Countdown
We've been
togerther for
ค้นหา
Latest topics
Most active topics
[OS] #dmbjdaily 'สูท' (Un)suitable [ผิงเสีย/ตาเหม่งจาง]
+6
kaew_nya
Feran.FS
meanato
zerin
casey
Vi-o-let
10 posters
หน้า 1 จาก 1
[OS] #dmbjdaily 'สูท' (Un)suitable [ผิงเสีย/ตาเหม่งจาง]
#dmbjdaily 273 days left : สูท (Un)suitable [ผิงเสีย/ตาเหม่งจาง]
ผมสวมสูทสีขาวที่เพิ่งสั่งตัดมาใหม่ เป็นผ้าเนื้อดี ฝีมือการตัดเย็บสมบูรณ์ไม่มีที่ติ ที่จริงผมพอมีชุดสูทอยู่ในตู้เสื้อผ้า จะเอามาใส่ก็ได้ไม่เสียหาย แต่ว่าพอนายอ้วนรู้เข้าก็ถลึงตาใส่ 'เทียนเจิน นายแม่งไม่ลงทุนเอาเสียเลย! งานนี้เป็นงานใหญ่ ภาพลักษณ์เป็นสิ่งสำคัญ จะให้คนอื่นเขานินทาว่าสกุลอู๋ใส่ชุดเดิมๆ ไปออกงานได้ยังไง ถ้าไม่ตัดเอง เสี่ยอ้วนยินดีควักเนื้อจ่ายให้!'
พอผมได้ยินดังนั้นก็แปลกใจ ถึงขนาดนายอ้วนยอมเสียตังค์ให้แสดงว่างานนี้สำคัญจริง ผมไม่ค่อยรู้รายละเอียดมาก ได้ยินว่าเป็นงานพบปะของคนในวงการวัตถุโบราณ นั่นเป็นชื่อเรียกบังหน้า ฟังดูไม่มีอะไรมาก แต่ไม่รู้ว่าที่จริงแล้วมีวัตถุประสงค์แอบแฝงแค่ไหน
ผมปฏิเสธเขาไป ตัดสูทแค่นี้ผมมีปัญญาจ่ายเอง นายอ้วนเห็นผมว่าดังนั้นก็แนะนำให้เอาเป็นสีขาว เขาว่าเหมาะกับผมดี
ผมติดกระดุม มองภาพตัวเองสะท้อนออกมาจากกระจกตรงหน้า ใบหน้านี้ก็ยังคงเป็นอู๋เสีย แต่อะไรบางอย่างบอกว่าไม่ใช่
ผมกำลังสวมหน้ากาก...หน้ากากที่เป็นหน้าของตนเอง
เดิมทีผมไม่ค่อยเข้างานสังคมอยู่แล้ว ไม่ใช่ว่าไม่ชอบ แต่ไม่ถนัดเสียมากกว่า เมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่นที่คอยเฝ้ามองการกระทำอยู่ตลอดเวลา ผมไม่สามารถเป็นอู๋เสีย เป็นตัวของตัวเองได้ทั้งหมดอีกต่อไปแล้ว ผมต้องวางตัวเป็น 'นายน้อยสกุลอู๋' ตามที่พวกเขารู้จักผมในนามนั้น และคาดหวังว่าผมจะเป็นอย่างที่ได้ยินคำร่ำลือมา
ไม่สุขุมจนเกินไป ไม่เหี้ยมโหดจนเกินไป ถึงอย่างนั้น...ก็ไม่อาจคลายความยำเกรงลงได้
นั่นคือสิ่งที่ผมต้องการให้คนอื่นมองผมแบบนั้น
ผมจำต้องแสดงไปตามบทที่กำหนด สวมหน้ากากเป็นเกราะบังตัวตนภายใน
กว่าจะฝึกได้ขนาดนี้กินเวลาหลายปี เมื่อคิดย้อนกลับไปครั้งแรกที่ผมหัดสวมหน้ากากไม่เป็นความทรงจำที่น่าประทับใจนัก ตอนนั้นมีเวลาแค่สั้นๆ ให้เตรียมตัว ทั้งพานจื่อและเสี่ยวฮัวช่วยซ้อมลำดับกันมาเป็นอย่างดี แต่ผมก็ดันพลาด ถ้าเสี่ยวฮัวกู้สถานการณ์กลับมาไม่ได้ เรื่องจะเป็นยังไงต่อผมไม่อยากคาดคิด
จะว่าไปแล้ว นอกจากเสี่ยวฮัว อาสาม ยังมีอีกคนที่เล่นละครได้อย่างแนบเนียนเป็นที่สุด
เมินโหยวผิง
ถ้าไม่ติดว่าตอนนั้นเขาเป็นตายร้ายดีอย่างไรไม่รู้ในหอสกุลจาง ผมคงต้องเรียนรู้การปลอมตัวจากเขา ถ้าเขาจะยอมสอนผมล่ะก็นะ
เขาหลอกผมกับนายอ้วนได้อย่างสนิทใจ ตอนที่ปลอมตัวเป็นตาเหม่งจาง
ตอนผมเจอกับเมินโหยวผิงครั้งแรกนั้นไม่ได้รู้สึกอะไร แค่ประหลาดใจกับท่าทีเมินเฉยต่อโลกภายนอกของเขาเท่านั้น แต่เมื่อเจอตาเหม่งจางครั้งแรกกลับรู้สึกไม่ถูกชะตาขึ้นมาทันที
อาจเป็นเพราะสัญชาตญาณส่วนลึกบอกว่า...คนๆ นี้ไม่ใช่อย่างที่เห็น เพียงแต่ตอนนั้นผมคิดไม่ถึง
นอกจากภาพลักษณ์ภายนอกที่เปลี่ยนไปไม่เหลือเค้าเดิม นิสัยยังเปลี่ยนไปคนละทิศ ผมไม่อยากเชื่อว่าเขาจะพูดมากขนาดนั้นได้ วิธีการพูด การแสดงออก ไม่มีความเชื่อมโยงเลยว่าเป็นเมินโหยวผิง
ปกติเมินโหยวผิงไม่แตะตัวผมเลยท่าไม่จำเป็น ซึ่งส่วนใหญ่จะแค่จับเสื้อลากหนีตอนเกิดเรื่อง พอเป็นตาเหม่งจางกลับถึงเนื้อถึงตัวมากกว่าเดิม แค่มองหน้าก็ลุกมาจับมือทักทาย ผมยังเดาไปว่าเขาเคยเป็นผู้ใช้แรงงาน สัมผัสที่มือบอกว่าแรงของเขามีไม่น้อย
น่าเสียดายที่ตอนนั้นไม่ได้มองมือเขาให้ชัด เลยไม่รู้ว่าสองนิ้วที่ยาวกว่าปกตินั่นปลอมแปลงได้ด้วยหรือเปล่า
"ทำไมถึง..." ผมนิ่งอึ้ง ได้แต่มองคนตรงหน้าตาค้าง
นายอ้วนเกาหัว บอกว่า "ความผิดเสี่ยอ้วนเอง ที่ไปบอกน้องเสี่ยวเกอว่าเขาดูโดดเด่นเกินไปเวลาออกงาน ก็เลยออกมาอย่างที่เห็น ห้ามเท่าไหร่ก็ไม่ฟัง ไม่รู้ด้วยว่าจะเป็นแบบนี้ เลยไม่ได้บอกเทียนเจินก่อน"
ชายหัวล้านหุ่นอ้วนป้อมฉีกยิ้มกว้าง เข้ามาตบไหล่ผมอย่างถือวิสาสะ "สวัสดีครับ ไม่ได้เจอกันเสียตั้งนาน"
ไม่ได้เจอตั้งนานอะไรล่ะ แม่งมากกว่าสิบปี คนปกติคงคงลืมขี้หน้ากันไปแล้ว!
แต่นี่เป็นหนึ่งในเรื่องที่ผมจำฝังใจ เลยไม่มีทางลืมหน้าแบบนี้ไปได้ ตาเหม่งจางไม่ต่างอะไรกับครั้งนั้น หัวล้านใสสะท้อนแสงสีนวลในโรงแรมที่เป็นสถานที่นัดเจอ ไม่ยุติธรรม ในขณะที่ผมแก่ลง ตาหัวเหม่งนี่กลับไม่เปลี่ยนไปเลย!
ผมมองสูทสีดำสนิทที่อยู่บนตัวเขา สูทที่ดูยังไงก็รู้ว่าผิดเบอร์ปริออกเสียจนน่าขัน เมื่อรวมกับใบหน้ายิ้มแฉ่งกวนอารมณ์ทำเอาผมปวดหัวมากกว่าเก่า
นายอ้วนบอกว่าตัดสูทใหม่ให้เมินโหยวผิงเหมือนกัน คงวัดตัวออกแบบมาอย่างดี แต่งานนี้ผมเสียดายเงินแทนเขาจริงๆ
แทนที่สูทสวยๆ จะถูกใส่โดยชายหนุ่มหน้าตาดี หุ่นดี กลับกลายเป็นตาแก่หัวล้านอ้วนๆ ไร้ราศีนี่
ผมถอนหายใจ นายอ้วนบอกว่าห้ามเสี่ยวเกอแล้วไม่ได้ผล ผมก็จนใจจะพูด เขาคงไม่ฟังผมอีกแน่ อีกอย่างคุยกับตาเหม่งจางคงเป็นการทำให้ผมหงุดหงิดเสียเปล่า
แม้ตาเหม่งจางกับเมินโหยวผิงจะเป็นคนคนเดียวกัน แต่บรรยากาศรอบตัวไม่มีอะไรเหมือน ตอนอยู่กับเมินโหยวผิงจะพบกับความสงบ ปลอดภัย ถึงผมจะพูดแล้วเขาไม่ฟังบ้างก็ยังดีกว่ากลายเป็นผมพูดตามไม่ทัน แล้วต้องมารับฟังคำพูดขวานผ่าซากของเขา
"คุณเหมาะกับสูทสีขาวมากเลยครับ"
ผมทำเป็นเมินเขา ไม่อยากจะพูดด้วย แต่เขาไม่หยุดแค่นั้น
"ผมไม่ได้ออกงานนานแล้ว ตื่นเต้นมาก เห็นว่างานนี้งานใหญ่ คงได้เปิดหูเปิดตา เราเข้างานกันเถอะครับ"
ไม่พูดเปล่า คว้าแขนผมไปด้วย สะบัดหลุดแทบไม่ทัน
นายอ้วนหัวเราะแห้งๆ แล้วเดินตามเข้ามา ผมกรอกตา ทีหลังผมคงต้องเป็นคนจัดการเองซะแล้วเวลาพาเมินโหยวผิงออกมาข้างนอก
ตาเหม่งจางพูดมากถึงที่สุด ราวกับเก็บกดมาจากตอนเป็นเมินโหยวผิง ผมสงสัยจริงๆ ว่าทำไมเขาถึงเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้
หรือว่านี่เป็นหนึ่งในตัวตนที่เขา 'เคย' สวมมาจนชิน แล้วเลือกหยิบยกขึ้นมาสวมอีกครั้งในสถานการณ์นี้
แล้วหน้านิ่งๆ บุคลิกไม่สนใจสิ่งรอบข้างนั่น จะเป็นอีกหนึ่งหน้ากากที่เขากำลังใส่อยู่หรือเปล่า...
ผมสะบัดหัว ไล่ความคิดออกไป นายจะบ้าเหรออู๋เสีย เจอเมินโหยวผิงครั้งแรกก็เป็นแบบนั้น จนตอนนี้ก็เป็นแบบนั้น ยังมีอะไรให้สงสัยอีกหรือ
น่าแปลก ที่พอผมฟังตาเหม่งจางพูดคุยไปเรื่อย ความหงุดหงิดกลับค่อยๆ ลดน้อยลง เหมือนผมยอมรับได้แล้วว่ายังไงคนข้างในก็ยังเป็นเมินโหยวผิง ไม่ว่าภายนอกจะ
เป็นยังไง เปลี่ยนไปแค่ไหน ก็ยังเป็นเมินโหยวผิงอยู่ดี
มีคนเข้ามาคุยกับผมมากมาย ต้องระวังท่าทีเสียจนเหนื่อย ต้องปั้นแต่งคำพูดในการพูดคุย หลังๆ มานี่ตาเหม่งจางมาป้วนเปี้ยนรอบผมมากขึ้น จนคนอื่นๆ เอ่ยปากถาม ตาเหม่งจางก็หัวเราะ บอกไปว่า 'คนคุ้นเคยกันน่ะครับ'
หลายครั้งที่ตานี่แทรกกลางบทสนทนาจิตวิทยาหนักประสาทของผมกับคนอื่นอย่างไร้กาลเทศะ ผมควรจะโกรธ แต่กลับกัน ไม่มีความคิดนั่นแม้แต่น้อย กลับรู้สึกสบายใจขึ้นเสียอีก เหมือนยืนแบกถังหินอยู่บนบ่า จู่ๆ ก็ถูกตาแก่ที่ไหนก็ไม่รู้เข้ามาหยิบหินโยนทิ้งไปบางส่วน หัวเราะฮ่าๆ บอกว่าน้องชายช่างโง่เง่า หินหนักใช่ไหม เดี๋ยวฉันช่วยเอาไปทิ้งให้เอง
ออกงานครั้งนี้ ผมเลยค่อนข้างเป็นตัวของตัวเองกว่าครั้งอื่นๆ
ตอนก่อนจากงาน ตาเหม่งนี่ทำทีเป็นจับมือผมอีกครั้ง เขย่าๆ อย่างเกินความจำเป็น ทั้งที่ในงานก็แอบแตะตัวผมไปตั้งหลายรอบ ไม่รู้ติดใจอะไรสูทของผมหนักหนา
ก่อนจากกัน ผมถามเขาไปว่า ทำไมถึงต้องเป็นตาเหม่งจาง
ตาหัวเหม่งยิ้ม
"โอ้ จะได้ทำอะไรที่อยากทำไงล่ะครับ ตอนปกติผมไม่มีโอกาสได้ทำแบบนั้นซักเท่าไหร่"
ผมไม่เดาหรอก ว่าเขาหมายถึงเรื่องไหน
รู้แต่ว่า...หลังจากนั้นผมก็นึกได้
ว่าลืมดูนิ้วเขาอีกแล้ว
---------------------------------------------------------------
273 days left
รื้อเล่มหนึ่งมาอ่านใหม่ ติดใจตาเหม่งจางมากค่ะ เลยเอามาเขียนมีใครจำตานี่ไม่ได้บ้าง555
หรือจริงๆ เรื่องนี้ต้องขึ้นจั่วหัวว่า จางเสีย กันแน่เนี่ย... orz
ผมสวมสูทสีขาวที่เพิ่งสั่งตัดมาใหม่ เป็นผ้าเนื้อดี ฝีมือการตัดเย็บสมบูรณ์ไม่มีที่ติ ที่จริงผมพอมีชุดสูทอยู่ในตู้เสื้อผ้า จะเอามาใส่ก็ได้ไม่เสียหาย แต่ว่าพอนายอ้วนรู้เข้าก็ถลึงตาใส่ 'เทียนเจิน นายแม่งไม่ลงทุนเอาเสียเลย! งานนี้เป็นงานใหญ่ ภาพลักษณ์เป็นสิ่งสำคัญ จะให้คนอื่นเขานินทาว่าสกุลอู๋ใส่ชุดเดิมๆ ไปออกงานได้ยังไง ถ้าไม่ตัดเอง เสี่ยอ้วนยินดีควักเนื้อจ่ายให้!'
พอผมได้ยินดังนั้นก็แปลกใจ ถึงขนาดนายอ้วนยอมเสียตังค์ให้แสดงว่างานนี้สำคัญจริง ผมไม่ค่อยรู้รายละเอียดมาก ได้ยินว่าเป็นงานพบปะของคนในวงการวัตถุโบราณ นั่นเป็นชื่อเรียกบังหน้า ฟังดูไม่มีอะไรมาก แต่ไม่รู้ว่าที่จริงแล้วมีวัตถุประสงค์แอบแฝงแค่ไหน
ผมปฏิเสธเขาไป ตัดสูทแค่นี้ผมมีปัญญาจ่ายเอง นายอ้วนเห็นผมว่าดังนั้นก็แนะนำให้เอาเป็นสีขาว เขาว่าเหมาะกับผมดี
ผมติดกระดุม มองภาพตัวเองสะท้อนออกมาจากกระจกตรงหน้า ใบหน้านี้ก็ยังคงเป็นอู๋เสีย แต่อะไรบางอย่างบอกว่าไม่ใช่
ผมกำลังสวมหน้ากาก...หน้ากากที่เป็นหน้าของตนเอง
เดิมทีผมไม่ค่อยเข้างานสังคมอยู่แล้ว ไม่ใช่ว่าไม่ชอบ แต่ไม่ถนัดเสียมากกว่า เมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่นที่คอยเฝ้ามองการกระทำอยู่ตลอดเวลา ผมไม่สามารถเป็นอู๋เสีย เป็นตัวของตัวเองได้ทั้งหมดอีกต่อไปแล้ว ผมต้องวางตัวเป็น 'นายน้อยสกุลอู๋' ตามที่พวกเขารู้จักผมในนามนั้น และคาดหวังว่าผมจะเป็นอย่างที่ได้ยินคำร่ำลือมา
ไม่สุขุมจนเกินไป ไม่เหี้ยมโหดจนเกินไป ถึงอย่างนั้น...ก็ไม่อาจคลายความยำเกรงลงได้
นั่นคือสิ่งที่ผมต้องการให้คนอื่นมองผมแบบนั้น
ผมจำต้องแสดงไปตามบทที่กำหนด สวมหน้ากากเป็นเกราะบังตัวตนภายใน
กว่าจะฝึกได้ขนาดนี้กินเวลาหลายปี เมื่อคิดย้อนกลับไปครั้งแรกที่ผมหัดสวมหน้ากากไม่เป็นความทรงจำที่น่าประทับใจนัก ตอนนั้นมีเวลาแค่สั้นๆ ให้เตรียมตัว ทั้งพานจื่อและเสี่ยวฮัวช่วยซ้อมลำดับกันมาเป็นอย่างดี แต่ผมก็ดันพลาด ถ้าเสี่ยวฮัวกู้สถานการณ์กลับมาไม่ได้ เรื่องจะเป็นยังไงต่อผมไม่อยากคาดคิด
จะว่าไปแล้ว นอกจากเสี่ยวฮัว อาสาม ยังมีอีกคนที่เล่นละครได้อย่างแนบเนียนเป็นที่สุด
เมินโหยวผิง
ถ้าไม่ติดว่าตอนนั้นเขาเป็นตายร้ายดีอย่างไรไม่รู้ในหอสกุลจาง ผมคงต้องเรียนรู้การปลอมตัวจากเขา ถ้าเขาจะยอมสอนผมล่ะก็นะ
เขาหลอกผมกับนายอ้วนได้อย่างสนิทใจ ตอนที่ปลอมตัวเป็นตาเหม่งจาง
ตอนผมเจอกับเมินโหยวผิงครั้งแรกนั้นไม่ได้รู้สึกอะไร แค่ประหลาดใจกับท่าทีเมินเฉยต่อโลกภายนอกของเขาเท่านั้น แต่เมื่อเจอตาเหม่งจางครั้งแรกกลับรู้สึกไม่ถูกชะตาขึ้นมาทันที
อาจเป็นเพราะสัญชาตญาณส่วนลึกบอกว่า...คนๆ นี้ไม่ใช่อย่างที่เห็น เพียงแต่ตอนนั้นผมคิดไม่ถึง
นอกจากภาพลักษณ์ภายนอกที่เปลี่ยนไปไม่เหลือเค้าเดิม นิสัยยังเปลี่ยนไปคนละทิศ ผมไม่อยากเชื่อว่าเขาจะพูดมากขนาดนั้นได้ วิธีการพูด การแสดงออก ไม่มีความเชื่อมโยงเลยว่าเป็นเมินโหยวผิง
ปกติเมินโหยวผิงไม่แตะตัวผมเลยท่าไม่จำเป็น ซึ่งส่วนใหญ่จะแค่จับเสื้อลากหนีตอนเกิดเรื่อง พอเป็นตาเหม่งจางกลับถึงเนื้อถึงตัวมากกว่าเดิม แค่มองหน้าก็ลุกมาจับมือทักทาย ผมยังเดาไปว่าเขาเคยเป็นผู้ใช้แรงงาน สัมผัสที่มือบอกว่าแรงของเขามีไม่น้อย
น่าเสียดายที่ตอนนั้นไม่ได้มองมือเขาให้ชัด เลยไม่รู้ว่าสองนิ้วที่ยาวกว่าปกตินั่นปลอมแปลงได้ด้วยหรือเปล่า
"ทำไมถึง..." ผมนิ่งอึ้ง ได้แต่มองคนตรงหน้าตาค้าง
นายอ้วนเกาหัว บอกว่า "ความผิดเสี่ยอ้วนเอง ที่ไปบอกน้องเสี่ยวเกอว่าเขาดูโดดเด่นเกินไปเวลาออกงาน ก็เลยออกมาอย่างที่เห็น ห้ามเท่าไหร่ก็ไม่ฟัง ไม่รู้ด้วยว่าจะเป็นแบบนี้ เลยไม่ได้บอกเทียนเจินก่อน"
ชายหัวล้านหุ่นอ้วนป้อมฉีกยิ้มกว้าง เข้ามาตบไหล่ผมอย่างถือวิสาสะ "สวัสดีครับ ไม่ได้เจอกันเสียตั้งนาน"
ไม่ได้เจอตั้งนานอะไรล่ะ แม่งมากกว่าสิบปี คนปกติคงคงลืมขี้หน้ากันไปแล้ว!
แต่นี่เป็นหนึ่งในเรื่องที่ผมจำฝังใจ เลยไม่มีทางลืมหน้าแบบนี้ไปได้ ตาเหม่งจางไม่ต่างอะไรกับครั้งนั้น หัวล้านใสสะท้อนแสงสีนวลในโรงแรมที่เป็นสถานที่นัดเจอ ไม่ยุติธรรม ในขณะที่ผมแก่ลง ตาหัวเหม่งนี่กลับไม่เปลี่ยนไปเลย!
ผมมองสูทสีดำสนิทที่อยู่บนตัวเขา สูทที่ดูยังไงก็รู้ว่าผิดเบอร์ปริออกเสียจนน่าขัน เมื่อรวมกับใบหน้ายิ้มแฉ่งกวนอารมณ์ทำเอาผมปวดหัวมากกว่าเก่า
นายอ้วนบอกว่าตัดสูทใหม่ให้เมินโหยวผิงเหมือนกัน คงวัดตัวออกแบบมาอย่างดี แต่งานนี้ผมเสียดายเงินแทนเขาจริงๆ
แทนที่สูทสวยๆ จะถูกใส่โดยชายหนุ่มหน้าตาดี หุ่นดี กลับกลายเป็นตาแก่หัวล้านอ้วนๆ ไร้ราศีนี่
ผมถอนหายใจ นายอ้วนบอกว่าห้ามเสี่ยวเกอแล้วไม่ได้ผล ผมก็จนใจจะพูด เขาคงไม่ฟังผมอีกแน่ อีกอย่างคุยกับตาเหม่งจางคงเป็นการทำให้ผมหงุดหงิดเสียเปล่า
แม้ตาเหม่งจางกับเมินโหยวผิงจะเป็นคนคนเดียวกัน แต่บรรยากาศรอบตัวไม่มีอะไรเหมือน ตอนอยู่กับเมินโหยวผิงจะพบกับความสงบ ปลอดภัย ถึงผมจะพูดแล้วเขาไม่ฟังบ้างก็ยังดีกว่ากลายเป็นผมพูดตามไม่ทัน แล้วต้องมารับฟังคำพูดขวานผ่าซากของเขา
"คุณเหมาะกับสูทสีขาวมากเลยครับ"
ผมทำเป็นเมินเขา ไม่อยากจะพูดด้วย แต่เขาไม่หยุดแค่นั้น
"ผมไม่ได้ออกงานนานแล้ว ตื่นเต้นมาก เห็นว่างานนี้งานใหญ่ คงได้เปิดหูเปิดตา เราเข้างานกันเถอะครับ"
ไม่พูดเปล่า คว้าแขนผมไปด้วย สะบัดหลุดแทบไม่ทัน
นายอ้วนหัวเราะแห้งๆ แล้วเดินตามเข้ามา ผมกรอกตา ทีหลังผมคงต้องเป็นคนจัดการเองซะแล้วเวลาพาเมินโหยวผิงออกมาข้างนอก
ตาเหม่งจางพูดมากถึงที่สุด ราวกับเก็บกดมาจากตอนเป็นเมินโหยวผิง ผมสงสัยจริงๆ ว่าทำไมเขาถึงเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้
หรือว่านี่เป็นหนึ่งในตัวตนที่เขา 'เคย' สวมมาจนชิน แล้วเลือกหยิบยกขึ้นมาสวมอีกครั้งในสถานการณ์นี้
แล้วหน้านิ่งๆ บุคลิกไม่สนใจสิ่งรอบข้างนั่น จะเป็นอีกหนึ่งหน้ากากที่เขากำลังใส่อยู่หรือเปล่า...
ผมสะบัดหัว ไล่ความคิดออกไป นายจะบ้าเหรออู๋เสีย เจอเมินโหยวผิงครั้งแรกก็เป็นแบบนั้น จนตอนนี้ก็เป็นแบบนั้น ยังมีอะไรให้สงสัยอีกหรือ
น่าแปลก ที่พอผมฟังตาเหม่งจางพูดคุยไปเรื่อย ความหงุดหงิดกลับค่อยๆ ลดน้อยลง เหมือนผมยอมรับได้แล้วว่ายังไงคนข้างในก็ยังเป็นเมินโหยวผิง ไม่ว่าภายนอกจะ
เป็นยังไง เปลี่ยนไปแค่ไหน ก็ยังเป็นเมินโหยวผิงอยู่ดี
มีคนเข้ามาคุยกับผมมากมาย ต้องระวังท่าทีเสียจนเหนื่อย ต้องปั้นแต่งคำพูดในการพูดคุย หลังๆ มานี่ตาเหม่งจางมาป้วนเปี้ยนรอบผมมากขึ้น จนคนอื่นๆ เอ่ยปากถาม ตาเหม่งจางก็หัวเราะ บอกไปว่า 'คนคุ้นเคยกันน่ะครับ'
หลายครั้งที่ตานี่แทรกกลางบทสนทนาจิตวิทยาหนักประสาทของผมกับคนอื่นอย่างไร้กาลเทศะ ผมควรจะโกรธ แต่กลับกัน ไม่มีความคิดนั่นแม้แต่น้อย กลับรู้สึกสบายใจขึ้นเสียอีก เหมือนยืนแบกถังหินอยู่บนบ่า จู่ๆ ก็ถูกตาแก่ที่ไหนก็ไม่รู้เข้ามาหยิบหินโยนทิ้งไปบางส่วน หัวเราะฮ่าๆ บอกว่าน้องชายช่างโง่เง่า หินหนักใช่ไหม เดี๋ยวฉันช่วยเอาไปทิ้งให้เอง
ออกงานครั้งนี้ ผมเลยค่อนข้างเป็นตัวของตัวเองกว่าครั้งอื่นๆ
ตอนก่อนจากงาน ตาเหม่งนี่ทำทีเป็นจับมือผมอีกครั้ง เขย่าๆ อย่างเกินความจำเป็น ทั้งที่ในงานก็แอบแตะตัวผมไปตั้งหลายรอบ ไม่รู้ติดใจอะไรสูทของผมหนักหนา
ก่อนจากกัน ผมถามเขาไปว่า ทำไมถึงต้องเป็นตาเหม่งจาง
ตาหัวเหม่งยิ้ม
"โอ้ จะได้ทำอะไรที่อยากทำไงล่ะครับ ตอนปกติผมไม่มีโอกาสได้ทำแบบนั้นซักเท่าไหร่"
ผมไม่เดาหรอก ว่าเขาหมายถึงเรื่องไหน
รู้แต่ว่า...หลังจากนั้นผมก็นึกได้
ว่าลืมดูนิ้วเขาอีกแล้ว
---------------------------------------------------------------
273 days left
รื้อเล่มหนึ่งมาอ่านใหม่ ติดใจตาเหม่งจางมากค่ะ เลยเอามาเขียน
หรือจริงๆ เรื่องนี้ต้องขึ้นจั่วหัวว่า จางเสีย กันแน่เนี่ย... orz
แก้ไขล่าสุดโดย Vi-o-let เมื่อ Tue 18 Nov 2014, 07:38, ทั้งหมด 1 ครั้ง
Vi-o-let- ด้วงฝึกหัด
- จำนวนข้อความ : 18
Points : 3495
Join date : 03/11/2014
Re: [OS] #dmbjdaily 'สูท' (Un)suitable [ผิงเสีย/ตาเหม่งจาง]
Vi-o-let พิมพ์ว่า:
"โอ้ จะได้ทำอะไรที่อยากทำไงล่ะครับ ตอนปกติผมไม่มีโอกาสได้ทำแบบนั้นซักเท่าไหร่"
จะได้ลวนลามจับนี่นิดแตะนู่นหน่อย โดยนายน้อยไม่สงสัยใช่มั้ยคะ แหม่
casey- ด้วงตำหนักหลู่หวังเจ็ดดารา
- จำนวนข้อความ : 86
Points : 3586
Join date : 27/10/2014
Re: [OS] #dmbjdaily 'สูท' (Un)suitable [ผิงเสีย/ตาเหม่งจาง]
casey พิมพ์ว่า:Vi-o-let พิมพ์ว่า:
"โอ้ จะได้ทำอะไรที่อยากทำไงล่ะครับ ตอนปกติผมไม่มีโอกาสได้ทำแบบนั้นซักเท่าไหร่"
จะได้ลวนลามจับนี่นิดแตะนู่นหน่อย โดยนายน้อยไม่สงสัยใช่มั้ยคะ แหม่
ต้องใช่แน่ๆค่ะ 55555
zerin- ด้วงสุสานใต้สมุทรทะเลซีซา
- จำนวนข้อความ : 188
Points : 3667
Join date : 05/11/2014
ที่อยู่ : เกาะอยู่หลังประตูสำริด
Re: [OS] #dmbjdaily 'สูท' (Un)suitable [ผิงเสีย/ตาเหม่งจาง]
แหมๆๆๆๆๆ แบบนี้จะได้แต๊ะอั๋งได้สะดวกใช่มั้ยค้าาาา
meanato- ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ
- จำนวนข้อความ : 487
Points : 3961
Join date : 27/10/2014
Age : 26
ที่อยู่ : หลังประตูสัมฤทธิ์
Re: [OS] #dmbjdaily 'สูท' (Un)suitable [ผิงเสีย/ตาเหม่งจาง]
zerin พิมพ์ว่า:casey พิมพ์ว่า:Vi-o-let พิมพ์ว่า:
"โอ้ จะได้ทำอะไรที่อยากทำไงล่ะครับ ตอนปกติผมไม่มีโอกาสได้ทำแบบนั้นซักเท่าไหร่"
จะได้ลวนลามจับนี่นิดแตะนู่นหน่อย โดยนายน้อยไม่สงสัยใช่มั้ยคะ แหม่
ต้องใช่แน่ๆค่ะ 55555
ไอ้เราก็ว่า ทำไมต้องเหม่งจาง แหม...ทั้งชมทั้งแต๊ะอั๋ง เสี่ยวเกอร้ายนะคะ
Feran.FS- ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ
- จำนวนข้อความ : 457
Points : 3942
Join date : 27/10/2014
Age : 28
ที่อยู่ : ใต้เตียงนอนเซี่ยจื่อหยาง...
Re: [OS] #dmbjdaily 'สูท' (Un)suitable [ผิงเสีย/ตาเหม่งจาง]
อยากจะกรีดร้องมากๆค่ะ
อ๊ากกกกกกกกกกกก
ที่แท้ก็จะได้จับโน้นแตะนี่ได้สะดวกๆใช่ไหมคะ
แถมเอ่บปากชมได้อย่างใจนึกด้วย
ร้ายนะคะตาเหม่งจาง ฮ่ะๆๆๆ
อ๊ากกกกกกกกกกกก
ที่แท้ก็จะได้จับโน้นแตะนี่ได้สะดวกๆใช่ไหมคะ
แถมเอ่บปากชมได้อย่างใจนึกด้วย
ร้ายนะคะตาเหม่งจาง ฮ่ะๆๆๆ
kaew_nya- ด้วงตำหนักหลู่หวังเจ็ดดารา
- จำนวนข้อความ : 60
Points : 3525
Join date : 03/11/2014
Re: [OS] #dmbjdaily 'สูท' (Un)suitable [ผิงเสีย/ตาเหม่งจาง]
แหม่...แอบแต๊ะอั๋งนายน้อยไปตลอดงานเลยนะคะ
ว่าแต่เราแอบติดใจตาเหม่งจางนี่จริง ๆ นะ
ตอนแรก ๆ ก็ไม่คิดอะไร พอรู้ว่าเป็นเสี่ยวเกอปลอมตัวมานี่ ตกใจแทบตกเก้าอี้
พอมาอ่านซ้ำไปซ้ำมาอีกที เอิ่ม...ดูยังไงก็ไม่ใช่เสี่ยวเกอ
ให้เสี่ยวเกอพูดมาแบบตาเหม่งจางเนี่ย...นึกไม่ออกจริง ๆ - -"
ว่าแต่เราแอบติดใจตาเหม่งจางนี่จริง ๆ นะ
ตอนแรก ๆ ก็ไม่คิดอะไร พอรู้ว่าเป็นเสี่ยวเกอปลอมตัวมานี่ ตกใจแทบตกเก้าอี้
พอมาอ่านซ้ำไปซ้ำมาอีกที เอิ่ม...ดูยังไงก็ไม่ใช่เสี่ยวเกอ
ให้เสี่ยวเกอพูดมาแบบตาเหม่งจางเนี่ย...นึกไม่ออกจริง ๆ - -"
Tang_An-An- ด้วงต้นไม้เทพเจ้า
- จำนวนข้อความ : 225
Points : 3693
Join date : 29/10/2014
Age : 26
ที่อยู่ : ร่อนเร่พเนจรไปตามท้องทุ่ง
Re: [OS] #dmbjdaily 'สูท' (Un)suitable [ผิงเสีย/ตาเหม่งจาง]
แหม แอบร้ายนะคะเสี่ยวเกอ ได้ทำอะไรที่อยากทำนี่คือแต๊ะอั๋งนายน้อยสินะคะ จริงๆไม่ต้องเป็นตาเหม่งจางถ้าเป็นเสี่ยวเกอนายน้อยยอมให้แตะอยู่แล้วล่ะค่ะ หรือมากกว่าแตะก็คงยอม ฟฟฟฟฟ
SilverCloud- ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ
- จำนวนข้อความ : 433
Points : 3940
Join date : 27/10/2014
ที่อยู่ : ตู้เสื้อผ้าของอารอง
Re: [OS] #dmbjdaily 'สูท' (Un)suitable [ผิงเสีย/ตาเหม่งจาง]
เสี่ยวเกอร้ายยิ่งนักกกกกกกกก =..,=
ตาเหม่งจางกับนายเมินนี่ก็ต่างกันจริงๆค่ะ ตอนเราอ่านเฉลยแล้วยังงงว่าตกลงคือเสี่ยวเกอจริงเหรอ 5555
ตาเหม่งจางกับนายเมินนี่ก็ต่างกันจริงๆค่ะ ตอนเราอ่านเฉลยแล้วยังงงว่าตกลงคือเสี่ยวเกอจริงเหรอ 5555
gaaraclub- ด้วงตำหนักหลู่หวังเจ็ดดารา
- จำนวนข้อความ : 81
Points : 3551
Join date : 27/10/2014
ที่อยู่ : แขนเสื้อปู่อู๋
Re: [OS] #dmbjdaily 'สูท' (Un)suitable [ผิงเสีย/ตาเหม่งจาง]
เป็นหนึ่งในคาแร็คเตอร์ที่ไม่ได้ชอบ แต่ไม่มีวันลืมลงครับ ตาเหม่งจางเนี่ย 555555
จำได้ว่าอ่านเล่มหนึ่งครั้งแรก ตอนที่เสี่ยวเกอพูดออกมาในร่างเหม่งจางตอนอยู่ในสุสานนี่ ผมพลิกหน้าหนังสือกลับแทบไม่ทัน กลับไปอ่านซ้ำๆประมาณหลายสิบรอบ ก็ยังหาจุดเชื่อมโยงไม่เจอ ตาเหม่งนี่เนียนโคตรๆ อ่านทีก็อึ้งที ฮ่าๆๆ
ต่างจากเหลาหย่าง อุตส่าห์เป็นชื่อแรกๆที่หลุดมาตั้งแต่เล่มหนึ่ง นายน้อยพูดถึงเป็นคนแรกๆ แต่ก็ยังโดนลืมยาวเลย //พึ่งรู้ว่าเพื่อนที่นายน้อยพูดถึงในเล่มหนึ่งคือเหลาหย่างเมื่อวานนี้เอง ก็ว่าคุ้นๆมาตั้งนานแล้ว แต่ไม่เคยสนใจ ถถถถถถถถถถ
เหลาหย่างผู้จืดจางระดับเก้า นอกจากคนรอบตัวจะลืมนาย คนอ่านก็ลืม ไม่แน่ว่าแต่งๆอยู่ท่านประมุขก็คงหลงๆลืมๆนายไปด้วยแน่ๆ 5555
จำได้ว่าอ่านเล่มหนึ่งครั้งแรก ตอนที่เสี่ยวเกอพูดออกมาในร่างเหม่งจางตอนอยู่ในสุสานนี่ ผมพลิกหน้าหนังสือกลับแทบไม่ทัน กลับไปอ่านซ้ำๆประมาณหลายสิบรอบ ก็ยังหาจุดเชื่อมโยงไม่เจอ ตาเหม่งนี่เนียนโคตรๆ อ่านทีก็อึ้งที ฮ่าๆๆ
ต่างจากเหลาหย่าง อุตส่าห์เป็นชื่อแรกๆที่หลุดมาตั้งแต่เล่มหนึ่ง นายน้อยพูดถึงเป็นคนแรกๆ แต่ก็ยังโดนลืมยาวเลย //พึ่งรู้ว่าเพื่อนที่นายน้อยพูดถึงในเล่มหนึ่งคือเหลาหย่างเมื่อวานนี้เอง ก็ว่าคุ้นๆมาตั้งนานแล้ว แต่ไม่เคยสนใจ ถถถถถถถถถถ
เหลาหย่างผู้จืดจางระดับเก้า นอกจากคนรอบตัวจะลืมนาย คนอ่านก็ลืม ไม่แน่ว่าแต่งๆอยู่ท่านประมุขก็คงหลงๆลืมๆนายไปด้วยแน่ๆ 5555
Rozenkreuz- ด้วงอาณาจักรเจ้าแม่ซีหวังหมู่
- จำนวนข้อความ : 625
Points : 3848
Join date : 01/07/2015
Age : 31
ที่อยู่ : กองทัพผีเก็บเห็ดแห่งประตูสำริด
Similar topics
» [OS] #dmbjdaily '520' (ผิงเสีย :: เหม่งจาง,ผิงเสีย)
» [OS] #dmbjdaily (จาง) ร้านขายยาในหมอกฝัน [ผิงเสีย]
» [OS] #dmbjdaily (พ่อ) "พ่อ...ตา" [ผิงเสีย]
» [OS] #dmbjdaily (แมว) แค่เธอดูแลด้วยรักและปลาทู [ผิงเสีย]
» [OS] #dmbjdaily : 5.20 "我爱你" [ผิงเสีย]
» [OS] #dmbjdaily (จาง) ร้านขายยาในหมอกฝัน [ผิงเสีย]
» [OS] #dmbjdaily (พ่อ) "พ่อ...ตา" [ผิงเสีย]
» [OS] #dmbjdaily (แมว) แค่เธอดูแลด้วยรักและปลาทู [ผิงเสีย]
» [OS] #dmbjdaily : 5.20 "我爱你" [ผิงเสีย]
หน้า 1 จาก 1
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
|
|
Fri 24 Jul 2020, 01:39 by gustoon
» [คู่มือด้วง] Keyword จีนสำหรับการขุด(แฟนดอม)สุสาน
Thu 21 Jun 2018, 00:29 by miskizfullmoon
» มังฮวาและภาคทิเบต
Thu 21 Jun 2018, 00:23 by miskizfullmoon
» [OS] Father is the best (ผิงเสีย)
Thu 03 Aug 2017, 16:12 by schneewittchen
» [Fic] สิ่งเล็กๆที่เชื่อมโลก5 [เมินโหยวผิง+อู่เสีย+เสี่ยอ้วน]+OC
Tue 01 Aug 2017, 12:30 by natsume
» [OS] #dmbjdaily (จูปาจุ๊บ) Bittersweet [ผิงเสีย AU]
Thu 06 Apr 2017, 15:58 by Zeth
» [OS] #dmbjdaily "โทรศัพท์มือถือ" - no Pairing [All]
Tue 04 Apr 2017, 22:27 by Zeth
» [OS] #DMBJDaily (แว่น): ระยะที่มองไม่เห็น [ฮัวเสีย]
Sat 01 Apr 2017, 16:55 by Zeth
» [OS] #DMBJdaily (5.20) ท่านยอดฝีมือ [หวังเหมิง (+เหมิงเสีย)(+ผิงเสีย)]
Thu 30 Mar 2017, 17:24 by Zeth