Countdown
We've been
togerther for
ค้นหา
Latest topics
Most active topics
[OS] สิ่งแรกที่เจอยามลืมตาตื่น [ผิงเสีย]
+6
zerin
Duke_of_Florence
SilverCloud
ryu77
casey
sinnerdarker
10 posters
หน้า 1 จาก 1
[OS] สิ่งแรกที่เจอยามลืมตาตื่น [ผิงเสีย]
เหตุเกิดจากภาพนี้ค่ะ --> https://twitter.com/leralalita/status/548497869414469632 T//////T
เป็นตอนต่อของสองฟิคล่างนะคะ
[Drabble] #dmbjdaily (Santa) เพียงสิ่งเดียวที่ปรารถนา [ผิงเสีย]
[Drabble] พรใดในฝันก็ไม่เท่าความจริง [ผิงเสีย]
ผมลืมตาตื่นขึ้น แสงแดดอ่อนๆ ส่องกระทบเตียงที่จัดวางไว้ข้างหน้าต่าง อากาศค่อนข้างหนาว ทว่าไม่มีหิมะโปรยปราย
ยามเช้าค่อนข้างเงียบสงบ มีเพียงเสียงสายลมและเสียงสกุณา แว่วเสียงรถยนต์และเสียงพูดคุยผะแผ่ว กระนั้นก็บางเบา วันนี้เป็นเช้าวันถัดมาหลังจากวันคริสต์มาส ผู้คนมากมายเลี้ยงฉลองกันในคืนที่ผ่านมา บางทีคงยังไม่ตื่นขึ้นจากความง่วงงุนและความเหนื่อยอ่อนในค่ำคืนที่ผ่านมา
ผมกะพริบตาปริบ ยกมือขยี้ตาตัวเอง ก่อนจะรู้สึกว่ามันบวมช้ำจนรู้สึกเจ็บ ราวกับผ่านการร้องไห้มาอย่างสาหัส
เพราะอย่างนั้น จึงค่อยๆ ทบทวนความทรงจำ ค่อยๆ คิดว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น แล้วความทรงจำก็ร่วงหล่นลงมาในห้วงความคิดของตน
อา..ใช่แล้ว ผมร้องไห้
ผมร้องไห้เพราะฝันถึงความฝันนั้นที่เห็นในคืนวันคริสต์มาสทุกปีราวคำสาป ความฝันที่ซานต้าบอกผมว่าจะให้ในสื่งที่ปรารถนา แต่ยามเมื่อผมกล่าวบอกความปรารถนาไป เขาก็ส่ายหัว บอกผมว่ามอบให้ไม่ได้ ดังนั้นผมจึงร้องไห้ เพราะเสียใจที่ไม่อาจได้มันมา
จากนั้น…จากนั้นผมก็ตื่นขึ้นมาและ…พบกับเขา
เรื่องนั้นทำให้ผมน้ำตารื้นขึ้นมา ผมได้พบกับเขาแล้ว...ได้พบกันเสียที พรของผมเป็นจริงในที่สุด
แต่ว่ามันเป็นความฝันหรือความจริงล่ะ ซานต้าเพียงประสาทพรให้ผม ให้คิดไปเองว่าผมพาเขากลับมาแล้ว หรือว่าผมได้เขากลับมาแล้วจริงๆ?
ความทรงจำของผมยังสับสน ไม่แน่ใจว่าสิ่งเหล่านั้นเป็นความจริงหรือความฝัน แต่เมื่อพลิกตัวหันกลับไปมองด้านข้าง ความสงสัยก็ปราศนาการหายไปในพริบตา
ที่เห็นอยู่ตรงหน้า คือใบหน้าที่อยู่ในความทรงจำตลอดโมงยามที่ผ่านเลย ใบหน้าที่จ้องมองลงมาเมื่อคืนนี้ เจ้าของฝ่ามือที่ปาดน้ำตาออกจากใบหน้าของผม โอบกอดปลอบผมที่ร้องไห้เหมือนเด็กตัวเล็กๆ ยอมให้เรียกชื่อครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างไม่รำคาญ
ชายหนุ่มนอนหันข้างให้ผม ใบหน้าเรียบนิ่งหลับใหลอย่างสงบ ร่างกายขยับขึ้นลงตามจังหวะลมหายใจ
ผมเกร็งตัว ค่อยๆ ยกมือสัมผัสใบหน้าของเขา หวาดกลัวว่าจะเป็นเพียงภาพลวงตา กระนั้นยามแตะปลายนิ้วลงไป ก็รู้สึกว่านี่คือตัวจริง
ปลายนิ้วของผมค่อยๆแตะลงบนแก้มของเขาทีละนิ้ว ก่อนจะทาบลงไปทั้งมือ และเกลี่ยปลายนิ้วโป้งไล้ข้างจมูกของเขาขึ้นไปถึงเปลือกตาที่สัมผัสได้ถึงการขยับไหวภายใน
ไม่หรอก..ผิวสัมผัสไม่ได้อบอุ่นถึงเพียงนั้น อากาศหนาว จึงค่อนข้างเย็น
แต่ว่าเป็นสัมผัสของมนุษย์
เป็นสัมผัสของจางฉี่หลิง
ผมเบิกตาเล็กน้อย ขยับมืออีกข้างสัมผัสใบหน้าของเขา ….คราวนี้เป็นความจริงแล้วใช่ไหม? ไม่ใช่ว่าที่รู้สึกตอนนี้เป็นความฝัน และผมจะลืมตาตื่นขึ้นหลังจากนั้นใช่ไหม?
ผมกลั้นก้อนสะอื้นในลำคอ ขยับตัวลงเล็กน้อยเพื่อกอดซุกลงในอกของเขา ผมไม่ทันสังเกตด้วยซ้ำว่าตนนอนหนุนแขนอีกฝ่ายอยู่..เมื่อคืนผมคงหลับไปทั้งๆ ที่ร้องไห้ และบางทีเขาคงล้มตัวลงนอนทั้งที่ผมยังกอดเอาไว้
แผ่นอกของเขาเปลือยเปล่า ผมรู้สึกตอนที่เพิ่งซบลงไป ตอนแรกก็คิดว่าจะขยับหนี แต่ว่าความอบอุ่นนั้นทั้งดึงดูดทั้งทำให้รู้สึกดี สุดท้ายจึงมุดตัวซุกลงไปทั้งที่รู้ว่ามันน่าอาย
ผมแนบหูลงที่หน้าอกซ้ายของเขา รู้สึกถึงเสียงหัวใจเต้น รู้สึกถึงอุณหภูมิและกลิ่นอายของอีกฝ่าย
รู้สึกถึงชีวิต
ยามรู้สึกเช่นนั้น จึงขยับแขนโอบกอดเขาไว้แน่นใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน ไขว่คว้าหาหลักฐานว่านี่เป็นความจริง เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆ และไม่ใช่ความฝันหรือภาพลวงตาใดใด
..จำได้แล้ว ผมพาเขากลับมา แม้ด้วยความยากลำบาก ขอให้เขาอยู่กับผม ขอให้ไม่ไปไหนอีก ผมวิตกจริตมาก สิบปีที่ห่างกัน ความสูญเสียครั้งแล้วครั้งเล่าทำให้ผมหวาดกลัว สุดท้ายเมื่อคืนถึงได้งอแงแบบนั้น ติดอยู่ในความฝันแห่งอดีต
ผมจำได้เช่นกัน หลังจากเขากลับมารู้สึกสับสนเพียงใด ติดอยู่ระหว่างความรู้สึกยินดีที่ได้พบกันอีกครั้งกับความกลัวว่านี่จะเป็นเพียงความฝัน แต่เมื่อเวลาผ่านไปสิ่งเหล่านั้นก็คลายหายไป จนกระทั่งเมื่อคืนฝันอันเลวร้ายตามหลอกหลอนผมจะอดสั่นขวัญแขวน
แต่มันก็แค่ฝัน จางฉี่หลิงของผมอยู่ที่นี่..อยู่ตรงนี้
พอสบายใจ ผมก็เริ่มรู้สึกง่วงงุน เกือบจะหลับไปอีกครั้ง หากว่าไม่มีมือเย็นๆ แนบลงบนแก้มของตน
“อู๋เสีย” เสียงทุ้มต่ำนาบเนิบดังขึ้นจากบนศีรษะ ผมหลับตาเคลิบเคลิ้มไปกับมันครู่หนึ่ง ก่อนจะลืมตาขึ้นมองเขาแล้วกล่าวพึมพำ “อรุณสวัสดิ์ เสี่ยวเกอ”
เขาทำท่าเหมือนจะกล่าวตอบผม ทว่าสุดท้ายก็เพียงพยักหน้า ขยับผ้าห่มคลุมไหล่ขให้ และตวัดแขนโอบกอดผมแน่นกว่าเก่า “..หือ? ไม่ลุกเหรอ”
“เพิ่งไม่กี่โมง อีกอย่างตัวนายเย็น” จางฉี่หลิงกล่าวตอบผม รวบร่างเข้าไปกอด หลับตาลงอีกครั้งเหมือนจะหลับต่อ
ตอนแรกผมก็กะว่าจะทำแบบนั้น ดื่มด่ำกับช่วงเวลานี้ต่อไปอีกซักพัก ทว่าก็ต้องเบิกตาโพล่งเมื่อพบว่าบนร่างมีเพียงเสื้อหลวมโคร่งตัวเดียวกับชั้นใน เบื้องล่างของผมเปลือยเปล่าตั้งแต่ต้นขาจรดปลายเท้า
พอนึกได้แบบนั้น ผมเลยลุกพรวดขึ้นนั่ง แล้วก็ดูเสื้อที่ตัวเองใส่อยู่ ถึงเพิ่งรู้ว่านี่ไม่ใช่เสื้อตัวเอง แต่เป็นเสื้อที่ผมซื้อให้จางฉี่หลิง และถ้าจำไม่ผิดก็เป็นเสื้อที่เขาใส่เมื่อคืน ตอนนั้นเลยเข้าใจว่าเหตุใดร่างที่นอนอยู่ข้างผมจึงไม่สวมเสื้อ
ผมหน้าแดงเผือด ความคิดอกุศลผุดพรวดขึ้นเต็มสมอง จะว่าไปเมื่อคืนเหมือนจะดื่มหนักไปหน่อย เบลอจนลืมไปชั่วขณะว่าได้เขากลับมา สับสนความจริงความฝัน ปล่อยความกังวลบ้าบอคอแตกออกไปก็เยอะ แต่ว่าผมจำได้ถึงแค่นั้น แล้วสติก็หายไป ตอนแรกคิดว่าหลับไปแต่อาจจะไม่ใช่ ..นี่ตกลงเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นกันแน่!!
“เสี่ยวเกอ! ทำไมฉันใส่เสื้อนาย! เมื่อวานเกิดอะไรขึ้น!” ผมเขย่าตัวเขาพลางร้องถาม แต่อีกฝ่ายก็ดันทำตัวเป็นแมวขี้เซาในเวลาแบบนี้ จางฉี่หลิงขมวดคิ้วมองผม ก่อนจะขยับซุกตัวลงผ้าห่มโดยไม่สนใจกัน
จากที่กำลังซึ้งเพราะความฝันที่เป็นจริง ผมก็ชักเริ่มโมโห เลยจัดการขยับตัวขึ้นคร่อมเขาไว้แล้วดึงผ้าห่มออก “นี่ ตอบมาเซ่เสี่ยวเกอ!”
“……” จางฉี่หลิงยอมลืมตาขึ้น ท้าวแขนขึ้นมานั่งมองผม เห็นแบบนั้นเลยใจชื้นขึ้น แต่ครั้นจะถามออกไปอีกครั้ง ก็ต้องสะดุ้งเมื่อเขาใช้ฝ่ามือเย็นลูบต้นขาเปลือยเปล่าของผม “เสี่ยวเกอ!”
“….หนาว” คนใบ้จางพึมพำแล้วดึงแขนผมลงไปกอด ยังไม่ยอมบอกว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น จะว่าไปก็ไม่ได้รู้สึกปวดเมื่อยร่างกาย ไม่มีกลิ่นเหงื่อเหนอะหนะ ไม่มีรอยจูบที่ลำคอของเขา (ส่วนของผมจะตรวจดูเองคงไม่ไหว) ดังนั้นบางทีผมอาจจะแค่เมาอ้วกแตกจนเสื้อเปื้อน แล้วเขาต้องถอดเสื้อมาใส่ให้ผมก็ได้
..แต่ถึงเกิดอะไรขึ้นจริง ก็ไม่สำคัญอยู่ดี เพราะผมรู้ว่าต่อให้มีสติก็คงไม่คิดต่อต้านอะไร
ผมขยับตัวขึ้นมานิดหน่อย ท้าวแขนมองใบหน้าของเขา เกลี่ยปลายนิ้วบนริ้วเคราบางเบาที่ปลายคาง อืม…ผู้ชายที่อ่อนเยาว์ตลอดกาลอย่างจางฉี่หลิง ก็คงต้องมีเคราบ้างกระมัง
พอคิดถึงตรงนี้ก็อดหมั่นไส้ไม่ได้ ผมแก่เข้าวัยกลางคนแล้ว ถึงจะหน้าอ่อนวัยจนคนทักว่าไปศัลยกรรมมาก็ยังแก่จากเดิมไปมาก ส่วนจางฉี่หลิงไม่เปลี่ยนไปจากเดิมแม้แต่น้อย ความอ่อนวัยที่ดำรงอยู่เมื่อสิบปีก่อน แม้บัดนี้ก็ยังคงเป็นเช่นเดิม
สิ่งที่เปลี่ยนไป..คงเป็นภายในจิตใจเขา คงเป็นรอยยิ้ม คงเป็นความมีชีวิตชีวาที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยมี และผมดีใจที่ได้เห็นมัน
พอคิดเช่นนั้นก็อดยิ้มไม่ได้ ผมก้มหน้าลงไปหอมแก้มเขาฟอดใหญ่ ปรากฏว่าพอทำแบบนั้นก็โดนกอดเอวเอาไว้ แล้วก็โดนหอมกลับทั้งๆ ที่อีกฝ่ายหลับตาอยู่ ..เจ้าคนร้ายกาจนี่!
ให้ตายเถอะ เล่นอะไรอย่างกับคู่แต่งงานวัยละอ่อน
ผมคิดเองแล้วก็เขินเอง เรื่องอะไรสมองถึงไปเปรียบเทียบกับอะไรแบบนั้น!
ในระหว่างที่กำลังคิดอะไรแบบนั้นอยู่ จางฉี่หลิงก็ขยับจมูกดุนดันซุกไซร้พวงแก้มและลำคอของผม ผมหัวเราะคิกด้วยความจั๊กจี๋แล้วท้าวแขนกับเตียงยกตัวเองขึ้น ขยับตัวนั่งให้ถนัดกว่าเดิม “ตื่นเถอะเสี่ยวเกอ นอนมากกว่านี้จะตัวเป็นขนเอา”
แต่ว่าเขาไม่ยอมลุก และไม่ยอมปล่อยมือจากเอวผม
“เสี่ยวเกอ?” ผมทวนชื่อของเขา เลิกคิ้วอย่างแปลกใจ ทว่าอีกฝ่ายไม่ได้ตอบ เพียงขยับมือเลื่อนมาที่แขนผม ดึงตัวผมลงไปเล็กน้อยจนใบหน้าเราใกล้กัน
ตอนนั้นผมจึงเข้าใจเจตนาของเขา
ผมหลับตาลง รอรับจุมพิตแผ่วเบาที่ประทับลงบนริมฝีปากของตน
ริมฝีปากของพวกเราเย็นเฉียบ แต่ยามที่บดเบียดกันครู่หนึ่ง ก็อบอุ่นขึ้นมา ทว่าละออกจากกันก่อนมีอะไรไปมากกว่านั้น
ผมลืมตาขึ้น มองใบหน้าของเขาที่ห่างกันเพียงคืบ ก่อนจะพึมพำขึ้นแผ่วเบา “อรุณสวัสดิ์..ขอบคุณที่ยอมอยู่เคียงข้างฉัน”
“..ขอบคุณที่นายรักษาสัญญา” จางฉี่หลิงพึมพำบอกผม ดึงร่างของผมลงไปกอด จูบลงบนกระหม่อมของผมแล้วกระชับอ้อมแขนแน่น
ผมนึกอยากบอกเขาว่าเราควรลุกได้แล้ว แต่อ้อมแขนที่โอบกระชับอยู่นี้ก็อบอุ่นมากจริงๆ… สุดท้ายจึงขยับแขนโอบกอดเขากลับ แล้วก็หลับไปทั้งอย่างนั้น
…กว่าจะตื่นอีกครั้งก็เกือบสายทีเดียว
โชคดีที่ผมปิดร้านสามวัน จึงไม่ต้องตาลีตาเหลือกรีบอาบน้ำออกไปเปิดร้าน แต่ว่าถ้านอนมากกว่านี้คืนนี้คงไม่ได้หลับได้นอน ผมจึงต้องขืนตัวลุกขึ้นมาจากเตียง แม้ว่าจะถูกเจ้าแมวขี้เซาดึงตัวเอาไว้ก็ตาม
ผมหันไปมองใบหน้าของเขา ยังคงหวาดกลัวว่าทุกอย่างจะเป็นเพียงฝัน แต่ความทรงจำโหดร้ายที่ติดอยู่ข้างในเพราะดั้นด้นไปพบเขา บาดแผลบนร่าง ก็เป็นหลักฐานว่าทุกสิ่งเป็นความจริง
“ฉันไม่ได้ฝันว่าได้นายกลับมาใช่ไหม จางฉี่หลิง” ผมเผลอถามไป มองคนที่ยังนอนอยู่บนเตียง
เขานิ่งไปเล็กน้อย ขยับใบหน้ามาหา ถามผมกลับ “แล้วต้องทำยังไง นายถึงจะเชื่อว่าเป็นความจริง”
“…ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน” ผมพึมพำ เหม่อมองไปทางอื่น ก่อนจะนึกอะไรขึ้นได้ หันกลับมาบอกเขา “..เอาเป็นว่า ขอให้ฉันตื่นขึ้นมาทุกเช้า แล้วเจอนายเป็นสิ่งแรก ได้ไหม?”
พอขอร้องออกไป ใบหน้าก็ร้อนฉ่า ทว่าอีกฝ่ายกลับขยับตัวลุกขึ้นนั่ง เกลี่ยเส้นผมออกจากใบหน้าผม และประคองมันเอาไว้ และประทับจูบลงมาอีกครั้ง
จางฉี่หลิงจูบผมไม่นานก็ละไป จ้องอมงผมด้วยดวงตาเรียบเฉย แต่ผมรู้…เมื่อครู่เป็นการยืนยันว่าเขาจะทำตามที่ผมขอ
ผมอดยิ้มด้วยความสุขและความตื้นตันไม่ได้ ขยับฝ่ามือขึ้นแตะลงบนหลังมือของเขาที่แนบบนใบหน้าตัวเอง รู้สึกถึงความอบอุ่นชุ่นชื้นที่หลั่งรินเข้ามาในหัวใจ
ไม่อาจปฎิเสธว่าความกังวลยังคงอยู่ในหัวใจ แต่ว่าผมจะเชื่อ….จะขอเชื่อ
ว่าในทุกเช้าที่ผมลืมตาตื่นขึ้นมา จะพบใบหน้าของเขาเป็นสิ่งแรก นอนอยู่เคียงข้างกันรับรุ่งอรุณ
และมอบจุมพิตยามเช้าให้แก่กัน
ฮรุมมม แต่งแบบไร้สติเนื่องจากเห็นภาพของคุณเอิร์ลค่ะ จะไม่ทนนนนนนนนนน /สครีมแบบสติแตก/ ฮืออออออ จากฟิคดารืกดราม่าก็ค่อยๆถูกล่อลวงจนจบแบบ HAPPY END สุดติ่ง จนได้ค่ะ ก๊ากกกก
เป็นตอนต่อของสองฟิคล่างนะคะ
[Drabble] #dmbjdaily (Santa) เพียงสิ่งเดียวที่ปรารถนา [ผิงเสีย]
[Drabble] พรใดในฝันก็ไม่เท่าความจริง [ผิงเสีย]
+++++++++++++++++++++++
ผมลืมตาตื่นขึ้น แสงแดดอ่อนๆ ส่องกระทบเตียงที่จัดวางไว้ข้างหน้าต่าง อากาศค่อนข้างหนาว ทว่าไม่มีหิมะโปรยปราย
ยามเช้าค่อนข้างเงียบสงบ มีเพียงเสียงสายลมและเสียงสกุณา แว่วเสียงรถยนต์และเสียงพูดคุยผะแผ่ว กระนั้นก็บางเบา วันนี้เป็นเช้าวันถัดมาหลังจากวันคริสต์มาส ผู้คนมากมายเลี้ยงฉลองกันในคืนที่ผ่านมา บางทีคงยังไม่ตื่นขึ้นจากความง่วงงุนและความเหนื่อยอ่อนในค่ำคืนที่ผ่านมา
ผมกะพริบตาปริบ ยกมือขยี้ตาตัวเอง ก่อนจะรู้สึกว่ามันบวมช้ำจนรู้สึกเจ็บ ราวกับผ่านการร้องไห้มาอย่างสาหัส
เพราะอย่างนั้น จึงค่อยๆ ทบทวนความทรงจำ ค่อยๆ คิดว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น แล้วความทรงจำก็ร่วงหล่นลงมาในห้วงความคิดของตน
อา..ใช่แล้ว ผมร้องไห้
ผมร้องไห้เพราะฝันถึงความฝันนั้นที่เห็นในคืนวันคริสต์มาสทุกปีราวคำสาป ความฝันที่ซานต้าบอกผมว่าจะให้ในสื่งที่ปรารถนา แต่ยามเมื่อผมกล่าวบอกความปรารถนาไป เขาก็ส่ายหัว บอกผมว่ามอบให้ไม่ได้ ดังนั้นผมจึงร้องไห้ เพราะเสียใจที่ไม่อาจได้มันมา
จากนั้น…จากนั้นผมก็ตื่นขึ้นมาและ…พบกับเขา
เรื่องนั้นทำให้ผมน้ำตารื้นขึ้นมา ผมได้พบกับเขาแล้ว...ได้พบกันเสียที พรของผมเป็นจริงในที่สุด
แต่ว่ามันเป็นความฝันหรือความจริงล่ะ ซานต้าเพียงประสาทพรให้ผม ให้คิดไปเองว่าผมพาเขากลับมาแล้ว หรือว่าผมได้เขากลับมาแล้วจริงๆ?
ความทรงจำของผมยังสับสน ไม่แน่ใจว่าสิ่งเหล่านั้นเป็นความจริงหรือความฝัน แต่เมื่อพลิกตัวหันกลับไปมองด้านข้าง ความสงสัยก็ปราศนาการหายไปในพริบตา
ที่เห็นอยู่ตรงหน้า คือใบหน้าที่อยู่ในความทรงจำตลอดโมงยามที่ผ่านเลย ใบหน้าที่จ้องมองลงมาเมื่อคืนนี้ เจ้าของฝ่ามือที่ปาดน้ำตาออกจากใบหน้าของผม โอบกอดปลอบผมที่ร้องไห้เหมือนเด็กตัวเล็กๆ ยอมให้เรียกชื่อครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างไม่รำคาญ
ชายหนุ่มนอนหันข้างให้ผม ใบหน้าเรียบนิ่งหลับใหลอย่างสงบ ร่างกายขยับขึ้นลงตามจังหวะลมหายใจ
ผมเกร็งตัว ค่อยๆ ยกมือสัมผัสใบหน้าของเขา หวาดกลัวว่าจะเป็นเพียงภาพลวงตา กระนั้นยามแตะปลายนิ้วลงไป ก็รู้สึกว่านี่คือตัวจริง
ปลายนิ้วของผมค่อยๆแตะลงบนแก้มของเขาทีละนิ้ว ก่อนจะทาบลงไปทั้งมือ และเกลี่ยปลายนิ้วโป้งไล้ข้างจมูกของเขาขึ้นไปถึงเปลือกตาที่สัมผัสได้ถึงการขยับไหวภายใน
ไม่หรอก..ผิวสัมผัสไม่ได้อบอุ่นถึงเพียงนั้น อากาศหนาว จึงค่อนข้างเย็น
แต่ว่าเป็นสัมผัสของมนุษย์
เป็นสัมผัสของจางฉี่หลิง
ผมเบิกตาเล็กน้อย ขยับมืออีกข้างสัมผัสใบหน้าของเขา ….คราวนี้เป็นความจริงแล้วใช่ไหม? ไม่ใช่ว่าที่รู้สึกตอนนี้เป็นความฝัน และผมจะลืมตาตื่นขึ้นหลังจากนั้นใช่ไหม?
ผมกลั้นก้อนสะอื้นในลำคอ ขยับตัวลงเล็กน้อยเพื่อกอดซุกลงในอกของเขา ผมไม่ทันสังเกตด้วยซ้ำว่าตนนอนหนุนแขนอีกฝ่ายอยู่..เมื่อคืนผมคงหลับไปทั้งๆ ที่ร้องไห้ และบางทีเขาคงล้มตัวลงนอนทั้งที่ผมยังกอดเอาไว้
แผ่นอกของเขาเปลือยเปล่า ผมรู้สึกตอนที่เพิ่งซบลงไป ตอนแรกก็คิดว่าจะขยับหนี แต่ว่าความอบอุ่นนั้นทั้งดึงดูดทั้งทำให้รู้สึกดี สุดท้ายจึงมุดตัวซุกลงไปทั้งที่รู้ว่ามันน่าอาย
ผมแนบหูลงที่หน้าอกซ้ายของเขา รู้สึกถึงเสียงหัวใจเต้น รู้สึกถึงอุณหภูมิและกลิ่นอายของอีกฝ่าย
รู้สึกถึงชีวิต
ยามรู้สึกเช่นนั้น จึงขยับแขนโอบกอดเขาไว้แน่นใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน ไขว่คว้าหาหลักฐานว่านี่เป็นความจริง เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆ และไม่ใช่ความฝันหรือภาพลวงตาใดใด
..จำได้แล้ว ผมพาเขากลับมา แม้ด้วยความยากลำบาก ขอให้เขาอยู่กับผม ขอให้ไม่ไปไหนอีก ผมวิตกจริตมาก สิบปีที่ห่างกัน ความสูญเสียครั้งแล้วครั้งเล่าทำให้ผมหวาดกลัว สุดท้ายเมื่อคืนถึงได้งอแงแบบนั้น ติดอยู่ในความฝันแห่งอดีต
ผมจำได้เช่นกัน หลังจากเขากลับมารู้สึกสับสนเพียงใด ติดอยู่ระหว่างความรู้สึกยินดีที่ได้พบกันอีกครั้งกับความกลัวว่านี่จะเป็นเพียงความฝัน แต่เมื่อเวลาผ่านไปสิ่งเหล่านั้นก็คลายหายไป จนกระทั่งเมื่อคืนฝันอันเลวร้ายตามหลอกหลอนผมจะอดสั่นขวัญแขวน
แต่มันก็แค่ฝัน จางฉี่หลิงของผมอยู่ที่นี่..อยู่ตรงนี้
พอสบายใจ ผมก็เริ่มรู้สึกง่วงงุน เกือบจะหลับไปอีกครั้ง หากว่าไม่มีมือเย็นๆ แนบลงบนแก้มของตน
“อู๋เสีย” เสียงทุ้มต่ำนาบเนิบดังขึ้นจากบนศีรษะ ผมหลับตาเคลิบเคลิ้มไปกับมันครู่หนึ่ง ก่อนจะลืมตาขึ้นมองเขาแล้วกล่าวพึมพำ “อรุณสวัสดิ์ เสี่ยวเกอ”
เขาทำท่าเหมือนจะกล่าวตอบผม ทว่าสุดท้ายก็เพียงพยักหน้า ขยับผ้าห่มคลุมไหล่ขให้ และตวัดแขนโอบกอดผมแน่นกว่าเก่า “..หือ? ไม่ลุกเหรอ”
“เพิ่งไม่กี่โมง อีกอย่างตัวนายเย็น” จางฉี่หลิงกล่าวตอบผม รวบร่างเข้าไปกอด หลับตาลงอีกครั้งเหมือนจะหลับต่อ
ตอนแรกผมก็กะว่าจะทำแบบนั้น ดื่มด่ำกับช่วงเวลานี้ต่อไปอีกซักพัก ทว่าก็ต้องเบิกตาโพล่งเมื่อพบว่าบนร่างมีเพียงเสื้อหลวมโคร่งตัวเดียวกับชั้นใน เบื้องล่างของผมเปลือยเปล่าตั้งแต่ต้นขาจรดปลายเท้า
พอนึกได้แบบนั้น ผมเลยลุกพรวดขึ้นนั่ง แล้วก็ดูเสื้อที่ตัวเองใส่อยู่ ถึงเพิ่งรู้ว่านี่ไม่ใช่เสื้อตัวเอง แต่เป็นเสื้อที่ผมซื้อให้จางฉี่หลิง และถ้าจำไม่ผิดก็เป็นเสื้อที่เขาใส่เมื่อคืน ตอนนั้นเลยเข้าใจว่าเหตุใดร่างที่นอนอยู่ข้างผมจึงไม่สวมเสื้อ
ผมหน้าแดงเผือด ความคิดอกุศลผุดพรวดขึ้นเต็มสมอง จะว่าไปเมื่อคืนเหมือนจะดื่มหนักไปหน่อย เบลอจนลืมไปชั่วขณะว่าได้เขากลับมา สับสนความจริงความฝัน ปล่อยความกังวลบ้าบอคอแตกออกไปก็เยอะ แต่ว่าผมจำได้ถึงแค่นั้น แล้วสติก็หายไป ตอนแรกคิดว่าหลับไปแต่อาจจะไม่ใช่ ..นี่ตกลงเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นกันแน่!!
“เสี่ยวเกอ! ทำไมฉันใส่เสื้อนาย! เมื่อวานเกิดอะไรขึ้น!” ผมเขย่าตัวเขาพลางร้องถาม แต่อีกฝ่ายก็ดันทำตัวเป็นแมวขี้เซาในเวลาแบบนี้ จางฉี่หลิงขมวดคิ้วมองผม ก่อนจะขยับซุกตัวลงผ้าห่มโดยไม่สนใจกัน
จากที่กำลังซึ้งเพราะความฝันที่เป็นจริง ผมก็ชักเริ่มโมโห เลยจัดการขยับตัวขึ้นคร่อมเขาไว้แล้วดึงผ้าห่มออก “นี่ ตอบมาเซ่เสี่ยวเกอ!”
“……” จางฉี่หลิงยอมลืมตาขึ้น ท้าวแขนขึ้นมานั่งมองผม เห็นแบบนั้นเลยใจชื้นขึ้น แต่ครั้นจะถามออกไปอีกครั้ง ก็ต้องสะดุ้งเมื่อเขาใช้ฝ่ามือเย็นลูบต้นขาเปลือยเปล่าของผม “เสี่ยวเกอ!”
“….หนาว” คนใบ้จางพึมพำแล้วดึงแขนผมลงไปกอด ยังไม่ยอมบอกว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น จะว่าไปก็ไม่ได้รู้สึกปวดเมื่อยร่างกาย ไม่มีกลิ่นเหงื่อเหนอะหนะ ไม่มีรอยจูบที่ลำคอของเขา (ส่วนของผมจะตรวจดูเองคงไม่ไหว) ดังนั้นบางทีผมอาจจะแค่เมาอ้วกแตกจนเสื้อเปื้อน แล้วเขาต้องถอดเสื้อมาใส่ให้ผมก็ได้
..แต่ถึงเกิดอะไรขึ้นจริง ก็ไม่สำคัญอยู่ดี เพราะผมรู้ว่าต่อให้มีสติก็คงไม่คิดต่อต้านอะไร
ผมขยับตัวขึ้นมานิดหน่อย ท้าวแขนมองใบหน้าของเขา เกลี่ยปลายนิ้วบนริ้วเคราบางเบาที่ปลายคาง อืม…ผู้ชายที่อ่อนเยาว์ตลอดกาลอย่างจางฉี่หลิง ก็คงต้องมีเคราบ้างกระมัง
พอคิดถึงตรงนี้ก็อดหมั่นไส้ไม่ได้ ผมแก่เข้าวัยกลางคนแล้ว ถึงจะหน้าอ่อนวัยจนคนทักว่าไปศัลยกรรมมาก็ยังแก่จากเดิมไปมาก ส่วนจางฉี่หลิงไม่เปลี่ยนไปจากเดิมแม้แต่น้อย ความอ่อนวัยที่ดำรงอยู่เมื่อสิบปีก่อน แม้บัดนี้ก็ยังคงเป็นเช่นเดิม
สิ่งที่เปลี่ยนไป..คงเป็นภายในจิตใจเขา คงเป็นรอยยิ้ม คงเป็นความมีชีวิตชีวาที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยมี และผมดีใจที่ได้เห็นมัน
พอคิดเช่นนั้นก็อดยิ้มไม่ได้ ผมก้มหน้าลงไปหอมแก้มเขาฟอดใหญ่ ปรากฏว่าพอทำแบบนั้นก็โดนกอดเอวเอาไว้ แล้วก็โดนหอมกลับทั้งๆ ที่อีกฝ่ายหลับตาอยู่ ..เจ้าคนร้ายกาจนี่!
ให้ตายเถอะ เล่นอะไรอย่างกับคู่แต่งงานวัยละอ่อน
ผมคิดเองแล้วก็เขินเอง เรื่องอะไรสมองถึงไปเปรียบเทียบกับอะไรแบบนั้น!
ในระหว่างที่กำลังคิดอะไรแบบนั้นอยู่ จางฉี่หลิงก็ขยับจมูกดุนดันซุกไซร้พวงแก้มและลำคอของผม ผมหัวเราะคิกด้วยความจั๊กจี๋แล้วท้าวแขนกับเตียงยกตัวเองขึ้น ขยับตัวนั่งให้ถนัดกว่าเดิม “ตื่นเถอะเสี่ยวเกอ นอนมากกว่านี้จะตัวเป็นขนเอา”
แต่ว่าเขาไม่ยอมลุก และไม่ยอมปล่อยมือจากเอวผม
“เสี่ยวเกอ?” ผมทวนชื่อของเขา เลิกคิ้วอย่างแปลกใจ ทว่าอีกฝ่ายไม่ได้ตอบ เพียงขยับมือเลื่อนมาที่แขนผม ดึงตัวผมลงไปเล็กน้อยจนใบหน้าเราใกล้กัน
ตอนนั้นผมจึงเข้าใจเจตนาของเขา
ผมหลับตาลง รอรับจุมพิตแผ่วเบาที่ประทับลงบนริมฝีปากของตน
ริมฝีปากของพวกเราเย็นเฉียบ แต่ยามที่บดเบียดกันครู่หนึ่ง ก็อบอุ่นขึ้นมา ทว่าละออกจากกันก่อนมีอะไรไปมากกว่านั้น
ผมลืมตาขึ้น มองใบหน้าของเขาที่ห่างกันเพียงคืบ ก่อนจะพึมพำขึ้นแผ่วเบา “อรุณสวัสดิ์..ขอบคุณที่ยอมอยู่เคียงข้างฉัน”
“..ขอบคุณที่นายรักษาสัญญา” จางฉี่หลิงพึมพำบอกผม ดึงร่างของผมลงไปกอด จูบลงบนกระหม่อมของผมแล้วกระชับอ้อมแขนแน่น
ผมนึกอยากบอกเขาว่าเราควรลุกได้แล้ว แต่อ้อมแขนที่โอบกระชับอยู่นี้ก็อบอุ่นมากจริงๆ… สุดท้ายจึงขยับแขนโอบกอดเขากลับ แล้วก็หลับไปทั้งอย่างนั้น
…กว่าจะตื่นอีกครั้งก็เกือบสายทีเดียว
โชคดีที่ผมปิดร้านสามวัน จึงไม่ต้องตาลีตาเหลือกรีบอาบน้ำออกไปเปิดร้าน แต่ว่าถ้านอนมากกว่านี้คืนนี้คงไม่ได้หลับได้นอน ผมจึงต้องขืนตัวลุกขึ้นมาจากเตียง แม้ว่าจะถูกเจ้าแมวขี้เซาดึงตัวเอาไว้ก็ตาม
ผมหันไปมองใบหน้าของเขา ยังคงหวาดกลัวว่าทุกอย่างจะเป็นเพียงฝัน แต่ความทรงจำโหดร้ายที่ติดอยู่ข้างในเพราะดั้นด้นไปพบเขา บาดแผลบนร่าง ก็เป็นหลักฐานว่าทุกสิ่งเป็นความจริง
“ฉันไม่ได้ฝันว่าได้นายกลับมาใช่ไหม จางฉี่หลิง” ผมเผลอถามไป มองคนที่ยังนอนอยู่บนเตียง
เขานิ่งไปเล็กน้อย ขยับใบหน้ามาหา ถามผมกลับ “แล้วต้องทำยังไง นายถึงจะเชื่อว่าเป็นความจริง”
“…ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน” ผมพึมพำ เหม่อมองไปทางอื่น ก่อนจะนึกอะไรขึ้นได้ หันกลับมาบอกเขา “..เอาเป็นว่า ขอให้ฉันตื่นขึ้นมาทุกเช้า แล้วเจอนายเป็นสิ่งแรก ได้ไหม?”
พอขอร้องออกไป ใบหน้าก็ร้อนฉ่า ทว่าอีกฝ่ายกลับขยับตัวลุกขึ้นนั่ง เกลี่ยเส้นผมออกจากใบหน้าผม และประคองมันเอาไว้ และประทับจูบลงมาอีกครั้ง
จางฉี่หลิงจูบผมไม่นานก็ละไป จ้องอมงผมด้วยดวงตาเรียบเฉย แต่ผมรู้…เมื่อครู่เป็นการยืนยันว่าเขาจะทำตามที่ผมขอ
ผมอดยิ้มด้วยความสุขและความตื้นตันไม่ได้ ขยับฝ่ามือขึ้นแตะลงบนหลังมือของเขาที่แนบบนใบหน้าตัวเอง รู้สึกถึงความอบอุ่นชุ่นชื้นที่หลั่งรินเข้ามาในหัวใจ
ไม่อาจปฎิเสธว่าความกังวลยังคงอยู่ในหัวใจ แต่ว่าผมจะเชื่อ….จะขอเชื่อ
ว่าในทุกเช้าที่ผมลืมตาตื่นขึ้นมา จะพบใบหน้าของเขาเป็นสิ่งแรก นอนอยู่เคียงข้างกันรับรุ่งอรุณ
และมอบจุมพิตยามเช้าให้แก่กัน
END
ฮรุมมม แต่งแบบไร้สติเนื่องจากเห็นภาพของคุณเอิร์ลค่ะ จะไม่ทนนนนนนนนนน /สครีมแบบสติแตก/ ฮืออออออ จากฟิคดารืกดราม่าก็ค่อยๆถูกล่อลวงจนจบแบบ HAPPY END สุดติ่ง จนได้ค่ะ ก๊ากกกก
sinnerdarker- ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ
- จำนวนข้อความ : 343
Points : 4054
Join date : 27/10/2014
ที่อยู่ : บ้านสกุลหวัง
Re: [OS] สิ่งแรกที่เจอยามลืมตาตื่น [ผิงเสีย]
โอย มดจะขึ้นแล้วข่ะนายน้อยยยยยยยยยยย ข้าวใหม่ปลามัน บรรยากาศอวลไปด้วยสีชมพูวิ้งๆๆๆๆๆ ๐////๐
casey- ด้วงตำหนักหลู่หวังเจ็ดดารา
- จำนวนข้อความ : 86
Points : 3586
Join date : 27/10/2014
Re: [OS] สิ่งแรกที่เจอยามลืมตาตื่น [ผิงเสีย]
แรกๆดราม่าหน่อยๆนะคะ แต่พออ่านไปเรื่อยๆ นี่มันอัลไลกัน =[]=
พวกนายจะโชว์สวีท เป็นคู่แต่งงานใหม่ ข้าวใหม่ปลามันรึไงกันฮะ!!
หวานค่ะ หวานจนมดขึ้นหน้าจอคอม
เขินเลยค่ะพี่ซิน >/////<
"ขอให้ตื่นมาทุกเช้า เจอนายเป็นสิ่งแรก" ดิ้นกับประโยคนี้ค่ะ ตายๆๆๆ *///*
พวกนายจะโชว์สวีท เป็นคู่แต่งงานใหม่ ข้าวใหม่ปลามันรึไงกันฮะ!!
หวานค่ะ หวานจนมดขึ้นหน้าจอคอม
เขินเลยค่ะพี่ซิน >/////<
"ขอให้ตื่นมาทุกเช้า เจอนายเป็นสิ่งแรก" ดิ้นกับประโยคนี้ค่ะ ตายๆๆๆ *///*
ryu77- ด้วงตำหนักหลู่หวังเจ็ดดารา
- จำนวนข้อความ : 64
Points : 3540
Join date : 01/11/2014
Re: [OS] สิ่งแรกที่เจอยามลืมตาตื่น [ผิงเสีย]
หวานละมุน~ เหมือนคู่แต่งงานใหม่จริงๆนั่นแหละค่ะนายน้อย ว่าแต่ไปขึ้นคร่อมขนาดนั้นแล้วกิเลนไม่ยักตื่นแฮะ
SilverCloud- ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ
- จำนวนข้อความ : 433
Points : 3940
Join date : 27/10/2014
ที่อยู่ : ตู้เสื้อผ้าของอารอง
Re: [OS] สิ่งแรกที่เจอยามลืมตาตื่น [ผิงเสีย]
นี่มันอย่างกับชีวิตประจำวันของคู่สามีภรรยา ตื่นขึ้นมาเจอ จุมพิตยามเช้า
มดขึ้น
มดขึ้น
Duke_of_Florence- ด้วงสุสานใต้สมุทรทะเลซีซา
- จำนวนข้อความ : 113
Points : 3579
Join date : 31/10/2014
Re: [OS] สิ่งแรกที่เจอยามลืมตาตื่น [ผิงเสีย]
หวานน้ำตาลขึ้นนน ชอบจังค่ะมันแบบอบอุ่นหัวใจนุ่มละมุนอย่างบอกไม่ถูก อ้ออ๋อยยย /////
zerin- ด้วงสุสานใต้สมุทรทะเลซีซา
- จำนวนข้อความ : 188
Points : 3667
Join date : 05/11/2014
ที่อยู่ : เกาะอยู่หลังประตูสำริด
Re: [OS] สิ่งแรกที่เจอยามลืมตาตื่น [ผิงเสีย]
ฮืออออออออออออ///////
หวานมากเลยค่ะคุณซินนนนนแงงงงงงงงงงงงฟหกาสฟวหกา
/กรี๊ดลั่นแบบพูดไม่ออก มันบรรยายไม่ถูก ชอบ ชอบ ชอบ ชอบไปหมดเลยค่ะ ;///;
มันละมุนๆ ฮืออ อบอุ่นมากกก ตอนนายน้อยไม่มั่นใจว่าเสี่ยวเกอกลับมาจริงมั้ยนี่แบบ แงงง
ชอบเสี่ยวเกอที่พูด “แล้วต้องทำยังไง นายถึงจะเชื่อว่าเป็นความจริง” มากฟฟฟ////
โอ้ยฟหกวสา ไม่รู้จะพูดอะไรอ่ะ ชอบทุกตอนเลย แง /สติพังแย้ว อ้าก
หวานจัง หวานจัง T////T /กอดรัดซินซังง
ขอบคุณสำหรับฟิคค่าฟฟฟฟ/////
หวานมากเลยค่ะคุณซินนนนนแงงงงงงงงงงงงฟหกาสฟวหกา
/กรี๊ดลั่นแบบพูดไม่ออก มันบรรยายไม่ถูก ชอบ ชอบ ชอบ ชอบไปหมดเลยค่ะ ;///;
มันละมุนๆ ฮืออ อบอุ่นมากกก ตอนนายน้อยไม่มั่นใจว่าเสี่ยวเกอกลับมาจริงมั้ยนี่แบบ แงงง
ชอบเสี่ยวเกอที่พูด “แล้วต้องทำยังไง นายถึงจะเชื่อว่าเป็นความจริง” มากฟฟฟ////
โอ้ยฟหกวสา ไม่รู้จะพูดอะไรอ่ะ ชอบทุกตอนเลย แง /สติพังแย้ว อ้าก
หวานจัง หวานจัง T////T /กอดรัดซินซังง
ขอบคุณสำหรับฟิคค่าฟฟฟฟ/////
leralalita- ด้วง
- จำนวนข้อความ : 34
Points : 3504
Join date : 27/10/2014
Re: [OS] สิ่งแรกที่เจอยามลืมตาตื่น [ผิงเสีย]
น้ำตาลที่บ้านหมดดดด ว่าจะไปซื้อมา มาเจอแบบนี้ปุบบบบบบ โอ๊ยยย ไม่ต้องซื้อแล้วววว น้ำตงน้ำตาล ไม่ต้องการละ หวานนนเกิน /////
Nepenthes- ด้วง
- จำนวนข้อความ : 42
Points : 3446
Join date : 01/01/2015
Re: [OS] สิ่งแรกที่เจอยามลืมตาตื่น [ผิงเสีย]
โอ้ยยยยยยย โดนน้องซินทำร้าย
ตอนนี้ช่างครบรสเสียจริง
อ่านช่วงแรกน้ำตาซึมด้วยความเศร้าซึ้ง
อ่านช่วงต่อมาน้ำตาคลอหน่วยเพราะสำลักความสุข
ยิ่งประกอบกับเพลงเพราะ ๆ เย็น ๆ ฟังด้วยกันแล้วยิ่งดีงาม
>////////<
ตอนนี้ช่างครบรสเสียจริง
อ่านช่วงแรกน้ำตาซึมด้วยความเศร้าซึ้ง
อ่านช่วงต่อมาน้ำตาคลอหน่วยเพราะสำลักความสุข
ยิ่งประกอบกับเพลงเพราะ ๆ เย็น ๆ ฟังด้วยกันแล้วยิ่งดีงาม
>////////<
Yuwadee Wana- ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ
- จำนวนข้อความ : 352
Points : 3828
Join date : 27/10/2014
Re: [OS] สิ่งแรกที่เจอยามลืมตาตื่น [ผิงเสีย]
ขอถามข้อเดียว... สรุปเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นคะ555555555555
nuu_baitoey- ด้วง
- จำนวนข้อความ : 31
Points : 3501
Join date : 27/10/2014
Similar topics
» [OS] #dmbjdaily '520' (ผิงเสีย :: เหม่งจาง,ผิงเสีย)
» [fic]บันทึกรักนายน้อยแสนซื่อ กับนายเมินแสนมึน [ผิงเสีย]
» [fic]บันทึกรักนายน้อยแสนซื่อ กับนายเมินแสนมึน 1 [ผิงเสีย]
» [os] แผนการฉุดรั้งของอู๋เสีย (ผิงเสีย)
» [Fic] 003 [ผิงเสีย]
» [fic]บันทึกรักนายน้อยแสนซื่อ กับนายเมินแสนมึน [ผิงเสีย]
» [fic]บันทึกรักนายน้อยแสนซื่อ กับนายเมินแสนมึน 1 [ผิงเสีย]
» [os] แผนการฉุดรั้งของอู๋เสีย (ผิงเสีย)
» [Fic] 003 [ผิงเสีย]
หน้า 1 จาก 1
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
|
|
Fri 24 Jul 2020, 01:39 by gustoon
» [คู่มือด้วง] Keyword จีนสำหรับการขุด(แฟนดอม)สุสาน
Thu 21 Jun 2018, 00:29 by miskizfullmoon
» มังฮวาและภาคทิเบต
Thu 21 Jun 2018, 00:23 by miskizfullmoon
» [OS] Father is the best (ผิงเสีย)
Thu 03 Aug 2017, 16:12 by schneewittchen
» [Fic] สิ่งเล็กๆที่เชื่อมโลก5 [เมินโหยวผิง+อู่เสีย+เสี่ยอ้วน]+OC
Tue 01 Aug 2017, 12:30 by natsume
» [OS] #dmbjdaily (จูปาจุ๊บ) Bittersweet [ผิงเสีย AU]
Thu 06 Apr 2017, 15:58 by Zeth
» [OS] #dmbjdaily "โทรศัพท์มือถือ" - no Pairing [All]
Tue 04 Apr 2017, 22:27 by Zeth
» [OS] #DMBJDaily (แว่น): ระยะที่มองไม่เห็น [ฮัวเสีย]
Sat 01 Apr 2017, 16:55 by Zeth
» [OS] #DMBJdaily (5.20) ท่านยอดฝีมือ [หวังเหมิง (+เหมิงเสีย)(+ผิงเสีย)]
Thu 30 Mar 2017, 17:24 by Zeth