กลับเข้าบ้านตอนเกือบเที่ยงคืนเพราะเดินเตร่ไปทั่วอย่างไรจุดหมาย ไม่ได้กินทั้งข้าวกลางวันและข้าวเย็น พอถึงบ้านก็ขึ้นห้องนอนเลย ไม่ได้เปลี่ยนชุดด้วยซ้ำ แต่ก็นอนไม่หลับ หลายสิ่งหลายอย่างวนเวียนอยู่ในหัวจนเหมือนมันจะระเบิดออกมา
ลุกขึ้นไปดื่มน้ำจากขวดที่วางไว้บนโต๊ะเขียนหนังสือ ตอนนั้นเองที่สายตาของผมเหลือบไปเห็นคัตเตอร์อันเดิมที่ผมเคยใช้
วางขวดน้ำลง เอื้อมมือไปหยิบมันมา
แล้วผมก็มารู้สึกตัวอีกทีที่โรงพยาบาล
ตอนแรกแผลนี้น่ากลัวมาก มันเกือบจะตัดเส้นเลือดบริเวณลำคอข้างขวาจนขาด เลือดไหลออกมาเหมือนน้ำที่ไหลจากก๊อก ถ้าวันนั้นไม่มีคนพังประตูเข้ามาแล้วเรียกรถพยาบาลพร้อมกับห้ามเลือดทันที ผมคงเลือดหมดตัวตายไปแล้ว ผมมารู้ที่หลังว่าคนคนนั้นคือนายแว่น เสี่ยวฮัวได้รับรายงานว่าวันนั้นผมทีท่าทีแปลกๆแต่เขาไม่ว่าง เฮยเสียจื่อเลยมาดูผมแทนเพราะกลัวจะเกิดเรื่อง แล้วก็เกิดจริงๆ
ผมขอไม่ให้พวกเขาบอกกับที่บ้านเพราะกลัวพ่อแม่ไม่สบายใจ เสี่ยวฮัวรับปาก แต่เขาไม่ได้ตกลงว่าจะไม่บอกคนอื่นอีก
สามวันต่อมา นายอ้วนมาเยี่ยมผม เขาด่าผมเปิงทั้งเรื่องทำร้ายตัวเองและมีอะไรไม่ยอมปรึกษา ผมได้แต่ขอโทษ แต่ก็รู้สึกว่าสภาพจิตใจตัวเองดีขึ้นหลังจากฟังเทศนาของนายอ้วนสามชั่วโมงติดต่อกัน เขาอยู่เฝ้าจนผมออกโรงพยาบาล แล้วยังค้างบ้านผมอีกเกือบสองอาทิตย์ถึงจะไว้ใจให้ผมอยู่คนเดียว หลังจากนั้นก็แวะมาเยี่ยมบ่อยขึ้น
ไม่ใช่แค่นายอ้วน แต่เสี่ยวฮัวและนายแว่นด้วย พ่อกับแม่ก็โทรมาบ่อยขึ้นแม้จะไม่รู้ว่าผมเข้าโรงพยาบาลเพราะอะไรกันนา จนนายอ้วนบอกว่าผมควรจะกลับไปอยู่กับพวกท่านสักพัก
หลังจากนั้นผมก็ไม่ได้คิดจะทำร้ายตัวเองอีก ไม่รู้ว้าเพราะไปอยู่กับพ่อแม่แล้วรู้สึกผิดต่อพวกท่านหรือว่าเพราะการเฉียดตายทำให้ได้สติ
แต่ที่ผมรู้คือ หนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ผมกลับมายืนได้อีกครั้งคือประโยคประโยคหนึ่งที่นายอ้วนพูดใส่หน้าผมในตอนที่เขามาเยี่ยมที่โรงพยาบาล
‘นายคิดว่าทำแบบนี้ไปแล้วจะได้ประโยชน์อะไร ตอนจะทำเคยคิดไหมว่าถ้านายตายไปจะเกิดอะไรขึ้น ใครจะเสียใจบ้าง…’
ผมเงียบ เถียงไม่ออก
‘…แล้วคิดบ้างไหม ว่าอีกเก้าปี ถ้าหมอนั่นกลับมาแล้วรู้ว่านายตายไปแล้ว เขาจะรู้สึกยังไง…”
นั่นสินะ ถ้าผมไม่อยู่ แล้วจะมีใครทนดั้นด้นไปไกลถึงฉางไป๋ซาน เปิดประตูแล้วพาหมอนั่นกลับมา
ผมถอนหายใจ ผ่านมาแปดปีแล้วจากเหตุการณ์นั้น แผลทั้งหมดหายแล้วเหลือไว้แต่ร่อยรอยแผลเป็น ทั้งที่แขน ทั้งที่คอ
ทุกอย่างดูเหมือนเกิดขึ้นมายาวนานแล้ว และดูห่างไกล
‘ปีหน้าก็ถึงเวลาแล้วใช่ไหม?’
ใช่...ปีหน้าก็ถึงเวลาแล้ว...
+++++++++++++++++++++++++++
แงงงงงงงง สวัสดีค่ะ เป็นด้วงมือใหม่ค่ะ
เผอิญว่าอ่านตอนพิเศษที่คุณ @HOLINESZ แปลแล้วก็คิดไปเรื่อยเปื่อย ออกมาเป็นฟิคนี้แหละค่ะ
จะผิงเสียหรือเสียผิงก็ได้เนอะ ตามใจคนอ่านค่ะ
แต่งฟิคในแฟนด้อมนี้ เรื่องนี้เป็นเรื่องแรก อาจจะมีจุดที่ขัดๆบ้าง บอกกล่าวติชมได้นะคะ จะได้ปรับปรุงแก้ไข
ยังไงก็ฝากเนื้อฝากตัวจากตับไตหัวใจไส้พุงด้วยนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ
(อยากจะออกไปเล่นเดลี่ แต่ก็เหมือนว่าหัวข้อและเวลาไม่เข้าใจ /พี่ตูนว๊อยซ์)
Pairing : จริงๆแม็คก็คิดนะว่ามันผิงเสียหรือเสียผิง หรืออาจจะฮัวเสีย เฮยเสีย แต่นายอ้วนก็แย่งซีนนะ /เอ๊ะ
Rate : PG
Note : ได้ไอเดียจากตอนพิเศษของคุณหนานไพ่ที่คุณ @HOLINESZ แปลค่ะ /ขอบคุณที่แปลนะคะ
+++++++++++++++++++++++++++
“ปีหน้าก็ถึงเวลาแล้วใช่ไหม?”
ผมมานั่งนึกถึงคำถามที่แม่ถามเมื่อตอนกลางวัน ก็รู้สึกว่าเวลาสิบปีช่างผ่านไปอย่างรวดเร็วเหลือเกิน แม้จะบางครั้ง ที่บางเหตุการณ์ทำให้รู้สึกว่าเวลาราวกับจะเดินช้าจนแทบทนไม่ได้ แต่เมื่อหันกลับไปมองอีกครั้งมันก็ผ่านมาแล้วจริงๆ
สิบปีมานี้ มีอะไรหลายอย่างเปลี่ยนแปลงไปมากมาย ผมเองก็รู้ตัวว่าตัวเองเปลี่ยนไปไม่น้อย แต่ก็ไม่แน่ใจว่าความเปลี่ยนแปลงนี้เป็นไปในทางที่ดีขึ้นหรือเลวงลงอย่างไร เพราะแม้จะไม่เคยมีใครมาพูดใส่หน้าว่า ‘เฮ้ย แกเป็นแบบนี้แล้วไม่ดีเลย’ แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่มีใครมาบอกผมว่าตัวผมตอนนี้ดีกว่าเก่า
ผมเงยหน้าขึ้นพักสายตาจากกองกระดาษมากมายบนโต๊ะ ข้อมูลต่างๆที่ผมรวมรวมมาได้ในสิบปีนี้มากองรวมกันอยู่ตรงหน้าแล้ว แผนการบางอย่างที่ผมไม่เคยเอ่ยปากบอกใครค่อยๆเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น จนเกือบสมบูรณ์ ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดก็เหลือแค่รอเวลาเท่านั้น
เหม่อมองมือของตัวเองที่วางทับอยู่บนกระดาษ ครั้งหนึ่งมือของผมเคยนุ่มนิ่มเหมือนพวกคุณชายที่ทั้งชีวิตมีแต่เรียนและทำงานเอกสาร แต่ตอนนี้มันเต็มไปด้วยรอยแผลเป็น ทั้งฝ่ามือและหลังมือ ข้อนิ้วมือชัดเจน ฝ่ามือด้านแบบคนทำงานหนัก แบบที่ผมไม่เคยคิดว่าวันหนึ่งมือของผมมันจะกลายเป็นแบบนี้
แผลเป็นเป็นเรื่องปกติของคนคว่ำกรวย นอกจากมือแล้วทั่วตัวของผมก็มีรอยแผลจางๆกระจายอยู่ประปราย และผมไม่เดือดร้อนกับมันนัก
พับทบแขนเสื้อขึ้น ผมใส่เสื้อแขนยาวตลอดเวลาแม่กระทั่งในหน้าร้อนจนหลายคนทัก เมื่อไม่มีอะไรปิดไว้ ท้องแขนข้างหนึ่งปรากฏรอยแผลเป็นมากมาย รอยกรีดขวางในแนวตัดเส้นเลือด มากจนแทบจะนับไม่ได้ มันเก่ากว่าแผลที่มือ เก่ากว่าแผลเป็นเกือบทุกๆที่บนร่างกาย และมันไม่ได้เกิดขึ้นจากการลงดิน
ในช่วงหนึ่งปีหลังจากที่เขาจากไป เป็นช่วงที่มืดมนที่สุด สติของผมเหมือนหลุดลอยไป ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว หวังเหมิงบอกว่าเหมือนผีเข้าผีออก บางครั้งเหมือนปกติดี แต่บางทีก็เก็บตัวอยู่ในห้องเป็นวันๆ
จริงอย่างที่เขาว่า ช่วงนั้นผมรู้สึกเหมือนอะไรบางอย่างได้หายไป มันเคว้งคว้างไม่มีหลักยึด บางวันก็รู้สึกไม่อยากเจอหน้าใครสักคน ร้านก็ไม่เข้าไป รู้สึกอึดอัดแต่ก็ไม่พูดไม่คุยกับใคร
จนในที่สุด คืนหนึ่งที่ผมนั่งเหม่ออยู่ในห้องคนเดียว สายตาก็เหลือบไปเห็นคัตเตอร์ตัดกระดาษคู่ใจที่ใช้ประจำสมัยเรียนเสียบอยู่ในที่ใส่ปากกา ผมหยิบมันขึ้นมาดูอย่างพิจารณา ตัวด้ามยังดีแต่ใบมีดข้างในขึ้นสนิมหมดแล้ว พอลองรื้อดูในลิ้นชักก็เจอใบมีดที่ยังไม่ได้แกะออกใช้
ผมเปลี่ยนใบมีด ลองเลื่อนใบมีดขึ้นลงดู ด้านคมของมันสะท้อนแสงจากหลอดไฟในห้อง ผมนั่งมอง
แล้วสิ่งต่อมาที่ผมจำได้ก็คือสีแดง
มันไหลไปทั่วท้องแขน หยดลงบนโต๊ะและขากางเกง ผมหยิบทิชชู่มาเช็ดทั้งแขนและโต๊ะ สุดท้ายกระดาษทิชชู่เปื้อนเลือดกองใหญ่ก็วางอยู่บนโต๊ะ ผมมองรอยกรีดเรียบๆหลายรอยที่เลือดยังซึมอยู่ ไม่รู้สึกเจ็บแม้แต่น้อย
หลังจากนั้นผมก็เริ่มใส่เสื้อแขนยาวบ่อยขึ้น จนกระทั้งกลายเป็นใส่ตลอดเวลาเมื่อรอยแผลเพิ่มขึ้นจนเต็มพื้นที่ท้องแขน
ไม่มีใครสงสัย ไม่มีใครสนใจ จนกระทั่งผมไปเยื่ยมเสี่ยวฮัวเพราะเรื่องธุระแล้วบังเอิญเจอเฮยเสียจื่อที่นั่นด้วย ไม่รู้ว่าเพราะสังเกตว่าผมชอบใช้มือข้างเดียวในการหยิบจับนู้นนี่ หรืออาจจะเพราะผมไม่ค่อยขยับแขนอีกข้างก็ได้
หมอนั่นคว้าแขนซ้ายผมไว้ จับแรงจนผมเกือบร้องแล้วก็ดึงแขนเสื้อผมขึ้นโดยไม่ขออนุญาต
หลังจากนั้นเสี่ยวฮัวก็จัดการตามติดทุกการกระทำของผม ไม่รู้เขาทำยังไง แต่นับตั้งแต่นั้นมาไม่วาผมจะทำอะไรอยู่ที่ไหนเสี่ยวฮัวก็จะรู้เสมอ
ตอนนั้นผมรู้สึกแย่มาก รู้สึกว่าไม่เป็นอิสระ แม้ว่าเสี่ยวฮัวจะเพียงแค่ดูอยู่ห่างๆ ไม่ได้เข้ามายุ่งกับชีวิตผมมากมาย ช่วงนั้นผมรู้สึกว่าทุกๆคนที่ผมเดินสวนเป็นคนของเสี่ยวฮัวหมด แทบไม่กล้าจะทำอะไร ผมไม่กล้ากรีดตัวเองอีกแม้แต่ครั้งเดียวเพราะกลัวว่าเรื่องจะไปถึงที่บ้าน กลัวทั้งพ่อแม่และอารอง
แต่ก็ต้องขอบคุณเสี่ยวฮัวที่ทำแบบนั้น ไม่อย่างนั้นผมคนไม่ได้มานั่งอยู่ตรงนี้ในตอนนี้
ผมยกมือขึ้นแตะลำคอตัวเอง สัมผัสได้ถึงรอยแผลยาวเกือบสองนิ้วที่ลำคอค่อนมาด้านขวา
วันนั้นเป็นขีดสุดแห่งความอึดอัดและรู้สึกแย่ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ผมตวาดใส่หวังเหมิงทั้งๆที่เขาไม่ได้ทำอะไรผิด ยกเลิกนัดที่จะไปดูที่ร้านของอาสาม ไม่รับโทรศัพท์จากที่บ้าน ออกจากร้านมาตั้งแต่บ่าย แต่กลับเข้าบ้านตอนเกือบเที่ยงคืนเพราะเดินเตร่ไปทั่วอย่างไรจุดหมาย ไม่ได้กินทั้งข้าวกลางวันและข้าวเย็น พอถึงบ้านก็ขึ้นห้องนอนเลย ไม่ได้เปลี่ยนชุดด้วยซ้ำ แต่ก็นอนไม่หลับ หลายสิ่งหลายอย่างวนเวียนอยู่ในหัวจนเหมือนมันจะระเบิดออกมา
ลุกขึ้นไปดื่มน้ำจากขวดที่วางไว้บนโต๊ะเขียนหนังสือ ตอนนั้นเองที่สายตาของผมเหลือบไปเห็นคัตเตอร์อันเดิมที่ผมเคยใช้
วางขวดน้ำลง เอื้อมมือไปหยิบมันมา
แล้วผมก็มารู้สึกตัวอีกทีที่โรงพยาบาล
ตอนแรกแผลนี้น่ากลัวมาก มันเกือบจะตัดเส้นเลือดบริเวณลำคอข้างขวาจนขาด เลือดไหลออกมาเหมือนน้ำที่ไหลจากก๊อก ถ้าวันนั้นไม่มีคนพังประตูเข้ามาแล้วเรียกรถพยาบาลพร้อมกับห้ามเลือดทันที ผมคงเลือดหมดตัวตายไปแล้ว ผมมารู้ที่หลังว่าคนคนนั้นคือนายแว่น เสี่ยวฮัวได้รับรายงานว่าวันนั้นผมทีท่าทีแปลกๆแต่เขาไม่ว่าง เฮยเสียจื่อเลยมาดูผมแทนเพราะกลัวจะเกิดเรื่อง แล้วก็เกิดจริงๆ
ผมขอไม่ให้พวกเขาบอกกับที่บ้านเพราะกลัวพ่อแม่ไม่สบายใจ เสี่ยวฮัวรับปาก แต่เขาไม่ได้ตกลงว่าจะไม่บอกคนอื่นอีก
สามวันต่อมา นายอ้วนมาเยี่ยมผม เขาด่าผมเปิงทั้งเรื่องทำร้ายตัวเองและมีอะไรไม่ยอมปรึกษา ผมได้แต่ขอโทษ แต่ก็รู้สึกว่าสภาพจิตใจตัวเองดีขึ้นหลังจากฟังเทศนาของนายอ้วนสามชั่วโมงติดต่อกัน เขาอยู่เฝ้าจนผมออกโรงพยาบาล แล้วยังค้างบ้านผมอีกเกือบสองอาทิตย์ถึงจะไว้ใจให้ผมอยู่คนเดียว หลังจากนั้นก็แวะมาเยี่ยมบ่อยขึ้น
ไม่ใช่แค่นายอ้วน แต่เสี่ยวฮัวและนายแว่นด้วย พ่อกับแม่ก็โทรมาบ่อยขึ้นแม้จะไม่รู้ว่าผมเข้าโรงพยาบาลเพราะอะไรกันนา จนนายอ้วนบอกว่าผมควรจะกลับไปอยู่กับพวกท่านสักพัก
หลังจากนั้นผมก็ไม่ได้คิดจะทำร้ายตัวเองอีก ไม่รู้ว้าเพราะไปอยู่กับพ่อแม่แล้วรู้สึกผิดต่อพวกท่านหรือว่าเพราะการเฉียดตายทำให้ได้สติ
แต่ที่ผมรู้คือ หนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ผมกลับมายืนได้อีกครั้งคือประโยคประโยคหนึ่งที่นายอ้วนพูดใส่หน้าผมในตอนที่เขามาเยี่ยมที่โรงพยาบาล
‘นายคิดว่าทำแบบนี้ไปแล้วจะได้ประโยชน์อะไร ตอนจะทำเคยคิดไหมว่าถ้านายตายไปจะเกิดอะไรขึ้น ใครจะเสียใจบ้าง…’
ผมเงียบ เถียงไม่ออก
‘…แล้วคิดบ้างไหม ว่าอีกเก้าปี ถ้าหมอนั่นกลับมาแล้วรู้ว่านายตายไปแล้ว เขาจะรู้สึกยังไง…”
นั่นสินะ ถ้าผมไม่อยู่ แล้วจะมีใครทนดั้นด้นไปไกลถึงฉางไป๋ซาน เปิดประตูแล้วพาหมอนั่นกลับมา
ผมถอนหายใจ ผ่านมาแปดปีแล้วจากเหตุการณ์นั้น แผลทั้งหมดหายแล้วเหลือไว้แต่ร่อยรอยแผลเป็น ทั้งที่แขน ทั้งที่คอ
ทุกอย่างดูเหมือนเกิดขึ้นมายาวนานแล้ว และดูห่างไกล
‘ปีหน้าก็ถึงเวลาแล้วใช่ไหม?’
ใช่...ปีหน้าก็ถึงเวลาแล้ว...
+++++++++++++++++++++++++++
แงงงงงงงง สวัสดีค่ะ เป็นด้วงมือใหม่ค่ะ
เผอิญว่าอ่านตอนพิเศษที่คุณ @HOLINESZ แปลแล้วก็คิดไปเรื่อยเปื่อย ออกมาเป็นฟิคนี้แหละค่ะ
จะผิงเสียหรือเสียผิงก็ได้เนอะ ตามใจคนอ่านค่ะ
แต่งฟิคในแฟนด้อมนี้ เรื่องนี้เป็นเรื่องแรก อาจจะมีจุดที่ขัดๆบ้าง บอกกล่าวติชมได้นะคะ จะได้ปรับปรุงแก้ไข
ยังไงก็ฝากเนื้อฝากตัวจากตับไตหัวใจไส้พุงด้วยนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ
(อยากจะออกไปเล่นเดลี่ แต่ก็เหมือนว่าหัวข้อและเวลาไม่เข้าใจ /พี่ตูนว๊อยซ์)
Amnesia- ด้วงฝึกหัด
- จำนวนข้อความ : 14
Points : 3570
Join date : 14/01/2015
Re: [OS] ปีหน้า [อู๋เสีย]
นายน้อย เราเข้าใจ
ระหว่างนั้นนายน้อยก็เลยไปลุยทราย คว่ำประตูธิเบต บุกเขาหิมะ
ดำดิ่งเดินเกาะ ไปนู้นมานี้ให้หายฟุ้งซ่ายสินะคะ
แหม๋........... นายน้อย................
ระหว่างนั้นนายน้อยก็เลยไปลุยทราย คว่ำประตูธิเบต บุกเขาหิมะ
ดำดิ่งเดินเกาะ ไปนู้นมานี้ให้หายฟุ้งซ่ายสินะคะ
แหม๋........... นายน้อย................
faliona01- ด้วงต้นไม้เทพเจ้า
- จำนวนข้อความ : 261
Points : 3894
Join date : 02/11/2014
ที่อยู่ : เตียงหยกเย็นในถ้ำสุสานโบราณ
Re: [OS] ปีหน้า [อู๋เสีย]
โดนอย่างแรง...
นายน้อยโซแซดมากถึงขนาดทำร้ายตัวเอง เคยคิดว่ามันต้องเกิดซักครั้งเหมือนกันค่ะ และแน่นอนว่าถ้าเสี่ยอ้วนรู้ฮีจะต้องรีบบึ่งกลับมาทันทีแน่นอน
งานนี้ต้องบอกว่าเสี่ยวฮัวกู้ดจ๊อบ เฮียเฮยจ๊าบมาก ไม่มีสองคนนี่นายน้อยได้ลาโลกแล้วแน่ๆ
นายน้อยโซแซดมากถึงขนาดทำร้ายตัวเอง เคยคิดว่ามันต้องเกิดซักครั้งเหมือนกันค่ะ และแน่นอนว่าถ้าเสี่ยอ้วนรู้ฮีจะต้องรีบบึ่งกลับมาทันทีแน่นอน
งานนี้ต้องบอกว่าเสี่ยวฮัวกู้ดจ๊อบ เฮียเฮยจ๊าบมาก ไม่มีสองคนนี่นายน้อยได้ลาโลกแล้วแน่ๆ
natsume- ด้วงตำหนักหลู่หวังเจ็ดดารา
- จำนวนข้อความ : 97
Points : 3667
Join date : 08/01/2015
ที่อยู่ : บนหลังกิเลน
Re: [OS] ปีหน้า [อู๋เสีย]
ยกความดีความชอบให้นายแว่นทั้งหมด
อ่านแล้วหดหู่ใจมาก
เจ็บ
อ่านแล้วหดหู่ใจมาก
เจ็บ
kame_kazuha- ด้วงต้นไม้เทพเจ้า
- จำนวนข้อความ : 274
Points : 3892
Join date : 27/10/2014
ที่อยู่ : สุสานสักที่
Re: [OS] ปีหน้า [อู๋เสีย]
T^T
พูดอะไรไม่ออกมันหน่วงใจ
‘…แล้วคิดบ้างไหม ว่าอีกเก้าปี ถ้าหมอนั่นกลับมาแล้วรู้ว่านายตายไปแล้ว เขาจะรู้สึกยังไง…” << สติกลับมาเพราะประโยคนี่สินะคะ ฮืออ //ซับ
พูดอะไรไม่ออกมันหน่วงใจ
‘…แล้วคิดบ้างไหม ว่าอีกเก้าปี ถ้าหมอนั่นกลับมาแล้วรู้ว่านายตายไปแล้ว เขาจะรู้สึกยังไง…” << สติกลับมาเพราะประโยคนี่สินะคะ ฮืออ //ซับ
feyralin- ด้วงสุสานใต้สมุทรทะเลซีซา
- จำนวนข้อความ : 118
Points : 3776
Join date : 21/12/2014
ที่อยู่ : เนเวอร์แลนด์แดนแห่งกาว
Re: [OS] ปีหน้า [อู๋เสีย]
นายน้อยยยยยยยยย!!!! กรีดร้องงงงงงง~~~
นี่คือชีวิตที่ได้รับมาจากเมินโหยวผิงเชียวนะ ใช้ให้มันคุ้มค่าหน่อยเซ่ ;[];
ถ้าไม่ได้นายแว่นกับเสี่ยวฮัวนายน้อยคงไม่เหลือไปแล้วแหงๆ
แต่สิ่งที่ช่วยได้มากที่สุดก็คือคำพูดเสี่ยวอ้วนเนี่ยแหละ
จะเจ็บยังไงก็ต้องอยู่ต่อไปนะอู๋เสีย เพื่อจะได้พบกันอีกไง ปีหน้าเองนะ อดทนไว้
TT^TT
นี่คือชีวิตที่ได้รับมาจากเมินโหยวผิงเชียวนะ ใช้ให้มันคุ้มค่าหน่อยเซ่ ;[];
ถ้าไม่ได้นายแว่นกับเสี่ยวฮัวนายน้อยคงไม่เหลือไปแล้วแหงๆ
แต่สิ่งที่ช่วยได้มากที่สุดก็คือคำพูดเสี่ยวอ้วนเนี่ยแหละ
จะเจ็บยังไงก็ต้องอยู่ต่อไปนะอู๋เสีย เพื่อจะได้พบกันอีกไง ปีหน้าเองนะ อดทนไว้
TT^TT
Starsong- ด้วงตำหนักหลู่หวังเจ็ดดารา
- จำนวนข้อความ : 86
Points : 3627
Join date : 13/01/2015
ที่อยู่ : ในถ้วยชาอารอง
Similar topics
» [OS] สิ่งที่เรียกว่าจูบ (หลี่ชู่/อู๋เสีย)
» [OS] 初恋 (เหลาหย่าง >> อู๋เสีย) [เพิ่มตอนแถมกับคอมมิคประกอบค่ะ]
» [OS] Friends (อู๋เสีย)
» [OS] Sorry&Thanks [อู๋เสีย/เสี่ยวฮัว]
» [Drabble] คุณหนานไพ่ซานซู [อู๋เสีย]
» [OS] 初恋 (เหลาหย่าง >> อู๋เสีย) [เพิ่มตอนแถมกับคอมมิคประกอบค่ะ]
» [OS] Friends (อู๋เสีย)
» [OS] Sorry&Thanks [อู๋เสีย/เสี่ยวฮัว]
» [Drabble] คุณหนานไพ่ซานซู [อู๋เสีย]
หน้า 1 จาก 1
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
|
|
Fri 24 Jul 2020, 01:39 by gustoon
» [คู่มือด้วง] Keyword จีนสำหรับการขุด(แฟนดอม)สุสาน
Thu 21 Jun 2018, 00:29 by miskizfullmoon
» มังฮวาและภาคทิเบต
Thu 21 Jun 2018, 00:23 by miskizfullmoon
» [OS] Father is the best (ผิงเสีย)
Thu 03 Aug 2017, 16:12 by schneewittchen
» [Fic] สิ่งเล็กๆที่เชื่อมโลก5 [เมินโหยวผิง+อู่เสีย+เสี่ยอ้วน]+OC
Tue 01 Aug 2017, 12:30 by natsume
» [OS] #dmbjdaily (จูปาจุ๊บ) Bittersweet [ผิงเสีย AU]
Thu 06 Apr 2017, 15:58 by Zeth
» [OS] #dmbjdaily "โทรศัพท์มือถือ" - no Pairing [All]
Tue 04 Apr 2017, 22:27 by Zeth
» [OS] #DMBJDaily (แว่น): ระยะที่มองไม่เห็น [ฮัวเสีย]
Sat 01 Apr 2017, 16:55 by Zeth
» [OS] #DMBJdaily (5.20) ท่านยอดฝีมือ [หวังเหมิง (+เหมิงเสีย)(+ผิงเสีย)]
Thu 30 Mar 2017, 17:24 by Zeth