Countdown
We've been
togerther for

ค้นหา
 
 

Display results as :
 


Rechercher Advanced Search


[SF] #dmbjdaily 'ชา' [เซี่ยจิ่วเย๋,อู๋เหลาโก่ว *no pairing*]

3 posters

Go down

 [SF] #dmbjdaily 'ชา'  [เซี่ยจิ่วเย๋,อู๋เหลาโก่ว *no pairing*] Empty [SF] #dmbjdaily 'ชา' [เซี่ยจิ่วเย๋,อู๋เหลาโก่ว *no pairing*]

ตั้งหัวข้อ by SSSRINER Fri 28 Nov 2014, 13:33





[SF] #dmbjdaily 'ชา' [เซี่ยจิ่วเย๋,อู๋เหลาโก่ว *no pairing*]




warning : สปอยล์เรื่องราวของเก้าสกุล และเป็นการมโนล้วนๆของคนแต่ง โปรดจงใช้วิจารณญาณในการอ่าน



........................





กระดานหมากวางอยู่เบื้องหน้าพร้อมจอกชากรุ่นไอร้อน ป้านชาที่ทำมาจากดินเหนียวเป็นสีแดงเข้มเมื่อถูกน้ำร้อนจากจอกเล็กเทรดลงไป จอกชาสีขาวเกลี้ยงใสเขียนด้วยพู่กันเป็นลายดอกไม้งามวิจิตรถูกวางลงที่เดิมอย่างเบามือ นิ้วเรียวยาวยกป้านชาดินเหนียวขึ้นสูงแล้วรินลงต่ำสีของน้ำที่ถูกชงด้วยชารสเลิศกระจ่างชัด ใบชาคลี่บานอย่างงดงามและทิ้งตัวลงยังก้นจอกขาว กลิ่นหอมของชาหลงจิ่ง ชาเขียวขึ้นชื่อแห่งทะเลสาบซีหูเมืองหังโจวอวลกำจาย


วิธีการชงชาที่ปราณีตบรรจง งามสง่า อัปกริยาที่บ่งบอกความเชี่ยวชาญและใจเย็นเป็นอย่างยิ่งของชายหนุ่มเบื้องหน้า ทั้งหมดนั้นถูกจับด้วยดวงตาของชายหนุ่มอีกคนซึ่งนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของกระดานหมากที่ดูจะไม่ถึงไหน


"เชิญ" ชายหนุ่มผู้ชงชาวางป้านชาลงข้างกายแล้วเชื้อเชิญอีกฝ่ายให้ลิ้มชิมรส อู๋เหลาโก่วมองจอกชาเบื้องหน้า มือเอื้อมไปรับมาจิบแล้วคลี่ยิ้ม


"ข้ามาถึงหังโจวก่อนเจ้า แต่คาดไม่ถึงว่าเจ้าจะได้รินชาขึ้นชื่อของที่นี่ให้ลองลิ้ม" วางจอกชาลงข้างตัว ชายหนุ่มหันไปมองบุรุษเบื้องหน้า เซี่ยจิ่วเย๋ยังคงมีรอยยิ้มทาบอยู่เบาบางยามปลายนิ้วเรียวยาวนุ่มนวลเฉกเช่นผู้ที่มีชีวิตอยู่ท่ามกลางกองหนังสือและพู่กันมากกว่าเศษดินและกองกระดูกในสุสานยกจอกชาขึ้นจิบ


"อาจเพราะเจ้ามัวชะแง้มองที่ฉางซา จนลืมไปแล้วว่าหังโจวมีอะไร"


ดวงตาของอู่เหลาโก่วหรี่ลงเล็กน้อยยามได้ฟัง "แล้วธุระของเจ้าเสร็จแล้วหรือ เซี่ยจิ่วเย๋"


"ขอบคุณที่คอยช่วยเหลือ อู๋เหลาโก่ว" ผู้ฟังยิ้มบาง ไม่ได้บอกอะไรมากกว่านั้น ว่าเหตุใดจึงได้มาขอความช่วยเหลือ หรือเหตุใดจึงดั้นด้นมาถึงหังโจวเช่นกัน


"......." อู๋เหลาโก่วขมวดคิ้ว จ้องอีกฝ่ายนิ่งครู่หนึ่งด้วยท่าทีอ่อนใจก่อนจะนิ่ง เจ้าบ้านตระกูลห้าแห่งฉางซาเอื้อมมือลูบหัวเจ้าสุนัขตัวโปรดที่เข้ามาคลอเคลีย พร้อมทั้งบอกตัวเองให้เคยชินและทำใจเสียว่าอย่างไร นิสัยของเซี่ยจิ่วเย๋ก็เป็นเฉกเช่นนี้


เหมือนกับก้อนหินในห้องส้วม..


วลีที่ครั้งหนึ่งเจ้าบ้านสกุลอู๋เคยใช้กล่าวถึงบุรุษเบื้องหน้าเวียนมาอีกครั้ง ก้อนหินยังไงก็คือก้อนหิน ไม่ว่าจะกลิ้งไปทางใดก็ยังคงเป็นหิน


เปรียบเสมือนเซี่ยจิ่วเย๋ที่ใช้ชีวิตอย่างแม่นยำทุกอย่าง ไม่เคยเกิดความผิดพลาด ไม่เคยมีความผูกพัน เรื่องใดๆ


เซี่ยจิ่วเย๋เหมือนกับหมากกระดานหนึ่ง


เพียงแต่หมากกระดานนั้น เขาคือผู้เล่น...


ความสำเร็จในการยึดโยง แสวงหาผลประโยชน์ ดึงใช้หมากในกระดานของตนเองเพื่อกรุยทางให้แผนการณ์ของตนประสบผลสำเร็จของเซี่ยจิ่วเย๋นั้นสูงล้นด้วยสติปัญญาอันเฉียบแหลมรอบคอบและความเฉลียวฉลาดรู้ทันคน


..สูงเสียจนบางครั้ง เขาก็นึกอยากให้อีกฝ่ายเดินหมากตาใดตาหนึ่งพลาดพลั้งเสียบ้าง


ความคิดลอยไปไกลถึงหนึ่งในเหตุการณ์ที่คนตรงหน้ามีส่วนชักนำให้มันเกิดขึ้น ครุ่นคิดไปถึงบ้านเกิดและบุคคลผู้หนึ่ง ชายที่บอกให้เขาหนีมายังที่แห่งนี้ ผู้ที่บัดนี้คงจะยืนอยู่ท่ามกลางทะเลเลือดและเศษเนื้อของผู้คน


"เจ้านี่ก็แปลก.." เสียงของเซี่ยจิ่วเย๋ดังขึ้นมาราวกับรู้ถึงความในใจ "จางฉีซานไม่ได้บอกหรือว่าให้ทิ้งทุกสิ่งไว้ที่นั่น"


"เจ้าต่างหากที่แปลก" อู๋เหลาโก่วฟังแล้วยิ้มขัน ดวงตาพราวไปด้วยแววหัวเราะ "คนวางเพลิง นั่งไม่รู้ร้อนรู้หนาว"


"ข้าเป็นเพียงคนทำให้ฟืนแห้ง อู๋เหลาโก่ว" เจ้าบ้านสกุลเซี่ยจ้องมองกลับ "คนจุดไฟ เป็นพวกเขาทั้งนั้น"


"..ขยันเสียจริงนะ สู้อุตส่าห์ทำให้แห้งเสียทุกอัน"


อู๋เหลาโก่วหัวเราะเสียงเบาท่าทีไม่รู้ร้อนรู้หนาวกับสายตาที่มองมา ดวงตามองเลยออกไปยังทิวทัศน์อันงดงามของทะเลสาบซีหู หากจะว่าเขากล่าวโทษชายผู้นี้ในเหตุการณ์วุ่นวายที่ฉางซาก็ไม่ใช่ อู๋เหลาโก่วไม่ได้คิดเช่นนั้น แม้จะเสียดาย นึกเสียดายหลายสิ่งที่ตนเองทิ้งไว้แล้วหันหลังเดินจากมา ทว่าเขาก็รู้..เฉกที่เซี่ยจิ่วเย๋รู้


ความตึงเครียดระหว่างเก้าสกุลดำเนินมาใกล้จะถึงจุดสิ้นสุดแล้ว ไม่ว่าใครจะเริ่ม ผลสุดท้ายคือการนองเลือดอยู่ดี


แล้วจะแปลกอะไร หากจะมีใครสักคนกอบโกยเอาผลประโยชน์จากเศษซากปรักหักพังเหล่านั้นเข้าตัว


คนขุดสุสานคือโจรที่คอยฉกฉวยเอาข้าวของคนตายเป็นของตัวเอง การกระทำของเซี่ยจิ่วเย๋ก็เพียงวางแผนฆ่าเจ้าของสุสานนั้นก่อนจะสร้างเสร็จ


จะกล่าวโทษอะไรได้..


เซี่ยจิ่วเย๋นั้นใช้ประโยชน์จากทุกสิ่งรอบกาย สายตาเขามีเพียงได้กับไม่ได้เท่านั้น หลายครั้งอู๋เหลาโก่วถามตัวเอง เขาเคยอยู่ในแผนการณ์ใดเหล่านั้นหรือไม่ เซี่ยจิ๋วเย๋จับเอาตนเองไปวางลงตรงจุดไหน ชักใยให้ใครมาติดกับ ใช้ความสัมพันธ์ของเขากับใครให้เป็นประโยชน์บ้าง


...ครุ่นคิด หากสุดท้ายก็ปัดมันตกเพราะคิดไปก็รังแต่จะนึกอะไรแย่ๆ หมาอู๋ไม่นึกอยากสร้างศัตรูเพิ่ม โดยเฉพาะกับคนๆนี้


หันเหความสนใจไปยังกระดานหมากตรงหน้า เขาหันไปดันหมากกือสีแดงในมือ แม่ทัพเรือทะลวงเจาะตามแนวช่อง ก่อนจะสะดุดลงตรงกองหน้าไม่กลัวตายตัวสีดำทะมึน


"เลิกพูดเรื่องนี้กันเถิด ข้ามีคนจะแนะนำให้รู้จัก"


หางตามองเห็นร่างอรชรเดินมายังศาลาสี่ทิศริมน้ำ หางของเจ้าสุนัขคู่ใจตั้งชี้ขึ้นเล็กน้อยก่อนจะปัดลงเฉกเดิมบ่งบอกว่าคนผู้นี้ไม่มีอันตรายใด อู๋เหลาโก่วเงยหน้าขึ้นจากกระดานหมาก ดวงตาสบมองนัยน์ตาหงส์ของสตรีสาวเบื้องหน้า รอยยิ้มหวานจับใจปรากฏบนใบหน้างามทำให้อู๋เหลาโก่วปั้นแต่งรอยยิ้มตอบรับ ดวงตาเหลือบมองชายหนุ่มเบื้องหน้าเพียงเสี้ยววิ



พลัน...เขาก็ได้คำตอบ



--------------




ฤดูหนาวมาเยือนหังโจว หมากเฉียถูกดันขึ้นบนแนวทะแยงซ้าย เมื่อหมากเบ้ทัพหน้ามาถึง แม่ทัพทหารม้ารวดเร็วประจัญทัพช้างก้าวไกล แม้ยามนี้จะเป็นเวลาบ่ายคล้อยหมากตานี้ของเจ้าตระกูลทั้งสองดูจะไม่จบลงง่ายๆ



"นั่งอยู่แบบนี้ ระวังไม่สบายเอานะคะ" สตรีผู้เดินมาถึงพร้อมถาดใส่กาน้ำชาสีแดงสดและจอกชาเอ่ยขึ้น ร่างอรชรถูกซ่อนอยู่ในเสื้อนวมตัวใหญ่ ทะเลสาบซีหูยามฤดูหนาวมาถึงถูกปกคลุมด้วยไอหมอกขาวระเรี่ยผิวน้ำใสราวกับกระจก อู๋เหลาโก่วยืดตัวขึ้นรับเอาถาดมาจากมือของอีกฝ่ายหญิงสาวผู้นั้นทรุดกายลงพลางห่อตัวด้วยความหนาว ดวงตา
จ้องมองร่างของชายหนุ่มทั้งสองที่เล่นหมากรุกกันในศาลาท่ามกลางฤดูหนาวและสวมเพียงเสื้อนวมคนละตัวอย่างห่วงใย


"ไม่เป็นไรหรอก คนอย่างญาติผู้พี่เจ้าน่ะหรือจะป่วยเป็นกับเขา เจ้าเห็นว่าก้อนหิวป่วยเป็นหรือไรเล่า" อู๋เหลาโก่วส่ายหน้า เอ่ยปากอย่างติดจะขบขัน


"ข้าก็ไม่เคยเห็นคนสติไม่สมประกอบจะเป็นหวัดกับเขาเหมือนกัน" เซี่ยจิ่วเย๋ตอกกลับอย่างนิ่มนวลทว่ารวดเร็ว


"เจ้านี่ช่าง----"


"ท่านพี่อู๋ วันนี้จะชงชามังกรดำให้ข้ากับพี่เซี่ยลิ้มรสมือท่านหรือ น่าสนใจยิ่งนัก" เสียงอ่อนหวานดังขึ้นขัดการวิวาทของสองหนุ่มไว้เพียงเท่านั้น อู๋เหลาโก่วมองไปยังญาติผู้น้องคนงามของเซี่ยจิ่วเย๋ จะอย่างไรตระกูลเซี่ยก็คือตระกูลเซี่ย เป็นหญิงก็หาได้ด้อยสติปัญญาแม้แต่น้อย นางรู้จักอาจหาญห้ามทัพวิวาทอย่างนิ่มนวลทำให้เขามิอาจหักหน้า
ด้วยการหันไปหาเรื่องต่อได้ลงคอ


"ฝีมือของข้าด้อยนัก จะชิมชารสดี ต้องให้พี่เซี่ยของเจ้าจัดการ" เอ่ยพลางวางถาดใส่กาน้ำชาและจอกชาไปตรงหน้าเซี่ยจิ่วเย๋ด้วยท่าทีไม่ต่างกับยัดเยียด อู๋เหลาโก่วยิ้มในหน้าจ้องมองเซี่ยจิ่วเย๋ค่อยลุกขึ้นแล้วเริ่มรินน้ำร้อน รดลงไปยังป้านชาสีอิฐ สีสันของกาน้ำชาสดขึ้นเมื่อสัมผัสน้ำร้อน ไอกรุ่นสีขาวฟุ้งขึ้นมายามเจ้าตัวรินน้ำในกา ลวกจอกชาที่บัดนี้เพิ่มขึ้นจากสอง เป็นสาม


เช่นเดียวกับที่ว่างข้างตัวอู๋เหลาโก่ว ผู้ซึ่งบัดนี้ไม่ได้มีเพียงหมา กลับมาสตรีผู้เป็นญาติสาวของเซี่ยจิ่วเย๋นั่งอยู่เคียงข้าง


"กำหนดการแต่งของเจ้าสองคนเป็นเมื่อใด"


"ซินแสบอกว่ารอพ้นปีใหม่ หลังเทศกาลไหว้บรรพบุรุษ ท่านพี่อู๋จึงจะแต่งเข้าเจ้าค่ะ" เซี่ยจิ่วเย๋พยักหน้าเนิบช้า หางตาเหลือบมองอู๋เหลาโก่วที่หันไปเล่นกับเจ้าสุนัขตัวโปรดราวกับไม่รับรู้ถึงใจความของบทสนทนาเบื้องหน้า ชั่วขณะที่ปลายนิ้วซึ่งวนรินน้ำชาใส่จอกทั้งสามชะงัก ด้วยเสี้ยวความคิดหนึ่งแล่นวาบ


"เหตุใดจึงเงียบเสียเหล่า อู๋เหลาโก่ว รึกำลังลำบากใจเพราะน้องข้าบังคับเจ้ามาแต่งเข้าสกุลกัน?"


"จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร" เจ้าบ้านสกุลอู๋เงยหน้าจากสุนัขตัวโปรดมาสบตาพลางหัวเราะขัน "ข้าเต็มใจแต่ง เสียยิ่งกว่าเต็มใจ ใครจะไม่ยินดีเล่า อุตส่าห์ได้แต่งเข้า จะได้เป็นญาติสนิทกับตระกูลเซี่ยทั้งที"


ใบหน้าของอู๋เหลาโก่วยังคงยิ้มสดใส เงยหน้าขึ้นมองเซี่ยจิ่วเย๋ ตาสบตา..วลีแสนมงคลชวนยินดีกลับมีบางสิ่งผิดแผก


น้ำชาถูกรินจนล้น ความร้อนที่ลวกปลายนิ้วบ่งชัดว่าเผลอกดน้ำหนักลงไปมากกว่าปกติ เซี่ยจิ่วเย๋จึงรีบละมือออก ตามองจอกชาที่มีน้ำเต็มล้น เป็นฝ่ายเลือนชาอีกสองถ้วยไปยังคู่หนุ่มสาว ตัวเขารีบดันน้ำชาที่เต็มล้นเข้าหาตัว


หยดน้ำหกกระฉอกลงพื้นเล็กน้อยตามแรงดัน น้ำที่มากเสียจนเอ่อท้น ระมัดระวังอย่างไร ก็ยังคงสาดกระเซ็นอยู่ดี


"นั่นสิเจ้าคะ ท่านพี่เซี่ยแกล้งข้าใจไม่ดีหรือนี่" น้ำเสียงหวานเอ่ยกลั้วหัวเราะขบขัน ประสงค์จะผ่อนคลายบรรยากาศบางสิ่งที่เกิดขึ้น


"เขานิสัยเสียมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เห็นทีต้องดัดนิสัย ไม่อย่างนั้นคงหาภรรยาสวยๆเช่นข้าไม่ได้" อู๋เหลาโก่วหันไปยิ้มแย้มกับว่าที่ภรรยาของตน เขาฟังนางหัวเราะเสียงพลิ้วเอ่ยปากหยอกเย้าเช่นว่าที่สามีควรทำต่อว่าที่ภรรยา คู่รักทั้งสองยิ้มแย้มแจ่มใส หันไปจิบชาในจอกแล้วสนทนาพาทีกันไป เป็นภาพที่แสนงดงามยิ่งนักในสายตาของผู้ที่ได้มอง


เซี่ยจิ่วเย๋ควรรู้สึกเฉกนั้น หากบางสิ่งบอกว่าไม่ใช่..


ทว่ามันก็เป็นเพียงความรู้สึก


สำหรับเขา สิ่งที่ตนเองคิดและรับรู้ในฐานะมนุษย์นั้น ความรู้สึกอ่อนไหวใดๆหาใช่เรื่องจำเป็น จะรัก หรือเกลียด ก็เป็นเพียงชั่วขณะหนึ่งแล้วก็หายไปเท่านั้น ชีวิตมีเพียงการเป็นคนของสกุลเซี่ย ทำตามแผนการที่ตนวางไว้ให้สำเร็จ ก้าวเข้าสู่ชัยชนะโดยไม่สนว่าจะเหยีบย่ำกี่ซากศพ กี่หยดน้ำตา


เขาคือผู้ควบคุมกระดานหมาก แพ้หนึ่งกระดาน ชนะนับอีกแปดกระดาน เขาย่อมจะรับได้


อู๋เหลาโก่วคือหมากอีกหนึ่งตัวในกระดาน หมากตัวนี้ใช้กำลังด้วยไม่ได้ บีบบังคับด้วยไม่ได้ ชักจูงไปทางใดก็ไม่ได้ สายสัมพันธ์ที่เจ้าตัวมีต่อเก้าสกุล สำคัญต่อแผนการณ์ของเขาเสียจนไม่อาจทำลายมันให้ยับ


ดังนั้น..เซี่ยจิ่วเย๋จึงต้อง'ผูก'และ'มัด' ชายผู้นี้ด้วยความละเอียดที่สุด รอบคอบที่สุด ด้วยกลยุทธ์ที่ลึกซึ้งที่สุด ด้วยการยื่นเอาสกุลเซี่ยเป็นบันไดสู่หนทางแห่งความรุ่งเรืองของสกุลอู๋ ผูกชายผู้นี้ไว้กับครอบครัวที่ไม่อาจแยกได้ และมัดอู๋เหลาโก่วไว้ให้แน่นหนา ไม่ให้กลับไปยังฉางซาโดยเด็ดขาด


เซี่ยจิ่วเย๋เลือกสตรีนางหนึ่งมาเป็นกลยุทธ์ หากไม่คิด ว่าหมาอู๋จะเดินตกหลุมอย่างรวดเร็ว คนที่หันหลังเดินจากนางฟ้าฮั่วเซียนกูอย่างไม่เหลือเยื่อใยใดกลับตกลงปลงใจกับญาติผู้น้องของตน ยอมที่จะตบแต่งเข้าไปอยู่ในบ้าน แม้จะใช้ชื่อสกุลอู๋ แต่นับจากนี้ สกุลเซี่ยและสกุลอู๋จะมีสัมพันธ์ใกล้ชิดเสียยิ่งกว่าตระกูลใด แม้หลังจากนี้วันใดวันหนึ่ง
อู๋เหลาโก่วจะหันหลังเดินกลับไปฉางซา ความสัมพันธ์นี้ก็ไม่ได้หายไปด้วย ผู้คนที่เคยเปิดใจให้กับเขา ย่อมจะมองอย่างเคลือบแคลงเป็นแน่


หมากตานี้เข้าวางไว้นับแต่อีกฝ่ายเดินทางออกมาจากฉางซา ทว่ามันก็ได้ผลรวดเร็วมากเสียจนครู่หนึ่ง เซี่ยจิ่วเย๋คิดว่าตนเองต่างหากที่พลาดพลั้ง..


"ท่านพี่เซี่ย เป็นอะไรไปหรือ รึว่าไม่ชินกับอากาศเจ้าคะ?" เสียงของญาติสาวทำให้เซี่ยจิ่วเย๋ชะงัก ริมฝีปากยกขึ้นเลื่อนเป็นรอยยิ้ม เตรียมขยับปากจะตอบ


"นั่นสิ สงสัยท่านเซี่ยไม่สบายเข้าแล้ว มาอยู่หังโจวได้แค่ไม่นานเอง เจ้าพอมีเสื้อหนาวติดมือมาด้วยไหม?" อู๋เหลาโก่วเอ่ยปากขึ้นก่อน พลางหันไปหาหญิงสาวข้างกาย ท่าทีเอาจริงเอาจังกับอาการของญาติผู้พี่ทำให้นางยิ้ม ลุกขึ้นจากโต๊ะโดยง่าย


"รู้สึกจะลืมไว้ข้างล่าง ประเดี๋ยวข้าจะไปเอามาให้นะเจ้าคะ" เอ่ยแล้วร่างเพรียวก็ลุกขึ้น เดินออกไปอย่างว่องไว อู่เหลาโก่วหันไปพยักเพยิดกับสุนัขคู่ใจให้ขยับตัวตามหลังนางไปเผื่อมีอันตราย ความสำคัญของนางปรากฏชัดเจนในดวงตา เซี่ยจิ่วเย๋มองภาพเบื้องหน้า อีกครั้งที่ความรู้สึกประหนึ่งม่านหมอกขุ่นจางบางอย่างปรากฏในใจอย่างเงียบงัน


ทั้งที่ควรยินดี แต่กลับ...


"ดูเหมือนมีเรื่องจะคุยกับข้ากระมัง เซี่ยจิ่วเย๋" อู่เหลาโก่วเอ่ยถาม พลางดันหมากเฉียอ้อมแม่ทัพม้าสีดำไปตามตารางแนวทะแยง เปิดช่องให้ตรงไปยังตี่ ประมุขและหัวใจของทัพหมาก ราวกับยั่วล้อแม่ทัพทหารม้าเบื้องหน้า ให้ตรงเข้าจัดการเพื่อกำชัย


"ข้าเพียงแต่คิด..ดูเจ้ายินดีเหลือเกินในการแต่งงานครานี้"


"พูดจาแปลกหู ข้าจะได้แต่งเมีย เหตุใดจะไม่ยินดี" อู่เหลาโก่วหัวเราะ หยิบน้ำชาขึ้นมาจิบไปพลาง


"ข้านึกว่าเจ้าจะพะวงถึงฉางซาเสียจนลืมนึก" เซี่ยจิ่วเย่ขยับจอกชา ความร้อนลดลงอย่างรวดเร็วแต่หยดน้ำยังคงเคลื่อนไหว เพียงแตะต้องเพียงนิดก็หยดลง ชายหนุ่มจ้องไปยังหยดน้ำที่หกจากถ้วยชาของตนก่อนจะเงยหน้าขึ้น


"ข้ายินดีมีชีวิตเพื่อวันข้างหน้า" อู่เหลาโก่วตอบช้า..ชัด


"เจ้า'ยินดี' หากแต่ก็'ไม่ยินดี' อู่เหลาโก่ว" เซี่ยจิ่วเย๋เอื้อมมือปัดหยดน้ำที่หกกระเซ็นจากจอกชา เช็ดมันทิ้งอย่างไม่รังเกียจ หากแต่ถ้วยชาในมือยังมีน้ำปริ่มขอบแก้ว


"ข้า'ยินดี'เซี่ยจิ่วเย๋" อู๋เหลาโก่วจ้องมองกลับไปอย่างเงียบงัน ตอบกลับถ้อยคำที่แฝงในวลีนั้นดูผิดแผกและแปลกแยกกันอย่างไม่ควรเป็น ทว่าผู้ฟังเพียงยิ้มรับ อู๋เหลาโก่วรับรู้เช่นเดียวกับที่เซี่ยจิ่วเย๋รับรู้ในความหมายของคำนั้น


อู่เหลาโก่ว เซี่ยจิ่วเย๋


ไม่ว่ายินดีหรือไม่ บัดนี้ ก็ได้อยู่ในหมากกระดานนี้ด้วยกันในฐานะตัวหมากด้วยกันทั้งคู่


"เหตุใดจะไม่ดีใจเล่า นับจากนี้จะได้เจ้าช่วยสนับสนุนข้าเพราะเป็นเขยของสกุล ทั้งลูกหลานของสกุลอู๋ย่อมสุขสบาย" อู๋เหลาโก่วหัวเราะเบาๆ ยกจอกชาขึ้นซดจนหมดจอกจากนั้นจึงวางลงอย่างรวดเร็ว เสียงจอกชากระทบเนื้อไม้อย่างแผ่วเบา ดังขึ้นท่ามกลางเสียงเห่าของสุนัขและเสียงหัวเราะของสตรีผู้หนึ่งดังแว่วอยู่ไม่ไกล


"ตาเจ้าแล้ว" อู๋เหลาโก่วเอ่ยปากเร่งพลางมองไปยังกระดานหมาก ม้าทัพทหารม้าขยับย่างเท้าเข้าใกล้ประมุขหมาก หมากเบ้สีดำเดินตรงไปสองจังหวะตามกติกา หากขยับซ้าย ย่อมหมายถึงอู่เหลาโก่วแพ้


เซี่ยจิ่วเย๋ขยับหมากเบ้ไปด้านขวา..


ตาสบตา นิ่งมองกันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่ปลายนิ้วของอู่เหลาโก่วจะขยับหมากเฉีย เดินทะแยงมุมสี่มาปิดช่องทางรุกของแม่ทัพทหารม้าสีดำที่มาไกลถึงในดงศัตรู


"ทางหมากเจ้าอับแล้ว"


ทหารม้ากับเรือสีดำ ถูกขัดขาโดยกองหน้าสีดำทั้งสามทิศจนไม่มีช่องให้ขยับ แม้ทัพฝ่ายตรงข้ามประกบชิดราชา แม้ไม่ตาย แต่ก็ไม่อาจไปไหน


..ไม่ต่างกับชะตาของตน และเก้าสกุลที่บัดนี้ ไม่ล่มสลายก็ต้องหลบหนี ถูกจับตามองจนไม่อาจทำอะไรได้


อู๋เหลาโก่วมองกระดานสี่เหลี่ยมเบื้องหน้า ขณะที่เซี่ยจิ่วเย๋ยกชาที่น้ำปริ่มล้นจิบทันควันอย่างไม่กลัวร้อนหรือสำลัก


รสขมฝาดเจือกลิ่นหอมไหลผ่านสู่ลำคอ ร่างของญาติผู้น้องเดินมาพร้อมเสื้อกันหนาวสองตัวให้แก่ตนและอู๋เหลาโก่ว เซี่ยจิ่วเย๋เอื้อมมือไปรับพร้อมกับเอ่ยขอบคุณ ขณะที่หญิงสาวยิ้มรับ มองกระดานหมากแล้วหัวเราะเสียงใสเมื่อพบว่าว่าที่สามีของตนแพ้เช่นทุกครา นางเอ่ยหยอกเย้าอู๋เหลาโก่ว เขาก็หัวเราะรับไม่ได้มีท่าทีหงุดหงิดอันใด หังโจว
ยามฤดูหนาวงดงามและเงียบสงบ เมื่อผ่านพ้นปีใหม่เข้าสู้ฤดูใบไม้ผลิงานแต่งจะจัดขึ้น สองตระกูลสานสัมพันธ์ คอยเกื้อกูล ไม่ย้อนกลับสู่ฉางซา



เป็นไปตามที่เซี่ยจิ่วเย๋วางไว้..



อู๋เหลาโก่วใช่จะไม่รู้ว่ามีกลอุบายใดขุดต้อนตนไว้ จะหลบก็ย่อมได้ ทว่าเขาไม่คิดหลบ กลับเดินเข้าไปในหลุมด้วยความเต็มใจ


สัมพันธ์ญาติพี่น้องใกล้ชิด ลึกซึ้งเพียงใด ทำลายยากก็ว่ายาก ง่ายก็ว่าง่าย ทว่าเขาไม่วางใจให้อนาคตของลูกหลานตนขึ้นอยู่ในมือของเซี่ยจิ่วเย๋


หากต้องให้เลือกระหว่างการแก่งแย่งชิงดี รบรากันเช่นที่เกิดในฉางชา ได้รับชัยชนะ แต่ไม่เหลือผู้ใดไว้ให้ร่วมยินดี อู๋เหลาโก่วยินดีจะพ่ายแพ้ ยอมอยู่ในหมากตานี้ ด้วยความหวังว่าจะนำลูกหลานของตนหลุดพ้นจากพันธนาการ


ตัวเขาอาจทำไม่ได้ ลูกของเขาอาจทำไม่ได้ อาจจะเป็นหลาน เป็นเหลน เป็นใครสักคนที่จะนำพาสกุลอู๋เดินออกจากวังวนของบางสิ่งที่ตนเป็นผู้เข้าร่วมถักทอ


ดังนั้น อู๋เหลาโก่วจึงยอมเป็นหมากในกระดานด้วยความ'ยินดี'





---------



ไม่เกี่ยวอะไรกับชาเลยค่ะ ไม่เกี่ยวแต่ยังยืนยันจะเกี่ยว555


ฟิกนี้ คือ..ส่วนตัวแล้วพอเห็นประวัติปู่เซี่ยแล้วมันคันมือค่ะ /หล่อน..

พอเห็นบอกทุกอย่างต้องได้ประโยชน์ ต้องได้ไม่เสีย เก่งทุกสิ่งเอเวอรี่ติงแล้วมันคันมืออยากหาจุดพลาดให้ปู่เซี่ย(...)
แต่จะว่าพลาดไหมก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน น่าจะเรียกว่าต่างคนได้สิ่งที่ต้องการได้ไหมนะ เอาจริงๆอยากให้บางคนรู้ทันปู่เซี่ยบ้างอะไรบ้าง พอคิดว่าจะมีใครรู้และตอบโต้ได้นี่หวยก็มาลงที่ปู่อู๋ซะเฉย

ส่วนเรื่องการเดินหมากจีนและการชงชาจีน ขอเอาข้อมูลและมโนการเดินอย่างงูๆปลาๆมาจากวิกิค่ะ

ไม่รู้ว่าเราสื่อสิ่งที่ตัวเองอยากเขียนมาดีพอรึเปล่า เอาเป็นว่าถ้าอ่านแล้วชอบก็ดีใจคะ ถ้างงก็ขอกราบอภัยด้วยนะคะ



++++++

SSSRINER
SSSRINER
ด้วงฝึกหัด
ด้วงฝึกหัด

จำนวนข้อความ : 2
Points : 3442
Join date : 28/11/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

 [SF] #dmbjdaily 'ชา'  [เซี่ยจิ่วเย๋,อู๋เหลาโก่ว *no pairing*] Empty Re: [SF] #dmbjdaily 'ชา' [เซี่ยจิ่วเย๋,อู๋เหลาโก่ว *no pairing*]

ตั้งหัวข้อ by sinnerdarker Fri 28 Nov 2014, 13:57


อ่านแล้วพอเข้าใจค่ะ ปู่เซี่ยวางหมากให้ตนสมประสงค์ แต่บนหมากนั้นก็ยังมีผู้เล่นที่เหนือชั้นขึ้นไป

เรียกว่าต่างฝ่ายได้ในสิ่งที่ตนต้องการ ปู่อู๋จึงยอมให้จับเดินแต่โดยดี

ไม่รู้ว่าสุดท้ายใครกันแน่ที่เก่งกว่า คนที่เดินหมาก หรือคนที่ยอมเดินสบายๆไปตามเส้นทางที่ถูกบอกเมื่อพิจารณาแล้วว่าตนยอมได้ประโยชน์

รุ่นปู่นี่อ่านแล้วสนุกจริงๆค่ะ ฮึ่ย!

ช่วงนี้ฟิคปู่เซี่ยออกรัวๆเลยค่ะ ฟินมาก ขอบคุณสำหรับฟิคนะคะ
sinnerdarker
sinnerdarker
ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ
ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ

จำนวนข้อความ : 343
Points : 4054
Join date : 27/10/2014
ที่อยู่ : บ้านสกุลหวัง

ขึ้นไปข้างบน Go down

 [SF] #dmbjdaily 'ชา'  [เซี่ยจิ่วเย๋,อู๋เหลาโก่ว *no pairing*] Empty Re: [SF] #dmbjdaily 'ชา' [เซี่ยจิ่วเย๋,อู๋เหลาโก่ว *no pairing*]

ตั้งหัวข้อ by Feran.FS Mon 01 Dec 2014, 11:39

โอ้วววววว รุ่นปู่ๆคือดีงามมากๆค่ะ แงงงงง
Feran.FS
Feran.FS
ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ
ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ

จำนวนข้อความ : 457
Points : 3942
Join date : 27/10/2014
Age : 28
ที่อยู่ : ใต้เตียงนอนเซี่ยจื่อหยาง...

ขึ้นไปข้างบน Go down

ขึ้นไปข้างบน

- Similar topics

 
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ