Countdown
We've been
togerther for

ค้นหา
 
 

Display results as :
 


Rechercher Advanced Search


[OS]Our wedding night (ผิงเสีย) แอนด์ ---สปอยเล่ม 10-----

+6
justpn04
karnalone
sinnerdarker
Feran.FS
Fenrir
susuwatari
10 posters

Go down

[OS]Our wedding night (ผิงเสีย) แอนด์ ---สปอยเล่ม 10----- Empty [OS]Our wedding night (ผิงเสีย) แอนด์ ---สปอยเล่ม 10-----

ตั้งหัวข้อ by susuwatari Tue 28 Oct 2014, 19:33

Our wedding night
Paring:  จางฉี่หลิง(เมินโหยวผิง)xอู๋เสีย and etc.
Rate: 18+(ควรใช้จักรยานและรถถัง(???)ในการรับชม)
                     
      พวกเรานั่งเหม่อมองกองไฟปล่อยให้ความเงียบโอบล้อมกายอยู่ภายในโพรงถ้ำที่มีอากาศอุ่นกว่าข้างนอก เล็กน้อย ผ้าเช็ดหน้าผืนใหญ่สีเทาหม่นเพราะผ่านการใช้งานมาหลายปีถูกเหวี่ยงมาคลุมศีรษะของผม เพราะความเก่าเนื้อผ้าจึงบางเสียจนมองทะลุออกไปได้

     ผมเห็นเสี้ยวหน้าของคนที่นั่งอยู่ข้างๆมีรอยยิ้มจางปรากฏขึ้น แต่พอกระพริบตาอีกครั้งรอยยิ้มนั้นก็หายไปเสียแล้ว  “ทำอะไรของนายน่ะฉี่หลิง” ผมเอียงคอถามด้วยท่าทางงุนงงกับท่าทีที่แปลกไปจากเดิม
ตั้งแต่เขาขุดผมขึ้นมาจากหลุมหิมะแล้วลากให้เดินตามเข้ามาจนถึงในโพรงถ้ำแห่งนี้ไม่ว่าผมจะพยายามถามจะเกลี้ยกล่อมยังไงก็ไม่ยอมปริปากพูดอะไรออกมาอีกนอกจากเรื่องปริศนาของประตูสำริดและลัญจกรหยกซึ่งเขาก็อธิบายมันด้วยประโยคเพียงไม่กี่ประโยคเท่านั้น บรรยากาศรอบตัวของเขาเปลี่ยนไปจากเดิมเล็กน้อยแต่ผมไม่สามารถอธิบายได้ว่าต่างออก ไปจากเดิมยังไง ถ้าจะให้อธิบายก็คงจะได้อารมณ์เหมือนกับว่าได้ตัดสินใจอะไรบางอย่างลงไปอย่างเด็ดขาดแล้วทำนองนั้น พอนั่งไปซักพักเขาก็เป็นฝ่ายเอ่ยปากถามผมสั้นๆว่าพอมีผ้าเช็ดหน้าผืนใหญ่ซักผืนไหม ผมนึกว่าเขาจะเอาไปเช็ดอุปกรณ์ที่ เปียกชื้น เลยตัดใจหยิบผืนที่เก่าที่สุดกะว่าเอามาเช็ดรองเท้ายื่นให้ไม่นึกว่าอีกไม่กี่นาทีต่อมามันจะมาคลุมอยู่บนหัวผมซะนี่

     กลิ่นอับของผ้าก้นตู้ทำให้อดย่นจมูกไม่ได้ หรือว่าเขากำลังจะเล่นกลให้ผมดู อย่างเช่นพอเปิดผ้าคลุมออกหน้าจางฉี่หลิงตรงหน้าผมก็จะล่องหนหายตัวไปแล้ว จู่ๆความตื่นตระหนกก็เข้าจู่โจมในหัวใจ จะให้เขาจากผมไปตอนนี้ไม่ได้ ผมยังไม่ทันได้พูดสิ่งที่ค้างคาใจอยู่ให้เขาฟังแม้แต่นิดเดียวด้วยซ้ำ มือของผมกระตุกจะดึงผ้าคลุมหน้าบ้าๆนี่ออกให้รู้แล้วรู้รอดจากนั้นค่อยประเคนกำปั้นใส่หน้าหล่อๆของเขาสักยกระบายความว้าวุ่นประหลาดในหัวใจให้เขาได้รับรู้บ้าง

     แต่ยังไม่ทันที่ปลายนิ้วจะได้สัมผัสชายผ้ามือหนาแข็งแรงเหมือนคีมของคนข้างตัวก็มาหยุดเอาไว้เสียก่อน
เขายื่นมือทั้งสองข้างออกมาจับกุมมือของผมจนแน่นแล้วจ้องหน้าผมผ่านผ้าบางๆนั่นเป็นเวลานานจนมือของพวกเราทั้งคู่ชื้นไปด้วยเหงื่อ ผมกลั้นหายใจจ้องริมฝีปากของเขาที่เริ่มขยับเปล่งถ้อยคำ

     “สิบปีอู๋เสีย”

     “ถ้าขอให้นายรอฉันจะได้ไหม?” จางฉี่หลิงพูดออกมาในที่สุด ผมรู้สึกหูอื้อตาลายไปหมดไม่แน่ใจว่าควรจะทำสีหน้าแบบไหนดี

     “ตอนแรกฉันตัดใจได้แล้วตั้งใจว่าจะลากับนายแล้วทิ้งความรู้สึกของฉันไว้ที่ตรงนั้น แต่เพราะนายเอาแต่ดื้อตื๊อจะตามฉันมาจนถึงที่นี่” แม้ถ้อยคำดูติดจะแฝงแววตำหนิอยู่เล็กน้อยแต่น้ำเสียงของเขา กลับอบอุ่นเหลือเกิน “นายที่พยายามพูดนั่นพูดนี่ให้ฉันเปลี่ยนใจ ทำให้ฉันรู้สึกว่าตัดใจจากนายไม่ได้เสียแล้ว ฉันจะต้องบอกความรู้สึกของตัวเองกับนาย ถึงแม้ว่าสิ่งที่ฉันบอกอาจจะเป็นการทำร้ายนายทางอ้อมก็ตาม” ผมสบตาของเขา ไม่เคยนึกฝันเลยว่าคนเย็นชาตรงหน้าจะพูดประโยคยาวๆชวนเลี่ยนขนาดนี้ออกมาได้ ให้ตายนี่คนแข็งทื่อเหมือนหินอย่างนายไปเอาคำพูดพวกนี้มาจากไหนกันนะ

     “อู๋เสีย ฉันรักนาย”

     “ถึงแม้คำว่ารักของฉันอาจจะทำให้นายต้องเจ็บปวดตลอดสิบปีแต่ฉันก็ห้ามใจตัวเองไม่ได้อีกแล้ว”
ผมรู้สึกว่าหน้าของตัวเองร้อนเห่อขึ้นมาเหมือนมีไข้ไม่รู้ว่าผ้าบางๆที่คลุมหัวอยู่นี่จะพรางไม่ให้คนตรง หน้าเห็นริ้วแดงๆบนหน้าของผมได้รึเปล่าพอเหลือบไปเห็นดวงตาสีเข้มเปล่งประกายกล้าผมก็รีบก้มหน้าลงไป จ้องมองมือของตัวเองที่ถูกกุมอยู่ “เชี่ยเอ๊ย อายุตั้งสามสิบแต่ทำไมถึงได้อายจนหน้าแดงเหมือนเด็กสาวๆแบบนี้วะ ถ้าไอ้อ้วนหวังมันรู้เข้าต้องจนขำตกเก้าอี้ตายแน่ๆ” ผมอายเกินกว่าจะกล้าเงยหน้าขึ้นไปสบตากับจางฉี่หลิงอีก แต่ก็ยังรับรู้ได้ว่าดวงตาแวววับคู่นั้นจ้องมองผมราวกับจะส่องทะลุลงไปจนถึงก้นบึ้งของหัวใจ ผมกับเขาเราลงกรวยด้วยกันผ่านความเป็นความตายมาก็หลายครั้ง เขาไม่เคยพูดหวานๆกับผมซักครั้ง แต่แค่มีเขาอยู่ข้างๆกุมมือผมเอาไว้ ผมก็รู้สึกว่าจะกรวยเซียนกรวยสวรรค์ที่ไหนก็ไม่ยากเกินความสามารถเรา ผมสูดหายใจลึกข่มความเขินอายอยู่ครู่ใหญ่กว่าจะหาเสียงของตัวเองเจอแล้วเอ่ยตอบตะกุกตะกักเหมือนเด็กเพิ่งหัดพูด

     “ฉัน....ฉันรอได้เสมอ”

    ใบหน้าเย็นชาของเขาปรากฏรอยยิ้มกว้างขึ้นมา
พอจางฉี่หลิงยิ้มแล้วผมรู้สึกว่าอีกฝ่ายค่อยเหมือนคนทั่วไปขึ้นมาเล็กน้อยถ้าผมกลับไปบอกกับนายอ้วนหวังว่าจางฉี่หลิง ยิ้มให้ผมเขาจะหาว่าผมพูดโกหกหรือเปล่านะ คิดไปแล้วก็ยังอดนึกเสียดายที่ไม่ได้พกกล้องถ่ายรูปดิจิตอลมา

     ระหว่างที่ผมเผลอคิดอะไรเพลินๆเขาก็ยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนจังหวะลมหายใจของเราผสานกัน ผมรู้สึกหวิวๆเหมือนจะเป็นลมไปได้ทุกเมื่อ “เรามากราบไหว้ฟ้าดินด้วยกัน” ประโยคที่หลุดออกมาจากปากของเขาทำเอาผมอยากมุดดินหนีไปเสียตรงนี้ “กราบไหว้ฟ้าดิน” นี่มันพิธีแต่งงานชัดๆ ถ้าอย่างนั้นไอ้ผ้าเช็ดรองเท้าของผมก็เป็นผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวนะสิ

     เหมือนเขาจะรับรู้ความคิดของผม มือหนาข้างหนึ่งยื่นมาจัดการผ้าเก่าๆบนหัวผมให้เข้าที่เข้าทาง “ให้ตายเถอะ ถ้านายบอกฉันล่วงหน้าซักหน่อยฉันจะคุ้ยหาผ้าเช็ดหน้าผืนที่ดีที่สุดออกมาให้” เขาปล่อยมือผมให้เป็นอิสระแล้วขยับตัวออกห่างไปเล็กน้อย แล้วนั่งเหยียดหลังตรงหันหน้าออกไปยังทิศทางปากถ้ำ

     มีวลีโบราณกล่าวถึงพิธีกราบไหว้ฟ้าดินในงานแต่งงานเอาไว้

     “หนึ่ง...คำนับฟ้าดิน

     สอง...คำนับพ่อแม่

     สาม...คำนับกันและกัน

     ส่งตัวเข้าหอ”

     หัวใจของผมเต้นแรง พิธีแต่งงานในโพรงถ้ำเก่าแก่มุ่งสู่ตำหนักทิพย์พิมานเมฆแห่งนี้เราไม่มีแขกเหรื่อมาร่วมแสดงความยินดี ไม่มีงานเลี้ยงใหญ่โต ไม่มีสินสอดทองหมั้นล้ำค่า ไม่มีครอบครัวร่วมรับรู้และเป็นสักขีพยาน ไม่มีสิ่งขนมอี๊ เรามีเพียงกันและกันในคืนนี้

     ผมขยับตัวมองไปยังคนตัวสูงด้านข้างเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังมองมาหาริมฝีปากขยับสั่งผมให้คุกเข่ายืดตัวขึ้น “คำนับฟ้าดิน” พวกเราหันหน้าออกไปยังทางที่เพิ่งเดินเข้ามาแล้วคำนับลงพร้อมกัน “คำนับพ่อแม่” เราค้อมกายไปยังทิศทางเดิมอีกครั้ง จากนั้นก็ขยับหันหน้าเข้าหากัน

     ชั่วขณะหนึ่งผมอดนึกขำขึ้นมาไม่ได้ ภาพผู้ชายตัวโตสองคนคุกเข่าคำนับฟ้าดินกันอยู่ในโพรงถ้ำแคบๆที่มุ่งสู่สุสานโบราณคงน่าขำไม่ใช่น้อย ไหนจะผ้าคลุมหน้าสีมอซอนี่อีก ดูไปดูมาเหมือนกับเด็กอนุบาลเล่นแต่งงานกันซะมากกว่า ถึงเสี้ยวหนึ่งของผมจะคิดแบบนั้นแต่ก็อดยอมรับไม่ได้ว่าผมรู้สึกดีใจที่ได้ผูกมัดเชื่อมโยงกับจางฉี่หลิง เป็นโซ่เส้นอันโตพันธนาการเขาเอาไว้กับโลกใบนี้
เราสองคนมองหน้ากันพักหนึ่งก่อนที่จางฉี่หลิงจะกล่าวขึ้น

     “จางฉี่หลิงขอสาบานต่อหน้าฟ้าดิน ทั้งร่างกายและหัวใจนี้จะเป็นของอู๋เสียเพียงผู้เดียว”

     ผมหน้าแดงฉ่าเมื่อได้ฟังก่อนจะตะกุกตะกักเอ่ยคำสาบานด้วยประโยคเดียวกันนี้ออกไป

     “อู๋เสียขอสาบานต่อหน้าฟ้าดิน ทั้งร่างกายและหัวใจนี้จะเป็นของจางฉี่หลิงเพียงผู้เดียว”

     เราโค้งศีรษะให้แก่กัน

     “คำนับกันและกัน”

     ผมก้มหน้าซ่อนแก้มทั้งสองข้างที่เปลี่ยนเป็นสีแดงจังเมื่อนึกถึงขั้นตอนต่อไป “ส่งตัวเข้าหอ” ผมไม่ได้ยินเสียงขยับตัวคิดว่าจางฉี่หลิงคงกำลังคิดถึงความยุ่งยากของขั้นตอนต่อไปแบบเดียวกัน แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นตั้งใจจะถามเขาก็พุ่งเข้ามาประชิดร่างผมเสียแล้ว มือข้างหนึ่งของเขารวบเอวผมเข้าไปกอดให้ร่างกายของเราแนบชิดกัน มืออีกข้างเปิดผ้าคลุมหน้าเก่าๆออก ผมสงสัยว่าที่อยู่บนบ่าของตัวเองตอนนี้น่าจะเป็นลูกแอปเปิ้ลมากกว่าใบหน้าคนเพราะหน้าของผมนั้นแดงจัดจนคิดว่าแดงต่อ ไปมากกว่านี้คงไม่ได้อีกแล้ว ตอนนั้นเองเข้าก็โน้มตัวลงมาจูบกับผม

     สำหรับผมแล้วเรื่องจูบนับว่าเป็นอะไรที่ห่างไกลตัวอยู่มาก ผมเคยมีจูบหลายครั้งแต่ว่าแต่ละครั้งเป็นเพียงการสัมผัสริมฝีปากอย่างผิวเผิน ผิดกับครั้งนี้ที่จางฉี่หลิงบดเบียดริมฝีปากลงมาแล้วบังคับให้ผมเผยอปากเพื่อที่จะให้เขาตักตวงเอาลมหายใจไปจากผม แข้งขาที่คุกเข่าอยู่สั่นไปหมดเมื่อลิ้นของเขาสอดคว้านเข้ามาในโพรงปากของผม เสียงจูบของพวกเราดังสะท้อนไปตามผนัง ผมรู้สึกอายแทบตายแต่กลับไม่สามารถปฏิเสธได้

     มือที่ไร้เรี่ยวแรงสองข้างเกาะกอดไหล่หนาพยุงไม่ให้ตัวเองทรุดฮวบลงไปในขณะที่จางฉี่หลิงยังคงป้อนจูบให้กับผม จูบแล้วจูบเล่า “ให้ตายเถอะนายมีทักษะการใช้ชีวิตห่วยแตกระดับเก้าไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงได้จูบเก่งขนาดนี้กันนะ ฉันจะไม่ไหวอยู่แล้ว”
พอนึกแบบนั้นริมฝีปากที่รุกรานก็ถูกถอนออก ผมทรุดลงไปในอ้อมอกของเขา รู้สึกว่าปากของตัวเองบวมแดงขึ้นซ้ำยังฉาบเคลือบไปด้วยน้ำลายใสๆอีกต่างหาก สภาพตอนนี้มัน....น่าอายเป็นบ้าเลย จางฉี่หลิงใช้มือลูบแก้มแดงๆแล้วเกี่ยวเส้นผมที่ปรกข้างแก้มเข้ากับใบหูของผม มืออีกข้างหนึ่งเลื่อนมาถอดเสื้อกันหนาวตัวนอกของผมออก นี่มันบรรยากาศแบบเดียวกับที่เคยเห็นในดราม่ายาวที่กำลังฉายอยู่ในโทรทัศน์เลยนี่หว่า พอจบฉากนี้กล้องก็จะแพนไปยังกองไฟลุกโชนแล้วตัดมาตอนเช้าเลยอะไรทำนองนั้น หัวใจของผมเต้นแรงจนหูอื้อไปหมด หวังว่าเขาคงไม่ได้ยินเสียงหรอกนะ

     “ดะ..เดี๋ยวสิ ที่นี่มันสุสานนะ เข้าหอที่นี่คงไม่ไหวมั้ง”  

     ผมส่งเสียงคัดค้านแต่เรี่ยวแรงขัดขืนน่ะไม่มีเหลือหรอกเพราะพอพูดจบเสื้อตัวนอกก็หลุดออกจากตัวไปเสียแล้ว คนตรงหน้าไม่ยอมตอบอะไรยังคงตั้งหน้าตั้งตาเปลื้องผ้าผมอยู่นั่น พอมือร้อนๆนั่นโดนเข้าที่ตรงไหนตรงนั้นก็จะร้อนตามขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่ ผมเปล่งเสียงครางเบาๆแล้วซุกหน้าแดงๆกับอกของเขาปล่อยให้สองมือจัดการไปตามใจชอบ สุดท้ายเขาก็ผลักให้ร่างเปลือยเปล่าของผมเอนล้มลงบนถุงนอนแล้วหันมาจัดการกับเสื้อผ้าของตัวเองบ้าง

     ผมนอนมองเสื้อผ้าหลุดจากตัวเขาทีละชิ้น มัดกล้ามเนื้อและรอยสักรูปกิเลนที่ค่อยๆปรากฏขึ้นทำให้เขาดูเซ็กซี่อยู่ไม่น้อย พอมาดูร่างกายตัวเองที่มีแต่ไขมันพอกพูนก็รู้สึกอายอย่างบอกไม่ถูก จังหวะหนึ่งที่สายตาของเราประสานกันความอายก็แล่นริ้วขึ้นมาโจมตีผมอีกละรอก มองไปรอบตัวนึกอยากหาอะไรมาปกปิดร่างกายเปลือยเปล่าของตัวเองบ้างแต่เสื้อผ้าก็ถูกเหวี่ยงออกไปไกลเกินเอื้อม เจ้าสาวที่กำลังจะเข้าหอทุกคนคงจะเคยรู้สึกแบบผมละมั้ง ระหว่างที่กำลังคิดหาทางอยู่นั้นร่างเปลือยของเขาก็ทาบทับลงมา

     ใบหน้าของเราอยู่ใกล้จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจของกันและกัน “ระ...เราอยู่ในสุสานนะ” จนถึงขั้นนี้แล้วผมยังอุตส่าห์มี ความคิดจะคัดค้านเขาอีก คงเพราะผมกลัวว่าบรรพบุรุษที่นอนอยู่ข้างในจะได้ยินเสียงของเราละมั้ง “ชีวิตเราผูกติดอยู่กับกรวย จะเข้าหอในกรวยเพิ่มก็คงไม่แปลก” ประโยคที่ผมไม่เคยคิดฝันว่าจะหลุดจากปากคนแบบเขา แต่มาคิดๆดูเขาก็พูดถูกเหมือนกันนะ ตอนนี้ถึงจะมีโลงมีบ๊ะจ่างโผล่ออกมาก็คงหยุดเขาไม่ได้แล้ว จางฉี่หลิงไม่เปิดโอกาสให้ผมได้หาเรื่องมาขัดจังหวะอีก เขาจึงจัดการจูบปิดปากผมเสีย พอถอนริมฝีปากออกสองมือก็ลูบไล้ไปทั่วร่างจนผมเปล่งเสียงครางออกมาไม่หยุด

     ดวงตาสีเข้มวาววับไปด้วยแรงปรารถนา ราวกับว่าเขาได้กลายร่างเป็นจางฉี่หลิงที่ผมไม่เคยรู้จักไปเสียแล้ว เมื่อมานึกย้อนดูทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาทำลงไปในเวลานั้นเป็นเพราะเขาเองก็อยากจะผูกมัดผมเอาไว้กับตัวด้วยเหมือนกัน

     ริมฝีปากของเขาพรมจูบไปทุกส่วนของร่างกายผม สองมือปลุกเร้าให้ความปรารถนาที่อบอวลอยู่ในกายของผมฟุ้งกระจายออกมา ผมที่ไม่ประสีประสากับเรื่องแบบนี้ได้แต่เปล่งเสียงครางเมื่อถูกเร่งเร้า ยินดีกับความสุขสมที่เขาปรนเปรอให้ ผมโอบกอดแผ่นหลังกว้างซบหน้าลงกับบ่าหนาที่มีรอยสักรูปกิเลนแจ่มชัดยามที่เขาบดเบียดกายเข้ามา ถ้อยคำบอกรักและเสียงครางทุ้มต่ำข้างหูยิ่งพาให้อารมณ์ของผมพุ่งสูง

     “ฉี่หลิง ฉันรักนาย”

     ผมกระซิบตอบเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า คล้ายกับติดอยู่ในบ่วงแห่งปรารถนาที่ไม่อาจถอนตัวขึ้นมาได้ พวกเรากอดรัดและจมดิ่งลงไปในห้วงแห่งความสุขสมครั้งแล้วครั้งเล่า กอดกันราวกับว่าวันพรุ่งนี้จุดจบของโลกจะมาถึง ผมจำไม่ได้ว่าผมปลดปล่อยไปกี่ครั้งหรือเขาปล่อยเข้ามาในตัวผมกี่ครั้ง ท้ายที่สุดผมก็หลับไปในอ้อมแขนอบอุ่นของเขา

                                                        ----------------

     ผมรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอีกครั้งในเวลาบ่ายของวันรุ่งขึ้น จางฉี่หลิงก็จากไปตามอุโมงค์เส้นนั้นมุ่งหน้าสู่ประตูสำริดแล้ว เขาจัดการทำความสะอาดและสวมเสื้อผ้าให้ผมจนเรียบร้อย พอลองขยับตัวก็พบว่าความเมื่อยขบเกาะกินอยู่เต็มไปหมดโดยเฉพาะตรงสะโพก ผมทิ้งตัวลงนอนนิ่งทบทวนเหตุการณ์ต่างๆที่ผ่านมา ในความเลือนรางเมื่อตอนเช้าตรู่เขานั่งนิ่งมองผมอยู่เนิ่นนานก่อนจะจูบลา เรื่องเมื่อคืนผ่านไปคล้ายความฝันท่ามกลางม่านหมอกแห่งเทือกเขาฉางไป๋ซาน มีเพียงลัญจกรหยกในมือและเสื้อของเขาซึ่งถูกคลี่คลุมกายผมไว้เท่านั้นที่จะช่วยยืนยัน รวมทั้ง”ตรงนี้”ผมแตะตรงอกของตัวเองรอยจูบมากมายยังคงอยู่ถึงแม้ไม่นานจะลบเลือนไปแต่ตัวตนของเขาก็ได้หยั่งรากขึ้นลงไปในกายผมแล้ว

     ผมหลับไปอีกครั้งเมื่อตื่นขึ้นมานาฬิกาข้อมือก็กระพริบบอกว่าเป็นเวลาสองทุ่มกว่าแล้ว ผมเติมเชื้อไฟลงไป ฉับพลันความรู้สึกโดดเดี่ยวอ้างว้างก็โจมตีผมเข้าเต็มๆ ผมวิ่งตรงไปยังรอยแยกนั้นค้นหาเขาอย่างบ้าคลั่ง ตะโกนเรียกชื่อเขาจนเสียงแหบแห้ง ไม่ว่าจะทุบจะดันหรือทำอะไรประตูหินนั้นก็ปิดสนิทเสียแล้ว พอนึกว่าต่อจากนี้จะไม่มีเขาอยู่ข้างๆอีกผมก็รู้สึกเปล่าเปลี่ยวขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก เขาจากไปพร้อมกับหัวใจอีกครึ่งดวงของผม

     ผมใช้เวลาที่เหลือนั่งเหม่อมองลัญจกรหยกอยู่ในโพรงถ้ำสองวันจนพายุหิมะสงบลง ถึงจะเจ็บปวดแต่ผมก็ไม่ได้ร้องไห้ออกมา เสื้อกันหนาวที่สวมอยู่ด้านในยังคงมีกลิ่นของจางฉี่หลิงติดอยู่ กลิ่นอายอันอบอุ่นนั้นช่วยปลอบประโลมให้ผมสงบลง ผมหลับตาลงเดินเข้าไปใกล้รอยแยกนั้นเป็นครั้งสุดท้าย เอื้อมมือสัมผัสกับแผ่นหินเย็นเฉียบ “เมื่อถึงเวลานั้นฉันจะกลับมา ครั้งนี้ต่อให้นายดึงดันจะเฝ้าอยู่ในประตูสำริดแทนฉัน ฉันก็จะเข้าไปอยู่ในนั้นกับนาย เราจะไม่แยกจากกันอีก”

     ผมหลับตาลงแล้วลืมตาขึ้นช้าๆก้าวออกมาจากโพรงหินโดยไม่เหลียวหลังกลับไปมอง

                                                            --------------

     ผมทิ้งฉางไป๋ซานและหัวใจอีกครึ่งดวงไว้เบื้องหลัง หลายวันต่อมาผมกลับมาถึงร้านของตัวเองที่หังโจว หวังเหมิงมองผมด้วยท่าทางแปลกใจแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรออกมา ผมรู้สึกขอบคุณเขาอยู่ลึกๆ นายอ้วนส่งข้อความมาบอกว่าจะกลับออกจากปาหน่ายมาเยี่ยมเยียนผมในอีกสองวันข้างหน้า

     ผมวางชาร้อนในถ้วยกระเบื้องเคลือบลงบนโต๊ะเล็กริมหน้าต่าง ถึงแม้จะรู้สึกเมื่อยล้าจากการเดินทางไกลๆแต่ผมกลับหลับตาไม่ลง ถนนสายยาวหน้าบ้านในยามพลบค่ำคึกคักไปด้วยผู้คนมากมาย บ้านเรือนต่างก็เปิดไฟสว่างจ้า ผมรู้สึกว่าภาพเบื้องหน้าพร่าเลือนลง เมื่อกระพริบตาน้ำตามากมายก็หยดลงมาราวฝนพรำ


    -------------------------------------------Fin-----------------------------------------

ช่วงเวิ่นเว้อเอาฮาค่ะ 555555

คิงว่านหนู – ดูเจ้าพวกเด็กๆนั่นสิ มาทำพิธีเข้าหงเข้าหออะไรกันแถวนี้ ไม่อายคนหัวหงอกอย่างพวกเราบ้างเลย

วังฉางไห่ – แล้ว..........

คิงว่านหนู – จะว่าไปมันก็โรแมนติคดีนะ เจ้าสนใจจะทำแบบนั้นบ้างไหม/กอดวังฉางไห่จากข้างหลัง

วังฉางไห่ - ............/เมิน

คิงว่านหนู – นี่ ไม่สนเหรอ/ บรรดามือๆเริ่มเลื้อย

วังฉางไห่ – ทำบ้าอะไรของท่าน/ รู้ตัวอีกทีเสื้อก็หลุดหมดตัวแล้ว

คิงว่านหนู – ปะ เราไปเข้าหอกัน

--------------------------------

ในปรโลก

พานจื่อ – ในที่สุดนายน้อยของพานจื่อก็เป็นฝั่งเป็นฝาแล้ว เห็นกันมาแต่เล็กแต่น้อยเสียดายพานจื่อไม่มีวาสนาร่วมอวยพรนายน้อย /ใช้ชายแขนเสื้อซับน้ำตา

----------------------------------

เสี่ยอ้วน – เทียนเจินอู๋เสียแต่งงานแล้วววว ทำไมแต่งเงียบๆแบบนี้ล่ะ น้องเสี่ยวเกอนี่ก็เหลือเกินจะแต่งงานทั้งทีไม่ยอมบอกเสี่ยอ้วนก่อน ไม่อย่างนั้นจะควักตังค์เหมาภัตตาคารหรูในปักกิ่งจัดงาน แล้วจะจองห้องสวีทเอาไว้ใช้เข้าหอด้วย จากนี้เทียนเจินอู๋เสียของเสี่ยอ้วนก็ไม่เป็นเทียนเจินแล้ว โฮออออ นี่สินะที่เรียกว่าอาการใจหายของพ่อเวลาลูกสาวออกเรือน

----------------------------------

จางฉี่หลิง – ฟืด ฟืด /นั่งดมผ้าคลุมหน้าเปื้อนๆ(??)อยู่หลังประตูสำริด

--------------------------------

อู๋เออร์ไป๋ – พี่ใหญ่ พี่อย่าคิดมากเลยนะ

อู๋อีฉยง(ขุ่นพ่อ) – ไม่เป็นไรน้องรอง พี่ทำใจตั้งแต่เห็นหน้าลูกแล้ว

อู๋เออร์ไป๋ - …………………….

-------------------------------

จบเถอะ ฮา

talk

เป็นฟิคเวิ่นเว้อหลังกลับจากงานแต่งโรแมนติคงานหนึ่งค่ะ แบบว่าพีวีหวานมากกกกกกกก พอวันรุ่งขึ้นเล่ม 10 ก็มาถึงมือพอดีเลยได้โอกาสแต่งเรื่องนี้ค่ะ แถมเพิ่งเคยเขียนฉากเป็นครั้งแรก/ม้วนนนน
ยังไงก็ฝากด้วยนะคะ


แก้ไขล่าสุดโดย susuwatari เมื่อ Thu 30 Oct 2014, 18:13, ทั้งหมด 1 ครั้ง
susuwatari
susuwatari
ด้วงตำหนักหลู่หวังเจ็ดดารา
ด้วงตำหนักหลู่หวังเจ็ดดารา

จำนวนข้อความ : 81
Points : 3598
Join date : 27/10/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

[OS]Our wedding night (ผิงเสีย) แอนด์ ---สปอยเล่ม 10----- Empty Re: [OS]Our wedding night (ผิงเสีย) แอนด์ ---สปอยเล่ม 10-----

ตั้งหัวข้อ by Fenrir Thu 30 Oct 2014, 14:38

ซึ้งนะคะ แต่มาฮากร้ากตรงช่วงเอาฮาที่เสี่ยวเกอนั่งดมผ้าคลุมหน้านายน้อยฟืดๆ XDDD

ทำไมไม่เอาตัวนายน้อยเข้าไปด้วยเล่า ปัดโธ่!!!
Fenrir
Fenrir
ด้วงสุสานใต้สมุทรทะเลซีซา
ด้วงสุสานใต้สมุทรทะเลซีซา

จำนวนข้อความ : 117
Points : 3623
Join date : 27/10/2014
Age : 32
ที่อยู่ : ไหสักใบในบ้านสกุลอู๋

http://fenrirsglue.blogspot.com/

ขึ้นไปข้างบน Go down

[OS]Our wedding night (ผิงเสีย) แอนด์ ---สปอยเล่ม 10----- Empty Re: [OS]Our wedding night (ผิงเสีย) แอนด์ ---สปอยเล่ม 10-----

ตั้งหัวข้อ by Feran.FS Thu 30 Oct 2014, 15:24

ฮือออออออออ ขอรถถังมาปิดหน้าก่อนได้ไหมคะ ไม่กล้าอ่านncด้วยคอมมหาลัย...แต่อยากอ่าน...............//ด้วงนอนตาย
Feran.FS
Feran.FS
ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ
ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ

จำนวนข้อความ : 457
Points : 3951
Join date : 27/10/2014
Age : 28
ที่อยู่ : ใต้เตียงนอนเซี่ยจื่อหยาง...

ขึ้นไปข้างบน Go down

[OS]Our wedding night (ผิงเสีย) แอนด์ ---สปอยเล่ม 10----- Empty Re: [OS]Our wedding night (ผิงเสีย) แอนด์ ---สปอยเล่ม 10-----

ตั้งหัวข้อ by sinnerdarker Thu 30 Oct 2014, 19:24


มันฮาตรงทำใจตั้งแต่เห็นหน้าลูกนี่แหละ!! โอยยย ในที่สุดก็ได้อ่านซะที ฟิคนี้จะหวานทำร้ายตับไตไส้พุงไปไหน ฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟ แง อ่านไปเขินไป จะตายแล้วเฟร้ยยย
sinnerdarker
sinnerdarker
ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ
ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ

จำนวนข้อความ : 343
Points : 4063
Join date : 27/10/2014
ที่อยู่ : บ้านสกุลหวัง

ขึ้นไปข้างบน Go down

[OS]Our wedding night (ผิงเสีย) แอนด์ ---สปอยเล่ม 10----- Empty Re: [OS]Our wedding night (ผิงเสีย) แอนด์ ---สปอยเล่ม 10-----

ตั้งหัวข้อ by karnalone Thu 30 Oct 2014, 19:27

ออกมาแล้วอย่าลืมไปคำนับพ่อตาแม่ยายกับอารองล่ะเสี่ยวเกอ 

๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕ คืออ่านไปมันก็เขินแทนนายน้อย แต่เสี่ยวเกอพูดก็ถูก ไหนๆ ชีวิตก็อยู่แต่กับกรวย จะเข้าหอในกรวยก็ไม่แปลก ๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕ คือไม่แปลกค่ะท่าน แต่แปลกที่ท่านคิดได้นี่ล่ะ  ขำพ่อกับอารองนายน้อยมากกกก ทำใจตั้งแต่เห็นหน้าลูก นี่แสดงว่ารอแค่เจ้าบ่าวปรากฏตัวใช่ป่ะค่ะ ๕๕๕๕๕๕๕๕๕

เอ่อ เพิ่งรู้สึกตัวว่าหัวเราะไปเยอะ ขอโทษค่ะ  ....แต่แบบมันอดไม่ได้จริงๆ ค่ะ อารมณ์ฮามากกว่า นี่ยังไม่นับเฮียพานจื่อนะคะ ชอบฟิคนี้ค่า

karnalone
ด้วงสุสานใต้สมุทรทะเลซีซา
ด้วงสุสานใต้สมุทรทะเลซีซา

จำนวนข้อความ : 115
Points : 3606
Join date : 27/10/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

[OS]Our wedding night (ผิงเสีย) แอนด์ ---สปอยเล่ม 10----- Empty Re: [OS]Our wedding night (ผิงเสีย) แอนด์ ---สปอยเล่ม 10-----

ตั้งหัวข้อ by Feran.FS Fri 31 Oct 2014, 20:41

susuwatari พิมพ์ว่า:“ถึงแม้คำว่ารักของฉันอาจจะทำให้นายต้องเจ็บปวดตลอดสิบปีแต่ฉันก็ห้ามใจตัวเองไม่ได้อีกแล้ว”

คือชอบท่อนนี้มากค่ะ ชอบจริงๆนะ ฮือออออ //ด้วงละลาย
Feran.FS
Feran.FS
ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ
ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ

จำนวนข้อความ : 457
Points : 3951
Join date : 27/10/2014
Age : 28
ที่อยู่ : ใต้เตียงนอนเซี่ยจื่อหยาง...

ขึ้นไปข้างบน Go down

[OS]Our wedding night (ผิงเสีย) แอนด์ ---สปอยเล่ม 10----- Empty Re: [OS]Our wedding night (ผิงเสีย) แอนด์ ---สปอยเล่ม 10-----

ตั้งหัวข้อ by justpn04 Sat 01 Nov 2014, 23:36

โฮยยยย หวานละลายมากเลยยยยย
ทอล์คของบรรดาองครักษ์และผู้ปกครองข้างล่างฮามากเลยค่ะ
ดูท่าจะทั้งหวงทั้งห่วงหลานชายกันไม่ใช่น้อย ฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟ
justpn04
justpn04
ด้วง
ด้วง

จำนวนข้อความ : 34
Points : 3516
Join date : 27/10/2014
ที่อยู่ : เสาบ้านสกุลอู๋

http://justpn04.tumblr.com

ขึ้นไปข้างบน Go down

[OS]Our wedding night (ผิงเสีย) แอนด์ ---สปอยเล่ม 10----- Empty Re: [OS]Our wedding night (ผิงเสีย) แอนด์ ---สปอยเล่ม 10-----

ตั้งหัวข้อ by sagacity191 Mon 10 Nov 2014, 14:37

10 ปีเท่านั้น
อู่เสียรอได้หรอก
แต่แต่งงาน เข้าหอกันในกรวยแบบนี้
ช่างเข้ากับพี่เมินจริงๆ
sagacity191
sagacity191
ด้วงตำหนักหลู่หวังเจ็ดดารา
ด้วงตำหนักหลู่หวังเจ็ดดารา

จำนวนข้อความ : 53
Points : 3522
Join date : 06/11/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

[OS]Our wedding night (ผิงเสีย) แอนด์ ---สปอยเล่ม 10----- Empty Re: [OS]Our wedding night (ผิงเสีย) แอนด์ ---สปอยเล่ม 10-----

ตั้งหัวข้อ by gaaraclub Fri 21 Nov 2014, 16:04

ฟินมากค่ะ มาสะดุดตรงช่วงคนอื่น Talk 555555
บางทีก็คิดว่าสองคนนี้น่าจะเข้าไปด้วยกันอยู่ในนั้นกันสิบปีไปเลย T////T 10ปีมันช้าใจจจจ ฮือออ
gaaraclub
gaaraclub
ด้วงตำหนักหลู่หวังเจ็ดดารา
ด้วงตำหนักหลู่หวังเจ็ดดารา

จำนวนข้อความ : 81
Points : 3560
Join date : 27/10/2014
ที่อยู่ : แขนเสื้อปู่อู๋

ขึ้นไปข้างบน Go down

[OS]Our wedding night (ผิงเสีย) แอนด์ ---สปอยเล่ม 10----- Empty Re: [OS]Our wedding night (ผิงเสีย) แอนด์ ---สปอยเล่ม 10-----

ตั้งหัวข้อ by ryu77 Tue 02 Dec 2014, 22:33

ตอนแรกว่าจะดราม่าละ
แต่เดี๋ยวก่อน....
เสี่ยวเกอ! นายจะเข้าหอที่หน้าสุสานหร๊อะ =[]=
โรแมนติคมากค่ะ พ่อคุณ! แต่อีกนัย ก็ดูเข้ากันดีนะคะ ก๊ากกกก
ryu77
ryu77
ด้วงตำหนักหลู่หวังเจ็ดดารา
ด้วงตำหนักหลู่หวังเจ็ดดารา

จำนวนข้อความ : 64
Points : 3549
Join date : 01/11/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

[OS]Our wedding night (ผิงเสีย) แอนด์ ---สปอยเล่ม 10----- Empty Re: [OS]Our wedding night (ผิงเสีย) แอนด์ ---สปอยเล่ม 10-----

ตั้งหัวข้อ by The_Dark_Lady Sun 05 Jul 2015, 07:41

ค่ำคืนของสองเราที่จะใช้อย่างคุ้มค่า...ก่อนการจากลาหนึ่งสิบปี...
เอร้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
โรแมนติคแรง หวานแรงงงงง

ส่วนของแถม...คิงว่านคะ คู่ท่านน่าจะเลยคำว่าเข้าหอไปไกลแล้ว
โอย พี่พานคะ...อะไรคือการร้องไห้ดีใจคะ
เสี่ยอ้วนนี่รีแอคชั่นแรงยิ่งกว่าอาป๊าอีก...
ส่วนอาป๊า...ทำใจไว้แล้วตั้งแต่เห็นหน้า นี่ฮากร๊ากกเลย
The_Dark_Lady
The_Dark_Lady
ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ
ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ

จำนวนข้อความ : 301
Points : 3643
Join date : 21/06/2015
Age : 29
ที่อยู่ : On the Land, Below the sky

ขึ้นไปข้างบน Go down

ขึ้นไปข้างบน

- Similar topics

 
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ