Countdown
We've been
togerther for
ค้นหา
Latest topics
Most active topics
[OS] ยานอนหลับ (Transquilizer Drugs) [ผิงเสีย] สปอยเล่ม10
+6
Starsong
faliona01
kame_kazuha
Nepenthes
enlil
natsume
10 posters
หน้า 1 จาก 1
[OS] ยานอนหลับ (Transquilizer Drugs) [ผิงเสีย] สปอยเล่ม10
Title : ยานอนหลับ (Transquilizer Drugs)
Fandom : 盗墓笔记 [บันทึกจอมโจรแห่งสุสาน]
Pairing : เมินโหยวผิง x อู๋เสีย [ผิงเสีย] (อยากจะ No Pairing อยู่นะ แต่เขียนไปเขียนมาลงเรือซะได้)
Rate : PG
//ขออนุญาตลงเป็นOSไปก่อน ถ้าดูท่าจะจบตอนเดียวไม่ไหวเดี๋ยวค่อยมาแก้
-----------------------------------------------------------------------------------
**Spoiler Warning**
-----------------------------------------------------------------------------------
เบื้องหน้าเป็นสีดำสนิท
ผมไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่พอลืมตามาก็มองไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น รอบข้างไร้แสง สี เสียง มีเพียงความมืดตรงหน้าที่ทอดยาวอย่างไม่สิ้นสุดเท่านั้น
“ที่นี่ที่ไหน?” ผมถามเสียงเบา แต่มันกลับสะท้อนก้องไปทั่ว หรือว่าจะเป็นในสุสาน ทางเดินแคบหรือไงนะ? ผมค่อยๆเดินตรงไปข้างหน้า คลำทางไปอย่างระมัดระวังเพื่อหาแสงสว่าง ฉับพลันสัมผัสเปียกชื้นก็ระบนแก้ม ผมสะดุ้งหันหลังทันที แต่ยังไม่ทันที่จะได้เห็นว่ามันคือตัวอะไร สัมผัสที่เปียกชื้นนั่นก็พุ่งเข้าใส่โอบรัดร่างกายของผมแน่นจนหายใจไม่ออก
ผีแม่ย่ารึ?
เพราะมองอะไรไม่เห็นจึงได้แต่ปัดป่ายในความมืด ทั้งออกแรงถีบ เตะ แต่เรี่ยวแรงมหาศาลนั่นก็ไม่มีท่าทีจะคลายออกเลยแม้แต่น้อย ขณะที่หัวสมองคิดว่าตายแน่แล้วนั่นเอง ที่สัมผัสอีกอย่างพุ่งเข้ามากะทันหัน
“แค่ก!” ผมสำลักออกมาเมื่อพบว่าตัวเองหล่นลงมาในน้ำ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นบ่อหรือทะเลสาบ ลึก กว้างขนาดไหนก็บอกไม่ได้ เพราะรอบกายของผมยังคงโอบล้อมไปด้วยสีดำอันมืดสนิทนั้น
...น้อย...
เสียงแว่วมาตามสายลมทำให้จำเป็นต้องเงี่ยหูฟัง
...นายน้อย...
สุ้มเสียงที่คุ้นเคยทำให้ผมขยับกายคล้ายจะเข้าไปหา แม้ไม่รู้อยู่ทิศทางใดแต่ถ้าตามเสียงไปอาจจะได้เจอ
“นายน้อย...ทำไมคุณถึงปล่อยให้ผมตาย” ฉับพลันก็ปรากฏใบหน้าของใครบางคนที่ผมรู้จักดี พานจื่อที่มีเลือดไหลออกจากรูที่ขมับเป็นทาง ริมฝีปากของเขาบิดเบี้ยว กำลังเอื้อมมือที่เขียวคล้ำและมีเพียงข้างเดียวมาทางผม
เพราะสิ่งนั้นเองที่ทำให้ผมกรีดร้องสุดเสียง
เฮือก!
ผมสะดุ้งลุกขึ้นนั่ง ลมจากเครื่องปรับอากาศลดอุณหภูมิในร่างกายลงจนรู้สึกหนาว แผ่นหลังชื้นเหงื่อทำให้รู้สึกไม่สบายกาย ผมกวาดสายตามองไล่ตั้งแต่เพดาน ลงไปยังรอบๆห้องและสุดท้ายมาหยุดที่เตียงที่ผมนอนอยู่
ที่นี่คือโรงแรมแห่งหนึ่งในหูเป่ย์ เราเพิ่งเข้าพักเมื่อเย็นนี้และแน่นอนว่า ไม่ได้มีแค่ผมคนเดียว...
ผมนอนริมหน้าต่างใกล้ประตูระเบียง ซ้ายมือถัดจากผมไปคือเมินโหยวผิงและถัดจากเขาไปอีกทีใกล้ประตูห้องคือนายอ้วน
เมินโหยวผิง... จางฉี่หลิง... ใช่! เขากลับมาแล้ว...
สิบปีที่เขาแลกกับชีวิตอันไร้เดียงสาของผม อยากจะบอกว่ามันไร้ค่า เพราะผมเปลี่ยนไปจากเดิมอย่างมากมาย หน้าด่านที่แต่ก่อนต้องให้อารองออกหน้าให้บัดนี้ผมกลับคุมได้ทั้งหมดด้วยตัวคนเดียว เพราะอยากแข็งแกร่งขึ้น ผมจึงไปฝึกวิชากับนายแว่นดำ ตานั่นก็สอนห่าอะไรไม่รู้ให้ แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้ผมไม่ใช่เทียนเจินอู๋เสียอีกต่อไปแล้ว
เมื่อเราเจอกันอีกครั้ง ถึงแม้ผมจะไม่ไร้เดียงสาอีกต่อไป แต่เขาก็บอกว่ามันคุ้มค่าแล้ว
ผมสั่นสะท้านไปทั่วร่างเมื่ออากาศเย็นสัมผัสผิวกาย ดูเหมือนนายอ้วนจะแอบปรับอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศตอนที่ผมหลับ เขาคงคิดว่าเสี่ยวเกอไม่มีปัญหากับเรื่องแค่นี้อยู่แล้ว แต่ผมไม่ใช่!
“เฮ้อ” ผมถอนหายใจเล็กน้อยพลางลุกขึ้น กะจะไปหาเสื้อกันหนาวมาใส่สักตัวเผื่อมันจะช่วยอะไรได้บ้าง แต่แล้วสายตาก็พลันไปสะดุดกับขวดทรงสี่เหลี่ยมสีขาวที่โผล่ออกจากกองเสื้อผ้าในกระเป๋ามาเล็กน้อย
ผมแทบจะลืมมันไปแล้ว...
ยานอนหลับ...
ผมเริ่มใช้มันครั้งแรกตั้งแต่เมื่อห้าหกปีก่อน แน่นอนอยู่แล้ว เพราะปัญหาทุกอย่างไม่สามารถแบกรับเอาไว้ได้ตลอด ช่วงนั้นผมไปตะลุยทิเบตกับนายอ้วนอยู่พักหนึ่ง หลังกลับมาที่หังโจวจึงพบว่าร้านของอาสามที่ฉางซาเข้าขั้นวิกฤต มีคนคิดล้มผมอีกแล้ว แม้อารองจะออกหน้าปรามแต่พวกนั้นก็ไม่สงบ ผมจึงต้องลงมือเอง เพื่อแสดงบารมีให้เห็นว่าผมไม่ใช่แค่ ‘นายน้อย’ ที่เอาแต่ยืมบารมีอาไปวันๆ
เพราะการฝึกของนายแว่น ทำให้ผมกลับมาคุมธุรกิจของอาสามได้อีกครั้ง แต่แลกมาด้วยอาการป่วยที่ไม่มีวันรักษาหาย เพราะความเครียดและความเหนื่อยล้าที่สะสมมาจากช่วงเวลานั้น
โรคประสาท
ฟังดูร้ายแรง อืม... อาจจะร้ายแรงก็ได้มั้ง ผมก็ไม่แน่ใจ แต่นายอ้วนเป็นคนแรกที่สังเกตเห็นอาการนี้ของผม ในวันที่ผมโมโหร้ายมากกว่าปกติใส่ลูกน้องของร้านอาสามจากฉางซา เขาบอกว่ามือผมสั่น เหงื่อออกเยอะมาก และพอผมตะโกนด่าลูกน้องจบ ก็ลงไปนั่งหายใจหอบอย่างแรงกับเก้าอี้ หยิบข้าวของใกล้ตัวปาทิ้งระบายอารมณ์ ผมบอกเขาว่ามันไม่น่าจะเป็นไปได้ อาการสั่นนั่นอาจจะเป็นเพราะน้ำตาลในเลือดผมต่ำก็ได้ เพราะผมทานอาหารไม่ค่อยตรงเวลา และช่วงหลังๆก็นอนไม่พอติดต่อกันหลายคืน และสาเหตุของอาการนอนไม่พอนั้นก็มาจากฝันร้าย
แต่หลังจากที่มันเกิดขึ้นมากกว่าสองครั้ง นายอ้วนก็ทำให้ผมมั่นใจในคำพูดของเขาด้วยการพาไปหาหมอ ทีแรกผมไม่ยอม จนหมอนั่นต้องวิ่งไปขอความช่วยเหลือจากอาจารย์ของผม นายแว่นดำเฮยเสียจื่อ เขากับเสี่ยวฮัวทั้งดึง ทึ้งและลากผมไปโรงพยาบาลในวันนั้นทันที ราวกับกลัวว่าทิ้งไว้นานจะมีปัญหา
หมอบอกว่าผมเป็นโรคเครียด มีอาการประสารทอ่อนๆ แล้วให้ยามากิน
จากนั้นผมก็ใช้เจ้ายานี่เรื่อยมา เพราะหากวันใดขาดมัน นอกจากจะนอนไม่หลับแล้ว พอหลับผมก็จะฝันอย่างเมื่อครู่ สิ่งที่เป็นบาปในใจผมจะปรากฏขึ้นสลับกันไป
แต่... ตั้งแต่จางฉี่หลิงคนนั้นกลับมา สามเดือนแล้วที่ผมไม่ได้ใช้มันเลยแม้แต่เม็ดเดียว จนผมอดคิดไม่ได้ว่าผมหายแล้วแท้ๆ
ท่าทางจะไม่มีวันหายได้สินะ
ผมจ้องขวดยาทรงสี่เหลี่ยมในมือก่อนจะจุดบุหรี่สูบแก้เครียด ถึงจะบอกว่าใช้แก้เครียดก็เถอะ แต่ถ้ามันทำได้จริงผมคงไม่ต้องมานั่งกินยาอยู่อย่างนี้หรอก เชี่ยแม่ม! เพราะนายอ้วนคนเดียว ถ้ามันไม่จับผมไปหาหมอก็คงไม่เป็นอย่างนี้หรอก ความจริงผมก็ดูแลตัวเองได้นะ แค่ตอนนั้นความเครียดมันขึ้นสูงอยู่พักนึงเท่านั้นเอง
ขณะที่กำลังปลงตกจะหันไปคว้าขวดน้ำมากินยานั่นเองที่ผมสังเกตเห็นความเคลื่อนไหวของใครบางคน...
ถ้าเป็นเมื่อก่อนล่ะก็ไม่มีทางเห็นแน่ๆ เพราะเขาเคลื่อนตัวเงียบเชียบ ไปไวมาไว แต่ตอนนี้ผมฝึกมาเยอะพอสมควรแล้วทำให้เห็นการเคลื่อนไหวของเขาขึ้นมาบ้าง
ชิบหาย! ขวดยา!!
จะซ่อนก็ไม่ทันเสียแล้ว เพราะก่อนที่จะทันได้เอามันไปไว้ข้างหลัง มือที่มีนิ้วยาวผิดปกติของเมินโหยวผิงก็คว้าข้อมือผมเอาไว้อย่างรวดเร็ว ดวงตาสีดำของเขาจับจ้องมันพลางขมวดคิ้ว บรรยากาศที่แผ่ออกมารอบตัวดูทะมึนอย่างไรชอบกล
“เอ่อ...” ก็อยากอธิบายนะ แต่ตั้งแต่เขามาผมก็ไม่ได้กินยาอีกเลย จึงนับว่านี่เป็นหนแรกที่เขาเพิ่งเห็นมัน
“อะไร?” เขาถามสั้นๆ ยังไม่ยอมปล่อยมือข้างนั้นออกจากมือผม แถมยังใช้มืออีกข้างคว้าบุหรี่ผมไปดับอีกต่างหาก นายเป็นพ่อฉันรึไง! ยุ่งจริง!
“ยา...นอนหลับ น่ะ” หางเสียงแผ่วเล็กน้อย เหมือนเด็กที่ถูกจับได้ว่าทำความผิด ซึ่งผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าจะกลัวเขาทำไม เพราะเขาก็ไม่ได้ตั้งท่าจะหักคอผมเหมือนหักคอบ๊ะจ่างซักหน่อย
“นายใช้มัน?” คราวนี้คิ้วเขาขมวดเข้าหากันหนักกว่าเดิม บรรยากาศรอบตัวเย็นลงหยั่งกับรอบภูเขาฉางไป๋ซา จนผมต้องรีบอธิบายที่มาที่ไปของมันตั้งแต่เมื่อห้าหกปีก่อน ซึ่งพอฟังจบเขาก็บีบแขนผมแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว
“เสี่ยวเกอ... มันไม่ใช่ความผิดของนายหรอกนะ แต่เดิมทีมันก็เป็นเพราะฉันเป็นพวกคิดมากอยู่แล้วน่ะ” ผมปลอบเขา เพราะสามารถเห็นได้จากแววตา เมินโหยวผิงของผมกำลังโทษตัวเองอยู่ เขาโทษว่าผมต้องเป็นอย่างนี้เพราะตัวเขาเลือกละทิ้งผมไป
“อีกอย่าง ตั้งแต่นายกลับมาฉันก็แทบไม่ได้ใช้มันเลย ตั้งสามเดือนแล้วนี่ก็เพิ่งครั้งแรก” ผมยิ้มน้อยๆให้ เพื่อให้เขาผ่อนคลาย เสี่ยวเกอจ้องผมนิ่งแต่ก็ไม่ยอมปล่อยมือ ก่อนจะลากผมเข้าไปในอ้อมกอดของเขา ผมแอบสะดุ้งนิดหน่อยแต่หลังจากนั้นเล็กน้อยจึงสัมผัสได้ว่าเขากำลังสั่น
“เสี่ยวเกอ...”
“อย่า... ใช้มันอีกเลยนะ” เขาซบหน้าลงบนไหล่ของผมแล้วพูดเสียงแผ่ว ผมจึงยกมือลูบแผ่นหลังนั้นเบาๆ
“ถ้าเป็นไปได้ฉันก็ไม่อยากใช้ อยากให้มันหาย แต่ฉันทำไม่ได้...” ผมถอนหายใจอย่างคนหมดหนทาง ไม่ใช่ไม่เคยพยายาม แต่ทำแล้วกลับฟุ้งซ่านหนักกว่าเก่า สุดท้ายหมอก็ยื่นคำขาดว่าห้ามหยุดยาเองโดยไม่ได้รับอนุญาต
ไม่ใช่ว่าผมไม่รู้ ว่ายาพวกนี้ยิ่งกินมากจะยิ่งเสพติด บางทีอาการก็จะดื้อยาทำให้ต้องกินเพิ่มในปริมาณมาก ตัวยาจะไปทำให้ตับทำงานหนักและเสื่อมสภาพลงอย่างรวดเร็ว นับว่าเป็นผลร้ายต่อเนื่องอย่างแท้จริง แต่ถ้าไม่พึ่งมัน ผมก็ไม่มีวันที่จะพักผ่อนได้อย่างสงบสุข ฝันร้ายจะตามหลอกหลอนผมไม่จบไม่สิ้นจนไม่ได้นอน
เรานั่งคุยกันเล็กน้อยตรงระเบียงที่ตอนแรกผมออกมาสูบบุหรี่ นายอ้วนยังคงหลับอุตุสบายอยู่ในห้อง แต่ข้างนอกนี่ก็อากาศเย็นไม่แพ้กัน เมินโหยวผิงเลยเดินเข้าไปเอาผ้าห่มมาคลุมตัวเขาไว้ จับผมนั่งหันหลังบนตักแล้วคลุมผ้าห่มทับเราสองคนอีกที ถึงจะบอกว่าคุยกันก็เถอะ แต่ส่วนใหญ่เขาขอให้ผมเล่าการใช้ชีวิตของผมตลอดสิบปีที่ผ่านมา นานๆทีจึงจะมีคำพูดบ้างว่า “ทำไม?” หรือ “อะไร?” ออกมาบ้าง ซึ่งผมก็ขยายความในส่วนที่เขาสงสัยให้
จากนั้นจึงวกกลับมาที่เรื่องเดิม
เรื่องยานอนหลับของผม
เขาทำหน้าไม่พอใจอย่างมากที่ทุกคนรู้เรื่องนี้กันเกือบหมดยกเว้นเขา ผมจึงเถียงว่าที่บ้านผมไม่รู้สักหน่อย อารองอาจจะสังเกตเห็นเองแต่ผมก็ไม่เคยบอก พ่อกับแม่นี่ยิ่งไม่เคยพูดให้ฟังเลยแม้แต่น้อย ส่วนตัวเขา จริงๆผมก็ตั้งใจจะบอกแต่ยังไม่มีจังหวะ เขาเองก็ดันมาเจอผมอาการกำเริบจนต้องกินยาเข้าพอดี
“ทรมานมั้ย?” พอคำถามนี้หลุดออกมาผมก็หัวเราะ
“นิดหน่อย ตอนนายไม่อยู่ฉันก็ไม่รู้จะพึ่งใคร บอกนายอ้วนไปแน่นอนว่าเขาต้องยอมช่วยแน่ แต่จะพึ่งเขามากเกินไปก็ไม่ได้ แค่นี้นายอ้วนก็เจ็บมากพอแล้วเรื่องหยุนไฉ่” ผมยังรู้สึกผิดไม่หายที่ทิ้งเขาไว้คนเดียวตอนนั้น ดังนั้นไอ้เรื่องเพิ่มภาระให้เขานั่นผมเองก็ทำไม่ได้เหมือนกัน
“เพราะงั้น ที่ทำได้ก็แค่เก็บมันไว้ในใจเท่านั้น ฉันอยู่สภาพหลังผิงน้ำ เดินหน้าก็เจอคนพวกนั้นแยกเขี้ยวใส่ ถอยหลังไปก็ร่วงลงเหว ทำอะไรไม่ได้มากนักหรอก” มือที่มีสองนิ้วยาวกว่าคนปกติของเขาวางลงบนหัวผมเงียบๆแล้วลูบเบาๆสองสามครั้ง พลันน้ำตาผมก็ไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว
“อึ่ก...” ผมกลั้นเสียงสะอื้น กลัวว่าจะทำให้คนที่หลับสบายอยู่ในห้องต้องตื่น แต่ไหนแต่ไรผมเป็นประเภทที่ถ้าร้องไห้จะร้องสุดเสียง ระบายความทรมานออกมาหมดเปลือก แต่เมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ เป็นผมในวันนี้จึงได้รู้ว่าไม่สามารถทำแบบนั้นได้อีกต่อไปแล้ว
“ไม่เป็นไร... ร้องเถอะ...” จางฉี่หลิงกระชับอ้อมแขนของเขาแน่นขึ้น โอบกอดตัวผมที่ขดตัวราวกับเด็กน้อยเอาไว้ภายใน ดวงหน้าคมเลื่อนเข้ามาใกล้แล้วเอ่ยประโยคที่ทำให้ผมไม่สามารถหยุดน้ำตาตัวเองได้อีกเลยในคืนนั้น
“จากนี้ตลอดไป...ฉันจะเป็นยานอนหลับให้นายเอง...”
------------------------------------------------------------------------------------------------
Talk: (ข้ามๆไปก็ได้ค่ะตรงนี้) อยากเขียนพล็อตนี้มานานแล้ว
คิดไว้ตั้งแต่แรกแล้วค่ะ ว่านายน้อยคงไม่สามารถผ่านสมรภูมิมาโดยไม่สูญเสียอะไรไปเลย แน่นอนว่าเสียความเทียนเจิน แต่อย่างอื่นล่ะ? ใช่ แล้วนอกจากจะเสียไป ดีไม่ดีจะได้กลับมาด้วย
โรคร้ายที่ไม่น่าจะรักษาหาย โดยเฉพาะโรคทางจิตใจ
มันค่อนข้างเป็นแผลที่รุนแรงค่ะ และเราคิดว่าคนอย่างนายน้อยไม่มีวันบอกใคร ถ้าคนรอบตัวไม่สังเกตเอาเอง 555
จำได้ว่าบุคคลสำคัญหลายคนในประวัติศาสตร์เป็นโรคประสาทกันค่อนข้างเยอะนะคะ
และโรคประสาทก็ใช่ว่าจะไม่สามารถรักษาหาย หายได้ค่ะ แต่ต้องใช้กำลังใจจากรอบข้างมากพอสมควร
(โรคประสาทแตกต่างจากโรคจิตนะคะ โรคจิตนี่รักษาไม่หายค่ะ)
เอ้า!! พอๆ นอกเรื่องไปไกล จริงๆก็แค่อยากเขียนให้นายน้อยมีโรคแล้วเฮียเมินต้องดูแลก็เท่านั้นแหละค่ะ (ใจจริง) 5555
นับถอยหลัง 217 วัน...
Fandom : 盗墓笔记 [บันทึกจอมโจรแห่งสุสาน]
Pairing : เมินโหยวผิง x อู๋เสีย [ผิงเสีย] (อยากจะ No Pairing อยู่นะ แต่เขียนไปเขียนมาลงเรือซะได้)
Rate : PG
//ขออนุญาตลงเป็นOSไปก่อน ถ้าดูท่าจะจบตอนเดียวไม่ไหวเดี๋ยวค่อยมาแก้
-----------------------------------------------------------------------------------
**Spoiler Warning**
-----------------------------------------------------------------------------------
เบื้องหน้าเป็นสีดำสนิท
ผมไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่พอลืมตามาก็มองไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น รอบข้างไร้แสง สี เสียง มีเพียงความมืดตรงหน้าที่ทอดยาวอย่างไม่สิ้นสุดเท่านั้น
“ที่นี่ที่ไหน?” ผมถามเสียงเบา แต่มันกลับสะท้อนก้องไปทั่ว หรือว่าจะเป็นในสุสาน ทางเดินแคบหรือไงนะ? ผมค่อยๆเดินตรงไปข้างหน้า คลำทางไปอย่างระมัดระวังเพื่อหาแสงสว่าง ฉับพลันสัมผัสเปียกชื้นก็ระบนแก้ม ผมสะดุ้งหันหลังทันที แต่ยังไม่ทันที่จะได้เห็นว่ามันคือตัวอะไร สัมผัสที่เปียกชื้นนั่นก็พุ่งเข้าใส่โอบรัดร่างกายของผมแน่นจนหายใจไม่ออก
ผีแม่ย่ารึ?
เพราะมองอะไรไม่เห็นจึงได้แต่ปัดป่ายในความมืด ทั้งออกแรงถีบ เตะ แต่เรี่ยวแรงมหาศาลนั่นก็ไม่มีท่าทีจะคลายออกเลยแม้แต่น้อย ขณะที่หัวสมองคิดว่าตายแน่แล้วนั่นเอง ที่สัมผัสอีกอย่างพุ่งเข้ามากะทันหัน
“แค่ก!” ผมสำลักออกมาเมื่อพบว่าตัวเองหล่นลงมาในน้ำ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นบ่อหรือทะเลสาบ ลึก กว้างขนาดไหนก็บอกไม่ได้ เพราะรอบกายของผมยังคงโอบล้อมไปด้วยสีดำอันมืดสนิทนั้น
...น้อย...
เสียงแว่วมาตามสายลมทำให้จำเป็นต้องเงี่ยหูฟัง
...นายน้อย...
สุ้มเสียงที่คุ้นเคยทำให้ผมขยับกายคล้ายจะเข้าไปหา แม้ไม่รู้อยู่ทิศทางใดแต่ถ้าตามเสียงไปอาจจะได้เจอ
“นายน้อย...ทำไมคุณถึงปล่อยให้ผมตาย” ฉับพลันก็ปรากฏใบหน้าของใครบางคนที่ผมรู้จักดี พานจื่อที่มีเลือดไหลออกจากรูที่ขมับเป็นทาง ริมฝีปากของเขาบิดเบี้ยว กำลังเอื้อมมือที่เขียวคล้ำและมีเพียงข้างเดียวมาทางผม
เพราะสิ่งนั้นเองที่ทำให้ผมกรีดร้องสุดเสียง
เฮือก!
ผมสะดุ้งลุกขึ้นนั่ง ลมจากเครื่องปรับอากาศลดอุณหภูมิในร่างกายลงจนรู้สึกหนาว แผ่นหลังชื้นเหงื่อทำให้รู้สึกไม่สบายกาย ผมกวาดสายตามองไล่ตั้งแต่เพดาน ลงไปยังรอบๆห้องและสุดท้ายมาหยุดที่เตียงที่ผมนอนอยู่
ที่นี่คือโรงแรมแห่งหนึ่งในหูเป่ย์ เราเพิ่งเข้าพักเมื่อเย็นนี้และแน่นอนว่า ไม่ได้มีแค่ผมคนเดียว...
ผมนอนริมหน้าต่างใกล้ประตูระเบียง ซ้ายมือถัดจากผมไปคือเมินโหยวผิงและถัดจากเขาไปอีกทีใกล้ประตูห้องคือนายอ้วน
เมินโหยวผิง... จางฉี่หลิง... ใช่! เขากลับมาแล้ว...
สิบปีที่เขาแลกกับชีวิตอันไร้เดียงสาของผม อยากจะบอกว่ามันไร้ค่า เพราะผมเปลี่ยนไปจากเดิมอย่างมากมาย หน้าด่านที่แต่ก่อนต้องให้อารองออกหน้าให้บัดนี้ผมกลับคุมได้ทั้งหมดด้วยตัวคนเดียว เพราะอยากแข็งแกร่งขึ้น ผมจึงไปฝึกวิชากับนายแว่นดำ ตานั่นก็สอนห่าอะไรไม่รู้ให้ แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้ผมไม่ใช่เทียนเจินอู๋เสียอีกต่อไปแล้ว
เมื่อเราเจอกันอีกครั้ง ถึงแม้ผมจะไม่ไร้เดียงสาอีกต่อไป แต่เขาก็บอกว่ามันคุ้มค่าแล้ว
ผมสั่นสะท้านไปทั่วร่างเมื่ออากาศเย็นสัมผัสผิวกาย ดูเหมือนนายอ้วนจะแอบปรับอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศตอนที่ผมหลับ เขาคงคิดว่าเสี่ยวเกอไม่มีปัญหากับเรื่องแค่นี้อยู่แล้ว แต่ผมไม่ใช่!
“เฮ้อ” ผมถอนหายใจเล็กน้อยพลางลุกขึ้น กะจะไปหาเสื้อกันหนาวมาใส่สักตัวเผื่อมันจะช่วยอะไรได้บ้าง แต่แล้วสายตาก็พลันไปสะดุดกับขวดทรงสี่เหลี่ยมสีขาวที่โผล่ออกจากกองเสื้อผ้าในกระเป๋ามาเล็กน้อย
ผมแทบจะลืมมันไปแล้ว...
ยานอนหลับ...
ผมเริ่มใช้มันครั้งแรกตั้งแต่เมื่อห้าหกปีก่อน แน่นอนอยู่แล้ว เพราะปัญหาทุกอย่างไม่สามารถแบกรับเอาไว้ได้ตลอด ช่วงนั้นผมไปตะลุยทิเบตกับนายอ้วนอยู่พักหนึ่ง หลังกลับมาที่หังโจวจึงพบว่าร้านของอาสามที่ฉางซาเข้าขั้นวิกฤต มีคนคิดล้มผมอีกแล้ว แม้อารองจะออกหน้าปรามแต่พวกนั้นก็ไม่สงบ ผมจึงต้องลงมือเอง เพื่อแสดงบารมีให้เห็นว่าผมไม่ใช่แค่ ‘นายน้อย’ ที่เอาแต่ยืมบารมีอาไปวันๆ
เพราะการฝึกของนายแว่น ทำให้ผมกลับมาคุมธุรกิจของอาสามได้อีกครั้ง แต่แลกมาด้วยอาการป่วยที่ไม่มีวันรักษาหาย เพราะความเครียดและความเหนื่อยล้าที่สะสมมาจากช่วงเวลานั้น
โรคประสาท
ฟังดูร้ายแรง อืม... อาจจะร้ายแรงก็ได้มั้ง ผมก็ไม่แน่ใจ แต่นายอ้วนเป็นคนแรกที่สังเกตเห็นอาการนี้ของผม ในวันที่ผมโมโหร้ายมากกว่าปกติใส่ลูกน้องของร้านอาสามจากฉางซา เขาบอกว่ามือผมสั่น เหงื่อออกเยอะมาก และพอผมตะโกนด่าลูกน้องจบ ก็ลงไปนั่งหายใจหอบอย่างแรงกับเก้าอี้ หยิบข้าวของใกล้ตัวปาทิ้งระบายอารมณ์ ผมบอกเขาว่ามันไม่น่าจะเป็นไปได้ อาการสั่นนั่นอาจจะเป็นเพราะน้ำตาลในเลือดผมต่ำก็ได้ เพราะผมทานอาหารไม่ค่อยตรงเวลา และช่วงหลังๆก็นอนไม่พอติดต่อกันหลายคืน และสาเหตุของอาการนอนไม่พอนั้นก็มาจากฝันร้าย
แต่หลังจากที่มันเกิดขึ้นมากกว่าสองครั้ง นายอ้วนก็ทำให้ผมมั่นใจในคำพูดของเขาด้วยการพาไปหาหมอ ทีแรกผมไม่ยอม จนหมอนั่นต้องวิ่งไปขอความช่วยเหลือจากอาจารย์ของผม นายแว่นดำเฮยเสียจื่อ เขากับเสี่ยวฮัวทั้งดึง ทึ้งและลากผมไปโรงพยาบาลในวันนั้นทันที ราวกับกลัวว่าทิ้งไว้นานจะมีปัญหา
หมอบอกว่าผมเป็นโรคเครียด มีอาการประสารทอ่อนๆ แล้วให้ยามากิน
จากนั้นผมก็ใช้เจ้ายานี่เรื่อยมา เพราะหากวันใดขาดมัน นอกจากจะนอนไม่หลับแล้ว พอหลับผมก็จะฝันอย่างเมื่อครู่ สิ่งที่เป็นบาปในใจผมจะปรากฏขึ้นสลับกันไป
แต่... ตั้งแต่จางฉี่หลิงคนนั้นกลับมา สามเดือนแล้วที่ผมไม่ได้ใช้มันเลยแม้แต่เม็ดเดียว จนผมอดคิดไม่ได้ว่าผมหายแล้วแท้ๆ
ท่าทางจะไม่มีวันหายได้สินะ
ผมจ้องขวดยาทรงสี่เหลี่ยมในมือก่อนจะจุดบุหรี่สูบแก้เครียด ถึงจะบอกว่าใช้แก้เครียดก็เถอะ แต่ถ้ามันทำได้จริงผมคงไม่ต้องมานั่งกินยาอยู่อย่างนี้หรอก เชี่ยแม่ม! เพราะนายอ้วนคนเดียว ถ้ามันไม่จับผมไปหาหมอก็คงไม่เป็นอย่างนี้หรอก ความจริงผมก็ดูแลตัวเองได้นะ แค่ตอนนั้นความเครียดมันขึ้นสูงอยู่พักนึงเท่านั้นเอง
ขณะที่กำลังปลงตกจะหันไปคว้าขวดน้ำมากินยานั่นเองที่ผมสังเกตเห็นความเคลื่อนไหวของใครบางคน...
ถ้าเป็นเมื่อก่อนล่ะก็ไม่มีทางเห็นแน่ๆ เพราะเขาเคลื่อนตัวเงียบเชียบ ไปไวมาไว แต่ตอนนี้ผมฝึกมาเยอะพอสมควรแล้วทำให้เห็นการเคลื่อนไหวของเขาขึ้นมาบ้าง
ชิบหาย! ขวดยา!!
จะซ่อนก็ไม่ทันเสียแล้ว เพราะก่อนที่จะทันได้เอามันไปไว้ข้างหลัง มือที่มีนิ้วยาวผิดปกติของเมินโหยวผิงก็คว้าข้อมือผมเอาไว้อย่างรวดเร็ว ดวงตาสีดำของเขาจับจ้องมันพลางขมวดคิ้ว บรรยากาศที่แผ่ออกมารอบตัวดูทะมึนอย่างไรชอบกล
“เอ่อ...” ก็อยากอธิบายนะ แต่ตั้งแต่เขามาผมก็ไม่ได้กินยาอีกเลย จึงนับว่านี่เป็นหนแรกที่เขาเพิ่งเห็นมัน
“อะไร?” เขาถามสั้นๆ ยังไม่ยอมปล่อยมือข้างนั้นออกจากมือผม แถมยังใช้มืออีกข้างคว้าบุหรี่ผมไปดับอีกต่างหาก นายเป็นพ่อฉันรึไง! ยุ่งจริง!
“ยา...นอนหลับ น่ะ” หางเสียงแผ่วเล็กน้อย เหมือนเด็กที่ถูกจับได้ว่าทำความผิด ซึ่งผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าจะกลัวเขาทำไม เพราะเขาก็ไม่ได้ตั้งท่าจะหักคอผมเหมือนหักคอบ๊ะจ่างซักหน่อย
“นายใช้มัน?” คราวนี้คิ้วเขาขมวดเข้าหากันหนักกว่าเดิม บรรยากาศรอบตัวเย็นลงหยั่งกับรอบภูเขาฉางไป๋ซา จนผมต้องรีบอธิบายที่มาที่ไปของมันตั้งแต่เมื่อห้าหกปีก่อน ซึ่งพอฟังจบเขาก็บีบแขนผมแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว
“เสี่ยวเกอ... มันไม่ใช่ความผิดของนายหรอกนะ แต่เดิมทีมันก็เป็นเพราะฉันเป็นพวกคิดมากอยู่แล้วน่ะ” ผมปลอบเขา เพราะสามารถเห็นได้จากแววตา เมินโหยวผิงของผมกำลังโทษตัวเองอยู่ เขาโทษว่าผมต้องเป็นอย่างนี้เพราะตัวเขาเลือกละทิ้งผมไป
“อีกอย่าง ตั้งแต่นายกลับมาฉันก็แทบไม่ได้ใช้มันเลย ตั้งสามเดือนแล้วนี่ก็เพิ่งครั้งแรก” ผมยิ้มน้อยๆให้ เพื่อให้เขาผ่อนคลาย เสี่ยวเกอจ้องผมนิ่งแต่ก็ไม่ยอมปล่อยมือ ก่อนจะลากผมเข้าไปในอ้อมกอดของเขา ผมแอบสะดุ้งนิดหน่อยแต่หลังจากนั้นเล็กน้อยจึงสัมผัสได้ว่าเขากำลังสั่น
“เสี่ยวเกอ...”
“อย่า... ใช้มันอีกเลยนะ” เขาซบหน้าลงบนไหล่ของผมแล้วพูดเสียงแผ่ว ผมจึงยกมือลูบแผ่นหลังนั้นเบาๆ
“ถ้าเป็นไปได้ฉันก็ไม่อยากใช้ อยากให้มันหาย แต่ฉันทำไม่ได้...” ผมถอนหายใจอย่างคนหมดหนทาง ไม่ใช่ไม่เคยพยายาม แต่ทำแล้วกลับฟุ้งซ่านหนักกว่าเก่า สุดท้ายหมอก็ยื่นคำขาดว่าห้ามหยุดยาเองโดยไม่ได้รับอนุญาต
ไม่ใช่ว่าผมไม่รู้ ว่ายาพวกนี้ยิ่งกินมากจะยิ่งเสพติด บางทีอาการก็จะดื้อยาทำให้ต้องกินเพิ่มในปริมาณมาก ตัวยาจะไปทำให้ตับทำงานหนักและเสื่อมสภาพลงอย่างรวดเร็ว นับว่าเป็นผลร้ายต่อเนื่องอย่างแท้จริง แต่ถ้าไม่พึ่งมัน ผมก็ไม่มีวันที่จะพักผ่อนได้อย่างสงบสุข ฝันร้ายจะตามหลอกหลอนผมไม่จบไม่สิ้นจนไม่ได้นอน
เรานั่งคุยกันเล็กน้อยตรงระเบียงที่ตอนแรกผมออกมาสูบบุหรี่ นายอ้วนยังคงหลับอุตุสบายอยู่ในห้อง แต่ข้างนอกนี่ก็อากาศเย็นไม่แพ้กัน เมินโหยวผิงเลยเดินเข้าไปเอาผ้าห่มมาคลุมตัวเขาไว้ จับผมนั่งหันหลังบนตักแล้วคลุมผ้าห่มทับเราสองคนอีกที ถึงจะบอกว่าคุยกันก็เถอะ แต่ส่วนใหญ่เขาขอให้ผมเล่าการใช้ชีวิตของผมตลอดสิบปีที่ผ่านมา นานๆทีจึงจะมีคำพูดบ้างว่า “ทำไม?” หรือ “อะไร?” ออกมาบ้าง ซึ่งผมก็ขยายความในส่วนที่เขาสงสัยให้
จากนั้นจึงวกกลับมาที่เรื่องเดิม
เรื่องยานอนหลับของผม
เขาทำหน้าไม่พอใจอย่างมากที่ทุกคนรู้เรื่องนี้กันเกือบหมดยกเว้นเขา ผมจึงเถียงว่าที่บ้านผมไม่รู้สักหน่อย อารองอาจจะสังเกตเห็นเองแต่ผมก็ไม่เคยบอก พ่อกับแม่นี่ยิ่งไม่เคยพูดให้ฟังเลยแม้แต่น้อย ส่วนตัวเขา จริงๆผมก็ตั้งใจจะบอกแต่ยังไม่มีจังหวะ เขาเองก็ดันมาเจอผมอาการกำเริบจนต้องกินยาเข้าพอดี
“ทรมานมั้ย?” พอคำถามนี้หลุดออกมาผมก็หัวเราะ
“นิดหน่อย ตอนนายไม่อยู่ฉันก็ไม่รู้จะพึ่งใคร บอกนายอ้วนไปแน่นอนว่าเขาต้องยอมช่วยแน่ แต่จะพึ่งเขามากเกินไปก็ไม่ได้ แค่นี้นายอ้วนก็เจ็บมากพอแล้วเรื่องหยุนไฉ่” ผมยังรู้สึกผิดไม่หายที่ทิ้งเขาไว้คนเดียวตอนนั้น ดังนั้นไอ้เรื่องเพิ่มภาระให้เขานั่นผมเองก็ทำไม่ได้เหมือนกัน
“เพราะงั้น ที่ทำได้ก็แค่เก็บมันไว้ในใจเท่านั้น ฉันอยู่สภาพหลังผิงน้ำ เดินหน้าก็เจอคนพวกนั้นแยกเขี้ยวใส่ ถอยหลังไปก็ร่วงลงเหว ทำอะไรไม่ได้มากนักหรอก” มือที่มีสองนิ้วยาวกว่าคนปกติของเขาวางลงบนหัวผมเงียบๆแล้วลูบเบาๆสองสามครั้ง พลันน้ำตาผมก็ไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว
“อึ่ก...” ผมกลั้นเสียงสะอื้น กลัวว่าจะทำให้คนที่หลับสบายอยู่ในห้องต้องตื่น แต่ไหนแต่ไรผมเป็นประเภทที่ถ้าร้องไห้จะร้องสุดเสียง ระบายความทรมานออกมาหมดเปลือก แต่เมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ เป็นผมในวันนี้จึงได้รู้ว่าไม่สามารถทำแบบนั้นได้อีกต่อไปแล้ว
“ไม่เป็นไร... ร้องเถอะ...” จางฉี่หลิงกระชับอ้อมแขนของเขาแน่นขึ้น โอบกอดตัวผมที่ขดตัวราวกับเด็กน้อยเอาไว้ภายใน ดวงหน้าคมเลื่อนเข้ามาใกล้แล้วเอ่ยประโยคที่ทำให้ผมไม่สามารถหยุดน้ำตาตัวเองได้อีกเลยในคืนนั้น
“จากนี้ตลอดไป...ฉันจะเป็นยานอนหลับให้นายเอง...”
------------------------------------------------------------------------------------------------
Talk: (ข้ามๆไปก็ได้ค่ะตรงนี้) อยากเขียนพล็อตนี้มานานแล้ว
คิดไว้ตั้งแต่แรกแล้วค่ะ ว่านายน้อยคงไม่สามารถผ่านสมรภูมิมาโดยไม่สูญเสียอะไรไปเลย แน่นอนว่าเสียความเทียนเจิน แต่อย่างอื่นล่ะ? ใช่ แล้วนอกจากจะเสียไป ดีไม่ดีจะได้กลับมาด้วย
โรคร้ายที่ไม่น่าจะรักษาหาย โดยเฉพาะโรคทางจิตใจ
มันค่อนข้างเป็นแผลที่รุนแรงค่ะ และเราคิดว่าคนอย่างนายน้อยไม่มีวันบอกใคร ถ้าคนรอบตัวไม่สังเกตเอาเอง 555
จำได้ว่าบุคคลสำคัญหลายคนในประวัติศาสตร์เป็นโรคประสาทกันค่อนข้างเยอะนะคะ
และโรคประสาทก็ใช่ว่าจะไม่สามารถรักษาหาย หายได้ค่ะ แต่ต้องใช้กำลังใจจากรอบข้างมากพอสมควร
(โรคประสาทแตกต่างจากโรคจิตนะคะ โรคจิตนี่รักษาไม่หายค่ะ)
เอ้า!! พอๆ นอกเรื่องไปไกล จริงๆก็แค่อยากเขียนให้นายน้อยมีโรคแล้วเฮียเมินต้องดูแลก็เท่านั้นแหละค่ะ (ใจจริง) 5555
นับถอยหลัง 217 วัน...
natsume- ด้วงตำหนักหลู่หวังเจ็ดดารา
- จำนวนข้อความ : 97
Points : 3520
Join date : 08/01/2015
ที่อยู่ : บนหลังกิเลน
Re: [OS] ยานอนหลับ (Transquilizer Drugs) [ผิงเสีย] สปอยเล่ม10
ชอบมากๆเลยค่ะ ; - ;
มันดูเรียลๆดีค่ะ จริงอย่างที่ว่าเลย เจอเรื่องมาขนาดนั้นจะให้สภาพจิตใจเหมือนเดิมคงเป็นไปไม่ได้
ฮือ สงสารนายน้อยจังเลย
หวังว่าพี่เมินจะช่วยได้ (ถ้าเขาช่วยไม่ได้ก็ไม่มีใครทำได้แล้วแหล่ะ แงงง)
ขอบคุณสำหรับฟิคค่าาา
มันดูเรียลๆดีค่ะ จริงอย่างที่ว่าเลย เจอเรื่องมาขนาดนั้นจะให้สภาพจิตใจเหมือนเดิมคงเป็นไปไม่ได้
ฮือ สงสารนายน้อยจังเลย
หวังว่าพี่เมินจะช่วยได้ (ถ้าเขาช่วยไม่ได้ก็ไม่มีใครทำได้แล้วแหล่ะ แงงง)
ขอบคุณสำหรับฟิคค่าาา
enlil- ด้วงฝึกหัด
- จำนวนข้อความ : 11
Points : 3473
Join date : 09/11/2014
Re: [OS] ยานอนหลับ (Transquilizer Drugs) [ผิงเสีย] สปอยเล่ม10
“จากนี้ตลอดไป...ฉันจะเป็นยานอนหลับให้นายเอง...”
จางฉี่หลิงงงง นายคือบุคคลที่ถูกเลือก ต่อแต่นี้ไป นายต้องดูแลนายน้อยอู๋เสีย ตลอดไป จนชั่วชีวิตของเจ้า 55555
Nepenthes- ด้วง
- จำนวนข้อความ : 42
Points : 3446
Join date : 01/01/2015
Re: [OS] ยานอนหลับ (Transquilizer Drugs) [ผิงเสีย] สปอยเล่ม10
ไม่ว่าคนอื่นจะไม่มองนายว่าเทียนเจิน แต่ต่อหน้าฉี่หลิน นายน้อยก็ยังเทียนเจินอยู่ดี
kame_kazuha- ด้วงต้นไม้เทพเจ้า
- จำนวนข้อความ : 274
Points : 3745
Join date : 27/10/2014
ที่อยู่ : สุสานสักที่
Re: [OS] ยานอนหลับ (Transquilizer Drugs) [ผิงเสีย] สปอยเล่ม10
ปาดน้ำตาให้เทียนเจิน ยังมีด้วงน้อยๆคอยแทะเล็มอยุ่เคียงข้างนะคะ
คอยแทะเล็มทุกวัน ทุกคืน
เเทะจนปิวเเดงเป็นจ้ำๆ เพระางั้นอย่าร้องเลยนะ TvT
เสี่ยวเกอปลอบเข้าไปอีกสิ เสี่ยวอู่ร้องไห้อยู่เห็นไหม
คอยแทะเล็มทุกวัน ทุกคืน
เเทะจนปิวเเดงเป็นจ้ำๆ เพระางั้นอย่าร้องเลยนะ TvT
เสี่ยวเกอปลอบเข้าไปอีกสิ เสี่ยวอู่ร้องไห้อยู่เห็นไหม
faliona01- ด้วงต้นไม้เทพเจ้า
- จำนวนข้อความ : 261
Points : 3747
Join date : 02/11/2014
ที่อยู่ : เตียงหยกเย็นในถ้ำสุสานโบราณ
Re: [OS] ยานอนหลับ (Transquilizer Drugs) [ผิงเสีย] สปอยเล่ม10
ร้องไห้ตามอู๋เสีย T-T
ตลอดเวลาที่ผ่านมาต้องสูญเสียอะไรไปมากมาย แต่ตอนนี้ก็ได้สิ่งสำคัญที่สุดกลับคืนมาแล้วนะ
ขอให้จากนี้ไปมีความสุขมากๆแทนช่วงเวลาที่ผ่านมาด้วยเถอะนะ ;;;;
ตลอดเวลาที่ผ่านมาต้องสูญเสียอะไรไปมากมาย แต่ตอนนี้ก็ได้สิ่งสำคัญที่สุดกลับคืนมาแล้วนะ
ขอให้จากนี้ไปมีความสุขมากๆแทนช่วงเวลาที่ผ่านมาด้วยเถอะนะ ;;;;
Starsong- ด้วงตำหนักหลู่หวังเจ็ดดารา
- จำนวนข้อความ : 86
Points : 3480
Join date : 13/01/2015
ที่อยู่ : ในถ้วยชาอารอง
Re: [OS] ยานอนหลับ (Transquilizer Drugs) [ผิงเสีย] สปอยเล่ม10
ฮรึกกกกกกกก นายน้อยของบ่าวต้องทนเหงาไปตั้งหลายปี ต่อจากนี้ก็ขอให้ดูแลภริ--แค่ก นายน้อยให้ดีๆนะเสี่ยวเกอ นายน้อยจะได้ไม่เหงาอีก ซิกๆ ;3;
Dreamy- ด้วงสุสานใต้สมุทรทะเลซีซา
- จำนวนข้อความ : 124
Points : 3594
Join date : 27/10/2014
Re: [OS] ยานอนหลับ (Transquilizer Drugs) [ผิงเสีย] สปอยเล่ม10
ทุกคนโอ๋นายน้อยสุดๆเลยค่ะ 5555555
ไว้ส่งจดหมายหาเฮียเมินกันนะ บอกเฮียเมินดูแลนายน้อยดีๆ
ไว้ส่งจดหมายหาเฮียเมินกันนะ บอกเฮียเมินดูแลนายน้อยดีๆ
natsume- ด้วงตำหนักหลู่หวังเจ็ดดารา
- จำนวนข้อความ : 97
Points : 3520
Join date : 08/01/2015
ที่อยู่ : บนหลังกิเลน
Re: [OS] ยานอนหลับ (Transquilizer Drugs) [ผิงเสีย] สปอยเล่ม10
กลัวว่าอยู่กับเสี่ยวเกอจะกลายเป็นไม่ได้หลับได้นอนน่ะสิคะนายน้อย ///_\\\
อู๋เสียเองก็พยายามมาเยอะมากกกกกกก อยากให้มีความสุขกับเสี่ยวเกอไปนานๆ
อู๋เสียเองก็พยายามมาเยอะมากกกกกกก อยากให้มีความสุขกับเสี่ยวเกอไปนานๆ
wayamin- ด้วงฝึกหัด
- จำนวนข้อความ : 19
Points : 3435
Join date : 20/12/2014
ที่อยู่ : กระเป๋าเสื้อนายน้อยสาม
Re: [OS] ยานอนหลับ (Transquilizer Drugs) [ผิงเสีย] สปอยเล่ม10
กรี๊ดดดดดดดดดด กุมอกกกกกกกก ทำไมเพิ่งได้อ่านนนน โอ๊ยชอบค่ะะะะ ประเด็นนี้งดงามมาก นายน้อยผ่านมาได้ขนาดนี้ย่อมไม่อาจอยู่โดยไม่เสียอะไร เสียความเทียนเจินไป อยู่กับโรคร้ายและความฝันหลอกหลอน แงงงงงงง
ชอบยิ่งกว่าที่ตอนนี้เสี่ยวเกอกลายเป็นยานอนหลับของนายน้อย โอ๊ยน้ำตาซินนนนนนนนนนนนนนนนนนนน
ชอบยิ่งกว่าที่ตอนนี้เสี่ยวเกอกลายเป็นยานอนหลับของนายน้อย โอ๊ยน้ำตาซินนนนนนนนนนนนนนนนนนนน
sinnerdarker- ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ
- จำนวนข้อความ : 343
Points : 4054
Join date : 27/10/2014
ที่อยู่ : บ้านสกุลหวัง
Re: [OS] ยานอนหลับ (Transquilizer Drugs) [ผิงเสีย] สปอยเล่ม10
ประโยคสุดท้ายในเรื่องนี่อานุภาพทำลายล้างสูงทุกเรื่องเลยสิพับผ่า
อ่อกกกกก
อ่อกกกกก
Rozenkreuz- ด้วงอาณาจักรเจ้าแม่ซีหวังหมู่
- จำนวนข้อความ : 625
Points : 3848
Join date : 01/07/2015
Age : 31
ที่อยู่ : กองทัพผีเก็บเห็ดแห่งประตูสำริด
Similar topics
» [OS] #dmbjdaily '520' (ผิงเสีย :: เหม่งจาง,ผิงเสีย)
» [OS] สิ่งแรกที่เจอยามลืมตาตื่น [ผิงเสีย]
» [OS] เสียงแห่งความทรงจำ (ผิงเสีย)
» [OS] แสงสว่างและความมืด [ผิงเสีย]
» [OS] ความหนักใจของนายอ้วน [ผิงเสีย]
» [OS] สิ่งแรกที่เจอยามลืมตาตื่น [ผิงเสีย]
» [OS] เสียงแห่งความทรงจำ (ผิงเสีย)
» [OS] แสงสว่างและความมืด [ผิงเสีย]
» [OS] ความหนักใจของนายอ้วน [ผิงเสีย]
หน้า 1 จาก 1
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
|
|
Fri 24 Jul 2020, 01:39 by gustoon
» [คู่มือด้วง] Keyword จีนสำหรับการขุด(แฟนดอม)สุสาน
Thu 21 Jun 2018, 00:29 by miskizfullmoon
» มังฮวาและภาคทิเบต
Thu 21 Jun 2018, 00:23 by miskizfullmoon
» [OS] Father is the best (ผิงเสีย)
Thu 03 Aug 2017, 16:12 by schneewittchen
» [Fic] สิ่งเล็กๆที่เชื่อมโลก5 [เมินโหยวผิง+อู่เสีย+เสี่ยอ้วน]+OC
Tue 01 Aug 2017, 12:30 by natsume
» [OS] #dmbjdaily (จูปาจุ๊บ) Bittersweet [ผิงเสีย AU]
Thu 06 Apr 2017, 15:58 by Zeth
» [OS] #dmbjdaily "โทรศัพท์มือถือ" - no Pairing [All]
Tue 04 Apr 2017, 22:27 by Zeth
» [OS] #DMBJDaily (แว่น): ระยะที่มองไม่เห็น [ฮัวเสีย]
Sat 01 Apr 2017, 16:55 by Zeth
» [OS] #DMBJdaily (5.20) ท่านยอดฝีมือ [หวังเหมิง (+เหมิงเสีย)(+ผิงเสีย)]
Thu 30 Mar 2017, 17:24 by Zeth