Countdown
We've been
togerther for
ค้นหา
Latest topics
Most active topics
[OS] I'll wait for you [ผิงเสีย] *สปอยล์เล่ม9-10*
5 posters
หน้า 1 จาก 1
[OS] I'll wait for you [ผิงเสีย] *สปอยล์เล่ม9-10*
[One shot] I'll wait for you [瓶邪]
*สปอยล์เล่ม9-10*
ในตอนนั้น ขอบตาของผมร้อนผ่าว รู้สึกถึงภาพที่พร่าเบลอไปด้วยทำนบน้ำตา หลังจากสมองว่างเปล่าไปครู่ใหญ่ ความรู้สึกหลากหลายต่างซัดโถมเข้าใส่ ในอกปวดแปลบ ลมหายใจติดขัด หูทั้งสองข้างอื้ออึงไปหมด
จบสิ้นแล้ว
ผมมาช้าไป
เขาตายแล้ว
ผมได้แต่ภาวนาให้มันเป็นเพียงตลกร้ายเรื่องหนึ่ง เมื่อผมลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ทุกสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นความฝัน ผมจะมองเห็นเมินโหยวผิงนั่งเหม่ออยู่ข้างๆกัน ส่วนนายอ้วนก็ยังพูดจ้อไม่หยุดอยู่เช่นเคย
แต่มันก็เป็นไปไม่ได้
ผมได้แต่นั่งมองเขาอยู่เฉยๆ สิ่งที่ผมเห็นอยู่ตรงหน้านี้ เป็นเรื่องจริง และแม้ว่ามันจะเป็นเรื่องจริงที่โหดร้ายเพียงใด ผมก็ต้องทำใจยอมรับมัน
แต่เมื่อมือข้างนั้นของเขาขยับขูดกับพื้นไม้ น้ำตาของผมก็หยาดหยดลงมา ความรู้สึกเมื่อครู่ตีกันยุ่งเหยิงก่อนจะพังทลายลงไป สิ่งที่เข้ามาแทนที่ คือความรู้สึกโล่งใจ
เป็นความรู้สึกโล่งใจอย่างหาที่สุดไม่ได้
ผมรู้ตัวในขณะนั้นเอง ว่าเขาสำคัญกับผมยิ่งกว่าที่ผมคิด
อันที่จริงเป็นผมเองที่ตีตนไปก่อนไข้ หากตั้งสติตรวจดูเสียหน่อยแต่ทีแรก คงไม่ต้องมานั่งบ่อน้ำตาแตกอยู่อย่างนี้ แต่ก็นายอ้วนอีกนั่นแหละ จู่ๆก็มาบอกว่าสถานการณ์ไม่สู้ดี ผมอาจทนรับไม่ได้ เบื้องต้นคือตายหมดแล้ว และสภาพของเมินโหยวผิงก็เป็นแบบนั้น จะให้ผมคิดไปทางไหนได้อีก จนถึงตอนนี้ผมก็ยังนึกโกรธเขาอยู่หน่อย ที่มัวแต่พูดอะไรไม่เคลียร์ทำเอาผมเขวไปหมด
เบื้องหน้าผมคือความจริง
ความจริงที่ว่า
เขายังมีชีวิตอยู่
คิดได้ดังนั้น ผมก็ระบายยิ้มออกมาทั้งน้ำตา
หลังจากที่คนของฉิวเต๋อเข่าช่วยพวกเราออกมายังไม่ถึงสัปดาห์ เมินโหยวผิงก็จะไปแล้ว
เขามีเป้าหมายของตัวเอง ใครๆก็ห้ามเข้าไม่ได้
“เส้นทางของฉันต่อจากนี้ ฉันต้องเดินคนเดียว พวกนายไม่สามารถเดินไปกับฉันอีกแล้ว มีอันตรายเกินไป อีกอย่าง เรื่องนี้ก็ไม่เกี่ยวกับพวกนาย”
เขาพูดไว้แบบนั้น ก่อนจะจากไป
‘ไม่เกี่ยวกับนาย’ เขาเคยพูดคำนี้กับผมอยู่หลายครั้ง ทุกครั้งที่ผมได้ยิน ความรู้สึกประหลาดอย่างหนึ่งจะแล่นปราดเข้ามาในอก จุกจนแทบทนไม่ไหว แต่ก็ทุกครั้งอีกเช่นกัน ที่ผมเลือกมองข้ามมันไป และพยายามก้าวไปข้างหน้าต่อ ถึงแม้จะก้าวไม่ทันเขา แต่เราก็ยังได้เดินบนเส้นทางเดียวกัน
อย่างน้อยผมก็คิดแบบนั้น
ตลอดชีวิตยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมา เขาเป็นคนที่ผมอยู่ด้วยแล้วรู้สึกปลอดภัยมากที่สุด ยามที่เขาหายไป ผมก็ยังพยายามออกตามหาเขา ยามที่เขาห้ามไม่ให้ผมตามไปด้วย ผมก็ยังดึงดันที่จะตามไป ทั้งๆที่รู้ ว่าไม่มีผมเขาก็อยู่ได้ ทั้งที่รู้ว่ามีผมอยู่ ผมจะเป็นตัวถ่วงแข้งถ่วงขาเขาเปล่าๆ
หรือแม้กระทั่งยามที่เขา ‘ลืม’ ผมไปแล้ว
ผมจะแกล้งทำเป็นไม่มีความเกี่ยวข้องกับเขาก็ได้ แต่ความเจ็บปวดยามที่มองดวงตาอันว่างเปล่าคู่นั้น เป็นแรงผลักดันให้ผมยื่นมือเข้าไปให้ความช่วยเหลือกับเขา สำคัญตัวว่าเป็นเพียงคนเดียวที่สามารถช่วยเหลือเขาได้ ทั้งที่มันอาจไม่จำเป็นกับเขาแม้แต่น้อย
แต่ถึงอย่างนั้น
ต่อให้เขาลืมผมสักพันครั้ง ผมก็จะทำให้เขาจำได้ทั้งพันครั้ง
หรือไม่ก็สร้างความทรงจำนั้นขึ้นมาใหม่เช่นนี้เรื่อยไป
ให้เขาได้รับรู้อีกครั้ง ว่าคนที่ไม่มีทั้งอดีตและอนาคต ไร้ซึ่งความเกี่ยวโยงใดๆกับโลกใบนี้อย่างเขา ยังมีผม ที่จะรับรู้หากเขาหายไป
ยังมีคนอยู่คนหนึ่ง ที่เป็นสิ่งที่เชื่อมโยงตัวเขากับโลกใบนี้
“ฉันมาบอกลานาย ทุกสิ่งเหล่านี้สิ้นสุดลงแล้ว ฉันทบทวนดูความเชื่อมโยงของฉันกับโลกใบนี้ ดูเหมือนเท่าที่เจอ ก็มีแต่นาย”
เขากล่าวประโยคนั้นระหว่างบทสนทนาบนโต๊ะอาหารในภัตตาคารโหลวเว่ยโหลว ซึ่งตอนนั้นผมไม่เข้าใจเขา เพียงแค่คิดว่าเขาจะแค่เดินทางไกล เดี๋ยวก็คงจะกลับมา หรืออาจจะไปตั้งรกรากอยู่ที่ไหนสักแห่ง ยังหวังว่าเขาอาจจะติดต่อมาบ้าง
หากได้พานพบกันแล้ว การลาจากย่อมเป็นความเจ็บปวด
“ลาก่อน” เขากล่าว ในอกผมรู้สึกปวดแปลบ อยากจะยื้อเขาไว้แต่ก็นึกคำดีๆไม่ออก ได้แต่พูดไล่หลังเขาไปว่า “กับข้าวยังไม่หมดเลยนะ”
พอมารู้ทีหลัง ก็เข้าอีหรอบเดิม
เขาไปแล้ว
แต่ครั้งนี้ยังโชคดี ที่ผมตามเขาทัน
ผมจับเครื่องบินจากหังโจวไปลงที่ปักกิ่ง และเดินทางต่อไปถึงเอ้อเต๋าไป๋เหอ ที่ท่ารถของรถรับจ้างเถื่อนนั่นเอง ผมก็ได้เจอเขาอีกครั้ง
เราขึ้นเขาไปด้วยกัน
ใต้แสงจากกองไฟที่มีเพียงแค่เราสองคนทำให้ผมหวนนึกเหตุการณ์ที่ทะเลทรายโกบี ผมยังจำสิ่งที่เราคุยกันในคืนนั้นได้ดี แม้เขาอาจลืมไปแล้วก็ตาม...
คืนนั้น ผมผล็อยหลับไปโดยไม่รู้ตัว ขณะที่กำลังสลึมสลือ ผมรู้สึกได้ถึงสัมผัสอุ่นๆที่แนบเข้ากับหน้าผาก มันนุ่มนวล และแผ่วเบาอย่างน่าใจหาย
ผมอาจแค่ฝันไป เพราะเมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที เมินโหยวผิงก็ไม่อยู่แล้ว
เรื่องอะไรที่เขาตัดสินใจไปแล้ว ไม่มีใครเปลี่ยนแปลงได้ ผมมาส่งถึงที่นี่ ก็ถือว่าทำได้ดีที่สุดแล้ว
คิดได้ดังนั้น ผมก็ทำได้เพียงเก็บงำความเศร้าไว้ในใจ และเดินย้อนกลับเส้นทางเดิม
ท่ามกลางพายุหิมะ ใครจะคาดคิดว่าเขาจะเสี่ยงตายกลับมาช่วยผม วินาทีที่ฝ่ามือของผมถูกกอบกุมเอาไว้ ความรู้สึกหลายอย่างก็ตีขึ้นมา ทั้งโกรธทั้งดีใจ
ตัวเขาเองก็บาดเจ็บอยู่ ยังจะมาช่วยผมอีก ผมหัวเราะ และคงไม่รู้สึกตัวเลยว่าน้ำตาก็ไหลออกมาด้วยถ้าเขาไม่เอื้อมมือข้างที่ไม่เจ็บมาสัมผัสใบหน้าของผม
ทัศนียภาพของผมล้วนเป็นสีชมพูเพราะสโนวไบลด์ ผมว่าเมินโหยวผิงสีชมพูก็ไม่เลวเหมือนกัน
หลังจากปฐมพยาบาลให้เขาเสร็จ เราก็ออกเดินทางต่อไปยังบ่อน้ำพุร้อนแห่งนั้น ระหว่างที่กำลังคุยกัน เขาก็ยื่นลัญจกรผีดวงหนึ่งให้ผม
“นายนำสิ่งนี้มาเมื่อถึงหน้าประตูสำริด ประตูก็จะเปิด นับจากนี้อีกสิบปี ถ้านายยังจำฉันได้ ให้นำสิ่งนี้มาที่นี่ ที่ประตูสำริดบานนั้น นายอาจเจอฉันอยู่ข้างใน”
“วันเวลาที่เหลือทั้งหมดนับจากนี้ ฉันต้องเป็นคนปกป้องมันเอง แต่ว่าในเมื่อนายมาถึงที่นี่ ฉันก็ขอบอกนาย อีกสิบปีให้หลัง หากนายยังจำฉันได้ นายสามารถเปิดประตูสำริดยักษ์บานนี้”
คำกล่าวที่เขาย้ำถึงสองครั้งนั้น คล้ายกับเป็นคำสัญญากลายๆ เพื่อให้ผมกลับมาที่นี่ในอีกสิบปีข้างหน้า
เขาจะรอผมที่นี่สิบปี
และผมก็ต้องรอเขาสิบปี
เขามันคนขี้ลืม ผมได้แต่หวังและเชื่อว่าเขาจะไม่ลืมสัญญาของเรา
ไม่ว่าจะเป็นสิบปี ยี่สิบปี หรือร้อยปี
ถ้าเป็นเขา
ผมก็จะรอ
-END-
------------------------------------------------------------------------
“แต่ถ้าแค่ปีเดียว หรือไม่นายก็ไม่ต้องไปเลย มันจะดีกว่านี้” #นายน้อยไม่ได้กล่าวไว้
เรื่องนี้ดองไว้หลายวันเลยค่ะ /ลูบหน้า
เริ่มจากอ่านเล่ม 9 ถึงตอนที่นายน้อยมาเจอเสี่ยวเกอที่(เกือบจะ)กลายเป็นศพแล้วใจมันสั่นนน พออ่านเล่ม 10 จบก็มานั่งเขียนความคิดที่ตกตะกอน(?)จากมหากาพย์รักสะท้านโล----*แค่ก*ออกมาทีละประโยคค่ะ เขียนไปก็ร้องไห้ไป5555
คนสองคนทำเพื่อกันและกันได้ขนาดนี้... ไม่ใช่เพราะรักก็ไม่รู้จะพูดยังไงแล้ว ฮือว์ ;_____;
สุดท้ายนี้ ขอบคุณที่อ่านค่ะ
*สปอยล์เล่ม9-10*
ในตอนนั้น ขอบตาของผมร้อนผ่าว รู้สึกถึงภาพที่พร่าเบลอไปด้วยทำนบน้ำตา หลังจากสมองว่างเปล่าไปครู่ใหญ่ ความรู้สึกหลากหลายต่างซัดโถมเข้าใส่ ในอกปวดแปลบ ลมหายใจติดขัด หูทั้งสองข้างอื้ออึงไปหมด
จบสิ้นแล้ว
ผมมาช้าไป
เขาตายแล้ว
ผมได้แต่ภาวนาให้มันเป็นเพียงตลกร้ายเรื่องหนึ่ง เมื่อผมลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ทุกสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นความฝัน ผมจะมองเห็นเมินโหยวผิงนั่งเหม่ออยู่ข้างๆกัน ส่วนนายอ้วนก็ยังพูดจ้อไม่หยุดอยู่เช่นเคย
แต่มันก็เป็นไปไม่ได้
ผมได้แต่นั่งมองเขาอยู่เฉยๆ สิ่งที่ผมเห็นอยู่ตรงหน้านี้ เป็นเรื่องจริง และแม้ว่ามันจะเป็นเรื่องจริงที่โหดร้ายเพียงใด ผมก็ต้องทำใจยอมรับมัน
แต่เมื่อมือข้างนั้นของเขาขยับขูดกับพื้นไม้ น้ำตาของผมก็หยาดหยดลงมา ความรู้สึกเมื่อครู่ตีกันยุ่งเหยิงก่อนจะพังทลายลงไป สิ่งที่เข้ามาแทนที่ คือความรู้สึกโล่งใจ
เป็นความรู้สึกโล่งใจอย่างหาที่สุดไม่ได้
ผมรู้ตัวในขณะนั้นเอง ว่าเขาสำคัญกับผมยิ่งกว่าที่ผมคิด
อันที่จริงเป็นผมเองที่ตีตนไปก่อนไข้ หากตั้งสติตรวจดูเสียหน่อยแต่ทีแรก คงไม่ต้องมานั่งบ่อน้ำตาแตกอยู่อย่างนี้ แต่ก็นายอ้วนอีกนั่นแหละ จู่ๆก็มาบอกว่าสถานการณ์ไม่สู้ดี ผมอาจทนรับไม่ได้ เบื้องต้นคือตายหมดแล้ว และสภาพของเมินโหยวผิงก็เป็นแบบนั้น จะให้ผมคิดไปทางไหนได้อีก จนถึงตอนนี้ผมก็ยังนึกโกรธเขาอยู่หน่อย ที่มัวแต่พูดอะไรไม่เคลียร์ทำเอาผมเขวไปหมด
เบื้องหน้าผมคือความจริง
ความจริงที่ว่า
เขายังมีชีวิตอยู่
คิดได้ดังนั้น ผมก็ระบายยิ้มออกมาทั้งน้ำตา
หลังจากที่คนของฉิวเต๋อเข่าช่วยพวกเราออกมายังไม่ถึงสัปดาห์ เมินโหยวผิงก็จะไปแล้ว
เขามีเป้าหมายของตัวเอง ใครๆก็ห้ามเข้าไม่ได้
“เส้นทางของฉันต่อจากนี้ ฉันต้องเดินคนเดียว พวกนายไม่สามารถเดินไปกับฉันอีกแล้ว มีอันตรายเกินไป อีกอย่าง เรื่องนี้ก็ไม่เกี่ยวกับพวกนาย”
เขาพูดไว้แบบนั้น ก่อนจะจากไป
‘ไม่เกี่ยวกับนาย’ เขาเคยพูดคำนี้กับผมอยู่หลายครั้ง ทุกครั้งที่ผมได้ยิน ความรู้สึกประหลาดอย่างหนึ่งจะแล่นปราดเข้ามาในอก จุกจนแทบทนไม่ไหว แต่ก็ทุกครั้งอีกเช่นกัน ที่ผมเลือกมองข้ามมันไป และพยายามก้าวไปข้างหน้าต่อ ถึงแม้จะก้าวไม่ทันเขา แต่เราก็ยังได้เดินบนเส้นทางเดียวกัน
อย่างน้อยผมก็คิดแบบนั้น
ตลอดชีวิตยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมา เขาเป็นคนที่ผมอยู่ด้วยแล้วรู้สึกปลอดภัยมากที่สุด ยามที่เขาหายไป ผมก็ยังพยายามออกตามหาเขา ยามที่เขาห้ามไม่ให้ผมตามไปด้วย ผมก็ยังดึงดันที่จะตามไป ทั้งๆที่รู้ ว่าไม่มีผมเขาก็อยู่ได้ ทั้งที่รู้ว่ามีผมอยู่ ผมจะเป็นตัวถ่วงแข้งถ่วงขาเขาเปล่าๆ
หรือแม้กระทั่งยามที่เขา ‘ลืม’ ผมไปแล้ว
ผมจะแกล้งทำเป็นไม่มีความเกี่ยวข้องกับเขาก็ได้ แต่ความเจ็บปวดยามที่มองดวงตาอันว่างเปล่าคู่นั้น เป็นแรงผลักดันให้ผมยื่นมือเข้าไปให้ความช่วยเหลือกับเขา สำคัญตัวว่าเป็นเพียงคนเดียวที่สามารถช่วยเหลือเขาได้ ทั้งที่มันอาจไม่จำเป็นกับเขาแม้แต่น้อย
แต่ถึงอย่างนั้น
ต่อให้เขาลืมผมสักพันครั้ง ผมก็จะทำให้เขาจำได้ทั้งพันครั้ง
หรือไม่ก็สร้างความทรงจำนั้นขึ้นมาใหม่เช่นนี้เรื่อยไป
ให้เขาได้รับรู้อีกครั้ง ว่าคนที่ไม่มีทั้งอดีตและอนาคต ไร้ซึ่งความเกี่ยวโยงใดๆกับโลกใบนี้อย่างเขา ยังมีผม ที่จะรับรู้หากเขาหายไป
ยังมีคนอยู่คนหนึ่ง ที่เป็นสิ่งที่เชื่อมโยงตัวเขากับโลกใบนี้
“ฉันมาบอกลานาย ทุกสิ่งเหล่านี้สิ้นสุดลงแล้ว ฉันทบทวนดูความเชื่อมโยงของฉันกับโลกใบนี้ ดูเหมือนเท่าที่เจอ ก็มีแต่นาย”
เขากล่าวประโยคนั้นระหว่างบทสนทนาบนโต๊ะอาหารในภัตตาคารโหลวเว่ยโหลว ซึ่งตอนนั้นผมไม่เข้าใจเขา เพียงแค่คิดว่าเขาจะแค่เดินทางไกล เดี๋ยวก็คงจะกลับมา หรืออาจจะไปตั้งรกรากอยู่ที่ไหนสักแห่ง ยังหวังว่าเขาอาจจะติดต่อมาบ้าง
หากได้พานพบกันแล้ว การลาจากย่อมเป็นความเจ็บปวด
“ลาก่อน” เขากล่าว ในอกผมรู้สึกปวดแปลบ อยากจะยื้อเขาไว้แต่ก็นึกคำดีๆไม่ออก ได้แต่พูดไล่หลังเขาไปว่า “กับข้าวยังไม่หมดเลยนะ”
พอมารู้ทีหลัง ก็เข้าอีหรอบเดิม
เขาไปแล้ว
แต่ครั้งนี้ยังโชคดี ที่ผมตามเขาทัน
ผมจับเครื่องบินจากหังโจวไปลงที่ปักกิ่ง และเดินทางต่อไปถึงเอ้อเต๋าไป๋เหอ ที่ท่ารถของรถรับจ้างเถื่อนนั่นเอง ผมก็ได้เจอเขาอีกครั้ง
เราขึ้นเขาไปด้วยกัน
ใต้แสงจากกองไฟที่มีเพียงแค่เราสองคนทำให้ผมหวนนึกเหตุการณ์ที่ทะเลทรายโกบี ผมยังจำสิ่งที่เราคุยกันในคืนนั้นได้ดี แม้เขาอาจลืมไปแล้วก็ตาม...
คืนนั้น ผมผล็อยหลับไปโดยไม่รู้ตัว ขณะที่กำลังสลึมสลือ ผมรู้สึกได้ถึงสัมผัสอุ่นๆที่แนบเข้ากับหน้าผาก มันนุ่มนวล และแผ่วเบาอย่างน่าใจหาย
ผมอาจแค่ฝันไป เพราะเมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที เมินโหยวผิงก็ไม่อยู่แล้ว
เรื่องอะไรที่เขาตัดสินใจไปแล้ว ไม่มีใครเปลี่ยนแปลงได้ ผมมาส่งถึงที่นี่ ก็ถือว่าทำได้ดีที่สุดแล้ว
คิดได้ดังนั้น ผมก็ทำได้เพียงเก็บงำความเศร้าไว้ในใจ และเดินย้อนกลับเส้นทางเดิม
ท่ามกลางพายุหิมะ ใครจะคาดคิดว่าเขาจะเสี่ยงตายกลับมาช่วยผม วินาทีที่ฝ่ามือของผมถูกกอบกุมเอาไว้ ความรู้สึกหลายอย่างก็ตีขึ้นมา ทั้งโกรธทั้งดีใจ
ตัวเขาเองก็บาดเจ็บอยู่ ยังจะมาช่วยผมอีก ผมหัวเราะ และคงไม่รู้สึกตัวเลยว่าน้ำตาก็ไหลออกมาด้วยถ้าเขาไม่เอื้อมมือข้างที่ไม่เจ็บมาสัมผัสใบหน้าของผม
ทัศนียภาพของผมล้วนเป็นสีชมพูเพราะสโนวไบลด์ ผมว่าเมินโหยวผิงสีชมพูก็ไม่เลวเหมือนกัน
หลังจากปฐมพยาบาลให้เขาเสร็จ เราก็ออกเดินทางต่อไปยังบ่อน้ำพุร้อนแห่งนั้น ระหว่างที่กำลังคุยกัน เขาก็ยื่นลัญจกรผีดวงหนึ่งให้ผม
“นายนำสิ่งนี้มาเมื่อถึงหน้าประตูสำริด ประตูก็จะเปิด นับจากนี้อีกสิบปี ถ้านายยังจำฉันได้ ให้นำสิ่งนี้มาที่นี่ ที่ประตูสำริดบานนั้น นายอาจเจอฉันอยู่ข้างใน”
“วันเวลาที่เหลือทั้งหมดนับจากนี้ ฉันต้องเป็นคนปกป้องมันเอง แต่ว่าในเมื่อนายมาถึงที่นี่ ฉันก็ขอบอกนาย อีกสิบปีให้หลัง หากนายยังจำฉันได้ นายสามารถเปิดประตูสำริดยักษ์บานนี้”
คำกล่าวที่เขาย้ำถึงสองครั้งนั้น คล้ายกับเป็นคำสัญญากลายๆ เพื่อให้ผมกลับมาที่นี่ในอีกสิบปีข้างหน้า
เขาจะรอผมที่นี่สิบปี
และผมก็ต้องรอเขาสิบปี
เขามันคนขี้ลืม ผมได้แต่หวังและเชื่อว่าเขาจะไม่ลืมสัญญาของเรา
ไม่ว่าจะเป็นสิบปี ยี่สิบปี หรือร้อยปี
ถ้าเป็นเขา
ผมก็จะรอ
-END-
------------------------------------------------------------------------
“แต่ถ้าแค่ปีเดียว หรือไม่นายก็ไม่ต้องไปเลย มันจะดีกว่านี้” #นายน้อยไม่ได้กล่าวไว้
เรื่องนี้ดองไว้หลายวันเลยค่ะ /ลูบหน้า
เริ่มจากอ่านเล่ม 9 ถึงตอนที่นายน้อยมาเจอเสี่ยวเกอที่(เกือบจะ)กลายเป็นศพแล้วใจมันสั่นนน พออ่านเล่ม 10 จบก็มานั่งเขียนความคิดที่ตกตะกอน(?)จากมหากาพย์รักสะท้านโล----*แค่ก*ออกมาทีละประโยคค่ะ เขียนไปก็ร้องไห้ไป5555
คนสองคนทำเพื่อกันและกันได้ขนาดนี้... ไม่ใช่เพราะรักก็ไม่รู้จะพูดยังไงแล้ว ฮือว์ ;_____;
สุดท้ายนี้ ขอบคุณที่อ่านค่ะ
แก้ไขล่าสุดโดย patri_perry เมื่อ Tue 23 Jan 2018, 01:09, ทั้งหมด 4 ครั้ง
patri_perry- ด้วงตำหนักหลู่หวังเจ็ดดารา
- จำนวนข้อความ : 50
Points : 3552
Join date : 27/10/2014
ที่อยู่ : ตะเข็บเสื้อฮู้ดเสี่ยวเกอ
Re: [OS] I'll wait for you [ผิงเสีย] *สปอยล์เล่ม9-10*
เป็นร้อยปีก็จะรอ....ซึ้งนะนายน้อย แต่ถึงตอนนั้นนายจะขึ้นเขาไหวเรอะ.....//คิลมู้ด
อีก10ปีถ้าพาออกมาแล้วจะหนีหายไปอีก สงสัยนายน้อยได้จับเสี่ยวเกอล่ามโซ่ หรือไม่ก็ตามเข้าไปหลังประตูด้วยกันแน่ๆ ;w;
อีก10ปีถ้าพาออกมาแล้วจะหนีหายไปอีก สงสัยนายน้อยได้จับเสี่ยวเกอล่ามโซ่ หรือไม่ก็ตามเข้าไปหลังประตูด้วยกันแน่ๆ ;w;
Re: [OS] I'll wait for you [ผิงเสีย] *สปอยล์เล่ม9-10*
บอกว่าไม่เกี่ยวกับนายน้อย แต่ตัวเองดันบอกกลายๆว่าอย่าได้ลืมกัน ไหนจะของแทนใจอีก แล้วแบบนี้จะให้นายน้อยตัดใจได้ยังไงกันล่ะเสี่ยวเกอ
SilverCloud- ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ
- จำนวนข้อความ : 433
Points : 3950
Join date : 27/10/2014
ที่อยู่ : ตู้เสื้อผ้าของอารอง
Re: [OS] I'll wait for you [ผิงเสีย] *สปอยล์เล่ม9-10*
คิดถึงฟีลตอนอ่านจบใหม่ๆเลย เขียนได้อารมณ์มากๆเลยค่ะ โฮววววววววววว
ชอบตรงที่ว่าต่อให้เมินโหยวผิงลืมสักพันครั้ง นายน้อยก็จะทำให้เขาจำได้ทั้งพันครั้ง หรือไม่ก็สร้างความทรงจำใหม่ขึ้นใหม่เรื่อยไป
นายน้อยยยยยยยยยยย สู้ๆนะคะ แงงงงงงงงงงง
ชอบตรงที่ว่าต่อให้เมินโหยวผิงลืมสักพันครั้ง นายน้อยก็จะทำให้เขาจำได้ทั้งพันครั้ง หรือไม่ก็สร้างความทรงจำใหม่ขึ้นใหม่เรื่อยไป
นายน้อยยยยยยยยยยย สู้ๆนะคะ แงงงงงงงงงงง
MinMin- ด้วงต้นไม้เทพเจ้า
- จำนวนข้อความ : 222
Points : 3853
Join date : 28/10/2014
Re: [OS] I'll wait for you [ผิงเสีย] *สปอยล์เล่ม9-10*
patri_perry พิมพ์ว่า:
ไม่ว่าจะเป็นสิบปี ยี่สิบปี หรือร้อยปี
ถ้าเป็นเขา
ผมก็จะรอ
่ท่อนนี้คือ โฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ โฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ โฮค่ะ โฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ(?)
นึกถึง อังศุมาลิน ใช่ ฉันจะรอ 5555
Feran.FS- ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ
- จำนวนข้อความ : 457
Points : 3952
Join date : 27/10/2014
Age : 28
ที่อยู่ : ใต้เตียงนอนเซี่ยจื่อหยาง...
Similar topics
» [Drabble] #dmbjdaily (รอ) Can't wait to hold you [ผิงเสีย]
» [OS] #dmbjdaily '520' (ผิงเสีย :: เหม่งจาง,ผิงเสีย)
» [OS] ความโชคร้ายของนายอ้วนหวัง (2) [ผิงเสีย]
» [OS] สิ่งแรกที่เจอยามลืมตาตื่น [ผิงเสีย]
» [OS] เสียงแห่งความทรงจำ (ผิงเสีย)
» [OS] #dmbjdaily '520' (ผิงเสีย :: เหม่งจาง,ผิงเสีย)
» [OS] ความโชคร้ายของนายอ้วนหวัง (2) [ผิงเสีย]
» [OS] สิ่งแรกที่เจอยามลืมตาตื่น [ผิงเสีย]
» [OS] เสียงแห่งความทรงจำ (ผิงเสีย)
หน้า 1 จาก 1
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
|
|
Fri 24 Jul 2020, 01:39 by gustoon
» [คู่มือด้วง] Keyword จีนสำหรับการขุด(แฟนดอม)สุสาน
Thu 21 Jun 2018, 00:29 by miskizfullmoon
» มังฮวาและภาคทิเบต
Thu 21 Jun 2018, 00:23 by miskizfullmoon
» [OS] Father is the best (ผิงเสีย)
Thu 03 Aug 2017, 16:12 by schneewittchen
» [Fic] สิ่งเล็กๆที่เชื่อมโลก5 [เมินโหยวผิง+อู่เสีย+เสี่ยอ้วน]+OC
Tue 01 Aug 2017, 12:30 by natsume
» [OS] #dmbjdaily (จูปาจุ๊บ) Bittersweet [ผิงเสีย AU]
Thu 06 Apr 2017, 15:58 by Zeth
» [OS] #dmbjdaily "โทรศัพท์มือถือ" - no Pairing [All]
Tue 04 Apr 2017, 22:27 by Zeth
» [OS] #DMBJDaily (แว่น): ระยะที่มองไม่เห็น [ฮัวเสีย]
Sat 01 Apr 2017, 16:55 by Zeth
» [OS] #DMBJdaily (5.20) ท่านยอดฝีมือ [หวังเหมิง (+เหมิงเสีย)(+ผิงเสีย)]
Thu 30 Mar 2017, 17:24 by Zeth